สาระน่ารู้ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564

บขส. ดีเดย์วิ่ง 12 พ.ย. เพิ่มรถทัวร์สายเหนือ “สารจิตร-เชียงใหม่-แม่สอด-อุตรดิตถ์”

บขส. ดีเดย์วิ่ง 12 พ.ย.64 นี้เพิ่มรถทัวร์สายเหนือ “สารจิตร-เชียงใหม่-แม่สอด-อุตรดิตถ์” 30 เที่ยว

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า บขส.เตรียมกลับมาเปิดให้บริการเดินรถเส้นทางภาคเหนือ กรุงเทพฯ – สวรรคโลก – สารจิตร อีกครั้งหลังหยุดเดินรถชั่วคราว จากสถานการณ์โควิด-19 และจะปรับเพิ่มเที่ยววิ่ง จำนวน 3 เส้นทาง คือกรุงเทพฯ – เชียงใหม่, กรุงเทพฯ – แม่สอด และ กรุงเทพฯ – อุตรดิตถ์

จากเดิมให้บริการวันละ 2 เที่ยววิ่ง เป็น 4 เที่ยววิ่ง เพื่อรองรับการเดินทางของ ประชาชนที่เพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์และมีนโยบายเปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ตั้งแต่ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 บขส.จะเปิดให้บริการเดินรถเส้นทางภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 11 เส้นทาง จำนวน 30 เที่ยววิ่ง

สำหรับตารางเวลาเดินรถ บขส. เปิดให้บริการเส้นทาง กรุงเทพฯ – สวรรคโลก – สารจิตร เวลาต้นทาง 10.30 น. เวลาปลายทาง 21.00 น., กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ เวลาต้นทาง 07.30 น.,19.50 น. เวลาปลายทาง 07.30 น.,19.00 น., กรุงเทพฯ – แม่สอด เวลาต้นทาง 09.00 น.,20.20 น. เวลาปลายทาง 09.00 น.,19.00 น. และเส้นทางกรุงเทพฯ – อุตรดิตถ์ เวลาต้นทาง 08.30 น.,20.30 น. เวลาปลายทาง 08.00 น.,19.00 น.

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวด้วยว่า บขส. พร้อมให้บริการด้วยรถโดยสารที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHA และจัดการเดินรถตามมาตรการสาธารณสุข เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19)

ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถจองตั๋วเดินทางกับ บขส.ได้ผ่านทาง แอปพลิเคชัน E-Ticket, Website บขส., ร้าน 7-Eleven หรือตัวแทนจำหน่ายตั๋วของ บขส.

นอกจากนี้ ยังสามารถชำระค่าโดยสาร บขส. โดยใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตังค์” ได้ โดยสิทธิ์ดังกล่าวไม่สามารถใช้กับการจองตั๋วล่วงหน้า และไม่สามารถยกเลิก/คืน/เปลี่ยนแปลงตั๋วได้ทุกกรณี รวมทั้งผู้โดยสาร ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม สามารถใช้สิทธิ์รับส่วนลดค่าโดยสาร 20% (ไม่รวมค่าธรรมเนียม) จำกัดจำนวนที่นั่งต่อเที่ยววิ่ง ได้จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน นี้ ณ ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


แสนสิริปั้นแบรนด์ “BuGaan” โดนใจลูกค้า Young Successor ดัน Sold Out! ปิดการขายโครงการเอ็กซ์คลูซีฟ โมเดิร์น เรสสิเดนท์ 14 ยูนิต ใน 4 เดือน ตอกย้ำเบอร์หนึ่งผู้นำอสังหาฯ ไทยในตลาดลักซ์ชัวรี่

แสนสิริปั้นแบรนด์

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริตอกย้ำการเป็นผู้นำที่อยู่อาศัยในระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ด้วยความสำเร็จที่เห็นได้อย่างชัดเจนของโครงการระดับแฟล็กชิพบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ “บ้านแสนสิริ พัฒนาการ” ที่สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับตลาดบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ที่ยังคงเป็นโครงการที่ถูกพูดถึงและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของเราจนถึงปัจจุบัน รวมถึงแบรนด์บ้านเดี่ยว นาราสิริ Luxury in Details งดงามในรายละเอียด ซึ่งปิดการขายในทุกโครงการ ล่าสุด แสนสิริประสบความสำเร็จอีกครั้งในตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ แบรนด์ บูก้าน (BuGaan) เอ็กซ์คลูซีฟ โมเดิร์น เรสซิเดนท์ แบรนด์ใหม่ล่าสุด ภายใต้ “Sansiri Luxury Collection” ในทำเล โยธินพัฒนา ไพร์มโลเคชัน ที่หาไม่ได้อีกแล้วใจกลางเมือง มูลค่าโครงการรวม 600 ล้านบาท โดยปิดการขายเอ็กซ์คลูซีฟ โมเดิร์น เรสซิเดนท์ ที่มีเพียง 14 ยูนิต ระดับราคา 35.9 – 80 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 4 เดือน

“แสนสิริสานต่อความสำเร็จในบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ แบรนด์ บูก้าน (BuGaan) จากความเชื่อมั่นในแบรนด์ แสนสิริ จากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากว่า 37 ปี ด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเข้าถึงลูกค้าในทุกระดับราคา นอกจากนี้แสนสิริยังนับเป็น Taste -Maker Brand ที่พัฒนาบูก้าน (BuGaan) แบรนด์ลักซ์ชัวรี่ ที่สามารถเล่านิยามความลักซ์ชัวรี่แบบใหม่ในทุกรายละเอียดออกมาได้อย่างพิถีพิถัน ภายใต้แนวคิดการพัฒนาแบรนด์และโครงการ จากความเข้าใจลูกค้า หรือ Customer Centric และความเข้าใจไลฟ์สไตล์ลูกค้ากลุ่ม Young Successor ที่มีความชอบและไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำแบบใคร ภายใต้แนวคิดการออกแบบโครงการ “Made For Customer Lifestyle” สู่บ้านที่สะท้อนตัวตนของเจ้าของบ้าน “My Home Speaks for Myself” ที่ Customized Space และฟังก์ชันให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์และรสนิยมของผู้อยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง” นายอุทัย กล่าว

ส่งผลให้ “BuGaan” (บูก้าน) เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม Young Successor ได้เป็นอย่างดี ทั้งความเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ ที่เปรียบเสมือน Penthouse on Ground หรือ เพนท์เฮาส์ในรูปแบบบ้าน กับสเปซและฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างแท้จริง ด้วยดีไซน์ในแบบ Modern Luxury Living ใส่ใจในทุกรายละเอียดผ่านสเปซและฟังก์ชันรองรับไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบันที่หลากหลาย อย่างเหนือระดับ ส่วนกลางแบบส่วนตัวด้วยสระว่ายน้ำระบบน้ำแร่ Freshwater Swimming Pool และลิฟท์ส่วนตัวภายในบ้าน พร้อมความเป็นส่วนตัวสูงสุด ด้วยจำนวนยูนิตในโครงการที่มีเพียง 14 ยูนิตเท่านั้นซึ่งควรค่าแก่การครอบครอง ส่งผลให้ บูก้าน (BuGaan)

ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ความสำเร็จของบูก้าน (BuGaan) เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ ยังมาจากทำเลที่นับเป็น The Best Location for Luxury Residence “โยธินพัฒนา” ซึ่งเป็นทำเลที่หาไม่ได้อีกแล้วใจกลางเมือง สำหรับผู้ที่ปรารถนาในการมีบ้านระดับลักซ์ชัวรี่และ ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ใกล้เลียบทางด่วนเอกมัย- รามอินทรา

ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com


แกร็บ สานต่อโครงการ “GrabAcademy” ปี 2

แกร็บ สานต่อโครงการ “GrabAcademy” ปี 2

แกร็บ สานต่อโครงการ “GrabAcademy” ปี 2 ชูคอนเซปต์ “ต่อยอด เสริมทัพ พร้อมรับ New Normal”

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการบริหาร แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “แกร็บ ได้ริเริ่มและเปิดตัวโครงการ ‘GrabAcademy สร้างอาชีพกับมือโปร’ ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา โดยเราได้ผนึกความร่วมมือกับดีป้า พัฒนาแหล่งเรียนรู้ออนไลน์สำหรับพาร์ทเนอร์คนขับ-ร้านอาหาร ซึ่งรวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อมุ่งส่งเสริมความรู้ พร้อมพัฒนาทักษะและศักยภาพให้กับคนในอีโคซิสเต็มของแกร็บ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาเรียนรู้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา โครงการของเราได้รับความสนใจและเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เข้าอบรมที่มีจำนวนกว่า 30,000 คน ซึ่งเรียนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าคนละ 8 คอร์ส”“สำหรับในปีนี้ เรายังคงเดินหน้าสานต่อโครงการ GrabAcademy อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ต่อยอด เสริมทัพ พร้อมรับ New Normal’ โดยมุ่งเน้นการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ใหม่ๆ และปรับปรุงเนื้อหาของคอร์สเรียนออนไลน์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับความต้องการและพฤติกรรมของทั้งพาร์ทเนอร์คนขับและร้านอาหาร รวมถึงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้พวกเขาสามารถเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและต่อยอดธุรกิจได้ในยุคนิวนอร์มอล”

ไฮไลท์สำคัญของโครงการ GrabAcademy ในปีที่ 2 ประกอบด้วย

– “GrabAcademy เรียลลิตี้โชว์” ให้ความรู้ คู่ความบันเทิง: นอกเหนือจากหลักสูตรการเรียนออนไลน์ที่แกร็บได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความรู้และพัฒนาศักยภาพในการทำธุรกิจให้กับพาร์ทเนอร์ร้านอาหารแล้ว ในปีนี้ แกร็บยังได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ เตรียมจัดรายการแข่งขันทางธุรกิจในรูปแบบเรียลลิตี้โชว์ในชื่อ “GrabAcademy สร้างอาชีพกับมือโปร” ยกขบวนเหล่ากูรูคนดังจากหลากหลายวงการ อาทิ เปิ้ล นาคร นักแสดงสายฮา เจ้าของร้าน “Sail To The Moon By Nakorn”, ป๋อมแป๋ม นิติ พิธีกรชื่อดัง เจ้าของร้าน “อรรถรส”, กันสมาย – ชนกันต์ ดาราดาวรุ่ง เจ้าของร้าน “3 มีนา”, กอล์ฟ กันตพัฒน์ ครีเอเตอร์สุดฮิปจากเพจ “กอล์ฟมาเยือน” และอินฟลูเอนเซอร์ตัวแม่อย่าง หยาดพิรุณ ที่จะมาร่วมแชร์ประสบการณ์และถ่ายทอดทักษะความรู้ให้กับ 6 ผู้เข้าแข่งขันเจ้าของร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด ซึ่งจะมาประชันความสามารถเพื่อชิงเงินรางวัลรวมมูลค่า 100,000 บาท โดยรายการจะออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 17.00 น. เริ่มวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ เป็นตอนแรก ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของ Grab ทั้ง YouTube และ Facebook

– “มินิคอร์ส 5 นาที” เรียนได้ทุกที่ ตอบโจทย์พี่ๆ คนขับ: จากการสำรวจพฤติกรรมของพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บ พบว่าคนขับส่วนใหญ่ให้ความสนใจที่จะเสริมทักษะและความรู้ใหม่ๆ แต่ไม่มีเวลาที่จะเข้าอบรมในหลักสูตรยาวๆ ผ่านทางเว็บไซต์ เวลาที่ว่างจะมีแค่ช่วงเวลารอรับออร์เดอร์อาหาร ในปีนี้ GrabAcademy จึงได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า พัฒนารูปแบบการเรียนรู้ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนขับมากขึ้น โดยยกคอร์สอบรบออนไลน์ต่างๆ เข้าไปอยู่ในแอปพลิเคชันของคนขับ (Grab Driver app) พร้อมจัดทำ “มินิคอร์ส 5 นาที” โดยปรับเนื้อหาของคอร์สต่างๆ ให้สั้น กระชับ ดูเพลิน เรียนรู้ง่ายภายในเวลา 5 นาที เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ช่วงเวลาว่างระหว่างรอให้บริการหรือรอรับออเดอร์อาหาร เสริมความรู้และทักษะใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ โดยปัจจุบันแอปพลิเคชันคนขับมีการบรรจุคอร์สอบรมต่างๆ แล้วกว่า 55 คอร์ส ครอบคลุมทั้งเรื่องทักษะการให้บริการ หลักสูตรภาษาเพื่อการบริการ อาทิ ภาษาอังกฤษและภาษาจีนเบื้องต้น รวมทั้งหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น การวางแผนการเงิน ภาษีเบื้องต้น และการบริหารจัดการหนี้ เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


“แครอท “พรพิชชา เฉือนคู่แข่งหืดจับผงาดแชมป์ขนไก่ยู-19 อยุธยา

"แครอท "พรพิชชา เฉือนคู่แข่งหืดจับผงาดแชมป์ขนไก่ยู-19 อยุธยา

สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา(กรุงเก่า) ร่วมกับสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดการแข่งขันแบดมินตันภายในประเทศรายการแรกในปี พ.ศ.2564 ในศึก “YOUNG -อำพันสุวรรณ อยุธยาโอเพ่น 2021” ทัวร์นาเมนต์เก็บคะแนนสะสมเยาวชนของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ในระดับ LEVEL 4 ชิงเงินรางวัลกว่า 216,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล ที่สนามแบดมินตัน สนามกีฬากลาง จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันพุธที่ 10 พฤศจิกายน 2564 เป็นการลงสนามแข่งขันวันที่หกในรอบชิงชนะเลิศ

โดยคู่ไฮไลท์อยู่ในประเภทหญิงเดี่ยว รุ่นยู19 ปี รอบชิงชนะเลิศ  “แครอท”พรพิชชา เชยกีวงศ์ จากพลสนะแบดมินตัน เป็นมือวางอันดับ 1 ของรายการ พบกับ ฐิติพร กล่อมยงค์(สมาคมกีฬาแบดมินตันจังหวัดปทุมธานี) 21-17 , 15-21, 21-19  ใช้เวลาแข่งขัน 61 นาที   “แครอท”พรพิชชา คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ

    สำหรับผลการแข่งขันคู่อื่นในรอบชิงชนะเลิศมีดังนี้ รุ่นยู 9 ปี ชายเดี่ยว สุวิจักขณ์ มีชัย(บอยคลับส์) รวิณ ชูชัยศรี(BOUNCY) ชนะ 21-17,21-16 , หญิงเดี่ยว อชิรญา ไวยชิตา(ศรีราชาสปอร์ตคลับส์) ชนะ สิริกร จงเจริญ(สิงห์ เอชเอช) 21-7 , 21-13  , ชายคู่ รวิณ ชูชัยศรี กับ สุวิจักขณ์ มีชัย(BOUNCY/บอยคลับส์) ชนะ จุ้น หงกง กับ ภคณัฏฐ์ อัศวพงษ์โชติ(ที ไทยแลนด์/บ้านทองหยอด) 21-19,21-13 , หญิงคู่  สิริกร จงเจริญ กับ กรรณิการ์ ตันมณี (สิงห์ เอชเอช/บ้านเดชแบดมินตัน) แรกนาขวัญ พิมพ์ศิริ กับ ณัฐณิชา อยู่บริบูรณ์(@ลูกแบดน่าน)    รุ่นยู 11 ปี ชายเดี่ยว พสิษฐ์ วงศ์กิตติเวชกุล(ทริปเปิ้ลวี) ชนะ ณฐกร สำราญ(ที ไทยแลนด์)  21-14,21-17 , หญิงเดี่ยว  พัทธนันท์ เธียรนภาพรโชค(ทริปเปิ้ลวี) ชนะ พิชญดา อยู่ประเสริฐ(เทศบาลเมืองชลบุรี)  21-8,21-11 , ชายคู่ ณฐกร สำราญ กับ กฤษิกร เชยกีวงศ์(ที ไทยแลนด์/บ้านทองหยอด) ชนะ จิรายุทธ พูลศิริ กับ อณาวิญญ์ หรั่งทิม(สปิริตบายมณีพงศ์/ภูติคลับส์) 16-21,21-18,21-8 , หญิงคู่ นริสรา พุ่มศิริ กับ พัทธนันท์ เธียรนภาพรโชค(สิงห์ เอชเอช/ทริปเปิ้ลวี) ชนะ ปาณิสรา นาแซง กับ พิชญดา อยู่ประเสริฐ(แบดฯJate คลับส์/เทศบาลเมืองชลบุรี)  21-7,21-7

    รุ่นยู 13 ปี ชายเดี่ยว ปัณณธร มหาพัณณาภรณ์(ที ไทยแลนด์) ชนะ ปัณณทัต เปรมพันธ์พงษ์ (บ้านทองหยอด) 26-24,21-17 ,  , หญิงเดี่ยว ณิชารัศม์ ชาติวีระชัยศรี(ที ไทยแลนด์) ชนะ  ณธิดา บุระมาศ(บี จี สปอร์ต) 21-12,21-12 , ชายคู่ เตชินท์ วิริยชัยฤกษ์ กับ วรณัน แสงวณิช(ราชพฤกษ์ นครราชสีมา/ที ไทยแลนด์) ชนะ เพียรวิรุจ สิริวรานุกูล กับ ลูคัส เอกรัฐ เวดเลอร์(พลสนะแบดมินตัน/บ้านทองหยอด) 18-21,21-19,21-14 , หญิงคู่ พธมน มัญจกานนท์ กับ ผลิตาภัทร หิรัญอัครวงศ์(เคไอพี แบดฯคลับส์) ชนะ กุ้งแก้ว กากะนิก กับ ปุญญิศา เครือคช(ธนบุรี)  21-12,21-11

    รุ่นยู 15 ปี ชายเดี่ยว ธีรานันท์ พสิษฐ์ฐิติพันธิ์(ศิริภูล) ภัฏ วิทูรสุชยา(ศิริภูล) 16-21,21-15,21-19 , ชายคู่ ชนายุ มิตรพันธ์ กับ ชยางกูร ไทรทรัพย์ณรงค์ (บ้านทองหยอด) ชนะ ธีธัช จินตมุทธา กับ ณัฏฐกฤต เขียวบุญจันทร์(ภคภัทร์/เซาร์เทิร์นอะคาร์เดมี่) 21-15,21-16  , หญิงคู่ กชพร ชัยชนะ กับ ปัณณวีร์ พลเยี่ยม(บ้านทองหยอด) จิณห์นิภา ตันมณี กับ หทัยทิพย์ มิจาด(บ้านทองหยอด/เกตุแก้ว) ชนะ 21-19,15-21,21-16 , หญิงเดี่ยว อัญพัชร์ พิชิตปรีชาศักดิ์(บ้านทองหยอด) ชนะ ต้นรัก แซ่เฮ้ง(เกตุแก้ว) 21-19,21-13

    รุ่นยู 17 ปี ชายเดี่ยว วงศ์ทรัพย์ วงศ์ทรัพย์อินทร์ (สปิริตบายมณีพงศ์) ชนะ ณชกร ภู่ศรี(พลสนะแบดมินตัน) 21-14, 22-20  , หญิงเดี่ยว สรัลรักษ์ วิทิตศานต์(บ้านทองหยอด) ชนะ ต้นรัก แซ่เฮ้ง(เกตุแก้ว) 21-10,21-12 , ชายคู่  อดิศักดิ์ ประเสริฐเพชรมณี กับ สรัล รักษ์เจริญ(บ้านทองหยอด) ชนะ ธนากร มีชัย กับ ภูวนัตถ์ หอบรรลือกิจ(สมาคมกีฬากรุงเก่า/เสนาสปอร์ตสเตชั่น)   21-17,17-21,21-18 , คู่ผสม วงศ์ทรัพย์ วงศ์ทรัพย์อินทร์ กับ ปทิดา ศรีสวัสดิ์(สปิริตบายมณีพงศ์/สมาคมกีฬาแบดมินตันจังหวัดปทุมธานี) ชนะ ธนากร มีชัย กับ ฟุ้งฟ้า กอปรธรรมกิจ(สมาคมกีฬากรุงเก่า/เจพีอะคาร์เดมี่)  21-13,15-21,21-18 , หญิงคู่ ปทิดา ศรีสวัสดิ์ กับ เบญญาภา อังเพชร(สมาคมกีฬาแบดมินตันจังหวัดปทุมธานี)  ชนะ นนทพร พานิช กับ สาบริน่า โสภิตา เวดเลอร์(บ้านทองหยอด) 21-15 , 21-17

รุ่นยู 19 ปี ชายเดี่ยว ภูริธัช อารีย์(ทหารอากาศ) ชนะ พรรคพล ธีระรัตน์สกุล(ที ไทยแลนด์) 21-15,21-12 ,หญิงเดี่ยว  ชายคู่ พีรัชชัย สุขพันธ์ กับ สหภาพ เนื้อนาบุญ(ที ไทยแลนด์) ชนะ ภรัณยู​ ขาวสำอางค์ กับ วิชญะ จินตมุทธา (เจพีอะคาร์เดมี่/ภคภัทร์) 21-18,20-22,21-19 , หญิงคู่ พุธิตา พันธุ์ทุ้ย กับ นภา สามารถ(สปิริตบายมณีพงศ์/สมาคมกีฬาแบดมินตันจังหวัดปทุมธานี) ชนะ  นนทพร พานิช กับ สาบริน่า โสภิตา เวดเลอร์(บ้านทองหยอด) 21-10,21-9 , คู่ผสม  พรรคพล ธีระรัตน์สกุล กับ อติกานต์ พฤกษ์พิจารณ์(ที ไทยแลนด์/ภูติคลับส์) ชนะ ธนากร มีชัย กับ ฟุ้งฟ้า กอปรธรรมกิจ(สมาคมกีฬากรุงเก่า/เจพีอะคาร์เดมี่) 21-13,21-17 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


4 กลุ่มต้องห้าม ที่ไม่ควรเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการจัดกระดูก

4 กลุ่มต้องห้าม ที่ไม่ควรเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการจัดกระดูก

เมื่อเกิดอาการปวดเมื่อยตามตัว เมื่อก่อนคงมีแต่วิธีการนวดคลายเส้น แต่เดียวนี้มีแพทย์ทางเลือกอีกแขนงขึ้นมา คือ การจัดกระดูก และเริ่มเป็นที่นิยมในเมืองไทย แต่รู้หรือไม่ว่า วิธีการดังกล่าว ก็มีข้อห้าม สำหรับคน 4 กลุ่มด้วยกัน

การจัดกระดูก หรือ ไคโรแพรกติก  ถือเป็นศาสตร์การรักษาอย่างหนึ่ง แขนงหนึ่งในการช่วยปรับลักษณะกระดูกภายในร่างกาย ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม  คล้ายกับวิธีการฝังเข็ม หรือว่าไปนวด ซึ่งในเมืองไทย สามารถแบ่งการจัดกระดูกออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ การจัดกระดูกโดยนักไคโรแพรกติก ที่เรียนจบทางด้านนี้โดยตรงและมีความเชียวชาญ กับอีกกลุ่มคือ การจัดกระดูกโดยแพทย์ชาวบ้าน หรือหมอชาวบ้าน ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับการถ่ายทอดความรู้สืบต่อกันมา 

สำหรับการจัดกระดูก ก็ต้องยอมรับว่ายังมีกลุ่มที่ต้องห้าม หรือไม่ควรเสี่ยงเช่นกัน ประกอบด้วย 4 กลุ่มดังนี้ 
1. กลุ่มที่มีภาวะการกดทับของเส้นประสาท ที่กดทับจนกระทั่งแขนขาอ่อนแรง กดทับบริเวณไขสันหลัง ซึ่งคนกลุ่มนี้เกิดไปจัดกระดูกแล้วเกิดผิดท่าผิดจังหวะอาจทำให้อ่อนแรง หรือเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตไปได้ 

2. กลุ่มที่มีภาวะกระดูกพรุน อาทิ กลุ่มผู้สูงอายุ หรือคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง หรือกินยาบางอย่างที่มีภาวะกระดูกพรุน 

3. กลุ่มคนที่มีประวัติการหลุดของข้อต่อ เพราะการจัดกระดูกอาจทำให้เกิดข้อหลุดซ้ำ หรือเกิดความไม่มั่นคงของข้อเพิ่มขึ้นได้ 

4. กลุ่มที่มีปัญหาเรื่องหลอดเลือดที่ไม่ค่อยดี เช่น หลอดเลือดแข็งตัว หรือว่าภาวะโป่งพองของหลอดเลือด เพราะการจัดกระดูกจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมีโอกาสทำให้เส้นเลือดแดงใหญ่พวกนี้แตกได้ ซึ่งหากเกิดอาการดังกล่าวจริงจะอาจทำให้เสียชีวิตได้

ดังนั้นใครที่อยากลองจัดกระดูกจึงต้องรู้ถึงความเสี่ยงของโรคที่ตัวเองเป็นก่อนว่าทำได้หรือไม่ แต่ทางดีที่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดำเนินการทุกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงที่เป็นอันตรายกับชีวิต

ขอบคุณข้อมูลจาก pptvhd36.com


คำคุณศัพท์ – บอกอารมณ์ ภาษาจีน

เรียนภาษาจีน: อารมณ์ ความรู้สึก 情绪

愤恨 fènhèn เฟิ่นเฮิ่น แค้น

好奇心 hàoqí xīn ฮ่าวฉี ซิน อยากรู้อยากเห็น

迷惑 míhuò หมีฮั่ว สับสน

怀疑 huáiyí หวยอี๋ สงสัย

猜疑 cāiyí ไคอี๋ ระแวง ไม่ไว้วางใจ

———
 
如果你觉得难受,你可以告诉我。
Rúguǒ nǐ juédé nánshòu, nǐ kěyǐ gàosù wǒ.
ยรูกั่ว หนี่ เจวี๋ยเต๋อ หนานโซ่ว หนี่ เข๋ออี่ เก้าซู่ หว่อ
ถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย คุณสามารถบอกฉันได้

你不要紧张 加油。Nǐ bùyào jǐnzhāng jiāyóu.
หนี่ ปู๋เย่า จิ่นจาง เจียโหย๋ว คุณไม่ต้องเครียด สู้ๆ 
 
难受 nánshòu หนานโซ่ว ไม่สบายใจ

紧张 jǐnzhāng จิ่นจาง เครียด

哭 kū คู ร้องไห้

困难 kùnnán คุ่นหนาน ลำบาก

累 lèi เล่ย เหนื่อย

困 kùn คุ่น ง่วง

寂寞 jìmò จี้โม่ เหงา

厌烦 yànfán เยี่ยนฝาน เบื่อ

灰心 huīxīn ฮุยซิน ท้อแท้

担心 dānxīn ตานซิน กังวล

压力 yālì ยาลี่ ความกดดัน

着急 zháojí เจ๋าจี๋ รีบร้อน

急忙 jímáng จี๋หมาง รีบร้อน

痛心 tòngxīn ท่งซิน เจ็บใจ

悲伤 bēishāng เปยซาง เสียใจ

丢脸 diūliǎn ติวเหลี่ยน เสียหน้า

讨厌 tǎoyàn เถ่าเยี่ยน รำคาญ

习惯 xíguàn สีก้วน เคยชิน

我爱你!Wǒ ài nǐ!หว่อ อ้าย หนี่ ฉันรักคุณ 

我喜欢你!Wǒ xǐhuān nǐ! หว๋อ สี่ฮวน หนี่ ฉันชอบคุณ

我很想你! Wǒ hěn xiǎng nǐ!หว่อ เหิ่น เสียง หนี่ ฉันคิดถึงคุณมาก

你是我心爱的人!Nǐ shì wǒ xīn ài de rén!
หนี่ ซื่อ หว่อ ซิน อ้าย เตอะ เยริน คุณเป็นที่รักของฉัน! 
 
你是我的宝贝!Nǐ shì wǒ de bǎobèi!
หนี่ ซื่อ หว่อ เตอะ เป่าเป้ย เธอคือสุดที่รักของฉัน  You’re my baby.

我们交往吧。Wǒmen jiāowǎng ba.
หว่อ เหมิน เจียว หว่าง ปะ  พวกเราเป็นแฟนกันนะ 
 
跟我结婚吧。Gēn wǒ jiéhūn ba.
เกิน  หว่อ เจี๋ยฮุน ปะ  แต่งงานกับเรานะ 

不要消失不见。Bùyào xiāoshī bùjiàn.
ปู๋เย่า เซียวซือ ปู๋เจี้ยน  อย่าหายไปไหนนะ 
 
我需要你在我身边。Wǒ xūyào nǐ zài wǒ shēnbiān.
หว่อ ซูเย่า หนี่ ไจ้ หว่อ เซินเปียน ฉันต้องการมีเธออยู่เคียงข้างฉันตลอดไป
 
虽然相遇可能是偶然,但是我们的相爱是有意的。
Suīrán xiāngyù kěnéng shì ǒurán, dànshì wǒmen de xiāng’ài shì yǒuyì de.
ซุยยราน เซียงยวี้ เข่อเหนิง ซื่อ โอ่วยราน, ตั้นซื่อ หว่อเหมิน เตอะ เซียงอ้าย ซื่อ โหย่วยี้ เตอะ
การพบกันอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่การที่เรารักกันคือความตั้งใจ 

———

恋爱 liàn’ài เลี่ยน อ้าย รัก (เป็นแฟนกัน)

谈恋爱 tán liàn’ ài ถาน เลี่ยน อ้าย เดทกันอยู่

真爱 zhēn ài เจิน อ้าย รักแท้

初恋 chū liàn ชู เลี่ยน รักแรกพบ

爱上 ài shàng อ้าย ช่าง ตกหลุมรัก

想念 xiǎngniàn เสี่ยงเนี่ยน คิดถึง

暗恋 àn liàn อั้น เลี่ยน แอบรัก

三角恋爱 sān jiǎo liàn’ ài ซาน เจี่ยว เลี่ยน อ้าย รักสามเส้า

第三者 dì sān zhě ตี้ซานเจ่อ มือที่สาม

———

在我心中,他是最好的人。Zài wǒ xīnzhōng, tā shì zuì hǎo de rén.
ไจ้ หว่อ ซินจง ทา ซื่อ จุ้ย ห่าว เตอะ เยริน ในใจของฉัน เขาคือคนที่ดีที่สุด
 
请你招呼自己。Qǐng nǐ zhāohū zìjǐ.
ฉิง หนี่ เจาฮู จื้อจี่ ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ

你放心吧,我要帮助你。Nǐ fàngxīn ba, wǒ yào bāngzhù nǐ.
หนี่ ฟ่างซิน ปะ, หว่อ เย่า ปางจู้ หนี่ เธอวางใจเถอะ ฉันจะช่วยเธอเอง
 
他看 可笑的视频就笑起来。Tā kàn kěxiào de shìpín jiù xiào qǐlái.
ทา ค่าน เข่อเซี่ยว เตอะ ซื่อผิน จิ้ว เซี่ยว ฉี่หลาย เขาดูคลิปตลก แล้วก็หัวเราะออกมา

心事 xīnshì ซินซื่อ ความในใจ

心中 xīnzhōng ซินจง ในใจ 

情绪 qíngxù ฉิงซู่ อารมณ์ 

好玩 hǎowán ห่าวหวาน สนุก

可笑 kěxiào เข่อเซี่ยว ตลก 

笑 xiào เซี่ยว ยิ้ม / หัวเราะ

开玩笑 kāiwánxiào ไคหวานเซี่ยว ล้อเล่น

高兴 gāoxìng เกาซิ่ง ดีใจ

舒服 shūfu ซูฝู่ สบาย

开心 kāixīn คายซิน สบายใจ

放心 fàngxīn ฟ่างซิน วางใจ

沉静 chénjìng เฉินจิ้ง สงบ

方便 fāngbiàn ฟางเปี้ยน สะดวก

满意 mǎnyì หม่านอี้ พอใจ

感动 gǎndòng ก่านต้ง ซาบซึ้ง

印象深刻 yìnxiàng shēnkè ยิ่นเซี่ยง เซินเค่อ ประทับใจ

担心 dānxīn ตานซิน เป็นห่วง

———

这部电影非常恐怖。Zhè bù diànyǐng fēicháng kǒngbù.
เจ้อ ปู้ เตี้ยนอิ่ง เฟยฉาง ข่งปู้ หนังเรื่องนี้น่ากลัวมาก

怕 pà พ่า กลัว

可怕 kěpà เข่อพ่า น่ากลัว

恐怖 kǒngbù ข่งปู้ น่ากลัวมากจนขนหัวลุก

吃惊 chījīng ชือจิง ตกใจ

恨 hèn เฮิ่น เกลียด

可恶 kěwù เข่ออู้ น่าเกลียด

生气 shēngqì เซิงชี่ โกรธ

ขอบคุณข้อมูลจาก yingpook.com


รวมรายชื่อสมาร์ทโฟน Android ที่สามารถอัปเดต Android 12 มาใช้งานได้

รวมรายชื่อสมาร์ทโฟน Android ที่สามารถอัปเดต Android 12 มาใช้งานได้

หลังจากที่ทาง Google ได้ปล่อยอัปเดต Android 12 ออกมาให้ผู้ใช้ Google Pixel ได้ชิมลางกันไปเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้รวมไปถึงสมาร์ทโฟนค่ายอื่น ๆ ก็ดูเหมือนจะเริ่ม ทยอยทดสอบใช้งาน Andtoid 12 ของตัวเองไปบ้างบางส่วน ทำให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android ค่ายอื่น ๆ เกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่า “แล้วสมาร์ทโฟนของเราจะรองรับ Android 12 รึเปล่านะ ?” หรือบางคนก็อาจสงสัยว่า “เมื่อไรจะได้ใช้งาน Android 12 กันเสียที ?” ดังนั้นเราจึงรวบรวมรายชื่อค่ายสมาร์ทโฟน Android พร้อมรุ่นและเวลาที่ (คาดว่าน่าจะ) รองรับการอัปเดต Android 12 กันมาให้เลือกชมตามค่ายของสมาร์ทโฟนนั้น ๆ กันเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก today.line.me


สะระแหน่ ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

ถิ่นกำเนิดสะระแหน่ 

สะระแหน่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในยุโรป และแพร่กระจายพันธุ์อยู่ทั่วไป ทั้งในยุโรปและอเมริกาเหนือ รวมทั้งในภูมิภาคอื่นๆ ของโลกโดยเฉพาะเขตร้อนและเขตอบอุ่น  แล้วจึงมีการพัฒนาสายพันธุ์เองตามธรรมชาติเพื่ออยู่รอดตามสภาพอากาศของถิ่นต่างๆ ที่กระจายพันธุ์ไป หรือเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์จนกลายมาเป็นสะระแหน่สายพันธุ์ต่างๆ เช่น สะระแหน่ไทย , สะระแหน่ฝรั่ง , สะระแหน่ญวน เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยเชื่อกันว่า สะระแหน่ถูกนำเข้ามาในเมืองไทยช่วงรัชสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่3) โดยชาวอิตาเลียนชื่อนายสะระนีด้วยเหตุนี้จึง สันนิษฐานว่าชื่อสะระแหน่มาจากชื่อนายสะระนีนั่นเอง

หนังสืออักขราภิธานศรับท์ พ.ศ.2416 ของหมอปลัดเล ซึ่งเป็นช่วงรัชกาลที่ 4 ปรากฏว่าไม่พบชื่อสะระแหน่เลยแสดงว่าขณะนั้น (2416) สะระแหน่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ซึ่งอาจเป็นเพราะสะระแหน่เพิ่งเข้ามาไม่นานก็เป็นได้  และในปัจจุบันสามารถพบสะระแหน่ไทยได้ทั่วทุกภาคของประเทศ


ประโยชน์และสรรพคุณสะระแหน่

สะระแหน่ญวนมีการนำมาใช้ประโยชน์ คือ ชาวเวียดนาม นิยมรับประทานสะระแหน่ญวน เป็นผักสดกับอาหารคาวหลากหลายชนิด โดยเฉพาะขนมจีนเวียดนามจะเพิ่มกลิ่นหอมให้รับประทานอร่อยยิ่งขึ้น  และยังใช้เป็นสมุนไพรเช่นเดียวกับสะระแหน่ไทยทุกอย่างคือ ใบสดมีกลิ่นหอมร้อนกินเป็นยาขับผายลม ขับเหงื่อ ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ปวดท้องได้ดีมาก ใบสดขยี้ดมกลิ่นจะช่วยลดอาการหืดหอบ ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ใบแห้งชงกับน้ำร้อนดื่มช่วยย่อยอาหาร ใบสดขยี้ทาบริเวณขมับแก้ปวดหัวหรือทาบริเวณจุดที่ฟกบวมเพื่อบรรเทาอาการ  ส่วนสะระแหน่ฝรั่ง ชาวยุโรปมีการใช้ประโยชน์ โดยนำใบของสะระแหน่ฝรั่งมาใช้แต่งกลิ่นอาหารคาว หวาน ต่างๆ รวมถึงยังใช้แต่งกลิ่นในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ขนม บุหรี่ เครื่องสำอาง เป็นต้น และยังใช้เป็นยาสมุนไพรในการกระตุ้นขับลม ช่วยเสริมระบบทางเดินอาหาร และระบบย่อยอาหารใช้ลดอาการคัดจมูก ปวดศีรษะ ฯลฯ สำหรับสะระแหน่ไทย มีการนำมาใช้ประโยชน์มากมายหลายประการ เช่น คนไทยรู้จักสะระแหน่ในฐานะเครื่องปรุงกลิ่นอาหารมากกว่าในฐานะผักโดยตรง เพราะสะระแหน่มีกลิ่นรสฉุนเผ็ดกว่าผักทั่วไป จึงใช้กินเป็นผักโดยตรงไม่มากเท่าการใช้ปรุงอาหารเพื่อดับกลิ่นหรือเพิ่มรสชาติของอาหารรสจัด อาหารที่ใช้สะระแหน่กินเป็นผักโดยตรงที่นิยมกันดีก็มีเพียงใช้เป็นผักแกล้มลาบ และกินกับขนมจีนน้ำยา ปลาร้าเท่านั้น ส่วนการใช้ปรุงกลิ่นรสอาหารหรือดับกลิ่นคาวนั้นใช้กันมาก เช่น ดับกลิ่นคาวเนื้อหรือปลา กับข้าวจำพวกยำต่างๆ เช่น ยำกบย่าง ยำสามสหาย ยำหอยแครง ยำหอยแมลงภู่ ยำปลากระป๋อง ยำไข่ต้ม ยำแหนม ฯลฯ ลาบต่างๆ เช่น ลาบหมู ลาบเลือดเป็ด ลาบปลาดุก จำพวกซุป เช่น ซุปมะเขือเปราะ ซุปขนุนอ่อน ซุปหน่อไม้ เป็นต้น 

และน้ำมันหอมระเหยของใบสะระแหน่ยังสามารถใช้ผสมในเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สำหรับเป็นสารให้กลิ่น ตัวทำละลาย และใช้เพื่อป้องกันเชื้อจุลินทรีย์ หรือใช้ผสมในอาหารเพื่อยับยั้งการเติบโตของจุลินทรีย์ทำให้อาหารเก็บไว้ได้นาน รวมทั้งเพื่อปรับปรุงกลิ่นของอาหารให้มีกลิ่นหอมน่ารับประทานมากขึ้น

ส่วนสรรพคุณทางยาของสะระแหน่ไทยนั้นตามตำรายาไทยระบุว่าใบรสหอมร้อนขับเหงื่อ แก้หืด แก้ปวดท้อง ขับลมในกระเพาะลำไส้ แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ ปวดท้อง แก้อาการเกร็งของกระเพาะอาหารและลำไส้ พอกหรือทา แก้ปวดบวม ผื่นคัน ฆ่าเชื้อโรค ทั้งต้นและใบ ขยี้ทาขมับ แก้ปวดศีรษะ ดมแก้ลม ยาชงจากใบใช้ดื่มเพื่อช่วยย่อยอาหาร ใบขยี้ทาภายนอกแก้พิษแมลงต่อย แก้ผดผื่นคัน แก้การอักเสบของแผล    

นอกจากนี้ยังเป็นกระสายแทรกแก้โรคเด็ก เช่น ซางชัก และช่วยให้ผายลมได้ดี ลดอาการท้องขึ้น ท้องเฟ้อและในบัญชียาหลักแห่งชาติยังระบุการใช้สะระแหน่ทั้งต้น ในตำรับ “ยาเลือดงาม” มีส่วนประกอบของสะระแหน่ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ แก้มุตกิดอีกด้วย

สะระแหน่
สะระแหน่

ลักษณะทั่วไปสะระแหน่

สะระแหน่ไทยจัดเป็นไม้ล้มลุกมีลักษณะเป็นลำต้นพร้อมเลื้อย มีเฉพาะรากฝอย ขนาดเล็ก และสั้น ลำต้นสูงประมาณ 15-30 ซม. ลำต้นมีลักษณะเป็นเหลี่ยม ผิวลำต้นมีสีแดงอมม่วงจนถึงปลายยอด ลำต้นสามารถแตกเหง้าเป็นต้นใหม่จนขยายเป็นกอใหญ่ และลำต้นแตกกิ่งแขนงจำนวนมาก  ใบ ออกเป็น ใบเดี่ยว และออกเป็นคู่ๆ ตรงข้ามกันบนกิ่ง ลำต้น ใบมีสีเขียว รูปทรงรี กว้างประมาณ 1.5 – 3.5 ซม. และยาวประมาณ 2 – 7 ซม. ผิวใบย่นเป็นลูกคลื่น ขอบใบหยัก ปลายใบมนหรือแหลม  ดอก ออกเป็นช่อ เหนือซอกใบบริเวณปลายยอด แต่ละช่อมีดอกจำนวนมาก ดอกมีสีชมพูอมม่วง ประกอบด้วยกลีบเลี้ยง 5 กลีบ และกลีบดอกที่เชื่อมติดกันเป็นกรวยตื้น 4 กลีบ ภายในดอกมีเกสรตัวผู้ 4 อัน ส่วนเกสรตัวเมียจะไม่ค่อยพบ  ผล มีสีดำ ขนาดเล็ก มีรูปผลเป็นรูปกระสวย เปลือกผลเกลี้ยงมัน ทั้งนี้ ผลสะระแหน่มักไม่ติดผลให้เห็นบ่อยนัก เพราะดอกส่วนใหญ่มักจะเป็นหมันเป็นส่วนใหญ่ 

ส่วนสะระแหน่ญวน จัดเป็นเป็นไม้พุ่มล้มลุกอายุหลายปี แตกกิ่งก้านเยอะ ลำต้นมีขนสั้นๆปกคลุมนุ่มมือ ต้นสูงประมาณครึ่งเมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงกันข้าม เป็นรูปรีกว้าง ปลายใบเกือบมน โคนใบมน ก้านใบยาวไม่สั้นเหมือนกับก้านใบสะระแหน่ไทย ผิวใบมีรอยย่นเช่นกัน ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย เนื้อใบค่อนข้างหนา สีเขียวสด ใบมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว โดยกลิ่นจะแรงเหมือนกลิ่นของตะไคร้แกง และสำหรับสะระแหน่ฝรั่งเป็นมิ้นต์พันธุ์ผสมระหว่าง สะระแหน่ไทย กับ มิ้นต์น้ำ มีลักษณะเป็นไม้พุ่มสูง 30 – 90 เซนติเมตร ใบสีเขียวยาว 4 – 9 เซนติเมตร กว้าง 1.5 – 4 เซนติเมตร มีดอกสีม่วงยาว 6 – 8 มิลลิเมตร

การขยายพันธุ์สะระแหน่

สะระแหน่สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการ ปลูกด้วยเหง้าหรือการปักชำลำต้น ซึ่งควรเลือกลำต้นที่มีความยาวประมาณ 8-10 ซม. แล้วเด็ดยอดทิ้ง ก่อนนำลงปลูก ซึ่งควรปลูกทันทีหลังการถอนต้นหรือตัดต้นมา แต่ในบางพื้นที่นำลำต้นมาแช่น้ำจนมีรากเกิดก่อนนำปลูก  การปลูกมีระยะการปลูกในแต่ละต้นประมาณ 10-15 ซม. โดยปักลำต้นลงดินประมาณ 3 ซม. และหลังการปลูกแล้วรดน้ำให้พอชุ่ม 

ทั้งนี้สะระแหน่ เป็นผักที่ชอบดินชื้นตลอด แต่ก็ห้ามมีน้ำขัง ดังนั้น หลังการปลูกต้องรดน้ำทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง จนถึงระยะที่กิ่งพันธุ์ตั้งตัวได้ ค่อยลดการให้น้ำเป็นวันเว้นวัน  หลังการปลูกแล้วประมาณ 45-50 วัน สะระแหน่จะเริ่มเก็บยอดได้ การเก็บแต่ละครั้งควรใช้กรรไกรตัด เพราะหากใช้มืออาจทำให้ลำต้นถอนได้ และจะเก็บได้อีกครั้งประมาณ 15-20 วัน

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

การใช้สะระแหน่ไทย แก้ปวดท้อง  ท้องอืด ขับลม แก้จุดเสียด แก้ปวดศีรษะ โดย  นำใบสดมาล้างน้ำให้สะอาด และนำมาตากแห้ง 5-7 แดด สำหรับใช้ชงเป็นชาดื่ม หรือใช้ใบตากแห้ง นำมาบดเป็นผง ใช้บรรจุในแคปซูลรับประทานเป็นยาสมุนไพร

แก้อาการวิงเวียนศีรษะนำใบสดมาบี้เพื่อสูดดมจะได้กลิ่นน้ำมันหอมระเหย ช่วยให้สดชื่น
ลดอาการเลือดกำเดาออก โดการนำใบบดขยี้ แล้วใช้อุดจมูก
รักษาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง โล่งคอ ด้วยการดื่มน้ำใบสะระแหน่ 5 กรัมกับน้ำ 1 ถ้วย ผสมเกลือเล็กน้อย วันละ 2 ครั้ง
บรรเทาอาการปวดฟัน เจ็บปาก เจ็บลิ้น ด้วยการดื่มน้ำต้มใบสะระแหน่
แก้อาการจุกเสียดในท้องเด็ก ด้วยการใช้ใบสะระแหน่ตำให้ละเอียดผสมกับยาหอมแล้วนำมากวาดคอเด็ก
รักษาและบรรเทาอาการปวดหู ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบสะระแหน่มาหยอดที่รูหู
แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย แก้ปวดบวม ผดผื่นคัน ด้วยการนำใบสะระแหน่มาตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอกบริเวณที่โดนกัด หรือบริเวณที่บวมหรือคัน

สำหรับสะระแหน่ฝรั่งในโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร มีรายงานว่าให้ใช้น้ำมันจากสะระแหน่ฝรั่งได้ในขนาด 0.2-0.4 มล. ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบแคปซูล สารละลายเจือจาง หรือยาแขวนตะกอน โดยให้รับประทานวันละ 3 ครั้งและการใช้ยาอมในรูปแบบ lozenes ซึ่งต้องมีน้ำมันขนาด 2-10 มก. เท่านั้น และมีการใช้น้ำมันสะระแหน่ฝรั่งความเข้มข้น 10% ในเมทานอล ในรูปแบบยาทาบริเวณหน้าผากและขมับวันละหลายๆครั้ง เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะ และหากต้องการใช้ในรูปแบบสูดดม ให้ใช้น้ำมันสะระแหน่ฝรั่ง 3-4 หยด หยดลงในน้ำร้อน 150 มล. แล้วสูดดม วันละ 3 ครั้ง หรือใช้น้ำมันหอมระเหยความเข้มข้น 1-5% ในรูปแบบยาขี้ผึ้ง ทาบริเวณจมูกเพื่อลดอาการคัดจมูก

ส่วนสะระแหน่ญวนนั้นมีการใช้ในตำรับยาจีน ดังนี้  แก้หวัดปวดหัวนํ้ามูกไหล ใช้ใบสะระแหน่ 3 เฉียน ต้มกับใบหม่อน 1 ตำลึงหรือ ใบสะระแหน่ 3 เฉียน ต้มกับใบชา หรือ ใบสะระแหน่ 3 เฉียน ใบหญ้าขัดมอน 1 ตำลึง ต้มกับนํ้าตาลแดงแล้วใช้ดื่ม  ไอเนื่องจากหวัด ใช้ใบสะระแหน่ 3 เฉียน ต้มกับนํ้าตาลกรวดแล้วใช้ดื่ม ท้องอืด ใช้ใบสะระแหนและเปลือกส้มดิบอย่างละครึ่งตำลึง ตำกับเกลือนิดหน่อย แล้วชงด้วยนํ้าเดือด เด็กท้องอืดขัดหนัก ใช้ใบสะระแหน่ 1 เฉียน ตำกับดินเถ้าในเตาไฟหนัก 2 เฉียน จนแหลกแล้วปะที่สะดือ  ลมบวมใต้ผิวหนัง ใช้ใบสะระแหน่ต้มนํ้าล้างบริเวณที่บวม ผิวหนังคัน ใช้ใบสะระแหน่ตำจนแหลกแล้วทาบริเวณที่คัน


การศึกษาทางเภสัชวิทยา

ฤทธิ์การแพ้ สารสกัด 50% เอทานอลากใบสะระแหน่ฝรั่ง ขนาด 3 มคก./มล. มีฤทธิ์ต้านฮีสตามีน เมื่อทดสอบใน mast cell ของหนูขาว และสารที่ได้จากการแยกด้วย column chromafography ในขนาด 1 มคก./มล. ก็สามารถยับยั้งการหลั่งฮีสตามีนได้เช่นกัน โดยสารที่แยกได้นี้ เมื่อให้หนูขาวที่ถูกชักนำให้เกิดการจามและมีพฤติกรรมถูจมูก จากการได้รับสารระคายเคือง กินในขนาด 300 และ 1000 มก./กก. พบว่าสามารถลดอาการดังกล่าวได้ เมื่อวิเคราะห์หาสารสำคัญพบว่า สาร erioctrin , luteolin , luteolin-7-0-glycoside และ lutwoin-7-0-rutinside ซึ่งได้จากการสกัดส่วนเหนือดินของสะระแหน่ฝรั่ง เป็นสารออกฤทธิ์ด้านฮีสตามีน เมื่อทดสอบใน mast cell ของหนูขาว โดยที่สาร luteclin-7-0-rutinoside มีฤทธิ์ดีที่สุด

ฤทธิ์บรรเทาอาการปวด  ทดสอบฤทธิ์ลดอาการปวดของสารสกัดเฮกเซน และเอทิลอะซิเตตจากใบสะระแหน่ (Mentha cordifolia) โดยการให้กรดอะซีติกเหนี่ยวนำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหน้าท้องหนูถีบจักร ด้วยวิธี writhing test ผลการศึกษาพบว่าสารสกัดทั้งสองชนิดสามารถลดการเกิด writhing ในหนู ได้ร้อยละ  81.4 และ 71.0  ตามลำดับ จึงได้นำสารสกัดเฮกเซนซึ่งออกฤทธิ์ได้ดีกว่ามาแยกส่วนสกัดย่อยได้ทั้งสิ้น 10 ส่วนสกัด ผลการทดสอบฤทธิ์ชีวภาพพบว่าส่วนสกัดย่อย FB6 ในขนาด 0.25 mg/g มีฤทธิ์ลดปวดได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สามารถลดการเกิด writhing ได้ร้อยละ  60.6 ผลการแยกส่วนสกัดย่อย FB6 ได้สารบริสุทธิ์  menthalactone เมื่อนำมาทดสอบด้วยวิธี writhing test ผลการศึกษาพบว่า menthalactone ในขนาด 0.1 mg/g และกรดมีเฟนามิค ซึ่งเป็นยามาตรฐาน ในขนาด 0.007 mg/g สามารถลดการเจ็บปวดที่เกิดจากการเหนี่ยวนำด้วยกรดอะซิติกได้ร้อยละ 67.3 และ 73.0 ตามลำดับ

ฤทธิ์ต้านการหดเกร็งกล้ามเนื้อเรียบของน้ำมันสะระแหน่ฝรั่ง การศึกษาฤทธิ์ต้านการหดเกร็งของน้ำมันสะระแหน่ฝรั่งที่ความเข้มข้น 1 – 300 ไมโครกรัม/มล. ในกล้ามเนื้อเรียบหลอดลมของหนูแรทเพศผู้ โดยเหนี่ยวนำให้กล้ามเนื้อเรียบของหลอดลมหดตัวด้วยสารคาบาคอล (cabachol) ขนาด 10 ไมโครโมลาร์ นาน 10 นาที ในแต่ละช่วง พร้อมกับให้หรือไม่ให้ indomethacin (สารยับยั้งการสร้างพรอสต้าแกลนดิน 10 ไมโครโมลาร์), L-N-metyl-nitro-arginine (สารยับยั้ง K+ channel 100 ไมโครโมลาร์), hexamethonium (สารยับยั้งการสร้างไนตริกอ๊อกไซด์ 500 ไมโครโมลาร์) หรือ tetraethylammonium (สารยับยั้งการทำงานของปมประสาท 5 มิลลิโมลาร์) พบว่าน้ำมันสะระแหน่ฝรั่งความเข้มข้น 100 และ 300 ไมโครกรัม/มล. สามารถต้านการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบหลอดลมของหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยสารคาบาคอลได้ โดยที่ความเข้มข้น 100, 300 ไมโครกรัม/มล. มีผลให้กล้ามเนื้อเรียบที่หลอดลมคลายตัว 23.0 ± 8.6% และ 111.0 ± 5.8% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ให้สารที่ทำให้มีการคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบ และความเข้มข้นที่ทำให้กล้ามเนื้อเรียบที่หลอดลมคลายตัวได้ครึ่งหนึ่ง (IC50) มีค่าเท่ากับ 106.33 ± 15.46 ไมโครกรัม/มล. สาร indomethacin, L-N-metyl-nitro-arginine) และ hexamethonium ลดผลน้ำมันสะระแหน่ฝรั่งที่ความเข้มข้น 300 ไมโครกรัม/มล. โดยกล้ามเนื้อเรียบหลอดลมคลายตัวลดลง 63%, 59%, 49% ตามลำดับ ส่วน tetraethylammonium ไม่มีผลต่อน้ำมันสะระแหน่ฝรั่ง จากการศึกษาในครั้งนี้สรุปได้ว่าน้ำมันสะระแหน่ฝรั่งสามารถต้านการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบที่หลอดลมของหนูแรทได้ โดยไปยับยั้งการสร้างสารพวกพรอสต้าแกลนดิน (prostaglandin E2) และไนตริกอ๊อกไซด์ (nitric oxide) ซึ่งการศึกษานี้น่าจะมีประโยชน์ในการใช้การรักษาโรคระบบทางเดินหายใจ

ฤทธิ์ลดความดันโลหิต  ทดสอบฤทธิ์ของสารสกัดน้ำจากใบจากสะระแหน่ ในการการลดความดันโลหิตจากการเหนี่ยวนำด้วย NG-nitro-L-arginine methyl ester (L-NAME) โดยการป้อนหนูขาวเพศผู้สายพันธุ์ Sprague-Dawleyด้วย L-NAME ในน้ำดื่ม ในขนาด 50 mg/kg ต่อวัน เพื่อเหนี่ยวนำให้หนูมีความดันโลหิตสูง ร่วมกับการป้อนสารสกัดน้ำจากใบสะระแหน่ในขนาด 200 mg/kg ต่อวัน เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ พบว่าสารสกัดจากสะระแหน่ สามารถลดค่าความดันโลหิตได้ร้อยละ 16.7 โดยมีค่าความดันโลหิต Diastolic*, systolic** และอัตราการเต้นของหัวใจ** ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (*p<0.001,  **p<0.05 เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับเฉพาะ L-NAME)  นอกจากนี้ยังทำให้ระดับสารมาลอนไดอัลดีไฮ ที่บ่งชี้การเกิดออกซิเดชันของไขมัน (lipid peroxidation) และอนุมูลอิสระ superoxide ที่เนื้อเยื่อหลอดเลือดลดลงในหนูที่มีความดันโลหิตสูง

ฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์  ทดสอบฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ต่อยาเตตราซัยคลิน ด้วยวิธีไมโครนิวเคลียส  ของสารสกัดคลอโรฟอร์มจากสะระแหน่ โดยใช้หนูถีบจักรสายพันธุ์ Swiss Webster albino ใช้ยา tetracycline ฉีดเข้าช่องท้องหนูเพื่อกระตุ้นการก่อกลายพันธุ์ บันทึกผลจากจำนวนไมโครนิวเคลียสที่เกิดขึ้นภายใต้กล้องจุลทรรศน์ ผลการทดสอบพบว่าสารสกัดคลอโรฟอร์มจากสะระแหน่ สามารถยับยั้งการก่อกลายพันธุ์จากยาเตตราซัยคลินได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เท่ากับ 68.7%โดยมีค่าเฉลี่ยของการเกิดไมโครนิวเคลียส (MN) คือเซลล์ที่เป็นตัวบ่งชี้การเกิดความเสียหายต่อโครโมโซม ในเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ยังไม่โตเต็มที่ (PCE) แปลผลจากค่าเฉลี่ย MN-PCE per 1000 PCE พบว่าสารสกัดคลอโรฟอร์ม และยาเตตราซัยคลิน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.33±0.71 และ 7.44±0.54 ตามลำดับ เมื่อให้สารทดสอบในขนาด 0.01* และ 1.1 mg/20 g ตามลำดับ (*p<0.001 เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับเฉพาะยาเตตราซัยคลิน) นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดคลอโรฟอร์มจากสะระแหน่ที่ใช้ทดสอบ ไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ เมื่อให้เดี่ยว ในขนาด 0.01 mg/20g (p<0.001) เนื่องจากมีค่าเฉลี่ย MN-PCE per 1000 PCE เท่ากับ 2.42±0.90 ซึ่งมีค่าน้อยกว่าเมื่อให้เฉพาะยา tetracycline ค่อนข้างมาก เมื่อแยกสารบริสุทธิ์จากสารสกัดคลอโรฟอร์มพบสารที่เป็นองค์ประกอบหลักคือ สาร 6,7-bis-(2,2-dimethoxyethene)-2,11-dimethoxy-2Z,4E,8E,10Z-dodecatetraendioic acid ซึ่งคาดว่าจะเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในการต้านการก่อกลายพันธุ์ในการทดสอบครั้งนี้

ฤทธิ์ของสะระแหน่ญวนต่อระดับฮอร์โมนในผู้หญิงขนดก การศึกษาในผู้ป่วยหญิงที่มีภาวะขนดก จำนวน 21 คน อายุระหว่าง 18-40 ปี (เฉลี่ย 22.2 ± 6.2 ปี มีระดับคะแนนขนดกอยู่ในช่วง 8-23 ผู้ป่วย 12 คน เป็นโรค polycystic ovary syndrome และอีก 9 คน มีภาวะขนดกโดยไม่รู้สาเหตุ ทุกคนได้รับการทดลองโดยต้องดื่มชาสะระแหน่ญวน ขนาด 250 มิลลิลิตร (แช่สะระแหน่ญวนขนาด 5 กรัม ในน้ำร้อน 250 มิลลิลิตร นาน 5 – 10 นาที) วันละ 2 ครั้ง นาน 5 วัน ในระยะที่มีการตกไข่ของรอบเดือน พบว่า หลังจาก 5 วันของการทดลอง ระดับฮอร์โมน free testoterone ลดลง (จาก 5.49 ± 2.94 เป็น 3.92 ± 2.80 pg/ml) และเพิ่มระดับฮอร์โมน luteinizing hormone (จาก 6.34 ± 4.53 เป็น 8.04 ± 5.14 mIU/ml) ฮอร์โมน follicle-stimulating hormone (จาก 4.56 ± 1.49 เป็น 5.36 ± 1.84 mIU/ml) และฮอร์โมน estradiol (จาก 46.50 ± 29.01 เป็น 63.43 ± 47.57 pg/ml) ค่าชีวเคมีในเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยกเว้นระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดเท่านั้นที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

ฤทธิ์บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยของสะระแหน่ญวน การศึกษาแบบแบบสุ่ม ปกปิดสองทาง (randomized double-blind placebo-controlled trial) ในผู้ป่วยที่มีอาการของโรคอาหารไม่ย่อยตามเกณฑ์วินิจฉัย Rome III จำนวน 100 คน สุ่มให้รับประทานแคปซูลสารสกัด 70% เอทานอลจากใบสะระแหน่ญวน (Mentha pulegium L.) ขนาด 330 มก. วันละ 3 ครั้ง หรือยาหลอก ร่วมกับการรับประทานยาฟาโมทิดีน (famotidine) ยาลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร วันละ 40 มก. เป็นเวลา 2 เดือน พบว่าสารสกัดจากใบสะระแหน่ญวนสามารถบรรเทาอาการโดยรวมของโรคอาหารไม่ย่อยได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับยาหลอก อาการปวดกระเพาะอาหาร อาการท้องอืด อาการปวดตื้อๆ บริเวณช่องท้อง อาการเรอในผู้ป่วยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และเมื่อผู้ป่วยประเมินตนเองด้วยการตอบแบบสอบถาม SF-36 พบว่ากลุ่มที่ได้รับสารสกัดจากใบสะระแหน่ญวนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มยาหลอกและก่อนการทดลอง นอกจากนี้สารสกัดจากใบสะระแหน่ญวนยังมีผลลดปริมาณเชื้อ Helicobacter pylori ในกระเพาะอาหารของผู้ป่วย โดยไม่ส่งผลกระทบต่อค่าชีวเคมีของเลือด การทำงานของตับและไต รวมถึงไม่พบรายงานอาการไม่พึงประสงค์ การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากใบสะระแหน่ญวนสามารถใช้ร่วมกับยาฟาโมทิดีนเพื่อบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย และยังออฤทธิ์กำจัดเชื้อ H. pylori ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคในระบบทางเดินอาหารด้วย


การศึกษาทางพิษวิทยา

การศึกษาความเป็นพิษ (ในมนุษย์) น้ำยาบ้วนปากที่มีน้ำมันสะระแหน่ฝรั่งเป็นส่วนผสมทำให้ผู้ใช้จำนวน 12 คน เกิดการแพ้น้ำมันสะระแหน่ฝรั่งทำให้เกิดกาแพ้ทางผิวหนัง และทำให้เกิดผิวหนังอักเสบได้ พบว่าผู้ป่วยหญิงซึ่งมีประวัติปากไหม้จากการใช้น้ำมันสะระแหน่ฝรั่งมาก่อน เมื่อทาน้ำมันสะระแหน่ในขนาด 0.1% ผิวหนังเกิดการแพ้ และในการทดลองทางคลินิกของ Colpermin (มีน้ำมันสะระแหน่ฝรั่ง 187 มก./แคปซูล) มีผู้ป่วย IBS เผลอเคี้ยวแคปซูลซึ่งเป็นรูปแบบ Enteric-coated ทำให้เกิดอาการแสบบริเวณหน้าอก (heartbum) และเกิดผื่นแดงที่ผิวหนัง แต่ไม่มีผลความเป็นพิษต่อตับ มีรายงานผู้ป่วยเพศหญิงวัย 49 ปี ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินด้วยอาการหายใจลำบาก น้ำลายยืด และมีไข้ หลังจากรับประทานน้ำมันสะระแหน่ฝรั่งบริสุทธิ์ 100% จำนวน 40 หยด ซึ่งผู้ป่วยเคยใช้น้ำมันดังกล่าว เพื่อรักษาอาการไข้หวัด โดยใช้ครั้งละ 1-2 หยด และไม่เคยมีอาการแพ้มาก่อน โดยผู้ป่วยมีอาการหายใจเร็วมีน้ำลายมาก หัวใจเต้นเร็ว มีไข้สูง  มีรอยไหม้บริเวณปาก และคอหอย มีอาการบวมบริเวณริมฝีปากบนและล่าง ลิ้น ลิ้นไก่ และเพดานอ่อน มีรายงานการเสียชีวิตของเด็กทารกอายุ 23 วัน ที่ได้รับสารสกัดน้ำของสะระแหน่ฝรั่งขนาด 2.5 มล. เพื่อรักษาอาการปวดท้องเฉียบพลัน (colic) ซึ่งเด็กเสียชีวิตด้วยภาวะสมองถูกทำลายอย่างรุนแรง ภายหลังจากได้รับสารดังกล่าว 17 วัน


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

  1. การใช้สะระแหน่ฝรั่ง ทั้งแบบรับประทาน และทาบริเวณผิวหนังอาจทำให้เกิดการแพ้ได้ เช่น หลอดลมตีบ หายใจลำบาก ผื่นแดง ผิวหนังอักเสบ หากทรายว่ามีอาการแพ้ควรหลีกเลี่ยง
  2. การใช้น้ำมันของสะระแน่ฝรั่งต้องใช้อย่างระมัดระวัง ซึ่งการใช้น้ำมันของสะระแหน่ฝรั่งที่มีความเข้มข้นของสารเมนทอลมากกว่า 1 ก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. อาจทำให้เสียชีวิตได้
  3. ผู้ที่มีอาการท้องเสีย น้ำมันสะระแหน่ชนิดแตกตัวในลำไส้อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการแสบร้อนที่บริเวณทวารหนัก
  4. ผู้ที่มีภาวะไม่มีกรดในกระเพาะอาหาร (Achlorhydria) ไม่ควรรับประทานน้ำมันสะระแหน่ชนิดแตกตัวในลำให้เพราะอาจเกิดการแตกตัวก่อนในระหว่าการย่อยอาหาร
  5. ในการใช้สะระแหน่เพื่อรักษาหรือป้องกันโรคต่างๆนั้น ควรใช้แต่พอดีไม่ใช้มากเกินกว่าปริมาณที่กำหนดในตำรับยาต่างๆ และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ส่วนผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวหรือต้องรับประทานยาเป็นประจำควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ

ขอบคุณข้อมูลจาก disthai.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 11/11/2564

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a28,650.0028,750.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,856.0028,136.9629,250.00
ทองรูปพรรณ 90%1,670.4025,323.26n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,484.8022,509.57n/a
ทองรูปพรรณ 50%835.0012,658.60n/a
ทองรูปพรรณ 40%650.009,854.00n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,923.0029,152.68n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/11/2564


ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.5532.5533.4532.7533.2032.5532.7532.5532.7532.55
แก๊สโซฮอล์ 9132.2832.2833.1832.4832.9332.2832.4832.2832.4832.28
แก๊สโซฮอล์ E2031.0431.0431.9431.2431.6931.2431.0431.2431.04
แก๊สโซฮอล์ E8524.4424.4424.44
เบนซิน 9539.9641.0640.6640.4639.96
ดีเซล B729.9429.9430.4929.9430.1429.9430.0929.9429.9429.94
ดีเซล29.7929.7930.3429.7929.9929.7929.9429.7929.7929.79
ดีเซล B2029.6929.6930.2429.6929.8429.6929.69
ดีเซลพรีเมี่ยม35.1635.5636.9436.5635.16
แก๊ส NGV15.5915.5915.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า