ต้นทุนที่ดินพุ่ง วัสดุก่อสร้าง แรงงานดันราคาบ้าน-คอนโดขึ้นติดกัน 6ไตรมาส
ผลกระทบจากต้นทุนการก่อสร้าง ราคาที่ดิน วัสดุก่อสร้าง ค่าแรงงานเพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาบ้าน-คอนโดขึ้นติดกัน 6ไตรมาสตามต้นทุนที่สูงขึ้นล่าสุด ไตรมาส 2 ปี 2567 อยู่ที่ 131.6% เพิ่มขึ้น 1.5%
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) รายงานดัชนีราคาที่อยู่อาศัยใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯและปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ในภาพรวม มีค่าดัชนีมีค่าเท่ากับ 131.6 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.7 โดยเป็นการเพิ่มติดต่อกัน 6 ไตรมาส!
ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2566 ถึง ไตรมาส 2 ปี 2567 และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 (QoQ) พบว่าดัชนีราคาบ้านจัดสรรมีการเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ส่วนดัชนีราคาภาพรวมห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯและปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2567 มีค่าดัชนีเท่ากับ 156.9 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมี YoY เพิ่มขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันมา 6 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2566 ถึง ไตรมาส 2 ปี 2567 และหากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2
วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในภาพรวมในกรุงเทพฯและปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2567 มีค่าดัชนีมีค่าเท่ากับ 131.6 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.7 โดยเป็นการเพิ่มติดต่อกัน 6 ไตรมาส
ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2566 ถึง ไตรมาส 2 ปี 2567 และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 (QoQ) พบว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรมีการเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ราคาบ้านจัดสรรในไตรมาส 2 ปี 2567 ได้มีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และในช่วงไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)
ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลัก ๆ มาจาก ต้นทุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นจากปัจจัยหลายประการ เช่น ราคาที่ดิน ค่าวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้นล้วนมีผลโดยตรงต่อต้นทุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
ส่งผลให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ออกมาสู่ตลาดที่เปิดตัวโครงการในปี 2565 – 2566 มีราคาเสนอขายเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขายของบ้านจัดสรร พบว่าในไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการใช้กลยุทธ์โปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายโดยการให้ของแถมมากที่สุดถึงร้อยละ 42.3 โดยมีให้ของแถม ได้แก่ ฟรีแอร์ ปั๊มน้ำ แท็งก์น้ำ มิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟฟ้า ปูพื้นหญ้า รองลงมาเป็นการช่วยค่าใช้จ่าย ณ วันโอน ร้อยละ 41.0 เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ซื้อ
สำหรับ ดัชนีราคาภาพรวมห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯและปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2567 มีค่าดัชนีเท่ากับ 156.9 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมี YoYเพิ่มขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันมา 6 ไตรมาส
ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2566 ถึงไตรมาส 2 ปี 2567 และหากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล มีทิศทางที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การเปลี่ยนแปลงของดัชนีเช่นนี้ เป็นผลมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามต้นทุนค่าก่อสร้างใหม่ ที่หลักๆ มาจากราคาที่ดินเปล่า และต้นทุนค่าแรงงานที่ปรับตัวขึ้นในไตรมาส 1 ปี 2567 สำหรับห้องชุดที่เหลือขายในตลาดที่ยังเป็นห้องชุดจากโครงการเดิมของผู้ประกอบการฯ ซึ่งสร้างขึ้นในราคาต้นทุนเดิมได้ถูกดูดซับจากตลาดไปพอสมควรแล้ว ซึ่งส่งผลให้ดัชนีราคาห้องชุดใหม่จะมีทิศทางที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายในไตรมาส 2 ปี 2567 ในการให้ส่วนลดเงินสดและให้ของแถมเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันสูงถึงร้อยละ 76.7
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
บิ๊กอสังหาฯ แสนสิริ-เสนาเคลื่อนESGเพิ่มขีดแข่งขัน รับมือวิกฤติไร้รูปแบบ
- เมื่อโลกให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ทำให้เกิดกฎระเบียบเพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีร่วมลดโลกร้อน
- ผ่านแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environment-Social-Governance) ซึ่งย่อมาจาก สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social ) และ ธรรมาภิบาล (Governance)
- หนึ่งในเมกะเทรนด์สำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่นำมาร่วมขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำจรดปลายน้ำ
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิกฤติเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร ที่สำคัญเป็นวิกฤติที่ไร้รูปแบบ (crisis unshaped & unformed) ไม่มีตัวบ่งชี้ (indicator) อะไรที่จะมาบอกล่วงหน้าได้! ดังนั้นแนวทางรับมือ คือการต้องปรับและเตรียมตัวเองให้พร้อมรับมือกับวิกฤติไร้รูปแบบให้ทัน เพราะสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนก็คือการตอบสนองของคนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ปัจจุบันทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป! อย่าเสียเวลาวิตกกังวลสู้ทำตัวเองให้แข็งแรงดีกว่าเพราะสุดท้ายจะทำให้องค์กรสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนโดยผ่านการทำเรื่องของ ESG และ Green”
สิ่งที่เรียนรู้จากการทำงานร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นเป็นข้อบังคับ ถ้าไม่ทำก็โดนปรับ แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการปรับ
“แต่ถึงแม้ไม่มีการบังคับให้ทำในเรื่อง ESG แต่เรามองเห็นเทรนด์ว่า ลูกค้ามีความต้องการจึงลงมือทำ เพราะมองว่า เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness) เป็นสิ่งที่โลกต้องการ ทำให้บริษัทเป็นพลเมืองบรรษัทที่ดี (Good Corporate Citizen)”
เสนาฯ จึงให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับแบรนด์มากขึ้น สร้างความแตกต่างให้กับบริษัทและสินค้า
ยกตัวอย่าง การนำ “โซลาร์เซลล์” มาติดตั้งให้กับโครงการที่อยู่อาศัยของเสนาฯ ถัดมาทำโครงการบ้านพลังงานเป็นศูนย์ เน้นการออกแบบ Passive และ Active ใช้ไฟฟ้าน้อยและประหยัดไฟได้สูงสุดถึง 38% โดยราคาบ้านไม่แพงขึ้น เพราะลูกค้าไม่มีกำลังจ่ายเพิ่ม แต่ยังคงต้องมีโลเคชั่น ฟังก์ชั่น ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่
ขณะเดียวกัน ทำให้ลูกค้าสามารถมีส่วนในการช่วยโลก รักษ์โลกด้วย ส่งผลดีต่อแบรนด์เสนาฯ สร้างความต่างและกลายเป็น “แบรนด์เลิฟ” ของลูกค้า ทำให้มีผลต่อการตัดสินซื้อของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นในกลุ่มสินค้าราคาไม่แพง หรือการแข่งขันรุนแรง จะเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้ลูกค้าเลือกเสนาฯ
ทางด้าน อุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความยั่งยืน หรือ Sustainability กลายเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการสร้างแบรนดิ้งของแสนสิริ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการซื้อสินค้าจากคนดี เกี่ยวข้องกับเรื่อง ESG ประกอบไปด้วย Environment Social และ Governance เป็นตัวเสริม
“สมัยก่อนคนอาจมองแบรนดิ้ง คือ โลเคชั่น สินค้า การดีไซน์ การทำการตลาด แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปมากโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้ความสนใจและใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น”
ในเรื่องของ “ความยั่งยืน” แสนสิริให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งประกาศเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่ Net-zero หรือองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2050 ผ่านกลยุทธ์ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เนื่องจากพบว่า จากงานวิจัยผู้บริโภคให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเพราะเกี่ยวข้องวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่
เริ่มต้นตั้งแต่ การออกแบบ จัดซื้อวัสดุก่อสร้าง กระบวนการจัดซื้อ จัดจ้าง ผู้รับเหมา ก่อสร้าง ตั้งโรงงานพรีแคสท์ผลิตแผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปที่ใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งจะมีความแข็งแรงทนทาน ออกแบบมาเพื่อรับน้ำหนักตัวบ้านแทนเสาได้ จุดเด่นอยู่ที่สามารถย่นระยะเวลาการก่อสร้าง เนื่องจากผลิตสำเร็จรูปมาจากโรงงาน และมีมาตรฐานสูง ควบคุมคุณภาพได้ ลดการสูญเสียจากที่การก่ออิฐฉาบปูนที่หน้างาน
แม้กระทั่งพันธมิตรต่างๆ ที่ร่วมงาน แสนสิริ เพื่อเกิด Green Living Design ไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโดมิเนียม หรือทาวน์เฮ้า เพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน สร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย เช่น Cool Living Designed Home นวัตกรรมบ้านเย็นช่วยประหยัดพลังงาน, Zero Waste Design การออกแบบที่คำนึงถึงการลดปริมาณขยะเหลือทิ้งให้มากที่สุด, Universal Design การออกแบบเพื่อให้ทุกคนที่อยู่อาศัยได้ใช้ประโยชน์
รวมทั้งการผสมผสานแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ให้มีอากาศบริสุทธิ์ สะอาดปราศจากเชื้อโรค และมีนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และรองรับการอยู่อาศัยของลูกบ้าน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 12ก.ค. “แข็งค่าขึ้นมาก” ที่ระดับ 36.09 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจชะลอการแข็งค่าหลังรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ล่าสุด เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้นำเข้า และโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินเยน ควรระวังแรงขายทำกำไรหุ้นไทย
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 12ก.ค. 2567 ที่ระดับ 36.09 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.27 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาทในช่วงหลังรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ล่าสุด อาจชะลอลงบ้าง
เนื่องจากเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นเข้าใกล้โซนแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แถว 36.10 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งที่ผ่านมาเงินบาทก็ยังไม่สามารถหลุดจากโซนแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง
ทำให้เราประเมินว่า เงินบาทก็อาจแกว่งตัวแถวเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าวไปก่อน จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ที่ทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปีนี้ (อาจต้องรอช่วงปลายเดือน)
นอกจากนี้ เรามองว่า เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันบ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้นำเข้า และโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) หลังเงินเยนเริ่มมีทิศทางแข็งค่าขึ้น
อีกทั้งควรระวังแรงขายทำกำไรสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ หากตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยง ส่วนบอนด์ยีลด์ก็อาจปรับตัวลดลง ตามบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทำให้ผู้เล่นต่างชาติอาจทยอยขายทำกำไรสถานะการลงทุนในสินทรัพย์ไทยได้
อนึ่ง ควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ช่วง 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย จนถึงช่วง 21.00 น.
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด
ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00-36.25 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 36.05-36.32 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวลดลงราว -10bps ของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนมิถุนายนของสหรัฐฯ ออกมา +3.0%y/y (-0.1%m/m)
ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ก็ชะลอลงต่อเนื่องสู่ระดับ 3.3% (+0.1%m/m) ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า เฟดก็มีโอกาสราว 44% ที่จะลดดอกเบี้ย “3” ครั้งในปีนี้ จากเดิมที่ตลาดเคยมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในช่วงก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI
นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ทะลุระดับ 2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง ซึ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะเริ่มเชื่อว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปีนี้ จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ล่าสุดที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับเผชิญแรงเทขายทำกำไรบรรดาหุ้นเทคฯ อาทิ Tesla -8.4%, Nvidia -5.6%
ก่อนที่ผู้เล่นในตลาดจะเข้าซื้อหุ้นขนาดเล็กที่อาจได้รับอานิสงส์จากการทยอยลดดอกเบี้ยของเฟดและช่วงที่ผ่านมาราคายังไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปมาก เมื่อเทียบกับบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นขนาดเล็ก Russell 2000 พุ่งขึ้น +3.57% ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -1.95% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.88%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อ +0.60% ท่ามกลางความหวังว่าบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟดและธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะสามารถเดินหน้าทยอยลดดอกเบี้ยได้ จากรายงานอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อเยอรมนีที่ชะลอลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ หุ้นธีม AI ยุโรป อย่างกลุ่ม Semiconductor เช่น ASML -1.3% ตามแรงขายทำกำไรหุ้นธีม AI เช่นเดียวกันกับในฝั่งสหรัฐฯ
ในส่วนตลาดบอนด์ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดและสะท้อนการชะลอลงต่อเนื่องของเงินเฟ้อ ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดการณ์ว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ (โอกาสราว 44%) ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.21% (โดยมีบ้างจังหวะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแตะระดับ 4.17%)
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในระยะสั้นอาจเป็นไปอย่างจำกัด ยกเว้นว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะออกมาดีกว่าคาดอย่างต่อเนื่องชัดเจน ซึ่งเราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดอาจไปรอลุ้นรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึงข้อมูลการจ้างงาน
และอัตราเงินเฟ้อ PCE ในช่วงปลายเดือนมากกว่า ทว่า ในทุกๆ จังหวะการรีบาวด์ขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เรายังคงมองว่า เป็นจังหวะที่น่าพิจารณา “Buy on Dip” บอนด์ระยะยาวได้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่าเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) จนหลุดโซน 159 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเรามองว่าอาจไม่ใช่การเข้าแทรกแซงของทางการญี่ปุ่น แต่เป็นการปรับสถานะ Short JPY ของผู้เล่นในตลาดมากกว่า
โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่ระดับ 104.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.1-104.9 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุระดับ 2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างทยอยขายทำกำไรทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญฝั่งสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิต PPI เดือนมิถุนายน ซึ่งจะช่วยสะท้อนถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ PCE ที่เฟดจับตามองได้ดี
รวมถึง รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) เดือนกรกฎาคม ซึ่งผู้เล่นในตลาดก็จะรอจับตาคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Expectations) ระยะสั้นและระยะกลางจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคด้วยเช่นกัน และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนก็จะเป็นสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดให้ความสนใจเช่นกัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 1 เดือนครึ่งที่ 36.07 (แข็งค่าสุดนับตั้งแต่ 21 พ.ค. 67) ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.16-36.18 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.45 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.27 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาทแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังเผชิญแรงขายต่อเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ชะลอลงมากกว่าที่คาด ซึ่งหนุนให้ตลาดปรับเพิ่มน้ำหนักความเป็นไปได้สำหรับโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ขึ้นมาอยู่สูงกว่า 90% โดย CPI Inflation ของสหรัฐฯ ชะลอลงลงมาที่ 3.0% YoY ในเดือนมิ.ย. (ตลาดคาดที่ 3.1% YoY) นอกจากนี้ เงินบาทน่าจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากสัญญาณซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.05-36.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในภูมิภาค ตัวเลขการส่งออกของจีนเดือนมิ.ย. และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบด้วย ข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ค.
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
4 ชาติร่วมชิงชัย ไทยวางเป้าคว้าแชมป์วอลเลย์บอลหญิง ซี วี. ลีก
.วอลเลย์บอลฯ เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดวอลเลย์บอลหญิง ซี วี ลีก หน 4 มีอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และ ไทย แข่งแบบพบกันหมด ทีมที่อันดับดีที่สุดจะคว้าแชมป์ไปครอง
นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เป็นประธานแถลงข่าวการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง “ซี วี ลีก ครั้งที่ 4” (SEA V League 2024) ที่โรงแรมอเล็กซานเดอร์ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 67 โดยมี เรืออากาศโท ชาญฤทธิ์ วงษ์ประเสริฐ รองประธานกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ สหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย, นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ทั้งชายและหญิง ร่วมในงานแถลงข่าว
นายสมพร กล่าวว่า รายการนี้จัดขึ้นเนื่องจากต้องการที่จะพัฒนากีฬาวอลเลย์บอลในภูมิภาคอาเซียน ทั้งความเป็นเลิศและอาชีพ ซึ่งในภูมิภาคอื่นเขาก้าวหน้าไปมากกว่าเราแล้ว ดังนั้น เราต้องรีบพัฒนาให้ทัน จึงเริ่มจัดรายการนี้ขึ้นมา พยายามเอาประเทศที่พัฒนาไประดับหนึ่งแล้วมาแข่งขันเพื่อยกระดับให้สูงขึ้น จาก 4 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นจากทั้ง ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย หรือ เวียดนาม พัฒนาขึ้น และเริ่มไล่ทีมไทยขึ้นมาแล้ว คิดว่าถ้าได้จัดต่อเนื่องน่าจะมีส่วนในการพัฒนาให้ดีขึ้นได้ อีกส่วนประเทศที่กำลังพัฒนาขึ้นมาอย่าง สิงคโปร์, มาเลเซีย, กัมพูชา หรือ เมียนมา จัดระดับให้เขาได้มีโอกาสเล่นบี ซี วี ลีก ขึ้นมาด้วยในปีนี้ทั้งทีมชายและทีมหญิง
“ในส่วนของทีมชาติไทย ทั้งทีมชายและทีมหญิง จะส่งชุดที่ดีที่สุด หรือทีมชุดใหญ่เข้าร่วมการแข่งขัน ทีมหญิงหลังจากจบการแข่งขันเนชั่นส์ ลีก กลับมารวมตัวกันตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา และจะมีพักช่วงหนึ่งเพื่อให้นักกีฬาไปแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ถ้วย ก ที่จังหวัดศรีสะเกษ ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วกลับมารวมตัวอีกครั้งเพื่อเตรียมเข้าร่วมการแข่งขันซี วี ลีก ที่จังหวัดนครราชสีมา ส่วนทีมชายเก็บตัวมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เช่นกัน และจะเก็บตัวต่อเนื่องไปจนถึงการแข่งขันในช่วงปลายเดือนสิงหาคม” นายสมพร กล่าว
“เป้าหมายในส่วนของทีมหญิงเรายังมั่นใจ แม้ว่า เวียดนาม อินโดนีเซีย หรือแม้กระทั่งฟิลิปปินส์ จะพัฒนาขึ้นมาดีขึ้น แต่ยังเชื่อมั่นว่าเราจะรักษาแชมป์ไว้ได้ และเราจะพัฒนาทีมของเราให้หนีจากทีมที่กำลังไล่ตามเราขึ้นมา โดยเฉพาะเวียดนามกับอินโดนีเซีย ส่วนทีมชายยังมีอินโดนีเซีย ที่เป็นหนึ่งในอาเซียนอยู่ในขณะนี้ จะพยายามทำให้ดีที่สุด และถ้าเป็นไปได้ จะพยายามล้มแชมป์อย่างอินโดนีเซียให้ได้ด้วย” นายสมพร กล่าว
สำหรับการแข่งขันวอลเลย์บอล “ซี วี ลีก ครั้งที่ 4” กำหนดจัดการแข่งขันทั้งหมด 4 สนาม เริ่มจากทีมหญิง สัปดาห์แรก ระหว่างวันที่ 2-4 สิงหาคม 2567 ที่เวียดนาม ส่วนสัปดาห์ 2 ระหว่างวันที่ 9-11 สิงหาคม 2567 ที่ประเทศไทย โดยมี 4 ชาติ ประกอบด้วย อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และ ไทย จากนั้นสัปดาห์ 3 เป็นการแข่งขันประเภททีมชาย ระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม ที่ฟิลิปปินส์ และสัปดาห์ 4 ระหว่างวันที่ 23-25 สิงหาคม นี้ ที่อินโดนีเซีย
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
ผิวไหม้แดดกี่วันหาย พร้อมวิธีป้องกันและดูแลผิวไหม้แดด
ระยะเวลาที่ผิวไหม้แดดจะหาย ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ดังนี้
ผิวไหม้แดดแบบไม่รุนแรง
- มีอาการแสบแดง
- อาจมีอาการคัน
- ผิวแห้งตึง
ใช้เวลาประมาณ 3-7 วัน ในการฟื้นฟู
ผิวไหม้แดดแบบปานกลาง
- มีอาการแสบแดง บวม
- รู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัส
- อาจมีตุ่มน้ำพุพอง
ใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ในการฟื้นฟู
ผิวไหม้แดดแบบรุนแรง
- มีอาการแดง บวม
- เจ็บปวดรุนแรง
- มีตุ่มน้ำพุพองขนาดใหญ่
- อาจมีไข้ หนาวสั่น
ควรไปพบแพทย์
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่ผิวไหม้แดดจะหาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม
- สภาพผิว : คนที่มีผิวบาง แพ้ง่าย มักจะผิวไหม้แดดได้ง่าย และใช้เวลานานกว่าในการฟื้นฟู
- ความรุนแรงของแสงแดด : การสัมผัสแสงแดดจัดๆ เป็นเวลานาน จะทำให้ผิวไหม้แดดได้รุนแรงและใช้เวลานานกว่าในการฟื้นฟู
- การดูแลผิว : การประคบเย็น ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ หรืออะโลเวร่า จะช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
วิธีดูแลผิวไหม้แดด
- ประคบเย็น : ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบบริเวณที่ผิวไหม้แดด จะช่วยลดอาการแสบร้อนและบวม
- ทาครีมบำรุงผิว : ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ หรืออะโลเวร่า จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
- ดื่มน้ำ : ดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยให้ผิวไม่สูญเสียน้ำ
- หลีกเลี่ยงการแกะเกา : การแกะเกาจะทำให้ผิวอักเสบมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงแสงแดด : ทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป สวมหมวก แว่นกันแดด และเสื้อแขนยาว เมื่อต้องออกแดด
หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์
- มีไข้ หนาวสั่น
- มีอาการปวดรุนแรง
- มีตุ่มน้ำพุพองขนาดใหญ่
- อาการผิวไหม้แดดไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
กรรมการบริษัท ก็ต้องรู้จักปัญญาประดิษฐ์ AI
สถาบันกรรมการบริษัทแห่งออสเตรเลีย (Australian Institute of Company Directors -AICD) ได้ร่วมมือกับสถาบัน Human Technology Institute (HTI) ของมหาวิทยาลัย University of Technology Sydney จัดทำคำแนะนำเกี่ยวกับความเสี่ยงและการใช้ประโยชน์ของปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ศาสตราจารย์ Nicholas Davis ผู้อำนวยการร่วมของ HTI กล่าวว่า HTI ได้พูดคุยกับกรรมการบริษัทหลายร้อยคน ส่วนใหญ่มีความเข้าใจที่จำกัดมากว่าระบบ AI ถูกใช้ในองค์กรของตนไปถึงจุดใดบ้าง เมื่อพิจารณาถึงคุณค่าเชิงกลยุทธ์และความเสี่ยงร้ายแรงที่ระบบ AI สามารถเกิดขึ้นได้
คณะกรรมการและกรรมการของบริษัท จึงมีความรับผิดชอบในการมีส่วนร่วมกับฝ่ายจัดการเกี่ยวกับการกำกับดูแลระบบ AI ชุดนี้ประกอบด้วยหนังสือ 3 เล่ม โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้กรรมการบริษัททำความคุ้นเคยกับแนวคิดและประเด็นสำคัญของ AI
เล่มแรกเป็น A Director’s Introduction to AI ประกอบด้วย 3 บทที่มุ่งจะให้กรรมการทำความรู้จักกับแนวคิดและปัญหาเกี่ยวกับ AI คือ
บทที่ 1 ทำความรู้จักกับ AI การใช้งาน และความเกี่ยวข้องสำหรับกรรมการ
บทที่ 2 การอภิปรายเกี่ยวกับโอกาสและความเสี่ยงของ AI
บทที่ 3 การสำรวจพันธกรณีด้านกฎหมายของออสเตรเลีย และกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับระบบ AI
เล่มที่สอง A Director’s Guide to AI Governance มุ่งเป้าไปที่กรรมการของบริษัทชั้นนำ 300 แห่งในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย หรือ ASX ที่กำลังใช้ (หรือพิจารณาจะใช้) AI ภายในบริษัทของตน โดยแบ่งออกเป็น 2 บทดังต่อไปนี้
บทที่ 1 มุ่งเน้นไปที่ข้อมูลเชิงลึกและผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแล AI สำหรับกรรมการ
บทที่ 2 ระบุกรณีศึกษาและคำถามสำคัญที่กรรมการควรถามฝ่ายบริหาร/ตนเอง เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติขององค์กรต่อเรื่อง AI นอกจากนี้ยังกำหนดองค์ประกอบการกำกับดูแลและขั้นตอน
เล่มสุดท้ายเป็น AI Governance Checklist for SME and NFP Directors มุ่งเป้าไปที่กรรมการของบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร (NFP) แสดงรายการขั้นตอนที่ควรต้องดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ของกระบวนการพัฒนาธรรมาภิบาล AI
ขอขอบคุณข้อมูลจากสำนักกฎหมาย Herbert Smith Freehills และ Bird & Bird
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
Possessive Adjective คืออะไร นำไปใช้ในการแต่งประโยคภาษาอังกฤษอย่างไร
Possessive adjective คืออะไร เป็นคำคุณศัพท์แบบไหน หากนำไปใช้ต้องวางตรงไหนของประโยค ในบทความนี้มาเรียนภาษาอังกฤษไปพร้อมกัน เพื่อรู้จัก Possessive adjective ให้มากขึ้น มีอะไรบ้าง ใช้ยังไงให้ถูกต้องตามหลัก ไปดูกัน
Possessive adjective คืออะไร?
Possessive adjective เป็นคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของของคำนาม เป็นการบ่งบอกให้รู้ว่าสิ่งของนั้นเป็นของของใคร
Possessive adjective มีอะไรบ้าง?
คำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ มีดังนี้
- my แปลว่า ของฉัน
- your แปลว่า ของคุณ
- his แปลว่า ของเขา
- her แปลว่า ของเธอ
- its แปลว่า ของมัน
- our แปลว่า ของพวกเรา
- their แปลว่า ของพวกเขา
หลักการใช้ Possessive adjective
วาง Possessive adjective หรือคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ ไว้หน้าคำนามเสมอ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของของนามนั้น
ตัวอย่างการใช้ Possessive adjective
1. my ของฉัน
โครงสร้างคือ my + noun (คำนาม) ตัวอย่างเช่น
- This is my house. – นี่คือบ้านของฉัน
- My favorite color is blue. – สีโปรดของฉันคือสีฟ้า.
- Welcome to my world. – ยินดีต้อนรับสู่โลกของฉัน
- I can’t find my keys anywhere. – ฉันหากุญแจของฉันที่ไหนก็ไม่เจอ
- My dog loves to play fetch in the park. – สุนัขของฉันชอบเล่นเก็บบอลในสวนสาธารณะ
2. your ของคุณ
โครงสร้างคือ your + noun (คำนาม) ตัวอย่างเช่น
- Is this your bag? – นี่คือกระเป๋าของคุณรึเปล่า?
- What’s your favorite food? – เมนูโปรดของคุณคืออะไร?
- Are these your keys? – นี่คือกุญแจของคุณใช่ไหม?
- I love your new haircut! – ฉันชอบทรงผมใหม่ของคุณ!
- How was your day at work? – วันทำงานของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?
3. his ของเขา
โครงสร้างคือ his + noun (คำนาม) ตัวอย่างเช่น
- That is his bicycle. – นั่นคือจักรยานของเขา
- His favorite food is pizza. – อาหารโปรดของเขาคือพิซซ่า
- Did you see his new haircut? – คุณเห็นทรงผมใหม่ของเขาไหม?
- I borrowed his pen to write a note. – ฉันยืมปากกาของเขาเพื่อเขียนบันทึก
- His cat ran away from home. – แมวของเขาหนีออกจากบ้าน
4. her ของเธอ
โครงสร้างคือ her + noun (คำนาม) ตัวอย่างเช่น
- I borrowed her umbrella. – ฉันยืมร่มของเธอ
- I like her smile. – ฉันชอบรอยยิ้มของเธอ
- Her hair is so beautiful. – ผมของเธอสวยมาก
- Her cat likes to nap in the sun. – แมวของเธอชอบงีบกลางแสงแดด
- Her apartment is located downtown. – อพาร์ตเมนต์ของเธอตั้งอยู่ใจกลางเมือง
5. its ของมัน
โครงสร้างคือ its + noun (คำนาม) ตัวอย่างเช่น
- The cat licked its paw. – แมวเลียอุ้งเท้าของมัน
- The tree dropped its leaves. – ต้นไม้ผลัดใบของมัน
- The computer shut down on its own. – คอมพิวเตอร์ปิดตัวของมันเองลง
- The phone lost its signal in the tunnel. – โทรศัพท์สูญเสียสัญญาณของมันในอุโมงค์
- That dog never forgets its owner. – สุนัขไม่เคยลืมเจ้าของของมัน
6. our ของพวกเรา
โครงสร้างคือ our + noun (คำนาม) ตัวอย่างเช่น
- This is our house. – นี่คือบ้านของพวกเรา.
- This is our victory! – นี่คือชัยชนะของพวกเรา!
- Let’s meet at our usual coffee shop. – ไปพบกันที่ร้านกาแฟร้านประจำของพวกเรา
- Our dog is waiting for us at home. – สุนัขของพวกเรากำลังรอพวกเราอยู่ที่บ้าน
- This is our family photo album. – นี่คืออัลบั้มรูปครอบครัวของพวกเรา
7. their ของพวกเขา
โครงสร้างคือ their + noun (คำนาม) ตัวอย่างเช่น
- The neighbors took care of their garden. – เพื่อนบ้านดูแลสวนของพวกเขา
- The children played with their toys in the yard. – เด็กๆ เล่นของเล่นของพวกเขาที่สนาม
- The family took their dog for a walk in the park. – ครอบครัวพาสุนัขของพวกเขาไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ
- The neighbors hosted a party in their backyard. – เพื่อนบ้านจัดงานปาร์ตี้ในสวนหลังบ้านของพวกเขา
- The students handed in their homework assignments. – นักเรียนส่งการบ้านของพวกเขา
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
ข้าวยีสต์แดง คืออะไร เหตุใดจึงกลายเป็นพิษร้ายคร่าชีวิต
ข้าวยีสต์แดงคืออะไร ทำไมจึงมีผู้เสียชีวิตจากอาหารเสริมที่มีส่วนผสมนี้
ข้าวยีสต์แดง ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โด่งดังในหมู่คนรักสุขภาพ ด้วยสรรพคุณที่พบว่าช่วยลดคอเลสเตอรอล ในประเทศไทยมีการวิจัยแต่ไม่พบผลิตภัณฑ์ที่แพร่หลาย ต่างจากในญี่ปุ่นที่มีการนำข้าวยีสต์แดงมาใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเสริมมานานหลายปี
แต่ปีนี้กลับพบรายงานว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตเมื่อเดือนมีนาคม ระหว่างการสืบสวนหาสาเหตุก็มีผู้เสียชีวิตต่อเนื่องมากขึ้น กระทั่งปัจจุบันรายงานล่าสุด (11 กรกฎาคม 2567) พบผู้เสียชีวิตถึง 93 ราย ไม่นับรวมผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาอีกนับร้อย
แม้สาเหตุที่แน่ชัดจะอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่ทุกรายมีประวัติการใช้อาหารเสริมชื่อ Beni-koji choleste-help ที่มีข้าวยีสต์แดงเป็นส่วนประกอบ ผลิตโดย บริษัท โคบายาชิ ฟาร์มาซูติคอล จำกัด ประเทศญี่ปุ่น บางรายใช้ติดต่อกันนานหลายปี หลังจากเกิดกรณีทางญี่ปุ่นเรียกคืนผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ด้วยสันนิษฐานว่าอาจมาจากสารซิทรินินที่อาจปนเปื้อนจากกระบวนการหมักข้าวยีสต์แดง เป็นสาเหตุทำให้เกิดไตวาย รายงานข่าวเบื้องต้นระบุว่าการตรวจสอบและวิเคราะห์ไม่พบสารดังกล่าว แต่พบสารต้องสงสัยชนิดอื่นด้วยต้องทำการตรวจสอบต่อไป
ส่วนในประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจาก อย. ไม่อนุญาตให้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เพราะใช้สารสำคัญโมนาโคลินในปริมาณสูงกว่าประเทศไทยกำหนด แต่ถึงอย่างนั้น เราก็อยากพาทุกคนมาทำความรู้จักข้าวยีสต์แดงนี้ให้มากขึ้น
ข้าวยีสต์แดง คืออะไร
ข้าวยีสต์แดง (red yeast rice) รู้จักกันในชื่อ “เบนิโคจิ” “ข้าวแดงหมัก” หรือ “โมนาสคัส พัพเพอเรอุส” (Monascus purpureus) มีประวัติยาวนานกว่าพันปี มีบทบาทสำคัญในทั้งวัฒนธรรมอาหารและการแพทย์แผนโบราณของเอเชียตะวันออก ในประเทศจีนพบหลักฐานการใช้ข้าวยีสต์แดงในงราชวงศ์โจว (1046-256 ปีก่อนคริสตกาล) เพื่อย้อมผ้า เก็บรักษาอาหาร และรักษาโรค ในประเทศญี่ปุ่น ข้าวยีสต์แดงถูกใช้เป็นสีผสมอาหารเครื่องสำอาง แพทย์แผนโบราณยังนำใช้รักษาโรคระบบทางเดินอาหาร ปัญหาระบายเลือด และอาการอักเสบ และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีการใช้ข้าวยีสต์แดงเป็นส่วนผสมในอาหาร เช่น เต้าหู้ยี้ น้ำปลา และหมูแดง
ข้าวยีสต์แดง จึงหมายถึง ข้าวที่ผ่านกระบวนการหมักด้วยยีสต์ชนิดพิเศษที่ทำให้ข้าวมีสีแดงก่ำ จากภูมิปัญญาดั้งเดิมที่ชาวเอเชียตะวันออกดังกล่าวข้างต้น เมื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์รุดหน้าก็พบว่าในข้าวยีสต์แดงมีสารหลายชนิดมากสรรพคุณ เช่น โมนาโคลิน เค (Monacolin K) สารที่ได้รับความสนใจสูง ด้วยมีโครงสร้างคล้ายยา Statin ที่แพทย์ใช้รักษาผู้ป่วยไขมันในเลือดสูง มีการศึกษาบางชิ้นที่บ่งชี้ว่า อาจช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีสารแอนคาฟลาวิน (Ankaflavin) และ โมนาสซิน (Monascin) ช่วยลดการอักเสบ และลดไตรกรีเซอไรด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารไลโปทรอปิค (Lipotropic) ป้องกันการสะสมของไขมัน ช่วยลดน้ำตาลในเลือด สารไคติน (Chitin) เสริมสร้างไขข้อ และลดการเสื่อมของไขข้อ และกรดอะมิโน 18 ชนิด ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง
ข้าวยีสต์แดง ยา หรือ พิษ?
จากงานวิจัยข้าวยีสต์แดง แสดงให้เห็นถึงสรรพคุณมากมาย แต่ก็มี “สารพิษ” อันตรายที่ซ่อนอยู่ นั่นคือ สารปนเปื้อนที่พบบ่อยในข้าวยีสต์แดง อย่าง ซิทรินิน (Citrinin) สารพิษต่อไต เป็นสารต้องสงสัยในกรณีที่เกิดในญี่ปุ่น อีกสารที่พบคือ อัลคาโตคซิน (Aflatoxins) สารก่อมะเร็ง อาจทำให้เกิดมะเร็งตับ
สาเหตุของการปนเปื้อนในข้าวยีสต์แดง มักมาจากกระบวนการผลิต การควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่ไม่เหมาะสม หรือการเก็บรักษาที่ไม่ถูกต้อง หากเกิดสารปนเปื้อนก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย ปัสสาวะเปลี่ยนสี บวมที่แขนขา ปวดกล้ามเนื้อ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ไตวายเฉียบพลัน และเสียชีวิต นอกจากนี้ข้าวยีสต์แดงยังส่งผลด้านการดื้อยา Statin ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคคอเลสเตอรอลสูง ในผู้ป่วยต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เช่นเดียวกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับหรือไต หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ไม่ควรทาน มีข่อจำกัดในการทานยาชนิดนี้หลายข้อ
จึงกล่าวได้ว่า ข้าวยีสต์แดงมีทั้งร้ายและดี เป็นทั้งอาหารที่มีคุณประโยชน์และให้โทษเช่นกัน ขึ้นนอยู่กับปริมาณ คุณภาพการผลิต และการเก็บรักษา
อย่างไรก็ตามโลกออนไลน์ทำให้การซื้อขายอาหารเสริมแพร่หลายและตรวจสอบยาก โดยที่ผู้บริโภคแทบไม่รู้เลยว่าปลอดภัยจริงหรือไม่ แต่ถ้าใครไปเจอผลิตภัณฑ์ที่ใช้ข้าวยีสต์แดงเป็นส่วนผสมคงต้องระวังไว้ก่อน และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งเชื่อถือได้ ดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 12/07/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 41,050.00 | 41,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,659.00 | 40,310.44 | 41,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,393.10 | 36,279.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,127.20 | 32,248.35 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,197.00 | 18,146.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 931.00 | 14,113.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,755.00 | 41,765.80 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/07/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.85 | 38.85 | 39.25 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.48 | 38.48 | 38.88 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.74 | 36.74 | 37.14 | 36.74 | 36.74 | – | 36.74 | 36.74 | 36.74 | 36.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.49 | 36.49 | – | – | – | – | – | – | – | 36.49 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 47.44 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 47.44 |
เบนซิน 95 | 46.74 | – | – | – | 49.81 | – | 47.24 | 46.89 | – | 46.74 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |