เซ็นทรัลพัฒนาชิงขุมทรัพย์ภูเก็ตโหมลงทุน‘คอนโด’เจาะโลคัล-ทัวริสต์
เซ็นทรัลพัฒนาชิงขุมทรัพย์ภูเก็ต โหมลงทุน‘คอนโด’เจาะโลคัล-ทัวริสต์ เผยพฤติกรรมผู้บริโภคเหตุผลสุดปัง! เมื่อชาวภูเก็ตกระเป๋าหนักซื้อไว้ออกกำลังกาย รับแขก ให้ลูกหลาน และปล่อยเช่า ทั้งยังมีดีมานด์จากชาวต่างชาติ “ซื้อ” และ “เช่า” โดยเฉพาะกลุ่มExpat
หลายคนคงสงสัยว่าตลาดคอนโดมิเนียมใน “ภูเก็ต” หอมหวนขนาดไหน ถึงทำให้บิ๊กคอร์ปทั้งศุภาลัย แสนสิริ ออริจิ้น แอสเซทไวส์ กานดา แม้กระทั่ง “เซ็นทรัลพัฒนา” เปิดเกมรุกชิงขุมทรัพย์แห่งโอกาสอย่างหนัก! หากมองพฤติกรรมผู้บริโภคเหตุผลสุดปัง! เมื่อชาวภูเก็ตกระป๋าหนักซื้อไว้ออกกำลังกาย รับแขก ให้ลูกหลาน และปล่อยเช่า ทั้งยังมีดีมานด์จากชาวต่างชาติ “ซื้อ” และ “เช่า” โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานและพำนักอาศัยในเมืองไทย (Expat) เป็นที่มาของการทุ่มงบกว่า 5,000 ล้านเดินหน้าขยายพอร์ตที่อยู่อาศัย คอนโด และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
“ภูเก็ต” นับเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งก่อนโควิด-19สร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 4แสนล้านบาทและเป็นจังหวัดที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด(GDP)สูงเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ มีมูลค่าเศรษฐกิจถึง 2.51 แสนล้านบาท แม้ว่า 3 ปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ (economic shock)จากโควิด-19 จนทำให้GDP ต่อประชากรลดลง ! เพราะรายได้หลักของจังหวัด90%มาจากการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ
แต่หลังโควิด-19 คลี่คลายนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาภูเก็ตครึ่งแรกปี 2566 จำนวน 2.3 ล้านคน คาดปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็น 4-5 ล้านคนต่อปี ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลใหม่ในเรื่องท่องเที่ยว ‘ภูเก็ต’ กลายเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการสนับสนุน เพราะการท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย ล่าสุดรัฐบาลเศรษฐา1 ประกาศนโยบายฟรีวีซ่าคนจีน และมีแนวคิดขยายระยะเวลาให้คนรัสเซียอยู่ไทยนานขึ้น รวมถึงการสร้างสนามบินที่ จ.พังงาเพิ่มเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามา คาดว่าการท่องเที่ยวภูเก็ตจะกลับมาฟื้นตัว 100% ในปี 2567
จากสัญญาณดังกล่าวจึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่อย่าง ศุภาลัย แสนสิริ ออริจิ้น แอสเซทไวส์ กานดา แม้กระทั้ง‘เซ็นทรัลพัฒนา’ จึงรุกเข้ามาขยายพอร์ตอสังหาฯบนเกาะแห่งนี้
กรี เดชชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจที่อยู่อาศัย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) หรือCPN เผยว่า ตลาดคอนโดในจ.ภูเก็ตแบ่ง 2 ประเภท ประเภทแรก ซิตี้คอนโด ที่เป็นลูกค้าต่างชาติจะอยู่ชายฝั่งติดวิวทะเล ระดับราคาเกิน200,000บาทต่อตารางเมตร ส่วนซิตี้คอนโดในเมืองราคา 100,000บาทต่อตารางเมตร ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานและพำนักอยู่ในประเทศไทย(expat)เข้ามาเช่าจำนวนมากทั้งรัสเซีย อเมริกา โดยห้องขนาด 28 ตารางเมตร ค่าเช่า 15,000บาทต่อเดือน เฉลี่ยผลตอบแทน (Yield)6%
“จากประสบการณ์ที่ทำคอนโดขายอยู่ 18 จังหวัดราคาขาย 75,000-80,000 บาทต่อตารางวาหรือ ห้องราคา2 ล้านกว่าบาทไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ เชียงราย โคราช ค่าเช่าดีมาก ขณะที่คอนโดในกรุงเทพฯ ห้องละ3 ล้าน ได้ค่าเช่า 10,000 บาท ได้ผลตอบแทนดีกว่า เพราะต้นทุนต่ำกว่าและที่สำคัญคอนโดที่อยู่ในศูนย์การค้าหาเช่าไม่ค่อยได้”
กรี ระบุว่า คนกลุ่มแรกที่ซื้อคอนโดจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ยอดการปฏิเสธสินเชื่อน้อย บริษัทจึงพยายามที่พัฒนาพื้นที่ส่วนกลางให้ดึงดูดใจ เช่น การทำฟิตเนสให้ใหญ่ที่สุดในเมือง มีสตีมและซาวน่า มีสระว่ายน้ำ เพราะลูกค้าส่วนหนึ่งซื้อไว้เพื่อออกกำลังกายเสร็จเข้าไปรับประทานอาหารในศูนย์การค้าแล้วขับรถไปนอนบ้าน
“สัปดาห์หนึ่งมาว่ายน้ำ1-2ครั้ง หรือเวลามีแขกมาจะเปิดห้องให้มาพัก หรือไม่ก็ซื้อคอนโดให้ลูกอยู่เพื่อความเป็นส่วนตัว เช้ามาลูกไปทำงาน ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเย็นกลับมานอนคอนโด ลูกค้ากลุ่มนี้มีสัดส่วน75% ส่วนกลุ่มที่สองจะเป็นกลุ่มที่ซื้อคอนโดเพื่อลงทุนปล่อยเช่ามีสัดส่วน25% ซึ่งคนเช่าและคนปล่อยเช่าชอบเพราะได้สิทธิพ่วงในการใช้ฟาซิลิตี้ในโครงการได้”
ปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นเหตุผลให้‘เซ็นทรัลพัฒนา’ ขยายพอร์ตธุรกิจที่อยู่อาศัยในจ.ภูเก็ต ภายใต้งบลงทุน 5,000 ล้านบาทแบ่งพัฒนาโครงการออกเป็น 3 เฟส ใช้เวลา5 ปีในการดำเนินการ โดยนำร่องเฟสแรกด้วยโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น แบรนด์ “ฟีล” (PHYLL) บนพื้นที่ 6 ไร่ จำนวน 3 อาคาร จำนวน 439 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2.69- 6 ล้านบาทปัจจุบันมียอดขาย70% ส่วนที่เหลือ 30% จะเปิดขายในเดือนพ.ย.นี้คาดจะปิดการขายสิ้นปี2566
ขณะที่เฟส2 จะเริ่มพัฒนาในปี2567 จำนวน 3 อาคาร มีจำนวน300 ยูนิต ส่วนในเฟส 3 มีแนวคิดพัฒนาเป็น‘เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์’ จำนวน 300 ยูนิต โดยคิดราคาค่าเช่า 30,000-40,000 บาทต่อเดือนเพื่อรองรับกลุ่มต่างชาติเป็นหลักและขยายไปจังหวัดอื่นหนึ่งในนั้นทำเลย่านพระราม 9
ทั้งนี้เพื่อรองรับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานและพำนักอยู่ในประเทศไทย(expat)ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งคนที่ย้ายถิ่นฐานมาสร้างครอบครัว เดินทางมาทำงานตามการขยายตัวของธุรกิจข้ามชาติ หรือเพียงเพื่อพักผ่อนระยะยาว เข้ามาเสริมเพื่อสร้างรายได้ประจำ (Recurring income) โดยไม่ต้องขาย ถือเป็นกลุ่มที่จะมีศักยภาพต่อ ธุรกิจที่อยู่อาศัย ของ เซ็นทรัลพัฒนาในอนาคต
จากปัจจุบันคอนโดฟีลมียอดขาย 70% มีสัดส่วนมาจากคนไทย 85% และต่างชาติ 15% การพัฒนา‘เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์’จึงเป็นการสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งในไตรมาส4 มีแผนจะเปิดตัว4 โครงการ เป็นโครงการบ้าน 3 โครงการ ภายใต้แบรนด์ใหม่‘ นิรดา’ พระราม2 ,เอกชัย ,อยุธยา และโครงการคอนโด ‘เอสเซ็นท์’ บางนา คาดว่า สิ้นปีนี้ธุรกิจที่อยู่อาศัยจะมียอดโอน5,500 ล้านบาทและมีสัดส่วนรายได้กว่า10%ของรายได้รวมบริษัทเป็นครั้งแรกรอบ10 ปี และต่อไปขยับขึ้น15-20%
“ อนาคตหากมีโอกาสและจังหวะเหมาะสมมีแผนที่ซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบในภูเก็ต แต่ต้องยอมรับว่าราคาที่ดินในภูเก็ตหลังโควิดเพิ่มขึ้น 5 เท่า ขึ้นอยู่แต่ละทำเล เช่น ทำเลลากูนา 20-30 ล้านบาทต่อไร่แต่บางทำเลสูงถึง 60 ล้านบาทต่อไร่ เพราะเจ้าของส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะ ถ้าไม่ได้ราคาที่ดีไม่ขาย ทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้น และหายากขึ้น” กรี กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
แอสเซท ไฟว์ ปรับโฉมรีแบรนด์-โลโก้ใหม่”A5″
“แอสเซท ไฟว์” ปรับโฉมรีแบรนด์-โลโก้ใหม่ ชู “A5 GREATNESS Inspired by Love” สะท้อนตัวตน – ความมั่นคง – ทันสมัย ภายใต้ชื่อ “A5″ (เอไฟว์)สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ในโครงการ”วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์” บ้านเดี่ยว 3 ชั้นติดห้างราคาเริ่มต้น 25 ล้าน
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ด้วยการรีแบรนด์ Asset Five ให้อยู่ภายใต้ Umbrella Brand หรือ แบรนด์เดียวคือ “A5″(เอไฟว์) ด้วยคอนเซ็ปต์ “A5 GREATNESS Inspired by Love : เราเชื่อว่าความรักสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้” ด้วยการใช้หัวใจที่ยิ่งใหญ่ สร้างสรรค์ “ความสุข” ให้คนที่เรารักผ่าน 5 A โดยมีวัตถุประสงค์หลัก ดังนี้
• เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ A5 ให้ดูอบอุ่น เข้าถึงง่าย และใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น
• เพื่อให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น สอดคล้องกับการปรับวิสัยทัศน์ใหม่ของกลุ่ม A5
• เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่และทุกเจเนอเรชั่น
“ทุกโครงการแทรกองค์ประกอบ เพื่อทำอสังหาฯ ด้วยความรักและความใส่ใจรากของการสร้างบ้าน คอนโดฯ ทั้งหมดเกิดจากความรัก โดยส่วนตัวผมที่ทำอสังหาฯ ก็เกิดจากความรัก และองค์กรของเราก็มี Passion แบบนี้ ซึ่งก็เป็นตัวตนของเรา”
นายศุภโชค กล่าวว่า การที่ตนรักและหลงใหลเรื่องการทำอสังหาฯ ตั้งแต่เด็กๆ ไม่ใช่เพราะเกิดในตระกูลอสังหาฯ แต่การทำอสังหาฯ มันอยู่ในสายเลือด เราเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จได้ต้องรักในสิ่งที่ทำ และทำมันด้วยความรักจึงพัฒนาโครงการภายใต้คอนเซ็ปต์ A5 GREATNESS Inspired by Love ใช้หัวใจที่ยิ่งใหญ่
สร้างสรรค์ “ความสุข” ให้คนที่เรารักผ่าน 5 A เพราะฉะนั้นลูกค้าจะรับรู้ถึงความตั้งใจในทุกๆ อย่างที่เราถ่ายทอดไปยังโครงการทุกโครงการ บ้านทุกหลังที่สะท้อนผ่านองค์ประกอบ 5 A คือ
1. A Better Me : เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ให้คุณ “ภูมิใจ” ที่ได้เลือกบ้านที่ใช่อยู่แล้วสุขกายสบายใจ เพราะเราดูแล
“ใส่ใจ” ในทุกดีเทล ทั้งทำเลที่ตั้ง การพัฒนาสินค้า และวัสดุ
2. A Happy Home : ให้ทุกคนในบ้านได้อยู่ร่วมกันอย่างมี “ความสุข” เพื่อสานความรักความอบอุ่นในครอบครัวผ่านบ้านที่ดีไซน์ทุกตารางเมตรให้มีช่วงเวลาที่ดีในทุกวัน
3. A Place Full of Memories : ให้ทุกๆ พื้นที่ในบ้าน คือ ไดอารี่ของความประทับใจ และเป็นพื้นที่แห่ง “ความทรงจำ” สุดพิเศษของทุกคน เพราะ “บ้าน” มีความหมายมากกว่าแค่คำว่า “บ้าน”
4. A Life Full of Joy : ให้คุณอยู่ใน “สังคมที่ดี” และปลอดภัย สร้างพื้นที่ให้เกิดความสัมพันธ์เชื่อมต่อกับคนสำคัญอย่างไร้กังวล เพราะไม่มีอะไรสำคัญกว่ารอยยิ้มของคนที่เรารักและได้มีความสุขร่วมกัน เมื่ออยู่ภายใต้รั้วในทุกโครงการของเรา
5. A Better Planet : ใช้นวัตกรรมที่ใส่ใจโลก เพื่อให้คุณอยู่ในอนาคตอย่าง “ยั่งยืน” การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเราจึงพัฒนาภายใต้แนวคิด “กรีน คอนเซ็ปต์” รวมถึงการมีจิตใจแห่งความยั่งยืน ที่คิดถึงคนอื่น คิดถึงสังคม คิดถึงโลก คิดถึงสิ่งแวดล้อม และคิดถึงคนรุ่นถัดไป
นอกจากการรีแบรนด์ ที่สะท้อนความเป็นอัตลักษณ์ขององค์กรแล้ว การปรับโลโก้ A5 ใหม่ก็มีความสำคัญต่อการรีแบรนด์รูปทรงโลโก้ หัวใจที่เกี่ยวกันนี้เปรียบเสมือน ความรักของ A5 ที่คล้องใจอีกดวงของลูกค้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ A5 GREATNESS Inspired by Love ใช้หัวใจที่ยิ่งใหญ่ สร้างสรรค์ “ความสุข” ให้คนที่เรารักผ่าน 5 A นอกจากนี้ภายใต้โลโก้จะประกอบไปด้วย A, เลข 5 และหัวใจที่จัดวางอย่างลงตัว
โลโก้ A5 ใหม่ต้องการสื่อสารไปยังผู้บริโภคว่า “เดิมทุกคนจะรู้สึกว่า A5 เป็นแบรนด์บ้านหรู ถ้าพูดถึง A5 จะนึกถึง CINQ Royal และ Vana Residence ที่เน้นความหรูหรา ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้เข้าถึงยาก ห่างไกล ถึงเราจะทำบ้านหรู แต่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น เข้าถึงง่าย ความเข้าใจ อ้าแขนคอยโอบกอดทุกคนได้ เราใส่ใจทุกดีเทล คัดสรรค์ Material อย่างดีที่สุด ตั้งใจสร้างบ้านให้กับคนที่รักมากที่สุดคือ ลูกค้า
สำหรับความหมายการเลือกใช้สีทองและสีแดงเบอร์กันดี้บนโลโก้ A5 ใหม่นั้น นายศุภโชค กล่าวว่า “สีทอง” หมายถึงความโชคดี ความเจริญรุ่งเรือง สื่อถึงความหรูหรา และเป็นมงคล นำพาเรื่องดีๆ มาให้เสมอ โดยที่สีทองยังเป็น DNA ของ A5 เสมอมา และยังนำมาใช้ในโลโก้ใหม่นี้ด้วย ส่วน “สีแดงเบอร์กันดี้” หมายถึง ความมีระดับ ความรัก ความใส่ใจ สื่อถึงความหรูหราอย่างมีระดับ และยังสื่อถึงความอดทนรอคอยความสำเร็จ เหมือนไวน์แดงที่ผ่านการบ่มมายาวนานจนได้ไวน์ชั้นดี
ทั้งนี้หลังการรีแบรนด์ครั้งสำคัญนี้ A5 ได้วางโรดแมปเพื่อดำเนินธุรกิจสู่เป้าหมายให้ได้ตามแผนที่วางไว้ด้วยยอดขาย5,000 ล้านบาท ภายในอีก 3 ปี และโครงการนำร่องที่จะถ่ายทอดเพื่อสะท้อนภาพการรีแบรนด์ คือ “วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์” เริ่มต้น 25 ล้านบาทจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ส่วนปีหน้าเบื้องต้นจะเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 6,700 ล้านบาท แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 2 โครงการคือ CINQ 2 กับ VANA 3 และมีอีกหนึ่งโครงการที่ รชยา จังหวัดอุดรธานี
ปลายปีนี้เตรียมเปิด โครงการ “วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์” เป็นโครงการต่อยอดความสำเร็จของการพัฒนาโครงการ “วนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9-ศรีนครินทร์” พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Balance of Urbanized Living : สมดุลของการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ภายใต้ร่มเงาของธรรมชาติ”
มีจำนวน 43 หลัง บนที่ดินกว่า 17 ไร่ มีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ ขนาดที่ดิน 60-140 ตารางวา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 415-556 ตารางเมตร ราคา 25-50 ล้านบาท* มูลค่าโครงการรวม 1,700 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างคืบหน้าเกิน 50% เตรียมพร้อมเปิด Pre-Sales เฟสแรกปลายปีนี้ตั้งเป้ายอดขายปี 2566 มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่ม Real Demand ในโซนตะวันตกของกรุงเทพฯ ที่เบื่อบ้านแบบเดิมๆ มองหาบ้านดีไซน์ใหม่ที่แตกต่าง กับทำเลที่มีการเติบโตและตอบโจทย์ครบในที่เดียว ทั้งมีความเป็นเมือง เดินทางไปทำงานสะดวก ใกล้ห้างหรือแหล่งไลฟ์สไตล์ และใกล้ชิดธรรมชาติ มีรายได้ต่อครอบครัว 300,000 บาทขึ้นไป อาชีพเจ้าของธุรกิจ หรือพนักงานบริษัท Executive Level ซึ่งโครงการดังกล่าวมีจุดเด่นเรื่องทำเล ส่วนกลาง และดีไซน์ เชื่อมั่นว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ
• “ทำเล” โครงการตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นใจกลางราชพฤกษ์ เดินทางเข้าเมืองสะดวก ติดห้างใหญ่ Central Westville และ
The Crystal ประกอบกับราชพฤกษ์ เป็นโซนที่อยู่อาศัยฝั่งตะวันตกที่ใกล้เมืองมีความเป็น Urbanized ซึ่งตรงกับแนวคิดในการเลือกทำเลของบริษัทฯ ขณะเดียวกันการขยายตัวของเมืองในฝั่งตะวันตกที่ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
• “ส่วนกลาง” ที่มีต้นไม้ใหญ่มากมายทั่วโครงการ และอาคารคลับเฮ้าส์ที่มีเอกลักษณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
• “ดีไซน์” บ้านที่เป็น A5 Design แตกต่างอย่างโดดเด่น และไม่เหมือนใครในย่านนี้
• “ความเป็นส่วนตัว” ยูนิตน้อย เพียง 43 ยูนิต อีกทั้งยังจัดแบ่งโซนพักอาศัยแยกจากโซนคลับเฮ้าส์
นอกจากจุดเด่นต่างๆ ดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ ยังมั่นใจในตัวโปรดักส์ที่เป็นบ้านเดี่ยวรูปแบบใหม่ 3 ชั้น ซึ่งจะเห็นว่าจะยังไม่ถูกพัฒนาในย่านราชพฤกษ์นี้มานาน ส่วนใหญ่จะอยู่ไกลออกไป “วนา” จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับดีมานด์ที่ Niche พอสำหรับความแตกต่างในโซนนี้ และตลาดบ้านในโซนนี้ยังมีความต้องการต่อเนื่องเห็นได้จากอัตราการขายอยู่ที่ 1-5 ยูนิตต่อเดือนและยังมีซัพพลายเกิดใหม่เสมอ โดยบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ในช่วง 13-60 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 12ก.ย. ที่ระดับ 35.53 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.65 บาท/ดอลลาร์ควรจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งยุโรปทั้ง “ตลาดแรงงานอังกฤษ-ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี”อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินปอนด์และค่าเงินยูโร
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 12ก.ย. 2566 ที่ระดับ 35.53 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.51 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า ปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทในวันก่อนหน้านั้น ส่วนใหญ่มาจากการที่เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ตามการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง
พร้อมกับการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ อย่างไรก็ดี ปัจจัยหนุนดังกล่าว ก็เริ่มแผ่วลงบ้าง ในขณะที่ ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ ทั้ง แรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ ที่เรายังไม่เห็นสัญญาณการกลับมาซื้อสินทรัพย์ไทยอย่างที่เราเคยคาดหวังไว้ ว่านักลงทุนต่างชาติจะเริ่มกลับมาซื้อสินทรัพย์ไทยมากขึ้น
หากการจัดตั้งรัฐบาลผสมและคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นลง นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติมได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งยุโรป ทั้งข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ และดัชนี ZEW ของเยอรมนี ออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจส่งผลให้ เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นได้ ตามการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์อังกฤษและเงินยูโร
อย่างไรก็ดี เราคาดว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ และรอลุ้นผลการประชุม ECB ทำให้การปรับสถานะถือครองอาจยังไม่ชัดเจนนัก
อนึ่ง ในช่วงนี้ เรามองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.65 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหว sideway (แกว่งตัวในช่วง 35.47-35.54 บาทต่อดอลลาร์) โดยถึงแม้ว่า เงินดอลลาร์จะย่อตัวลงมาบ้าง แต่การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เข้าใกล้ระดับ 4.30% อีกครั้ง ก็ยังคงกดดันให้ราคาทองคำพลิกกลับมาย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับระยะสั้น ทำให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวบ้างและเป็นแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าให้กับเงินบาท
แม้ว่าผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันพุธนี้ ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ นำโดย Tesla +10% หลังนักวิเคราะห์กลับมาแนะนำการลงทุนในหุ้น Tesla
จากแนวโน้ม Super computer ใหม่ของบริษัทจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทได้ ซึ่งภาพดังกล่าวได้หนุนให้หุ้นเทคฯ ในธีม AI ต่างปรับตัวขึ้น ทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +1.14% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาดราว +0.67%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.34% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ (Rio Tinto +3.4%) จากความหวังว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI ล่าสุด ปรับตัวขึ้น +0.1%y/y ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างรอลุ้นทั้ง รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้
ในฝั่งตลาดบอนด์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหว sideway ใกล้ระดับ 4.30% โดยมีจังหวะปรับตัวขึ้นได้บ้าง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งนี้ เรามองว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เป็นไปอย่างจำกัด
เนื่องจากผู้เล่นบางส่วนก็รอทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว ในจังหวะยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น (นอกเหนือจากการรอลุ้นอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ) ซึ่งเราคงมุมมองเดิมว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจในการทยอยซื้อสะสมบอนด์ระยะยาว เนื่องจากระดับยีลด์ที่สูงขึ้น มี risk/reward ที่น่าสนใจและเรามองว่า หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อ ก็อาจปรับตัวขึ้นไม่ได้มาก ยกเว้นว่าเฟดจะส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่ออีกไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง ซึ่งเราคงประเมินว่า โอกาสเกิดภาพดังกล่าวยังต่ำอยู่
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideway หลังจากทยอยอ่อนค่าลงในช่วงการซื้อขายระหว่างวัน ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างยังไม่รีบปรับสถานะถือครอง จนกว่าจะรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และ
ผลการประชุม ECB ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 104.6 จุด (กรอบ 104.4-104.8 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหว sideway และมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง แต่ทว่าจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
กลับเป็นปัจจัยที่กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังคงผันผวนใกล้ระดับ 1,945 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นบางส่วนในตลาดอาจรอทยอยซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลงบ้าง ทำให้โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง
สำหรับวันนี้ ควรจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งยุโรปอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และค่าเงินยูโร (EUR) ได้ โดยจะเริ่มจาก รายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษล่าสุด โดยตลาดประเมินว่า ตลาดแรงงานอังกฤษมีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น
โดยอัตราการว่างงาน (Unemployment) อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นการชะลอตัวลงที่ไวกว่าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้ประเมินไว้ก่อนหน้า ทั้งนี้ เราประเมินว่า การชะลอตัวลงของตลาดแรงงานอาจไม่สามารถเปลี่ยนใจ BOE ต่อการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนได้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษยังคงอยู่ในระดับสูงมาก เมื่อเทียบกับเป้าหมายของ BOE กอปรกับ แรงกดดันเงินเฟ้อจากค่าจ้างก็ยังคงมีอยู่ โดยอัตราการเติบโตของค่าจ้าง ไม่รวมโบนัส ในเดือนกรกฎาคม อาจยังคงสูงกว่า +7.8%
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) ซึ่งมีโอกาสที่บรรดานักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบันอาจปรับลดความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจลงได้ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของเยอรมนีและยุโรปในระยะนี้ออกมาแย่กว่าคาด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.54-35.56 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.30 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทอ่อนค่ากลับมา เช่นเดียวกันกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนบางส่วนจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวยังคงเป็นกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ ในช่วงกลางสัปดาห์อย่างใกล้ชิด
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 35.40-35.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะค่าเงินเยนและเงินหยวน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
โปรแกรม, เวลา, ช่องถ่ายทอด : เชียร์ทีมวอลเลย์สาวไทย ลุยศึกคัดเลือก โอลิมปิกเกมส์
ตามเชียร์ “วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย” ในการแข่งขัน วอลเลย์บอลโอลิมปิก 2024 รอบคัดเลือก ระหว่างวันที่ 16-24 กันยายน 2566 จะแข่งขันที่ประเทศโปแลนด์
การแข่งขันเพื่อคว้าโควต้าไปลุยโอลิมปิก มีทีมเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 24 ทีม แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 8 ทีม แต่ละกลุ่ม แข่งขันแบบพบกันหมด เพื่อคัดเอาแค่ทีมอันดับ 1-2 ที่มีผลงานดีที่สุดเท่านั้น ที่จะได้ตั๋วเข้าไปเล่นในโอลิมปิกเกมส์ รอบสุดท้าย ที่ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2024
ทั้งนี้ทีมชาติไทย ถูกจับสลากไปอยู่ในกลุ่ม ซี มีทีมร่วมกลุ่มอย่าง เจ้าภาพ โปแลนด์, สหรัฐอเมริกา แชมป์เก่าในโอลิมปิกเกมส์ที่ญี่ปุ่น , อิตาลี แชมป์เนชั่นส์ลีก ปี 2022, เยอรมนี, เกาหลีใต้ , สโลวีเนีย และ โคลอมเบีย
ตารางวอลเลย์บอลหญิงโอลิมปิก 2024 รอบคัดเลือก (ตามเวลาประเทศไทย)
- วันที่ 16 กันยายน 2566 เวลา 19.30 น. ไทย พบ เยอรมนี
- วันที่ 17 กันยายน 2566 เวลา 19.30 น. ไทย พบ สหรัฐอเมริกา
- วันที่ 19 กันยายน 2566 เวลา 19.30 น. ไทย พบ อิตาลี
- วันที่ 20 กันยายน 2566 เวลา 22.30 น. ไทย พบ โปแลนด์
- วันที่ 22 กันยายน 2566 เวลา 19.30 น. ไทย พบ สโลวีเนีย
- วันที่ 23 กันยายน 2566 เวลา 19.30 น. ไทย พบ เกาหลีใต้
- วันที่ 24 กันยายน 2566 เวลา 19.30 น. ไทย พบ โคลอมเบีย
ถ่ายทอดสด วอลเลย์บอลโอลิมปิกหญิง 2024 รอบคัดเลือกทางช่อง : เวิร์คพอยท์ ช่อง 23
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ท้องอืด-ปวดท้องหลังกินข้าว สัญญาณอันตราย “มะเร็งกระเพาะอาหาร”
รู้หรือไม่ว่า “มะเร็งกระเพาะอาหาร” (Stomach Cancer หรือ Gastric Cancer) เป็นมะเร็งที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของมะเร็งที่คนไทยเป็นกันมากที่สุด และจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (GLOBOCAN) ในปี 2018 ยังระบุว่า มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งทั้งหมดทั่วโลก และยังมีอุบัติการณ์เป็นอันดับที่ 5 ของโรคมะเร็งทั้งหมดอีกด้วย
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของโรคนี้คือ อาการในระยะแรกเริ่ม ซึ่งจะดูเป็นอาการที่พบได้บ่อย ๆ และไม่รุนแรง เช่น ท้องอืด เรอบ่อย แสบร้อนกลางอก ปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้ ไม่อยากอาหาร เป็นต้น และเมื่อระยะของโรคมีการพัฒนามากขึ้น อาจทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง โดยเฉพาะช่องท้องบริเวณส่วนบนและตรงกลาง มีเลือดปนอุจจาระ อาเจียนเป็นเลือด น้ำหนักลด อ่อนเพลีย หรืออาจมีลักษณะคล้ายกับอาการของโรคอื่นๆ เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร ไวรัสลงกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจทำให้มองข้ามสัญญาณเตือนเหล่านี้ไป ด้วยเข้าใจว่าเป็นอาการของโรคอื่น
สาเหตุโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
มะเร็งกระเพาะอาหารมีหลายลักษณะ ทั้งเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นในเยื่อบุกระเพาะอาหาร มะเร็งต่อมน้ำเหลืองของกระเพาะอาหาร และมะเร็งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหรือมะเร็งจิสต์ (GIST) โดยมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป เช่น
- การติดเชื้อแบคทีเรียเอช.ไพโลไร (H. Pylori) ในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น
- การอักเสบของกระเพาะอาหารเรื้อรังจากการกินอาหารบางชนิดที่ไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ เช่น อาหารปิ้งย่าง อาหารรมควัน อาหารรสเค็ม หรืออาหารหมักดอง
- การสูบบุหรี่จัด หรือดื่มแอลกอฮอลล์เป็นประจำ
- พันธุกรรม
- ผู้ที่เคยเป็นโรคมะเร็งที่ส่วนอื่นของร่างกายมาก่อน
นอกจากปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมา ยังมีลักษะทางกายภาพอื่นๆ ของผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่ควรระวังและหมั่นตรวจสอบร่างกาย ได้แก่
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
- โรคนี้พบได้ในเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 2 เท่า
- พบในชาวเอเชียมากกว่าชนชาติอื่น ๆ
- พบในผู้ที่มีกรุ๊ปเลือดเอ มากกว่ากรุ๊ปอื่น
- ผู้ที่มีประวัติเคยผ่าตัดกระเพาะอาหารมานานกว่า 20 ปี
- ผู้เป็นโรคโลหิตจางชนิดร้ายแรง (Pernicious Anemia)
เป็นต้น
อาการเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะไม่จำเพาะเจาะจงกับมะเร็งกระเพาะอาหารเสมอไป ยังมีโรคอื่นๆ ที่พบได้บ่อยกว่ามะเร็งกระเพาะอาหาร เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ กรดไหลย้อน เป็นต้น
การวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะอาหาร
การวินิจฉัยจะเริ่มจากการซักประวัติและการตรวจร่างกาย บางรายต้องอาศัยอาการหลาย ๆ อาการประกอบกัน บางรายต้องมีความต่อเนื่องในการรักษาติดตามจึงจะทราบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ดังนั้นการเปลี่ยนสถานพยาบาลไปเรื่อย ๆ เมื่ออาการไม่ดีขึ้น อาจส่งผลให้การวินิจฉัยล่าช้า
เมื่อแพทย์สงสัยว่าผู้ป่วยรายไหนอาจเป็นมะเร็ง จะมีวิธีการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม ได้แก่
- การกลืนแป้งสารทึบแสง โดยให้ผู้ป่วยกลืนน้ำที่ผสมด้วยสารทึบแสงคล้ายแป้ง ซึ่งจะไปเคลือบหลอดอาหาร และลำไส้เล็ก ประกอบกับการถ่ายภาพเอ็กซ์เรย์เป็นระยะ ๆ เพื่อให้สามารถมองเห็นก้อนเนื้อหรือความผิดปกติอื่น ๆ ได้ แต่วิธีการนี้อาจไม่เป็นที่นิยมนักเพราะไม่สามารถมองเห็นรอยโรคได้โดยตรงแต่มักจะใช้ตรวจดูการบีบตัวของหลอดอาหารและกระเพาะอาหารมากกว่า
- การส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนต้น เพื่อทำการตรวจประเมินรอยโรคภายในกระเพาะอาหาร วิธีการส่องกล้องนี้เป็นที่นิยมมากว่า นอกจากจะเห็นรอยโรคได้โดยตรงแล้ว ยังสามารถตัดตัวอย่างเนื้อเยื่อมาพิสูจน์ทางพยาธิวิทยา ตรวจหาเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในกระเพาะอาหาร และสามารถฉีดยาเพื่อห้ามเลือดได้ในขณะที่มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร
- การส่องกล้องติดอัลตราซาวนด์ เพื่อให้ทราบความลึกของมะเร็งหรือการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะใกล้เคียง
- การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือการทำ CT scan เพื่อให้แพทย์สามารถเห็นตำแหน่งของโรคและการกระจายของโรคได้อย่างละเอียด เพื่อประเมินระยะ และเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
วิธีรักษาโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ธัชธรรม์ สุขสมบูรณ์เจริญ หน่วยโรคมะเร็ง ภาควิชาอายุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อธิบายถึงแนวทางการรักษามะเร็งชนิดนี้ว่า “การรักษามะเร็งกระเพาะอาหารจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทีมแพทย์ในสาขาต่าง ๆ เช่น ศัลยแพทย์ รังสีแพทย์ และอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง เพื่อวางแผนการรักษาที่ได้ประสิทธิภาพ และเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
โดยแพทย์จะประเมินวิธีการรักษาจากหลายปัจจัย เช่น ขนาด ตำแหน่ง ลักษณะของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรคและการกระจายของเซลล์มะเร็ง รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยไม่มีข้อจำกัดทางโรคประจำตัวหรือโรคร่วมที่มากเกินไป หากพบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะแรก ควรประเมินถึงการผ่าตัดออกทั้งหมด และในบางราย อาจจะมีการรักษาเสริม ไม่ว่าจะเป็นการรักษาเสริมด้วยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) อย่างเดียว หรือเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีรักษา (Radiotherapy) แล้วแต่ความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย
ทั้งนี้ การรักษาเสริมเหล่านี้ เพื่อลดอุบัติการณ์การกลับมาเป็นซ้ำของโรค หากเป็นระยะที่ไม่สามารถผ่าตัดออกได้หรือระยะแพร่กระจาย และยังมีสุขภาพโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี การรักษามะเร็งระยะนี้สามารถใช้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) โดยอาจให้ร่วมกับยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted Therapy) หรือยายับยั้งการสร้างหลอดเลือด ( Anti-angiogenesis) รวมถึงการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ซึ่งเป็นการใช้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง เพื่อยับยั้งระบบควบคุมและสั่งการให้มีการทำลายเซลล์แปลกปลอมหรือหยุดการทำลายเซลล์ของร่างกาย (Immune Checkpoint) เพราะบางกรณีเซลล์มะเร็งจะอาศัยระบบนี้ในการซ่อนตัวจากการถูกทำลายโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ยากลุ่มนี้จึงได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันตรวจจับเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดผลข้างเคียงได้มากขึ้นอีกด้วย
ปัจจุบันนวัตกรรมทางการแพทย์พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมาก ผู้ป่วยจึงมีตัวเลือกในการรักษามะเร็งที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ผลการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการหายขาดจากโรค และลดโอกาสในการกลับมาเป็นซ้ำ สิ่งสำคัญที่สุดคือ รีบปรึกษาแพทย์หากพบว่าคุณหรือคนใกล้ตัวมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยโรคและหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายต่อไป”
วิธีลดความเสี่ยงโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
เนื่องจากปัจจุบันเรายังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุของการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร จึงทำให้ยังไม่สามารถหาแนวทางป้องกันที่เป็นรูปธรรมได้ ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยลดโอกาสและความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายนี้ได้ นั่นคือ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ เพื่อช่วยเพิ่มเส้นใยอาหารและวิตามินให้กับร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทหมักดอง อาหารรมควัน อาหารปิ้งย่าง และอาหารที่มีรสเค็ม เพราะอาหารดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และทำให้เกิดมะเร็งได้
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- สำหรับเพศชายที่อายุ 55 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโดยการส่องกล้อง เพราะมะเร็งกระเพาะอาหารสามารถรักษาให้หายได้หากตรวจพบตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สำนวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับฤดูหนาว
1. Cold shoulder
แปลตรงตัว ไหล่เย็น งงเนอะ?!
ความหมาย เย็นชากับ(ใครบางคน) หรือเมินเฉยกับ(ใครบางคน)
ตัวอย่างประโยค
He got the cold shoulder from his former boss when he saw him at a restaurant.
แปล เขาได้รับความเย็นชาจากหัวหน้าคนเก่าของเขา ตอนเขาเห็นหัวหน้าของเขาที่ร้านอาหาร
2. Cold Turkey
แปลตรงตัว ประเทศตุรกีที่หนาวเย็น
ส่วนมากใช้ในรูป go cold Turkey หมายถึง เลิก(สิ่งเสพติด)อย่างฉับพลัน หรือจู่ๆก็เลิกเลย
ตัวอย่างประโยค
Six years ago she went cold turkey on (= stopped completely) a three-pack-a-day smoking habit.
แปล เมื่อ 6 ปีที่แล้วเธอเลิกพฤติกรรมการสูบบุหรี่สามห่อต่อวัน
3. Take a chill pill
หมายถึง ใจเย็นๆ,สงบใจ,ผ่อนคลาย
ตัวอย่างประโยค
Then we take a chill pill for a second and we just listen.
แปล จากนั้นเราก็ผ่อนคลายสักแปปนึงและเราก็แค่ฟัง
4. Under the weather
แปลตรงตัว ใต้อากาศ
ที่มา: อากาศเนี่ยมีทั้งดีและไม่ดี ถ้าคุณอยู่ใต้เมฆฝน เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะไม่รู้สึกแฮปปี้ และไม่พร้อมที่จะไปปาร์ตี้ อะไรแบบนี้ ดังนั้นจึงมีความหมายว่า การป่วยหรือไม่สบาย
ตัวอย่างประโยค
I did not go to work today, as I was feeling a bit under the weather.
แปล ฉันไม่ได้ไปทำงานวันนี้ เพราะฉันรู้สึกไม่สบาย
5. In cold blood
ความหมาย อย่างเลือดเย็น,ไร้ความปราณี
ตัวอย่างประโยค
This case was a twelve year old girl, shot in cold blood as she sat alone at the poolside of her California home.
แปล เคสนี้เป็นเคสที่เด็กผู้หญิงอายุ 12 ปีถูกยิงอย่างเลือดเย็น ในขณะที่เธอนั่งอยู่ตามลำพังที่ริมสระบ้านของเธอที่แคลิฟอร์เนีย
6. Snowball effect
ความหมายผลกระทบแบบก้อนหิมะ
ที่มา: นึกถึงก้อนหิมะที่กำลังกลิ้งมา จากตอนแรกเป็นก้อนเล็กๆ พอกลิ้งลงมาเรื่อยๆก็ใหญ่มากตามลำดับ เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น ก้อนหิมะก็ใหญ่ขึ้น สามารถใช้ได้กับสถานการณ์ทั้งสองแบบ แบบความหมายดีและความหมายไม่ดี
ตัวอย่างประโยค
Rumors started to have a snowball effect on the company.
แปล ข่าวลือหลายๆข่าวเริ่มทำให้เกิดผลกระทบแบบก้อนหิมะในบริษัทแล้ว
7. When hell freezes over
แปลตรงตัว เมื่อนรกแข็งเป็นน้ำแข็งทั้งหมด
ที่มา: นรก ในภาพของคนส่วนใหญ่มีแต่ความร้อน
ดังนั้นประโยคนี้จึงมีความหมายว่า เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ,ไม่มีทางเกิดขึ้น
ตัวอย่างประโยค
I guess, he will forgive you when hell freezes over.
แปล ฉันเดาว่าเขาจะให้อภัยคุณ ไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก
8. Walking on thin ice
แปลตรงตัว เดินบนน้ำแข็งแผ่นบางๆ
ความหมาย ระมัดระวังมาก รอบคอบมาก
ตัวอย่างประโยค
If an employee has been late to work every day for two weeks and is caught asleep at his desk, he’s probably walking on thin ice with his boss.
แปล ถ้ามีพนักงานทำงานดึกทุกวันเป็นเวลาสองสัปดาห์ และถูกจับได้ว่านอนหลับบนโต๊ะ(ทำงาน)ของเขา เขาต้องระมัดระวังมากๆกับหัวหน้าของเขา
9. The tip of the iceberg
แปลตรงตัว ยอดของภูเขาน้ำแข็ง
ความหมาย มักจะเปรียบเทียบกับ ส่วนเล็กๆของปัญหาใหญ่
ตัวอย่างประโยค
After the party, the messy kitchen was the tip of the iceberg; the rest of the house was in a bigger mess.
แปล คำแปล หลังงานสังสรรค์ ความยุ่งเหยิงในห้องครัวแค่ส่วนเล็กๆ ส่วนที่เหลือของบ้านเป็นความยุ่งเหยิงที่ยิ่งใหญ่กว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
รู้หรือไม่? นี่คือ 10 อันดับเครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟเยอะที่สุด ยิ่งเปิดยิ่งเปลือง
เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟ เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน ซึ่งพลังงานไฟฟ้าก็คือพลังงานที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง เช่น ถ่านหิน น้ำมัน แก๊ส ฯลฯ เชื้อเพลิงเหล่านี้เมื่อเผาไหม้ก็จะทำให้เกิดความร้อน ซึ่งความร้อนนี้จะถูกนำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดจะมีกำลังไฟฟ้าที่แตกต่างกัน กำลังไฟฟ้าคือปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้ในการทำงาน หน่วยวัดกำลังไฟฟ้าคือวัตต์ (W) ยิ่งเครื่องใช้ไฟฟ้ามีกำลังไฟฟ้าสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งกินไฟมากขึ้นเท่านั้น
หากเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 จะช่วยประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น ที่สำคัญยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกด้วย
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุด ได้แก่
อันดับ 1 เครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้า 3,500 – 8,000 วัตต์
อันดับ 2 เตารีดไฟฟ้า (แห้ง – ไอน้ำ) 1,000 – 2,600 วัตต์
อันดับ 3 ไดร์เป่าผม 1,000 – 2,200 วัตต์
อันดับ 4 เตาไมโครเวฟ (20 – 32 L) 1,000 – 1,880 วัตต์
อันดับ 5 เครื่องปรับอากาศ ชนิด FIXED SPEED (9,000 – 36,000 BTU/hr) 730 – 3,300 วัตต์
อันดับ 6 เครื่องปรับอากาศ ชนิด INVERTER (9,000 – 36,000 Btu/hr) 455 – 3,300 วัตต์
อันดับ 7 เครื่องซักผ้า (แบบตั้ง, ถังนอน) 450 – 2,500 วัตต์
อันดับ 8 หม้อหุงข้าวไฟฟ้า (1 – 3L) 450 – 1,000 วัตต์
อันดับ 9 ตู้เย็น (40 – 735 ลิตร, 1.4 – 26 คิว) 70 – 145 วัตต์
อันดับ 10 พัดลมไฟฟ้า (12 นิ้ว – 18 นิ้ว) 35 – 80 วัตต์
นอกจากกำลังไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการกินไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่
- ระยะเวลาที่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า
- การตั้งค่าของเครื่องใช้ไฟฟ้า
- สภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้า
การประหยัดไฟจากเครื่องใช้ไฟฟ้าจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายค่าไฟได้ในระยะยาว และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
จุดดำบน “กระเทียม” คือ “เชื้อรา” จริงหรือ? เสี่ยงมะเร็งหรือไม่?
เคยหยิบกระเทียมมาทำกับข้าวแล้วพบจุดดำๆ บนเนื้อกระเทียมหรือไม่ มันคือเชื้อราหรือเปล่า เฉือนออกแล้วนำมากินต่อได้หรือไม่ อันตรายมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข มีคำตอบ
จุดดำบน “กระเทียม” คือ “เชื้อรา” จริงหรือ?
จากที่มีการแชร์ข้อมูลว่ารอยจุดสีน้ำตาลที่พบบนเนื้อกระเทียม คือเชื้อรา ซึ่งส่วนใหญ่เชื้อราพวกนี้เป็นเชื้อราที่มีพิษหรือสารก่อมะเร็งนั้น ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า จุดสีน้ำตาลบนเนื้อกระเทียมอาจเกิดจากรอยช้ำของกระเทียมส่งผลให้เชื้อราหลากหลายชนิดอาจปนเปื้อนหรือเข้าไปเจริญอยู่ในบริเวณรอยช้ำนั้นๆ โดยมักพบในกระเทียมที่มีการเก็บรักษาไม่เหมาะสมหรือเก็บไว้เป็นเวลานาน
จุดดำในกระเทียม เป็นสารก่อมะเร็งหรือไม่
ตามที่มีข้อกังวลว่าเชื้อราที่อยู่บนกระเทียมอาจสร้างสารพิษหรือสารก่อมะเร็งนั้น จากการสืบค้นข้อมูลงานวิจัย พบว่า เชื้อรา Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus เป็นเชื้อราที่สามารถสร้างสารอะฟลาทอกซินซึ่งจัดเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าพบสารอะฟลาทอกซินบริเวณรอยจุดสีน้ำตาลบนกระเทียม
สรุปคือ รอยจุดสีน้ำตาลบนเนื้อกระเทียมคือรอยช้ำ จึงส่งผลให้เชื้อราหรือจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ ปนเปื้อนหรือเข้าไปเจริญอยู่ในบริเวณรอยช้ำนั้น ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุว่ารอยจุดสีน้ำตาลบนเนื้อกระเทียมนี้มีสารก่อมะเร็ง
เฉือนกระเทียมเฉพาะส่วนที่มีจุดดำแล้วนำมาประกอบอาหารต่อได้หรือไม่?
หากพบรอยจุดสีน้ำตาลบนกระเทียมควรทิ้งไปทั้งกลีบ หรืออาจหั่นบริเวณนั้นทิ้งและควรรับประทานกระเทียมที่ปรุงสุกเพื่อลดการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ และแนะนำให้ควรเลือกซื้อกระเทียมที่สดใหม่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่สะอาด ไม่มีลักษณะของเส้นใยและสปอร์ของเชื้อรา การเก็บรักษาควรเก็บไว้ในที่แห้งไม่อับชื้นและไม่เก็บไว้นานเกินไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 12/09/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,250.00 | 32,350.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,089.00 | 31,669.24 | 32,850.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,880.10 | 28,502.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,671.20 | 25,335.39 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 940.00 | 14,250.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 731.00 | 11,081.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,165.00 | 32,821.40 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/09/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 39.65 | 39.65 | 40.65 | 39.65 | 39.65 | 39.65 | 39.65 | 39.65 | 39.65 | 39.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 39.38 | 39.38 | 40.38 | 39.38 | 39.38 | 39.38 | 39.38 | 39.38 | 39.38 | 39.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.34 | 37.34 | 38.34 | 37.34 | 37.34 | – | 37.34 | 37.34 | 37.34 | 37.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 37.79 | 37.79 | – | – | – | – | – | – | – | 37.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.04 | 49.34 | 49.84 | 49.34 | – | – | – | – | – | 45.04 |
เบนซิน 95 | 47.44 | – | – | – | 48.61 | – | 47.94 | 47.59 | – | 47.44 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.64 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.64 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.64 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.24 | 43.94 | 49.44 | 43.94 | 43.64 | – | – | – | – | 42.24 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |