เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ โชว์รายได้ 2,413 ล. เข้าถือหุ้น เทคสตาร์ทอัพ เพิ่ม
“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ตั้งบริษัทย่อยลุยธุรกิจใหม่ เฮลท์สเคป พร้อมเข้าถือหุ้น กิจการสตาร์ทอัพ “Cubix Code” ต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ ขณะครึ่งปีแรกทำรายได้ 2,413 ล้าน ปรับแผนพัฒนาโครงการ ลุยบ้านเดี่ยวหรูเพิ่ม
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท เฮลท์สเคป จำกัด เพื่อใช้ดำเนินธุรกิจใหม่ๆ ต่อยอดวิสัยทัศน์ที่ก้าวจากการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Developer) สู่การเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิต (Lifescape Developer) โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจสุขภาพ (HealthScape) และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี (TechScape)
ล่าสุด บริษัท เฮลท์สเคป จำกัด ได้เข้าถือหุ้นใน บริษัท คิวบิคซ์โค้ด จำกัด หรือ Cubix Code สตาร์ทอัพผู้ให้คำปรึกษา ดูแล ออกแบบ และพัฒนาแอปพลิเคชัน ทุกรูปแบบ ในสัดส่วน 51% โดยการเข้าถือหุ้นในครั้งนี้ เป็นการขยายขอบเขตความเชี่ยวชาญของบริษัทแบบก้าวกระโดด เพื่อเริ่มต้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ทั้งมาต่อยอดกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เดิมและพัฒนาเป็นสินค้าออกสู่ตลาด ขณะเดียวกัน ยังเป็นการวางรากฐานของบริษัทสู่การพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีประเภทอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคตด้วย
นางสาวเพชรลดา กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ผู้บริโภคในบางสาขาอาชีพยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการการล็อคดาวน์ที่เข้มข้นขึ้น บริษัทจึงจะเร่งเดินหน้ากลยุทธ์ Building A Stronger Now ทั้ง 3 แกนหลัก เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ทั้งองค์กร ผู้บริโภค พนักงาน พันธมิตร ให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์แห่งความท้าทายไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
สำหรับแกน Stronger Move บริษัทฯ อยู่ระหว่างเร่งจับมือพันธมิตรเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ และเตรียมออกแคมเปญพิเศษอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกัน เตรียมเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ จากแผนเดิมที่จะเปิดโครงการบ้านเดี่ยว 1 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ และเตรียมเปิดตัวธุรกิจใหม่ HealthScape ธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งน่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจและรับรู้รายได้ได้ในช่วง ไตรมาส 4/2564 นี้
ขณะที่แกน Stronger Community และ Stronger Journey จะยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยจะมีการประสานงานกับธนาคารพันธมิตร เพื่อมอบ Financial Solutions ให้แก่ผู้บริโภค และเดินหน้าแคมเปญ We’ve got your back ช่วยเหลือทั้งเหล่าพันธมิตร พนักงาน ลูกบ้าน ซึ่งมีส่วนสำคัญให้เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เติบโตมาได้จนถึงปัจจุบัน
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 (ม.ค.- มิ.ย.2564) บริษัทมีรายได้รวมทุกประเภทธุรกิจอยู่ที่ 2,413ล้านบาท โดยสามารถปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยไปได้ 3 โครงการ ได้แก่ มอลตัน ไพรเวท เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 31, รีเฟล็คชั่น จอมเทียน บีช พัทยา และ มาเอสโตร 39 สุขุมวิท 39 ขณะเดียวกัน ยังมียอดโอนกรรมสิทธิ์จากหลากหลายโครงการต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2564 และปลายปีที่ผ่านมา อาทิ โครงการมิวนิค สุขุมวิท 23, โครงการมารุ ลาดพร้าว 15, โครงการเมทริส พระราม 9 – รามคำแหง และโครงการเมทริส พัฒนาการ – เอกมัย
ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงมีรายได้เข้าสู่บริษัทอย่างต่อเนื่อง มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 4,600 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บ้านบริทาเนีย ดันกำไรครึ่งปีแรก ออริจิ้น 1,677 ลบ.
ORI โชว์ผลงานครึ่งปีแรก 2564 แกร่ง รายได้ 3,801 ล้าน คว้ากำไรแตะ 1,677 ล้านบาท ขณะ ยอดโอนบ้านเครือบริทาเนียคึกทำ New High ต่อเนื่อง เคาะจ่ายปันผล 9 ก.ย.นี้
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 หรือ 1H/2564 (ม.ค.-มิ.ย. 2564) อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 7,671 ล้านบาท เติบโตขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 (%YoY) ส่งผลให้รายได้รวมขณะนี้คิดเป็น 55% ของเป้ารายได้ทั้งปี 2564 ขณะเดียวกัน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,677 ล้านบาท เติบโตขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 (%YoY)
โดยเฉพาะผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2564 ที่มีส่วนสำคัญให้ภาพรวมครึ่งปีแรกยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,801 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิที่ 852 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา รวมถึงยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ได้ที่ 22.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ บ้านจัดสรรในเครือบริทาเนียเองก็ยังได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ยอดโอนกรรมสิทธิ์สามารถทุบสถิติ New High เดิม 835 ล้านบาทในไตรมาส 1/2564 มาสร้าง New High ใหม่ที่ 924 ล้านบาทในไตรมาส 2/2564
จากผลการดำเนินงานที่ยังรักษาระดับการเติบโตได้อย่างมั่นคงท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญจ่ายปันผลสำหรับกำไรสะสมและผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 64 ในอัตรา 0.12 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายเป็นเงินสดทั้งสิ้นไม่เกิน 294 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 25 สิงหาคม 2564 ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 9 กันยายน 2564
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ในไตรมาส 3/2564 ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับแรงกดดันจากจากมาตรการล็อคดาวน์ที่เข้มข้นขึ้น และการปิดแคมป์คนงานในช่วงเดือน ก.ค. เชื่อว่าผู้ประกอบการยังคงจับตาดู Action Plan จากภาครัฐเพิ่มเติมทั้งมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด การฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เนื่องจากทั้ง 3 เรื่องจะมีผลต่อการดำเนินงานของภาคเอกชน
อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังคงเดินหน้าปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ขณะที่ไตรมาส 3/2564 นั้น บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมก่อสร้างแล้วเสร็จใหม่เพิ่มเติม 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 7,030 ล้านบาท ได้ตามแผนงานเดิม ได้แก่ 1.พาร์ค ออริจิ้น พญาไท (PARK ORIGIN Phayathai) 2.นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง (Notting Hill Rayong) 3.บริกซ์ตัน เพ็ท แอนด์ เพลย์ สุขุมวิท 107 (Brixton Pet & Play Sukhumvit 107) และ 4. ดิ ออริจิ้น รัชดา ลาดพร้าว (The Origin Ratchada Ladprao) เนื่องจากทั้ง 4 โครงการมีการก่อสร้างที่ค่อนข้างเร็วกว่าแผนงานมาตั้งแต่ต้น ทำให้แม้มีการปิดแคมป์โครงการในกรุงเทพฯไป 1 เดือน ก็ยังจะทยอยส่งมอบและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายในกำหนดเดิม
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ดาวโจนส์ปิดบวก/น้ำมัน,ทองลงเล็กน้อย
หุ้นดาวโจนส์ปิดบวก 14.88 จุด ด้านราคาน้ำมันลดลง 16 เซนต์ ขณะที่ทองคำ ลบ1.50 ดอลลาร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,499.85 จุด เพิ่มขึ้น 14.88 จุด หรือ +0.04% ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,460.83 จุด เพิ่มขึ้น 13.13 จุด หรือ +0.30% ดัชนี แนสแดค ปิดที่ 14,816.26 จุด เพิ่มขึ้น 51.13 จุด หรือ +0.35%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันที่ 12 ส.ค. โดยดาวโจนส์ และ เอสแอนด์พี 500 ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 16 เซนต์ ปิดที่ 69.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 13 เซนต์ ปิดที่ 71.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,751.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“เมทินี วงษ์ชมภู” หนึ่งเดียวยูโดพาราสาวไทย มั่นใจมีโอกาสหยิบเหรียญในพาราลิมปิก 2020
ความพร้อมของ “อ๋อม” เมทินี วงษ์ชมภู นักกีฬายูโดคนตาบอดทีมชาติไทย หนึ่งเดียวที่สามารถคว้าตัวเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ซึ่งเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่ โรงเรียนบูรณะวิทย์ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 75 โดยมี “โค้ชโต้ง” ภาคภูมิ เทียนทอง ผู้ฝึกสอนยูโดคนพิการทีมชาติไทย ความคุมการฝึกซ้อมอย่างใกล้ชิด
โดย “โค้ชโต้ง” ภาคภูมิ เทียนทอง เปิดเผยถึงความพร้อมของ เมทินี วงษ์ชมภู ว่า นักกีฬาว่ามีความพร้อมกว่า 90 เปอร์เซ็นแล้ว ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางปี 63 เมทินี มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่ในเวลานี้สภาพร่างกายกลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว
“ส่วนความหวังจากที่ได้ออกไปแข่งขันในช่วงก่อนที่จะเกิดโควิดระบาด หากเทียบผลงานต้องบอกว่าเราสามารถสู้ได้กับทุกคน ทำให้เราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าในพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้เรามีโอกาสที่จะทำผลงานคว้าเหรียญรางวัลมาครองได้เช่นกัน เพราะด้วยฝีมือและเทคนิคต่างเราไม่เป็นรองนักกีฬาชาติไหนเลย”
“แต่ต้องยอมรับว่าเราโชคร้ายนิดหน่อย เนื่องจากในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เราไม่มีโอกาสไปเก็บคะแนนสะสมเพิ่ม ทำให้หลุดจากการเป็นมือวางในครั้งนี้ แต่เราเองก็ไม่หนักใจอะไรเพราะรู้ดีว่าพาราลิมปิกเกมส์ เจอใครหนักเหมือนกันทุกคน อย่างไรก็ดีคงต้องรอดูผลการจับสลากประกบคู่ในรอบแรก เราจะได้รู้ว่ามีโอกาสเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน” โค้ชโต้ง กล่าว
ขณะที่ “อ๋อม” เมทินี วงษ์ชมภู นักกีฬายูโดคนพิการทีมชาติไทย เผยว่า ตนเองมีความพร้อมเต็มที่ ทั้งร่างกาย และจิตใจ ที่ผ่านมาได้เก็บตัวฝึกซ้อมมาอย่างหนักเพื่อลงแข่งขันในพาราลิมปิกเกมส์โดยเฉพาะ และรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้
“ส่วนเป้าหมายแน่นอนในใจลึกๆหวังถึงเหรียญทอง แต่ก็ไม่อยากกดดันตัวเอง ขอทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ แต่เชื่อว่าอย่างน้อยเราน่าจะมีโอกาสที่ติดเหรียญรางวัลไม่เหรียญใดก็เหรียญหนึ่ง และหวังว่าแฟนกีฬาชาวไทยจะเป็นกำลังใจให้ด้วย และตนก็พร้อมจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่เช่นกัน” เมทินี กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ “อ๋อม” เมทินี วงษ์ชมภู นักกีฬายูโดคนพิการทีมชาติไทย ที่มีดีกรีเป็นรองแชมป์เอเชีย 2 สมัย ในปี 2018 และ 2019 และจะลงแข่งขันในกีฬายูโด พาราลิมปิกเกมส์ 2020 รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 52 กก.หญิง คลาส บี 1 โดยจะมีนักกีฬายูโดลงชิงชัยทั้งสิน 12 คน ซึ่งจะแข่งขันในระบบน็อคเอาท์
โดยในรอบแรก นักกีฬาคนใดแพ้จะตกรอบทันที แต่ถ้าชนะผ่านเข้ารอบสองได้ แล้วไปแพ้รอบที่สองจะไม่ตกรอบ ยังมีโอกาสลุ้นในรอบไต่อันดับเพื่อแย่งสิทธิ์เข้าไปชิงเหรียญทองแดงต่อไป โดย “อ๋อม” เมทินี วงษ์ชมภู และโค้ชจะออกเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 19 สิงหาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
4 ขั้นตอนรักษา “โควิด-19” ที่บ้าน Home Isolation
ขอรักษาตัวที่บ้านหรือ Home Isolation นั้นมีความชัดเจนมากขึ้น ล่าสุดวันที่ 30 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา เพจศูนย์ข้อมูลโควิดได้โพสต์ ขั้นตอน พร้อมระบุว่า ผู้ป่วยที่ใช้ชุดตรวจโควิด (Antigen Test Kit) แล้วพบว่าตัวเองติดโควิด หากมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ แล้วหาเตียงที่โรงพยาบาลไม่ได้ หากสนใจเข้าสู่ระบบแยกรักษา ก็สามารถทำได้ตาม 4 ขั้นตอนดังนี้
4 ขั้นตอนการเข้าสู่ระบบการแยกกักตัวที่บ้าน Home Isolation
- ใช้ชุดตรวจโควิด (Antigen Test Kit) ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ด้วยตัวเองหรือตรวจจากหน่วยตรวจโควิดเชิงรุก
- ข้อมูลเกี่ยวกับ ชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit
- เช็กจุดตรวจอัปเดตตลอดเวลา
- หากผลตรวจเป็นบวก (ติดเชื้อ) และผู้ป่วยต้องการแยกกักตัวที่บ้านให้ติดต่อ 1330 หรือกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนเข้าระบบ
- คลิกลงทะเบียน
- ลงทะเบียนแล้วรอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ หลังจากจับคู่ผู้ป่วยกับคลินิกศูนย์บริการสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลที่จะรับหน้าที่ดูแลผู้ป่วยระหว่างแยกกักตัวที่บ้าน
- แพทย์ทำการพิจารณาผู้ป่วยอีกครั้ง หากไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (นับเป็นผู้ป่วยสีเขียว) จะสามารถเริ่มต้นเข้าสู่ระบบการแยกกักตัวที่บ้านได้
โดยพอเข้าสู่ระบบแล้วก็จะได้จัดสรรยาและอุปกรณ์ที่จำเป็น อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ก็แนะนำว่าอาจจะซื้อยาสามัญประจำบ้านมาเผื่อฉุกเฉิน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วิธีบอกทางเป็นภาษาอังกฤษให้ถูก พร้อมต้อนรับชาวต่างชาติ
สังเกตไหมคะว่าพอเข้าสู่ยุค AEC อย่างเต็มตัวแล้ว บ้านเราก็มีชาวต่างชาติเข้ามามากมาย บ้างก็มาทำงาน บ้างก็ย้ายถิ่นฐานมาปักหลักอยู่อย่างถาวร อาจจะเพราะชื่นชอบในวิถีชีวิตของเรานั่นเอง แต่ที่มากที่สุดก็คือมาท่องเที่ยว แถมเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้เห็นเพียงแค่ฝรั่งผมทองเท่านั้น มีมาครบทั้งจากโซนยุโรป และโซนเอเชีย กลุ่มไหนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เวลาสื่อสารกับเจ้าบ้านที่เป็นคนไทยอย่างเรา เขาก็มักจะพอเดาได้ว่าเราต้องการสื่ออะไร แม้ว่าภาษาอังกฤษของเราจะไม่แข็งแรงก็ตามที
คำถามหนึ่งที่เจอบ่อยมากที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือ การสอบถามเส้นทาง ส่วนมากคนที่เตรียมตัวมาเที่ยวก็มักจะมีแผนที่ติดมือมาด้วยอยู่แล้ว แต่นั่นก็ไม่ชัดเจนเพียงพอในบางกรณี สู้ถามเอาจากคนท้องที่นี่แหละน่าจะดีกว่า ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นเจ้าบ้าน อย่างน้อยเราก็ควรจะรู้ประโยคพื้นฐานเพื่อให้ความช่วยเหลือชาวต่างชาติเหล่านี้
ก่อนอื่นก็คงต้องรู้ก่อนว่า สิ่งที่เขากำลังพูดนั้นคือการถามทาง รูปประโยคที่จะพบได้บ่อยมีดังนี้
ประโยคสำหรับการสอบถามเส้นทาง
- How do I get to…?
[ฉันจะไป…ได้อย่างไร]
- Could you please tell me where…is?
- Could you please tell me how to get to…?
[ช่วยบอกทางไป…]
ตัวอย่าง
- Excuse me. Could you please tell me where the restroom is?
[ขอโทษนะคะ ช่วยบอกทางไปห้องน้ำหน่อยได้ไหมคะ]
- Excuse me. How do I get to the post office?
[ขอโทษนะคะ ฉันจะไปไปรษณีย์ได้อย่างไรคะ]
- Could you please tell me how to get to the supermarket?
[ช่วยบอกทางไปซุปเปอร์มาร์เก็ตหน่อยค่ะ]
หรือบางครั้งเราอาจจะเจอรูปประโยคที่ไม่ได้เป็นทางการมากนัก ตัวอย่างเช่น
- Do you know where…is?
- Where is…?
[….อยู่ที่ตรงไหน?]
- Is there…near here?
- Where is…around here?
- [มี…ใกล้ๆ แถวนี้ไหม/แถวนี้มี…ไหม]
ตัวอย่าง
- Excuse me. Do you know where the bus station is?
[ขอโทษนะคะ คุณรู้ไหมว่าป้ายรถประจำทางอยู่ที่ไหน]
- Excuse me. Where is the coffee shop?
[ขอโทษนะคะ ร้านกาแฟอยู่ตรงไหนคะ]
- Excuse me. I’m looking for the Chinese restaurant?
[ขอโทษนะคะ ฉันกำลังมองหาร้านอาหารจีนอยู่ค่ะ]
- Is there a beauty salon near here?
[มีร้านเสริมสวยแถวนี้ไหม]
- Where is the hospital around here?
[แถวนี้มีโรงพยาบาลบ้างไหม]
เมื่อเราเข้าใจในคำถาม และเราพอจะรู้เส้นทางที่ถูกต้อง ก็สามารถบอกเขาได้ด้วยประโยคเหล่านี้
ประโยคสำหรับการบอกเส้นทาง
- Go along this street until…
[ตรงไปตามถนนเส้นนี้จนกระทั่ง…]
- Keep walking until you see…
[เดินไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะมองเห็น…]
- Then turn left..
[จากนั้น เลี้ยวซ้าย…]
- Then turn right into…road.
[จากนั้น เลี้ยวขวาไปยังถนน…]
- Walk past…
[เดินผ่าน…]
- It’s on the left/right hand side.
[มันอยูทาง ซ้ายมือ/ขวามือ]
- It’s near…
[มันจะอยู่ใกล้ๆ กับ…]
- It’s next to…
[มันจะอยู่ถัดจาก…]
- It’s opposite…
[มันอยู่ตรงข้ามกับ…]
- It’s in front of…
[มันอยู่ด้านหน้าของ….]
- It’s behind…
[มันอยู่หลัง…]
ตัวอย่าง
A : Excuse me. Where is the toilet ?
[ขอโทษนะ ห้องน้ำไปทางไหน]
B : Go along this way until you see the bookstore. Then turn right and keep walking until you see the coffee shop. Turn right again. It’s opposite the laundry service.
[เดินไปตามทางนี้จนกว่าคุณจะเห็นร้านขายหนังสือ จากนั้นเลี้ยวขวาและเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมองเห็นร้านกาแฟ เลี้ยวขวาอีกครั้ง คุณจะพบห้องน้ำอยู่ตรงข้ามกับร้านซักรีด]
ถ้าหากสถานที่ที่เขาต้องการจะไปอยู่ใกล้ๆ และคุณไม่รู้จะอธิบายยังไง ก็สามารถเดินพาเขาไปเลยก็ได้ ด้วยการบอกว่า
- I will show you.
[ฉันจะพาคุณไป]
แต่ถ้าสิ่งที่ถาม เป็นสิ่งที่คุณไม่รู้จริงๆ ก็สามารถตอบได้เช่นกันด้วยประโยคเหล่านี้
- Sorry. I don’t know.
[ขอโทษด้วย ฉันไม่รู้]
- I’m sorry. I’m not from around here.
[ขอโทษด้วย ฉันไม่ใช่คนแถวนี้]
นี่เป็นประโยคพื้นฐานที่สามารถนำไปใช้ได้ง่ายๆ ด้วยการเติมคำที่ต้องการเข้าไปในประโยค เมื่อคุณฝึกพูดบ่อยๆ ก็จะได้ประโยคหรือสำนวนในการบอกทางเพิ่มมากขึ้นเอง ชาวต่างชาติไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด และการพูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร การบอกเส้นทางเท่าที่จะทำได้ด้วยรอยยิ้มคือสิ่งที่จะทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจและเราก็ได้ฝึกภาษาไปด้วยในตัวนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
[How to] เปลี่ยนมือถือให้เร็ว-แรง ด้วยวิธีตัวเอง ตั้งแต่ง่ายๆ จนถึงระดับเชี่ยวชาญ
สำหรับคนที่ใช้มือถือแอนดรอยด์ คำถามสามัญที่มักจะได้ยินกันไม่ขาดก็คือ “ทำยังไงให้มือถือทำงานเร็วขึ้น” จนดูเหมือนว่าการท้าทายข้อจำกัดของความลื่นและรวดเร็ว จะเป็นความฝันของเหล่าผู้ใช้แอนดรอยด์
แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สำหรับคนที่ใช้มือถือนั้น ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี หรืออย่างน้อยก็ขอให้เร็วเท่าตอนแรกที่ซื้อมา อย่าน้อยลงแล้วกัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เคยเป็นไปได้ เพราะบรรดาสารพันแอปพลิเคชันที่เราติดตั้งและใช้งานนั้น ทำให้เครื่องต้องทำงานหนักจนอาจจะเกินที่มันทำได้ ปัญหาอย่างเครื่องหน่วง แบตหมดเร็ว ความจำในมือถือเต็มก็เลยตามมา
วันนี้เราขอมาบอกวิธีแก้ปัญหามือถืออืด ให้ลื่นปรื๊ดราวกับใหม่แกะกล่อง ตั้งแต่ง่ายๆ ไปจนระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่จะเปลี่ยนมือถือของคุณให้ทรงประสิทธิภาพขึ้นทันตา
เลือกเก็บเฉพาะแอปฯ ที่ใช้ ที่เหลือทิ้งให้หมด
คำแนะนำในการใช้งานแอนดรอยด์จากทุกแหล่ง จะพูดตรงกันหมดว่า ให้คุณเลือกเก็บไว้เฉพาะแอปพลิเคชันที่ใช้เป็นประจำทุกวันเท่านั้น ซึ่งก็ตรงตามนั้นชัดเจน คุณคงไม่เก็บของทุกชิ้นไว้ในบ้านเพียงเพราะมีที่ว่างก็วางๆ ไป มือถือก็เหมือนกัน
คุณอาจไม่รู้ว่าแอปพลิเคชั่นบางตัวที่คุณไม่ค่อยได้ใช้นั้น ทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเชื่อมอินเตอร์เน็ต หรือใช้พื้นที่ในเครื่อง ซึ่งหน่วงการทำงานของมือถือโดยไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ลบ App Cache ช่วยให้เครื่องเร็วขึ้นได้
อาจจะมีแอปพลิเคชันบางตัวที่คุณไม่ได้ใช้สม่ำเสมอ แต่มีข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต้องเก็บไว้ (เช่น แอปฯจองตั๋วเครื่องบิน หรือโรงแรม) ซึ่งวิธีช่วยจัดการสำหรับแอปฯเหล่านี้ก็คือ ลบ App Cache (App Cache ไฟล์ข้อมูลชั่วคราวที่แอปฯ สร้างขึ้นเพื่อให้เรียกใช้ข้อมูลในครั้งต่อไปได้รวดเร็ว แต่หากคุณไม่ค่อยได้ใช้ ไฟล์เหล่านี้ก็กินเนื้อที่ในเครื่องไปเปล่าๆ ) ซึ่งคุณสามารถจัดการได้ง่ายๆ ใน Settings ของเครื่อง ในหลายกรณีการลบจะช่วยให้แอปฯทำงานได้ลื่นขึ้น โดยเฉพาะแอปฯที่ต้องใช้ฐานข้อมูลมากๆ อย่าง Facebook หรือ Instagram ส่วนข้อมูลที่ถูกลบไป แอปฯก็สามารถอัปเดตใหม่ได้ในการใช้ครั้งหน้า (หมายเหตุ ในการลบ App Cache แอปฯ อาจถูกล้างการตั้งค่าบางอย่างที่เคยตั้งไว้ได้)
เคลียร์หน่วยความจำเรื่อยๆ ระหว่างวัน
แอนดรอยด์มีระบบจัดการข้อมูลที่ฉลาด โดยสามารถปิดโปรแกรมที่ไม่ใช้งานแล้วได้ด้วยตัวเอง แต่อย่างที่รู้กันมากตลอดก็คือ ระบบจะยิ่งทำงานได้ดีถ้าคุณมี RAM เครื่องเยอะ อันที่จริงมือถือระบบใหม่ๆ มักมีระบบลบไฟล์ขยะ กู้พื้นที่ในเครื่องให้กลับมาในตัวอยู่แล้ว แต่หากเครื่องของคุณไม่มี ก็สามารถโหลดแอปฯพวกลบไฟล์ขยะ เพิ่มประสิทธิภาพ RAM มาติดตั้งเพิ่มได้ แต่ตรวจสอบให้ดีอย่าเลือกแอปฯที่บอกว่า ช่วยให้มือถือเร็วขึ้นด้วยกำจัดไฟล์ขยะต่อเนื่องแบบเรียลไทม์ เพราะแอปฯจะทำงานตลอดเวลา แทนที่จะทำให้เครื่องเร็วกลับหน่วงให้เครื่องช้าลงไปอีก การเคลียร์ RAM ที่ดีจะช่วยให้มือถือทำงานได้เร็วขึ้นทันตาเห็นเลยทีเดียว
เลือกใช้แอปพลิเคชั่นแบบเวอร์ชั่น Lite (ถ้ามี)
แอปพลิเคชันดังๆ อย่าง Facebook, Twitter, Messenger มีเวอร์ชั่นแบบ Lite ที่เบากว่าด้วย โดยออกแบบมาสำหรับมือถือที่สเปกไม่สูงมาก หรือคนที่อยากแค่ใช้งานแอปฯนี้แบบเรียบง่ายไม่หวือหวา เวอร์ชั่น Lite นี้ จะกินเนื้อที่และข้อมูล (Data) น้อยลง ผลก็คือทำให้เครื่องทำงานเร็วขึ้นด้วยนั่นเอง
อัปเดตมือถืออย่างสม่ำเสมอ
ยิ่งอัปเดตมือถือเป็นเวอร์ชั่นใหม่ๆ ก็ยิ่งมีการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ดังนั้นให้อัปเดตเรื่อยๆ เท่าที่มือถือของคุณเอื้ออำนวย แต่หากว่ามือถือหรืออุปกรณ์ของคุณถูกตัดหางจากผู้ผลิตจนอัปเดตไม่ได้ คุณสามารถไปจัดการเองได้ที่ Custom ROMs ซึ่งอยู่ในหมวดปฏิบัติการของแอนดรอยด์ แต่วิธีนี้อาจจะต้องเป็นผู้ใช้มีประสบการณ์มากซักหน่อย
แต่อย่าอัปเดตมากเกินไป
ข้อนี้ดูขัดแย้งกับข้อก่อนหน้านิดหน่อย รวมถึงใครๆ ก็มักจะแนะนำให้อัปเดต แต่สิ่งหนึ่งที่ควรสังเกตหากคิดจะอัปเดตก็คือ มือถือของคุณมีพื้นที่เหลือน้อย หรือใช้งานมาหลายปีแล้วหรือเปล่า เพราะเวอร์ชั่นใหม่มักจะกินทรัพยากรในเครื่องมากกว่าเดิมเสมอ ถ้าเครื่องของคุณไม่มีเนื้อที่เหลือ การอัปเดตก็จะยิ่งถ่วงให้มือถือช้าลงจนแทบใช้งานแบบปกติที่เคยใช้ไม่ได้ กดดันให้รู้สึกว่าต้องไปซื้อมือถือเครื่องใหม่ซะอีก
คิดก่อนติดตั้งแอปพลิเคชัน
เป็นเวลาประมาณสิบปีแล้วที่แอนดรอยด์ออกสู่ตลาด และแอปฯที่ผลิตขึ้นสำหรับระบบปฏิบัติการนี้ก็เพิ่มขึ้นมากมายเป็นล้านๆ ตัว ในทุกหมวดหมู่ แต่อย่าลืมว่าแอปฯเป็นล้านๆ เหล่านี้ ไม่ได้ถูกผลิตโดยผู้พัฒนาที่มีความสามารถเสมอไป ยิ่งกว่านั้นบางแอปฯ ถึงขนาดเป็นของปลอม หรือโจรกรรมล้วงข้อมูลจากมือถือเราไปส่งให้ผู้ผลิต ถึงแม้ว่าตอนนี้กูเกิลจะมีอุปกรณ์ Play Protect เพื่อป้องกันแอปฯที่เป็นอันตรายแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องดีหากคุณจะตรวจสอบแอปฯนั้นให้ดีก่อนติดตั้งบนเครื่อง
คอยล้าง (Format) SD card เพื่อให้มือถือทำงานเร็วขึ้น
ถ้าคุณเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับมือถือ ส่วนหนึ่งของสาเหตุอาจมาจาก SD card เสียก็ได้ การฟอร์แมต SD card จึงไม่ใช่แค่การลบข้อมูลที่ไม่จำเป็น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องได้ด้วย
ตั้งค่าให้แอปพลิเคชันอัปเดตในระบบ WiFi เท่านั้น
มีแอปฯหลายตัวที่จะใช้เนื้อที่และระบบของเครื่องอัปเดตตัวเองตลอด การปิดระบบนี้ไปจะช่วยให้เครื่องทำงานได้เร็วกว่า ซึ่งหากคุณตั้งค่าอัปเดตด้วย WiFi เท่านั้น เครื่องจะเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตได้ยาก ทำให้แอปฯไม่สามารถอัปเดตตลอดเวลาได้ อีกทางเลือกหนึ่ง
หากคุณไม่อยากให้ Google เข้าถึงเครื่องของคุณได้ตลอดเวลา ก็สามารถเลือกปิดระบบเชื่อมต่ออัตโนมัติของเครื่องและปิดระบบอัปเดตอัตโนมัติได้เช่นเดียวกัน โดยไปที่ Settings > Auto-update apps > จากนั้นเลือกที่ Auto-update apps over WiFi only
ใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือ
มือถือแอนดรอยด์รุ่นใหม่ๆ มีระบบนี้กันเกือบหมดแล้ว ระบบสแกนลายนิ้วมือจะลดเวลาในการเปิดใช้เครื่องได้มากกว่าการใช้ระบบกดพินหรือแพทเทิร์น เพราะใช้เวลาเฉลี่ยแค่ 0.5 วินาที ขณะที่การกดพินหรือแพทเทิร์นใช้เวลา 5-8 วินาที
บางครั้งการรีสตาร์ทเครื่องก็จำเป็น
เรื่องนี้เปรียบได้กับคอมพิวเตอร์ เมื่อทำงานไปหนักๆ ก็ต้องพักบ้าง นอกจากนี้แล้วการรีสตาร์ทยังเป็นการรีบูตระบบ ลบไฟล์ชั่วคราว ซึ่งจะทำให้เครื่องเร็วขึ้นและเพิ่มเนื้อที่ให้กับมือถือด้วย
เก็บข้อมูลไว้ในระบบคลาวด์
มือถือคุณจะได้มีเนื้อที่ว่าง คนยุคใหม่ไม่เก็บข้อมูลเยอะๆ ไว้ในเครื่องแล้ว แต่จะเก็บไว้ในระบบคลาวด์ที่เรียกมาใช้ได้ตลอดเวลา และเก็บพื้นที่ในเครื่องไว้ให้มือถือทำงานได้เร็วๆ ดีกว่า (อย่าลืมว่า สิ่งที่ช่วยให้มือถือทำงานได้อย่างลื่นไหลก็คือที่พื้นที่ว่างในเครื่องเยอะๆ นั่นเอง)
ปล่อยหน้า Home Screen ให้โล่งๆ อย่าเยอะไป
บรรดาวิดเจ็ตเยอะๆ หรือ Live Wallpaper บนหน้าจออาจจะดูดี แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้ฮาร์ดแวร์หนักมาก ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของเครื่องด้วย คุณจะสังเกตได้จากบางทีเครื่องจะค้างไปชั่วขณะหนึ่งเลยหลังจากคุณเล่นเกมหรือใช้แอปฯ ที่กินเนื้อที่มากๆ การเคลียร์หน้า Home Screen ให้โล่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป็นการช่วยให้เครื่องทำงานเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องโหลดหน้าจอที่มีข้อมูลเยอะๆ ตลอดเวลา
ติดตั้งแอปพลิเคชันลงบนหน่วยความจำในตัวเครื่อง
คนที่ซื้อมือถือแบบพื้นที่ความจำน้อยๆ อาจจะตกใจกับคำพูดนี้ แต่ปัจจุบัน มือถือส่วนใหญ่มีความจำในตัวเครื่อง (Internal Memory) ประมาณ 16 GB เป็นมาตรฐานกันอยู่แล้ว
สาเหตุที่ต้องบอกว่าให้ติดตั้งแอปฯบนความจำในตัวเครื่องก็เพราะ มันเร็วกว่าและเสถียรกว่าการติดตั้งใน SD card มาก นี่คือเหตุผลว่า ทำไมมือถือแพงๆ อย่าง iPhone หรือ Pixel ถึงไม่ใช้ระบบ SD card เลย ถึงแม้ว่าปัจจุบันบริษัทผลิต SD card อย่าง SanDisk จะมุ่งผลิต SD card ที่ทำงานร่วมกับความจำในตัวเครื่องได้ดี เพื่อให้แอนดรอยด์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ตาม แต่ส่วนใหญ่แล้วความจำในตัวเครื่องเองก็ยังทำงานได้ดีกว่าอยู่ดี
ลองเปลี่ยน Launchers ใหม่ๆ ดูบ้าง
Launchers ก็คือธีม หรือหน้าตาของหน้าจอมือถือ มีหลายแบบ แต่ละแบบมีสีสันและรูปแบบต่างกันไป การลองเปลี่ยน Launchers เป็นแบบอื่นๆ ที่ผลิตสำหรับแอนดรอยด์จะช่วยเปลี่ยนหน้าตามือถือของคุณไปเลย อันที่จริง Launchers ไม่ได้ช่วยให้มือถือทำงานได้ดีขึ้นโดยตรง แต่ Launchers บางแบบจะกินเนื้อที่ความจำและ CPU น้อย จึงทำให้เครื่องเร็วขึ้นโดยปริยาย นอกจากนี้การจัดเรียง Shortcut และการจัดระเบียบหน้าจอใหม่ยังทำให้คุณใช้เวลาเพื่อหาแอปฯต่างๆ ลดลงด้วย
จะทำอย่างไรถ้ามือถือค้าง?
เรื่องนี้แยกแยะสาเหตุจริงๆ ได้ยาก แต่หลายครั้งก็มีสาเหตุมาจาก แอปฯ แย่ๆ บางตัวที่ทำให้เครื่องทำงานหนักจนอุณหภูมิสูงเกินไป ซึ่งถ้าเป็นเพราะเหตุนี้ การกดปุ่มหรือหน้าจอซ้ำๆ มีแต่จะยิ่งทำให้อาการแย่ลง วิธีแก้คือให้ทำใจร่มๆ กดปุ่ม Home เพื่อออกจากแอปฯนั้นก่อน จากนั้นพอเครื่องปกติค่อยไปลบแอปฯนั้นจากหน้าแอปฯที่ใช้งานล่าสุด ถ้ากด Home แล้วยังไม่ดีขึ้น ให้กดค้างที่ปุ่ม Power เพื่อรีสตาร์ทหรือปิดเครื่อง ถ้ารีสตาร์ทยังไม่ได้อาจจะต้องใช้วิธีถอดแบตเตอรี่ออกเลย แต่ส่วนคนที่ใช้มือถือรุ่นที่ถอดแบตฯ ออกไม่ได้ ยินดีด้วย คุณอาจจะต้องรอจนกว่าแบตจะหมดไปเอง
ทำให้เครื่องเร็วขึ้นด้วยการใช้ Developer Options
เป็นอีกหนึ่งวิธียอดนิยมเพื่อเพิ่มความเร็วให้กับเครื่อง แต่โดยส่วนตัวผู้เขียนไม่แนะนำนักถ้าอุปกรณ์ไม่พร้อม วิธี Developer Options ก็คือ เข้าไปใน Setting เลือกที่ About จากนั้นกดที่ Build Number 5 ครั้ง (บางระบบก็ 7 ครั้ง) แล้วคุณจะเห็นตัวเลือก Developer Options หรือภาษาไทยเรียกว่า ตัวเลือกนักพัฒนา ปรากฏขึ้นมา จากตัวเลือกนี้คุณสามารถเข้าไปปรับแต่งมือถือได้หลายอย่าง เช่น ปิดภาพเคลื่อนไหว กำหนดขนาดภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ เป็นต้น การปรับแต่งพวกนี้จะช่วยลดเวลาที่ต้องเสียไปกับการแสดงภาพต่างๆ บนหน้าจอ ซึ่งผลที่ได้ก็คือทำให้เครื่องทำงานเร็วขึ้นด้วย
ตั้งค่า (Reset) มือถือของคุณ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด กับการตั้งค่า (Reset) สุดยอดแห่งวิธีในการทำให้มือถือรวดเร็วเหมือนใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถือของคุณหน่วงมากจนทำไม่ได้แม้แต่หน้าที่ง่ายๆ ทั่วไป การรีเซ็ตมีอยู่สองวิธี หนึ่งคือ เข้าที่ Settings แล้วกดเลือก Factory Reset อันนี้เป็นการตั้งค่าใหม่แบบเบาๆ คือรีเซ็ตเป็นเหมือนเริ่มต้น รวมถึงล้างพวกรูปภาพ วิดีโอ แอปฯ และแคชต่างๆ ด้วย ส่วนวิธีที่สอง คือ Recovery Mode ซึ่งเข้าถึงได้โดยกดปุ่ม Power และปุ่มลดเสียงค้างไว้ 5-10 วินาที (เครื่องแอนดรอยด์บางยี่ห้อต้องกดปุ่ม Home ค้างไว้พร้อมกันด้วย) หากคุณอยากลองทำ แนะนำให้เลือกวิธีแรกก่อน และอย่าลืมแบ็คอัพสำรองข้อมูลไว้ก่อนทำเสมอ
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ วิธีในการเพิ่มความเร็วและแรงให้กับมือถือ หวังว่าจะทำให้ทุกคนรู้จักกลเม็ดต่างๆ เพิ่มขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทำความรู้จัก “วัสดุปิดผิว” จากฟอร์ไมก้า คุณสมบัติล้ำสำหรับโลกยุคใหม่
จากความมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาที่เจาะลึกไปยังหลายมิติของวัสดุปิดผิวของ ฟอร์ไมก้า ผู้นำแห่งการรังสรรค์นวัตกรรมงานออกแบบวัสดุปิดพื้นผิว ส่งผลให้ก้าวหน้าในด้านการดีไซน์และนวัตกรรมที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1913
เป็นเวลานับ 100 ปี ที่ฟอร์ไมก้าไม่หยุดพัฒนา และยังคงค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในทุกยุค ทุกสมัย มาคราวนี้ ฟอร์ไมก้า ได้เปิดตัวคอลเลคชันใหม่ที่ชื่อว่า “Formica For Me, Formica For More” BuilderNews ขอพาทุกคนไปลงลึกถึงรายละเอียดที่มากขึ้นของคอลเลคชั่นนี้เพื่อให้เข้าใจถึงนวัตกรรมที่ฟอร์ไมก้า หยิบมาใส่แบบจัดเต็ม
คุณสมบัติใหม่ของวัสดุปิดพื้นผิวฟอร์ไมก้าสำหรับโลกแห่งอนาคต
เพิ่มคุณสมบัติของการป้องกันและยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อรา
ด้วยกระบวนการผลิตที่ล้ำสมัย เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติในการต่อต้านจุลชีพที่จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดปริมาณแบคทีเรียและเชื้อราบนพื้นผิวได้สูงถึง 99% ยับยั้งและการทำลายโอกาสที่แบคทีเรียและจุลชีพชนิดต่าง ๆ จะเติบโตภายในพื้นที่อยู่อาศัยของคุณ ภายใต้แบรนด์ Protec+®
หากทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ จะมีความทนทาน สะท้อนศักยภาพในการปกป้องพื้นผิวจากการถูกทำลาย กำจัดกลิ่นและปกป้องการเสื่อมภาพที่เกิดขึ้นจากจุลชีพ แถมป้องกันรอยขีดข่วนและการสึกหรอด้วย
เพิ่มคุณสมบัติในการดัดโค้ง
การปรับปรุงคุณสมบัติการดัดโค้ง นั้นมีความหมายถึงการที่ผลิตภัณฑ์ปิดพื้นผิว Formica® นั้นได้รับการพัฒนาให้มีการยึดติดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้มันสามารถถูกดัดโค้งไปตามขอบหรือพื้นผิวเพื่อสร้างผลลัพธ์สุดท้ายที่สวยงามไร้ที่ติ
ความงดงามบนผลงานชิ้นเอกของฟอร์ไมก้า กับ Metallic Marbles
Metallic Marbles ถูกรังสรรค์ขึ้นจากการนำเอาหินธรรมชาติมาผ่านกระบวนการผลิตใหม่ เสริมเติมแต่งอย่างมีรสนิยมด้วยรายละเอียดทางพื้นผิวที่เกิดจากการทำปฏิกิริยากับอ๊อกซิเจนของเหล็ก ที่เต้นระบำไปกับเส้นสายที่ทับซ้อนและสีสันโลหะ
ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีล้ำสมัยมาผสานเข้ากับวิธีการเชิงช่างที่คงอยู่มาช้านาน คอลเลคชันนี้จึงนำพาเอาองค์ประกอบแห่งความน่าประหลาดใจอันน่ารื่นรมย์มาพร้อม ๆ กับโซลูชั่นทางการใช้งานที่สร้างความน่าตื่นเต้นและคำนึงถึงปัจจัยรายล้อมต่าง ๆ ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แนวคิดจากคอลเลคชันใหม่
คอลเลคชันนี้ ประกอบไปด้วย 3 แนวคิด: Fluidity, No Boundaries และ Engineered De-sign โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวคิด Fluidity นั้นสะท้อนถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนและเทคโนโลยีเชิงทดลองต่าง ๆ อันมีประสบการณ์ใหม่ ๆ ของมนุษย์เป็นต้นกำเนิด
Fluidity
สะท้อนความต้องการต่อการสรรค์สร้างพื้นที่ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ในยุคสมัยที่การทำงาน การเล่น และการใช้ชีวิตในบ้านถูกผนวกเข้าด้วยกัน ผิวสัมผัสจึงเข้าถึงการใช้ชีวิตที่ในมิติที่ลึกขึ้น ด้วยรายละเอียดการออกแบบที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลและสะท้อนรับกับสภาวะอันความลึกซึ้งของจิตใจ บ่งบอกถึงรสนิยมและความสงบในคราวเดียวกัน
No Boundaries
แนวคิดที่ช่วยให้ปลดปล่อยสัญชาติญาณแห่งความเป็นนักสำรวจอย่างเป็นอิสระผ่านวัสดุที่มีทั้งความเป็นสมัยใหม่และความเป็นธรรมชาติ
Engineered Designs
ด้วยรูปทรงและโทนสีที่มีความเป็นกราฟฟิคจัดจ้าน ไปจนถึงองค์ประกอบที่ได้รับการออกแบบคิดคำนวนมาอย่างเป็นระบบที่ทั้งเป็นเอกลักษณ์และกระตุ้นความคิด ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยประโยชน์และคุณสมบัติหลากหลาย สื่อสารกับเหล่าผู้ชื่นชอบและเชื่อมั่นในพลังแห่งเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี
ความคิดสร้างสรรค์และการร่วมมือกันในยุคใหม่
ฟอร์ไมก้าทำงานร่วมกับ Art Director ชาวโปแลนด์ มากความสามารถอย่าง Peter Tarka ในการสร้างจินตภาพให้กับแคตตาล็อคของคอลเลคชันใหม่ Tarka เคยร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็น Apple BMW หรือ Van Cleef & Arpels ในการสร้างประสบการณ์ทางทัศนะอันดื่มด่ำไปด้วยรูปทรงและสีสันตระการตา การรังสรรค์ของ Tarka ในแคตตาล็อคปี 2021 นั้นจินตนาการถึงภาพของพื้นที่แห่งอนาคตไว้ได้อย่างมีศิลปะ ผ่านมุมมองหลากหลายสารพันที่จะช่วยปลุกฟื้นจินตนาการของเราให้ตื่นขึ้นจากการหลับไหล
ในเดือนเมษายนปี 2021 ฟอร์ไมก้าเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ Asia Collection 2021 ที่มีผลิตภัณฑ์ 24 พื้นผิว กว่า 300 ดีไซน์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Formica® 2021 Asia Collection ได้ที่ https://bit.ly/2P3aan4
ดาวน์โหลด eCatalog ของเราได้ที่ https://apple.co/2YLidpt และ Formica Thailand Facebook ที่ https://www.facebook.com/formicaTH
ติดต่อสำนักงานขาย 02-285-4474 วันจันทร์ – ศุกร์ ตามเวลาทำการ
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13/08/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,450.00 | 27,550.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,778.00 | 26,954.48 | 28,050.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,600.20 | 24,259.03 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,422.40 | 21,563.58 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 800.00 | 12,128.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 622.00 | 9,429.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,842.00 | 27,924.72 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 13/08/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 28.34 | 28.34 | 28.34 | 28.34 | 28.34 | – | 28.34 | 28.34 | 28.34 | 28.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 22.84 | 22.84 | – | – | – | – | – | – | – | 22.84 |
เบนซิน 95 | 37.26 | – | – | – | 37.71 | – | 37.76 | 37.26 | – | 37.26 |
ดีเซล B7 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 |
ดีเซล | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 |
ดีเซล B20 | 26.14 | 26.14 | 26.34 | – | 26.14 | – | 26.14 | 26.14 | – | 26.14 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 34.16 | 34.16 | 35.84 | 35.56 | – | – | – | – | – | 34.16 |
แก๊ส NGV | 14.55 | 14.55 | – | – | – | – | – | – | – | 14.55 |