ไนท์แฟรงค์ รุกปั้นพอร์ตอสังหาฯ เจาะบ้าน-คอนโดหรู เสิร์ฟต่างชาติ
ไนท์แฟรงค์ รุกตลาดบริหารงานขายเต็มพิกัด ลุยเจาะโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมหรู 10 ล้านขึ้นไป กรุงเทพฯ และปริมณฑล เสิร์ฟลูกค้าคนไทย และ ต่างชาติ ระบุ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน มาแรง คาดปีนี้ยอดขายทะลุเป้า
11 เมษายน 2566 – กระแสฟื้นกลับในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย นอกจากจะส่งผลต่อฝั่งผู้พัฒนาโครงการ ให้กลับมาลุยแผนกันอย่างเต็มที่ ยังเห็นการขยับในตลาดบริหารงานขายอีกด้วย เช่นเดียวกับ รายใหญ่ อย่าง บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด ที่ล่าสุดจัดทัพทีมใหม่ เพื่อเจาะโอกาสครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ไนท์แฟรงค์ ประเมินอสังหาฯไทย กำลังซื้อยัง “ตึงตัว”
ทั้งนี้ นางสาว พจมาน วรกิจโภคาทร หัวหน้างานที่ปรึกษาที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยว เริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 พร้อมการแข่งขันที่สูงขึ้นตาม โดยเฉพาะตลาดคอนโดหลายโครงการมีการปรับกลยุทธ์ เพื่อให้แข่งขันได้ และเร่งสร้างกระแสเงินสดให้มากที่สุด เพื่อระดมทุนจัดซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ต่อไป
ส่วนตลาดบ้านเดี่ยว นอกจากภาวการณ์แข่งขันในตลาดแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เข้ามาทำให้ยอดขายไม่แรงอย่างที่วางแผนไว้ เช่น นโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ย และเป็นดอกเบี้ยแบบลอยตัว ทำให้ผู้บริโภคขอสินเชื่อซื้อบ้านยากขึ้น เนื่องจากรายได้ยังคงที่ แต่ยอดผ่อนชำระปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงวงเงินอนุมัติปล่อยกู้ลดลง
ทั้งนี้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ตลาดบ้านเดี่ยวระดับ 3-5 ล้านบาทได้รับความสนใจจากตลาดมากขึ้น แต่ปัจจัยอื่น ๆ ที่เข้ามาทำให้การตัดสินใจซื้อไม่ได้ง่ายอย่างที่ตลาดต้องการ เช่น นโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ย และเป็นดอกเบี้ยแบบลอยตัว ทำให้ผู้บริโภคขอสินเชื่อซื้อบ้านยากขึ้น เนื่องจากรายได้ยังคงที่ แต่ยอดผ่อนชำระปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงวงเงินอนุมัติปล่อยกู้ลดลง
จัดทีพทีมใหม่ เจาะบ้าน-คอนโดลักชัวรี
จากข้อจำกัดทางธุรกิจ โดยเฉพาะการขายและการตลาดดังกล่าว เป็นที่มาของแนวคิดการ ขยาย 4 ทีมใหม่ “ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการที่พักอาศัย” (Residential Project Marketing) เพื่อรองรับงานในอนาคต และตอบโจทย์ด้านการบริการและขายโครงการคอนโดและบ้านเดี่ยวให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ
ในส่วนของกลยุทธ์และเป้าหมายนั้น “ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการที่พักอาศัย” แบ่งทีมการตลาดและขายออกเป็น 2 ตลาดได้แก่ คอนโดและบ้านเดี่ยว ในกลุ่มราคาระดับกลางถึงบน (Mid to High Class) 2-10 ล้านบาท และกลุ่มลักชัวรี่ (Luxury Class) 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่เอง และกลุ่มนักลงทุนไทย กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศได้แก่ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลซีย และไต้หวัน
ทั้งนี้ด้วยประสบการณ์ด้านการตลาดและขายอสังหาฯ 20 ปี ในประเทศไทย รับบริหารโครงการมูมาแล้วมูลค่ากว่า 140,000 ล้านบาท พร้อมเน็ตเวิร์คธุรกิจกว่า 57 ประเทศทั่วโลกใน 6 ทวีป และทีมสนับสนุนแบบ One Stop Service เช่น ทีมประเมินทรัพย์สิน ทีมศึกษาวิจัยตลาด ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลอุตสาหกรรม และวิเคราะห์เพื่อหาโอกาสทางการตลาดอสังหาฯ ได้อย่างตรงจุด อีกทั้งการทำงานร่วมกันกับเจ้าของโครงการในฐานะพาร์ทเนอร์ในการผลักดันยอดขายให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งโครงการที่รับดูแลด้านการตลาดและขายจะอยู่ที่ประมาณ 10-15 โครงการ
สำหรับโครงการที่รับบริหารการตลาด และงานขาย คอนโดระดับลักซ์ชัวรี่ (Luxury Class) ในปัจจุบันคือโครงการ The Crown Residences ทำเลสาทร พระราม4 ราคาขายเฉลี่ย 250,000 บาทต่อตรม ราคาขายต่อยูนิต ประมาณ 7-30 ล้านบาท ทำเลตั้งอยู่ตรงข้ามโครงการ One Bangkok และที่กำลังเปิดอีกโครงการคือ Kingsquare Residence ทำเลพระราม 3 อยู่ตรงข้ามโรงเรียน King College International School ราคา 200,000 – 230,000บาทต่อ ตรม. ราคาขายต่อยูนิต ประมาณ 10-80 ล้านบาท
ปิดการขายคอนโดSalaya One
ทั้งนี้ โครงการคอนโดในอดีตระดับลักซ์ชัวรี่ที่ผ่านมาจะเป็น Branded Residence ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในย่านสาทร วิทยุ พระราม4 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ Mandarin Oriental Residence, Amari Phuket, Sukhothai Residences
ส่วนโครงการคอนโดระดับ Mid to High Class ราคา 70,000-190,000 บาทต่อ ตร.ม. ราคาต่อยูนิต 2-10 ล้านบาท ได้แก่ แบรนด์ Niche Mono, Niche Pride, โครงการ Aspace Bangna, โครงการ The Metropolis, โครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยา StarView และโครงการที่เน้นเจาะตลาดนักลงทุน ได้แก่ Salaya One, Bayphere Pattaya ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่เตรียมเปิดขาย ตั้งอยู่บริเวณ เอกมัย วัชรพล (ยังไม่ได้ระบุชื่อโครงการ) รวมถึงโครงการทาวน์โฮม ระดับราคา 2-6 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ The Hamilton บางกรวยไทรน้อย และ โครงการ The Mastery เทพารักษ์
ล่าสุด ทีมฯ สามารถปิดการขายโครงการเทพา รามคำแหง 118 บ้านหรูระดับราคา 9-18 ล้านบาท รวมถึงปิดการขายคอนโดSalaya One ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท มีนำ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยตลอดระยะเวลา 7 เดือนของการบริหารการตลาดและขาย สามารถสร้างมูลค่ายอดขายที่ 700 ล้านบาท แบ่งเป็นการปิดการขายในส่วนของอาคาร A ขณะที่อาคาร C มียอดขายประมาณ 70% และเตรียมเปิดขายอาคาร B ซึ่งเป็นอาคารสุดท้ายของโครงการในลำดับต่อไป
“Salaya One คอนโดทำเลใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล ประสบความสำเร็จด้านการขาย จากการวิเคราะห์ตลาด และขายตรงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการนำเสนอห้องดีไซน์สวย พร้อมเฟอร์นิเจอร์แบบจัดเต็ม และราคาที่จับต้องได้ สร้างโอกาสในการลงทุนซื้อเพื่อนำไปปล่อยเช่า”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เปิดเส้นทาง 30 ปี “พฤกษา” จากทาวน์เฮ้าส์หลังแรก สู่อสังหาฯ หมื่นล้าน
เปิดเส้นทางความสำเร็จ 30 ปี บมจ.พฤกษา จากเจ้าพ่อทาวน์เฮาส์ บ้านพฤกษา ในมือ ” ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ” สู่อาณาจักรอสังหาริมทรัพย์หมื่นล้าน ในทศวรรษที่ 4
11 เมษายน 2566 – หลายคนอาจไม่ทราบว่ากว่า พฤกษา เรียลเอสเตท จะก้าวมาเป็นบริษัทอสังหาหมื่นล้านอย่างทุกวันนี้ บริษัทฯ แห่งนี้เริ่มต้นธุรกิจจากการทำทาวน์เฮาส์มาก่อน โครงการแรก คือ บ้านพฤกษา 1 ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่ง นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536
จากจุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้รวมเป็นเวลา 30 ปี นายทองมาได้แสดงวิสัยทัศน์ที่จะไม่หยุดนิ่ง พร้อมมุ่งไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ วิสัยทัศน์นี่เองที่เป็นแรงหนุนสำคัญทำให้พฤกษาเติบโตจนกลายมาเป็นบริษัทอสังหายักษ์ใหญ่ และจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งด้วยความตั้งใจที่จะส่งมอบการอยู่อาศัยที่ อยู่ดี มีสุข รวมทั้งมุ่งขยายกิจการไปยังธุรกิจใหม่ ๆ ตามเทรนด์โลกอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งปรากฎให้เห็นแล้วจากการรุกธุรกิจโรงพยาบาล อีคอมเมิร์ซ และพลังงานทางเลือก เส้นทางการดำเนินธุรกิจตลอด 3 ทศวรรษของพฤกษาจึงเป็นเรื่องน่าสนใจ และสิ่งที่พฤกษาจะทำนับจากนี้ก็น่าจับตามองอย่างยิ่ง
จากทาวน์เฮ้าส์พฤกษา สู่ โครงการระดับพรีเมียม
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้ถ่ายทอดเรื่องราวจุดกำเนิดของพฤกษาว่า บริษัทฯ แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2536 เปิดตัวด้วยโครงการบ้านพฤกษา 1 ที่รังสิต-คลอง 8 จากนั้นได้เริ่มสร้างและขายทาวน์เฮาส์ ในโครงการบีโอไอ (BOI) เพื่อสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีบ้านเป็นของตัวเอง ด้วยการพัฒนาสินค้าทาวน์เฮาส์ให้มีจุดเด่นตรงตามความต้องการของตลาด และนำเทคโนโลยีการก่อสร้างมาใช้จนเป็นผู้นำในการปฎิวัติอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่อยู่อาศัยด้วยพรีคาสท์
หลังจากประสบความสำเร็จในการทำทาวน์เฮ้าส์แล้วก็ได้ศึกษาความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ต่อมาจึงได้สร้างโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่นเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม บ้านแฝด ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าไปจนถึงระดับบน
นอกจากการพัฒนาโครงการแล้ว ตัวองค์กรก็มีการพัฒนาและก้าวหน้าเช่นกัน โดยมีเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญหลายเหตุการณ์ด้วยกัน เช่น
- ปี 2547 ก่อตั้ง โรงงานพฤกษาพรีคาสท์ ซึ่งทำให้พฤกษากลายเป็นผู้นำในวงการก่อสร้างบ้านด้วยการนำเทคโนโลยีพรีคาสท์จากเยอรมนีมาใช้ และยังได้ก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปแห่งแรกในประเทศไทย โดยใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้นด้วยมูลค่าเงินลงทุน 650 ล้านบาท
- ปี 2548 แปรสภาพเป็น บริษัทมหาชนจำกัด และทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปีเดียวกันนี้ ได้ขยายกลุ่มลูกค้าจากทาวน์เฮาส์ไปยังบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ ภัสสร โดยมุ่งเน้นให้ลูกค้าที่มีรายได้ปานกลางสามารถเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายมากที่สุด
- ปี 2550 เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะเปลี่ยนแปลง มีโครงการรถไฟฟ้าเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อแนวคิดการอยู่อาศัยของผู้บริโภค เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมสูงมาก พฤกษาจึงได้ปรับกลยุทธ์โดยก่อสร้างคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไอวี่ เดอะซี๊ด และ ซิตี้วิลล์
- ปี 2557 เปิด โรงงานพฤกษาพรีคาสท์ โรงที่ 6 และ 7 โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยระดับโลก ทำให้พฤกษามีกำลังการผลิตบ้านสูงถึง 1,120 ยูนิตต่อเดือน และเป็น Green Factory แห่งแรกในประเทศไทยในอุตสาหกรรมการผลิต Precast Concrete ด้วยระบบ Concrete Recycling
- ปี 2563 เปิดตลาดพรีเมียมด้วยโครงการ เดอะ รีเซิร์ฟ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดระดับบนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้พฤกษา
ก่อตั้ง พฤกษา โฮลดิ้ง รองรับการเติบโต
หลังจากธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างมาก ในปี 2559 บริษัทฯ จึงได้ก่อตั้งโฮลดิ้งขึ้นโดยใช้ชื่อ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งนายทองมา เล่าว่า บริษัทโฮลดิ้งนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อรองรับและเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีกลยุทธ์หลัก 3 ประการ คือ
- รักษาความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
- เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ ในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน
- ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
รพ.วิมุต จุดกำหนดขยายกิจการสู่ธุรกิจโรงพยาบาล ของพฤกษา
ธุรกิจโรงพยาบาลของพฤกษาเริ่มขึ้นในปี 2560 ภายใต้ชื่อ วิมุต ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ใช้งบลงทุน 5,000 ล้านบาท นับเป็นก้าวแรกของพฤกษาในการบุกธุรกิจสุขภาพ ซึ่งจะเป็นอีกแหล่งรายได้ประจำที่นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์ และจะเพิ่มมูลค่าให้โครงการที่อยู่อาศัยด้วยบริการ Nursing Home ดูแลสุขภาพ และผู้สูงวัย ด้วยโมเดลคลินิกบ้านหมอวิมุต
“โรงพยาบาลวิมุตเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2564 เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะรักษาผู้ป่วยให้มีสุขภาพแข็งแรง พ้นทุกข์จากการเจ็บป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีศูนย์เฉพาะทางและทีมแพทย์ที่ใส่ใจดูแลคนไข้เสมือนคนในครอบครัว พร้อมการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างตรงจุดด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย โดยมีค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้”
ปี 2565 จุดเปลี่ยนที่น่าจับตามองของบิ๊กอสังหาฯ
ปี 2565 เป็นอีกปีหนึ่งที่พฤกษาเกิดการเปลี่ยนแปลง ความเคลื่อนไหวที่สำคัญ คือ การจัดตั้ง กองทุน Corporate Venture Fund มูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ตามเทรนด์โลกอนาคต โดยมุ่งเน้น 2 ด้านที่จะมาสนับสนุนธุรกิจหลัก ได้แก่ PropTech เช่น โซลูชันที่มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า การขายและการตลาดดิจิทัล รวมทั้ง Smart Home IoT และ Senior Living อีกด้านหนึ่ง คือ Health Tech ซึ่งจะมุ่งเน้นแพลตฟอร์มด้านบริการทางการแพทย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานธุรกิจสุขภาพ และอุปกรณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้ขยายธุรกิจใหม่ด้านอีคอมเมิร์ซด้วยการก่อตั้ง บริษัท ซินเนอร์จี โกรท จำกัด เพื่อใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการขยายธุรกิจ รวมทั้งก่อตั้ง บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด เพื่อรองรับความต้องการด้านพรีคาสท์ และก่อตั้งบริษัทร่วมทุนในชื่อ บริษัท ปัน นิวเอนเนอจี จำกัด ดำเนินธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งโซล่ารูฟ เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก โดยยังมุ่งใช้กลยุทธ์ซินเนอร์จี้ ผสานจุดแข็งของแต่ละธุรกิจ เสริมความแข็งแกร่งของบริษัทในเครือ
มีการประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในระดับภูมิภาค จัดตั้ง กองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund” ร่วมกับ สองบริษัทชั้นนำ คือ แคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ กรุ๊ป (CapitaLand Investment Group หรือ CLI) ยักษ์ใหญ่กลุ่มธุรกิจจัดการการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก และ แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ (Ally Logistic Property หรือ ALP) ผู้ให้บริการโซลูชั่นคลังสินค้าแบบครบวงจรที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศใต้หวัน เพื่อลงทุนและพัฒนาทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใช้ในประเทศสำคัญ ๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ก้าวต่อไปกับการส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ “อยู่ดี มีสุข”
ต้นปี 2566 พฤกษาได้ประกาศจุดหมายใหม่ในการส่งมอบการอยู่อาศัยแบบ Live well, Stay well ที่ไม่เพียงพัฒนาโครงการบ้านสวยด้วยนวัตกรรมดีไซน์เท่านั้น แต่ยังผนวกการสร้างปัจจัยสุข สุขภาพดี ชุมชนดี เติมเต็มคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยในความหมายของการ อยู่ดี มีสุข อย่างแท้จริง
โดย 3 ธุรกิจในเครือ คือ อสังหาริมทรัพย์ เฮลธ์แคร์ และอีคอมเมิร์ซ จะผสานพลังเพื่อยกระดับการอยู่อาศัยให้มีความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล เช่น การใช้แนวคิดบ้านแบบ Multi Gen ที่รองรับคนทุกวัย การใช้โฮมออโตเมชันมาจัดการให้ชีวิตดีขึ้น เชื่อมโยงการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีผ่านแอปพลิเคชัน MYHAUS ที่ควบคุม IoT ในบ้านได้เพียงปลายนิ้ว การใช้พลังงานทางเลือกอย่างโซล่ารูฟ EV-Charger และการร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุตเพื่อมอบบริการดูแลสุขภาพและสิทธิประโยชน์แก่ลูกบ้าน ไม่เพียงเท่านี้ พฤกษา เรียลเอสเตท ยังมีแผนที่จะร่วมกับพันธมิตรภายนอกที่จะมาสร้างความอยู่ดี มีสุข ให้เพิ่มขึ้นด้วย
“เจตนารมณ์ของเราตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ คือ ทำให้คนไทยมีบ้านที่อยู่อย่างมีความสุข เราต้องขอบคุณคนไทยกว่า 260,000 ครอบครัว ที่ไว้ใจให้พฤกษาดูแลตลอด 30 ปีที่ผ่านมา และเราจะมุ่งมั่นสร้างการอยู่อาศัยที่ดี เพื่อให้ทุกชีวิตที่พฤกษา อยู่ดี มีสุข มากที่สุด” นายทองมา กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 12เม.ย. ที่ระดับ 34.26 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจเคลื่อนไหวผันผวนไม่ชัดเจน เหตุ 2ปัจจัยหลัก “ โฟลว์ธุรกรรมในตลาดบางลงมาก ช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ -นักลงทุนต่างชาติรอความชัดเจนของเฟดจากรายงานCPI ในคืนนี้
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 12เมษายน 2566ที่ระดับ 34.26 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.23 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทโดยรวมเคลื่อนไหว sideways สอดคล้องกับทิศทางของทั้งเงินดอลลาร์และราคาทองคำ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในคืนวันพุธนี้ (รับรู้ราวช่วง 19.30 น.)
โดยเราประเมินว่า ในระหว่างวันนี้ ค่าเงินบาทจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน เนื่องจาก 1) โฟลว์ธุรกรรมในตลาดอาจเบาบางลงมาก ในช่วงก่อนวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ (แต่ต้องระวังว่า ค่าเงินบาทก็อาจเคลื่อนไหวผันผวนได้เช่นกัน)
2) นักลงทุนต่างชาติเองก็อาจยังไม่เร่งรีบกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยหรือบอนด์ไทยต่อเนื่อง จนกว่าจะเห็นความชัดเจนของแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ในคืนนี้
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ โดยเรามองว่า หากอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ไม่ได้ชะลอตัวลงชัดเจน หรือ ออกมาสูงกว่าคาด เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้บ้าง ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่อาจจะยิ่งเชื่อว่า เฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย
(ผู้เล่นในตลาดยังให้โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคมราว 67% จาก CME FedWatch Tool) ซึ่งมุมมองดังกล่าวก็อาจกดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงทดสอบโซนแนวรับ ทำให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าแตะแนวต้าน 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว
ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ชะลอตัวลงชัดเจน หรือ ออกมาต่ำกว่าคาด (จับตาอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI) ผู้เล่นในตลาดจะหันกลับมาเชื่อว่า เฟดคงไม่สามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้จากระดับ 5.00%
ล่าสุด ทำให้ เรามีโอกาสเห็นทั้ง เงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลง ส่วนราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งในกรณีนี้ เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นใกล้แนวรับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ได้
ในช่วงนี้ เราคงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูงทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.35 บาท/ดอลลาร์ (ก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ)
ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวอาจกว้างถึง ระดับ 34.00-34.50 บาท/ดอลลาร์ (ในช่วงรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมมีการเคลื่อนไหวที่ผสมผสาน โดยหุ้นในกลุ่มธนาคารส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น (BofA +2.8%, Wells Fargo +1.9%) ตามความคาดหวังรายงานผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารในช่วงปลายสัปดาห์นี้
ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มพลังงานก็ปรับตัวขึ้นได้ (Exxon Mobil +0.7%, Chevron +0.6%) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth กลับปรับตัวลงสวนทางหุ้นกลุ่มอื่นๆ (Microsoft -2.3%, Amazon -2.2%)
หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.43% ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ประเมินว่าเฟดยังมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ และผู้เล่นในตลาดจะยิ่งเชื่อในมุมมองดังกล่าว หากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันนี้ ชะลอตัวลงไม่มาก ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวของหุ้นแต่ละกลุ่ม ได้ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลดลงต่อ -0.43% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.004%
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นกว่า +0.62% หนุนโดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนที่ออกมาดีกว่าคาด อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน และยอดค้าปลีก ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดกล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ (Rio Tinto +4.9%, Anglo American +4.2%)
ซึ่งได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาแร่โลหะพื้นฐานและโลหะมีค่าในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Dior +2.0%, LVMH +1.4%) ซึ่งก็ได้รับอานิสงส์จากความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน ในกรอบ sideways โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 102 จุด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงรอจับตารายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ก่อนที่จะมีการปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนต่อไป
ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ท่าทีของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ยังคงเคลื่อนไหว sideways เช่นเดียวกันกับเงินดอลลาร์ โดยราคาทองคำยังคงแกว่งตัวแถว 2,020 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งอาจเป็นแนวต้านของราคาทองคำในระยะสั้น ส่วนโซนแนวรับแรกยังคงเป็นช่วง 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงต่อเนื่อง +0.3%m/m หรือ +0.4%m/m สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI (ไม่รวมผลของราคาพลังงานและอาหาร)
สอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาพลังงานและภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อ CPI และ Core CPI อาจยังคงอยู่ในระดับสูงราว 5.2% และ 5.6% ทำให้เรามองว่า เฟดก็ยังมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อจนแตะระดับ 5.25% ได้ตามที่คาดการณ์ไว้ใน Dot Plot ล่าสุด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.23-34.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทและสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายเพื่อปรับโพสิชันก่อนการรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในคืนนี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.20-34.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ/สกุลเงินเอเชีย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ และรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 21-22 มี.ค.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กกท. เปิดตัว “แอปกีฬาดีดูฟรี T Sports 7 Application” เพิ่มช่องทางเข้าถึงคอนเทนต์กีฬาได้ครบทุกมิติ
วันที่ 10 เมษายน 2566 ณ ห้องประชุมชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งเทศไทย ดร.ก้องศักดยมณีผู้ว่าการการกีฬาแห่งประทศไทย และพันโทรุจ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา T Sports 7 ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว T Sports 7 แอปพลิเคชัน แอปกีฬาดี ดูฟรี ที่ตอกย้ำความเป็นตัวจริงเรื่องกีฬาบนทุกแพลตฟอร์ม รับชมกันแบบจุใจได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อให้คอกีฬาไม่พลาดการติดตามทุกข่าวสาร ความเคลื่อนไหว
แอปกีฬาดี ดูฟรี T Sports 7 ดาวน์โหลดง่าย ๆ ได้ที่ App Store และ Google Play เพียงเสิร์ชคำว่า “T Sports 7” แล้วกดดาวน์โหลดหรือใช้งานผ่านเว็บไซต์ https://www.tsports7.com โหลดแล้วอย่าลืมสมัครสมาชิกโดย Login ได้ง่ายๆ เพื่ออัปเดตคอนเทนต์ใหม่ได้ก่อนใคร
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 พฤติกรรม ทำให้ “ปวดหลัง” โดยไม่รู้ตัว
อาการปวดหลังไม่ได้เกิดขึ้นกับคนเฒ่าคนแก่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ที่อาจกำลังทำร้ายกระดูกสันหลังของตัวเอง ผ่านนิสัย หรือพฤติกรรม ที่ก่อให้เกิดอาการ “ปวดหลัง” โดยไม่รู้ตัว หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาปวดหลังโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจลองเริ่มเช็คจากพฤติกรรมด้านล่างก่อนก็ได้ค่ะ
- ยืน หรือเดินหลังค่อมอยู่เป็นประจำ
นอกจากจะเกิดความโค้งงอของกระดูก จนกล้ามเนื้อพาลเกร็งค้างจนเมื่อยไปด้วยแล้ว ยังอาจมีอาการปวดลามมาถึงไหล่ และคอได้อีกด้วย
- ยืนทิ้งน้ำหนักที่ขาข้างเดียว
หากใครยืนนานๆ แล้วปวดขาข้างเดียว หรือปวดหลังร่วมด้วย นั่นเป็นเพราะคุณกำลังยืนลงน้ำหนักที่ขาข้างเดียวโดยไม่รู้ตัว ร่างกายจะเสียสมดุล และอาจปวดขา หรือทำให้ขาเป็นตะคริวได้
- นั่งท่าเดิมนานๆ
การอยู่ในอิริยาบถใด อิริยาบถหนึ่งนานๆ เช่น การนั่งอยู่ที่หน้าจอคอมนานๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถ อาจทำให้กล้ามเนื้อหลังล้า จนอาจมีอาการปวดอักเสบตามมาได้ หรือบางคนอาจถึงขั้นเป็นออฟฟิศซินโดรมเลยก็มี
- นั่งไขว่ห้าง
การนั่งไขว่ห้างนานๆ จะทำให้เกิดการกดทับของขาข้างใดข้างหนึ่ง จนอาจส่งผลกระทบถึงกระดูดสันหลัง และบริเวณอุ้งเชิงกราน ที่อาจคดงอ และปวดได้
- นอนคว่ำเป็นประจำ
การนอนคว่ำ ทำให้เราต้องแอ่นหลังโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะบริเวณเอว หากจำเป็นต้องนอนคว่ำ เช่น นอนขณะทำการนวดแผนโบราณอยู่ ควรจะบอกหมอนวด ให้เปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนหงายบ้าง อย่านอนคว่ำนานๆ
- ก้มตัวยกของหนัก
ลองทำของตกพื้น แล้วก้มหลังหยิบดูสิ หากเป็นแค่ของเบาๆ ก็ไม่เท่าไร แต่หากเป็นของหนักๆ เช่น กระสอบข้าว ถังน้ำ ทำให้หลังต้องออกแรงมาก รับน้ำหนักมาก หากก้มตัวยกของหนักบ่อยๆ อาจมีอาการปวดหลังได้
- สวมรองเท้าส้นสูง
คุณผู้หญิงที่ต้องสวมรองเท้าส้มสูงเป็นประจำ คงรับรู้ถึงความเมื่อยเท้าไดดี โดยเฉพาะรองเท้าที่สูงกว่า 1 นิ้วครึ่งขึ้นไป ทางที่ดีควรเปลี่ยนเป็นรองเท้าที่ส้นไม่สูงนัก หรือสวมใส่ไม่นานจนเกิดอาการเมื่อย เพราะการเกร็งเท้าส่งผลให้กล้ามเนื้อหลัง และสะโพกต้องเกร็งตัว พยุงร่างกายไม่ให้ล้มไปข้างหน้า จนทำให้เกิดอาการปวดหลังได้เช่นกัน
- สะพายกระเป๋าใบใหญ่/หนัก
การทำให้ไหล่ต้องรับน้ำหนักบ่อยๆ ส่งผลทำให้ปวดไหล่ ร่างกายต้องเอียงไปด้าตรงข้าม เพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย กล้ามเนื้อหลังจึงทำงานหนักกว่าปกติ จนในที่สุดก็ปวดหลัง และปวดเอวตามลำดับ
- มีน้ำหนักตัวมากเกินไป
คนอ้วน มักมีอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ หรือกระดูกมากกว่าคนผอม เพราะข้อต่อ กระดูก และหมอนรองกระดูกสันหลังต้องรัยภาระหนักตลอดเวลา จึงทำให้มีโอกาสที่กระดูกเสื่อมเร็วขึ้น จนมีอาการปวด
- ที่นอนแข็ง หรือนุ่มเกินไป
ที่นอนที่ไม่พอดีกับสรีระของเรา อาจทำให้กล้ามเนื้อ และกระดูกสันหลังอยู่ในลักษณะคดงอ หรือโก่งตัวอยู่ตลอดทั้งคืน ดังนั้นคุณอาจนอนไม่สบาย และตื่นมาพร้อมอาการปวดหลังทุกเช้า
หากสำรวจตามสาเหตุดังกล่าวแล้ว ยังไม่พบว่าตัวเองมีอาการปวดหลังจากพฤติกรรมเหล่านี้ คุณควคปรึกษาแพทย์ เพื่อหาสาเหตุ และทำการรักษาอย่างถูกวิธีจะดีกว่าค่ะ รีบไปตั้งแต่ยังปวดไม่มาก จะรักษาให้หายได้ง่าย และตรงจุดกว่านะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
แต่งประโยคภาษาอังกฤษได้อย่างไรบ้างนะ
Simple Sentences (ประโยคความเดียว)
การแต่งประโยคง่ายๆ ทั่วๆไปก็จะมีประธานหนึ่งตัวรวมกับภาคกริยา จุดมุ่งหมายคือจะอธิบายสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความคิดใดความคิดหนึ่ง หรือตั้งคำถามใดคำถามหนึ่งขึ้นมาเท่านั้น ไม่ซับซ้อน เพราะประโยคแบบนี้จะมีกริยาแค่ตัวเดียว และเป็นประโยคเดี่ยว อยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง ไม่ต้องใช้อะไรมาเติม มาขยาย หรือมาช่วย
ยกตัวอย่างเช่น
She reads. (เธออ่าน)
ซึ่งไม่ว่าจะมีคำคุณศัพท์หรือว่ามีกรรมของประโยคตามท้ายมาก็ไม่ทำให้ประโยคนี้กลายเป็นประโยคซับซ้อนได้แต่อย่างใด ดังนั้นรูปแบบแรกให้จำไว้นะจ๊ะ “ประธาน+กริยา” ส่วนถ้าจะมีอะไรเสริมขึ้นมาอีกนั้นก็ดูได้จากตัวอย่าง
She reads a book with a red cover.
(เธออ่านหนังสือปกสีแดง)
ในกรณีนี้แม้ว่าจะมีนามหลายตัวและมีคำเชื่อม มันก็ยังคงเป็นประโยคความเดียว ไม่ใช่ประโยคที่ซับซ้อนจ้า ฉะนั้นประโยคแบบนี้ก็สามารถเขียนได้ในอีกรูปแบบคือ “ประธาน+กริยา+กรรม/ส่วนขยาย”
Compound Sentences (ประโยคความรวม)
ประโยคความรวมคือประโยคที่ประกอบด้วยประโยคความเดียวสองประโยคโดยที่มีคำเชื่อมอย่างเช่นคำว่า but คำว่า or คำว่า and อยู่ในประโยคด้วย ยกตัวอย่างเช่น
The boy is going left and the girl is going right.
(เด็กชายกำลังไปทางซ้ายและเด็กหญิงกำลังไปทางขวา)
ทั้งสองวลีสามารถอยู่แยกกันได้แต่ก็นำมารวมกันได้เช่นกัน ประโยคดังกล่าวนี้จึงมีลักษณะเป็นประโยคความรวม รูปแบบก็ไม่อยาก เพียงแค่เขียนประโยคความเดียวสองประโยคแล้วนำมาเชื่อมกันด้วยคำเชื่อมนั่นเอง
Complex Sentences (ประโยคความซ้อน)
ประโยคความซ้อนคือประโยคชนิดที่ใช้บรรยายสิ่งของหรือว่าแนวคิดที่มากกว่าหนึ่งสิ่งขึ้นไปโดยที่จะใช้กริยาเพียงตัวเดียว ประโยคความซ้อนจะมีวลีรวมกันมากกว่าหนึ่งวลี ทั้งวลีที่อยู่เดี่ยวๆได้, วลีที่อยู่เดี่ยวๆไม่ได้
ยกตัวอย่างเช่น
“Her sister loves the dress which is designed for tall people.”
(พี่ของเธอชอบชุดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนตัวสูง)
จะเห็นได้ว่าประโยคความซ้อนนี้จะปรากฏคำว่า “who, whom, which, that” เป็นคำเชื่อมส่วนขยาย ดังนั้นถ้าต้องการแต่งประโยคชนิดนี้ก็ให้เริ่มด้วยการแต่งประโยคความเดียวเอาไว้ก่อนแล้วขยายกรรมหรือประธานด้วยวลีต่าง ๆ ตามหลังคำเชื่อมส่วนขยายได้เลยจ้า
การแต่งประโยคตามลักษณะของประโยคที่แตกต่างกันไปไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เรามีพื้นฐานด้านคำศัพท์และไวยากรณ์ประมาณหนึ่งก็สามารถทำให้เขาเริ่มแต่งประโยคที่ให้ใจความไม่ซับซ้อนมากมายนักได้แล้ว แต่อย่าลืมนะคะ เมื่อใช้จริงประโยคเพียงแค่ประโยคเดียวอาจจะไม่พอ ดังนั้นต้องหัดอ่านข้อความภาษาอังกฤษไว้เยอะๆ เพื่อที่จะได้เห็นรูปแบบประโยคอื่นๆ ที่จะสามารถนำมาใช้ได้นอกเหนือจากที่ยกตัวอย่างนี้จ้า
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
ไบเดนสั่งบริษัทเทคฯ คุมเข้มความปลอดภัยเอไอ หวั่นอันตรายต่อสังคม
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวในวันอังคารว่า ต้องจับตามองกันต่อไปว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ จะเป็นอันตรายมากน้อยแค่ไหน พร้อมเน้นย้ำว่าบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ จะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการพัฒนาเอไอ
ปธน.ไบเดน กล่าวต่อที่ประชุมสภาที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่า ในอนาคตเอไออาจมีประโยชน์ในด้านการรักษาโรคและรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงแห่งชาติ
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า “บริษัทเทคฯ ต่าง ๆ มีความรับผิดชอบที่ต้องรับประกันว่าผลิตภัณฑ์เอไอของพวกตนจะต้องปลอดภัยก่อนที่จะนำออกสู่สาธารณะ” และว่า สื่อสังคมออนไลน์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เทคโนโลยีนั้นมีพลังอำนาจในการก่ออันตรายมากแค่ไหนหากไม่มีการป้องกันที่ถูกต้องเหมาะสม เห็นได้จากผลกระทบต่อสุขภาพจิต ความรู้สึกและความสิ้นหวัง โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว
ปธน.ไบเดน ยังเรียกร้องอีกครั้งให้รัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายที่จำกัดการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมทั้งการห้ามสื่อโฆษณาที่มุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยให้ความสำคัญต่อสุขภาพและความปลอดภัยเป็นหลัก
ราคาหุ้นของบริษัทพัฒนาด้านเอไอหลายแห่งปรับตัวลดลงในวันอังคารก่อนการประชุมดังกล่าว เช่น หุ้นของบริษัทซอฟ์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ C3.ai ร่วงลงไป 24% ขณะที่หุ้นของบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์จากประเทศไทย Guardforce AI ลดลงไป 29% และหุ้นบริษัท BigBear.ai ร่วงไป 16%
ปัจจุบัน เรื่องเอไอได้กลายเป็นประเด็นร้อนในรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อองค์กรจรรยาบรรณด้านเทคโนโลยี Center for AI and Digital Policy ได้ขอให้คณะกรรมาธิการพาณิชย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือ เอฟทีซี สั่งยับยั้งบริษัท OpenAI ไม่ให้เปิดตัว GPT-4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถคล้ายมนุษย์ในการเขียนโต้ตอบคำถามต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“จระเข้” ออกบูธโชว์นวัตกรรมตอบโจทย์งานก่อสร้างยุคใหม่ ในงานสถาปนิก’66 วันที่ 25-30 เมษายน นี้
“จระเข้” ออกบูธโชว์นวัตกรรมตอบโจทย์งานก่อสร้างยุคใหม่
ในงานสถาปนิก’66 วันที่ 25–30 เมษายน นี้
บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำในการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าตรา “จระเข้” นวัตกรรมเพื่องานก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่ง ครบวงจรตั้งแต่ฐานรากจนถึงหลังคามากว่า 30 ปี ร่วมออกบูธในงานสถาปนิก’66 โดยในปีนี้บูธจระเข้ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Expert Solutions, Expert Results” สะท้อนความเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างยุคใหม่ สร้างประสบการณ์ให้ผู้ที่เข้าเยี่ยมชมบูธได้สัมผัสกับนวัตกรรมสำหรับผู้ออกแบบและนวัตกรรมสำหรับผู้อยู่อาศัย ภายในพื้นที่แบ่งออกเป็น 5 โซน ได้แก่
- Tiling Experts พบนวัตกรรมการติดตั้งกระเบื้องใหญ่พิเศษครบวงจร พร้อมชมการติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ
- Well Being First ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเพื่อความยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และผู้อยู่อาศัย ตอบ Trend การก่อสร้างยุคใหม่
- SEE Jorakay สีสร้างลาย สร้างสไตล์ที่แตกต่างเฉพาะตัว พบกับการสร้างสรรค์ลวดลายโดยทีมช่างมืออาชีพที่พร้อมให้บริการสร้างผนังสวยระดับ Masterpiece ให้กับบ้านคุณ
- Chemical Expertise ใส่ใจทุกงานโครงสร้าง พัฒนานวัตกรรมสินค้าอย่างยั่งยืน ลดปัญหาการซ่อมแซม ยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน
- Home Clinic บริการให้คำปรึกษาทุกปัญหาเรื่องบ้านโดยผู้เชี่ยวชาญจากจระเข้ ครบจบในที่เดียว
โดยไฮไลต์ปีนี้ ผู้ที่เข้าเยี่ยมชมบูธจระข้จะได้พบกับ “จระเข้ซ่อมพื้นคอนกรีตบางเป็นมิตรกับธรรมชาติ” นวัตกรรมระบบซ่อมพื้นสำหรับบ้าน อาคารและงานสาธารณูปโภค ตอบโจทย์การซ่อมพื้นบางที่สุดเพียง 2 มม. ลดการใช้ทรัพยากรและ CO2 ได้ถึง 96% ท้าทายงานก่อสร้างที่ความบางมาพร้อมความแกร่งและรวดเร็วกว่าเดิม พร้อมรับฟังมุมมองที่น่าสนใจ กับกิจกรรม “Exclusive Talk” ภายใต้หัวข้อ “Green Living Trends with Expert Solutions, Expert Results” เทรนด์การออกแบบที่อยู่อาศัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมแชร์ประสบการณ์การเลือกใช้วัสดุสำหรับงานออกแบบ โดย “คุณประดิชญา สิงหราช” บริษัท อินโนเวทีฟ ดีซายน์ แอนด์ อาร์คิเทคเชอร์ จำกัด กับประสบการณ์การออกแบบ โปรเจค BOT Green Building, Samyan Mitrtown ในช่วงที่ทำงานร่วมกับ บริษัท แปลนแอสโซซิเอทส์ จำกัด และ “คุณอยุทธ์ มหาโสม” บริษัท เอ เอ ดี ดีไซน์ จำกัด ผู้ออกแบบ MIRIN house, SALIENT, SHADE house, VEIL house สถาปนิกรุ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์การดีไซน์ที่คำนึงถึงบริบทด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย
ร่วมสัมผัสนวัตกรรมสุดล้ำของจระเข้ที่ตอบโจทย์การก่อสร้างยุคใหม่และรูปลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ที่แตกต่าง พร้อมบริการให้คำปรึกษา ที่บูธจระเข้ หมายเลข S214 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี ในวันที่ 25-30 เมษายน 2566 เวลา 10.00-20.00 น. สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.jorakay.co.th และ เฟซบุ๊ก jorakay หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-720-1112
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 12/04/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,500.00 | 32,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,105.00 | 31,911.80 | 33,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,894.50 | 28,720.62 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,684.00 | 25,529.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 947.00 | 14,356.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 737.00 | 11,172.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,181.00 | 33,063.96 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/04/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.25 | 37.25 | 37.54 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.98 | 36.98 | 37.24 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.39 | 35.39 | – | – | – | – | – | – | – | 35.39 |
เบนซิน 95 | 45.06 | – | – | – | 45.11 | – | 45.56 | 45.21 | – | 45.06 |
ดีเซล B7 | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล B20 | 32.94 | 32.94 | 33.44 | – | 32.94 | – | 32.94 | – | – | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.06 | 42.16 | 43.74 | 43.66 | 43.66 | – | – | – | – | 42.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |