สาระน่ารู้ประจำวันที่ 13 พฤษภาคม 2567

อยากมีบ้านเช็กเลย ผ่อนบ้านล้านละ 2,500 บาท/เดือน ดอกปีแรก 1.90% ผ่อนยาว 40 ปี

เอาใจคนอยากมีบ้าน “ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)” จัดทำสินเชื่อ Mild Home ปี 2567 กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับที่อยู่อาศัยในระดับราคามากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยปีแรกเพียง 1.90% ต่อปี ผ่อนยาวสูงสุด 40 ปี ผ่อนปีแรกเพียงล้านละ 2,500 บาทต่อเดือนเท่านั้น

“ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ” (ธอส.) เอาใจคนอยากมีบ้าน จัดทำสินเชื่อ “Mild Home ปี 2567” กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับที่อยู่อาศัยในระดับราคามากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยปีแรกเพียง 1.90% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรก 2.90% ต่อปีผ่อนยาวสูงสุด 40 ปี ผ่อนปีแรกเพียงล้านละ 2,500 บาทต่อเดือนเท่านั้น

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า หลังจาก ธอส. จัดทำโครงการ สินเชื่อบ้าน Happy Home สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ผลปรากฏว่า มีผู้ที่สนใจรับรหัสเข้าร่วมโครงการแล้ว 8,321 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อมากกว่า 15,000 ล้านบาท สะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้าประชาชนที่ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก 

แต่ด้วยปัจจุบันยังมีกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคามากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป ดังนั้น ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” จึงพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการส่งเสริมให้คนไทยทุกกลุ่มได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง 

เงื่อนไข “สินเชื่อ Mild Home” กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท 

  • สำหรับผู้ที่ต้องการกู้เพื่อซื้อบ้านหรือคอนโด
  • ที่ดินเปล่าที่เป็นทรัพย์ NPA ของ ธอส.
  • ปลูกสร้าง ต่อเติม และซ่อมแซม 
  • วงเงินกู้มากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยปีแรกเพียง 1.90% ต่อปี
  • ปีที่ 2 เท่ากับ 2.90% ต่อปี
  • ปีที่ 3 เท่ากับ 3.90% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรก เพียง 2.90% และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา 
  • กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และกรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันเท่ากับ 6.795% ต่อปี) 
  • ระยะเวลาการกู้นานสูงสุด 40 ปี เงินงวดปีแรกเพียงล้านละ 2,500 บาทต่อเดือน

“หลังจากที่ ธอส. จัดทำโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการมีบ้านในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทแล้ว ในปัจจุบันความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคามากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป ยังคงมีอยู่สูง ธอส. จึงออกผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำมารองรับลูกค้ากลุ่มดังกล่าว เพื่อให้ความช่วยเหลือครอบคลุมลูกค้าและประชาชนทุกกลุ่มให้มากที่สุด” นายกมลภพ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันนี้ และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ณ สาขาธนาคารทั่วประเทศ 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ ghbank

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


อสังหาฯภูเก็ต พัทยา หัวหินมาแรงแซงกทม.Q1/67เงินสะพัดกว่า 5.6 หมื่นล้าน

  • ภาพรวมของตลาดอสังหาฯไตรมาสแรกปี67 กรุงเทพฯค่อนข้างซบเซา เปิดตัวคอนโดใหม่เพียง2,300ยูนิต ขณะที่ภูเก็ต เปิดตัว 3,300ยูนิตและพัทยาเปิดสูงถึง 4,600ยูนิต
  • เม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่หลั่งไหลไป3เมืองท่องเที่ยวหลักภูเก็ต พัทยา หัวหินเพื่อรองรับกำลังซื้อต่างชาติและแรงงานในพื้นที่
  • ส่งผลให้เม็ดเงินสะพัดกว่า 5.6 หมื่นล้านสูงกว่ากทม.เป็นครั้งแรกในรอบ15ปี 

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลอสังหาฯไตรมาสแรกปี2567 พบว่าตลาดอสังหาฯในกรุงเทพฯค่อนข้างซบเซา เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่ของกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯหลั่งไหลไปยัง3เมืองท่องเที่ยวหลักอย่างภูเก็ต พัทยา หัวหิน โดยมีเงินสะพัดกว่า 5.6 หมื่นล้านสูงกว่าตลาดอสังหาฯกทม.เป็นครั้งแรกในรอบ15ปี สังเกตได้จากตัวเลขซัพลายใหม่ของคอนโดในกรุงเทพฯมีจำนวนน้อยกว่าภูเก็ต พัทยา

“โครงการเปิดขายใหม่ของตลาดคอนโดเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตและพัทยารวมสูงกว่ากรุงเทพทั้งจำนวนยูนิตขายและมูลค่า เพราะหลายโครงการปิดการขายได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยว”

จากข้อมูลไตรมาส1/67 ภูเก็ตมีคอนโดเปิดขายใหม่ 12 โครงการ จำนวน 3,338 หน่วย มูลค่าว่า 2.5 หมื่นล้านบาทซึ่งมาจากดีเวลลอปเปอร์จาก กรุงเทพฯร่วมกับดีเวลลอปเปอร์ในพื้นที่  อาทิ  แสนสิริ, แอสเซทไวส์, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, ฮาบิแทท กรุ๊ป และ GG Captial ที่พัฒนาโครงการเดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต บางเทา มูลค่า 5 พันล้านบาท

“หากเทียบกับปีก่อน จะมีคอนโดเปิดขายเฉลี่ยปีละ2,000-3,000 ยูนิต แต่เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นบวกกับการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน เป็นแรงผลักดันสำคัญให้ตลาดคอนโดในภูเก็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคาดว่าในปี67 จะมีโครงการใหม่กว่า 8,500 ยูนิต”

สำหรับโครงการคอนโดในภูเก็ตมีอยู่ประมาณ 87 โครงการจำนวน25,591 ยูนิตขายแล้ว 16,905 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 66% และรอการขาย8,686 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 33.9%

ส่วนอสังหาฯพัทยาในไตรมาส1/67 คอนโดเริ่มฟื้นตัว มีโครงการเปิดขายใหม่ 3 โครงการจำนวน  4,493 ยูนิต มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท หากนับตั้งแต่ครึ่งแรกปี 2554 – จนถึงไตรมาส1/67จะพบคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่พัทยาทั้งหมด 112,671 ยูนิต อยู่ในทำเลจอมเทียน 44,692 ยูนิต คิดเป็น 39.66% ตามมาด้วยเขาพระตำหนัก 21,214 ยูนิต คิดเป็น 18.82% และใจกลางเมืองพัทยาจำนวน 21,077 ยูนิต คิดเป็น 18.70%  

“คาดว่า3 ไตรมาสที่เหลือในปี67 จะมีคอนโดใหม่เข้าสู่ตลาดอีกกว่า 3,000 ยูนิต ส่งผลให้โครงการเปิดขายใหม่ในปีนี้อาจสูงกว่า 7,000 ยูนิต ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาจากกลุ่มดีเวลลอปเปอร์ ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น ออริจิ้น แสนสริ แอสเซท ไวส์ “

สำหรับเมืองท่องเที่ยวอย่างหัวหิน ชะอำ และปราณบุรี ตลาดคอนโดมิเนียมในใจกลางเมืองหัวหินได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าและผู้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสแรกของปี มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ 2 โครงการ 671 ยูนิต ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 12 ไตรมาส มูลค่าการลงทุน6 พันล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้13พ.ค. “อ่อนค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 36.79 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังคงมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่า ระวังความผันผวนของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หากตลาดการเงิน “ปิดรับความเสี่ยง” จับตาทิศทางราคาทองคำ เงินเยนและเงินหยวน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้13พ.ค. 2567 ที่ระดับ  36.79 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  36.73 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า  นับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในกรอบ 36.70-36.82 บาทต่อดอลลาร์) ตามการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับทองคำ โดยเงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงทดสอบโซย 36.80 บาทต่อดอลลาร์ จากการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์

หลังคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะยาว ในรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ปรับตัวขึ้นและสูงกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดลดความคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้ง ของเฟดในปีนี้ลงบ้าง

ทั้งนี้ โดยรวมเงินบาทยังคงแกว่งตัว sideways ใกล้โซน 36.70-36.80 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ที่จะสะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อ อย่าง ดัชนีราคาผู้ผลิต PPI และอัตราเงินเฟ้อ CPI

สัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ทำให้เงินดอลลาร์โดยรวมแกว่งตัว sideways ในกรอบ

สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ทั้งดัชนีราคาผู้ผลิต PPI และอัตราเงินเฟ้อ CPI พร้อมรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด Jerome Powell

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

 ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่จะช่วยสะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ทั้ง ดัชนีราคาผู้ผลิต PPI และอัตราเงินเฟ้อ CPI ซึ่งหากข้อมูลดังกล่าวออกมาสูงกว่าคาด โดยเฉพาะในส่วนของโมเมนตัมรายเดือน (%m/m) ก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดมากขึ้น

และกลับมาประเมินว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ราว 1 ครั้ง หรือ อาจไม่ลดดอกเบี้ยเลยในปีนี้ (เรายังคงมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสชะลอตัวลงมากขึ้น ทำให้เฟดอาจลดดอกเบี้ยราว 3-4 ครั้ง ได้) ซึ่งในกรณีดังกล่าว ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ ตามการปรับลดความคาดหวังต่อการทยอยลดดอกเบี้ยของเฟด

 นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด Jerome Powell หลังล่าสุด ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้ชะลอตัวลงมากขึ้น ทว่าข้อมูลด้านเงินเฟ้อ ก็อาจยังไม่ได้ชะลอตัวลงชัดเจน อย่างที่เฟดต้องการ ซึ่งจากการประเมินถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงที่ผ่านมา

เรามองว่า สัปดาห์นี้ โทนการสื่อสารโดยรวม อาจยังคงสงวนท่าทีต่อการสนับสนุนการลดดอกเบี้ย และเสี่ยงที่จะเห็นบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ยหรือบางส่วนอาจสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ หากรายงานข้อมูลเกี่ยวกับเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด

ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เพื่อประเมินโอกาสที่ BOE อาจเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยนโยบายได้ในการประชุมเดือนมิถุนายน ส่วนทางฝั่งยูโรโซน ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงาน GDP ยูโรโซน ในไตรมาสแรกของปีนี้

รวมถึง ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) พร้อมกับรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าของ ECB ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า ECB จะเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน

ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ยอดค้าปลีกและยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ตลาดจะรอจับตารายงาน GDP ไตรมาสแรกของปีนี้ เพื่อประเมินโอกาสที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปีนี้

ในส่วนนโยบายการเงิน ตลาดคาดว่า ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบัน 6.50% โดยทาง BSP อาจรอเฟดเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยได้จริง หรือมีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ เพื่อลดความเสี่ยงและแรงกดดันต่อค่าเงิน ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ก็ชะลอลงต่อเนื่องเข้าสู่กรอบเป้าของ BSP

▪ฝั่งไทย – เราประเมินว่า โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติราว 5.7 พันล้านบาทในสัปดาห์นี้ อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง ทั้งนี้ ยอดจ่ายเงินปันผล ถือว่า ลดลงพอสมควรจากช่วงก่อนหน้าที่มีการจ่ายเกิน 1 หมื่นล้านบาทในแต่ละสัปดาห์ และหากนักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย ก็พอจะช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท จากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลได้

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทเสี่ยงผันผวนสูงไปตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทั้งนี้ เงินบาทยังคงมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าจาก โฟลว์จ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ

รวมถึงแรงซื้อเงินดอลลาร์ในจังหวะเงินบาทแข็งค่าขึ้น และต้องระวังความผันผวนของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หากบรรยากาศในตลาดการเงินกลับมา “ปิดรับความเสี่ยง” และนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ เงินเยนญี่ปุ่นและเงินหยวนจีน ที่อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางเงินบาทได้ในช่วงนี้

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจเลือกทิศทางในระยะสั้น ตามรายงานข้อมูลสัญญาณเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยหากทั้งดัชนี PPI และอัตราเงินเฟ้อ CPI ออกมา “สูงกว่าคาด” ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หนุนให้ทั้ง เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.40-37.15 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.90 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.77-36.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 36.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวกลับมาบางส่วน หลังจากตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ 1 ปี และ 5 ปีข้างหน้าในมุมมองของผู้บริโภคสหรัฐฯ (รายงานโดย University of Michigan) ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดย1-year Inflation expectations เพิ่มขึ้นไปที่ 3.5% ในเดือนพ.ค. เทียบกับ 3.2% ในเดือนเม.ย.

ขณะที่ 5-year Inflation expectations เพิ่มขึ้นไปที่ 3.1% ในเดือนพ.ค. เทียบกับ 3.0% ในเดือนเม.ย. ทั้งนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อคาดการณ์ดังกล่าว ทำให้มีแรงประคองเงินดอลลาร์ฯ กลับมาเพื่อรอตัวเลข CPI และ PPI ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.65-36.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์เงินเยนและราคาทองคำในตลาดโลก ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด  และตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อเดือนเม.ย. ในมุมมองผู้บริโภคสหรัฐฯ ซึ่งรายงานโดยเฟดสาขานิวยอร์ก

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ยากแต่สู้! วอลเลย์บอลหญิงไทย บินลัดฟ้าสู่บราซิลลุยเนชั่นส์ ลีก 2024 สนามแรก

ทัพวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ได้เดินทางสู่นครริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิลแล้ว เพื่อลงแข่งขันในศึกวอลเลย์บอลหญิงเนชั่นส์ ลีก 2024 สนามแรก ด้าน “โค้ชยะ” เผยตั้งเป้าไปเล่นโอลิมปิกเกมส์ที่ปารีสให้ได้แม้ว่าโอกาสจะน้อยมาก พร้อมหวังทำผลงานในรายการนี้ให้ดีที่สุด

เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 11 พ.ค.67 ที่ผ่านมา ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ   ด้วยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ เที่ยวบิน EK 385 สู่เมืองริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงเนชั่นส์ ลีก 2024 สัปดาห์แรก โดยมีนายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยฯ ได้เดินทางไปส่งและให้กำลังใจนักกีฬาก่อนเดินทาง

ขณะที่ “โค้ชยะ” ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค ได้กล่าวก่อนออกเดินทางไปยังบราซิลว่า “การเตรียมทีมในครั้งนี้พร้อมแล้วสำหรับการแข่งขันเนชั่นส์ ลีกในสนามแรก ที่ผ่านมาได้รวมทีมซ้อมกันมาสักพักใหญ่แล้ว เป้าหมายแน่นอนก็คือการไปเล่นโอลิมปิกเกมส์ที่ปารีสให้ได้แม้ว่าโอกาสจะน้อยมาก ก็ยังมีลุ้นในการทำผลงานในรายการนี้ให้ดีที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจังหวะแล้วก็ทีมอื่นๆด้วยว่าผลการแข่งขันนั้นออกมาอย่างไรฉะนั้น เราต้องรีดศักยภาพผู้เล่นออกมา และจะสู้ให้ถึงที่สุด”

โค้ชยะ กล่าวต่ออกีว่า ในปีนี้มีการเปลี่ยนค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะตำแหน่งเฮดโค้ช ซึ่งตนเข้ามารัยทำหน้าที่แทนโค้ชด่วน ดนัย ส่วนกัปตันทีมก็เป็นครั้งแรกของ แนน ทัดดาวด้วย ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดีอาจจะมีอะไรๆใหม่เข้ามาเพื่อทำให้อะไรมันดีขึ้นก็ได้ ส่วนการเตรียมทีมเมื่อไปถึงบราซิลนั้นจะดูห้วงเวลาเป็นสำคัญ เราได้คุยกับทีมวิทยาศาสตร์การกีฬาแล้วว่า เราจะต้องทำอย่างไร ปรับตัวอย่างไรบ้างเพื่อให้ร่างกายนักกีฬามีความสมบูรณ์มากที่สุด

ด้าน “แนน” ทัดดาว นึกแจ้ง กัปตันทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ได้กล่าวว่า “สภาพทีมตอนนี้เกินร้อยเปอร์เซนต์ ทุกๆคนในทีมรวมถึงตัวแนนเองก็มีเป้าหมายเดียวกันก็คือ การได้ไปเล่นโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปารีสให้ได้ แต่เราก็จะลงไปเล่นและพยายามกระตุ้นน้องๆในทีมว่า เล่นอย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ทุกคนต่างคาดหวังรายการนี้มากเพราะมันเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว กับการคัดเลือกไปโอลิมปิก”

ส่วน “ยูฟ่า” ดลพร สินโพธิ์ ดาวรุ่งสาวไทย เปิดใจว่า “รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรก การแข่งขันครั้งนี้เราเตรียมตัวได้มาอย่างดีมาก การแข่งขันในแมตช์ที่แรกที่จะพบกับสหรัฐอเมริกานั้น เราต้องเล่นให้ละเอียดที่สุด ซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วสหรัฐฯเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก ฉะนั้นเราต้องเล่นให้มีข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด ส่วนพี่ๆในทีมก็คอยซัพพอร์ตเราตลอดเวลาในช่วงที่ซ้อมกันก็พี่ๆคอยบอกว่าให้กำลังใจกัน ไม่ต้องไปเครียดกับปัจจัยภายนอก โฟกัสผลงานในสนามเราอย่างเดียว”

สำหรับนักวอลเลย์สาวไทยทั้ง 14 คนในทีมชุดนี้ประกอบไปด้วย “แนน” ทัดดาว นึกแจ้ง (กัปตันทีม) , “แป้น” ปิยะนุช แป้นน้อย  , “เอ” สุพัตรา ไพโรจน์ , “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์  , “นุกนิก” ณัฐณิชา ใจแสน , “เตย” หัตถยา บำรุงสุข , “เดียร์” จรัสพร บรรดาศักดิ์ ,  “บีม” พิมพิชยา ก๊กรัมย์ , “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี ,”โมเม” ธนัชชา สุขสด , “มดด๋อย” วิภาวี ศรีทอง ,  “ออมสิน”ศศิภาพร จันทวิสูตร , “ไก่” วิมลรัตน์ ทะนะพันธุ์ และ “ยูฟ่า”ดลพร สินโพธิ์  โดยมี “โค้ชยะ” ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค เป็นเฮดโค้ชในทีมชุดนี้ รวมไปถึง “กิ๊ฟ”  วิลาวัณย์ อภิญญาพงษ์ และ  วรรณา บัวแก้ว เป็นทีมงานผู้ฝึกสอน

โปรแกรมการแข่งขันวอลเลย์บอลเนชั่นส์ ลีก 2024 สัปดาห์ที่ 1 เมืองริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล แมตช์แรก สหรัฐอเมริกา พบ ไทย วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม 2567 (คืนวันพุธ)  เวลา 03.30 น. , แมตช์ที่สอง  เซอร์เบีย พบ ไทย วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม 2567 (คืนวันศุกร์) เวลา 00.00 น.  , แมตช์ที่สาม ไทย พบ แคนาดา เช้าวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2567 เวลา 07.00 น.  และแมตช์สุดท้าย ไทย พบ เกาหลีใต้ คืนวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2567 (คืนวันอาทิตย์) เวลา 03.30 น. ทุกแมตช์ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


แพทย์เตือน! อาการปวดหัวที่ต้องระวัง อันตรายมาก

นพ.วีรพันธ์ สุวรรณนามัย หรือ หมอวี เเพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคสมองและระบบประสาท เตือนถึงอาการปวดหัวที่ต้องระวัง อันตรายมาก แนะนให้สังเกตอาการของตนเอง

หมอวีโพสคลิปเตือนถึงอาการปวดหัวที่ต้องระวัง ผ่านเฟสบุกส่วนตัว Veerapun Suvannamai  โดยเล่าว่า “เมื่อวานนี้สดๆ ร้อนๆ เจอคนไข้ผู้ชายอายุประมาณ 50 กว่า พูดคุยได้ดี ปกติทุกอย่าง ลูกและภรรยาพามาบอกว่า อาทิตย์ที่แล้วปวดหัวตอนที่กำลังฟันต้นไม้ ปวดแบบอยู่อยู่ก็ปวดขึ้นมาปั๊บ เพราะว่าแดดร้อนและออกแรง ผมนึกถึงโรคโรคหนึ่งทันทีในใจเลย แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

“ใครมีอาการแบบนี้ต้องระวังไว้ คือ อาการปวดหัวนี้จะปวดขึ้นมาทันทีทันใด ปวดมาก บางคนบอกว่าปวดมากที่สุดในชีวิต แล้วก็จะมีการอาเจียนพุ่ง และทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้นปวดอยู่ตลอด”

“เมื่อมาตรวจ ท่าที่ผมให้ทำคือ ลองก้มคอสิครับ ปรากฏว่า เค้าก้มไม่ได้คอแข็ง พวกนี้ เรียกว่า มีเลือดไปฉาบอยู่ที่เหยื่อหุ้มสมองทำให้เกิดคอแข็งได้ จึงสงสัยว่าจะมี เส้นเลือดโป่งพองและแตก ผมลองส่งไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปรากฏว่ามีเลือดออกมาจริง ในกรณีแบบนี้ต้องทำการฉีดสีเพื่อดูเส้นเลือดว่ามีเส้นเลือดที่โป่งพองหรือไม่ ถ้ามีเส้นเลือดที่โป่งพองเราจะไม่สามารถทิ้งเส้นเลือดนั้นไว้ได้ เพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเราทิ้งไว้เส้นเลือดเส้นนั้นจะแตกซ้ำอีก  ที่พองก็จะแตก”

“สิ่งที่จะเตือนก็คือ อาการปวดหัว ปวดแบบแปลกไปจากเดิม คนที่เคยปวดหัวอยู่แล้วยังไม่ต้องไปตื่นเต้นตกใจนะ แต่ถ้าปวดหัวที่แปลกไปจากเก่า จู่จู่ปวดหัวรุนแรง ปวดหัวทันทีทันใด  ปวดหัวรุนแรงปวดหัวทันทีทันใดแล้วก็ไม่ค่อยหาย และมีอาการคอแข็งก้มไม่ได้ ให้ระวังเลือดออกใต้ชั้นเยื่อหุ้มสมอง เรียกว่า subarachnoid พวกนี้เกิดจากเส้นเลือดโป่งพองแล้วแตกนะครับ ก็ฝากเตือนเตือนกันด้วยนะครับ”

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Phrasal Verbs Give เรียนรู้กริยาวลีภาษาอังกฤษ น่ารู้!

กริยาวลี Phrasal Verbs “Give”
เรียนภาษาอังกฤษ Phrasal Verbs Give ที่ควรรู้ มีอะไรบ้าง? พร้อมตัวอย่างประโยค

Phrasal Verbs “Give”

“Give” เป็น Verb มีความหมายว่า “ให้” แล้วถ้าหาก give อยู่ใน Phrasal verb จะมีความหมายอย่างไรบ้าง? คำศัพท์มีหลายคำที่น่าสนใจ มาเรียนรู้ความหมายและตัวอย่าง Phrasal verbs Give กันเลยดีกว่า

Phrasal Verbs Give

Give away แปลว่า หักหลัง, เผยความลับ

  • Trust me! I didn’t give anything away about my company.
    เชื่อฉันเถอะ ฉันไม่เผยความลับอะไรก็ตามเกี่ยวกับบริษัทของฉันหรอก

Give back แปลว่า ให้คืน, ส่งคืน

  • Give me back my money!!
    คืนเงินฉันมาได้แล้วนะ!!
  • Give me back my book!
    เอาหนังสือของฉันคืนมา!

Give in แปลว่า ยินยอม, ส่งไปให้

  • My mom finally give in and let me go to the pool party with friends.
    สุดท้ายแล้วแม่ของฉันก็ยอมให้ฉันไปปาร์ตี้สระว่ายน้ำกับเพื่อน
  • I finally gave in and let him stay up to watch TV.
    ในที่สุดฉันก็ยอมปล่อยให้เขานอนดูทีวีต่อไป

Give forth แปลว่า ปล่อย (กลิ่น, เสียงหรืออื่นๆ) ออกไป

  • The chimney gave forth a cloud of grey smoke.
    ปล่องไฟได้ปล่อยควันสีเทาออกมา
  • The fields give forth an odor of spring.
    ทุ่งนามีกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิ

Give off แปลว่า ส่งกลิ่น, ปล่อย

  • The fence has given off a smell of paint for a week.
    รั้วส่งกลิ่นเหม็นจากการทาสีมาเป็นอาทิตย์แล้ว
  • Many household products give off noxious fumes.
    ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนหลายชนิดปล่อยควันพิษออกมา

Give out แปลว่า หมด, แจกจ่าย

  • Someone is giving a sample product out in front of school.
    มีคนกำลังแจกสินค้าตัวอย่างอยู่ที่หน้าโรงเรียน
  • I want to buy some water because it gave out.
    ฉันต้องการซื้อน้ำเพราะมันหมดแล้ว

Give over แปลว่า หยุดทำสิ่งไม่ดีหรือน่ารำคาญ

  • My sons were making a lot of noise so I told them to give over!.
    ลูกชายของฉันส่งเสียงดังมาก ดังนั้นฉันเลยบอกพวกเขาให้หยุดทำ!
  • I wish you lot would just give over!
    ฉันหวังว่าคุณจะยอมแพ้!

Give up แปลว่า ยอมแพ้, ล้มเลิก

  • My father has given up drinking alcohol a year ago.
    พ่อฉันเลิกดื่มแอลกอฮอล์มาได้เป็นปีแล้ว
  • They gave him up to the police.
    พวกเขามอบตัวกับตำรวจ

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


วิธีตั้งให้ Low Power ทำงานอัตโนมัติ ไม่ต้องคอยกดบ่อยๆ เวลาแบตฯ อ่อน

โดยปกติแล้วถ้าคุณอยากใช้งาน iPhone ให้รอดระหว่างวันนอกจากวิธีจัดการ Apps ต่างๆ แล้ว การใช้ Low Power เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ช่วยคุณได้ เพียงแต่ว่า โหมดนี้ไม่สามารถเปิดเองได้ แต่วันนี้ Sanook Hitech จะมาบอกวิธีตั้งให้ให้โหมดนี้ทำงานเองพร้อมแล้วมาดูกัน

วิธีตั้งค่าให้โหมด Low Power ทำงานอัตโนมัติ

  • เข้าไปที่ Shortcut (คำสั่งลัด) แล้วเลือก Automation (การทำงานอัตโนมัติ)
  • เลือกไปที่ Battery Level (ระดับแบตเตอรี่)
  • กำหนดปริมาณไฟที่ต้องการ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะเอา เท่ากับ, มากกว่า หรือ น้อยกว่า แล้วเลือกได้ว่าจะทำงานทันที หรือให้กดยืนยันก่อน เช่นกรณีนี้เราเลือกที่ 40% แล้วให้มีผลการทำงานทันที เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วให้กด Next หรือ ถัดไป
  • เมื่อเข้าหน้า Get Started หรือ เริ่มต้นกัน ให้คุณค้นคำว่า Low Power หรือโหมดประหยัดพลังงาน
  • และกดเสร็จสิ้น

เท่านี้ระบบ Low Power หรือ โหมดประหยัดพลังงานก็จะสามารถทำงานได้ทันทีแล้วครับ เห็นแบบนี้ดูล้ำมากอย่าลืมมาตั้งค่าให้ตัวเครื่องทำงานกันครับ

ส่วนฝั่ง Android ไม่ต้องอิจฉา เพราะเครื่องของคุณเมื่อแบตเตอรี่ต่ำกว่า 20% โหมดประหยัดพลังงานจะทำงานอัตโนมัติให้คุณได้กดแล้วครับ

ครั้งหน้า Sanook Hitech จะมี Tips และเทคนิคอะไรมาบอกเล่ากันต่ออย่าลืมกลับมาติดตามกันนครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


5 ผักใบเขียวตัวท็อป ช่วยให้พุงยุบ ยิ่งกินยิ่งชะลอวัย

การเลือกสรรอาหารที่เหมาะสมนั้น ส่งผลดีต่อทั้งรูปร่างและผิวพรรณ แม้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าจะชะลอวัยอย่างไร แต่ผลวิจัยปัจจุบันชี้ว่า อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและกรดไขมันจำเป็น มีส่วนช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น ผักใบเขียว จัดแน่นไปด้วยใยอาหาร วิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และกรดไขมันจำเป็น ถือเป็นตัวเลือกชั้นยอดสำหรับมื้ออาหารประจำวัน เพราะนอกจากจะช่วยลดไขมันหน้าท้องแล้วยังช่วยให้คุณมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง แลดริ้วรอยก่อนวัยอีกด้วย

ผักใบเขียวยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 จากพืช ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการต่อสู้กับการแก่ก่อนและการสะสมไขมันหน้าท้อง “กรดไขมันจำเป็น มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ช่วยบำรุงหัวใจ ข้อต่อ ระบบย่อยอาหาร พร้อมทั้งเสริมสร้างให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูมีสุขภาพดี” คุณทริสทา เบสท์ นักกำหนดอาหารแนะนำ “โดยเฉพาะผักใบเขียวเข้ม จะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ควบคู่ไปกับสารพฤกษเคมี ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย” และนี่คือ 5 ผักใบเขียวช่วยลดไขมัน และชะลอวัย

5 ผักใบเขียวช่วยลดไขมัน และชะลอวัย

1. ผักโขม ราชินีแห่งผักใบเขียว ขึ้นชื่อในเรื่องสรรพคุณเพื่อสุขภาพมากมาย ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อรูปร่าง ด้วยสรรพคุณในการช่วยลดไขมันหน้าท้องเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่งอีกด้วย

เจสซี ฟีเดอร์ นักโภชนศาสตร์แนะนำว่า “ผักโขม ไม่เพียงแต่ช่วยลดไขมันหน้าท้องเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวพรรณดูสุขภาพดีและอ่อนเยาว์อีกด้วย เพราะผักใบเขียวชนิดนี้มีใยอาหารสูง ในขณะที่แคลอรี่ต่ำ ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ นอกจากนี้ ผักโขมยังมีวิตามินเอ ซี และเค ซึ่งล้วนส่งผลต่อการมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์”

2.เคล ต้องการผักใบเขียวที่การันตีความอิ่ม แถมยังช่วยชะลอวัยด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เคลคือคำตอบ ผักมหัศจรรย์ชนิดนี้ไม่เพียงช่วยให้อิ่มนาน ป้องกันการหิวจนท้องป่อง แต่ยังส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของคุณได้อย่างยอดเยี่ยม

“ผักเคลอุดมไปด้วยวิตามินซีและธาตุเหล็ก คล้ายๆ กับผักโขมเลยค่ะ” มาช่า เดวิส นักโภชนศาสตร์ กล่าว “นอกจากนี้ เคลยังมีวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในผลิตภัณฑ์ชะลอวัยหลายชนิด มีส่วนช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ดี การได้รับวิตามินเออย่างเพียงพออาจช่วยลดริ้วรอยและรอยด่างต่างๆ ตามวัย”

กากใยอาหารในเคลช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มอยู่ได้นาน ดังนั้นการรับประทานเคลอย่างเพียงพอตลอดวัน อาจช่วยลดความอยากอาหารจุกจิก ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนัก แถมยังเร่งให้คุณแก่เร็วอีกด้วย

3.วอเตอร์เครส ก็อัดแน่นไปด้วยสารอาหารชั้นยอด ผักกาดใบเล็กชนิดนี้มีแคลอรี่ต่ำ ช่วยให้อิ่มท้องได้โดยไม่เพิ่มไขมันรอบพุง

“วอเตอร์เครสเป็นผักใบเขียวที่หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นเคย แต่กลับอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี ซี และเค ทั้งลำต้นและใบ ล้วนรับประทานได้และมีประโยชน์ต่อการชะลอวัย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ชี้ว่าวอเตอร์เครสอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายของ DNA และโรคมะเร็ง” คุณมาช่า เดวิส นักโภชนศาสตร์กล่าว

ถ้าคุณกำลังมองหาผักใบเขียวที่ช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัยและคงความอ่อนเยาว์ อย่าลืมเพิ่มวอเตอร์เครสลงในสลัดของคุณด้วย

4.ผักสวิสชาร์ด ผักใบเขียวหลายชนิดขึ้นชื่อในเรื่องช่วยลดน้ำหนัก โดยเฉพาะสัดส่วนรอบเอว ด้วยปริมาณกากใยอาหารสูงที่ช่วยให้อิ่มท้อง แต่ผักสวิสชาร์ดมีทีเด็ดที่ทำให้แตกต่าง

“ผักผักสวิสชาร์ดอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย” คุณมาช่า เดวิส นักโภชนศาสตร์ กล่าว “ร่างกายจะเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนเป็นวิตามินเอ ช่วยกระบวนการสร้างและซ่อมแซมผิวพรรณ”

การรับประทานผักชนิดนี้เพิ่มเติมย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อคุณมีอายุมากขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่ติดอันดับผัก 5 ชนิดที่ควรรับประทานหลังอายุ 50 ปี ผักชนิดนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ขาดไม่ได้สำหรับการดูแลสุขภาพของคุณในทุกช่วงวัย

5.ผักร็อกเก็ต เมื่อต้องการรังสรรค์สลัดแสนง่าย ช่วยคงความอ่อนเยาว์สดใส แถมกระชับสัดส่วนรอบเอว อย่ามองข้ามร็อกเก็ตเด็ดขาด

“ร็อกเก็ตมีสารอาหารสำคัญอย่าง โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม” คุณมาช่า เดวิส นักโภชนศาสตร์ กล่าว “นอกจากนี้ ยังมีวิตามินซี เอ และโฟเลตสูง แหล่งรวมสารต้านอนุมูลอิสระและแคโรทีนชั้นยอด อีกทั้งยังมีกลูโคซิโนเลต สารประกอบตามธรรมชาติที่ทำให้ร็อกเก็ตมีรสขม ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้อีกด้วย”

ครั้งต่อไป เวลาลังเลว่าจะใส่ร็อกเก็ตลงในอาหารดีไหม ลองนึกถึงคำแนะนำของนักโภชนศาสตร์ท่านนี้ ทานร็อกเก็ตสักหน่อยเพื่อให้คุณดูเพรียวบางและอ่อนเยาว์ขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13/05/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,950.0041,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,653.0040,219.4841,550.00
ทองรูปพรรณ 90%2,387.7036,197.53n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,122.4032,175.58n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,194.0018,101.04n/a
ทองรูปพรรณ 40%929.0014,083.64n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,749.0041,674.84n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 13/05/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9538.9538.9539.9538.9538.9538.9538.9538.9538.9538.95
แก๊สโซฮอล์ 9138.3838.3839.3838.3838.3838.3838.3838.3838.3838.38
แก๊สโซฮอล์ E2036.8436.8437.8436.8436.8436.8436.8436.8436.84
แก๊สโซฮอล์ E8536.5936.5936.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม47.1449.8449.9449.8447.14
เบนซิน 9546.8448.0147.3446.9946.84
ดีเซล31.4431.4431.9431.4431.4431.4431.4431.4431.4431.44
ดีเซลหมุนเร็ว31.4431.4431.44
ดีเซลพรีเมี่ยม43.4445.6447.4445.6445.6443.44
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า