สาระน่ารู้ประจำวันที่ 11 มิถุนายน 2567

แสนสิริ รีเฟรชแบรนด์เดอะ เบสตอบโจทย์คนยุคใหม่ 4 โครงการ 5,700 ล้าน

แสนสิริ พลิกโฉมแบรนด์ “เดอะ เบส”ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนยุคใหม่ปักหมุด 4 โครงการ ภูเก็ต-รัชดา-วงศ์สว่าง-ขอนแก่น มูลค่า 5,700 ล้าน

นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำผู้นำแบรนด์อสังหาอันดับหนึ่ง และผู้นำด้านดีไซน์ แสนสิริได้ปรับโฉมแบรนด์ THE BASE ครั้งใหญ่ หลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วถึง 20 โครงการ รวมกว่า 13,500 ยูนิต ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ มูลค่ารวมกันกว่า 36,000 ล้านบาท โดยกลยุทธ์ Brand Refresh ครั้งนี้ แสนสิริได้ปรับเปลี่ยนทั้ง Identity ของแบรนด์ และโปรดักส์ เพื่อสร้างการจดจำ และตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น 

ด้วยคอนเซปใหม่ “Uniquely Yours ชีวิตผลิตสไตล์ได้ไม่ซ้ำ” มาจากแนวคิดไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของกลุ่มเป้าหมายเดอะ เบส ที่ต้องไม่พลาดทุกกระแส จากการเป็นนักพัฒนาตัวยง ที่พร้อมจะปรับทุกเทรนด์ให้เป็นสไตล์ในแบบของตัวเอง โดยไม่ว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไปเร็วแค่ไหน เดอะ เบส ก็พร้อมออกแบบทุกพื้นที่ให้เป็นเหมือนผืนผ้าใบ ให้กลุ่มลูกค้าได้ทดลองค้นหาสไตล์ที่เป็นอัตลักษณ์ของตัวเอง รวมถึงได้พักผ่อนในพื้นที่ส่วนกลางที่พร้อมรองรับทุกความชอบ ทุกกิจกรรม บนทำเลที่ใช้ชีวิตได้ตามสไตล์ในแบบที่ต้องการ

สำหรับไฮไลท์ “เดอะ เบส” Brand Refresh ครั้งนี้ นอกจากการพัฒนาแบรนด์ที่เข้าใจทุกตัวตนของกลุ่มลูกค้า โดยคิดจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและออกแบบเพื่อตอบสนองทุกความต้องการในการอยู่อาศัย จากความเข้าใจในทุกความต้องการของการใช้พื้นที่ ถ่ายทอดผ่าน การปรับ ‘โลโก้-ดีไซน์อัตลักษณ์’ ใหม่ โดยดึงเอาแบรนด์คาแรกเตอร์เดิม อย่างตัวอักษร “b” ที่มีความแตกต่างจากตัวอักษรอื่นๆ ด้วยรูปลักษณ์ที่มีเป็นตัวเอียง แสดงถึงความไม่หยุดนิ่ง ล้อกับคาแรกเตอร์ของกลุ่มเป้าหมายที่ตามทุกเทรนด์ ไม่พลาดทุกกระแส และพร้อมนำสิ่งเหล่านั้นมาปรับใช้ให้เป็นสไตล์ของตัวเอง รวมไปถึง ตัวอักษร “E” ก็มีความแตกต่างจากตัวอักษรอื่นๆ โดยการใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ เพื่อแสดงถึงความมีเอกลักษณ์ แตกต่าง และโดดเด่นไม่เหมือนใคร 


แบรนด์ เดอะ เบส โฉมใหม่ จะประเดิมเปิดตัวด้วย 4 โครงการ ใน 4 ทำเล มูลค่ารวม 5,700 ล้านบาท ในปีนี้ ได้แก่ เดอะ เบส ไรส์ ภูเก็ต และ อีก 2 โครงการใหม่บนทำเลรัชดา และ วงศ์สว่าง รวมทั้งอีก 1 ทำเลใหม่ที่ขอนแก่น คิกออฟด้วย “เดอะ เบส ไรส์”  คอนโดใหม่สไตล์รีสอร์ท จากแสนสิริ ทำเลใจกลางภูเก็ต เมือง Rising star ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมถึงนักลงทุนทั้งไทยเเละต่างชาติ ให้ความเป็นส่วนตัวสูง ด้วยจำนวนยูนิตน้อยที่น้อยกว่าทำเลใกล้เซ็นทรัลภูเก็ต  ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาทพรีเซลล์เดือนก.ย.นี้

นอกจากการพัฒนาแบรนด์ใหม่ แสนสิริยังคงไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาโปรดักส์ ในรูปแบบเฉพาะของแต่ละโครงการ อาทิ 

•    ตอบทุกการอยู่อาศัย ด้วยแปลนหน้ากว้าง พร้อมดีไซน์ห้องแบบลอฟท์ และการออกแบบฟังก์ชันการใช้งาน 
•    การออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง ให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละโลเคชัน และเพิ่มพื้นที่สวนสีเขียวในโครงการให้มากขึ้น 
•    ที่สำคัญ เพื่อเป็นการโอบรับกับเทรนด์ใหม่มาแรง Pet Parent จึงนับเป็นครั้งแรกของแบรนด์ เดอะ เบส ที่จะเป็น Pet Allowed หรือคอนโดที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ใน 2 ทำเลของปีนี้ 

“ด้วยปัจจัยภาพรวมเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอสังหาฯ ที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อและทิศทางความต้องการที่อยู่อาศัยที่จะขยายตัวในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อมั่นว่าจะส่งผลให้ยอดขายรวมคอนโดแสนสิริปีนี้ เป็นไปตามเป้าหมาย 21,000 ล้านบาท ” นายองอาจ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


“เสนา” แก้ปัญหาการเงิน เพิ่มโอกาสการเป็นเจ้าของบ้านง่ายขึ้น

“LivNEX – เงินสดใจดี” นวัตกรรมการเงินฝ่าวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ เสนาร่วมแก้ปัญหา เพิ่มโอกาสเข้าถึงการเป็นเจ้าของบ้านให้ง่ายขึ้น

การมี “ที่อยู่อาศัย”เป็นของตนเอง นับเป็นชีวิตในอุดมคติที่บ่งชี้ความสำเร็จ หรือมีความมั่นคงแล้ว แต่ในยุคปัจจุบันการมี “บ้าน” หรือ “คอนโดมิเนียม” ไม่ง่ายเลย ท่ามกลางราคาที่อยู่อาศัยที่สูง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และเมืองหลักๆ ขณะที่รายได้ของคนไทยเฉลี่ยภาพรวมแทบจะไม่พอใช้ จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและค่าครองชีพที่สูงต่อเนื่อง เปรียบได้ว่า “บ้านแพง ค่าแรงต่ำ” 

ตอกย้ำจากหนี้ภาคครัวเรือนของไทยที่อยู่ระดับสูงถึง 91% ต่อ GDP หรือราว 16 ล้านล้านบาท และอาจแตะระดับ 16.8 ล้านล้านบาท ได้ในสิ้นปีนี้ ส่งผลไปถึงแรงซื้อของคนไทยที่ตกต่ำ

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงสูง การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงิน จึงยิ่งเข้มงวดมากกว่าเดิม  การมีบ้าน หรือคอนโดฯ สักหลัง จึงยิ่งยากขึ้นไปอีก

2 กลุ่มที่มีปัญหาการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย

บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ในฐานะ Developer รายแรกพัฒนาหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ ได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าวและได้มีการศึกษา พบว่า

กลุ่มที่มีปัญหาการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย มี 2 กลุ่มหลักๆ คือ

1. กลุ่มที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคาร คิดเป็นสัดส่วน 60-70% ของจำนวนผู้ขอกู้ จากภาระหนี้ที่ไม่สอดรับกับรายได้

2. กลุ่มที่รู้สึกไม่มั่นคงในสถานะทางการเงินของตนเอง ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจ ความไม่มั่นใจในการประกอบอาชีพ เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะถูกเลิกจ้างงานหรือไม่ ถึงแม้ว่าการก่อภาระหนี้บ้านจะเป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินก็ตาม

การแก้ปัญหาในเรื่องนี้ จึงเป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทั้ง 2 กลุ่มนี้ นับเป็นฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุด และเป็นคนที่ต้องการบ้านจริงๆ (Real Demand) ที่สำคัญปัญหานี้ยังสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเสนาด้านการส่งเสริมให้คนเข้าถึงการเป็นเจ้าของที่พักอาศัย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามหลัก (Sustainable Development Goals: SDGs) อีกด้วย 

“เสนา”พัฒนานวัตกรรมทางการเงิน ช่วยคนไทยมีบ้าน

“เรามองเห็น Pain Point เหล่านี้ที่เกิดขึ้นในสภาวะปัจจุบันของคนที่อยากมีบ้าน หรือคอนโดฯ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับทุกคน โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เสนาจึงได้พัฒนานวัตกรรมทางการเงิน ที่นับเป็น Business Model ใหม่ที่ประกอบด้วย บริการ และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่จะช่วยให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหา” ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ (ดร.ยุ้ย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)  กล่าว

พร้อมย้ำถึงความตั้งใจที่อยากให้คนได้เข้าถึงมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง แต่ประสบปัญหาทางการเงินในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะคนวัยทำงานกลุ่ม New Gen และกลุ่มผู้มีกำลังซื้อระดับปานกลาง – ล่าง 

เสนาฯ จึงได้นำเสนอนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ เป็นครั้งแรกของวงการอสังหาฯ ไทย ที่จะเข้ามาให้บริการด้านคำปรึกษาสุขภาพทางการเงิน วิเคราะห์ และวางแผนสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับทุกคนที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง ที่ประกอบด้วย 2 ตัวช่วย คือ “เงินสดใจดี” และ “LivNex หรือ เช่าออมบ้าน” 

โดย “เงินสดใจดี” บริการที่ปรึกษาทางการเงิน ทำหน้าที่เสมือนผู้ช่วยทางการเงินส่วนตัว ที่ช่วยวิเคราะห์สถานะทางการเงินทั้งหมดของลูกค้า เพื่อการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยและเป็นเจ้าบ้าน ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ

1.การวิเคราะห์การเงินและความสามารถในการผ่อนชำระ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้สินเชื่อที่เหมาะสมกับลูกค้า

2. ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อรายย่อย ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการซื้อบ้านในกรณีที่สถานะทางการเงินยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของธนาคาผู้ปล่อยกู้

 3. การสร้างเครดิตผ่านการเช่าซื้อ เพื่อสร้างประวัติการชำระเงินและเครดิต (รองรับโดยเครดิตบูโร) เพื่อเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในอนาคต 

ส่วน “LivNex หรือ เช่าออมบ้าน”  สำหรับลูกค้าที่ไม่สามารถซื้อบ้านได้ ณ ปัจจุบัน ลูกค้าสามารถเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของเสนาในรูปแบบ “LivNex” หรือ “เช่าออมบ้าน” ในราคาที่ล้านละ 4,100 บาท โดยเช่าออมบ้านของเสนาฯ นั้น เปรียบเสมือนการจ่ายค่าเช่าบ้าน ที่แบ่งส่วนหนึ่งสะสมไว้เป็นเงินออม เพื่อช่วยในการเป็นเจ้าของบ้านในอนาคต ขณะที่อีกส่วนคิดเป็นดอกเบี้ย ซึ่งมีอัตราต่ำมากที่ 1.8% เท่านั้น

โดยมีกรอบระยะเวลาเช่าออมบ้าน 3 ปี เมื่อครบสัญญาเงินสะสมจะถูกนำไปหักกับมูลค่าของคอนโด ทำให้ซื้อคอนโดได้ในราคาที่ถูกลง อีกหนึ่งข้อดีคือ ระหว่างการเช่าออมบ้าน เงินสดใจดีจะคอยให้คำปรึกษา และประเมินสถานทางการเงินให้ตลอด เพื่อช่วยให้ลูกค้ากู้สินเชื่อจากธนาคารได้เร็วที่สุด อาจจะก่อนหรือเมื่อครบสัญญา

ส่วนลูกค้ามีเหตุให้ไม่สามารถอยู่จนครบสัญญาได้ ก็สามารถขายสัญญาเช่าออมบ้านนี้ต่อให้กับบุคคลอื่นได้เช่นกัน จะเห็นได้ว่าเงินเช่าออมบ้านที่สะสมไว้จะไม่สูญเปล่า  ทั้งนี้ เสนาได้ดำเนินการ 19 โครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ นำร่องในย่าน สุขุมวิท รามคำแหง บางนา แจ้งวัฒนะ รังสิต เป็นต้น เพื่อมาเปิดให้บริการ ให้ลูกค้าที่สนใจเข้าทำสัญญา 

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้11มิ.ย. “แข็งค่าค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 36.75 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างๆ ต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด อัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอทยอยขายทำกำไรเงินดอลลาร์ ในจังหวะที่แข็งค่าขึ้น โฟลว์ธุรกรรมทองคำ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้11มิ.ย. 2567 ที่ระดับ  36.75 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.82 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบปรับสถานะถือครองสกุลเงินต่างๆ มากนัก จนกว่าจะรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และผลการประชุมเฟด นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจรอทยอยขายทำกำไรเงินดอลลาร์ ในจังหวะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้บ้าง

 อย่างไรก็ดี เงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ทยอยขายสินทรัพย์ไทยต่อเนื่อง แม้ว่าระดับ Valuation ของสินทรัพย์ไทยจะอยู่ในระดับที่น่าสนใจมากขึ้นก็ตาม โดยเรามองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจยังคงกังวลต่อปัญหาการเมืองในประเทศอยู่ และหากปัจจัยดังกล่าวเริ่มคลี่คลายลง เราคงมองว่า นักลงทุนต่างชาติก็อาจทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของเงินบาทจากโฟลว์ธุรกรรมทองคำ หลังราคาทองคำยังเสี่ยงที่จะเผชิญแรงขายอยู่บ้าง จนกว่าตลาดจะคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด นอกจากนี้ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษที่ผู้เล่นในตลาดจะทยอยรับรู้ในช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่ต้องจับตาเช่นกัน เพราะหากข้อมูลการจ้างงานอังกฤษออกมาแย่กว่าคาด

เช่น อัตราการเติบโตของค่าจ้างและการจ้างงานชะลอลงมากกว่าคาดชัดเจน ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า BOE อาจสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นกว่าคาด ซึ่งมุมมองดังกล่าวสามารถกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ผันผวนอ่อนค่าลงและช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้

เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.90 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง (แกว่งตัวในช่วง 36.72-36.83 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการอ่อนค่าลงเล็กน้อยของเงินดอลลาร์ ตามแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด หลังเงินดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จากรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาดีกว่าคาด

นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นราว +20 ดอลลาร์ ตามการทยอยอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท 

แม้ว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเต็มที่ จนกว่าจะรับรู้ผลการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ ทว่า การรีบาวด์ขึ้นบ้างของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อาทิ Meta +2.0%, Microsoft +1.0% ก็มีส่วนช่วยหนุนให้โดยรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถปรับรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง โดยดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้นราว +0.35% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.26%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ยังคงปรับตัวลดลงกว่า -0.27% กดดันโดยการปรับตัวลดลงของบรรดาหุ้นในตลาดหุ้นฝรั่งเศส ท่ามกลางความวุ่นวายการเมืองฝรั่งเศส หลังประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ประกาศยุบสภา

พร้อมเดินหน้าเลือกตั้งใหม่ ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้พรรคฝ่ายขวาจัด (ที่มีแนวคิดชาตินิยมและต่อต้านสหภาพยุโรป หรือ EU) อย่าง พรรค RN ของนางมารีน เลอ แปน เข้ามามีอำนาจในสภาและในการบริหารประเทศมากขึ้นได้

ในส่วนตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดและให้โอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ เพียง 45% ยังคงเป็นปัจจัยที่หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แกว่งตัวแถวระดับ 4.46% ทั้งนี้ เรามองว่า การปรับตัวขึ้นต่อของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจเป็นไปอย่างจำกัดมากขึ้น เพราะหากรายงานอัตราเงินเฟ้อ

และผลการประชุมเฟดล่าสุด (โดยเฉพาะ Dot Plot ใหม่) ทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ก็อาจกดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เราย้ำมุมมองเดิมว่า ทุกจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวที่น่าสนใจ (หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นเกินระดับ 4.50% ก็สามารถพิจารณาเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจได้เช่นกัน)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน แต่โดยรวมเป็นการอ่อนค่าลงเล็กน้อย ท่ามกลางแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD (มองเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น) ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน

ก่อนที่จะรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และผลการประชุมเฟด อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 105.2 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.1-105.4 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) สามารถรีบาวด์ขึ้นสู่โซน 2,327 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนได้ทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา

 สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ โดยเฉพาะ อัตราการเติบโตของค่าจ้าง ว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มเงินเฟ้ออังกฤษ และการตัดสินใจต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.76-36.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.05 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยตามแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชัน อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของเงินบาทในระยะนี้น่าจะยังแกว่งตัวเป็นกรอบในระหว่างที่รอผลการประชุมนโยบายการเงินของไทยและสหรัฐฯ ในช่วงกลางสัปดาห์

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.65-36.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ของราคาทองคำและสกุลเงินในภูมิภาค รวมถึงผลการประชุมกนง. ของไทย (พ. 12 มิ.ย.) ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ผลการประชุมเฟด (11-12 มิ.ย.) ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ค. ของจีน (พ.12 มิ.ย.) และ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ  (พ. 12 มิ.ย.)

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“เพียว-บุ๋มบิ๋ม” จากทัพวอลเลย์บอลหญิงไทย ชนะโหวตขวัญใจเพื่อนนักตบ

ศึกวอลเลย์บอลเนชั่นส์ ลีก 2024 การแข่งขันรอบแรก สัปดาห์ที่ 3  เป็นการแข่งขันในสัปดาห์สุดท้ายของรอบคัดเลือกซึ่งกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วในแต่ละสนาม ทีมไทยที่อยู่ในกลุ่ม 5 เดินทางไปแข่งที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแล้ว โดยทางเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงต้อนรับนักกีฬาที่เดินทางเข้าร่วมแข่งขัน พร้อมเปิดโหวตนักกีฬาในแต่ละหัวข้อในงานเลี้ยงต้อนรับ ปรากฎว่า สองนักตบลูกยางสาวไทย “เพียว” อัจฉราพร คงยศ กับ “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี ได้รับรางวัลโหวตในครั้งนี้ด้วย

โดย “เพียว” ได้รางวัลโหวตในหัวข้อ Who is the cool และ “บุ๋มบิ๋ม” ได้รับรางวัลชนะโหวดใจหัวข้อ Who is the sweetest รวมถึง เมเนเซส บอลเร็วตัวเก่งทีมชาติบราซิล และ “กาบี้” กาเบรียล่า กิมาไรส์ หัวเสาตัวหลักของทีม ขวัญใจแฟนวอลเลย์บอลก็ได้รับรางวัลในครั้งนี้ด้วย 

สำหรับโปรแกรมแข่งวอลเลย์บอลหญิงเนชั่นส์ ลีก 2024  สัปดาห์ที่ 3 สนามฮ่องกง มีดังนี้ วันพุธที่ 12 มิถุนายน 2567 เวลา 16.00 น. ตุรกี พบ ไทย, วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2567 เวลา 12.30 น. บัลแกเรีย พบ ไทย, วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 2567 เวลา 16.00 น. โปแลนด์ พบ ไทย, วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน 2567 เวลา 12.30 น. เยอรมนี พบ ไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


“วิตามินบีรวม” มีประโยชน์ในการป้องกันโรคอะไรได้บ้าง

กลุ่มของวิตามินบีหรือที่รู้จักกันในชื่อว่า วิตามินบีรวม (vitamin B complex) ประกอบด้วยวิตามินบี 8 ชนิด

  • บี1 หรือ ไทอามีน (thiamine)
  • บี2 หรือ ไรโบฟลาวิน (riboflavin)
  • บี3 หรือ ไนอะซิน (niacin)
  • บี5 หรือ กรดแพนโทเธนิค (pantothenic acid)
  • บี6
  • บี7 หรือ ไบไอติน (biotin)
  • บี12
  • กรดโฟลิก

วิตามินบีช่วยในการทำงานของการผลิตและควบคุมพลังงานในร่างกาย และสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง 

ประโยชน์ของวิตามินบี

โดยทั่วไปแล้ว เชื่อกันว่าวิตามินบีรวมมีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัม ทำให้อารมณ์ดีขึ้น บรรเทาอาการวิตกกังวล ส่งเสริมสุขภาพ และบรรเทาอาการระคายเคืองของผิว วิตามินบีในแต่ละชนิดมีประโยชน์แตกต่างกันดังนี้คือ

  • วิตามิน บี1 และบี2 เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เส้นประสาท และหัวใจที่แข็งแรง บี1 นั้นช่วยส่งเสริมการสร้างเซลล์ใหม่ ขณะที่ บี2 ช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและปกป้องเราจากอนุมูลอิสระ
  • วิตามิน บี3 ทำหน้าที่สำคัญการควบคุมระบบประสาทและระบบขับถ่าย นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน
  • วิตามิน บี5 ทำหน้าที่ในการย่อยสลายไขมันและคาร์โบไฮเดรต เปลี่ยนให้เป็นพลังงาน ทั้งยังจำเป็นต่อการผลิตฮอร์โมน คุณจำเป็นต้องใช้วิตามิน บี5 และ บี12 ในการเจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่เหมาะสม
  • วิตามิน บี6 ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน และจำเป็นต่อกระบวนการผลิตฮอร์โมนและย่อยสลายโปรตีน
  • วิตามิน บี7 เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการผลิตฮอร์โมน
  • วิตามิน บี9 ช่วยให้เซลล์สร้างและบำรุงดีเอ็นเอ และยังช่วยเสริมสร้างการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง
  • วิตามิน บี6 บี9 และ บี12 ช่วยส่งเสริมการควบคุมระดับของกรดอะมิโนโฮโมซีสเทอีน (amino acid homocysteine) ซึ่งหากระดับนี้สูงเกินไป คุณอาจเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้

วิตามินบีกับอาการโรคบางชนิด

นักวิจัยเชื่อว่าการรับประทานอาหารเสริมวิตามินบีรวม อาจจะช่วยป้องกันโรคบางชนิดได้ เช่น

  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อาจจะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไตด้วยการรับประทานวิตามิน บี1 วิตามิน บี1 ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงของต้อกระจกได้
  • วิตามิน บี2 ช่วยป้องกันโรคไมเกรน
  • วิตามิน บี3 ช่วยเพิ่มไขมันที่มีความหนาแน่นสูงและลดระดับของคอเลสเตอรอล
  • วิตามิน บี6 ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน และอาการคลื่นไส้ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์
  • วิตามิน บี7 เกี่ยวข้องกับสุขภาพของผิว เส้นผม และเล็บ
  • วิตามิน บี9 เชื่อกันว่าสามารถป้องกันโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งตับอ่อนได้ สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการให้กำเนิดทารกที่มีความบกพร่องตั้งแต่กำเนิด
  • วิตามิน บี12 ช่วยให้ผู้สูงอายุลดอาการสับสนและควบคุมระดับของสารโฮโมซีสเทอีน

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อาหารเสริมวิตามินบีรวมนั้นไม่สามารถรักษาโรคเหล่านี้ได้ มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการรับประทานวิตามิน บี6 และ บี12 และกรดโฟลิคเป็นเวลานานนั้น ไม่สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าในผู้หญิงสูงอายุได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ข้อดี 6 ข้อของการเรียนภาษาอังกฤษ

กิจกรรมชะลอวัยที่ดีที่สุดคือการเรียนภาษาต่างประเทศ!

เวลาที่ผู้ใหญ่สงสัยว่าทำไมต้องมาใช้เวลาเรียนภาษาต่างประเทศ ครูและผู้เชี่ยวชาญมักจะยกข้อดีต่างกันไป ส่วนใหญ่ก็มักจะพูดถึงการได้ใช้เข้าสังคม หรือพัฒนาชีวิต เช่นมีโอกาสได้งานดีขึ้น เงินเดือนดีขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น ไปเที่ยวที่ไหนก็มั่นใจและได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ๆ มีโอกาสได้เจอเพื่อนจากประเทศอื่น หรือใช้โซเชียล เน็ตเวิร์คได้ดีขึ้น เป็นต้น

แต่มีน้อยคนนักที่จะพูดถึงหนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุดว่าทำไมผู้ใหญ่ควรหันมาเรียนภาษาต่างประเทศ นั่นก็คือการพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษาจะช่วยให้สมองของเราฟิตและยังช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย

การเข้าใจและสามารถสื่อสารภาษาต่างประเทศได้หมายความว่าคุณเข้าใจระบบการคิดอันซับซ้อนของภาษาใหม่ในการถอดรหัว่าคำศัพท์มาเรียงร้อยต่อกันสร้างเป็นวลีได้อย่างไร สามารถแต่งประโยคและออกเสียงคำต่าง ๆ ได้ และที่สำคัญที่สุดคุณได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจและส่งสารที่สื่อความอย่างที่ใจต้องการ กระบวนการเหล่านี้ทำให้เราได้บริหารสมอง คุณเคยฉุกคิดไหมว่าถ้าเราต้องออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรง สมองก็ต้องการแบบนั้นเช่นกัน

งานวิจัยวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าการเรียนภาษาต่างประเทศมีประโยชน์ต่อสมองผู้ใหญ่อย่างไรบ้าง ทำให้เซลล์ประสาทที่ช่วยในส่วนการคิด ภาษา ความจำ และสติแข็งแรงขึ้น ส่งผลดีหลายประการ โดยตัวอย่างที่นำมาเล่าให้ฟังนี้เป็นข้อดีเพียงแค่ส่วนเดียวที่พูดถึงได้งานวิจัยต่าง ๆ

เวลาเราโตเป็นผู้ใหญ่ เรารู้แล้วว่าเรียนอย่างไรถึงจะได้ผล เรารู้ว่าเราเหมาะกับวิธีการเรียนรู้แบบใด และวิธีใดเสียเวลาเปล่า ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทำให้คุณเป็นนักเรียนได้ดีกว่าเด็กหรือวัยรุ่น

1) เรียนรู้ปรับตัวได้ดีกว่า: หมายความว่าคนที่พูดได้สองภาษาสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่หรือสิ่งที่ไม่คาดคิดได้เร็วกว่าคนที่รู้ภาษาเดียวเพราะการเรียนรู้ภาษาใหม่จะพัฒนาจิตใจและสร้างสมาธิในการประมวลผลข้อมูล

2) พัฒนาความจำ  และทำให้คุณเป็นนักคิดที่มีสติมากขึ้น เวลาที่คุณได้เจอคำศัพท์หรือโครงสร้างประโยคใหม่ ๆ คุณจะต้องจำและนำไปประยุกต์ใช้ ซึ่งเป็บการบริหารความจำและเพิ่มความคิดสร้างสรรค์

3) ลับคมทักษะการฟัง  และทำให้จิตใจทำงานได้เต็มศักยภาพ เพื่อให้ฟัง เข้าใจ แปล และออกเสียงภาษาใหม่ได้ ผู้เรียนจะต้องมองหาข้อมูลที่คลุมเครือ และสกัดให้เหลือแต่ข้อมูลที่สำคัญ

4) สร้างสมาธิและความสามารถในการตัดสินใจ:  ภาษาใหม่จะมีถ้อยคำและสำนวนที่มีความหมายต่างกัน ซึ่งทำให้ผู้เรียนว่าใช้อย่างไรจึงเหมาะสมกับกาละเทศะและอะไรที่จะเสียมารยาทกับเจ้าของภาษา

5) สร้างทักษะการทำหลายอย่างได้พร้อมกัน:  คนที่พูดได้สองภาษาจะมีทักษะการสลับระบบการพูด การเขียนและโครงสร้างประโยคระหว่างสองภาษา นั่นคือของภาษาแม่ตัวเองและภาษาที่สอง การเปลี่ยนโครงสร้างภาษาที่ต่างกันนี้ทำให้คนที่พูดได้สองภาษาสามารถทำหลายอย่างไปพร้อมกันได้ดี

6) ป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์:  สาเหตุของโรคทั้งสองนี้ยังไม่ทราบที่มาแน่ชัด แต่งานวิจัยด้านการแพทย์ได้ระบุว่าการเรียนรู้ภาษาที่สองช่วยป้องกันการเกิดหรือทำให้เกิดผลกระทบช้าลง

 ตัวอย่างที่กล่าวมานี้แสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้ภาษาตอนโตมีประโยชน์ต่อสุขภาพและสร้างความสุขได้อย่าง

เพราะฉะนั้น ทำไมไม่ลองหาอะไรท้าทายให้ตัวเองทำ ดูว่าประโยชน์เหล่านี้มีจริงไหม! กับ Wall Street English เรามีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่เหมาะกับคุณแน่นอน ลองดูสักตั้งแล้วเอาผลลัพธ์มาแชร์ให้เพื่อนคนอื่นฟังกันดีกว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


OneWeb ลุยบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมภูมิภาคเอชีย คาดทำรายได้ 2,000 ล้านบาท

OneWeb ลุยบอรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม ชู “Eutelsat Group” บุกตลาด ปักธงสถานีเกตเวย์ที่อุบลฯ เป็นฮับทำตลาดในภูมิภาค ไต้หวัน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และ CLMV คาดเปิดบริการ ก.ย.นี้ สร้างรายได้ระยะยาว 2,000 ล้านบาท

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ บอร์ด กสทช. อนุญาตให้ บริษัท OneWeb ซึ่งร่วมกับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT

ให้ใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติในการให้บริการในประเทศ สำหรับโครงข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำแก่บริษัท OneWeb ที่ร่วมกับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที

ล่าสุด นางนาเฮ อิทนานี รองประธานกรรมการระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก OneWeb เปิดเผยว่า OneWeb จะให้บริการภายใต้ชื่อแบรนด์ “Eutelsat Group” ปัจจุบันมีดาวเทียมประจำที่ (GEO) 35 ดวง และดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) 634 ดวง ครอบคลุมพื้นที่ที่การเชื่อมต่อเข้าถึงยาก ทั้งในภาคพื้นดินที่ห่างไกล

อย่างไรก็ตาม OneWeb เลือกใช้สถานีเกตเวย์ที่อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี เป็นฮับในภูมิภาคเนื่องจากประเทศไทยมีภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมกับวิถีวงโคจรของโครงข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำ จะทำให้เราสามารถให้บริการได้ในภูมิภาคอินโดจีน ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน

ในด้านการทำตลาด OneWeb จะดำเนินธุรกิจผ่านพันธมิตรการจัดจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องเท่านั้น โดยในประเทศไทย OneWeb ได้ทำข้อตกลงในการให้บริการผ่านเอ็นที , บริษัท เนชั่นสเปซและเทคโนโลยี จำกัด Ltd (เอ็นแซท) และบริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี ซึ่งการทำในประเทศไทยและภูมิภาค โดยมีความจุประมาณ 5 gbps ทั่วประเทศไทยและภูมิภาค CLMV

โดยสถานีเกตเวย์ที่สิรินธรนั้น คาดว่าจะก่อสร้างสถานีเกตเวย์ภาคพื้นดินแล้วเสร็จภายในเดือนก.ค.หรือส.ค.นี้ จากนั้นใช้เวลา 1 เดือนในการทดสอบการเชื่อมต่อ และคาดว่าบริการเชิงพาณิชย์ครอบคลุมภูมิภาคจะพร้อมใช้งานภายในกรอบเวลาเดือนก.ย.นี้ ภายใต้กรอบการลงทุน 900 ล้านบาท

ดังนั้น การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจนี้จะช่วยให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงบริการอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์ทุกพื้นที่อย่างไร้ข้อจํากัด โดยเฉพาะบริการจากหน่วยงานภาครัฐ และกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติต่าง ๆ

ความร่วมมือให้บริการโครงข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำร่วมกับ OneWeb นอกจากเป็นการดึงเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามายังประเทศไทยเพื่อยกระดับเศรษฐกิจมหาภาคแล้ว ยังเป็นโอกาสสร้างรายได้ใหม่ให้เอ็นทีในระยะยาว โดยคาดการณ์รายได้รวมขั้นต่ำในระยะเวลา 10 ปี ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่ง สามารถทําให้เอ็นทีมีรายได้ใหม่ทดแทนรายได้เดิมที่สูญเสียไป

สำหรับเงื่อนไขที่ บอร์ดกสทช.อนุมัติให้กับ OneWeb รายละเอียดดังนี้

1.อนุญาตให้ใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติในการให้บริการในประเทศ (Landing Right) สำหรับโครงข่ายดาวเทียม OneWeb โดยมีระยะเวลา 5 ปี

2.อนุญาตการเพิ่มบริการขายความจุดาวเทียม (satellite network capacity) ตามระยะเวลาใบอนุญาตของเอ็นที ที่จะสิ้นสุด 3 ส.ค. 2568 นี้

3.อนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ตั้งสถานีวิทยุคมนาคม และใช้เครื่องวิทยุคมนาคม ระยะเวลา 5 ปี.

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


10 อันดับผลไม้น้ำตาลสูง กินได้ (แต่อย่าเยอะ)

“น้ำตาล” กินมากอันตราย รู้ทั้งรู้ว่าควรทานแต่พอประมาณ แต่มันก็มีอยู่ทุกที่และคุณก็คงเลิกกินไม่ได้ ถึงแม้จะยอมรับว่าน้ำตาลส่งผลเสียต่อสุขภาพ มันเชื่อมโยงกับโรคอ้วน เบาหวาน และโรคหัวใจที่เพิ่มมากขึ้น แต่กระแสการหลีกเลี่ยงน้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตก็ทำให้หลายคนกลัวผลไม้ไปด้วย ดังนั้น… ควรกินไหม?

อันดับแรกเลย ผลไม้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ความกลัวน้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตสร้างความสับสนมากมาย ลอเรน ฮาร์ริส-พินคัส นักกำหนดอาหาร ผู้ก่อตั้ง Nutrition Starring YOU และผู้เขียน The Protein-Packed Breakfast Club กล่าวว่า “ใช่ผลไม้กลายเป็นน้ำตาล แต่คาร์โบไฮเดรตอื่น ๆ ที่เรากินก็เช่นกัน เมื่อผ่านกระบวนการย่อยอาหารสุดท้ายมันเป็นเรื่องของสารอาหารที่อาหารนั้น ๆ มอบให้

นอกจากนี้ น้ำตาลที่พบในผลไม้ยังแตกต่างจากน้ำตาลปรุงแต่งทั่วไป เช่นน้ำผึ้ง น้ำตาลมะพร้าว น้ำเชื่อมเมเปิ้ล หรือน้ำตาลทรายขาว ตามที่ฮาร์ริส-พินคัสกล่าว แหล่งน้ำตาลเหล่านี้มีค่าดัชนีน้ำตาล (glycemic index) สูง ซึ่งหมายความว่าร่างกายสามารถย่อยและดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว นึกภาพตามสิว่าน้ำตาลในเลือดของคุณพุ่งสูงเร็วแค่ไหนหลังจากกินขนม ลองมาดูกันว่า 10 ผลไม้น้ำตาลสูง กินได้ แต่จำกัดปริมาณ

10 ผลไม้น้ำตาลสูง

1.ลิ้นจี่ น้ำตาล 29 กรัมต่อถ้วย ผลไม้เมืองร้อนนี้อัดแน่นไปด้วยน้ำตาลเข้มข้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณจึงสามารถบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะได้: มันยังให้แคลเซียม 136 มิลลิกรัม แทนที่ปริมาณที่แนะนำในแต่ละวันที่ 75 มิลลิกรัม

2.มะม่วง น้ำตาล 23 กรัมต่อถ้วย มะม่วงเป็นผลไม้ฤดูร้อนที่เป็นแก่นสาร พวกเขายังเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงมากอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การให้วิตามินเอมากกว่าหนึ่งในสามของโควตาในแต่ละวันยังช่วยให้ดวงตาของคุณแข็งแรงอีกด้วย

3.เชอร์รี่ไร้เมล็ด น้ำตาล 20 กรัมต่อถ้วย ด้วยปริมาณน้ำตาลที่มากต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมการตีให้เป็นลูกกวาดจึงเป็นเรื่องง่าย โชคดีที่พวกมันยังช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้นในเวลากลางคืนอีกด้วย ประโยชน์อื่นๆ ของเชอร์รี่ ได้แก่ สารต้านอนุมูลอิสระที่ต่อสู้กับมะเร็งและโพแทสเซียมที่ส่งเสริมการฟื้นตัว

 4.แอปเปิ้ล น้ำตาล 19 กรัม คุณอาจแปลกใจที่แอปเปิ้ลขนาดกลาง (เส้นผ่านศูนย์กลาง 3 นิ้ว) มีคาร์โบไฮเดรต 25 กรัม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยสูง แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี ซึ่งช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณทำงานปกติ

5.ส้มหนึ่งผลขนาดใหญ่ น้ำตาล 17 กรัม ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับผลไม้อื่น ๆ แต่ส้มไม่ได้มีดีแค่ความหวานเท่านั้น ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี (มากกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ในส้มเพียงผลเดียว!) และแร่ธาตุสำคัญอย่างเซเลเนียม

6.ลูกแพร์ น้ำตาล 17 กรัมต่อลูกขนาดกลาง กำลังมองหาของว่างยามบ่ายอยู่ใช่ไหม? ลองทานลูกแพร์สิ ไม่ได้หวานอร่อยถูกใจเท่านั้น แต่ยังช่วยให้อิ่มท้องนาน ด้วยใยอาหารถึง 6 กรัมต่อลูกขนาดกลาง แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย

7.กีวี น้ำตาล 16 กรัม ต่อกีวีสไลซ์ 1 ถ้วย ผลไม้สีเขียวขนปุย ดูไม่น่าสนใจ แต่รู้หรือไม่ว่า กีวีหั่นบางๆ หนึ่งถ้วย ให้ปริมาณน้ำตาลสูงถึง 16 กรัม มากกว่าปริมาณน้ำตาลที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน (25 กรัม) อย่างไรก็ตาม กีวีไม่ได้มีดีแค่ความหวานเท่านั้น ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี มากกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันถึงเกือบ 3 เท่า และวิตามินเค เกือบ 100%

8.สับปะรด น้ำตาล 16 กรัมต่อน้ำหนัก 150 กรัม ราชาผลไม้เมืองร้อน ขึ้นชื่อเรื่องความหวานฉ่ำ แต่อาจจะกังวลเรื่องน้ำตาล บอกเลยว่า ไม่ต้องกังวลไป เพราะสับปะรดหนึ่งถ้วยให้ปริมาณน้ำตาลเพียง 16 กรัม เท่านั้น

9.องุ่น น้ำตาล 15 กรัมต่อ 1 ถ้วย ถึงแม้จะมีน้ำตาลค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้มันอร่อย แต่ก็ไม่ใช่ผลไม้ต้องห้าม แต่ประโยชน์ขององุ่นนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ: โดยเฉพาะองุ่นแดง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย ป้องกันโรคต่างๆ มีกากใยอาหารสูง: ทั้งองุ่นแดงและเขียว มีกากใยอาหารช่วยให้อิ่มท้องนาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และส่งเสริมระบบขับถ่าย

10.กล้วย น้ำตาล 14 กรัมต่อผลขนาดกลาง ผลไม้แสนอร่อย อุดมไปด้วยใยอาหาร โพแทสเซียม และแมกนีเซียม กล้วย มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลและแคลอรี่สูง แต่รู้หรือไม่ว่า กล้วยยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย กล้วยนั้นอุดมไปด้วยใยอาหาร กล้วยหนึ่งผลขนาดกลาง ให้ใยอาหารถึง 3 กรัม ช่วยให้อิ่มท้องนาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และส่งเสริมระบบขับถ่าย นอกจากนี้กล้วยหนึ่งผลขนาดกลาง ให้โพแทสเซียมถึง 422 มิลลิกรัม ช่วยควบคุมความดันโลหิต บำรุงระบบประสาท และกล้ามเนื้อ อีกทั้งแมกนีเซียมสูง กล้วยหนึ่งผลขนาดกลาง ให้แมกนีเซียมถึง 31 มิลลิกรัม ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดหัว และบำรุงกระดูก รวมทั้งกล้วยอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย ป้องกันโรคเรื้อรัง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 11/06/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,000.0040,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,591.0039,279.5640,600.00
ทองรูปพรรณ 90%2,331.9035,351.60n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,072.8031,423.65n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,166.0017,676.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%907.0013,750.12n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,685.0040,704.60n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/06/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9537.3537.3537.9537.3537.3537.3537.3537.3537.3537.35
แก๊สโซฮอล์ 9136.9836.9837.3836.9836.9836.9836.9836.9836.9836.98
แก๊สโซฮอล์ E2035.2435.2435.8435.2435.2435.2435.2435.2435.24
แก๊สโซฮอล์ E8534.9934.9934.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม45.9449.8449.8449.8445.94
เบนซิน 9545.2448.0145.7445.3945.24
ดีเซล32.9432.9433.2432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า