สาระน่ารู้ประจำวันที่ 12 พฤษภาคม 2566

กลุ่มต่างชาติ หวนตลาดคอนโด “โนเบิล” ชี้ ทำเล พระราม9 ขายดี

โนเบิล ลุย ปรับพอร์ต กระจายฐานลูกค้าต่างชาติ กระชากยอดขายคอนโดฯ เผยงบไตรมาส 1 ทำกำไรแตะ 73 ล้านบาท พุ่ง 1,195% หลังจีนเปิดประเทศ ชู โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 ทำเลพระราม 9 ยอดขายพุ่ง ต่างชาติ 38%

11 พ.ค.2566 – นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)“NOBLE”  เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2566 จากภาพรวมของความมั่นใจที่ฟื้นตัวกลับมา หลังจากสถานการณ์ของโรคระบาดคลี่คลาย

โดยบริษัทฯ    มีรายได้รวมที่ 2,135 ล้านบาท เติบโต 43% YoY และกำไรสุทธิอยู่ที่ 73 ล้านบาท เติบโต 1,195% YoY สาเหตุหลักมาจากมีการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2565 ที่มากขึ้น 

เช่น โครงการโนเบิล สเตท สุขุมวิท 39 โครงการนิว ศรีนครินทร์–ลาซาล โครงการโนเบิล อราวน์ อารีย์ โครงการนิว งามวงศ์วาน และโครงการนิว เซ็นเตอร์ บางนา เป็นต้น รวมถึงมีรายได้จากการให้บริการและบริหารงานก่อสร้าง และมีรายได้อื่นจากการยกเลิกสัญญาและรายได้จากการบริหารโครงการ (Management Fee) ที่เพิ่มมากขึ้นจากโครงการร่วมทุน

โดยในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มียอดขายรวม (Pre-sale) แตะ 4,402 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าพร้อมขาย (Inventory) จำนวน 1,060 ล้านบาท และเป็นยอดขายจากสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและโครงการใหม่จำนวน 3,342 ล้านบาท สอดคล้องกับภาพรวมของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและกำลังซื้อของผู้บริโภคกลับมา ส่งผลดีต่อ Sentiment ทั้งลูกค้าในกลุ่มที่เป็นซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real demand) และลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุน 

ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วจำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,800 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม Low-Rise 8 ชั้น จำนวน 6 อาคาร ซึ่งตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ลำลูกกาและติดสถานีรถไฟฟ้า และ 2.โครงการนิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ รวมจำนวนยูนิต 156 ยูนิต

ซึ่งทั้ง 2 โครงการดังกล่าวได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า เนื่องจากรูปแบบโครงการรวมถึงทำเลที่ตั้งสามารถดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 ในมือรวมมูลค่า 22,396 ล้านบาท และคาดว่าจะทยอยรับรู้ภายใน 2-3 ปี 

“ทั้งนี้สำหรับในปี 2566 บริษัทฯ เชื่อว่า Sentiment จะยังคงฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการปรับพอร์ตกระจายฐานลูกค้าต่างชาติให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ใต้หวัน สิงคโปร์ และเมียร์มาร์ เป็นต้น เพื่อรองรับการเปิดประเทศโดยเฉพาะปัจจัยการเปิดประเทศของจีนทำให้ความต้องการจากลูกค้าชาวจีนเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้กลับมาคึกคักสู่ภาวะปกติและนักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มทยอยเข้ามาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยตรงทำให้ยอดขายของลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มสูงขึ้น เช่น โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง ติดเซ็นทรัลพระรามเก้า และ MRT เพียง 180 เมตร เชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ ใจกลาง New CBD คอนโดฯ คุณภาพ ซึ่งปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้วกว่า 81% และมีสัดส่วนยอดขายจากลูกค้าต่างชาติแล้วกว่า 38% 

นายธงชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ประกอบกับ Backlog ที่มีในมือ รวมถึงโครงการแนวราบที่จะทยอยเปิดตัวในปี 2566 ส่งผลให้บริษัทฯ เชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อทิศทางการ ดำเนินงานในปี 2566 อย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเห็นการเติบโตของรายได้รวมที่ระดับ 15,000 ล้านบาท และยอดขายที่ระดับ 23,000 ล้านบาทตามเป้าที่วางไว้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


SC ลุยเปิดโครงการใหม่ 4 หมื่นล้าน จับตา บ้านเดี่ยว “95E1” ผงาดหลังละ 100 ล้าน

SC Asset เผย ผลประกอบการไตรมาส 1 ทำรายได้รวม 4,930 ล้านบาท ลุยต่อ เปิดโปรเจ็กต์ทั้งปี 4 หมื่นล้านบาท จับตา โครงการบ้านหรู แบรนด์ “95E1” ผงาดหลังละ 100 ล้าน และ คอนโดย่านพระราม 9 เริ่ม 2 ล้านต้น

11 พฤษภาคม 2566 – นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SCเปิดเผยว่า “สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรก บริษัทมีรายได้รวม 4,930 ล้านบาท โดยมาจากรายได้จากการดำเนินงาน 4,922 ล้านบาท เติบโต 29% (YoY) แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 95% และรายได้จากการเช่าและบริการ 5% มีกำไรสุทธิ 535 ล้านบาท

เติบโต 38% (YoY) หรือคิดเป็น 10.8 % ของรายได้รวม และมียอดขายรอโอนหรือ Backlog รวม 10,932 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 31 มี.ค. 66 บริษัท และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์ 58,585 ล้านบาท และหนี้สินรวม 36,251 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 1.62 แสดงถึงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง

ตามยุทธศาสตร์ของ SC Thriving Beyond บริษัทลุยเปิด 25 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาทตามแผนงานปี 2566 แบ่งเป็น 22 โครงการแนวราบ และ 3 โครงการแนวสูง (โดย SC และ SCOPE)  สำหรับครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการเปิดใหม่ ทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่ารวม 16,470 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดโครงการแนวราบไปแล้ว 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,440 ล้านบาท ได้แก่ บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ เวสต์เกต  และ เดอะ เจนทริ คัลทิวาร์ พระราม 9 พร้อมด้วย 2 แคมเปญพิเศษ “แบบใหม่ แบบสับ” ดึง ใหม่ ดาวิกา เป็น Presenter และแคมเปญ “คุ้มมากก ค่ะซิส!!” รวม บ้าน ทาวน์โฮม คอนโดฯ มอบดอกเบี้ยพิเศษ 0.9% นาน 2 ปี*

ทั้งนี้ยังมี 2 แบรนด์ใหม่ พร้อมเปิดในเดือนมิถุนายนนี้ ได้แก่ “95E1” (ไนน์-ตี้-ไฟว์-อีสต์-วัน) บ้านเดี่ยวสุดหรูในเซกเมนต์ Ultimate Luxury ด้วยราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาท จำกัดเพียง 10 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมนิวแบรนด์ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ บนทำเล รัชดา-พระราม 9 ใกล้ MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มูลค่าโครงการ 5,500 พันล้านบาท ราคาเริ่ม 2 ล้านต้น

นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า  “ในปีนี้ บริษัทฯ จะมีสินค้า เปิดขายในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2 ล้านต้น ไปจนถึงกว่า 150 ล้านบาท ด้วยการเปิดตัวสินค้าซีรีส์ใหม่ของแต่ละซับแบรนด์ เพื่อลงแข่งขันครองความเป็นผู้นำบ้านเดี่ยว ประกอบกับ ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2 มีแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ ส่งผลต่อความต้องการที่อยู่อาศัยในธุรกิจอสังหาฯ จึงมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 12พ.ค.ที่ระดับ 33.83 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทจะเริ่มเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า มีการเคลื่อนไหวผันผวนไปตามทิศทางเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับทองคำ

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้12พ.ค.2566 ที่ระดับ  33.83 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.72 บาทต่อดอลลาร์


 นายพูน    พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทมีการเคลื่อนไหวผันผวนไปตามทิศทางเงินดอลลาร์

และโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับทองคำ โดยเงินบาทมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ ก่อนที่จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์

แม้ว่า เงินบาทจะเริ่มเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น แต่ทว่า เรามองว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์นั้นจะเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากความกังวลปัญหาเพดานหนี้ที่อาจทวีความร้อนแรงมากขึ้น มักจะเป็นปัจจัยที่กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

 ทำให้เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นต่อชัดเจน โดยดัชนี DXY อาจไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้าน 102.5 จุด ไปได้ง่ายนัก (ผู้เล่นในตลาดอาจรอทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของเงินดอลลาร์ได้บ้าง) 

อย่างไรก็ดี เงินบาทยังคงมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่บ้าง จากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในส่วนหุ้นที่ยังมีลักษณะขายลดความเสี่ยง ก่อนจะรับรู้ผลการเลือกตั้ง
 
ทั้งนี้ เราประเมินว่า แนวต้านของเงินบาทจะอยู่ในโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ แม้จะเผชิญปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าดังกล่าว

 
ส่วนปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่านั้น เรายังคงเห็นแรงขายเงินดอลลาร์ของผู้เล่นบางส่วนในตลาดและบรรดาผู้ส่งออก หากเงินบาทอ่อนค่าลงใกล้โซนแนวต้าน นอกจากนี้ แม้นักลงทุนต่างชาติจะเป็นฝั่งขายสุทธิหุ้นไทย

 แต่ในส่วนตลาดบอนด์ เรายังคงเห็นแรงซื้อสุทธิบอนด์ โดยเฉพาะบอนด์ระยะสั้น ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจเป็นการทยอยเพิ่มสถานะ Long THB ของผู้เล่นต่างชาติได้
 
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ (ประเด็นขยายเพดานหนี้) และการเมืองไทย ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
 
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.65-33.95 บาท/ดอลลาร์


ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ (US Debt Ceiling) ที่ยังไม่มีความชัดเจน 


รวมถึงความกังวลปัญหาสภาพคล่องของบรรดาธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลาง หลังธนาคาร PacWest -22.7% รายงานยอดเงินฝากลดลงต่อเนื่อง

 ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน (Exxon Mobil -1.8%) หลังราคาน้ำมันดิบพลิกกลับมาปรับตัวลดลงกว่า -2.3% 

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ ใหญ่ โดยเฉพาะ Alphabet +4.3% ซึ่งได้เปิดตัว Search Engine ที่มี AI รุ่นปรับปรุง ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.17%
 
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยตลาดหุ้นยุโรปเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน (Equinor -4.1%) และหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ (Rio Tinto -2.1%) ตามการปรับตัวของราคาน้ำมันดิบและแร่โลหะ 

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (LVMH +1.8%) หลังจากหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้ย่อตัวลงต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า
 
ทางด้านตลาดบอนด์ ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะหากรัฐบาลและสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ได้ 

ส่งผลให้ผู้เล่นบางส่วนยังคงต้องการถือบอนด์ระยะยาว กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงต่อเนื่องสู่ระดับ 3.38% ทั้งนี้ เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัวใกล้โซนแนวรับ 3.30%-3.40% ที่เราเคยประเมินไว้ 


โดยบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นได้บ้าง หากการเจรจาขยายเพดานหนี้ประสบความสำเร็จ ส่งผลให้บรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น
 
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ซึ่งล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นยืนเหนือระดับ 102 จุด โดยผู้เล่นบางส่วนในตลาดยังคงต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

 ท่ามกลางความกังวลปัญหาสภาพคล่องของธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลาง และความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากรายงานข้อมูลยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานที่แย่ลงกว่าคาด


 นอกจากนี้ เรามองว่า เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการขายทำกำไรสกุลเงินฝั่งยุโรป โดยเฉพาะเงินปอนด์ (GBP) ในลักษณะ Sell on Fact หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด 


ส่วนในฝั่งราคาทองคำ แม้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะย่อตัวลงบ้าง แต่การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) 

ยังคงไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้าน 2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะเผชิญแรงขาย กดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงกลับมาสู่ระดับ 2,020 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นโซนแนวรับอีกครั้ง
 
สำหรับวันนี้ ในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ ผ่านรายงานอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยตลาดมองว่า เศรษฐกิจอังกฤษอาจขยายตัวเพียง +0.2%y/y ในไตรมาสแรกของปีนี้ 


ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการประท้วงหยุดงานในช่วงเดือนมีนาคม นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงิน ECB
 
ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาใกล้ชิด คือ การเจรจาขยายเพดานหนี้ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และผู้นำสภาผู้แทนฯ พรรครีพับลิกัน ว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง หลังจากที่การเจรจาในช่วงต้นสัปดาห์ประสบความล้มเหลว ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ

 ตลาดจะรอจับตารายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) เพื่อช่วยประเมินแนวโน้มการบริโภคของครัวเรือน 

นอกจากนี้ ในรายงานดังกล่าวผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ผ่านรายงานคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะกลาง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เฟดติดตามเช่นกัน และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ไม่เสี่ยงดีกว่า! ส.กรีฑาฯ แถลงสาเหตุ “คีริน” ถอนตัวซีเกมส์ วิ่ง 10,000 เมตร

จากกรณีที่ คีริน ตันติเวทย์ นักกรีฑาทีมชาติไทยต้องถอนตัวจากการวิ่ง 10,000 เมตร ซีเกมส์ 2023 ซึ่งมีโปรแกรมแข่งขันช่วงเย็นวันนี้ (11 พ.ค. 66) ชวดลุ้นเหรียญทองไปอย่างน่าเสียดาย

ล่าสุด สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกแถลงผ่านเพจชี้แจงว่า เกิดจากอาการบาดเจ็บ และได้รับคำวินิจฉัยจากคณะแพทย์ว่าไม่ควรลงแข่งขัน โดยมีใจความดังนี้

“เรื่อง คีริน ตันติเวทย์ ถอนตัววิ่ง 10,000 เมตร ฉบับที่ 2

สืบเนื่องจาก นายคีริน ตันติเวทย์ นักกีฬากรีฑาทีมชาติไทย มีอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายหลังข้อเท้าด้านขวา โดยคณะเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญเเละสตาฟโค้ช จากสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ ได้ลงความเห็นให้ คีริน ถอนตัวจากรายการเเข่งขัน 10,000 เมตร ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ประเทศกัมพูชา วันนี้ (11 พ.ค. 66) เวลา 17:35 น.

โดย พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ นายกสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล อุปนายกและเลขาธิการสมาคมกีฬากรีฑาฯ และคุณพ่อ ดร.วรเวช ตันติเวทย์ ได้ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

โอกาสนี้ คีริน เเละสมาคมกีฬากรีฑาฯ ขอขอบพระคุณแฟนนักกีฬากรีฑาทีมชาติไทย ที่แสดงความเป็นห่วงและให้กำลังใจในทุกช่องทาง และร่วมกันส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬากรีฑาทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 5-13 พ.ค 66 ณ ประเทศกัมพูชา

สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  
11 พฤษภาคม 2566″

ด้าน คีริน เองก็ได้กล่าวขอบคุณคนไทยที่ติดตามการเเข่งขันมาตลอดเเละเป็นกำลังใจให้ตลอด รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้วิ่ง 10,000 เมตร เพื่อคว้าเหรียญทองให้คนไทย พร้อมฝากคลิปสั้นๆ ถึงแฟนกรีฑาว่า “ผมจะกลับมาครับ”

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“ฟลาโวนอยด์” ใน “ชาเขียว-ชาดำ” เคล็ดลับสุขภาพ ลดเสี่ยงโรคหัวใจ-ไขมันในเลือด

เครื่องดื่มตระกูลชา โดยเฉพาะชาเขียว และชาดำต่างๆ มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะคนเอเชียอย่างชาวจีน ชาวญี่ปุ่นที่นิยมดื่มชาร้อนๆ มานานนับหลายศตวรรษแล้ว แต่ชาเหล่านี้มีดีอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร มาไขความลับสุขภาพดีจากชากันดีกว่า

“ฟลาโวนอยด์” เคล็ดลับสุขภาพดีของชา

สารฟลาโวนอยด์ เป็นสารที่พบได้ในผักผลไม้หลายชนิด ไม่ได้พบแค่ในชาเขียว และชาดำเท่านั้น หากแต่ยังพบได้ใน ยอ ถั่วเหลือง กระชายดำ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น และเครื่องดื่มอย่างไวน์ เป็นต้น โดยฟลาโวนอยด์มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย

ฟลาโวนอยด์ที่พบในพืช แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  • นารินจิน (Naringin) เป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่ให้รสขมในเปลือกของผลไม้พืชตระกูลส้ม (citrus fruit)
  • แคทีชิน (Catechin) พบในใชชาพบมากในชาเขียว


ประโยชน์ของฟลาโวนอยด์

  1. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และหลอดเลือด (รวมถึงโรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง)
  2. ลดระดับคอเลสเตอรอล คราบพลัค และไขมันเลวในเลือด และใหนหลอดเลือด ที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
  3. ช่วยปรับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
  4. การดื่มชาเขียว หรือชาดำ ให้ความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สมองตื่นตัว เพราะมีคาเฟอีนครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับกาแฟในปริมาณเดียวกัน เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการคาเฟอีนในปริมาณไม่มากเท่าการดื่มกาแฟ
  5. ความไวปฏิกิริยาของหลอดเลือดดีขึ้น หมายถึงการที่หลอดเลือดมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารเคมี และความตึงเครียดทางอารมณ์นั่นเอง ซึ่งเมื่อหลอดเลือดมีปฏิกิริยาที่ดี ก็จะช่วยให้หลอดเลือดมีการไหลเวียนของโลหิต และปฏิกิริยาอื่นๆ เพื่อให้ร่างกายตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นได้เร็วขึ้น

อย่ารับประทานฟลาโวนอยด์มากเกินไป

ถ้าคิดว่าฟลาโวนอยด์มีประโยชน์ จะโหมดื่มชาเป็นลิตรๆ ต่อวันแล้วล่ะก็ ขอให้หยุดคิดไปได้เลย เพราะการดื่มชามากเกินไป ส่งผลเสียต่อการทำงานของไต เพราะทั้งชาเขียว ชาดำ หรือชาอื่นๆ จะมีสารออกซาเลตอยู่ปริมาณหนึ่ง หากได้รับเข้าสู่ร่างกายมากๆ จนทำให้ไตต้องกำจัดออกไปบ่อยๆ อาจตกค้างเป็นผลึกจนกลายเป็นนิ่วในไตได้

ดังนั้น หากอยากจะดื่มชาเพื่อให้ได้สุขภาพที่ดี ควรดื่มไปตามธรรมชาติวันละ 1-2 แก้ว เลือกดื่มชาร้อนไม่ใส่น้ำตาล และส่วนประกอบอื่นๆ หรือใส่น้ำตาลให้น้อยที่สุด ไม่ควรดื่มเพราะคิดว่าชาเป็นยารักษาโรค และชาชงจากใบชาแท้ๆ จะดีกว่าชาขวด หรือชากระป๋อง เพราะอาจมีส่วนประกอบที่เป็นชาน้อย และน้ำตาลสูง เครื่องชาน้ำตาลสูงจะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากการดื่มชาน้อยลง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


5 จุดเสี่ยงห้ามจอดรถในช่วงพายุเข้าเด็ดขาด

ในช่วงรอยต่อระหว่างฤดูร้อนและฤดูฝนเช่นนี้ มีโอกาสสูงที่จะเกิดลมพายุขึ้นได้ ซึ่งแม้ว่าจะช่วยบรรเทาอากาศร้อนได้เป็นอย่างดี แต่ก็อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์คันโปรดได้เช่นกัน Sanook Auto จึงขอแนะนำ 5 จุดเสี่ยงห้ามจอดรถในช่วงพายุเข้าเด็ดขาด ดังนี้

     1. ป้ายโฆษณา ป้ายบิลบอร์ด – เนื่องจากป้ายโฆษณามักมีลักษณะต้านลม หากมีพายุพัดอย่างรุนแรง อาจทำให้เศษวัสดุจากป้ายร่วงหล่นใส่รถ หรือกระทั่งหักโค่นทับรถจนเกิดความเสียหายได้

     2. เสาไฟฟ้า – แม้ว่าเสาไฟฟ้าจะมีความแข็งแรงสูง แต่หากเจอกับพายุที่มีกระแสลมรุนแรง ก็อาจทำให้สายไฟชำรุดขาดลงมาพาดใส่รถได้ บางกรณีหากรถประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับเสาไฟฟ้า อาจส่งผลให้เสาไฟล้มต่อเนื่องหลายต้น สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่อยู่บนท้องถนนได้

     3. ใต้ต้นไม้ – หลายคนมักเลือกที่จะจอดรถใต้ต้นไม้ เพราะเป็นที่หลบแดดอย่างดีในวันฟ้าใส แต่หากวันไหนเกิดพายุพัดอย่างรุนแรง อาจส่งผลให้กิ่งไม้ร่วงหล่นใส่รถที่จอดอยู่จนเกิดความเสียหายได้

     4. ไซต์งานก่อสร้าง – รถที่จอดไว้ใกล้กับไซต์งานก่อสร้างอาจได้รับความเสียหายจากเศษปูน ดิน ทราย รวมถึงพายุที่พัดกระหน่ำอย่างรุนแรงอาจทำให้วัสดุก่อสร้างที่มีน้ำหนักมากที่อยู่บนอาคารตกใส่รถได้

     5. พื้นที่ต่ำกว่าถนน – เนื่องจากมีโอกาสสูงที่จะเกิดน้ำท่วมขังในบริเวณที่ลุ่มต่ำ โดยเฉพาะบริเวณท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ ที่มักออกแบบให้มีพื้นลาดเอียงเข้าหา เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมบริเวณที่จอดรถทิ้งไว้ได้

     เมื่อทราบเช่นนี้แล้วก็ควรหลีกเลี่ยงการจอดรถในบริเวณดังกล่าว เพื่อลดโอกาสเสี่ยงเกิดความเสียหายกับรถให้มากที่สุดนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


10 ประโยชน์ของ “ฟักทอง” ลดน้ำหนัก-เบาหวาน-มะเร็ง

เทรนด์อาหารคลีนยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่องข้ามปี และน่าจะยังอยู่กับหนุ่มสาวชาวไทยไปอีกนาน ใครที่ซื้ออาหารคลีนทาน หรือว่าทำอาหารคลีนทานเอง น่าจะเคยเห็นวัตถุดิบอันเลอค่านี้อยู่บ่อยๆ นั่นก็คือ “ฟักทอง” นั่นเอง ทำไมอาหารคลีนส่วนใหญ่ถึงต้องมีฟักทอง แล้วฟักทองมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

10 ประโยชน์ของ “ฟักทอง”

  1. ฟักทอง เป็นหนึ่งในผักที่มีสีเหลืองออกส้ม ที่ช่วยบำรุง และรักษาสายตา
  2. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ทีช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
  3. บำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง ชุ่มชื่น ชะลอรอยเหี่ยวย่น
  4. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  5. ลดระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน
  6. ไขมันน้อย น้ำตาลน้อย กากใยอาหารสูง พลังงานต่ำ จึงเป็นอาหารที่เหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนัก
  7. ป้องกันโรคหลอดเลือด และหัวใจ
  8. ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างเป็นปกติ จากกากใยอาหารที่มีอยู่สูง
  9. ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
  10. ป้องกันการเกิดโรคนิ่ว

วิธีทานฟักทองให้ได้ประโยชน์มากที่สุด

ฟักทองไม่ได้มีดีแค่เนื้อฟักทองสีเหลืองทองนะคะ เมล็ดฟักทองเองก็ช่วยคลายเครียดได้ดี น้ำมันฟักทองก็ช่วยบำรุงประสาท หรือแม้แต่เปลืองของฟักทองยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลืดให้อยู่ในระดับปกติอีกด้วย ดังนั้นลองทานฟักทองจากหลายๆ ส่วนดู และหากจะหั่นเนื้อฟักทองมาประกอบอาหาร อาจจะเหลือเปลือกบางๆ เอาไว้ทานกรุบๆ บ้างก็ได้

นอกจากนี้ ใครที่อยากทานฟักทองเพื่อลดความอ้วน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ก็อย่าเผลอทานฟักทองแกงบวด ฟักทองสังขยาล่ะ เพราะเป็นขนมที่มีน้ำตาลสูง แนะนำให้ต้ม หรือนึ่งทาน ปั่นทานกับผักผลไม้อื่นๆ หรือทำซุปฟักทอง ฟักทองผัดไข่ทานเป็นอาหารคาวน่าจะดีกว่าค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 12/05/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,250.0032,350.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,089.0031,669.2432,850.00
ทองรูปพรรณ 90%1,880.1028,502.32n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,671.2025,335.39n/a
ทองรูปพรรณ 50%940.0014,250.40n/a
ทองรูปพรรณ 40%731.0011,081.96n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,165.0032,821.40n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/05/2566


ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.7534.7535.2434.7534.7534.7534.7534.7534.7534.75
แก๊สโซฮอล์ 9134.4834.4834.9434.4834.4834.4834.4834.4834.4834.48
แก๊สโซฮอล์ E2032.4432.4432.8432.4432.4432.4432.4432.4432.44
แก๊สโซฮอล์ E8532.8932.8932.89
เบนซิน 9542.5442.6143.0442.6942.54
ดีเซล B732.4432.4432.9432.4432.4432.4432.4432.4432.4432.44
ดีเซล32.4432.4432.9432.4432.4432.4432.4432.4432.4432.44
ดีเซล B2032.4432.4432.9432.4432.4432.44
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5641.6643.5443.1643.1641.56
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า