อสังหาฯกลาง-เล็กเนื้อหอม!ญี่ปุ่นขนเงินร่วมทุนสเกล100-300ล้าน
เอฟเฟกต์! สังคมสูงอายุของญี่ปุ่น หนุนกลุ่มทุนญี่ปุ่นขนเงินลงทุนต่างประเทศมากขึ้น หนึ่งในนั้นเมืองไทยจ่อชอปปิง อสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางและรายเล็กนอกตลาดหลักทรัพย์ หวัง “ร่วมทุน” เล็งเห็นศักยภาพของเรียลดีมานด์ตลาดบ้านสเกล100-300ล้านนำร่อง
สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายที่บริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในรูปแบบของการร่วมทุน (Joint Venture) เนื่องจากคนญี่ปุ่นมีความคุ้นเคยประเทศไทย ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบอสังหาฯ ไทยที่ต้องการเงินทุนเข้ามาช่วยในการพัฒนาโครงการ ท่ามกลางความเข้มงวดของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อโครงการ โดยทาง เทอร์ร่าฯ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่บริษัทญี่ปุ่นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนถึงความเป็นได้ในการลงทุนของโครงการนั้นๆ
โดยแนวโน้มความสนใจในการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นที่เข้ามาครั้งนี้ “ไม่ได้” โฟกัสบริษัทมหาชน แต่ต้องการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ดำเนินธุรกิจในระยะยาวตามสไตล์ญี่ปุ่น ที่พร้อมให้เงินทุน หรือ โนว์ฮาว คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นในปีหน้า โดยเทอร์ร่าฯนำเสนอข้อมูลงานวิจัยมาใช้ประกอบเพื่อตอบสนองความสนใจการลงทุนของกลุ่มทุนญี่ปุ่น ซึ่งยังคงอยู่ในธุรกิจซื้อมาขายไป เพราะประเทศไทยยังคงมี “เรียลดีมานด์” ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล
“ถือเป็นโอกาสที่ดีของดีเวลลอปเปอร์ไทยที่ทำธุรกิจตนเองเพราะกลุ่มทุนญี่ปุ่นพร้อมที่เข้ามาชอปปิง ไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทมหาชนก็สนใจจะร่วมทุน เพราะมองเห็นศักยภาพของเรียลดีมานด์ในตลาดบ้านโครงการขนาดกลางและเล็กไม่ต้องการลงทุนในสเกล 100-1,000 ไร่ เหมือนสมัยก่อน”
สำหรับเงื่อนไขหลัก คือ ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องมีแบรนด์เป็นที่รู้จัก พัฒนาโครงการมาแล้วหลายโครงการ กรอบความคิดหลัก (Core Value) ขององค์กรสามารถเข้ากับกรอบความคิดของกลุ่มทุนญี่ปุ่น มีพอร์ตในตลาดอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป และให้ความสำคัญโลเคชันที่คุ้นเคยมากกว่า ไม่เน้นต้องปิดโครงการเร็ว
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการอสังหาฯ ไทยต้องมีแนวทางการทำงานแบบมือาชีพ มีเทคโนโลยีเข้ามารองรับการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ อาทิ การใช้พรีแฟบ (PREFAB) เพื่อลดปัญหาการออกแบบและการควบคุมงานก่อสร้าง เป็นต้น
ปัจจุบันมีกลุ่มทุนญี่ปุ่นจำนวน 2 ราย ที่อยู่ระหว่างการปรึกษาข้อมูลและให้ความสนใจลงทุนโครงการในระดับ 100-300 ล้านบาทต่อโครงการก่อน ส่วนกลุ่มทุนขนาดใหญ่ญี่ปุ่นที่ลงทุนในประเทศ ยังคงมีความสนใจลงทุนโครงการคอนโดมิเนียม แต่ต้องการข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้น เพื่อความมั่นใจการลงทุน
“จากแนวโน้มความต้องการร่วมทุนของบริษัทญี่ปุ่นที่สนใจเข้ามาลงทุนนอกประเทศ โดยเฉพาะในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเนื่องจากประเทศเข้าสู่สังคมสูงวัย ทำให้ทางเทอร์ร่าฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาและทำงานวิจัยได้ขยายบริการส่วนนี้เพิ่มขึ้น”
นอกจากนี้ บริษัทได้มองเห็น “โอกาส” ที่เปิดให้บริการรับบริหารงานปล่อยเช่าอาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีกและคอมมูนิตี้มอลล์ เนื่องจากมองเห็นการฟื้นตัวของดีมานด์อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และคอมมูนิตี้มอลล์ กระเตื้องขึ้น โดยได้ ศศิธร ชุติพงษ์เลิศรังษี ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานในการดูแลธุรกิจปล่อยเช่า ทำเลพระราม9 เข้ามาดูแล “Terra Agent” บริการใหม่ของเทอร์ร่า
ล่าสุดบริษัทได้ดูแลบริหารงานปล่อยเช่าให้กับอาคาร “Enter Terminal” อาคารสำนักงานเกรดเอ ของ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด หรือ EnCo ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มปตท.บนพื้นที่กว่า 15,000 ตร.ม. ทำเลศักยภาพสูง ติดถนนวิภาวดี-รังสิต ตรงข้ามกับสนามบินดอนเมือง ซึ่งมีอัตราการเช่าแล้ว 30-40% หลังจากที่ได้เข้าไปให้บริการรองรับดีมานด์โซนนอกเมือง ประกอบกับโซนแจ้งวัฒนะเป็นฮับของศูนย์ราชการต่างๆ รวมถึงบริษัทไอทีจำนวนมากทำให้ปล่อยเช่าได้ง่าย
ขณะเดียวกันศูนย์การค้าขนาดเล็กในชุมชน หรือ คอมมูนิตี้มอลล์ ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง หลังโควิด-19 ทำให้เจ้าของคอมมูนิตี้มอลล์ ต้องการคนเข้ามาช่วยบริหารการปล่อยเช่า เป็นโอกาสที่ทางเทอร์ร่าฯ จะเข้าไปให้บริการกลุ่มลูกค้าดังกล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
วัน แบงค็อกเผยยอดจองอาคารสำนักงานแรกคาดทะลุเป้า80%ไตรมาส2/2567
ทุบสถิติ!วัน แบงค็อก มิกซ์ยูสโปรเจคมูลค่า1.2 แสนล้านย่านพระราม 4ประกาศความสำเร็จยอดจองอาคารสำนักงานแรก คาดทะลุเป้า 80% ในไตรมาส2/2567
นางสาว ทัตยากรณ์ เบญจภัทรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายอาคารสำนักงาน โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวว่า เรามั่นใจว่ากลุ่มอาคารสำนักงานที่นี่จะเป็นศูนย์กลางที่ตั้งของบริษัทชั้นนำทั้งไทยและระดับโลกที่มองหาพื้นที่สำนักงานคุณภาพสูง ออกแบบโดยคำนึงถึงสุขภาวะที่ดี ความยั่งยืน และเทคโนโลยีอัจฉริยะ เป็นพื้นที่ทำงานที่ส่งเสริมให้ผู้คนทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมทั้งเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตในทุกมิติด้วยองค์ประกอบต่างๆ ภายในโครงการ
โดยหลังจากประเดิมเปิดให้เช่าอาคารแรกบนพื้นที่ให้เช่ารวมกว่า 95,000 ตร.ม. จำนวน 50 ชั้น เพียง 1 ปี (ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2565 ถึงปัจจุบัน) กวาดยอดจองทะลุเป้าสูงถึงกว่า 50 % คาดว่าจะสามารถปิดยอดจองได้ถึง 80% ภายในไตรมาส 2 ปี 2567 ขณะที่อาคารสำนักงานที่ 2 ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่ารวม 97,000 ตร.ม. จำนวน 48 ชั้น คาดว่าจะมียอดจองถึง 55% ภายในช่วงเวลาเดียวกันและในส่วนของอาคารสำนักงานที่ 3 ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่ารวม 97,000 ตร.ม. จำนวน 35 ชั้น ก็ได้เริ่มเปิดให้จองแล้วเช่นกัน
วัน แบงค็อก นำเสนอมาตรฐานใหม่ของการทำงานแห่งโลกอนาคต ที่ยกระดับคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน ประกอบด้วยอาคารสำนักงานระดับพรีเมียม จำนวน 5 อาคาร เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์จะมีพื้นที่เช่าสุทธิรวมกว่า 500,000 ตร.ม. ตั้งอยู่บนทำเลหัวมุมถนนวิทยุตัดกับพระราม 4 พร้อมการเดินทางที่สะดวกสบายเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน สถานีลุมพินี และยังมีทางเข้าออกรอบโครงการถึง 6 จุด รวมถึงทางเชื่อมตัดตรงเข้าสู่ทางด่วนซึ่งถือเป็นแห่งแรกในประเทศไทยโดยมุ่งหวังที่ช่วยบรรเทาปัญหาจราจรบริเวณรอบโครงการฯ
อาคารสำนักงานทั้ง 5 อาคาร พร้อมด้วยความครบครันของ วัน แบงค็อก ตอบโจทย์ทุกความต้องการอันหลากหลายของผู้ใช้อาคาร รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายรอบด้าน ที่เชื่อมต่อทุกมิติของการใช้ชีวิต ทั้งการทำงาน และการพักผ่อน (Live, Work, Shop, Stay) ได้อย่างลงตัว ครบ จบในที่เดียว นอกจากนั้นภายในโครงการ วัน แบงค็อก ยังมีพื้นที่เปิดโล่งและพื้นที่สีเขียว กว่า 50 ไร่ หรือเกือบครึ่งหนึ่งของโครงการฯ และมีทางเดินปกคลุมด้วยร่มไม้กว่า 5 กม. รวมถึง Art Loop พื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะสาธารณะและความคิดสร้างสรรค์ โดยรอบโครงการกว่า 2 กม.
โครงการวัน แบงค็อก ได้รับการออกแบบตามมาตรฐาน LEED for Neighbourhood Development ระดับ Platinum และมาตรฐานรับรองอาคาร WELL เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคาร ดังนั้นพื้นที่สำนักงานภายในโครงการฯ จึงได้ถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างพิถีพิถันโดยคำนึงถึงสุขภาวะของผู้ใช้อาคารเป็นสำคัญ รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะที่ล้ำสมัยเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบอาคารให้เหนือกว่ามาตรฐานของอาคารสำนักงานทั่วไป เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้อาคาร ไม่ว่าจะเป็น การนำกระจกฉนวนกันความร้อน หรือกระจกอินซูเลทที่สามารถกันความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้กว่า 75% มาใช้กับอาคารสำนักงานในโครงการฯ ทำให้อาคารสามารถปกป้องผู้คนในอาคารจากสภาพภูมิอากาศที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ โครงการฯยังได้ติดตั้งระบบระบายอากาศประสิทธิภาพสูงที่สามารถดึงอากาศจากภายนอกเข้าสู่อาคารสูงกว่ามาตรฐานสากลถึง 30% โดยนำมาผ่านแผ่นกรองอากาศระดับพรีเมียมพร้อมฉายรังสียูวีฆ่าเชื้อโรค เพื่อให้ได้อากาศบริสุทธิ์และสะอาดหมุนเวียนในอาคารมากขึ้น เชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะครอบคลุมทุกพื้นที่ เป็นกลุ่มอาคารสำนักงานแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน WiredScore Platinum และ SmartScore Platinum
ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของ WiredScore โดยมี District Command Center หรือศูนย์ควบคุมการสั่งการที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดเพื่อตรวจสอบระบบต่างๆภายในอาคาร รวมถึงความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ และยังมีซูเปอร์แอปฯ แอปพลิเคชันที่รวมเอาหลากหลายบริการเข้าไว้ด้วยกันตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของผู้ใช้อาคารอย่างครบครัน เช่น การเข้าออกอาคาร การสำรองที่จอดรถ ระบบค้นหาตำแหน่งรถ (Find My Car) และยังมีระบบการรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น
วัน แบงค็อก ยังเป็นโครงการฯแรกในไทยที่มีรูปแบบการเช่าพื้นที่สำนักงานแบบ Green Lease โดยผู้ให้เช่าและผู้เช่าพื้นที่ร่วมกันกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืน และแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน อาคารสำนักงานใน วัน แบงค็อก ได้รับการตอบรับและความสนใจจากองค์กรระดับโลกมากมายในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ
ไม่ว่าจะเป็น บริษัทหลักทรัพย์ สำนักงานกฎหมาย ผู้ให้บริการด้านความบันเทิง ธนาคารต่างประเทศ บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามระดับโลก อาทิ บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด (Baker McKenzie, Ltd.), บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KGI Securities (Thailand)), และ เอสเต ลอเดอร์ คอมพานีส์ (Estee Lauder Companies) เป็นต้น ล่าสุดเปิดให้เยี่ยมชมโครงการ โดยมี ซีบีอาร์อี (CBRE) เจแอลแอล (JLL) ผู้นำด้านบริการและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ระดับโลกเป็นตัวแทนจัดหาผู้เช่า
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 13ธ.ค.”อ่อนค่า” ที่ระดับ 35.70 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจผันผวนไปตามฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ควรระวังความผันผวนช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟดของวันพฤหัส กรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.55-35.80 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 13ธ.ค.2566 ที่ระดับ 35.70 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.67 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideway ในกรอบไปก่อน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดอาจรอลุ้นผลการประชุมเฟดในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ ทำให้เงินบาทอาจผันผวนไปตามฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งยังมีความเสี่ยงที่นักลงทุนต่างชาติอาจเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทยได้บ้าง หากบรรยากาศในตลาดการเงินฝั่งเอเชียอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงจากความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด
ทั้งนี้ ควรระมัดระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟด เนื่องจากเรามองว่า เฟดอาจยังไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นหรือลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดกำลังคาดการณ์อยู่ โดยเฟดอาจให้เหตุผลว่า สภาวะการเงิน (Financial Conditions) ล่าสุดก็กลับมาผ่อนคลายมากขึ้น หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงพอสมควร ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจก็ยังดูดีอยู่
โดยเฉพาะการจ้างงาน และแม้อัตราเงินเฟ้อจะชะลอลง แต่ก็ยังสูงกว่าเป้าหมายที่เฟดต้องการ โดยในกรณีนี้ หาก Dot Plot ใหม่ของเฟด สะท้อนแนวโน้มการลดดอกเบี้ย น้อยกว่าที่ตลาดกำลังประเมินว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยลงราว-125bps
เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดอาจมีการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด (Repricing) ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้น กดดันให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.00 บาทต่อดอลลาร์
ในทางกลับกัน หากเฟดเริ่มส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย (ซึ่งเรามองว่า โอกาสอาจไม่สูงมาก) และ Dot Plot ใหม่ ก็สะท้อนการลดดอกเบี้ยลงในปีหน้า ที่มากกว่า Dot Plot ก่อนหน้า ก็อาจส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้บ้าง หนุนให้เงินบาทมีโอกาสทยอยแข็งค่ากลับมาสู่แนวรับแถว 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก (แนวรับถัดไป แถว 35.20-35.30 บบบาทต่อดอลลาร์)
อนึ่ง เรามองว่า ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อทิศทางเงินดอลลาร์ บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ รวมถึงเงินบาทและราคาทองคำในอนาคต อาจเป็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดในปีหน้า
ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว
การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.55-35.80 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟด
และประเมินกรอบ 35.50-36.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟด
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในช่วง 35.54-35.78 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเร็วในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ก่อนที่จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และ
การย่อตัวลงของราคาทองคำ หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ยังคงสะท้อนแนวโน้มการชะลอลงของอัตราเงินเฟ้ออย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งอาจทำให้เฟดยังไม่สามารถรีบ “ลด” ดอกเบี้ยลงได้เร็วอย่างที่ตลาดกำลังคาดการณ์อยู่ โดยล่าสุดจาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคม จากเดิมที่เคยมองไว้ว่าจะเป็นการประชุมเดือนมีนาคม ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดยังคงมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยลงราว -125bps ในปีหน้า
แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ล่าสุด อาจทำให้เฟดยังไม่สามารถส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยลงได้ในการประชุมเดือนธันวาคม แต่อย่างน้อยก็ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมุมมองเดิมว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยลงได้พอสมควรในปีหน้า ซึ่งภาพดังกล่าวได้ช่วยตรึงให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทรงตัวที่ระดับ 4.20% ลดแรงกดดันต่อบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ที่กลับมารีบาวด์ขึ้นได้บ้าง นำโดย Meta +2.8%, Nvidia +2.2% ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.46%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.21% กดดันโดยการปรับตัวลงของบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงาน BP -1.4%, TotalEnergies -1.1% หลังราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างไม่รีบปรับสถานะถือครอง เพื่อรอลุ้นผลการประชุมของบรรดาธนาคารกลางหลัก (เฟด, BOE และ ECB) ในวันพฤหัสฯ นี้
ในฝั่งตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1.25% ยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซน 4.25% ได้ ก่อนที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะย่อตัวลงและทรงตัวใกล้ระดับ 4.20% ทั้งนี้ เรามองว่า หากในการประชุมเฟดที่จะถึงนี้ ทางเฟดได้ย้ำจุดยืนคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงได้นาน หรือ
อาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อให้สำเร็จ ก็อาจส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ผันผวนสูงขึ้นได้ อย่างไรก็ดี เรายังคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดสามารถรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว เนื่องจาก Risk-Reward ยังคงมีความน่าสนใจ เพราะแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟดมีโอกาสกลับมาเป็นขาลงในปีหน้า ซึ่งไม่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยน้อยกว่า หรือ ใกล้เคียงกับที่ตลาดกำลังประเมินก็จะส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงได้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ล่าสุด ก่อนที่เงินดอลลาร์จะเผชิญแรงขายทำกำไร เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนหนึ่งอาจต้องการรอความชัดเจนของทิศทางนโยบายการเงินจากการประชุมของบรรดาธนาคารกลางหลัก
อีกทั้งบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ก็ยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ทำให้ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวใกล้ระดับ 103.8 จุด (กรอบ 103.6-104.1 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง รวมถึงจังหวะการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1,996 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นโซนแนวรับระยะสั้น เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง
สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจอาจมีไม่มาก ทำให้เรามองว่า ไฮไลท์สำคัญที่ควรจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ผลการประชุมเฟดซึ่งจะรับรู้ในช่วงเช้าตรู่ ราว 02.00 น. ของวันพฤหัสฯ ตามเวลาในประเทศไทย
โดยเรามองว่า เฟดอาจ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หลังอัตราเงินเฟ้อก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้นและมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการกลับสู่เป้าหมาย 2% ของเฟด ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็มีแนวโน้มชะลอลงเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญ จะอยู่ที่ คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) ใหม่ โดยหาก Dot Plot ใหม่ของเฟด และถ้อยแถลงของประธานเฟดอาจยังคงส่งสัญญาณว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานและอาจไม่ได้ลดดอกเบี้ยลงเยอะอย่างที่ตลาดกำลังคาดการณ์อยู่ ภาพดังกล่าวอาจยิ่งหนุนให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งเงินบาทและราคาทองคำได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 35.66-35.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.55 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 35.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทยังคงแกว่งตัวเป็นกรอบ เช่นเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ขณะที่แรงหนุนเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงบางส่วน เนื่องจากตลาดกลับมารอติดตามท่าทีของเฟดจากการประชุมนโยบายการเงินคืนนี้ เพื่อประเมินภาพแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 35.60-35.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมและ Dot Plots ของเฟด ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนพ.ย. ของจีน รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เราก็อยากให้มา! เพจ Volleyball World ชี้ “ตบสาวไทย” ยังมีลุ้นลุยโอลิมปิก 2024
กลายเป็นที่สนใจของแฟนกีฬาวอลเลย์บอลไทยทันที เมื่อเพจเฟซบุ๊กทางการของ สหพันธ์วอลเลย์บอลระหว่างประเทศ หรือ FIVB เผยว่า วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ยังมีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ไปโอลิมปิก 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊กทางการของ FIVB อย่าง Volleyball World ที่มีผู้ติดตามกว่า 5 ล้านคน ได้ออกมาโพสต์เป็นภาษาไทยว่า
“แม้นักตบลูกยางหญิงทีมชาติไทย จะพลาดสิทธิ์ลุยโอลิมปิก 2024จาก Women’s OQT 2023 ไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ยังเหลือตั๋วอีก 5 ใบ ให้ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยได้ลุ้น ซึ่งเราจะพามาดูว่าโควตาอีก 5 ที่ มาจากไหน และสาวไทย ที่อยู่ในอันดับ 13 ของโลก มีโอกาสแค่ไหนที่จะได้ไปโชว์ฝีมือที่ปารีส
– สำหรับทีมที่อันดับดีที่สุด ในทวีปที่ยังไม่ได้สิทธิ์ไปโอลิมปิก (2 ทีม)
ในตอนนี้ ยังไม่มีทีมจากทวีปเอเชียที่ได้สิทธิ์ ทีมที่น่าจะต้องฟาดฟันกันเพื่อชิง 2 โควต้าที่เหลือนี้ สำหรับทวีปเอเชียอาจเป็น จีน (อันดับ 6) หรือ ญี่ปุ่น (อันดับ 9)
– สำหรับทีมที่อันดับโลกดีที่สุด ที่ยังไม่ได้สิทธิ์ไปโอลิมปิก (3 ทีม)
อีก 3 โควตาที่เหลือ จะมอบให้ทีมตบลูกยางสาวที่อันดับโลกดีสุดแต่ยังไม่ได้สิทธิ์ไปปารีส ซึ่งหากพิจารณาจากอันดับโลกตอนนี้ ทีมที่จะมาขับเคี่ยวกันช่วงชิงโควต้า ได้แก่ : อิตาลี (อันดับ 5), ญี่ปุ่น (อันดับ 9) และ เนเธอร์แลนด์ (อันดับ 10)
หากดูจากเงื่อนไขตอนนี้ ทีมชาติไทยจะต้องทำคะแนนให้อยู่ใน 10 อันดับแรก เพื่อคว้าสิทธิ์ไปโอลิมปิก 2024 ซึ่งสาวไทยยังมีโอกาสทำคะแนนสะสมได้จนจบการแข่งขัน Volleyball Nations League 2024 ที่จะแข่งระหว่างวันที่ 14 พ.ค. – 16 มิ.ย 2024
และก่อนจะถึงตอนนั้น อย่าลืมมาส่งกำลังใจให้นักตบลูกยางสาวไทยได้เข้าไปสร้างประวัติศาสตร์ ลงเล่นในโอลิมปิกเป็นครั้งแรกให้ได้ผ่านคอมเมนต์ใต้โพสต์นี้!”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
8 สัญญาณอันตราย “โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง SLE ลูปัส หรือโรคพุ่มพวง”
โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง SLE ลูปัส หรือโรคพุ่มพวง ไม่ใช่โรคใหม่ หรือเพิ่งมาฮิตมาบูมกันตอนนี้ เป็นโรคที่มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยในประเทศไทย รวมถึงต่างประเทศด้วย ที่น่าแปลกคือคนดังหลายคนป่วยเป็นโรคนี้ ทั้งนักร้องพุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่ทำให้คนไทยรู้จักกับโรคนี้ หรือจะเป็นสาวเซเลน่า โกเมซ ศิลปินขวัญใจวัยรุ่นชาวอเมริกันที่ต้องพักงานไปนานเพื่อรักษาตัว (อ่านต่อ >> โดนัท มนัสนันท์ ป่วยโรคพุ่มพวง รักษาตัวนานกว่า 6 เดือนแล้ว) และอาจไม่รู้ตัวเพราะสัญญาณ และอาการขึ้นมันเล็กน้อยจนทำให้เราไม่วิตกกังวล แต่อันที่จริงสัญญาณเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้นี่แหละที่นำไปสู่โรคที่อันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้หากไม่รีบเข้ารับการรักษา
โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง เป็นอย่างไร?
โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง SLE ลูปัส หรือโรคพุ่มพวง เป็นโรคที่เกิดจากภาวะที่ร่างกายสร้างสารภูมิคุ้มกันต้านทานผิดปกติ โดยเข้าไปต่อต้านเนื้อเยื่อ หรืออวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เป็นผลทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในบริเวณนั้น
ใครที่เสี่ยงเป็นโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง?
แม้ว่าโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง เอสแอลอี หรือลูปัส จะไมได้พบกันบ่อยๆ แต่ก็พบได้เรื่อยๆ พบได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ แม้ว่าจะหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติอยู่หลายประการ
– พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
– ความผิดปกติจากพันธุกรรม (ชนิดที่ถ่ายทอดได้)
– ติดเชื้อจากแบคทีเรีย หรือไวรัสบางชนิด
– มีอาการแพ้กับสิ่งต่างๆ
– สูบบุหรี่
– ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาป้องกันการชัก ยาคุมกำเนิด ยาลดน้ำหนักบางชนิด
– เครียด ทำงานหนัก ออกกำลังกายมากเกินไป
อาการของโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง
สัญญาณอันตรายที่เป็นอาการเริ่มต้นของโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง มีหลากหลายอาการขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิดความผิดปกติจนมีอาการอักเสบในระยะแรก ไปจนถึงระยะเรื้อรังที่อาจเริ่มเกี่ยวพันกับอวัยวะส่วนอื่นๆ
- อาการผิดปกติทั่วไปที่หาสาเหตุไม่ได้ เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ผอมลง
- อาการทางผิวหนัง เช่น มีผื่นแดง มักขึ้นบริเวณใบหน้า ช่วงตรงกลาง และโหนกแก้มทั้งสองข้าง รูปร่างคล้ายผีเสื้อ และอาจมีอาการผมร่วงด้วย
- อาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ อาจไม่มีอาการบวมแดง แต่ปวดได้ทุกส่วนที่มีข้อ เช่น ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อมือ ข้อนิ้ว
- อาการทางปอด เช่น เจ็บหน้าอก ไอ ปอด เยื่อหุ้มปอดอักเสบ มีน้ำในปอด เหนื่อยง่าย เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ไปจนถึงหัวใจเต้นผิดปกติ
- อาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร
- อาการทางไต ความดันโลหิตสูง เช่น ขาบวม จากการบวมน้ำ
- อาการทางระบบโลหิต เช่น โลหิตจาง ภาวะซีด ความดันโลหิตต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ หลอดเลือดอักเสบ อาจจะพบเป็นจุดแดงๆ เล็กๆ ทั่วตัวคล้ายไข้เลือดออก
- อาการทางระบบประสาท เช่น มีอาการชักโดยไม่ทราบสาเหตุ แขนขาอ่อนแรง ไม่มีสมาธิ เครียด นอนไม่หลับ ซึมเศร้า วิตกกังวล มีปัญหาในการจำ สับสน เห็นภาพหลอน โดยอาจเป็นผลข้างเคียงมาจากอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบอีกทีได้
การรักษาโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง
แพทย์จะพยายามควบคุมโรคให้สงบด้วยการให้ทานยา ทำการรักษาตามอาการที่พบ และติดตามอาการไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการจะสงบ หากเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะยิ่งทำให้แพทย์ทำการรักษา และควบคุมอาการได้ดีขึ้น จนไม่มีอะไรต้องน่ากลัว หรือถึงขั้นเสี่ยงเสียชีวิต
วิธีป้องกันโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง
เป็นที่น่าเสียดายที่โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเองไม่มีวิธีป้องกันได้ 100% แต่ก็มีวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ได้ด้วยการดูแลรักษาร่างกายของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดจนเกินไป รักษาสุขอนามัยของตัวเองให้สะอาด ลดโอกาสในการติดเชื้อ และปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนทานยาอะไรเป็นประจำ
นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคนี้ก็ควรปฏิบัติตนเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และพบแพทย์ตามเวลาที่นัดหมายทุกครั้ง เพื่อให้การติดตามอาการ การควบคุมอาการของโรคเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
18 ชื่อแบรนด์ที่กลายมาเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า Brand name หรือ ยี่ห้อ นั่นก็คือเครื่องหมายการค้าของสินค้าต่างๆมากมาย เป็นการจดทะเบียนของบริษัทผู้ผลิตโดยที่บริษัทอื่นๆจะนำมาใช้ต่ออีกไม่ได้ อ๊ะ อย่าเพิ่งแปลกใจว่าวันนี้ทำไมเรามาแปลกแหวกแนว จริงๆแล้วเราอยากจะแนะนำชื่อแบรนด์ต่างๆที่เราสามารถนำมาใช้เป็นคำศัพท์ได้โดยไม่ผิด เพราะเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป เข้าใจในคนหมู่มาก เอ๊ะ แล้วมันมีคำไหนบ้างนะ? ตามมาดูได้เลย!
1. Jet ski (เจ็ท เสอะกี)
มันคือเจ็ทสกีที่เราๆเข้าใจกันนั่นแหละค่ะ หากจะเรียกตามชื่อเต็มก็คงต้องใช้คำว่า Watercraft (ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนบนผิวน้ำ) ขอบคุณโรงงาน Kawasaki Heavy ที่ทำให้เราเรียกเจ้ายานพาหนะนี้ด้วยชื่อเท่ๆแทน
2. Bubble wrap (บับโบ้ว แรว๊พ)
วัตถุประสงค์หลักของเจ้าบับเบิ้ลนี้คือใช้ลดความเสียหายของวัตถุในการกระแทก และลำดับถัดมาคือการบีบให้เกิดเสียงเป๊าะแป๊ะแก้เครียด 555 จริงๆแล้วคำว่า Bubble Wrap คือเครื่องหมายการค้าของวัสดุห่อกันกระแทกจากบริษัท Sealed Air Corporation นั่นเอง
3. Jacuzzi (จากุ๊ชฉิ)
ทุกคนคงรู้จักอ่างจากุซซี่กันใช่ไหมล่ะคะ นอกจากอ่างอาบน้ำร้อนหรืออ่างน้ำวนแล้ว บริษัทจากุซซี่ยังผลิตที่นอนและสุขภัณฑ์ด้วยนะ แต่ที่คนจำได้และเรียกติดปากก็คงจะมีแต่เจ้าอ่างอาบน้ำนี่แหละ
4. Ping pong (พิงพอง)
ใครจะไปนึกว่ากีฬาปิงปองนี้ก็เคยเป็นชื่อยี่ห้อมาก่อน โดยบริษัท Parker Brothers ได้เป็นผู้ตั้งชื่อแบรนด์นี้ตามเสียงกระทบของลูกปิงปอง (Table Tennis) ไม่น่าเชื่อว่ามันจะกลายมาเป็นคำศัพท์ที่นิยมใช้ในบ้านเราขนาดนี้
5. Polaroid (โพลารอยด์)
กล้องโพลารอยด์ก็ใช่นะจ๊ะ โดยบริษัท Polaroid Corporation ได้เป็นผู้ก่อกำเนิดคำศัพท์นี้ขึ้นมา เป็นการใช้เรียกกล้องถ่ายภาพแบบสำเร็จรูป (Instant Camera)ได้เก๋ไก๋ทีเดียวเชียว
6. Post-it (โพส ถิท)
นี่ถ้าไม่ไปค้นดูก็คงไม่รู้ว่านี่มันเป็นชื่อยี่ห้อกระดาษโน๊ตติดได้ของบริษัท3M แน่ๆ ต้องขอบคุณผู้ผลิตที่ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยคพร้อมชื่อเรียกที่ใช้ง่าย ติดปาก และเป็นที่เข้าใจตรงกันแบบนี้จริงๆ
7. Roller blade (โรลเลอะเบลด)
Rollerblade เป็นยี่ห้อรองเท้าสเก็ตล้อแถวเดียว ผลิตโดยบริษัท Nordica โดยก่อนหน้านี้รองเท้าสเก็ทมักจะมี 4 ล้อ แบ่งเป็น 2 ล้อ ต่อจำนวน 2 แถว ส่วนรองเท้าสเก็ตแบบล้อแถวเดียวนี้จะมี 3-5ล้อในแถวเดียว คนเลยนิยมเรียกรองเท้าสเก็ตแบบล้อแถวเดียวว่าโรลเลอร์เบลด นอกจากนี้ เจ้าโรลเลอร์เบลดส์ยังสามารถใช้เป็นคำกริยาได้ด้วยนะ (…to rollerblade)
8. Scotch tape (เสอะก็อช เท้พ)
ถ้าจะเอ่ยถึงสกอตช์เทป ภาพที่ทุกคนนึกถึงก็คงเป็นเทปกาวใสไร้สีกันใช่ไหม ถูกต้องแล้วค่ะ สกอตช์เทปเป็นคำที่ใช้เรียกเทปใสนั่นเอง บริษัท 3M เป็นผู้สร้างสรรค์อีกแล้วครับท่าน
9. Ziploc bag (ซิปล็อค แบ๊ก)
ถุงซิปล็อคเป็นคำที่ใช้เรียกถุงที่มีตัวล็อกช่วยป้องกันไม่ให้อากาศไหลเข้าไปภายในถุงได้ และเจ้าถุงสุดเจ๋งนี้ถูกผลิตโดยบริษัท S.C. Johnson & Son
10. Fiberglass (ไฟ้เบ้อ กล๊าส)
เจ้าไฟเบอร์กลาสเป็นชื่อเล่นของวัตถุใยแก้ว (Glass wool) ที่เรารู้จักกันดี เป็นวัสดุโปร่งแสงที่ผลิตโดยบริษัท Owens Corning
11. Google (กูเกิล)
อาจารย์กูของเราก็เป็นหนึ่งในชื่อยี่ห้อเหมือนกันนะ โดยคำว่ากูเกิ้ลในปัจจุบันเรานำมาใช้แทนระบบสืบค้นทางอินเตอร์เน็ตทั่วๆไป แถมยังสามารถใช้เป็นคำกริยาได้ด้วยเช่นกัน (…to google)
12. Hula hoop (ฮูล่า ฮู้พ)
ห่วงกลมๆที่เรานำมาเล่นโยกย้ายส่ายสะโพก หรือที่เราเรียกกันง่ายๆว่าฮูลาฮูปนั้น แท้จริงแล้วมันคือชื่อสินค้าของเล่นทรงห่วงจากบริษัท Wham-o จ้า
13. Jeep (จี๊พ)
รถจิ๊ปที่เราคุ้นเคยกันดี แท้จริงแล้วเป็นชื่อยี่ห้อรถทหารขนาดเล็กของบริษัท Chrysler ค่ะ
14. Memory stick (เมเมอะรี่ สติ๊ค)
“อุปกรณ์เก็บความจำขนาดเล็ก” โอ้ย ยาวขนาดนี้ใครเขาจะเรียกกัน สู้เรียกเมมโมรี่สติ๊กไม่ดีกว่าเหรอ (สั้นว่านั้นแบบไทยสไตล์ก็คือเมม) เมมโมรี่สติ๊กเป็นชื่อยี่ห้ออุปกรณ์เก็บความจำลักษณะบางเบา ผลิตโดยบริษัท Sony ค่ะ
15. Photoshop (โฟโทฉอพ)
โฟโต้ช็อปเป็นชื่อยี่ห้อโปรแกรมตกแต่งภาพจากบริษัท Adobe System ค่ะ เมื่อใดก็ตามที่นึกถึงการตกแต่ง แก้ไขภาพนิ่ง คำๆนี้จะต้องวิ่งมาเป็นอันดับแรก แถมยังเป็นได้ทั้งคำนามและคำกริยาด้วยนะ
16. PowerPoint (เพา เฟว่อะ พ้อยท์)
มีโฟโต้ช้อปแล้วทำไมจะไม่มีโปรแกรมพาวเวอร์พ้อยท์ล่ะเนอะ เช่นกันค่ะ หากนึกถึงโปรแกรมนำเสนองานก็คงหนีไม่พ้นพาวเวอร์พ้อยท์นี่แหละ ส่งเข้าประกวดโดยบริษัท Microsoft จ้า
17. Vaseline (แว๊ส เสอะ ลีน)
ไม่ว่าจะเจอเจลให้ความชุ่มชื้นที่ไหนเราก็เรียกว่าวาสลินทั้งนั้นใช่ไหมคะ ที่คืออิทธิพลจากเจลให้ความชุ่มชื้นยี่ห้อวาสลินซึ่งผลิตโดยบริษัท Unilever นั่นเอง
18. Xerox (ซี ร็อกส์)
สมัยนี้เป็นที่รู้กันว่าคำว่าซีร็อกซ์เป็นหนึ่งคำที่ใช้แทนคำว่าถ่ายเอกสาร (Photocopy) ได้ มันอาจจะไม่ได้ถูกไวยากรณ์นักแต่หากใช้คำนี้ก็เป็นอันรู้กันว่าหมายถึงอะไร
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
น่ารักเว่อร์! กระบะ “อีซูซุ” กลายร่างเป็นรถไฟฟ้าด้วย AI หน้าตาก็จะประมาณนี้
ชาวเน็ตไทยแห่แชร์ภาพรถกระบะ “อีซูซุ“ ที่ถูกแปลงโฉมเป็นเวอร์ชันไฟฟ้าโดยจินตนาการของเทคโนโลยี AI หน้าตาที่ได้เลยออกมาน่ารักตะมุตะมิแบบนี้
กลายเป็นไวรัลบนโลกโซเชียลเมื่อมีภาพของรถกระบะยอดนิยมอย่าง “อีซูซุ” ถูกรังสรรค์เป็นรถกระบะไฟฟ้าโดยเทคโนโลยี AI กลายเป็นรถกระบะหน้าตาน่่ารักหลากสีสันเรียกเสียงฮือฮาจากชาวเน็ตได้ไม่น้อย โดยต่างก็คอมเมนต์ในเชิงชมเชยถึงความน่ารัก บ้างก็อยากให้อีซูซุผลิตกระบะหน้าตาแบบนี้ออกมาจำหน่ายจริงอีกด้วย
แม้ว่าทางอีซูซุเองจะไม่ได้ผลิตรถหน้าตาแบบนี้ออกมา แต่ก่อนหน้านี้มีข้อมูลว่าบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนารถกระบะไฟฟ้าสำหรับวางจำหน่ายจริง โดยจะเริ่มเปิดตัวที่ยุโรปภายในปี 2025 ก่อนจะขยายไปทำตลาดยังภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตลาดสำคัญของรถกระบะขนาด 1 ตัน และรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน
ขณะที่ยอดจำหน่ายของ Isuzu ในงาน Thailand International Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา พบว่ามียอดจองสะสมตลอดระยะเวลาจัดงานทั้งสิ้น 2,460 คัน อยู่ในอันดับที่ 8 หลังจากที่ปีนี้มีค่ายรถจีนเข้ามาติดอันดับท็อป 10 ถึง 5 แบรนด์ด้วยกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Canon พัฒนาพลาสติกรีไซเคิล PET ทนไฟและแข็งแรง เทียบได้กับโพลีคาร์บอเนต
Canon เผยโฉมความก้าวหน้าด้านความยั่งยืน พลาสติก PET รีไซเคิลใหม่ที่ทนไฟและแข็งแรง ซึ่งเทียบได้กับโพลีคาร์บอเนต สำหรับอุปกรณ์สำนักงาน
ญี่ปุ่น วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 แคนนอน (Canon) พัฒนาพลาสติกรีไซเคิลที่ไม่เพียงแต่ติดไฟได้น้อยลงเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งอีกด้วย สารเติมแต่งถูกเพิ่มเข้าไปในขยะพลาสติกโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) รีไซเคิล ทำให้มีสมรรถนะที่เทียบได้กับโพลีคาร์บอเนต (PC) นวัตกรรมพลาสติกนี้สามารถนำไปใช้ภายนอกอุปกรณ์มัลติฟังก์ชันในสำนักงานได้ ความสามารถในการเพิ่มมูลค่าของ PET ผ่านการรีไซเคิลได้เปิดโอกาสในการขยายการใช้ทรัพยากรพลาสติกรีไซเคิล
อุปกรณ์มัลติฟังก์ชันมักมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ทำจากพลาสติกวิศวกรรม ซึ่งเป็นส่วนผสมของ PC และอะคริโลไนไตรล์ บิวทาไดอีนสไตรีน (พลาสติก ABS) เพื่อให้มั่นใจถึงคุณสมบัติหน่วงการติดไฟและความแข็งแรงเชิงกล แม้ว่าพลาสติกรีไซเคิลของ Canon จะได้มาจาก PET แต่พลาสติกรีไซเคิลของ Canon ก็มีคุณสมบัติหน่วงการติดไฟและความแข็งแรงเช่นเดียวกับพลาสติกที่ใช้ PC
แม้ว่าจะมีวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพลาสติกรีไซเคิลโดยใช้สารเติมแต่ง แต่การได้รับทั้งความหน่วงไฟและความแข็งแกร่งนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายมาโดยตลอด เนื่องจากการเพิ่มสารหน่วงไฟมีแนวโน้มที่จะลดความแข็งแกร่งลง Canon แก้ไขปัญหานี้ด้วยการปรับสูตรอย่างละเอียดเพื่อปรับปรุงทั้งการหน่วงไฟและความแข็งแกร่ง การใช้งานจริงจะได้รับการพิจารณาหลังจากประเมินต้นทุน ฟังก์ชันการทำงาน และความสามารถในการขึ้นรูปแล้ว
ต่างจาก PC ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงและทนต่อแรงกระแทก PET ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท และขยะพลาสติกก็สามารถรวบรวมได้ง่าย อุปกรณ์มัลติฟังก์ชันอาจมีพลาสติกหนักถึง 30 กิโลกรัมทั้งภายในและภายนอก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่น หากพลาสติกรีไซเคิลที่พัฒนาแล้วสามารถนำไปใช้ได้จริง ก็จะสามารถเพิ่มปริมาณวัสดุรีไซเคิลที่ใช้ได้อย่างมาก
สำหรับธุรกิจเครื่องพิมพ์ Canon มีเป้าหมายที่จะเพิ่มความยั่งยืนของทรัพยากรด้วยการนำวัสดุรีไซเคิลและชิ้นส่วนที่นำกลับมาใช้ใหม่ ตามแผนจะเพิ่มอัตราการหมุนเวียนทรัพยากรเป็น 50% ภายในปี 2030 เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 16% ในปี 2022 สำหรับพลาสติก PET รีไซเคิลใหม่นี้ได้เปิดตัวในงาน Canon EXPO ซึ่งจัดขึ้นในญี่ปุ่นช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ขอบคุณข้อมูลจาก mreport.co.th
เช็กอินมุมชิค สามย่านมิตรทาวน์ #ให้มันเป็นสีชมพู รับเทศกาลแห่งความสุข
ใครกำลังมองหาพิกัดเช็กอินมุมชิคในช่วงเวลานี้..ช่วงเวลาของเทศกาลแห่งความสุขและความรื่นเริง ไปที่นี่เลย สามย่านมิตรทาวน์ ที่อะไรอะไรก็ ให้มันเป็นสีชมพู!
สามย่านมิตรทาวน์ จัดแคมเปญ SAMYAN MITRTOWN : Celebrate Life New Year 2024 ชวนชาวมิตรเอ็นจอยไปกับเฉดสีที่สะท้อนความสร้างสรรค์ ลบคำจำกัดความที่มีแต่ความหวาน ให้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น พร้อมรับความสดใสในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ไปพร้อมกัน โดยหยิบเทรนด์สี ประจำปี 2024 อีกหนึ่งสี คือ Rasberry Rose เฉดสีชมพูเข้ม Pantone 18-2333 TCX ซึ่งนอกจากจะดูจัดจ้านให้ฉ่ำใจแล้วสีชมพูก็ยังเป็นค่ากลางของความไร้เพศ สีของความแข็งแรง ตัวแทนของความกล้าหาญ กล้าจะแสดงออกอย่างโดดเด่น กล้าจะไม่หลบซ่อน
พื้นที่สีชมพูที่น่าเช็กอินที่นี่ ชวนให้ฟูลฟิลกับต้นคริสต์มาส Make A Wish Tree และ Wish list Playground ฉ่ำแลนด์ เติมเต็มพลังบวกรับปีใหม่เช่นเดียวกับเฉดสีตามคอนเซปต์
ใครสนใจไปเติมพลังรับเทศกาลแห่งความสุข ถ่ายรูปมุมชิคไว้อัพโพรไฟล์กันได้ที่สามย่านมิตรทาวน์ ตั้งแต่วันนี้ – 5 ม.ค. 2567 สามารถร่วมกิจกรรมสุดจอย ตลอดแคมเปญได้ด้วยนะ
ซ้อมหามุมถ่ายภาพสุดเก๋ สุดเท่ สุดชิค ได้ตามภาพจากสามย่านมิตรทาวน์นี้เลย!
การเดินทางไปสามย่านมิตรทาวน์
รถไฟฟ้า BTS
สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีสยาม ทางออก 2 ด้านหน้า Center Point of Siam Square แล้วรอต่อรถ Shuttle Van มาที่สามย่านมิตรทาวน์ ได้เลยไม่มีค่าใช้จ่าย ให้บริการทุกวัน
- จันทร์-ศุกร์ 07.00-22.00 น.
- เสาร์และอาทิตย์ 10.00-22.00 น.
รถไฟใต้ดิน MRT
สามารถนั่ง MRT ลงสถานีสามย่าน ทางออก 2 เดินทางเชื่อมอุโมงค์เข้าศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ได้เลย
รถเมล์
สำหรับสายชิลล์ สะดวกนั่งรถเมล์ มีหลายสายที่ผ่านสามย่านมิตรทาวน์ ได้แก่
- สาย 4
- สาย 21
- สาย 25
- สาย 29
- สาย 34
- สาย 36
- สาย 40
- สาย 45
- สาย 47
- สาย 50
- สาย 67
- สาย 93
- สาย 109
- สาย 172
- สาย 177
- สาย 187
- สาย 501
- สาย 529
รถส่วนตัว
เปิด GPS ตามพิกัดนี้เลย https://maps.app.goo.gl/oex3UMvPYVSn1sCk9
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13/12/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,400.00 | 33,500.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,164.00 | 32,806.24 | 34,000.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,947.60 | 29,525.62 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,731.20 | 26,244.99 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 974.00 | 14,765.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 757.00 | 11,476.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,242.00 | 33,988.72 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 13/12/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.75 | 34.75 | 35.25 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.98 | 32.98 | 33.48 | 32.98 | 32.98 | 32.98 | 32.98 | 32.98 | 32.98 | 32.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.64 | 32.64 | 33.14 | 32.64 | 32.64 | – | 32.64 | 32.64 | 32.64 | 32.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.79 | 32.79 | – | – | – | – | – | – | – | 32.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 42.54 | 46.44 | 49.94 | 46.44 | – | – | – | – | – | 42.54 |
เบนซิน 95 | 42.64 | – | – | – | 43.81 | – | 43.14 | 42.79 | – | 42.64 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.24 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 45.94 | 43.64 | 42.94 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |