สาระน่ารู้ประจำวันที่ 13 มีนาคม 2566

3 ธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ แนะปรับตัวรับเมกะเทรนด์ เพื่อตอบรับโอกาส

ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แนะปรับตัวรับเมกะเทรนด์ เพื่อตอบรับโอกาสในความท้าทายของปี 2023 หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งถือว่าเป็นอุตสาหกรรมหลักอีกประเภทหนึ่งของเศรษฐกิจไทยยังคงถูกจับตามอง เพราะสามารถเป็นดัชนีชีวัดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ อีกทั้งยังเป็นภาคธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องอีกเป็นจำนวนมาก มีการจ้างแรงงานที่สูง

แม้โควิด-19 จะคลี่คลาย แต่ก็ยังมีความท้าทายที่ภาคอสังหาฯจะต้องรับมืออีกหลายด้าน ทั้งเรื่องปัญหาเงินเฟ้อที่สูงขึ้น กำลังซื้อที่ต่ำลง ค่าวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หรือแม้กระทั่งการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังกลับมาไม่เต็มที่ เป็นต้น นี่จึงเป็นทั้งโอกาส และความท้าทาย ที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะต้องก้าวข้ามปัญหา และไขว่คว้าโอกาสเหล่านี้ไว้ให้ได้ 

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ หรือ SENA ได้กล่าวในช่วงเสวนา หัวข้อ ภาคผู้ประกอบการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เมกะเทรนด์ 2023 ในงานสัมมนาProperty Focus : Big Change to Future โอกาสและความท้าทาย จัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ”เมื่อวันที่ 9มีนาคม2566 ว่า เทรนด์ ESG(Environment, Social, และ Governance ) หรือแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนว่า เป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องใส่ใจ เนื่องจาก ปฏิเสธไม่ได้ว่า การทำธุรกิจทุกประเภทต้องเป็นไปตามเทรนด์ 

ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในวันนี้คงไม่สามารถทำหน้าที่เป็นเพียงแค่คนขายบ้านเท่านั้น ในขณะที่ วาระของสังคม หรือสิ่งที่สังคมต้องใส่ใจ มีหลายประการ เช่นภาวะโลกร้อน สังคมผู้สูงอายุ ปัญหาการเข้าถึงบริการสาธารณสุข ปัญหาที่อยู่อาศัยในตัวเมืองมีราคาแพง แต่หากจะเลือกอยู่อาศัยย่านชานเมือง ก็ต้องเผชิญกับค่าเดินทางที่มีราคาแพงเป็นต้น

“เมื่อมีปัญหา ต้องหาคำตอบ และการพบคำตอบนั่นคือโอกาส”  ผศ.ดร.เกษรา กล่าวถึงโอกาสในความท้าทายที่เกิดขึ้น และเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ต้องตระหนักว่า การซื้อบ้าน คือการซื้อชีวิต ซื้อไลฟ์สไตล์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในวันนี้จึงต้องมีการบริการด้านอื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องไปกับเมกะเทรนด์เช่น จากที่เคยสร้างบ้านที่มีการติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อช่วยลดการซื้อกระแสไฟฟ้า เปลี่ยนมาเป็นบ้านพลังงานเป็นศูนย์ เพื่อลดการใช้พลังงานให้เข้าใกล้การใช้พลังงานเป็นศูนย์ให้มากที่สุด เพื่อแก้ปัญหา Climate Change เป็นต้น 

ผศ.ดร.เกษรา ยังได้ยกตัวอย่าง การดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ด้วยว่า ผู้ที่ซื้อบ้านต้องได้เริ่มต้นชีวิตด้วยไลฟ์สไตล์ใหม่ ที่สามารถแก้ปัญหาที่เป็น Social Challenge (ความท้าทายทางสังคม) ในด้านต่างๆ ฉะนั้นคนขายบ้านในวันนี้ จะเป็นเพียงแค่คนขายบ้านอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ทั้งหมดนนี้ล้วนเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งกับสังคม ลูกค้า และผู้ประกอบการเอง 

อีกด้านหนึ่ง ในมุมมองของ นายวรเดช รุกขพันธุ์ ปธ.จนท.บริหาร บจ.วีบียอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่เรียกตัวเองว่า Property Technology ได้แสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ แพลตฟอร์มอสังหาฯ ลงทุนพลิกวิกฤติ ว่าแพลตฟอร์มออนไลน์ จะช่วยเข้ามาขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยการเร่งการตัดสินใจซื้อ โดยการเป็นตัวกลางให้ผู้ซื้อ ขาย อสังหาริมทรัพย์จากทั่วโลกได้มาพบกันบนแพลตฟอร์ม จากสถิติแนวโน้มอสังหาฯในยุโรป กว่า 80% มีการตัดสินใจซื้อขายอสังหา ผ่านออนไลน์ 

อนาคตเทรนด์อสังหาฯไม่ใช่เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัยอีกต่อไป ปัจจัยในการแข่งขันของภาคอสังหาฯในอดีต เช่น องค์กร ทำเล ความน่าเชื่อถือของบริษัท ราคา กำลังจะเปลี่ยนไป เนื่องจากในปัจจุบัน ได้มีเทรนด์ต่างๆเข้ามา ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ต้องปรับตัวโดยนำเอาเทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ เข้ามาเป็นจุดที่น่าสนใจมากขึ้น

แพลตฟอร์มออนไลน์ ยังสามารถช่วยวิเคราะห์ไลฟ์สไตล์ของผู้ซื้อ เทียบกับอสังหาฯโครงการต่างๆ สามารถเข้าชมโครงการอสังหาฯผ่านแพลตฟอร์มแบบเสมือนจริง 360 องศา มีบริการ เกี่ยวกับอสังหาฯครบทุกมิติ ทั้งการซื้อ-ขาย ทั้งบ้านมือหนึ่งและมือสอง การให้เช่า การบำรุงรักษาบ้าน บริการหาช่าง การจำหน่ายอุปกรณ์สมาร์ทโฮม ตลอดจนถึงการลงทุนในอสังหาฯ นี่จึงถือเป็นการพลิกโฉมการซื้อขายอสังหาฯแบบใหม่ ที่จะช่วยเข้ามาขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตได้รวดเร็วขึ้น

ด้านการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์  นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บจ.อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ ได้กล่าวถึง เมกะเทรนด์ 2023 เกี่ยวกับอสังหาฯเพื่อการลงทุน ว่าจากการพูดคุยกับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ ทั้งฮ่องกง สิงคโปร์ พบว่าเทรนด์หลักๆที่จะส่งผลต่อภาคอสังหาฯไทย คือการเปิดประเทศของประเทศจีน เนื่องจาก ชาวจีนซื้อบ้าน และคอนโดคิดเป็นร้อยละ30 ของผู้ซื้อที่เป็นชาวต่างชาติ ฉะนั้นการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน จึงเป็นบวกกับธุรกิจโรงแรม ค้าปลีก และที่อยู่อาศัย แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปจากเดิม

เงินเฟ้อ และการขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ก็มีผลต่อภาคอสังหาฯ โดยประเทศไทยยังถือว่ามีอัตราเงินเฟ้อที่ไม่มากเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก รวมถึง อัตราดอกเบี้ยของประเทศไทย ถือว่าต่ำเป็นที่2 ในเอเชียแปซิฟิก สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ไม่ได้แย่มากสำหรับประเทศไทย 

ที่ต้องจับตาดูในอีก 12 -24 เดือนจากนี้คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่อาจมีผลกระทบต่อภาคอสังหาฯ ทั้งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของฝั่งผู้ประกอบการ และอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ซื้อต้องแบกรับมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งระหว่างสหรัฐอเมริกา กับจีน หรือจีน กับไต้หวัน ล้วนส่งผลกระทบมาสู่เมืองไทยทั้งความเสี่ยง และโอกาส 

สำหรับ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทย(REIT : Real Estate Investment Trust) หลังโควิดผ่านมา ทั้งภาคศูนย์การค้า ,โกดัง-โรงงาน ,ออฟฟิศ และโรงแรม ก็ยังไม่มีส่วนไหนเลยที่ฟื้นตัวได้เท่าก่อนโควิด แต่คาดการณ์ว่า ภาคศูนย์การค้าน่าจะเป็นส่วนแรกที่จะฟื้นตัวได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิดมากที่สุด ไม่ในปลายปี 2566 ก็ต้นปี 2567


ภาคโกดัง-โรงงาน นายกวินทร์ กล่าวว่า ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถเพิ่มผลตอบแทนได้เท่าที่ควร ส่วนภาคสำนักงาน ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ออฟฟิศ ซึ่งก็จะเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการ 

ภาคโรงแรมจะได้เห็นการฟื้นตัวกลับมา แต่ไม่เท่าเทียมกันเนื่องจาก โรงแรมขนาดกลางลงไปยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ส่วนตลาดบ้าน และคอนโด ถือว่าเริ่มกลับมาฟื้นตัว แต่ก็ยังมีอัตราที่ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด แต่ก็ยังถือว่ามีโอกาสที่จะขยายตัวมากขึ้นในปีนี้โดยเฉพาะตลาดคอนโด

นายกวินทร์ กล่าวถึงการลงทุนในอสังหาฯว่า การซื้ออสังหาฯโดยตรงนั้น จะได้รับผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 5-7% ส่วนการซื้อหุ้น หรือหุ้นกู้ของภาคอสังหาฯ จะได้รับผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 3-7% สำหรับหุ้นกู้ และ6-12% สำหรับการถือหุ้นไว้5-10 ปี นอกจากนั้นยังมีไพรเวทฟันด์ (กองทุนส่วนบุคคล)ที่ลงทุนในอสังหาฯ ที่ได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี ซึ่งช่องทางเหล่านี้ยังเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทันในตลาดอสังหาฯได้อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


RML มั่นใจตลาดอสังหาฯ สดใส พร้อมเทิร์นอะราวด์ โชว์ ปี65 โตโดดเด่น

RML ประกาศความสำเร็จ โชว์ผลประกอบการ Q4 ปี’65 โดดเด่น พลิกมีกำไร มั่นใจปีนี้สดใส พร้อมเทิร์นอะราวด์ตามคาดการณ์

บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ รายงานผลการดำเนินงาน ช่วงปีที่ผ่านมา(ปี2565) ต่างมีรายได้ผลตอบแทนกำไรเติบโตแทบทุกค่าย เช่นเดียวกับ บมจ. ไรมอน แลนด์ หรือ RML ผู้นำวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ โชว์ผลประกอบการไตรมาส 4 เติบโตโดดเด่นอย่างมีนัยสำคัญด้วยกำไรสุทธิ 43 ล้านบาท จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2564 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 457 ล้านบาท

ขณะที่ไตรมาส 4 มียอดขาย (Presales) 803 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 73% และผลประกอบการปี 2565 มีรายได้รวม 2,745 ล้านบาทหรือเพิ่มสูงขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจของไรมอน แลนด์ ในปี 2565 ที่ผ่านมา นับว่าบริษัทฯ ประสบความสำเร็จ มีผลประกอบการที่โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ที่สามารถทำกำไรได้จากที่มีผลขาดทุนในปีก่อนหน้านั้น รวมถึงบริษัทฯ ยังมียอดขายในไตรมาสเดียวกัน ที่สูงมากขึ้นกว่าปีก่อนเกือบเท่าตัว ขณะที่ยอดขายทั้งปี ก็ยังขยับสูงขึ้นเกือบ 7% จากปี 2564 เนื่องจากลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์และคุณภาพโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’

จึงทำให้การโอนโครงการเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2565 และมียอดโอนไปแล้วประมาณ 50% ของจำนวนยูนิตพร้อมขาย และคาดว่า จะปิดการขายในปีนี้อย่างแน่นอน

“ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 บริษัทฯ สามารถพลิกกลับมามีกำไร เนื่องจากผลการดำเนินงานที่สะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ จากการบริหารจัดการต้นทุนโครงการของ RML ในปัจจุบัน รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินที่มีดอกเบี้ยแบบอัตราลอยตัวและอัตราคงที่ในสัดส่วนที่เหมาะสม”

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จจากการรีแบรนด์ ภายใต้สโลแกน ‘ลักชัวรี่ รีอิมเมจิ้น (Luxury Reimagined)’ เพื่อยกภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงง่าย ทันสมัย และขยายกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงทุกเจเนอเรชั่นที่มีกำลังซื้อของตลาดลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ จึงทำให้โครงการได้รับการตอบรับที่ดีมาก

โดยทั้งสองโครงการภายใต้การร่วมทุนกับ โตเกียว ทาเทโมโนะ คือ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ มียอดขายแล้วประมาณ 80% และ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ (Tait Sathorn 12) มียอดขายแล้วประมาณ 90%” นายกรณ์ กล่าว 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 35.00 บาท/ดอลลาร์

เงินบาท -สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย ตลาดตอบรับ หลังสหรัฐฯ ออกมาตรการเพื่อประคองความเชื่อมั่นของผู้ฝากเงินและลดความเสี่ยงเชิงระบบ

เงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 35.00 มาเคลื่อนไหวที่ระดับ 34.58-34.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.20 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ 35.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย หลังจากที่ปัญหาของธนาคารบางแห่งในสหรัฐฯ

ทำให้ตลาดมองว่า มีความเป็นไปได้น้อยลงที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 bps. ในการประชุม 21-22 มี.ค. นี้ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้คาดไว้ที่ 34.50-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่สถานการณ์ปัญหาของธนาคารบางแห่งในสหรัฐฯ และการตอบรับของตลาด หลังทางการสหรัฐฯ ออกมาตรการเพื่อประคองความเชื่อมั่นของผู้ฝากเงินและลดความเสี่ยงเชิงระบบ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญจะอยู่ที่ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อผู้บริโภคเดือนก.พ. (รายงานโดยเฟดสาขานิวยอร์ก)

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“แบดมินตันไทย” ท็อปฟอร์ม คว้าแชมป์ประเภทคู่ผสม, ชายคู่ ศึก ไทยแลนด์อินเตอร์ชาเลนจ์

การแข่งขันแบดมินตันในศึก “โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ชาเลนจ์ 2023”  ทัวร์นาเมนต์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ชาเลนจ์  ชิงเงินรางวัลรวม 15,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 495,000 บาท ที่เทอร์มินอล 21 โคราช จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 มี.ค. 66 เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ

ประเภทคู่ผสมรอบชิงชนะเลิศ ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “เจน” เฌอย์นิชา สุดใจประภารัตน์ โชว์ฟอร์มดีเอาชนะ อะนาน มูลานา กับ นิตา วิโอลีนา มาวาท จากประเทศอินโดนีเซีย ไป 2-0 เกมรวด ด้วยคะแนน 21-13, 21-19 ในรายการ โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ชาเลนจ์ 2023

ประเภทชายคู่ “เบน” นันทกานต์ ยอดไพสง กับ “โอ๊ต” เฉลิมพล เจริญกิจอมร คู่มือวาง 1 ของรายการ  คู่มืออันดับ 38 ของโลก เอาชนะ ชอง ฮองเจียน กับ โก๊ะ ซีเฟย คู่มือวางอันดับ 8 ของรายการจากมาเลเซีย 2-1 เกม ด้วยสกอร์ 15-21, 21-15 และ 24-22 คว้าแชมป์ไปครอง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


วิธีสังเกตอาการระหว่าง “ซึมเศร้า” กับ “ไบโพลาร์”

โรคซึมเศร้า คือโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากความผิดปกติของสารเซโรโทนินในสมองมีปริมาณลดลง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการทางร่างกายจิตใจและความคิด รู้สึกท้อแท้ หงอยเหงา เบื่อหน่าย ไม่สนุกสนานกับชีวิต นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นกลางดึก ฝันร้ายบ่อยครั้ง กระทั่งส่งผลกระทบให้ความสามารถในการทำงานลดลง และอาจตกอยู่ในภาวะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจนอยากฆ่าตัวตายได้ แต่จุดเด่นของโรคซึมเศร้าอยู่ที่อารมณ์เบื่อเศร้าจะค่อนข้างชัดเจน

แต่สำหรับ โรคไบโพลาร์ ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอารมณ์สองขั้ว คือภาวะแมเนียและภาวะซึมเศร้า กล่าวคือไบโพลาร์จะมีลักษณะที่มีอารมณ์ช่วงหนึ่ง สนุกสนานครื้นเครง รื่นเริง สลับกับอารมณ์ซึมเศร้าอีกช่วงหนึ่ง เราจึงเรียกไบโพลาร์ว่าโรคเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางคนอาจจะเรียกว่าโรคอารมณ์แปรปรวน หรือโรคคนสองบุคลิกนั่นเอง

ความแตกต่างระหว่างโรคซึมเศร้ากับโรคไบโพลาร์

จุดเด่นที่ทำให้โรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์มีความแตกต่างกันก็คือ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะรู้สึกเบื่อหน่ายและเศร้าแทบจะตลอดเวลา ขณะที่ผู้ป่วยโรคไบโพลาร์อาจมีภาวะซึมเศร้า สลับกับอารมณ์ร่าเริงเกินปกติ บุคลิกของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์จะสลับสับเปลี่ยนกันเหมือนเป็นคนละคน เช่น เราอาจเคยเห็นเพื่อนหรือคนที่อยู่รอบข้างที่อยู่ดีๆ ก็ขยันทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บางคนเวลาพูดคุยด้วยจะสังเกตว่าพูดมาก พูดเร็ว แต่ดูกระจัดกระจายไม่ปะติดปะต่อ เปลี่ยนเรื่องเร็วจนตามไม่ทัน บางคนที่เป็นมากอาจมีความคิดหลงผิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ มีพลังอำนาจวิเศษเหนือธรรมชาติ หรือมีอารมณ์หงุดหงิดมาก ความอดทนต่ำหุนหันพลันแล่น อาจถึงขั้นอาละวาดทำร้ายคนหรือสิ่งของได้

วิธีสังเกตอาการระหว่างโรคซึมเศร้ากับโรคไบโพลาร์

อาการของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า : รู้สึกกลุ้มใจ ซึมเศร้าทุกวันและเกือบจะทั้งวัน รู้สึกเบื่อกับทุกอย่างรอบตัวเป็นประจำ ไม่อยากสังสรรค์หรือออกสังคม เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ กระวนกระวายหรือมีอาการซึมๆ เนือยๆ ไร้เรี่ยวแรง รู้สึกอ่อนเพลียง่าย เหนื่อยง่าย รู้สึกไร้ค่า ร้องไห้ง่ายโดยไม่มีสาเหตุ มีอาการใจลอย ไม่มีสมาธิ หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องเดิมๆ เบื่อชีวิต มีบางช่วงที่รู้สึกอยากตาย เป็นต้น

อาการของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ : มักเกิดอาการซึมเศร้าครั้งแรกในช่วงวัยรุ่นหรือวัยเรียน อีกทั้งยังมีอาการเป็นพักๆ เดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวปกติวนไปมาหลายครั้ง ความคิดช้าลง พฤติกรรมต่างๆ ก็ช้าลงเช่นกัน รู้สึกโดดเดี่ยว ขาดกำลังใจ เหมือนกลายเป็นคนไร้ค่า มองโลกในแง่ร้ายไปหมด รู้สึกว่าโลกไม่สดใส ไม่มีอะไรน่าสนุก ไม่ร่าเริง มีอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรง ตกอยู่ในสภาวะหลงผิด อารมณ์ผิดปกติจนอาจควบคุมความประพฤติของตัวเองไม่ได้ เป็นต้น

การรักษาโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์

ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรับการรักษา ในบางรายมีความจำเป็นจะต้องให้ยาปรับอารมณ์ให้คงที่ร่วมด้วย อย่างไรก็ตามคนที่เป็นโรคไบโพลาร์ ส่วนใหญ่เมื่อได้รับประทานยา อาการจะดีขึ้นจนเป็นปกติ และสามารถทำงาน ใช้ชีวิตปกติได้เหมือนไม่เคยป่วยมาก่อน

ที่สำคัญคือระวังการกำเริบของโรค เพราะผู้ป่วยไบโพลาร์ ช่วงเมเนียมักไม่คิดว่าตัวเองป่วย หากอาการดีขึ้นก็มักหยุดยาเอง ซึ่งโรคจะกำเริบได้หากรับประทานยาไม่สม่ำเสมอ รวมถึงการพักผ่อนไม่เป็นเวลา การดื่มแอลกอฮอล์และความเครียด

ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคนี้จึงไม่ควรทำงานที่พักผ่อนไม่เป็นเวลา เช่น งานที่ต้องอยู่เวรเป็นกะ และควรหลีกเลี่ยงการทำงานที่สร้างความเครียดหรือกดดันมากเกินไป อย่างไรก็ตาม อาการต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น บางครั้งอาจเกิดจากโรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่โรคไบโพลาร์ก็ได้ ดังนั้นการไปพบจิตแพทย์จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ทำไมต้องใช้ Passive Voice?

[Verb to be + past participle] คือรูปประโยคของประโยคชนิดที่เรียกกันว่า Passive voice หรือที่ภาษาไทยเรียกว่ากรรมวาจก มีลักษณะคือเอากรรมของประโยคขึ้นก่อนเพื่อให้เป็นผู้ “ถูกกระทำ” นั่นเอง ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น “The cat was bit.” (แมวถูกกัด) เป็นต้น – แต่ทำไมเราถึงต้องเขียนประโยค Passive voice ล่ะ ในเมื่อภาษาอังกฤษเองก็เขียนประโยค Active voice ได้นี่นา เอาล่ะ วันนี้ DailyEnglish จะมาเล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงต้องใช้ประโยคกรรมวาจกกันจ้า

ไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้กระทำ (ประธานของประโยค) เป็นใคร

ในบางกรณี เราไม่รู้จริงๆ ว่าประธานของประโยคนั้นเป็นใครหรือเป็นอะไร จึงต้องใช้ประโยคกรรมวาจกเพื่อละประธานของประโยค (ที่เราไม่รู้) ออกไป และพูดถึงกริยาที่เกิดขึ้นอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น หมาตัวหนึ่งถูกยิงมา เราวิ่งมาเจอมันแล้วต้องการจะบอกเล่าต่อ แน่นอนว่าเราไม่รู้ว่าใครคือคนถือปืนมายิงเจ้าหมาตัวนี้กันแน่ เราจึงต้องพูดว่า

The dog was shot.
(หมาตัวนั้นถูกยิง)

แต่หากเรารู้ว่าผู้กระทำคือใครส่วนใหญ่แล้วก็จะใช้เป็นกัตตุวาจก (Active voice) มากกว่า อย่างเช่นถ้าเรารู้ว่าไมเคิลคือคนที่ยิงหมาตัวนั้น เราก็จะพูดไปเลยโดยไม่ต้องละประธานว่า

Michael shot the dog.
(ไมเคิลยิงหมาตัวนั้น)

ไม่ต้องการระบุประธานของประโยค

การละประธานนั้นนอกเหนือจากสาเหตุว่าเราไม่รู้ว่าผู้กระทำเป็นใครแล้ว ยังละได้โดยจงใจเพื่อให้เห็นว่าเราต้องการเน้นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าจะเน้นว่าใครเป็นผู้กระทำหรือว่าพยายามจะเลี่ยงถึงการพูดถึงประธาน (ที่มีเพศ) เพื่อรักษาความเป็นกลาง

ในส่วนของการละประธานเพื่อที่จะเน้นการกระทำและผลนั้น จะยกตัวอย่างได้ เช่น หากพายุฝนเข้าแล้วทำให้รั้วบ้านเสียหาย แต่ผู้พูดและผู้รับสารเองก็รู้อยู่แล้วว่ามีพายุฝน ก็สามารถพูดว่า

The fence was destroyed
(รั้วถูกทำลาย)

โดยที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรทำให้ให้รั้วพังแต่ต้องการเน้นไปที่รั้วว่ามันพัง

ในส่วนของการใช้ประโยคกรรมวาจกเพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงประธานอย่างจงใจนั้นพบได้ในงานเขียนประเภทวิชาการ เพราะงานประเภทนี้จะไม่นิยมเขียนด้วยการใช้คำสรรพนาม (I หรือ We) ได้ เนื่องจากจะทำให้งานดูไม่เป็นทางการ จึงต้องละประธานของประโยค และส่วนใหญ่ก็จะเขียนด้วยประโยคกรรมวาจกนี่เอง ยกตัวอย่างเช่น

The argument was proofed to be wrong.
(ข้อโต้แย้งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าผิด)

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


อังกฤษสร้าง “บ้านประหยัดพลังงาน” ทนทุกสภาพอากาศ

อังกฤษสร้างบ้านขึ้นในห้องทดลองขนาดใหญ่ ที่มีสภาพอากาศสุดโต่งหลากหลายรูปแบบด้วยกัน เพื่อทดสอบการประหยัดพลังงานของบ้านแห่งอนาคตนี้

บ้านประหยัดพลังงานจำนวน 2 หลังที่ถูกสร้างเสร็จใหม่ ๆ ภายในห้องปฏิบัติการขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของอังกฤษ ต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่ลดลงต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียส มีพายุหิมะโปรยปราย และอยู่ภายใต้สภาพอากาศที่เย็นจัด แต่บ้านทั้งสองหลังยังคงให้ความอบอุ่นแบบสบาย ๆ จากการใช้งานเทคโนโลยีทำความร้อนและฉนวนที่ทันสมัย

การทดลองวิทยาศาสตร์ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น “บ้านประหยัดพลังงาน 2.0” ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้สร้างบ้านทั่วโลก ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ประหยัดพลังงาน และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศผิดธรรมชาติ โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในห้องทดลองที่มีลักษณะคล้ายกับโกดังขนาดใหญ่ ในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัย Salford ซึ่งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองแมนเชสเตอร์ และเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ในการทดลองได้จำลองสภาพอากาศในรูปแบบต่าง ๆ อย่างเช่น ฝน ลม แสงแดด และหิมะโดยศูนย์ควบคุมจะกำหนดให้มีอุณหภูมิตั้งแต่ 40 องศาเซลเซียสไปจนถึงติดลบ 20 องศาเซลเซียส

ศาสตราจารย์ วิล สวอน หัวหน้าห้องปฏิบัติการบ้านประหยัดพลังงานของมหาวิทยาลัย กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า “สิ่งที่เราพยายามทำให้สำเร็จ คือจำลองสภาพอากาศที่สามารถเกิดขึ้นได้กับประชากร 95% ทั่วโลก”

ในการทดลอง บ้านทั้ง 2 หลังจะเผชิญสภาพอากาศที่แตกต่างกันในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อทดสอบที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ จากทั่วโลก ศาสตราจารย์ สวอน เสริมว่าใช้ วิธีดังกล่าวเพื่อทำความเข้าใจในการออกแบบที่อยู่อาศัยแบบประหยัดพลังงาน

บ้านในการทดลองทั้ง 2 หลังที่เป็นบ้านสไตล์อังกฤษและสร้างโดยบริษัทในอังกฤษ มีแผนที่จะคงบ้านเหล่านี้ไว้ในห้องทดลองอีกราว 2 ถึง 3 ปี

ทางโครงการเปิดโอกาสให้ผู้สร้างบ้านรายอื่น สามารถเช่าพื้นที่ในห้องปฏิบัติการ เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยและควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ได้

สำหรับบ้านหลังแรกถูกสร้างโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษที่ชื่อ Barratt Developments ร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านวัสดุจากฝรั่งเศสที่ชื่อ Saint-Gobain ซึ่งบ้านดังกล่าวถูกหุ้มด้วยอิฐ มีกรอบไม้ พร้อมด้วยฉนวนกันความร้อนอยู่ภายใต้ และยังติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ไว้บนหลังคา

นักวิทยาศาสตร์กำลังตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบทำความร้อนหลายประเภท ซึ่งรวมถึงเครื่องที่เปลี่ยนความร้อนจากอากาศมาเป็นพลังงานความร้อน

ภายในห้องนั่งเล่น ถูกออกแบบมาให้ตั้งวงจรเครื่องทำน้ำร้อนอยู่ภายในผนัง และเสริมความร้อนผ่านเทคโนโลยีอินฟราเรดจากขอบบัวผนัง

นอกจากนี้ กระจกยังทำหน้าที่เป็นตัวแผ่รังสีอินฟราเรด ในขณะที่เซ็นเซอร์จำนวนมาก คอยตรวจสอบห้องที่ถูกใช้งานอยู่ ผู้อยู่อาศัยจะสามารถควบคุมเทคโนโลยีผ่านระบบที่คล้ายการสั่งงานด้วยเสียงอย่าง Alexa ของบริษัท Amazon

ผู้สร้างบ้านคาดว่าเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานโดยเฉลี่ยของบ้านในอังกฤษให้เหลือเพียง 1 ใน 4 จากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับลูกค้าที่กำลังเผชิญกับราคาพลังงานที่สูงลิ่ว

นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังจะเป็นส่วนสำคัญต่อความพยายามของอังกฤษ ที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

รายงานของรัฐสภาอังกฤษพบว่า ในปี 2019 การปล่อยก๊าซคาร์บอนจากระบบทำความร้อนของอาคารราว 17% มาจากบ้านพักอาศัย ซึ่งมีสัดส่วนเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากรถยนต์ทุกคันที่ขับอยู่บนถนนในอังกฤษ

นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และสนับสนุนการใช้ฉนวนกันความร้อนสำหรับบ้านทั่วประเทศ

ทอม คอกซ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของบริษัท Saint-Gobain กล่าวว่า “หนึ่งในเทคโนโลยีหลัก ที่เรากำลังทดลองกับบ้านหลังนี้ เกือบจะเหมือนกับระบบจัดการอาคารสำหรับที่พักอาศัย” และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นระบบผู้ช่วยเสมือน Alexa ของระบบบ้านประหยัดพลังงาน สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติเท่าที่ผู้ใช้งานต้องการ

คอกซ์ ยังกล่าวอีกว่า ด้วยการทำงานในห้องปฏิบัติการขนาดใหญ่ “เราสามารถทดสอบสภาพอากาศที่เกิดขึ้นในหนึ่งปี ให้เกิดขึ้นภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์” โดยเป้าหมายสูงสุดคือการออกแบบสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยที่สะดวกสบาย คุ้มค่า และทำได้จริงเชิงพาณิชย์ ในขณะเดียวกันการก่อสร้างบ้านก็จะต้องไม่ลืม ที่จะใส่ใจด้านความยั่งยืนด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ลิฟท์แบบไม่มีห้องเครื่อง คืออะไร ทำไมควรติดลิฟท์ประเภทนี้

ลิฟท์แบบไม่มีห้องเครื่อง หรือเรียกสั้น ๆ ว่า MRL (Machine Room Less) คือ ลิฟท์สามารถเคลื่อนที่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างห้องเครื่องที่คอยควบคุมลิฟท์ ที่โดยปกติแล้วห้องเครื่องจะประกอบไปด้วย มอเตอร์ เครื่องควบคุมความเร็ว ตู้ควบคุม แผงคอนโทรล ต่าง ๆ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ในปัจจุบัน เช่น ลิฟท์ระบบสกรู ที่เคลื่อนที่ด้วยหลักการของเกลียวและน๊อต จึงไม่จำเป็นต้องมีห้องเครื่องอีกต่อไป

ความต้องการติดลิฟท์บ้าน หรือ ลิฟท์ขนาดเล็กในอาคาร มีส่วนสำคัญในพัฒนาเทคโนโลยีของลิฟท์ให้ทันสมัย เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุหรือผู้พิการเข้าถึงทุก ๆ พื้นที่ได้อย่างปลอดภัย ป้องกันการหกล้มและตกบันไดที่อันตรายต่อผู้สูงอายุและผู้พิการ ลิฟท์แบบไม่มีห้องเครื่อง และ ลิฟท์โดยสารแบบไม่มีห้องเครื่อง ที่สามารถติดตั้งได้ในบ้านและอาคารจึงเข้ามามีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ความมหัศจรรย์ของลิฟท์แบบไม่มีห้องเครื่องนี้เชื่อกันว่าเริ่มต้นขึ้นในปี 1950 เมื่อลิฟท์เริ่มเข้าสู่วิถีการใช้งานอย่างแพร่หลาย ลิฟท์ไม่มีห้องเครื่อง จึงกลายเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พร้อมพัฒนาไปตามยุคสมัยที่จะท้าทายทุกโอกาสในขณะที่ต้องสามารถคงวิธีทำงานของลิฟท์แบบมาตรฐานได้ มาดูรายละเอียด ข้อแตกต่างและข้อดีของลิฟท์ไม่มีห้องเครื่องกัน

ลิฟท์ทั้งสองแบบต่างกันอย่างไร

ก่อนอื่นลิฟท์นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภท ได้แก่ ลิฟท์แบบมีห้องเครื่อง (MR) และลิฟท์แบบไม่มีห้องเครื่อง (MRL)

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง ลิฟท์แบบมีห้องเครื่อง และ ลิฟท์แบบไม่มีห้องเครื่อง คือ

  • โดยส่วนใหญ่ห้องเครื่องจะอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร การติดลิฟท์ประเภทนี้ทำให้ไม่จำเป็นต้องสูญเสียพื้นที่ส่วนบนสุดของอาคาร ซึ่งเหมาะสำหรับอาคารที่มีพื้นที่จำกัด หรือ อาคารที่มีลักษณะหรือการออกแบบที่ไม่สามารถสร้างห้องเครื่องได้
  • ลิฟท์ไม่มีห้องเครื่องนั้นไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างอาคาร ซึ่งสิ่งนี้สำเร็จได้ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ช่วยย่อขนาดอุปกรณ์โดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
  • ลิฟท์ที่ไม่มีห้องเครื่องนั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับอาคารไม่สูง เนื่องจากช่วยประหยัดพื้นที่ เวลา เงิน และมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยลงพร้อมกับการออกแบบที่ไม่ซับซ้อนที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของคุณ ลิฟท์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงนี้จะทำให้อาคารของคุณมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ลิฟท์แบบไม่มีห้องเครื่องของ Cibes Lift เป็นลิฟท์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบสกรู (Screw-Driven lift) ใช้หลักการทำงานเหมือนการเคลื่อนที่ของน็อตและแหวน (Screw and Nut) ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่ที่เรียบง่ายและปลอดภัย ลดปัญหาเรื่อง ลิฟท์ร่วง ลิฟท์ตก อีกด้วย ถ้าท่านสนใจลิฟท์แบบไม่มีห้องเครื่องสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ข้อดีของลิฟท์ไม่มีห้องเครื่องคืออะไร

1.ต้องการพื้นที่น้อย

ลิฟท์ประเภทนี้มีการออกแบบที่บางและกะทัดรัด ดังนั้นจึงใช้พื้นที่น้อยในการติดตั้งและใช้งาน ในหลาย ๆ อาคาร ความท้าทายด้านพื้นที่มีอยู่ ลิฟท์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ นอกจากนี้ เนื่องจากมีการออกแบบที่ง่าย การติดตั้ง และการว่าจ้างจึงทำได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

2.ช่วยประหยัดพลังงาน

ลิฟท์ประเภทนี้ใช้พลังงานน้อยระหว่างการทำงาน ใช้พลังงานน้อยลงถึง 40% ในแง่นี้พวกเขาช่วยในการจัดการอาคารเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน อาคารหลายแห่งกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการดำเนินงานของเครื่องจักร อุปกรณ์นี้เหมาะอย่างยิ่งในบริบทนี้ นอกจากนี้ เครื่องยังปล่อยความร้อนออกมาในปริมาณที่น้อยกว่า ส่งผลให้สภาพแวดล้อมเย็นลง

3.ค่าบำรุงรักษาน้อยลง

ลิฟท์ประเภทนี้ต้องการค่าบำรุงรักษาที่น้อยกว่า เนื่องจากเครื่องจักรเหล่านี้ไม่ต้องใช้น้ำมันใด ๆ ในการทำงาน คุณสามารถลืมเรื่องการรั่วไหลของน้ำมันไปได้เลย โดยลิฟท์ของซีเบสลิฟท์ มีการบำรุงรักษาเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น

4.ปลอดภัยและเชื่อถือได้

ความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าลิฟท์ MRL ปลอดภัยและเชื่อถือได้ และยังให้การทำงานที่ราบรื่นอีกด้วย ไม่ว่าจะในฐานะเจ้าของบ้าน วิศวกร สถาปนิก หรือผู้รับเหมา คุณสามารถวางใจได้ว่าลิฟท์ระบบนี้ จะให้ความสะดวกสบายเทียบเท่ากับลิฟท์แบบดั้งเดิม ได้อย่างแน่นอน

5.ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลิฟท์แบบไม่มีห้องเครื่อง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความต้องการของลิฟท์เหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทุกวันนี้ ลิฟท์ไม่มีห้องเครื่อง เป็นที่ต้องการมากกว่าลิฟท์ไฮดรอลิก เหตุผลที่ชัดเจน อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนหันมาใช้ลิฟท์เหล่านี้อย่างรวดเร็วก็คือเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการประหยัดพลังงาน

6.ลิฟท์ออกแบบเองได้เข้ากับบ้านคุณ

มีเพียงไม่กี่รายที่พัฒนาความสามารถในการส่งมอบการออกแบบที่กำหนดเอง หากคุณมีความต้องการเฉพาะ คุณสามารถเลือกตัวเลือกเหล่านี้ได้ เรามีทีมวิศวกรและช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญของพวกเราจะออกแบบลิฟท์ที่เหมาะสำหรับธุรกิจของคุณซึ่งตรงตามข้อกำหนดของคุณ

โดยสรุปลิฟท์แบบไม่มีห้องเครื่องนั้นเหมาะกับติดตั้งในบ้าน อาคารความสูงไม่เกิน 6 ชั้น หรือสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด จึงเหมาะกับบ้านที่มีผู้สูงอายุ เด็ก หรือบ้านที่ขนของขึ้นลงบ่อย ๆ อีกด้วย

ถ้าคุณสนใจติดตั้งลิฟท์แบบไม่มีห้องเครื่อง (Machine Room Less Lift) หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเรามาได้ที่

บริษัท ซีเบส ลิฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด

เว็บไซต์ : https://www.cibeslift.co.th/

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13/03/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a30,550.0030,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,979.0030,001.6431,150.00
ทองรูปพรรณ 90%1,781.1027,001.48n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,583.2024,001.31n/a
ทองรูปพรรณ 50%891.0013,507.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%693.0010,505.88n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,051.0031,093.16n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 13/03/2566


ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.3536.3537.4436.3536.3536.3536.3536.3536.3536.35
แก๊สโซฮอล์ 9136.0836.0837.1436.0836.0836.0836.0836.0836.0836.08
แก๊สโซฮอล์ E2034.0434.0434.8434.0434.0434.0434.0434.0434.04
แก๊สโซฮอล์ E8534.4934.4934.49
เบนซิน 9544.1644.2144.6644.3144.16
ดีเซล B733.9433.9434.4433.9433.9433.9433.9433.9433.9433.94
ดีเซล33.9433.9434.4433.9433.9433.9433.9433.9433.9433.94
ดีเซล B2033.9433.9434.4433.9433.9433.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.0643.1645.3444.2644.2643.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า