สาระน่ารู้ประจำวันที่ 11 พฤษภาคม 2566

ราคาที่ดินพุ่ง ทำเลทอง”ห้าแยกลาดพร้าว-สี่แยกรัชโยธิน” บูมสนั่น

ราคาที่ดินพุ่ง กว่าวาละ1.5ล้าน ดัน ทำเลทอง ”ห้าแยกลาดพร้าว-สี่แยกรัชโยธิน” บูมสนั่น คอนโด ทะลัก 25,000ยูนิต 2แนวรถไฟฟ้า

พื้นที่ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวขึ้นไปทางถนนพหลโยธินจนถึงพื้นที่รอบ สี่แยกรัชโยธินมากรเปลี่ยนแปลง และพัฒนาการมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้มากกว่า 10-20 ปีแล้ว มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ เซ็นทรัล ลาดพร้าว และยูเนี่ยนมอลล์ รวมไปถึงเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ซึ่งช่วยกระตุ้นความน่าสนใจ และมีศักยภาพให้กับพื้นที่นี้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่รอบ สถานีรถไฟฟ้าหมอชิตซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อของเส้นทางรถไฟฟ้า 2 เส้นทาง

กลายเป็นอีก หนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของพื้นที่รอบห้าแยกลาดพร้าวให้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นแบบชัดเจน ยังไม่รวมการเปิดให้บริการของสถานีกลางบางซื่อ ที่แม้ว่าจะไกลออกไปและยังไม่เห็นถึงผลกระทบต่อพื้นที่โดยรอบแต่หากในอนาคต เมื่อสถานีกลางบางซื่อเปิดให้บริการแบบครบวงจรอาจจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่โดยรอบที่มากกว่าปัจจุบัน โครงการมิกซ์-ยูสหรืออาคารสำนักงานหลายอาคารเกิดขึ้นในพื้นที่รอบๆ หรือไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต และเพิ่มศักยภาพให้กับพื้นที่โดยรอบแบบชัดเจน

“พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ”วิเคราะห์ว่า  ส่วนต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวขึ้นมาตามถนนพหลโยธินที่เปิดให้บริการไม่นานมานี้ สร้างการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ตลอดแนวเส้นทาง โดยเฉพาะที่เห็นได้ชัดเจนในช่วงต้นของส่วนต่อขยาย คือ พื้นที่รอบๆ สถานีห้าแยกลาดพร้าว พหลโยธิน 24 รวมไปถึงสถานีรัชโยธิน

โดยสถานีห้าแยกลาดพร้าวเป็นสถานีที่เป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้า 2 เส้นทางแบบเดียวกับสถานีหมอชิต คือ เป็นสถานีเชื่อมต่อระหว่างสายสีเขียว และสายสีนํ้าเงิน ซึ่งในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมามีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายหลายโครงการ

แม้ว่าหลายโครงการจะเปิดขายมาก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้างเส้นทางรถฟ้า แต่มีไม่มากนัก แต่พอการก่อสร้างเริ่มขึ้นจึงเริ่มเห็นโครงการคอนโดมิเนียมเข้ามาเปิดขายใหม่ในพื้นที่ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวขึ้นไปถึงรอบๆ สี่แยกรัชโยธินมากขึ้นอีกครั้ง

คอนโดมิเนียม รวมในพื้นที่ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวไปถึงพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าพหลโยธิน 24 อยู่ที่ประมาณ 13,900 ยูนิต ถ้ารวมถึงสี่แยกรัชโยธินก็มากกว่า 25,000 ยูนิต แต่อัตราการขายก็ค่อนชข้างสูง เพราะมีอัตราการขายเฉลี่ยที่เกือบๆ 90% ไปแล้ว

พื้นที่นี้ก่อนหน้านี้มีความพร้อมและมีศักยภาพมากเพียงพอที่จะกลายเป็นจุดศูนย์รวมของการอยู่อาศัยอยู่แล้ว เพราะมีทั้งศูนย์การค้า สถาบันการศึกษาหลายระดับ และไม่ไกลจากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียง รวมไปถึงมีแหล่งงานขนาดใหญ่เพราะมีอาคารสำนักงานจำนวนมากในรัศมีไม่เกิน 3 กิโลเมตรจากห้าแยกลาดพร้าว ยังมีอาคารสำนักงานที่กำลังก่อสร้างอีก ความพร้อมต่างๆ มีอยู่แล้ว แต่อาจจะขาดแคลนที่ดินเพื่อการพัฒนา เพราะที่ดินต่างๆ

มีการพัฒนามาต่อเนื่องตั้งแต่ในอดีตแล้ว แทบจะหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ได้ยากมากในพื้นที่โดยรอบห้าแยกลาดพร้าว ราคาที่ดินก็ค่อนข้างสูง เพราะที่ดินมีน้อย และศักยภาพเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ราคาที่ดินที่ปรับขึ้นมามากกว่าเท่าตัวจากช่วง 4-5 ปีก่อนหน้านี้ บางพื้นที่เช่น รอบๆ ห้าแยกลาดพร้าวราคาที่ดินขึ้นไปมากกว่า 1.5 ล้านบาทต่อตารางวาแล้ว รัชโยธินก็มากกว่า 1 ล้านบาทต่อตารางวาแล้วเช่นกัน ซึ่งมีผลต่อการตั้งราคาขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่ด้วยเช่นกัน คอนโดมิเนียมในพื้นที่ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวไปถึงสี่แยกรัชโยธิน

หากเป็นโครงการที่ติดกับถนนพหลโยธินล้วนมีราคาขายที่มีมากกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตรไปแล้ว หลายโครงการมีราคาขายมากกว่า 150,000 บาทต่อตารางเมตร แม้ว่าจะเป็นโครงการที่เปิดขายมาก่อนหน้านี้ 3-4 ปีแล้วก็ตาม

การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของพื้นที่ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวต่อเนื่องไปถึงสี่แยก

รัชโยธินน่าจะเริ่มชัดเจนในปีพ.ศ.2565 เพราะการที่กลุ่มเซ็นทรัลประกาศว่าจะพัฒนาโครงการมิกซ์-ยูสขนาดใหญ่ในพื้นที่เดิมของกลุ่มจีแลนด์ และบีทีเอส ซึ่งหลังจากที่กลุ่มเซ็นทรัลเข้าเทกโอเวอร์กลุ่มจีแลนด์ จากนั้นซื้อหุ้นในบริษัทที่ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใหญ่ประมาณ 46 ไร่มาจากกลุ่มบีทีเอส และได้ที่ดินแปลงนี้มาเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว จึงเริ่มชัดเจนในทิศทางการพัฒนาโครงการนี้ ซึ่งแบ่งการพัฒนาเป็นหลายเฟส โดยเฟสที่ 1 เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่

ที่จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ จากนั้นเฟสต่อๆ ไปจะเป็นเรื่องของอาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัย ซึ่งคาดว่าอาจจะต้องรออีก 3-4 ปีจึงจะเสร็จทุกเฟส แต่เพียงเท่านี้ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าพื้นที่นี้มีศักยภาพสูงเพียงใด ก่อนหน้านี้มีที่ดินอีก 1 แปลงที่เคยเป็นแดนเนรมิตเก่าขนาดประมาณ 33 ไร่ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่คงต้องรอไปอีกสักระยะ

เพราะเปลี่ยนการใช้ประโยชน์เป็นตลาดกลางคืน “จ๊อดแฟร์” ไปแล้ว ซึ่งเป็นรูปแบบการใช้ประโยชนัที่ดินที่ได้รับความสนใจจากเจ้าของที่ดินแปลงใหญ่หลายแปลงในกรุงเทพมหานครพูดถึงตลาดลกางคืน ยังมีอีก 1 ตลาดที่น่าสนใจในพื้นที่ใกล้ๆ คือ ตลาดกรีนวินเทจที่สี่แยกรัชโยธิน

หากพิจารณาเฉพาะปัจจัยต่างๆ ในปัจจุบันเท่านั้น ไม่ต้องรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อที่ดินเช่าหลายแปลงครบกำหนดสัญญาเช่า เฉพาะโครงการปัจจุบันนี่ก็เห็นได้ชัดเจนถึงศักยภาพของพื้นที่ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวไปถึงสี่แยกรัชโยธินแล้ว เพียงเท่านี้ก็อาจจะเรียกได้ว่าพื้นที่นี้มีศักยภาพสูงที่สุดแล้วในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นกลาง

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ตราเพชร” รับอานิสงส์ก่อสร้างฟื้น Q1 รายได้โต 12%

“ตราเพชร” หรือ DRT เผยผลประกอบการ ไตรมาสแรก ปี 66 ทำรายได้เติบโต 12.32% หลังความต้องการวัสดุก่อสร้างฟื้นดี หนุนเก็บกำไรสุทธิ 177 ล้านบาท พร้อมเดินเกม Product Mix รับมือความเสี่ยงด้านต้นทุนการผลิต

10 พฤษภาคม 2566 – นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา ไม้บันได SPC-FC ร้านกาแฟสำเร็จรูป (DIAMOND Cafe) และบริการติดตั้งโครงหลังคาและกระเบื้องหลังคา ภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 (มกราคม-มีนาคม) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนการเติบโตได้ดีกว่าเป้าหมาย โดยทำรายได้รวม 1,552.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ซึ่งมีปัจจัยมาจากศักยภาพการดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและความโดดเด่นด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง รวมถึงเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งสามารถตอบสนองต่อความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี โดยช่องทางจำหน่ายผ่านกลุ่มลูกค้าโครงการผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เติบโตโดดเด่น ขณะที่ตลาดต่างประเทศกลับมาขยายตัวได้ดีเช่นกัน 

ทั้งนี้ DRT สามารถรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรโดยเฉลี่ยไว้ที่ 90% ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำเพื่อลดแรงกดดันจากความเสี่ยงภาวะต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น จากวัตถุดิบหลักและราคาพลังงานได้ดีในระดับหนึ่ง เป็นผลให้กำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อย จากเป้าหมาย 25-27% โดยมีกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ 177.35 ล้านบาท 

 “เราพอใจผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้ที่ผลักดันการเติบโตของยอดขายได้สูงกว่าเป้าหมาย สะท้อนขีดความสามารถการแข่งขันของผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ ได้เป็นอย่างดี แต่ยังมีสิ่งที่เราต้องบริหารจัดการในเรื่องต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อเพิ่มอัตราการทำกำไรขั้นต้นให้อยู่ในเป้าหมาย ซึ่งเชื่อว่าเราจะทำได้ดีขึ้นกว่านี้แน่นอน” นายสาธิต กล่าว 

ส่วนแผนดำเนินงานในไตรมาส 2 บริษัทฯ จะมุ่งบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการบริหาร Product Mix และรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยให้สูงกว่า 90% เพื่อสนับสนุนการทำตลาดผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างภายใต้กลยุทธ์ ‘สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง’ รองรับความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย พร้อมลดแรงกดดันจากภาวะต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัวลดลงของต้นทุนพลังงาน โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายทำอัตรากำไรขั้นต้นและผลักดันการเติบโตของยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้   

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 11พ.ค.ที่ระดับ 33.62 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทอาจเผชิญแนวรับสำคัญแถว 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ลุ้นปัจจัยหนุนจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจปรับลดความเสี่ยงพอร์ตลงบ้างก่อนจะรับรู้ผลการ เลือกตั้ง

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 11พ.ค.2566ที่ระดับ  33.62 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.65 บาทต่อดอลลาร์


 นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และโฟลว์ขายทำกำไรทองคำได้ช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น

จนทดสอบแนวรับในกรอบสัปดาห์แถว 33.50 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า ก่อนที่เงินบาทจะอ่อนค่าลงเล็กน้อย ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และการย่อตัวลงของราคาทองคำ อย่างไรก็ดี โมเมนตัมฝั่งแข็งค่าของเงินบาทยังคงมีอยู่ และอาจช่วยหนุนให้เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นได้บ้างในวันนี้
 
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจเผชิญแนวรับสำคัญแถว 33.50 บาทต่อดอลลาร์ และอาจยังไม่สามารถแข็งค่าทะลุต่ำกว่าระดับได้ง่ายนัก จนกว่าจะได้ปัจจัยหนุนจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ 

ซึ่งเราประเมินว่า นักลงทุนต่างชาติต่างรอผลการเลือกตั้ง โดยการกลับมาขายสุทธิหุ้นไทยสองวันที่ผ่านมา ได้สะท้อนมุมมองดังกล่าวและยังสอดคล้องกับผลการศึกษาฟันด์โฟลว์ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 5 ครั้งล่าสุด ที่เราพบว่า นักลงทุนต่างชาติจะระมัดระวังตัวมากขึ้นและอาจปรับลดความเสี่ยงพอร์ตลงบ้าง ก่อนจะรับรู้ผลการเลือกตั้ง
 
นอกจากนี้ เรายังคงเห็นแรงซื้อเงินดอลลาร์จากบรรดาผู้นำเข้าในช่วงโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้เงินบาทอาจทรงตัวเหนือโซนแนวรับดังกล่าวได้บ้าง

 อีกทั้งแรงขายทำกำไรสถานะ Long THB ของผู้เล่นในตลาดและโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติก็ยังคงมีอยู่ อนึ่งปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทอาจมาจากความกังวลปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ซึ่งมักจะกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้เราประเมินว่า แนวต้านสำคัญของเงินบาทในระยะสั้นจะอยู่ในช่วง 34.00 บาทต่อดอลลาร์ (โซน 33.80-33.90 บาทต่อดอลลาร์ ก็เริ่มมีผู้เล่นบางส่วนทยอยขายเงินดอลลาร์บ้าง)
 
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ (ประเด็นขยายเพดานหนี้) และการเมืองไทย ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
 
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.70 บาท/ดอลลาร์

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวน โดยปัจจัยกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเป็นความกังวลการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ (US Debt Ceiling) ที่ยังไม่มีความชัดเจนและยังไม่มีทีท่าว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะสามารถหาทางออกร่วมกับสภาคองเกรสได้

 อย่างไรก็ดี รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อยและเป็นการชะลอตัวลงต่อเนื่อง ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งมั่นใจแนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดมากขึ้น

 โดยมุมมองดังกล่าว ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงสู่ระดับ 3.44% ซึ่งยังได้ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ต่างปรับตัวขึ้น ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +1.04% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.45%
 
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.38% กดดันโดยการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ Unilever -1.7%, Nestle -1.6% ท่ามกลางความกังวลว่า หาก ECB และ BOE เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องก็อาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจยุโรปชะลอมากขึ้นได้

 นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Hermes -1.4%, LVMH -0.9%) เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงไม่มั่นใจต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในระยะนี้ต่างออกมาแย่กว่าคาด
 
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนหนัก โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงเร็วและแรง (ดัชนี DXY ลดลงใกล้ระดับ 101.2 จุด) จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดและเป็นการชะลอตัวลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็สามารถรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนเริ่มประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ

 แม้จะชะลอลง แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้เฟดอาจต้องคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานกว่าคาดได้ ทั้งนี้โดยรวมเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้แกว่งตัวใกล้ระดับ 101.4 จุด (ระดับก่อนรับรู้อัตราเงินเฟ้อ CPI จะอยู่ที่ 101.8 จุด)

 ส่วนในฝั่งราคาทองคำ แม้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) จะสามารถพุ่งขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แต่ทว่าราคาทองคำก็ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ และ

เผชิญแรงขายทำกำไร กดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงกลับมาสู่ระดับในช่วงก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI แถว 2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง
 
สำหรับวันนี้ ในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยเราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและไม่มีสัญญาณชะลอลงชัดเจน (อัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนเมษายน อาจอยู่ที่ระดับ 10%

 ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI จะอยู่ที่ระดับ 6%) จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 4.50% นอกจากนี้ เรามองว่า BOE อาจยังคงส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อจนกว่าจะคุมปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จ ซึ่ง BOE จะรอติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด (Data Dependent)
 
ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ แม้ว่ารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในคืนก่อนหน้าจะสะท้อนแนวโน้มการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ ทว่า ผู้เล่นในตลาดก็จะรอประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อผ่านรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index หรือ PPI)

 ซึ่งหาก PPI ชะลอตัวลงต่อเนื่องในเดือนเมษายน ก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อมั่นในมุมมองแนวโน้มการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมองว่าเฟดจะไม่สามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเกินกว่าระดับ 5.25%
 
นอกเหนือจากรายงานข้อมูลดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก อาทิ เฟด, ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เพื่อประเมินทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักดังกล่าว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 33.61-33.63 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.10 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดในประเทศวานนี้ที่ 33.67 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่า ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง หลังการเปิดเผยข้อมูลดัชนี CPI เดือนเม.ย. ซึ่งชะลอลงมาที่ 4.9% YoY (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 5.0%) และหนุนมุมมองคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.00-5.25% ตามเดิมในการประชุมเดือนมิ.ย.นี้ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามความคืบหน้าของแนวทางการแก้ปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
 
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 33.50-33.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ข้อมูล CPI และ PPI เดือนเม.ย. ของจีน ผลการประชุม BOE รวมถึงข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ดราม่าซีเกมส์! “กัมพูชา” คว้าทองแบดมินตันทีมผสมเพราะไม่ให้ 5 ชาติส่งแข่งขัน

กลายเป็นกระแสทันที สำหรับการแข่งขันแบดมินตัน ประเภททีมผสม ในซีเกมส์ 2023 ที่เจ้าภาพ กัมพูชา สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองไปได้สำเร็จ หลังเอาชนะ เมียนมา ไปอย่างสุดระทึก 3-2 คู่

อย่างไรก็ดี การคว้าแชมป์ครั้งนี้ของ กัมพูชา มาจากการที่เจ้าภาพไม่อนุญาตให้ ไทย และอีก 4 ชาติ คือ มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และ สิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นชาติที่มีนักแบดมินตันชั้นนำของโลก ร่วมเข้าแข่งขันในประเภทนี้

นอกจากนี้ แบดมินตัน ทีมผสม ถือเป็นครั้งแรกที่มีการชิงเหรียญทองในซีเกมส์ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการที่ กัมพูชา บรรจุแข่งขันและออกกฎกรณีพิเศษก็เพื่อหวังคว้าเหรียญทองให้ได้ ท่ามกลางคู่แข่งแค่ 4 ชาติ ได้แก่ เมียนมา, บรูไน, ติมอร์ตะวันออก และ ลาว โดยให้เหตุผลว่า เปิดโอกาสให้ชาติที่ไม่ใช่ชาติชั้นนำได้พัฒนากีฬาแบดมินตันนั่นเอง

สำหรับการแข่งขันแบดมินตันในซีเกมส์ 2023 ยังเหลือให้ชิงชัยอีก 7 เหรียญทอง ในประเภท ชายเดี่ยว, หญิงเดี่ยว, ชายคู่, หญิงคู่, คู่ผสม, ทีมชาย และทีมหญิง ซึ่งทัพขนไก่ไทยมีลุ้นเหรียญทองทั้งหมด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


แพทย์แนะ 10 เคล็ดลับ “นอนหลับ” ง่าย เต็มตื่น ได้คุณภาพ

เชื่อหรือไม่ว่า การนอนหลับ ฟังดูเป็นเรื่องง่าย แต่กลับเป็นเรื่องยากของใครหลายคน จนต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากหมอ หรือต้องพึ่งยาบางชนิดที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจในด้านอื่นได้ แพทย์แนะ 10 เคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้การนอนหลับให้เต็มตื่นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพื่อสุขภาพที่ดีในวันข้างหน้า

ความสำคัญของการนอนหลับ

การนอนหลับที่เหมาะสมเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย คือ การพักผ่อนที่ดีที่สุด และยังส่งผลดีสุขภาพกายและใจ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ แต่ในสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ เช่น นอนกรน นอนไม่หลับ นอนไม่พอ มีอาการง่วงนอนกลางวันผิดปกติ หรือผู้ที่มีพฤติกรรมการนอนผิดปกติอื่นๆ เช่น นอนแขนขากระตุก นอนกัดฟัน หรือนอนละเมอ นอนฝันร้าย สะดุ้งตื่นเป็นประจำ

อาการเหล่านี้อาจจะส่งผลต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหัวใจ โรคเบาหวาน อุบัติเหตุจากความง่วง สมาธิสั้น เรียนรู้ช้า อาการซึมเศร้า ภาวะอ้วน เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ รวมทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต 

หากมีอาการดังกล่าว แนะนำให้ควรพบแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับ เพื่อตรวจการนอนหลับ และวินิจฉัยค้นหาโรคผิดปกติจากการนอนหลับ

10 เคล็ดลับ “นอนหลับ” ง่าย เต็มตื่น ได้คุณภาพ

นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ ระบุว่า ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในหลายด้าน อีกทั้งการนอนหลับไม่เพียงพอในผู้ที่มีโรคประจำตัวอาจทำให้โรคหรืออาการของโรคที่มีอยู่เพิ่มขึ้นหรือกำเริบขึ้นได้ ดังนั้น เพื่อสุขอนามัยการนอนหลับที่ดี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อสุขอนามัยในการนอนหลับที่ดี ดังนี้

  1. เข้านอนและตื่นเป็นเวลา ไม่ว่าวันทำงานหรือวันหยุด
  2. ไม่แนะนำให้นอนกลางวัน หากนอนกลางวันไม่ควรเกิน 30 นาที และไม่ควรเกินเวลา 15.00 น.
  3. หลีกเลี่ยงรับประทานอาหารมื้อหนักอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน  
  4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน
  5. ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงออกกำลังกาย 2 ชั่วโมงก่อนนอน
  6. ผ่อนคลายความวิตกกังวล นั่งสมาธิ หลีกเลี่ยงการคุยโทรศัพท์หรือดูหนังสยองขวัญก่อนนอน
  7. จัดสภาพแวดล้อมการนอนให้เหมาะสม อุณหภูมิในห้องนอนต้องไม่ร้อน หรือไม่เย็นเกินไป ปราศจากสิ่งรบกวน เช่น แสงสว่าง เสียง
  8. หากนอนไม่หลับภายใน 30 นาที ควรลุกจากที่นอนและทำกิจกรรมเบาๆ แล้วกลับมานอนเมื่อง่วง
  9. ใช้เตียงนอนเพื่อการนอนเท่านั้น
  10. รับแสงแดดให้เพียงพอในตอนเช้า อย่างน้อย 30 นาทีของทุกวัน เนื่องจากแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นการควบคุมนาฬิกาชีวิตที่สำคัญของร่างกาย หากพบว่ามีความผิดปกติในการนอนหลับ ทั้งปริมาณและคุณภาพเป็นประจำ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ และง่วงนอนมากในเวลากลางวัน ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจและประเมินสาเหตุที่แท้จริง

หากใครที่มีปัญหาการนอนหลับ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ได้ที่ คลินิกศูนย์โรคการนอนหลับ ทุกวันพุธ เวลา 07.00 – 12.00 น. ณ คลินิกผู้ป่วยนอก ศูนย์โรคการนอนหลับ ชั้น 2 อาคาร 8

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


คำศัพท์/วลี ที่คนไทยมักเข้าใจผิด

เพราะภาษาอังกฤษคำหนึ่งคำสามารถแปลออกมาได้หลายความหมายขึ้นอยู่กับ Part of speech และความหมายในบริบทที่กำลังพูดถึงดังนั้น การรู้จักคำศัพท์เยอะๆก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันที่ทำให้สามารถสื่อสารกับฝรั่งได้อย่างเข้าใจ แต่ภาษาอังกฤษก็จะมีสำนวนหรือคำศัพท์บางคำที่มีความหมายที่แปลตามตัวไม่ได้ และนั้นทำให้เวลาที่ฝรั่งพูดมาแล้วเรางงว่า ตกลงมันแปลว่าอะไรกันแน่

วันนี้เรารวบรวมให้ มาดูกันเลย

1. Clear the air พอได้ยินปุ๊ปเราคงคิดว่าฝรั่งพูดถึงการล้างแอร์แน่ๆ ต้องเรียกช่างแล้วละ

 ถ้าเห็นคำนี้อย่าพึ่งหาช่างแอร์นะ เพราะประโยคนี้แปลตามตัวไม่ได้เลย

Clear the air

คำนี้แปลว่า แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้มันจบๆไป สะสางเรื่องราวให้มันจบลง

ยกตัวอย่างประโยค

  • You and your college should clear the air so you can continue your project.
  • คุณควรจะปรับความเข้าใจกับเพื่อนร่วมงานซะโปรเจกต์ของคุณจะได้เดินหน้าต่อ
  • I think this time to clear the air.
  • ฉันว่าถึงเวลาที่ต้องสะสางกันแล้วละ

2. Get your ducks in a row ไม่ใช่ให้เป็ดเข้าแถว แต่แปลว่า

Get your ducks in a row แต่แปลว่า เป็นระเบียบ การวางแผนและจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนลงมือทำ

ยกตัวอย่างเช่น

  • Sarah is neat and intelligent. She always has her ducks in a row.
  • แปลว่า ซาร่าเป็นคนเรียบร้อยและฉลาดหล่อนหล่อนเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา
  • Our boss is headed to the conference room. Do you have all your ducks in a row?
  • แปลว่า หัวหน้าของเรากำลังเดินมายังห้องประชุม เธอเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม?

Is headed (V) แปลว่า มุ่งหน้าไป

คำศัพท์จากประโยค

  • Neat (ADJ) เรียบร้อย
  • Intelligent (ADJ) ฉลาด
  • Conference room (N) ห้องประชุม

3. Watch first ไม่ได้แปลว่า ดูก่อน เวลาที่เราถูกชวนให้ไปไหนสักที่ แล้วยังตัดสินใจไม่ได้ คนไทยมักจะพูดว่า ดูก่อน ขอดูก่อนแต่ห้ามพูดว่า Watch first เพราะฝรั่งจะเข้าใจว่า เราตอบตกลงไปกันก่อนเลย

ดูก่อน ภาษาอังกฤษพูดว่า “ Will see, let’s see, Have a think about it.

  • A: Would you like to go to the party tonight?  คืนนี้ไปปาร์ตี้กันป่ะ
  • B: I will see ขอดูก่อนแล้วกันนะ

4. You dork ไม่ต้องตกลงใจไป เค้าไม่ได้ด่าเรานะ แต่คำว่า dork แปลว่า คนแปลก ที่ใช้ได้ทั้งเชิงลบและเชิงบวก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

ยกตัวอย่างประโยค

  • He’s such a dork but it’s not bad. เค้าดูแปลกๆนะแต่ก็ไม่ได้แย่นะ
  • You’re such a dork. เธอดูพิลึกอ่ะ

Dork ที่ให้ความหมายเชิงลบ เรียกคนที่ไม่มีทักษะการเข้าสังคม มีพฤติกรรมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ คาดเดาได้มากออกแนวต่อต้านสังคม

5. I’m terrible at names. แปลว่า ฉันมีปัญหาเรื่องการจำชื่อคน สำนวนนี้เอาไว้ใช้เวลาที่เราจำชื่อใครไม่ได้ เวลาที่เราเจอกับคนที่เคยคุยด้วย รู้จักกันมาแล้ว แต่จู่ดันลืมชื่อเค้าไปซะงั้น นำสำนวนนี้ไปใช้ได้จ้า

 ยกตัวอย่างเช่น

  • Hi. Reena. Did you remember me? Last week we just met at your company.
  • ฮาย รีน่า จำฉันได้ไหมเราพึ่งเจอกันสัปดาห์ที่แล้วที่บริษัทของเธออ่ะ
  • Yes, of course. But I’m sorry. Could you tell me your name again? I’m terrible at names.
  • ค่ะจำได้แต่ขอโทษนะคะ ช่วยบอกชื่อคุณให้ฉันทราบอีกรอบได้ไหม ฉันมีปัญหาเรื่องจำชื่อคนน่ะค่ะ

อย่าลืมทบทวนและนำไปใช้กันด้วยนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


ยุ่งแล้ว! พบ URL อันตรายเกี่ยวข้องกับ ChatGPT มากกว่า 100 รายการต่อวัน

Unit 42 ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ แจ้งเตือนตรวจพบ URL อันตรายที่เกี่ยวข้องกับ ChatGPT มากกว่า 100 รายการต่อวัน ในทราฟฟิกที่วิ่งผ่านระบบกรอง URL ขั้นสูง

วันนี้ พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ผู้นำระดับโลกด้านระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ เผยแพร่งานวิจัยจาก Unit42 ทีมข่าวกรองด้านภัยคุกคาม ที่บ่งชี้ถึงปัญหาการหลอกลวงที่เพิ่มขึ้นภายใต้ธีม ChatGPT ในช่วงที่กระแสการสร้างคอนเทนต์ด้วย AI กำลังได้รับความนิยม งานวิจัยดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงสารพัดเทคนิคที่บรรดานักล่อลวงใช้หลอกลวงเหยื่อให้เปิดเผยข้อมูลความลับหรือติดตั้งซอฟต์แวร์อันตราย อีกทั้งยังนำเสนอตัวอย่างและกรณีศึกษาเพื่อสาธิตวิธีการดังกล่าวด้วย

Unit 42 ตรวจพบ URL ประเภทฟิชชิงจำนวนมากที่แอบอ้างเป็นเว็บไซต์ทางการของ OpenAI โดยนักล่อลวงที่อยู่เบื้องหลังปัญหาเหล่านี้มักสร้างเว็บไซต์ปลอมที่มีหน้าตาเลียนแบบเว็บไซต์ทางการ ของ ChatGPT ด้วยประสงค์ในการหลอกล่อให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์อันตราย หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวอันเป็นความลับ แม้ว่า OpenAI จะมี ChatGPT เวอร์ชันฟรีให้บริการ แต่นักล่อลวงก็มักทำให้เหยื่อเข้าใจผิดจนยินยอมจ่ายค่าบริการผ่านเว็บไซต์ปลอมเหล่านี้

ข้อมูลสำคัญจากรายงานฉบับนี้ประกอบด้วย:

-โปรแกรมแอบอ้างเป็นส่วนขยาย ChatGPT สามารถใส่สคริปต์ที่ทำงานเบื้องหลังเบราว์เซอร์ของเหยื่อ ซึ่งเป็น JavaScript ที่มีความซับซ้อนสูง โดย JavaScript ดังกล่าวจะเรียกใช้ Facebook API เพื่อขโมยข้อมูลบัญชีของเหยื่อ และอาจลอบเข้าถึงบัญชีดังกล่าวได้ในที่สุด

-ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 ถึงเมษายน 2566 ทาง Unit 42 ตรวจพบจำนวนการจดทะเบียนโดเมนต่อเดือนที่เกี่ยวข้องกับ ChatGPT เพิ่มขึ้นถึง 910%

-อีกทั้งยังตรวจพบ URL อันตรายที่เกี่ยวข้องกับ ChatGPT มากกว่า 100 รายการต่อวัน ในทราฟฟิกที่วิ่งผ่านระบบกรอง URL ขั้นสูงของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์

-ในช่วงเวลาเดียวกัน ทีมวิจัยยังพบการกวาดซื้อโดเมนเพิ่มขึ้นเกือบ 18,000% ตามรายละเอียดที่ปรากฏในข้อมูลบันทึกความปลอดภัย DNS

-Unit 42 ยังตรวจพบความพยายามด้านฟิชชิงผ่าน URL ต่างๆ เพื่อแอบอ้างเป็นเว็บไซต์ทางการของ OpenAI โดยทั่วไปนักล่อลวงจะสร้างเว็บไซต์ปลอมที่มีหน้าตาคล้ายเว็บไซต์ทางการของ ChatGPT จากนั้นจึงหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดมัลแวร์หรือเปิดเผยข้อมูลที่อ่อนไหว

-แม้ว่า OpenAI จะมี ChatGPT เวอร์ชันฟรีให้บริการ แต่นักล่อลวงก็ยังหลอกล่อเหยื่อไปยังเว็บไซต์ปลอม แล้วอ้างว่าต้องชำระเงินเพื่อใช้บริการดังกล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“กินเผ็ด” มากเกินไปก็อันตราย ต้องเผ็ดแค่ไหนถึงจะดี?

รสเผ็ด เป็นรสที่ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับอาหาร ข้อดีที่หลายคนอาจไม่ทราบคือ รสเผ็ดช่วยให้เราเจริญอาหาร อีกทั้งยังช่วยหายใจได้โล่งจมูกขึ้น ละลายเสมหะ และยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย (>> 20 ข้อดีของพริก นอกจากจะ “เผ็ด” สะใจแล้ว ยังดีต่อสุขภาพด้วย) แต่ก็ใช่ว่าเราจะตักพริกเติมเอาๆ กินเผ็ดได้มากเท่าที่ใจอยาก เพราะหากกินเผ็ดมากเกินไปก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน


อันตรายจากการ “กินเผ็ด”

รสเผ็ดจากพริกทำให้รู้สึกแสบร้อนได้ตั้งแต่ลิ้นไปจนถึงกระเพาะอาหาร ดังนั้นการรับประทานอาหารที่ใส่พริกมาก มีรสเผ็ดมากๆ อาจทำให้กระเพาะอาหาร รวมถึงระบบทางเดินอาหารอื่นๆ ระคายเคืองได้

อ.พญ. ศุภมาส เชิญอักษร แพทย์สาขาวิชาโรคทางเดินอาหาร และตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า สารแคปไซซินในพริกทำให้เกิดอาการแสบร้อน และทำให้ระคายเคืองต่อเยื่อบุต่างๆ ในร่างกาย


กินเผ็ด ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร?

โรคกระเพาะอาหารเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ สาเหตุหลักเกิดจากการรับประทานยาบางชนิดที่ทำให้การป้องกันของเยื่อบุในทางเดินอาหาร หรือกระเพาะอาหารเสียไป อีกส่วนหนึ่งคือการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา การรับประทานอาหารรสเผ็ดเป็นเพียงปัจจัยที่ทำให้กระเพาะอาหารเกิดการระคายเคือง จึงอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนท้องได้ โดยเฉพาะคนที่มีอาการของโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว จะยิ่งทำให้รู้สึกแสบท้องได้มากขึ้น

กินเผ็ดเท่าไรถึงจะดี?

ควรปรุงรสรสชาติเผ็ดให้อยู่ในระดับที่พอดี ไม่เผ็ดมากจนเกินไป หากรับประทานพริก หรือเครื่องปรุงอื่นๆ ที่มีรสเผ็ดแล้วรู้สึกทรมาน แสบปาก แสบท้อง ควรหยุดทานแล้วดื่มน้ำตามเพื่อลดอาการระคายเคืองจากพริกที่อาจเกิดขึ้นในระบบทางเดินอาหาร และกระเพาะอาหารได้

หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร เช่น กระเพาะอาหารอักเสบ ลำไส้อักเสบ ท้องเสียท้องร่วง อาหารเป็นพิษ ฯลฯ ไม่ควรกินเผ็ด เพราะอาจทำให้อาการของโรคแย่ลง รวมถึงผู้ป่วยที่มีไข้ เพิ่งผ่าตัด ควรงดการรับประทานอาหารเผ็ดชั่วคราวด้วย


วิธีรับประทานอาหารที่ช่วยถนอมรักษากระเพาะอาหาร

  1. ไม่กินเยอะเกินไป
  2. ไม่กินอาหารมันมากเกินไป มีส่วนในการเกิดโรคกระเพาะอาหารได้
  3. กินอาหารที่มีกากใยอาหารที่เหมาะสม ใครที่ไม่ค่อยได้กินผักผลไม้ที่มีกากใยอาหาร ให้ค่อยๆ เพิ่มปริมาณในการกิยในแต่ละมื้อ แต่ละวันทีละน้อยๆ ให้กระเพาะอาหารค่อยๆ ปรับตัว
  4. ดื่มน้ำในปริมาณที่มากพอ (>> ดื่มน้ำวันละ 8 แก้วก็เพียงต่อร่างกายแล้วจริงหรือ)
  5. รับประทานอาหารให้ตรงเวลา

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 11/05/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,300.0032,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,092.0031,714.7232,900.00
ทองรูปพรรณ 90%1,882.8028,543.25n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,673.6025,371.78n/a
ทองรูปพรรณ 50%941.0014,265.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%732.0011,097.12n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,168.0032,866.88n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/05/2566


ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.7534.7535.2434.7534.7534.7534.7534.7534.7534.75
แก๊สโซฮอล์ 9134.4834.4834.9434.4834.4834.4834.4834.4834.4834.48
แก๊สโซฮอล์ E2032.4432.4432.8432.4432.4432.4432.4432.4432.44
แก๊สโซฮอล์ E8532.8932.8932.89
เบนซิน 9542.5442.6143.0442.6942.54
ดีเซล B732.4432.4432.9432.4432.4432.4432.4432.4432.4432.44
ดีเซล32.4432.4432.9432.4432.4432.4432.4432.4432.4432.44
ดีเซล B2032.4432.4432.9432.4432.4432.44
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5641.6643.5443.1643.1641.56
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า