แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด คว้ารางวัล ดัน เอสซีฯ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 บ้าน 20 ล้าน
นายณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เผยว่า โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-อ่อนนุช คว้ารางวัล Luxury Lifestyle Awards ครั้งที่ 13 ประจำปี 2021 ประเภทรางวัล The Best Luxury Residential Property Development in Thailand 2021 โดยรางวัลอันทรงเกียรตินี้ เป็นรางวัลทางด้านสินค้าและบริการลักซ์ชัวรี่ระดับโลก โดยมีหลักเกณฑ์ตัดสินที่วิเคราะห์จากผลลัพธ์เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าและบริการของสิ่งที่ดีที่สุดในโลก มากกว่า 10,000 รายการ ใน 400 หมวดหมู่จาก 60 ประเทศ นับว่า เป็นหนึ่งในรางวัลอันทรงเกียรติ สำหรับวงการการตลาดระดับลักซ์ชัวรี่ ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อมอบรางวัลแห่งความเป็นเลิศ และรักษามาตรฐานสูงสุดในธุรกิจและสินค้าระดับบนจากทั่วโลก
“ ความสำเร็จของครึ่งปีแรกนอกจาก SC Asset เป็นแบรนด์เป็นผู้นำบ้านราคามากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป โดยมีมาร์เก็ตแชร์ 18% เป็นอันดับ 1 (จากข้อมูลของศูนย์ประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย หรือ AREA) โดยหลัก คือ พอร์ตของโครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ที่ครอบคลุมในทำเลศักยภาพ ได้แก่ บริเวณสาทร , ราชพกษ์-จรัญฯ , พระราม 5 , สุขุมวิท , พระราม 9 และ อีสต์ พระราม 9 เรายังได้รับรางวัล Luxury Lifestyle Awards ครั้งที่ 13 ประจำปี 2021 ‘โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-อ่อนนุช ประเภทรางวัล The Best Luxury Residential Property Development in Thailand 2021 จึงเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งของการพัฒนาบ้านสำหรับทุกคนภายใต้แนวคิด Human-centric ”
แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-อ่อนนุช คฤหาสน์หรู 2 ชั้นดีไซน์ใหม่ สไตล์ Modern Classic ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ จากสถาปัตยกรรมแห่งกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ภายใต้คอนเซ็ปต์ Conquer Your Victorius Living พร้อมด้วยฟังก์ชัน Double Master Bedroom และ Double Volume Spiral Staircase รองรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่ 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมด้วย นวัตกรรมที่เรียกได้ว่าเป็น “สมองของบ้าน” นั่นคือ Rue Jai Home OS (รู้ใจ โฮม โอเอส) ระบบปฎิบัติการณ์ที่ คิดค้นและพัฒนาโดยการควบคุม จะเกิดขึ้นผ่าน RueJai Home Panel หรือแผงควบคุมในบ้าน และสามารถควบคุมผ่านสมาร์ตโฟนบนแอปพลิเคชัน สามารถควบคุมและเช็กสถานะบ้าน ทั้งระบบไฟภายในปกติดีไหม มีจุดไหนที่รั่ว ซึ่งจะมีเซนเซอร์คอยตรวจจับและแจ้งเตือนให้ผู้อาศัยได้ทราบ และคุณภาพอากาศภายในบ้านด้วย ได้ทุกที่ ทุกเวลา
อีกทั้ง ฟังก์ชัน Elder Care Solution สำหรับผู้สูงวัยให้สัมผัสกับการผ่อนคลายและพักผ่อนได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด มีส่วนกลางขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่พร้อมรองรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ด้วยสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ Clubhouse ดีไซน์หรูสะดุดตา ที่พรั่งพร้อมไปด้วย Facilities ครบครัน บนทำเลศักยภาพสุขาภิบาล 2 ที่เชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิท 77 ใกล้บางนาและวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งถือว่าเป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่สะดวกทุกการเดินทาง ด้วยถนนอ่อนนุช, บางนา, เฉลิมพระเกียรติ, ศรีนครินทร์, พระราม 9, รามอินทรา ราคา 25-40 ล้ายบาท โดยปัจจุบัน โครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-อ่อนนุช ทำยอดขายไปแล้ว 47% คิดเป็นมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
SENA ปรับแผนธุรกิจ หดเป้ายอดโอนฯ ลุยขายหุ้นกู้ 1.2 พันล. เพิ่มกระแสเงินสด
SENA ลุยขายหุ้นกู้ 1,200 ลบ. เพิ่มกระแสเงินสด เดินเครื่องธุรกิจหลัก ปั้นแบรนด์ เสนา คิทท์ ขณะพับแผนเปิดโครงการใหม่ เหลือ 14 โครงการ 10,565 ล้านบาท พร้อมลดเป้ายอดโอน จาก 10,000 ล้านบาท เหลือ 6,943 ล้านบาท จากผลกระทบสั่งปิดแคมป์ เดินหน้าชูหลัก ESG สร้างเติบโตอย่างยั่งยืน
นางสาว เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ Developer รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ครั้งที่ 3/2564 โดยมีจำนวนหุ้นกู้ที่เสนอขายรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,200 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยหุ้นกู้มีอายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.40% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน
หุ้นกู้นี้เป็นหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ โดยคาดว่าจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 20 – 22 กันยายน 2564 ผ่านสถาบันการเงินทั้ง 5 แห่ง อันได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด
วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อเตรียมไว้สำหรับชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน และเพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะยาวภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ทั้งนี้จากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันที่ค่อนข้างผันผวน ทำให้บริษัทต้องมีการวางแผนการบริหารกระแสเงินสดด้วยความรอบคอบมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการเสนอขายหุ้นกู้บางส่วนก่อนที่หุ้นกู้ชุดเดิมจะครบกำหนด เพื่อกระจายความเสี่ยงในกรณีที่ตลาดอาจมีความผันผวนสูงมากในอนาคต
ปัจจุบัน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้ ที่ระดับ “BBB” แนวโน้ม “Stable” สะท้อนถึงสถานะของธุรกิจที่มีความเข้มแข็งทางการเงิน และสามารถพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างเป็นไปตามเป้าหมายทั้งโครงการในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด โดยเฉพาะทางพันธมิตรธุรกิจ ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป พร้อมร่วมลงทุนในทุกโครงการของเสนา ทำให้บริษัทมียอดขายและยอดโอนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางของผลประกอบการที่ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทนั้นมีการทบทวนปรับลดแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้เหลือ 14 โครงการ มูลค่ารวม 10,565 ล้านบาท จากแผนเดิม 18 โครงการ มูลค่า 16,700 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก บริษัทเปิดโครงการใหม่ 1 โครงการ คือ โครงการ SENA KITH เวสต์เกต-บางบัวทอง และครึ่งปีหลังนี้ในไตรมาส 3/64 เปิดตัว 4 โครงการ มูลค่า 2.3 พันล้านบาท ซึ่งได้เปิดโครงการ SENA KITH ลาดกระบัง-ฉลองกรุง เฟส 1 ไปแล้ว และเตรียมจะเปิดเฟส 2 ในเดือนก.ย.นี้
พร้อมกับอีก 2 โครงการที่เหลือส่วนไตรมาส 4/64 จะมีจำนวนโครงการที่เปิดตัวมากที่สุด 9 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาโครงการ แบรนด์ SENA KITH ที่ได้มีการเปิดตัวไปในช่วงที่ปีผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งนี้ ทางบริษัทคาดว่าในช่วงตั้งแต่เดือน ต.ค. 64 เป็นต้นไป หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะค่อยเริ่มฟื้น หลังจากผู้ซื้อเริ่มมั่นใจในสถานการณ์และกลับมาซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น
ขณะที่ยอดขายในปีนี้ ทางบริษัทปรับลดลงเหลือ 7,111 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท หลังจากบริษัทตัดสินใจลดจำนวนการเปิดโครงการใหม่ โดยเลื่อนบางโครงการไปเปิดตัวในปี 2565 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 มีผลกระทบต่อกำลังซื้อ โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค. 64) บริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 3,200 ล้านบาท
ส่วนยอดโอนของบริษัทได้ปรับลดลงมาเหลือ 6,943 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 10,000ล้านบาท ทั้งนี้มองว่าจากผลกระทบของมาตรการปิดแคมป์คนงานที่ทำให้การโอนบางโครงการช่วงครึ่งปีหลังต้องเลื่อนออกไป โดยเฉพาะ 2 โครงการ คือ โครงการ Nich Mono Mega Space บางนา มูลค่า 2,400 ล้านบาท และโครงการ Nich Mono อิสรภาพ มูลค่า 849 ล้านบาท ที่จะมีความล่าช้าในการโอนห้องให้กับลูกค้าไปบ้าง แต่จะเริ่มกลับมาทยอยโอนในช่วงปลายไตรมาส 3/64 ต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/64 ปัจจุบันยอดรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ทั้งหมด 7,052 ล้านบาท สามารถรับรู้ในปีนี้ 3,689 ล้านบาท ที่ผ่านมาทางบริษัทได้มีการจัดแคมเปญเสนอราคาขายพิเศษ และแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อเร่งระบายสต็อกออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้เข้ามาให้กับบริษัท
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญในการปรับแผนให้สอดรับกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดในปัจจุบันและอนาคต ที่มุ่งไปสู่การพัฒนาธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยนำหลักการของ ESG หรือ Environment, Social, Governance มาสู่การดำเนินงานทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริการที่ควบคู่กับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้คำนึงถึงการเติบโตทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว แม้ว่าจะทำให้ต้นทุนของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้น แต่เป็นสิ่งที่ต้องลงทุนแต่ถือเป็นความคุ้มค่าในระยะยาวที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์เสนา ตามปรัชญาขององค์กร “ความไว้วางใจจากลูกค้า คือ ความภูมิใจของเรา” ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้วางแนวทางการบริหารความเสี่ยง และได้เข้าไปช่วยเหลือในการเข้าถึงระบบสาธารณสุขตั้งแต่ ระดับ พนักงานภายในองค์กร ลูกค้า ลูกบ้าน พาร์ทเนอร์ และสังคม สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กร ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมได้แท้จริง
ทั้งนี้ สำหรับนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สถานการณ์โควิดดีขึ้น แนวโน้มหุ้นไทยปรับขึ้นได้เล็กน้อย
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย 13 ก.ย. 64 คาดดัชนีปรับขึ้นได้เล็กน้อยแต่ยังอยู่ในกรอบจำกัดราว 1,630-1,640 จุด จากปัจจัยบวกสถานการณ์โควิดในประเทศดีขึ้น
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) คาดว่าตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยแต่ยังอยู่ในกรอบจำกัดราว 1,630-1,640 จุด โดยยังคงได้รับปัจจัยบวกมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศดีขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน
แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมดัชนีจะผันผวนมากขึ้นในช่วงรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศ โดยเฉพาะตัวเลขจากทางสหรัฐฯ ทั้งการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ในวันอังคารนี้ และ ดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน (Core Retail Sales) ในวันพฤหัสบดีนี้ด้วย
สำหรับปัจจัยที่ตลาดฯ ยังคงกังวลคืออาจจะเกิดภาวะ Stagflation คือภาวะที่กำลังซื้อชะลอตัวลงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าบรรยากาศในสัปดาห์นี้แม้อาจจะเป็นบวก แต่จะมีความผันผวนมากขึ้น
ด้านตลาดภูมิภาคเอเชีย ทางด้านตลาดญี่ปุ่นยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ เนื่องจากปรับขึ้นแรงมาหลายวัน จึงเกิดการพักตัวในวันนี้ ส่วนตลาดเกาหลีใต้บวกราว 0.38%
พร้อมให้แนวรับที่ 1,630 จุด และแนวต้านที่ 1,640-1,645 จุด
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ศึกฟุตซอลโลก วันแรกยิงกันเละ 4 คู่ 28 ประตู!, แข้งไทย ฟัดโปรตุเกส วันนี้ PPTV HD 36 ยิงสด
การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก (ฟีฟ่า ฟุตซอล เวิลด์ คัพ 2021) ที่ประเทศลิทัวเนีย เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2564
รอบแรกกลุ่ม เอ “เจ้าภาพ” ลิทัวเนีย ประเดิมสนามไม่สวย แพ้ เวเนซูเอลา 1-2 ส่วนอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน คาซัคสถาน ถล่ม คอสตาริกา 6-1
ส่วนกลุ่ม บี ทีมชาติรัสเซีย หนุ่งในทีมเต็งแชมป์ ฟอร์มสุดโหด ไล่อัด อิยิปต์ ไปแบบขาดลอย 9-0 และ อุซเบกิซสถาน ทีมจากเอเชีย พ่าย กัวเตมาลา ไปแบบสุดสนุกสุดมัน 4-5
ด้านทีมชาติไทย จะประเดิมสนามนัดแรกพบกับ โปรตุเกส ทีมแกร่งที่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์ยุโรป ที่สนาม เคานาส อารีน่า วันจันทร์ที่ 13 กันยายน 2564 เวลา 00:00 น. (เที่ยงคืนของวันนี้) ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD 36
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ฟังจากฝั่งญี่ปุ่น ควรกิน “ไข่” วันละกี่ฟอง?
ไข่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพที่หาซื้อได้ง่าย มีราคาถูก และมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่คนจำนวนมากมักจะกังวลว่าการรับประทานไข่ทุกวันจะส่งผลเสียต่อร่างกายจากปริมาณคอเลสเตอรอลในไข่ มาดูคำแนะนำในการรับประทานไข่จากนักจัดอาหารญี่ปุ่น และวิธีการทำไข่ออนเซ็นโดยใช้ไมโครเวฟกัน
เราจะรับประทานไข่ได้วันละกี่ฟอง
ไข่เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนและสารอาหารมากมายยกเว้นวิตามินซีและเส้นใยอาหาร ไข่ 1 ฟองมีปริมาณคอเลสเตอรอลสูงประมาณ 185-200 มิลลิกรัม และค่อนข้างเป็นปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับปริมาณคอเลสเตอรอลที่ร่างกายควรรับเข้าไปวันละไม่เกิน 300 มิลลิกรัม อย่างไรก็ดี คอเลสเตอรอลที่รับเข้าไปไม่มีผลต่อค่าคอเลสเตอรอลที่ตรวจวัดได้ เพราะร้อยละ 80 ของคอเลสเตอรอลในร่างกายจะถูกสร้างจากตับ หากรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลน้อย ตับก็จะสร้างคอเลสเตอรอลที่จำเป็นต่อร่างกายออกมามากขึ้น แต่หากรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลมากร่างกายก็จะสร้างคอเลสเตอรอลออกมาน้อยลง
คอเลสเตอรอลเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายเพราะคนเราจะนำมันไปใช้ในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ น้ำดี วิตามินดี และฮอร์โมนเพศ ได้แก่ เอสโตรเจน (Estrogen) และเทสโทสเตอโรน (Testosterone) เป็นต้น สำหรับคนที่มีร่างกายแข็งแรงปกติ คอเลสเตอรอลจากไข่จะไม่มีผลต่อระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ในทางตรงกันข้าม การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงจากเนื้อวัวหรือเนื้อหมู ไขมันสัตว์ ตับ ไข่ปลา หนังไก่ น้ำมันปาล์ม และนมเนย เป็นต้น จะส่งผลให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีหรือ LDH ออกมาสะสมในเลือดสูงขึ้น จนไปเกาะติดตามผนังหลอดเลือด และส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้
ด้วยว่าไข่มีไขมันอิ่มตัวต่ำประมาณ 1.6 กรัมต่อฟอง ดังนั้นสำหรับคนที่มีร่างกายแข็งแรงปกติที่ต้องการเสริมโปรตีนให้แก่ร่างกายก็สามารถรับประทานไข่ได้ถึงวันละ 2 ฟอง อย่างไรก็ดี เพื่อให้รู้สึกสบายใจว่าไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูงก็แนะนำให้เลือกรับประทานไข่วันละ 1 ฟอง แต่หากวันไหนรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงเข้าไปแล้วก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไข่เข้าไปอีก อีกทั้งวิธีการปรุงที่ไม่ใช้น้ำมัน เช่น ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น และไข่นึ่ง เป็นต้น และรับประทานพร้อมกับผัก ผลและไม้อาหารที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร จะช่วยลดการรับไขมันอิ่มตัวเข้าสู่ร่างกายได้ดี อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น มีภาวะโรคเบาหวานและโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
วิธีการทำไข่ออนเซ็นโดยการแช่ในน้ำร้อน
วิธีนี้จะใช้เวลาในการทำไข่ออนเซ็นประมาณ 13-15 นาที ซึ่งมีวิธีการดังนี้คือ
วัตถุดิบ
- ไข่ขนาด M 3 ฟอง
- น้ำเดือด 1,400 มิลลิลิตร
- น้ำธรรมดา 90 มิลลิลิตร
- หม้อสแตนเลสอย่างหนามีฝาปิดขนาดกลางเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 17-20 เซนติเมตร
วิธีทำ
- เติมน้ำลงไปในหม้อและต้มน้ำจนเดือดปุดๆ แล้วจึงปิดไฟ และเติมน้ำ 90 มิลลิลิตรลงไป คนให้เข้ากัน ซึ่งจะทำให้น้ำมีอุณหภูมิประมาณ 90 องศาเซลเซียส
- นำไข่ที่เพิ่งนำออกมาจากตู้เย็นค่อยๆ ใส่ลงไปในหม้อโดยใช้ทัพพีและวางให้มีตำแหน่งห่างกันดังรูป ปิดฝาหม้อและวางทิ้งไว้ 7-8 นาที
- เมื่อครบกำหนดเวลาตักไข่ขึ้นมาแช่น้ำเย็นประมาณ 2-3 นาที จากนั้นจึงนำมาตอกใส่ถ้วยเล็กๆ เหยาะซีอิ๊วหรือดาชิลงไปเล็กน้อย และรับประทานตามชอบ
วิธีการทำไข่ออนเซ็นโดยใช้ไมโครเวฟ
วิธีการนี้ใช้เวลาสั้นประมาณ 2-3 นาที แต่ไข่ที่ได้อาจจะมีเนื้อสัมผัสต่างจากวิธีแช่ในน้ำร้อนเล็กน้อย
วัตถุดิบ
- ไข่ขนาด M 1 ฟอง
- น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ
- ถ้วยหรือภาชนะทนร้อนขนาดเล็ก
- ไม้จิ้มฟัน
วิธีทำ
- ตอกไข่ใส่ในถ้วยหรือภาชนะทนร้อนขนาดเล็ก ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มที่ไข่แดง 3-4 จุด เพื่อป้องกันไม่ให้ไข่แดงระเบิดตอนไมโครเวฟ
- เติมน้ำลงไปในไข่ 3 ช้อนโต๊ะ แล้วนำภาชนะเข้าไมโครเวฟที่ 500 วัตต์ เป็นเวลา 50 วินาที จากนั้นไมโครเวฟครั้งละ 10 วินาที อีก 2 ครั้ง ก็จะได้ไข่ออนเซ็นที่นำไปรับประทานได้ตามชอบ
เวลาการให้ความร้อนนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของไข่ด้วย หากเป็นไข่ขนาดใหญ่ก็อาจต้องปรับเวลาเพิ่มอีก 10 วินาที แต่ไม่ควรไมโครเวฟต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 70-80 วินาที เพราะจะทำให้ไข่แดงแข็งไม่อร่อย
การรับประทานไข่วันละมากกว่า 1 ฟอง ไม่ส่งผลในการเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในคนที่มีร่างกายแข็งแรงปกติ แต่เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ ก็ควรเลือกรับประทานวันละ 1 ฟอง ทั้งนี้หากต้องการรับประทานไข่ทุกวัน ไข่ออนเซ็นเป็นอีกหนึ่งวิธีการนำไข่มารับประทานได้โดยไม่ต้องกังวลถึงไขมันอิ่มตัวที่มาจากน้ำมันที่ใช้ทอด อีกทั้งโปรตีนในไข่ไม่แข็งมากเหมือนไข่ต้มสุก ทำให้ร่างกายสามารถย่อยและดูดซึมสารอาหารและโปรตีนในไข่ไปใช้ได้ดี
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
งานอดิเรกภาษาอังกฤษ (My hobby / My free time)
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ งานอดิเรก
Hobbies
basket weaving = สานตะกร้า
collection coin = ชุดสะสมเหรียญ
dancing = เต้นรำ
doing crafts = ทำงานฝีมือ งานหัตถกรรม
exercise = ออกกำลังกาย
gardening = ปลูกต้นไม้
knitting = ถักไหมพรม
listening to music = ฟังเพลง ฟังดนตรี
making music = บรรเลง/เล่นดนตรี
painting = วาดรูป
playing cards = เล่นไพ่
playing chess = เล่นหมากรุก
playing games = เล่นเกมชนิดต่างๆ
reading = อ่านหนังสือ
singing = ร้องเพลง
stamps collecting = การสะสมแสตมป์
taking photograph = ถ่ายรูป ถ่ายภาพ
watching TV = ดูโทรทัศน์ ดูทีวี
writing = เขียนหนังสือ แต่งหนังสือ ประพันธ์บทความ
ขอบคุณข้อมูลจาก tonamorn.com
วัคซีนโควิด: นักวิจัยไทยคิดค้นวัคซีนแบบพ่นจมูก เชื่อช่วยแก้วิกฤตการระบาด
เกือบสองปีแล้วที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกคิดค้นและพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งเป็นอาวุธหลักในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบ 5 ล้านคนทั่วโลก แม้ขณะนี้จะมีวัคซีนโควิดออกมาหลายชนิดและผลิตได้จำนวนมากแล้ว แต่ในเมื่อสงครามกับโรคระบาดครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุด การพัฒนาอาวุธจึงยังต้องดำเนินต่อไป
นักวิทยาศาสตร์ไทยที่ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นหนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกที่ยังไม่หยุดค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาวัคซีนที่จะมาปกป้องชีวิตคนจากไวรัสร้ายชนิดนี้ โดยล่าสุดโครงการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 แบบพ่นจมูกที่พวกเขากำลังทำอยู่มีความคืบหน้าและให้ผลเป็นที่น่าพอใจ จนหลายคนเชื่อว่าอาจเป็น “ความหวังใหม่” และเป็นวัคซีนที่จะเข้ามา “เปลี่ยนเกมในตลาดวัคซีนโควิด-19” เลยทีเดียว
ดร. อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการของไบโอเทค ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 แบบพ่นจมูกอธิบายว่า ทางเดินหายใจเป็นจุดที่เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกาย การให้วัคซีนด้วยการพ่นที่จมูกจะทำให้เกิดแอนติบอดีตรงบริเวณทางเดินหายใจ ทำให้เชื้อไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้
วัคซีนป้องกันโควิด-19 แบบพ่นจมูกทำงานอย่างไร พัฒนาถึงขั้นตอนไหนแล้ว และจะเป็นความหวังใหม่ในการปกป้องเราจากไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 ได้มากน้อยแค่ไหน บีบีซีไทยประมวลข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนแบบพ่นจากคำอธิบายของหัวหน้าทีมพัฒนาวัคซีน
จุดเริ่มต้น
ดร. อนันต์กล่าวว่าวัคซีนแบบพ่นไม่เป็นที่นิยมและยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผลการใช้งานในระดับโลกออกมา ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะวงการแพทย์คุ้นเคยกับวัคซีนแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อเพราะใช้ง่ายและมีการใช้มาอย่างยาวนาน ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกามีการพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก ขณะนี้อยู่ในการพัฒนาระยะที่ 2 ส่วนวัคซีนโควิด-19 แบบพ่นจมูกนั้น เท่าที่ทราบยังไม่เห็นมีใครใช้
“เราพัฒนาวัคซีนแบบพ่นจมูกตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยแล้ว ทางทีมวิจัยของ สวทช. เราเชี่ยวชาญเรื่องของการเอาไวรัลเวกเตอร์ (viral vector) มาใช้ประโยชน์ เราเลยคิดว่าการนำเอาวิธีการพ่นจมูกมาใช้ น่าจะตอบโจทย์กับโรคระบาดที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ” ดร.อนันต์กล่าว
“เราเห็นแล้วว่าการฉีด (วัคซีน) เข้ากล้ามเนื้อยังมีโอกาสให้ติดเชื้อที่ทางเดินหายใจได้อยู่ เพราะภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการฉีดเข้ากล้ามเนื้อมันไปไม่ถึงที่โพรงจมูก เราเลยเริ่มคิดว่าถ้าพัฒนาวัคซีนแบบพ่นเข้าทางจมูกพร้อม ๆ ไปกับการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และนำผลมาเปรียบเทียบกันได้ เราก็จะสามารถนำนวัตกรรมตัวนี้มาใช้ได้ถ้าจำเป็น”
เทคโนโลยีที่ใช้
ทีมวิจัยของไบโอเทคเลือกใช้ไวรัส 2 ตัว คือ ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัดทั่วไปหรือ Adenovirus และไวรัสไข้หวัดใหญ่หรือ Influenza virus ซึ่งมีความสามารถในการเข้าสู่ร่างกายคนทางโพรงจมูกมาดัดแปลงให้ไม่มีความสามารถในการก่อโรค และอาศัยคุณสมบัติของไวรัส 2 ตัวนี้ในการนำโปรตีนของโควิด-19 เข้าสู่ร่างกายเพื่อให้ร่างกาย “รู้จัก” โควิด-19 และสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา
“เป็นการจำลองการติดเชื้อทางธรรมชาติได้ใกล้เคียงที่สุด ทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีเพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้” ดร.อนันต์อธิบาย
การพ่นวัคซีนที่จมูกจะทำให้ร่างกายตอบสนองโดยการสร้างแอนติบอดีที่โพรงจมูกหรือทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้มีการสร้างแอนติบอดีขึ้นมาเยอะในเส้นทางจากจมูกไปถึงปอด ซึ่งวัคซีนที่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อทำไม่ได้หรือไปไม่ถึง
“แอนติบอดีเหล่านี้จะรออยู่ที่จมูกหรือทางเดินหายใจส่วนบน พร้อมดักจับไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์…ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย…เป็นการป้องกันปัญหาตั้งแต่ที่ต้นเหตุ”
เมื่อป้องกันการติดเชื้อที่บริเวณทางเดินหายใจส่วนบนได้แล้ว ปริมาณไวรัสจะลดน้อยลง โดยเฉพาะไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่เพิ่มปริมาณได้เร็วในทางเดินหายใจตอนบน เมื่อไวรัสเพิ่มปริมาณได้น้อยก็จะกระจายตัวน้อย และความรุนแรงของโรคก็จะลดลง
ผลการทดลองในสัตว์
ทีมวิจัยแบ่งหนูทดลองเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับการวัคซีนผ่านการพ่นเข้าไปในจมูก อีกกลุ่มหนึ่งได้รับการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อ ผลที่ออกมาเห็นได้ชัดเจนว่าการฉีดพ่นวัคซีนทางจมูกทำให้เกิดการสร้างแอนติบอดีในปอดมากกว่าการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และเมื่อตรวจหาแอนติบอดีในเลือดก็พบว่ามีสูงเช่นเดียวกัน
นั่นหมายถึงว่าวัคซีนแบบพ่นและวัคซีนแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อสร้างแอนติบอดีได้เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่วัคซีนแบบพ่นจมูกทำให้เกิดการสร้างแอนติบอดีอยู่ในทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้
เมื่อได้รับวัคซีนแล้ว ทีมวิจัยก็นำเอาไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 หยดเข้าไปทางจมูกของหนูทดลองทั้ง 2 กลุ่ม ปรากฏว่าหนูทดลองที่ได้รับวัคซีนพ่นจมูกไม่มีอาการป่วยเลย แต่หนูทดลองที่ได้รับวัคซีนแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อมีอาการป่วยบ้าง น้ำหนักตัวลดลง แต่ไม่ตาย
ความเหมือน-ต่างระหว่างวัคซีนแบบพ่นจมูกกับวัคซีนแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
วัคซีนต้านโควิดแบบพ่นจมูกทำให้เซลล์หน่วยความจำ (memory cells) บริเวณทางเดินหายใจจดจำไวรัสและสร้างแอนติบอดีได้ภายใน 2-3 วัน ขณะที่วัคซีนแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนแบบพ่นอยู่ได้นานเท่าไหร่นั้นยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด แต่คาดว่าจะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือนเช่นเดียวกับวัคซีนแบบฉีด และถ้ามีการกระตุ้นซ้ำด้วยการฉีดวัคซีนหรือติดเชื้อตามธรรมชาติ ภูมิคุ้มกันก็จะถูกกระตุ้นกลับขึ้นมาอีกได้
ความแตกต่างอีกประการหนึ่งคือวัคซีนแบบฉีดจะสร้างแอนติบอดีขึ้นมาแบบเดียวที่ชื่อว่า IgG ซึ่งช่วยยับยั้งเชื้อไม่ให้เข้าสู่เซลล์ แต่วัคซีนแบบพ่นจมูกทำให้เกิดแอนติบอดีขึ้นมา 2 แบบ ได้แก่ IgG และ IgA ซึ่ง ดร. อนันต์บอกว่าเป็นแอนติบอดีที่ “หายาก” และจะเกิดขึ้นที่เยื่อเมือก
“เราจะไม่สามารถกระตุ้น IgA จากการฉีดเข้ากล้าม IgA พบได้เฉพาะการให้วัคซีนทางจมูกหรือจากการติดเชื้อโดยธรรมชาติ เมื่อมีการสร้าง IgA ขึ้นมา กลไกในการป้องกันยับยั้งเชื้อไม่ให้เข้าสู่ร่างกายก็จะเพิ่มมากขึ้นอีก” ดร. อนันต์กล่าว
เนื่องจากวัคซีนแบบพ่นจมูกนี้ใช้ไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นตัวนำโปรตีนของไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 มันจึงสามารถป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ไปด้วยในตัว นั่นหมายถึงว่าวัคซีนแบบพ่นนี้เป็นวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 ด้วยในเวลาเดียวกัน
ประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์
ดร. อนันต์อธิบายว่าเชื้อกลายพันธุ์สามารถป้องกันได้ 2 วิธี วิธีที่ 1 คือการใช้เชื้อตัวเดิมฉีดซ้ำเข้าไปเพื่อกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันกลับมาสูงขึ้น เมื่อภูมิคุ้มกันขึ้นสูงก็สามารถป้องกันไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ ไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหนหรือไวรัสกลายพันธุ์แบบไหน
วิธีที่ 2 คือการทำวัคซีนตัวใหม่ให้มีความเฉพาะเจาะจงกับไวรัสกลายพันธุ์ชนิดนั้น ๆ ซึ่งขณะนี้นักวิจัยส่วนใหญ่เห็นว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตาเหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นต้นแบบของวัคซีนต้านเชื้อกลายพันธุ์ ถึงแม้ว่าในอนาคตจะมีสายพันธุ์กลายพันธุ์ใหม่ ๆ ขึ้นมาก็ตาม แต่เชื่อว่าวัคซีนจากเชื้อเดลตาจะทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันที่สามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้
“เพราะฉะนั้นในการพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ เราต้องหาวิธีกระตุ้นและทำให้ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานเป็นปี ซึ่งผมมองว่าการฉีดวัคซีนผ่านจมูกจะเป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานขึ้น เพราะมนุษย์เราได้รับไวรัสต่าง ๆ เข้ามาทางโพรงจมูกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันอยู่ตลอด ซึ่งไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนซ้ำ” ดร.อนันต์กล่าว
การขึ้นทะเบียนกับ อย.
วัคซีนแบบพ่นจมูกของไบโอเทคอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาตกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งต้องพิจารณาข้อมูลหลายอย่างโดยเฉพาะข้อมูลด้านความปลอดภัยในการใช้งาน ขณะนี้ทีมวิจัยของไบโอเทคได้นำผลการทดลองในหนูทดลอง 30-40 ตัว ที่สรุปว่าหนูทุกตัวที่รับวัคซีนทางจมูกไม่มีอาการเจ็บป่วย ซึ่งเป็นขั้นตอนการขออนุมัติการใช้งานตามข้อเสนอแนะขององค์การอนามัยโลก
หลังจากนี้ ทีมวิจัยจะรวบรวมข้อมูลอีก 3-4 เดือนและส่งให้ อย. พิจารณาว่าข้อมูลที่มีอยู่เพียงพอที่จะเดินหน้าทดสอบในมนุษย์ได้หรือไม่
เปิดแผนการทดลองวัคซีนแบบพ่นจมูกในคน
ดร. อนันต์กล่าวว่าวัคซีนโควิดแบบพ่นจมูกนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะใช้เป็นวัคซีนกระตุ้นภูมิหรือบูสเตอร์ ตามแผนที่วางไว้ อาสาสมัครที่จะเข้าร่วมทดลองต้องเคยได้รับวัคซีนไปแล้วระยะหนึ่งและภูมิคุ้มกันลดลง แล้วจึงเข้ารับวัคซีนแบบพ่นจมูก เพื่อทดสอบดูว่าวัคซีนชนิดนี้จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากน้อยแค่ไหน
“การทดลอง (ในคน) ระยะที่ 1 จะใช้เวลา 1-2 เดือน โดย 1 เดือนแรกเป็นการหาอาสาสมัคร หลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์ก็เก็บข้อมูลได้เลยเพราะเป็นการได้รับวัคซีนในรูปแบบของบูสเตอร์ กรณีที่มีอาสาสมัครเยอะ เราก็สามารถรวมการทดลองในระยะที่ 1 และ 2 เข้าด้วยกันได้ ทำให้ย่นระยะเวลาได้อีก และนั่นก็อาจจะใช้เวลาเพียงแค่ 3-4 เดือนในการรวบรวมข้อมูลไปยื่นเสนอ อย. เพื่อขออนุมัติการใช้งานได้”
ใครจะเป็นผู้ผลิต
เมื่อได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. แล้ว คำถามต่อไปคือใครจะเป็นผู้ผลิต
ดร. อนันต์เอ่ยถึง บ.คินเจน ไบโอเทค และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ว่าเป็นผู้มีศักยภาพในการผลิตวัคซีนแบบพ่นจมูก โดย บ.คินเจน ไบโอเทคได้ร่วมวิจัยพัฒนาวัคซีนชนิดนี้กับไบโอเทคด้วย ขณะที่ อภ. ก็มีโรงงานขนาดใหญ่ที่สามารถผลิตวัคซีนได้
“อภ. มีความเชี่ยวชาญในการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่แล้ว และ อภ. มีส่วนช่วยเป็นอย่างมากในการผลิตตัวหัวเชื้อที่มีระดับความสะอาดสูงสุด โดยทั้ง บ. คินเจน ไบโอเทค และ อภ. ต่างก็มีศักยภาพและโรงงานขนาดใหญ่ในการผลิตวัคซีนให้เพียงพอกับคนไทย” หัวหน้าทีมวิจัยของไบโอเทคกล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก bbc.com
ผลจากห้องทดลองสหรัฐ “โกฐจุฬาลัมพา” สมุนไพรไทย ต้านเชื้อโควิดได้
รู้จัก “โกฐจุฬาลัมพา” สมุนไพรพื้นบ้านไทย ที่นักวิจัยสหรัฐค้นพบในห้องทดลอง ต้านเชื้อโควิดได้ แต่ควรใช้ตามคำแนะนำของหมอพื้นบ้าน และแพทย์แผนไทย เพราะบางชนิดใช้เกินขนาดอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้
มูลนิธิชีววิถี หรือ ไบโอไทย (BIOTHAI) เปิดเผยข้อมูลน่าสนใจคณะนักวิจัย 7 คน นำโดย M S Nai จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) และ มหาวิยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) พบว่า โกฐจุฬาลัมพา สมุนไพรที่หมอพื้นบ้านไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียรู้จักดี สามารถต้านเชื้อโควิดได้ในห้องปฏิบัติการ
โดยสารสกัดรวมในน้ำร้อน และใบแห้งของโกฐจุฬาลัมพา (โดยมีตัวอย่างหนึ่งมีอายุมากกว่า 10 ปี) มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งเชื้อโควิด ซึ่งรวมทั้งสายพันเบตา และอัลฟา
แต่ข้อควรระวัง !
ต้นโกฐจุฬาลัมพามีทั้งพันธุ์ดอกสีขาวและดอกสีแดงมีสรรพคุณทางยาเหมือนกัน สามารถนำมาใช้แทนกันได้ นอกจากนี้ยังมี พันธุ์ดอกสีเหลืองชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artemisia princeps Pamp ด้วย แต่พันธุ์นี้จะมีพิษ ถ้าใช้เกินขนาดก็อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ ดังนั้นแล้วการใช้ยาควรใช้ตามคำแนะนำของหมอพื้นบ้าน และแพทย์แผนไทย
สำหรับการค้นพบนี้ นักวิจัยเชื่อว่าสารที่มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งไวรัสมรณะนี้นอกจากสาร artemisinin และองค์ประกอบแล้วน่าจะมาจาการทำงานของสารอื่นๆในโกฐจุฬาลัมพาด้วย
โกฐจุฬาลัมพา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artemisia vulgaris L. จะจัดอยู่ในวงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE ) มีชื่อสามัญว่า Common wormwood และมีชื่อเรียกอื่นว่า พิษนาศน์ พิษนาด (ราชบุรี), โกฐจุฬาลำพา (กรุงเทพฯ), ตอน่า (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), เหี่ย เหี่ยเฮี๊ยะ (จีนแต้จิ๋ว), ไอ้เย่ ไอ้ อ้าย (จีนกลาง) เป็นต้น
ในบัญชียาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เดิม ตามประกาศของคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) มีปรากฏการใช้สมุนไพรโกฐจุฬาลัมพาในหลายตำรับ ได้แก่ ยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิตหรือยาแก้ลม ซึ่งมีปรากฏในตำรับ “ยาหอมเทพจิตร” และตำรับ “ยาหอมนวโกฐ” ที่มีส่วนประกอบของโกฐจุฬาลัมพาอยู่ในพิกัดโกฐทั้งเก้าร่วมกับสมุนไพรชนิด อื่น ๆ อีกในตำรับ
โดยมีสรรพคุณเป็น ยาแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน และแก้ลมจุกแน่นในท้อง
และใน ยาแก้ไข้ ก็มีปรากฏในตำรับ “ยาจันทน์ลีลา” และตำรับ “ยาแก้ไข้ห้าราก” ที่มีส่วนประกอบของโกฐจุฬาลัมพาร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ โดยมีสรรพคุณเป็น ยาบรรเทาอาการไข้ตัวร้อน ไข้เปลี่ยนฤดู
อย่างไรก็ตาม การค้นพบดังกล่าวยังคงได้ผลสำเร็จในห้องปฏิบัติ ดังนั้นจึงควรรอความชัดเจนจากแพทย์และการทดลองด้านอื่นๆ ประกอบด้วย ขณะเดียวกันการใช้ยาควรใช้ตามคำแนะนำของหมอพื้นบ้าน และแพทย์แผนไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก pptvhd36.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13/09/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,650.00 | 27,750.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,791.00 | 27,151.56 | 28,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,611.90 | 24,436.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,432.80 | 21,721.25 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 806.00 | 12,218.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 627.00 | 9,505.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,856.00 | 28,136.96 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 13/09/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 27.74 | 27.74 | 27.74 | 27.74 | 27.74 | – | 27.74 | 27.74 | 27.74 | 27.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 22.44 | 22.44 | – | – | – | – | – | – | – | 22.44 |
เบนซิน 95 | 36.66 | – | – | – | 37.11 | – | 37.16 | 36.66 | – | 36.66 |
ดีเซล B7 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 |
ดีเซล | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 |
ดีเซล B20 | 25.84 | 25.84 | 26.04 | – | 25.84 | – | 25.84 | 25.84 | – | 25.84 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 33.86 | 33.86 | 35.54 | 35.26 | – | – | – | – | – | 33.86 |
แก๊ส NGV | 15.48 | 15.48 | – | – | – | – | – | – | – | 15.48 |