สาระน่ารู้ประจำวันที่ 11 กันยายน 2567

ออริจิ้นผุดไอเดีย“ที่ดินแลกคอนโดใจกลางCBD”จูงใจแลนด์ลอร์ดปล่อยที่ดิน

ออริจิ้น เปิดตัวแคมเปญ “ที่ดินแลกคอนโดใจกลาง CBD” เปิดทางแลนด์ลอร์ด แลกที่ดินศักยภาพทั่วประเทศ สู่คอนโดสร้างรายได้ แก้เกมลดการเสียโอกาสที่ดินทิ้งร้าง-ลดภาระภาษีเมื่อเทียบกับภาษีที่อยู่อาศัย-สร้างรายได้ในทันที หวังต่อยอดโครงการ

นายกฤษณ์ เตชะสัมมา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา เครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้เปิดโอกาสการสร้างความร่วมมือกับเจ้าของที่ดิน (Landlord) ทั่วประเทศ ในการเข้ามาร่วมทุนกับบริษัท เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและแบ่งปันผลตอบแทนร่วมกัน ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวโมเดลใหม่ในการสร้างความร่วมมือกับ Landlord ภายใต้แคมเปญ “ที่ดินแลกคอนโดใจกลาง CBD” เปิดทางเจ้าของที่ดินทำเลศักยภาพทั่วประเทศ นำที่ดินมาแลกเป็นคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ นำร่องแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) โครงการระดับลักชัวรี ในทำเลย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) 5 ทำเล ได้แก่ พร้อมพงษ์, ทองหล่อ, พญาไท, ราชเทวี และจุฬา-สามย่าน

“Pain Point ใหญ่ของ Landlord หลายรายคือ มีที่ดิน แต่ยังไม่สามารถทำให้เกิดรายได้ แถมยังก่อให้เกิดรายจ่ายจากภาษีที่ดินอย่างต่อเนื่อง เพราะตัว Landlord หากลงทุนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาจจะต้องเจอความเสี่ยง และใช้เงินลงทุนสูง การร่วมทุนเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับ Landlord ที่ยังคงต้องการเป็นเจ้าของที่ดินและเจ้าของธุรกิจ และในวันนี้เรามีข้อเสนอที่เป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนที่ต้องการเปลี่ยนที่ดินเป็นสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ทันที โดยไม่ต้องรอการพัฒนา” นายกฤษณ์กล่าว

ทั้งนี้ แคมเปญนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์กับ Landlord 3 ข้อ ได้แก่ 1.ลดการเสียโอกาสจากการปล่อยที่ดินทิ้งร้าง 2.ลดภาระทางภาษี เนื่องจากภาษีสิ่งปลูกสร้างสำหรับที่อยู่อาศัย รวมถึงคอนโดมิเนียมในปัจจุบัน มีอัตราการจัดเก็บอยู่ที่ 0.02-0.10% ต่อปี ขึ้นกับมูลค่าของที่อยู่อาศัยนั้นๆขณะที่ภาษีที่ดินรกร้าง ที่ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์มีอัตราภาษีถึง 0.3-0.7% ต่อปี และเพิ่มอีก 0.3% ทุก 3 ปี 3.เพิ่มโอกาสสร้างรายได้จากการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมได้

เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมในย่าน CBD ยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้เช่าอย่างมาก โดยมีอัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่าที่คุ้มค่า อย่างเช่น โครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ มีอัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่า สูงถึง 5-7% และปัจจุบันมีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ในห้องพักภายใต้ Origin Investment Property Program (Origin IP Program) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 85% 

นายกฤษณ์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากบริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร จึงมีความสนใจที่ดินที่สามารถพัฒนาได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มที่อยู่อาศัย อย่างคอนโดมิเนียมและบ้าน หรือโครงการที่สร้างรายได้ประจำ อย่าง โรงแรม และคลังสินค้า ขึ้นอยู่กับทำเล ขนาดของที่ดิน และความเหมาะสมอื่นๆ ทั้งนี้หากเป็นที่ดินที่อยู่ใจกลางเมือง ย่านธุรกิจ ใกล้รถไฟฟ้า เดินทางสะดวก บริษัทจะรับพิจารณาเป็นพิเศษ 
 

สำหรับเจ้าของที่ดิน จะได้รับจำนวนห้องพักคอนโดมิเนียมที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับราคาที่ดินที่ตกลงกัน โดยสามารถเลือกห้องพักจากโครงการเดียวกัน หรือเลือกโครงการต่างทำเลกันได้

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


อสังหาฯหวัง “แพทองธาร” เร่งโด๊ปศก.-กระตุ้นกำลังซื้อ ผ่อน LTV –แบงก์ปล่อยกู้

ธุรกิจอสังหาฯหวังรัฐบาล “แพทองธาร”เร่งโด๊ปเศรษฐกิจ -กระตุ้นกำลังซื้อ  วอน ผ่อนเกณฑ์ LTV –แบงก์พาณิชย์ปล่อยกู้

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หนึ่งในเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองกลายเป็นพระเอกในทุกรัฐบาลนำมากู้วิกฤต ซึ่งที่ผ่านมามักสัมฤทธิ์ผล

ช่วยกระตุ้นให้คนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น เช่นเดียวกับ”รัฐบาลเศรษฐา”ที่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์มาถึงปัจจุบันและทยอยหมดอายุลงสิ้นปีนี้แต่จะต่ออายุหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่

ทั้งนี้ด้วยเศรษฐกิจชบเซา ความอ่อนแอของกำลังซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากหนี้ครัวเรือนมีผลให้สถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อและแม้ว่าผู้บริโภคบางกลุ่มมีกำลังซื้อต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่เมื่อติดล็อกสถาบันการเงิน ทำให้ตลาดไม่สามารถเดินต่อได้

อย่างไรก็ตามแม้มีสถาบันการเงินรัฐสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำออกมา แต่หาก ขับเคลื่อนได้ทั้งระบบ โดยเฉพาะสถาบันการเงินเอกชน จะส่งผลที่ดีกว่าไม่น้อย  

ทั้งนี้ ประเมินว่า7 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องการเสนออะไรเพิ่มเติมต่อรัฐบาลแพทองธาร เพียงต้องการให้นำนโยบายมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเงินดิจิทัล และเนื่องจากรัฐบาลเศรษฐาให้การช่วยเหลือภาคเอกชนมากแล้ว รวมถึงมีมาตรการเพิ่มเติม แต่มีบางประเด็นที่แอบหวังลึกๆในเรื่องที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง

นั่นคือการเจรจาต่อรองธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เรื่องผ่อนผันนำมาตรการLTV  (Loan to Value ) หรืออัตราส่วนการให้สินเชื่อโดยเทียบกับมูลค่าหลักประกัน มาใช้เป็นการชั่วคราว

โดยเฉพาะสำหรับบ้านหลังที่สองควรเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคที่มีความจำเป็นต้องมีบ้านอีกหลังเพื่ออยู่ใกล้แหล่งงาน  สถานศึกษา  หรือแม้แต่ซื้อให้กับ บุพการีฯลฯ สามารถขอสินเชื่อได้100%

เหมือนบ้านหลังแรก แต่หากจะควบคุมควรเป็นบ้านหลังที่3ขึ้นไปจะเหมาะสมกว่าเพราะปัจจุบันไม่มีการเก็งกำไร ในทางกลับกันจะช่วยให้อุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องสามารถดำเนินธุรกิจอยู่ต่อได้

 อีกประเด็นที่ผู้ประกอบการต้องการให้ผ่อนปรนคือการลดความเข้มงวดของสถาบันการเงินเอกชนหรือแบงก์พาณิชย์ ซึ่งเป็นความคาดหวังที่ภาคเอกชนต้องการเห็นและนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลต่อไป

ทั้งนี้ นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”โดยส่วนตัวมองว่าจะไม่มีข้อเสนอใดๆ

เนื่องจากต้องการให้รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ และนำนโยบายมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศซึ่งมองว่ามีข้อดีอยู่หลายด้าน ที่จะแถลงต่อรัฐสภา

อย่างไรก็ตามสภาหอการค้าฯกับ6-7สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ยังไม่หารือร่วมกันแต่ที่พูดคุยอย่างไม่เป็นทางการเราไม่ประสงค์เสนอเพิ่มเติม เพราะหลายเรื่องเสนอไปแล้วและได้รับอนุมัติเรียบร้อยแล้ว

อย่างการลดขนาดบ้านจัดสรรอยู่ในขั้นตอนร่างกฎหมาย ทำประชาพิจารณ์ ขยายเวลาเช่าที่ดินระยะยาว อยู่ในขั้นตอนสำรวจความคิดเห็นประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ของทั้งภาคเอกชนและกรมที่ดินเรียบร้อยแล้ว รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนการถือครองอาคารชุดของคนต่างชาติ75%  

ประเด็นที่อยากได้เพิ่มเติม คือ โครงการบ้านดีมีดาวน์นำเงินที่ซื้อปรับปรุงที่อยู่อาศัยมาลดภาษีแต่ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ( พิชัย ชุณหวชิร) ได้มอบนโยบายโครงการกู้สินเชื่อ ดอกเบี้ยต่ำ ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์มาแล้ว  

โดยเฉพาะล่าสุดเพิ่มวงเงินสินเชื่อ “โฮมโลน” เป็น1แสนล้านบาท กระตุ้นการปล่อยสินเชื่อ ขณะเดียวกันก็หวังว่าแบงก์พาณิชย์ จะขยับตาม  ที่สำคัญได้รับการลดหย่อนลดโอนฯ-จดจำนอง ขยับจากไม่เกิน3ล้านบาทเป็นเป็นไม่เกิน7ล้านบาท ธุรกิจรับสร้างบ้านลดหย่อนภาษีสร้างบ้าน”ล้านละหมื่น”

รวมถึงสนับสนุน บ้านบีโอไอ จาก1.2ล้านบาทเป็น1.5 ล้านบาทต่อหน่วยพร้อมดอกเบี้ยต่ำไม่เกิน3%ได้รับสิทธิ์ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค นอกจากนี้  กรณีแปลงที่ดินที่อยู่ระหว่างจะซื้อจะขาย ในระหว่างยื่นอีไอเอ

หรือการขออนุมัติจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ที่ผ่านมาได้รับอนุมัติตามมติครม.วันที่9เมษายน จาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในสมัยรัฐบาลเศรษฐา

“ความเห็นส่วนตัวไม่ต้องการเสนออะไรเพิ่มเป็นพิเศษ การผ่อนคลายดอกเบี้ย คนซื้อได้ประโยชน์ กับโครงการสินเชื่อบ้านใหม่ หรือ โครงการดี๊ดีย์  ดอกเบี้ยต่ำปีแรก 1.90% ผ่อนเริ่มต้นล้านละ 3,000 บาทต่อเดือน ไม่จำกัดราคา และ โครงการสินเชื่อ”โฮมโลน” ราคาไม่เกิน3ล้านบาทดอกเบี้ยต่ำเช่นเดียวกัน ซึ่งช่วยให้กู้ซื้อบ้านได้มาก “

สำหรับโครการบ้านดีมีดาวน์ รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนต่อได้ แต่เป็นในลักษณะจำกัดว่ารองรับได้กี่หลัง  วงเงินไม่เกิน 5,000ล้าน หรือ1หมื่นล้านบาท  ขณะภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเคยทำหนังสือไปที่กระทรวงการคลังแล้ว

โดยส่วนตัวมองว่าไม่จำเป็นต้องเสนอเพิ่มเติมเข้าไปอีก เพียงแต่ให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งยังเป็นท่านเดิม พิจารณาที่เราเสนอไป และหากเห็นว่าอะไรจะพอขับเคลื่อนได้ ก็ตามแต่กระทรวงการคลังจะเห็นสมควร

“ภาครัฐมีเครื่องมือเหล่านี้ ไม่ว่าบ้านดีมีดาวน์ ภาษีที่ดิน เพื่อลดผลกระทจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว  ยังไม่ขอเข้าพบใคร เพียงขอให้รัฐบาลทำงาน และถ้านโยบายต่างๆ ที่แถลงต่อรัฐสภาขับเคลื่อนได้ ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ต10,000 บาท ถ้านโยบายดี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ดี “

นอกจากนี้ ยังมีอีกประเด็นที่กังวลคือ เครดิตบูโรอยากเห็นลดการบันทึกเหลือเพียง1ปี จากปกติ3ปี มองว่านานเกินไปแม้ว่า บุคคลนั้น จะผ่อนหนี้หมดแล้วก็ตาม  ซึ่งแบงก์ยังเข้มงวดเพราะไม่มั่นใจที่จะปล่อยสินเชื่อโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี

ส่วนมาตราการLTVมองว่าธปท.น่าจะไม่ผ่อนผันง่ายดายนัก ขณะการผ่อนคลายเรื่องดอกเบี้ยนโยบายต้องรออีกระยะ อย่างไรก็ตามอยากให้คณะกรรมการธปท.เปิดข้อบันทึกความเห็นในด้านต่างๆต่อสาธารณะว่า

ขึ้นดอกเบี้ยเพราะอะไร ยืนอัตราดอกเบี้ยเพราะอะไร รวมถึงการไม่ผ่อนคลายLTV  เพื่อไม่ให้นำไปสู่ข้อผิดพลาดของการทำงานของรัฐบาล

อย่างไรก็ตามไตรมาสสองมีสัญญาณที่ดีมียอดโอนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสแรกและการเบิกจ่ายล่วงเวลา ช่วงวันหยุดเริ่มดีขึ้น ซึ่งเห็นสัญญาว่าไตรมาส3และ4 น่าจะดีขึ้น จากการเบิกจ่ายงบประมาณ

สอดคล้องกับนาย สุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรมองว่าจะไม่ขออะไรเพิ่มเติมจากรัฐบาลเนื่องจากรัฐบาลเศรษฐาให้มามากแล้ว และแม้ว่า จะเห็นสัญญาณบวกจากมาตรการลดค่าโอนฯและจดจำนอง แต่มองว่าไม่มากเท่าที่ควร

เพราะ สิ่งที่กระเตื้องขึ้นมาจากอานิสงส์ของการเบิงจ่ายงบประมาณปี2567ช่วงไตรมาสที่3 จึงสะท้อนได้ว่า ปัญหากำลังซื้ออ่อนแอและแบงก์พาณิชย์ไม่ปล่อยสินเชื่อ ดังนั้นจึงต้องกาเพียงสองข้อคือ ผ่อนคลายLTVและลดความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อลงสำหรับแบงก์พาณิชย์ ซึ่งมองว่าจะช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้11ก.ย. “แข็งค่าขึ้น” ที่ระดับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวน ระวังความผันผวนทั้งในช่วงหลังตลาดรับรู้การโต้วาทีในวันนี้ กับในช่วงทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้11ก.ย.2567 ที่ระดับ  33.65 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.75 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่า เราจะมีมุมมองว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลงได้ ทว่า การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาทนับตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันก่อนหน้านั้น ทำให้เรายังไม่สามารถมั่นใจได้ว่า เงินบาทจะพลิกกลับไปอ่อนค่าลงได้ชัดเจน จนกว่าจะเห็นการอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 34.00 บาทต่อดอลลาร์

อย่างไรก็ดี เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจอยู่ในโหมด wait and see เพื่อรอรับรู้ทั้งการโต้วาทีของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ทำให้ เงินบาทก็อาจแกว่งตัวในกรอบ sideways ใกล้โซน 33.65 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีโซนแนวรับแถวระดับ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านแรกจะอยู่ในช่วง 33.80 บาทต่อดอลลาร์ และมีแนวต้านถัดไปในช่วง 34.00 บาทต่อดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในช่วงหลังตลาดรับรู้การโต้วาทีในวันนี้ เนื่องจาก หากผู้เล่นในตลาดมั่นใจมากขึ้นว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็อาจหนุนให้ Trump Trades กลับมาเป็นที่สนใจของผู้เล่นในตลาดอีกครั้ง

ซึ่งภาพดังกล่าวอาจหนุนให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นได้ไม่ยาก ขณะที่ หากผู้เล่นในตลาดมองว่า กมลา แฮร์ริส จะคว้าชัยชนะได้ ก็อาจกดดันเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้บ้าง

นอกจากนี้ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ เช่นกัน โดยเราไม่ได้กังวลในกรณีที่ อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงตามคาด หรือ มากกว่าคาด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดได้คาดหวังการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดไปมากแล้ว

ทำให้ต้องระวังในกรณีที่ อัตราเงินเฟ้อกลับออกมาสูงกว่าคาด หรือไม่ได้ชะลอลงอย่างที่ตลาดคาดหวัง ซึ่งอาจนำไปสู่การทยอยปรับลดความคาดหวังต่อการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดได้บ้าง และทำให้เงินดอลลาร์ รวมถึงบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้

เรายังคงมองว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือ

การปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.90 บาท/ดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงหลังการโต้วาทีระหว่างผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และช่วงทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ)

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 33.64-33.77 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าโดยรวมเงินดอลลาร์จะแกว่งตัวในกรอบ Sideways ทว่า เงินบาทก็พอได้แรงหนุนจากการทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ซึ่งสามารถปรับตัวขึ้นเข้าใกล้โซน 2,520 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางภาวะระมัดระวังตัวของตลาดการเงินทั้งฝั่งสหรัฐฯและยุโรป

รวมถึงการปรับตัวลดลงต่อเนื่องของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ โดยการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำได้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทดูชะลอลงบ้างแถวโซน 33.65 บาทต่อดอลลาร์

ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันดิบ หลังราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงหนักราว -2.5% จากการปรับลดคาดการณ์อุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั้งในปีนี้และปีหน้าโดยกลุ่ม OPEC 

แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ นำโดย Tesla +4.6%, Microsoft +2.1% แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เผชิญแรงกดดันจากแรงขายหุ้นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ทั้ง JPM -5.2% และ Goldman Sachs -4.4% จากความกังวลแนวโน้มผลประกอบการ นอกจากนี้ บรรดาหุ้นกลุ่มพลังงานก็ปรับตัวลงหนัก อาทิ Exxon Mobil -3.6% หลังราคาน้ำมันดิบดิ่งลง -2.5%  ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.45%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 กลับมาปรับตัวลดลง -0.54% ท่ามกลางแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของบรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มยานยนต์ อาทิ Deutsche Bank -4.9% BMW -11.1% จากความกังวลแนวโน้มผลประกอบการ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานยุโรป อย่าง Shell -1.5% ก็เผชิญแรงขายเพิ่มเติม หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

ในฝั่งตลาดบอนด์ บรรยากาศในตลาดการเงินที่กลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้น รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงคาดหวังว่าเฟดจะสามารถเร่งลดดอกเบี้ยจนถึงระดับ 2.75%-3.00% ภายในปีหน้า ได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.64% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดใหม่ของปีนี้

อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่อาจผันผวนสูงขึ้นได้บ้าง หากผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด (มองว่า เฟดอาจไม่รีบลดดอกเบี้ยมากเท่าที่ตลาดประเมิน) ซึ่งต้องรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึง

คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยนโยบายใหม่ของเฟด (Dot Plot) โดยเราคงเน้นกลยุทธ์ “Buy on Dip” หรือรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น ในการเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดที่มีสถานะถือครองบอนด์ระยะยาวอยู่แล้วนั้น ก็สามารถ Let Profits Run หรืออาจพิจารณาทยอยขายทำกำไรได้บ้าง ตามความเหมาะสม (Sell on Rally)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยเงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างจากภาวะระมัดระวังตัวของตลาดการเงิน อีกทั้งผู้เล่นในตลาดก็ยังไม่รีบปรับสถานะถือครอง จนกว่าจะรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ

รวมถึงการโต้วาทีระหว่างผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทว่า เงินดอลลาร์ก็เผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่ได้อานิสงส์จากการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถว 101.6 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 101.5-101.8 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง แต่การปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลางภาวะระมัดระวังตัวของตลาดการเงิน ก็ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ทยอยปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 2,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ฝั่งสหรัฐฯ โดยในช่วงเช้าราว 8.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาการโต้วาทีระหว่างผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Harris vs Trump) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้

หากผู้เล่นในตลาดมีการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อโอกาสที่ผู้ท้าชิงคนใดคนหนึ่งจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง นอกจากนี้ ในช่วงราว 19.30 น. ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนสิงหาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.61-33.63 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.33 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ…เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกเมื่อคืนที่ผ่านมา

ขณะที่ แรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงบางส่วน เนื่องจากตลาดอยู่ระหว่างการติดตามประเด็นจากการประชันวิสัยทัศน์ระหว่างคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ (คุณคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และคุณโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน) ในช่วงเช้าวันนี้ รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในคืนนี้อย่างใกล้ชิด

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.50-33.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในเอเชีย และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค. ของสหรัฐฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สัญญาณความเครียดสะสม อาจเสี่ยงทำร้ายตัวเอง

  • ความเครียด (Stress) คือภาวะของอารมณ์ ความรู้สึก ที่ถูกบีบคั้น หรือกดดัน ซึ่งแต่ละบุคคลจะมีวิธีการปรับตัวให้ผ่านพ้นไปได้
  • ความเครียดที่หาทางระบายออกไม่ได้ จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจเปลี่ยนเป็นโรคซึมเศร้า (Depressive disorder) หรือโรควิตกกังวล (Anxiety disorders)
  • คนที่ไม่สามารถจัดการกับความเครียดได้ จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งของตนเองและผู้อื่น ควรพบจิตแพทย์เพื่อรับการปรึกษาและรักษาอย่างถูกวิธี

ด้วยสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันมีการแข่งขันสูง ต่างต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ จนไม่มีเวลาพูดคุยกับครอบครัว รวมถึงเทคโนโลยีอันทันสมัยทำให้เกิดความนิยมสื่อสารกันผ่านเทคโนโลยีมากกว่าคุยกันแบบเห็นหน้าตา ส่งเสริมให้เกิดความเครียดสะสมมากขึ้น โดยไม่มีทางระบายออก จนอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและฆ่าตัวตายได้ในที่สุด

สัญญาณความเครียดสะสม

ความเครียด (Stress)  คือภาวะของอารมณ์ ความรู้สึก ที่ถูกบีบคั้น กดดัน ทำให้มีอาการแสดงที่ต่างกัน เช่น วิตกกังวล นอนไม่หลับ ปวดหัว ซึมเศร้า บางคนอาจมีอาการประสาทหลอนได้ ซึ่งโดยทั่วไปแต่ละคนจะมีวิธีการปรับตัวให้ผ่านพ้นไปได้ขึ้นกับทักษะการจัดการความเครียดของแต่ละบุคคล แต่ในบางคนที่เกิดความเครียดและหาทางระบายออกไม่ได้หรือเครียดบ่อยๆ กลายเป็นความทุกข์ทรมาน  จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน  อาจพัฒนาเป็นโรคซึมเศร้า (Depressive disorder) หรือโรควิตกกังวล (Anxiety disorders)

การสังเกตความเครียดเบื้องต้น

  • นอนไม่หลับ ความเครียดอาจส่งผลให้นอนไม่หลับ และหากนอนไม่หลับเป็นเวลานาน จะส่งผลต่อสุขภาพกายและใจโดยรวมจน เริ่มมีภาวะซึมเศร้า หรือความเครียดรุนแรง
  • พฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่ร่าเริง นิ่งเงียบ ไม่พูดคุย เบื่อหน่าย และปิดกั้นตัวเอง
  • เศร้าหมอง หรือวิตกกังวล ผู้ที่มีความเครียดมักจะรู้สึกเศร้า ไม่มีความสุข หรือวิตกกังวลกับเรื่องต่างๆ จนแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง หรือคำพูด
  • ความเครียดอาจแสดงออกเป็นอาการทางกาย เช่น หายใจถี่ขึ้น หรือ “กลั้นหายใจ” โดยไม่รู้สึกตัว ปวดท้อง อาเจียน ปวดศีรษะ
  • ในกรณีรุนแรง ผู้ป่วยอาจจะพูดว่าอยากตาย บางครั้งอาจฟังเหมือนเป็นการพูดเล่น ดังนั้นจึงควรใส่ใจผู้พูดให้มากขึ้น ไม่ว่าจะพบการตัดพ้อเช่นนี้ ในโลกโซเชียลหรือพูดขึ้นลอยๆ

การดูแลตนเองเมื่อรู้สึกเครียด

  • พยายามวิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้เราเครียด และแก้ปัญหาที่ต้นเหตุนั้น
  • ออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มกระตุ้นประสาท
  • พบปะเพื่อนฝูง เพื่อพูดคุยในเรื่องที่สร้างเสียงหัวเราะ และระบายปัญหาต่างๆ (หากเพื่อนรับฟัง)
  • จัดการสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ เช่น จัดบ้าน หรือโต๊ะทำงานให้ผ่อนคลาย ปลูกต้นไม้เล็กๆ หรือแจกันดอกไม้สร้างความสดชื่น
  • ดูภาพยนตร์และอ่านหนังสือตลกหรือสนุกสนาน 

การรักษาอาการเครียด

หากความเครียดรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงกระทบต่อการทำงาน หรือมีผลต่อผู้อื่น การพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาและรักษาอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง โดยจิตแพทย์จะทำการรักษาโดย

  • แพทย์พูดคุยซักประวัติและตรวจร่างกาย เพื่อวินิจฉัยทางการแพทย์และหาสาเหตุของความเครียด
  • ในกรณีความเครียดส่งผลทางกาย เช่น นอนไม่หลับ ปวดท้อง หรือปวดศีรษะ จิตแพทย์อาจให้รับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการ
  • การให้คำปรึกษาโดยจิตแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้วยการสื่อสารให้เกิดความเข้าใจและหาสาเหตุของปัญหา ชี้แนะอย่างถูกวิธีเพื่อคลายความเครียด
  • จิตบำบัด ซึ่งต้องได้รับการบำบัดโดยจิตแพทย์

ความเครียดเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ และทุกวัย หลายคนสามารถจัดการความเครียดได้ด้วยตนเอง บางคนมีคนใกล้ชิดให้พูดคุยผ่อนคลาย แต่สำหรับคนที่ไม่สามารถจัดการกับความเครียดได้ จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งของตนเองและผู้อื่น ควรพบจิตแพทย์เพื่อรับการปรึกษาและรักษาอย่างถูกวิธี

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


อันนา-มูนา ตบสาวไต้หวัน เข้ารอบสองแบดมินตันฮ่องกง โอเพ่น

แบดมินตันฮ่องกง โอเพ่น 2024 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 ที่ฮ่องกง เปิดฉากวันแรก ทัพขนไก่ไทยลงสนาม 2 ประเภท ก่อนทำผลงานเยี่ยมกำชัยชนะได้ทั้ง 2 รายการ โดยหญิงคู่ “มูนา-อันนา” อัดคู่ไต้หวัน 2 เกมรวด ทะยานรอบ 2 หรือรอบ 16 คู่ ขณะที่ชายเดี่ยว “บอส” ศรัณย์ แจ่มศรี คว้าชัยรวดเดียว 2 แมตช์ในรอบคัดเลือก ทะยานสู่รอบเมนดรอว์ ได้สำเร็จ

การแข่งขันแบดมินตัน หลี่หนิง ฮ่องกง โอเพ่น 2024 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 ชิงเงินรางวัลรวม 420,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 14,280,000 บาท ที่ฮ่องกง โคลิเซียม ในเกาลูน เขตบริหารพิเศษฮ่องกง เมื่อวันอังคารที่ 10 ก.ย.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบคัดเลือก และรอบเมนดรอว์

ประเภทหญิงคู่ รอบแรก “อันนา” นันทน์กาญจน์ กับ “มูนา” เบญญาภา เอี่ยมสะอาด คู่มือวางอันดับ 7 ของรายการ คู่มืออันดับ 14 ของโลก พบกับ  เฉิน ยู่เป่ย กับ ซุน หยูซิง คู่มืออันดับ 56 ของโลกจากไต้หวัน

เกมนี้ อันนา กับ มูนา เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเอาชนะไปได้ 2 เกมรวด 21-14, 21-14  “อันนา” นันทน์กาญจน์ กับ “มูนา” เบญญาภา ผ่านเข้าสู่รอบสองไปพบรอผู้ชนะระหว่าง สองนักแบดมินตันจากจีนอย่าง  หลี่ ยี่จิง กับ หลัว ซู่มิน คู่่มืออันดับ 19 ของโลก หรือ หลี่ เหวินเหม่ย กับ หลิว ซวนซวน 

ด้าน ประเภทชายเดี่ยว รอบคัดเลือก รอบแรก “บอส” ศรัณย์ แจ่มศรี มืออันดับ 122 ของโลก พบกับ เฉิน จินตง มืออันดับ 1466 ของโลกจากออสเตรเลีย เกมนี้ “บอส” ศรัณย์ โชว์ฟอร์มได้อย่างเด็ดขาด ตบเอาชนะแบบขาดลอย 2-0 เกม 21-4 และ 21-6 

จากนั้นในรอบคัดเลือก รอบสอง “บอส” ศรัณย์ แจ่มศรี มืออันดับ 122 ของโลก ก็ยังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะ แลร์รี่ ปอง มืออันดับ 238 ของโลกจากอังกฤษ ไปอย่างง่ายดาย 2-0 เกม 21-13 และ 21-13 “บอส” ศรัณย์  ผ่านเข้าสู่รอบเมนดรอว์ไปพบกับ ชิโก้ ดาวี่ วาโดโย่ มืออันดับ 32 ของโลกจากอินโดนีเซีย 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


ข้อมูลเท็จที่สร้างโดย AI กลายเป็นปัญหาระดับโลก

“การเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ และเฟคนิวส์ โดย AI กำลังกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น” นี่คือคำให้สัมภาษณ์ของ “บิล เกตส์” ผู้ก่อตั้ง “ไมโครซอฟท์” บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกที่ให้ไว้กับรายการ CNBC Make

ซึ่ง เกตส์ ถือเป็นบุคคลที่ยอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพอากาศ ความยากจน โดยเขาบอกว่า ปัญหา AI ให้ข้อมูลเท็จ กำลังกลายเป็นปัญหาสำคัญระดับโลกที่แม้แต่ตัวเขาเองยังต้องคิดหนัก เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น AI หรือ แชทบอท ทำให้สร้างข้อมูลเสมือนจริง และบางครั้งก็นำไปใช้เป็นช่องทางเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่รวดเร็วง่ายดาย

บิล เกตส์ ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ในโลกออนไลน์พวกเราอาจคุ้นเคยกับทฤษฎีสมคบคิดที่มีให้เห็นมากมาย ซึ่งแฝงด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ และเขาได้มองเห็นความร้ายแรงของปัญหาเหล่านี้มากขึ้นเมื่อเขาได้พูดคุยกับ “ฟีบี้ เกตส์” ลูกสาวของเขา ซึ่งเธอเล่าให้ เกตส์ ฟังถึงภัยคุกคามทางออนไลน์จาก Deepfake และข้อมูลผิดๆ ที่ตัวเธอและเพื่อนของเธอต้องเผชิญ

ปัญหาข้อมูลเท็จโดยเฉพาะ Deepfake ถูกยกให้เป็นความเสี่ยงอันดับต้นๆ ในปีนี้ ซึ่งในงานประชุม World Economic Forum หยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันเมื่อตอนต้นปี และ Deepfake ยังถูกจัดให้เป็นหนึ่งในการใช้ AI ที่น่ากังวลที่สุด โดยเฉพาะผลต่อความแตกแยกทางสังคม 

การตรวจจับ Deepfake ยังเป็นเรื่องค่อนข้างยาก มีข้อจำกัดหลายอย่าง เพราะเทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้วิธีการตรวจจับวิ่งตามไม่ทัน อีกทั้งโมเดล AI ก็มีความซับซ้อนมากขึ้น สามารถสร้าง Deepfake ที่ดูน่าเชื่อถือ ยากต่อการตรวจจับด้วยวิธีปกติ ที่สำคัญเทคนิคการหลบเลี่ยงการถูกตรวจจับยังพัฒนาไปพร้อมๆ กับวิธีการตรวจจับด้วย โดยผู้สร้าง Deepfake มักปรับเปลี่ยนเทคนิคให้หลบเลี่ยงวิธีตรวจจับได้ ทำให้ปัจจุบันเป็นเหมือนการแข่งขันระหว่างการสร้างและตรวจจับ Deepfake

ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้แต่ตัว บิล เกตส์ เองยังไม่มั่นใจว่าจะหยุดยั้งการแพร่ข้อมูลเท็จเหล่านี้ได้อย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่เซนซิทีฟที่อาจถูกแย้งว่า เป็นการจำกัดข้อมูลทางออนไลน์ หรือสิทธิในการพูดหรือการแสดงความเห็นอย่างเสรี แต่เขายอมรับว่า จำเป็นต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์ ซึ่ง เกตส์ ยังเชื่อว่า ปัญหาข้อมูลเท็จจะไม่หมดไปและไม่ใช่เรื่องง่ายต่อการจัดการปัญหาเหล่านี้

…กลับมาที่ประเทศไทย เราเองก็ควรเริ่มคิดเตรียมแผนการรับมือกับปัญหา Deepfake ที่วันนึงอาจถูกนำมาใช้ปลุกปั่นสร้างความแตกแยกในสังคมขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะปัญหาการเมืองที่แผลเก่ายังไม่ทันแห้ง ใครสะกิดขึ้นมาแค่นิดเดียวพร้อมจะลุกลามออกไปได้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องระวัง!

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


คำคมภาษาอังกฤษ ประโยคให้กำลังใจตัวเองภาษาอังกฤษ ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ!

แคปชั่นให้กำลังใจตัวเอง ภาษาอังกฤษ 2024

  • Something take time.

บางสิ่ง บางอย่าง ต้องใช้เวลา

  • Self love is the best love.

การรักตัวเอง คือความรักที้ดีที่สุด

  • When you forgive, you heal. When you let go, you grow.

เมื่อคุณให้อภัย คุณจะรู้สึกดีขึ้น และเมื่อคุณปล่อยวาง คุณจะโตขึ้น

  • Life is all about how we see things.

ชีวิตจะเป็นอย่างไร มันก็อยู่ที่เราเลือกจะมอง

  • If you get tried, learn to rest not to quit.

ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อย จงเรียนรู้ที่จะพัก แต่อย่าล้มเลิก

  • Make it happen, Shock Everyone.

ทำมันให้สำเร็จ เอาให้ทุกคนหน้าหงายกันไปเลย

  • Expect nothing, Appreciate everything.

จงอย่าคาดหวังกับอะไร แต่จงยินดีกับทุกๆ สิ่ง

  • Life is like a roller coaster, Live it, Be happy, Enjoy life.

ชีวิตมันก็เหมือนกับรถไฟเหาะนั่นแหละ ใช้ชีวิตให้มีความสุข และสนุกไปกันมันเถอะ

  • Everything happen for a reason.

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันมีเหตุผลของมันนะ

  • Coffee in one hand, Confidence in the other.

มิอหนึ่งถือกาแฟ ส่วนอีกมือจงถือความมั่นใจและลุยไปกับมัน

  • Believe you can and you’re halfway there.

แค่เชื่อว่าคุณทำได้และนั่นก็เหมือนคุณมาครึ่งทางแล้ว

  • I’ve got nothing to do today but smile.

วันนี้ฉันไม่มีอะไรต้องทำ นอกจากยิ้ม

  • There will be a light at the end of this tunnel.

จะมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

  • In the middle of difficulty lies opportunity.

ท่ามกลางความลำบากย่อมมีโอกาสอยู่

  • Try and fail, but don’t fail to try.

แม้ว่าพยายามแล้วล้มเหลว แต่อย่าพลาดที่จะลอง

  • Don’t cry because it’s over, smile because it happened.

อย่าร้องไห้เพราะมันจบลง จงยิ้มเพราะมันเกิดขึ้นดีกว่า

  • If “Plan A” didn’t work. The alphabet has 25 more letters! Stay cool.

ถ้า “แผนเอ” ไม่ได้ผล ตัวอักษรยังมีอีก 25 ตัวอักษร! ใจเย็นๆ เข้าไว้

  • Pain is inevitable. Suffering is optional.

ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนความทุกข์เป็นสิ่งที่เราเลือกได้

  • The best of healers is good cheer.

หมอที่ดีที่สุดคือกำลังใจที่ดี

  • Life is better when you’re laughing.

ชีวิตดีขึ้นเมื่อคุณหัวเราะ

  • Believe in yourself a little more.

เชื่อมั่นในตัวเองอีกนิดนะ

  • Self-confidence is the best outfit.

ความมั่นใจในตัวเอง เป็นเสื้อผ้าที่ดีที่สุด

  • Better days are on their way.

วันที่ดีกว่ากำลังจะมาถึง

  • Make your life matter.

ทำชีวิตของคุณมีความหมาย

  • Long live the strong 💪 #stayhumbleandworkharder

คนเข้มแข็งจงเจริญ 💪

  • All I know is that I must fight on.

ที่ฉันรู้คือฉันต้องสู้ต่อไป

  • Work today to be better tomorrow.

ทำงานวันนี้เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า

คำคม ข้อคิด ให้กำลังใจตัวเองภาษาอังกฤษ

  • Don’t stop until you proud.

จงอย่าหยุดจนกว่าคุณจะภูมิใจ

  • Say yes to new adventure.

ยอมรับและพร้อมไปกับการผจญภัยครั้งใหม่

  • Sometimes you have to be your own hero.

บางครั้งเราก็จำเป็นต้องเป็นฮีโร่ให้กับตัวเอง

  • Storms make trees take deeper roots.

พายุมักจะทำให้รากต้นไม้หยั่งลึกขึ้น เปรียบเหมือนกับคนเราที่ยิ่งเจออุปสรรคถาโถมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้น

  • The greater your storm, The greater your rainbow.

ยิ่งพายุหนักเท่าไหร่ ยิ่งทำให้สายรุ้งที่เกิดหลังจากนั้นสดใสสวยงามมากยิ่งขึ้น

  • Be the reason someone smile today.

ทำตัวเองให้มีความสุข และลองเป็นเหตุผลของรอยยิ้มของใครสักคนดูสิ

  • :(: you decide.

จะสุขหรือจะทุกข์ อยู่ที่เราเลือกและตัดสินมัน

  • What goes around comes around.

ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้นแหละ

  • The pain of yesterday is the strength of today.

ความเจ็บปวดของเมื่อวาน จะกลายเป็นความเข้มแข็งในวันนี้

  • Life is better when you’re laughing.

ชีวิตดีขึ้นเมื่อคุณหัวเราะ

ขอบคุณข้อมูลจาก women.trueid.net


6 อันตราย หากกิน “ใบกระท่อม” เกินขนาด

เมื่อเราสามารถบริโภคใบกระท่อมกันแล้ว ควรรู้ปริมาณการกินที่เหมาะสมด้วย เพราะถ้ากินไปมากเกินไป อาจให้โทษต่อร่างกายได้

อ. พญ. สุทธิมน ธรรมเตโช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า กระท่อม (Mitragyna speciosa) เป็นพืชสมุนไพรท้องถิ่นของประเทศไทย แต่เดิมนิยมบริโภคโดยเคี้ยวใบสด นำไปตำน้ำพริก ต้มเป็นน้ำชา และนำมาใช้เพื่อการสันทนาการต่างๆ เพราะเชื่อว่าสารออกฤทธิ์ในใบกระท่อม เช่น ไมทราใจนีน (Mitragynine) และเซเว่น-ไฮดรอกไซไมทราใจนิน (7-hydroxymitragynine) จะช่วยทำให้ตื่นตัว แก้ปวด และคลายกล้ามเนื้อ

ในปัจจุบันใบกระท่อมมีความนิยมและวิธีการบริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น การทอด การย่างไฟ หรือการผัดรวมกับอาหารอื่นๆ ทำให้สารออกฤทธิ์ในใบกระท่อมถูกทำลายด้วยอุณหภูมิ หรือสภาวะความเป็นกรด(ความเปรี้ยว) ทั้งนี้ยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนถึงปริมาณของสารออกฤทธิ์ในใบกระท่อมที่ผ่านกรรมวิธี ดังกล่าวต่อร่างกาย 

อย่างไรก็ตาม การบริโภคใบกระท่อมที่มากเกินขนาดอาจทำให้เกิดผลเสียได้ ดังนี้

ผลข้างเคียงเมื่อบริโภคใบกระท่อมเกินขนาด

  1. คลื่นไส้ อาเจียน
  2. ชีพจรเต้นเร็วผิดปกติ
  3. กระสับกระส่าย ชัก
  4. เกิดอาการเซื่องซึม หรือกดการหายใจ
  5. ทำให้เสพติด เมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
  6. อาจส่งผลต่อยาบางประเภทที่กำลังรับประทานอยู่

คำแนะนำจากแพทย์

ถึงแม้ว่าใบกระท่อมทอดจะสามารถรับประทานได้ แต่ไม่สามารถคาดเดาถึงผลที่เกิดขึ้นต่อร่างกายได้ จึงไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินขนาดและต่อเนื่อง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 11/09/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a39,950.0040,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,588.0039,234.0840,550.00
ทองรูปพรรณ 90%2,329.2035,310.67n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,070.4031,387.26n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,165.0017,661.40n/a
ทองรูปพรรณ 40%906.0013,734.96n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,682.0040,659.12n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/09/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.3535.3535.6535.3535.3535.3535.3535.3535.3535.35
แก๊สโซฮอล์ 9134.9834.9835.2834.9834.9834.9834.9834.9834.9834.98
แก๊สโซฮอล์ E2033.2433.2433.5433.2433.2433.2433.2433.2433.24
แก๊สโซฮอล์ E8532.9932.9932.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม43.9449.8449.8449.8443.94
เบนซิน 9543.4449.8143.9443.5943.44
ดีเซล32.9432.9433.2432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV18.5918.5918.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า