กานดา เชื่อมั่น อสังหาฯไทย ลุยเปิดใหม่ 6 โครงการ 4.7 พันล.
กานดา พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเกมรุกบ้านแนวราบปี 65 เตรียมส่ง 6 โครงการ มูลค่า 4.7 พันล้านบาท หลังมั่นใจตลาดอสังหาฯ ยังโตได้ต่อจากปัจจัยบวก ตั้งเป้ายอดขายทะลุ 3,300 ล้านบาท
12 ม.ค.2565 – นายหัสกร บุญยัง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ว่า ในปี 2565 บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่เป็นที่อยู่อาศัยแนวราบรวม 6 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,700 ล้านบาท
ซึ่งมีทั้งการเปิดโครงการในทำเลเดิม และขยายไปในทำเลใหม่ๆ รวมทั้งการเปิดแบรนด์ใหม่ในกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ระดับกลาง-กลางบน เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุม และขยายฐานการสร้างรายได้ให้กว้างขึ้น
สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดขายในปี 2565 ประกอบด้วย
- โครงการไอลีฟ ไพร์ม ลำลูกกา คลอง 2
- โครงการไอลีฟ ไพร์ม 2 ประชาอุทิศ 90
- โครงการไอลีฟ พราวด์ พระราม 2 กม. 14
- โครงการไอลีฟ พราวด์ วงแหวน-รังสิต คลอง 4
- โครงการไอลีฟ ไพร์ม รามอินทรา-คู้บอน
- โครงการไอลีฟ ไพร์ม พัทยา-จอมเทียน ที่จังหวัดชลบุรี
ในปี 2565 บริษัทจะมีทั้งโครงการใหม่ และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวม 16 โครงการ ใน 11 ทำเล ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค โดยได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,300 ล้านบาท และเป้ารายได้อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท ขณะที่ปี 2564 บริษัททำยอดขายไปได้ 3,000 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 2,050 ล้านบาท ซึ่งถือว่าทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีการเปิดโครงการใหม่ไปเพียง 2 โครงการ ได้แก่ ไอลีฟ ไพร์ม ประชาอุทิศ 90 และ ไอลีฟ ไพร์ม 2 พระราม 2 กม. 14
“ภาพรวมของเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 จะเติบโตขึ้นกว่าปี 2564 แต่เป็นการเติบโตในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน แต่เชื่อว่าถ้าความรุนแรงและผู้เสียชีวิตไม่เพิ่มขึ้นมากจะทำให้ความกดดันที่จะต้องใช้มาตรการปิดประเทศลดน้อยลง ขณะที่ไทยรวมถึงหลายๆ ประเทศหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนควบคู่ไปกับการควบคุมโรค ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจสามารถเดินต่อไปได้ แม้จะเติบโตได้ไม่มากนัก”
นายหัสกรกล่าวอีกว่า ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ การผ่อนคลายมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) และการขยายมาตรการลดค่าโอนและจดจำนองที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทออกไปอีก 1 ปี ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยจะมีผลในเชิงบวกต่อตลาด จากการผ่อนปรนให้ผู้ซื้อสามารถขอสินเชื่อได้ 100% และช่วยลดภาระจากมาตรการลดค่าโอน ขณะเดียวกัน ยังส่งผลเชิงจิตวิทยา จากการที่ภาครัฐใช้อสังหาฯเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จะสร้างบรรยากาศที่ดีต่อตลาด และสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภค
นอกจากนี้ การลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองจะช่วยให้ผู้ประกอบการชะลอการปรับราคาบ้านตามต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่หลายตัวได้ปรับขึ้นไปแล้ว 5-30% เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการยังคงให้ความสำคัญกับสภาพคล่องมากกว่าผลกำไร การลดค่าโอนจึงช่วยให้ผู้ประกอบการนำประโยชน์ที่ได้จากส่วนนี้ส่งต่อไปให้ผู้บริโภคทั้งในเรื่องของการโปรโมชั่น หรือการชะลอการปรับขึ้นราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
“คาดว่าตลาดบ้านแนวราบจะยังเติบโตต่อเนื่องจากปี 2564 โดยส่วนหนึ่งจะยังคงได้อานิสงส์จากกลุ่มลูกค้าที่เคยอยู่ในเมืองอาจจะขยับออกมาชานเมือง เพื่อซื้อบ้านที่ได้พื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น ได้อยู่กับครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ได้ประโยชน์จากการอยู่อาศัยที่คุ้มค่าขึ้นจากการที่จะต้อง work from home ส่วนคอนโดมิเนียมจะเริ่มฟื้นตัวแต่จะยังไม่กลับไปดีเท่ากับช่วงก่อนปี 2560 ซึ่งทั้งบ้านแนวราบ และคอนโดมิเนียม จะเป็นการทำตลาดในกลุ่มที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงเป็นกลุ่มหลัก”
นายหัสกร กล่าวอีกว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจและทำให้บริษัทต้องปรับตัวใน 3 เรื่องหลักๆ เรื่องแรกเป็นเรื่องที่บริษัทให้สำคัญที่สุดคือ การบริการสภาพคล่องทั้งเงินที่จะเข้ามาและเงินที่จะต้องจ่ายออกไป โดยโฟกัสไปที่การขายและการก่อสร้างที่จะต้องสอดรับกันระหว่างรายรับกับรายจ่าย โดยมีการวางแผนงานก่อสร้างกับงานขายที่ต้องประชุมติดตามกันอย่างใกล้ชิด
เรื่องที่ 2 คือ เรื่องของความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของพนักงานและลูกค้า พนักงานที่มีการสัมผัสใกล้ชิดลูกค้าจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยมีการตรวจ ATK การทำความสะอาดบ้านตัวอย่างและสำนักงานขายอย่างสม่ำเสมอ อุปกรณ์ทำความสะอาดและป้องกันต่างๆ มีการเตรียมไว้ให้พร้อมในทุกโครงการ รวมถึงการให้พนักงานสลับกัน work from home เพื่อลดความหนาแน่นของแต่ละไซต์โครงการ เป็นการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องของการปรับปรุงระบบการทำงานของบริษัทให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งในปัจจุบันและอนาคต อย่างเช่น เรื่องโปรดักส์ได้มีการออกแบบบ้านใหม่รองรับ New Lifestyle ที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นบ้านในสไตล์ English Garden ที่มีการออกแบบพื้นที่รองรับการใช้ประโยชน์ที่หลากหลายจากการที่ผู้บริโภคต้องใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น และนำสไตล์การจัดสวนแบบอังกฤษมาช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลายในโครงการ
“แบบบ้านสไตล์ English Garden จะมีความคลาสสิก ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและผ่อนคลาย เมื่อผู้บริโภคต้องใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น โดยได้นำมาใช้กับโครงการไอลีฟ ไพร์ม 2 พระราม 2 กม. 14 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2564 เป็นโครงการแรก และจะนำไปใช้กับทุกโครงการใหม่ในปี 2565 เริ่มที่โครการไอลีฟ ไพร์ม พัทยา-จอมเทียน ที่คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2565”
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับแนวคิดการพัฒนาโครงการในทุกโครงการจากเดิมที่ใช้ 4 Kanda Concept เป็นหลักในการพัฒนา ปัจจุบันได้เพิ่มเป็น 5 Kanda Concept ประกอบด้วย
- Eco Smart การใช้พลังงานทางเลือก โดยใช้หลักการของ 3R-Reduce Reuse Recycle
- Easy Maintenance การออกแบบบ้านให้ง่ายต่อการซ่อมบำรุงในอนาคต การเลือกใช้วัสดุทนทาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- Multi Generation ออกแบบบ้านที่คำนึงถึงการอยู่อาศัยร่วมกันของแต่ละช่วงวัย ตอบโจทย์การอยู่อาศัยแบบครอบครัวใหญ่
- Flood Protection การออกแบบโครงการให้มีระบบป้องกันน้ำท่วม
- ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาเป็น concept ที่ 5 คือ
- Space Matter การให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยเพื่อรองรับความต้องการใช้พื้นที่หลากหลายขึ้น เช่น บ้านหนึ่งหลังออกแบบให้มี 4 ห้องนอน ด้วยจำนวนห้องที่หลากหลายทำให้เพียงพอต่อการปรับเปลี่ยนห้องได้ตามประโยชน์การใช้สอย รวมไปถึงการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้สอยในพื้นที่ส่วนอื่นๆ ให้เหมาะสมกับ space ในส่วนนั้นๆ
นายหัสกร กล่าวปิดท้ายว่า ในอีก 1-2 ปีข้างหน้าบริษัทวางเป้าจะขยายทำเลใหม่เพิ่มปีละ 1-2 ทำเล และเปิดโครงการปีละ 5-10 โครงการ ตั้งเป้าเติบโตปีละ 10-20% หรือมีรายได้ประมาณ 2,000-2,500 ล้านบาท ขณะที่แผนในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ได้วางเป้าในการเติบโตที่สูงขึ้น โดยมีการขยายธุรกิจเพิ่มจากปัจจุบันมีธุรกิจสำนักพิมพ์ออนไลน์ และการนำสินทรัพย์ที่มีอยู่มาปล่อยเช่าในระยะยาว ในอนาคตจะมีการขยายธุรกิจไปในอสังหาริมทรัพย์รูปแบบอื่นๆ เพิ่ม โดยคาดว่าจะมีรายได้ในระดับ 3,000-3,500 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ออริจิ้น โชว์ปิดดีลปี 64 ยอดขายทะลุ 3 หมื่นล.
ออริจิ้น สรุปผลงานปี 2564 ทำยอดขายทะลุ 3 หมื่นล้านบาท สร้าง New High ใหม่ แย้มปี 2565 เตรียมแผนใหญ่พลิกเกมอสังหาฯ
12 ม.ค.2565 – นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมยอดขาย (Presales) โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทตลอดทั้งปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 30,250 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ที่ 29,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ถึงราว 17% และยังเป็น New High ใหม่ของบริษัท
โดยแบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มบ้านจัดสรร 28% และกลุ่มคอนโดมิเนียม 72% หากแบ่งตามสถานะโครงการ มีสัดส่วนยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) 65% และกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขายหรืออยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (Ongoing) 35%
“ปี 2564 นับเป็นปีที่ไม่ง่ายสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยภายนอกหลายอย่างเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอก 2-3 มาตรการล็อคดาวน์ มาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง Key Success ของเราจึงยังคงเป็นเรื่องความเข้าใจใน Customer Insight และความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ เราสร้างลูกเล่นใหม่ๆ ในการเข้าถึงและตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ยังคงมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ เช่น การจัดมหกรรมคอนโดออนไลน์ในรูปแบบ Property Live การเจาะเซ็กเมนท์ใหม่ๆ ส่งผลให้ทั้งโครงการพร้อมอยู่และโครงการเปิดตัวใหม่ยังตอบสนองดีมานด์ได้อย่างดี จนทำยอดขายทั้งปีได้สูงกว่าเป้าหมาย”
ทั้งนี้ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมหลากหลายแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา อาทิ บริกซ์ตัน (Brixton) เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มในราคาที่เข้าถึงได้ (Affordable Niche) เช่น คอนโดมิเนียมสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง คอนโดมิเนียมสำหรับนักศึกษา ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play) เจาะตลาดกลุ่มสตาร์ทอัพ ออริจิ้น เวลเนส เรสซิเดนซ์ เจาะตลาดกลุ่มผู้สูงวัย (Silver Age) และแฮมป์ตัน (Hampton) ประกอบด้วยหลากซับแบรนด์สำหรับเจาะกลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Property) โดยทุกแบรนด์ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน โครงการบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) ก็สามารถสร้างยอดขายระดับ All Time High ได้ต่อเนื่องทุกปี ตามแผนเติบโตของบริษัท
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมปี 2565 นั้น ยังคงมีหลากหลายสถานการณ์ที่ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด อาทิ การแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน และสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้น มาตรการต่างๆ ของภาครัฐที่อาจตามมาจากการแพร่ระบาด สถานการณ์เงินเฟ้อทั้งในระดับประเทศและระดับโลก อย่างไรก็ดี บริษัทประเมินว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะยังมีโอกาสเติบโตได้มากกว่าปี 2564
“เราอยู่กับสถานการณ์ COVID-19 มาราวๆ 2 ปี ทุกภาคส่วนมีภูมิคุ้มกันและขีดความสามารถในการปรับตัวสูงขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่ในขณะนี้อยู่ระหว่างการทยอยฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ซึ่งน่าจะส่งผลต่อความมั่นใจในการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะยาวตามปกติมากขึ้น ออริจิ้น และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ เอง ก็ยังปรับตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2564 จึงเชื่อมั่นว่า หากทุกฝ่ายยังคงตื่นตัว จริงจังต่อการป้องกัน แก้ไข และปรับตัวรับมือความท้าทาย ภาพรวมตลาดปี 2565 ก็ยังน่าจะขับเคลื่อนไปได้มากกว่าปี 2564”
ทั้งนี้ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เตรียมแผนใหญ่ไว้หลายด้านตลอดปี 2565 รวมถึงจะมี “เมกะโปรเจ็คท์” ที่จะมาพลิกเกมการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสร้างอีกระดับของการใช้ชีวิตให้แก่ผู้บริโภค คาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ได้ในช่วงปลาย ก.พ.-กลาง มี.ค.65
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง เปิดตลาดเช้านี้ 33.27 บาท
เงินบาทเปิดตลาด 33.27 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าต่อเนื่อง หลังดอลลาร์อ่อนค่ารับเงินเฟ้อสหรัฐสูงตามคาด
เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 65 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.27 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.38 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทเช้านี้ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องจากระดับปิดตลาดเมื่อเย็นวาน จากผลของดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ หลังจากดอลลาร์สหรัฐโดนเทขายหนัก เนื่องจากเมื่อคืนตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาอยู่ในระดับสูงที่ 7% แต่ก็ยังเป็นไปตามทิศทางที่ตลาดคาดการณ์ไว้
“เมื่อคืน ดอลลาร์โดนเทขายหนักมาก หลังจากเงินเฟ้อสหรัฐออกมาที่ 7% ซึ่งแม้จะสูง แต่ตลาดก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงไปจนหลุดแนวรับ” นักบริหารเงิน ระบุ
ปัจจัยในประเทศคงต้องติดตามกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย รวมถึงสัญญาณการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวเป็นสำคัญ
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20 – 33.40 บาท/ดอลลาร์ โดยทิศทางยังคงแข็งค่า
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ทัวร์นาเมนต์แรกของปี! Vampire Esports ซิวแชมป์ “PUBG Mobile The Last Standing”
จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการแข่งขันอีสปอร์ตเกม PUBG Mobile ทัวร์นาเมนต์แรกของปี 2022 กับรายการ PUBG Mobile The Last Standing ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 150,000 บาท
รายการนี้มี 10 ทีมรับเชิญจาก PUBG Mobile Pro League Bangkrirk E-sport, Vampire Esports, Buriram United Esports, MS Chonburi, Athena Comeback, TEM entertainment, Bacon Time, Onyx Esports, Team Excelsior, Valdus Esport และอีก 6 ทีมจากรอบคัดเลือก XD GANG, Hail Esports TH, TheMyth.Clan, SiXTYEiGHT ESPORT, INNOZENSE Junior, Mata E-Sport
ตลอด 15 เกมจาก 3 วัน ปรากฏว่า Vampire Esports แม้จะได้เพียง 2 ไก่ แต่ผลงานของพวกเขาถือว่าคงเส้นคงวา อยู่ในอันดับที่มีคะแนนตลอด รวมถึงเก็บคิลได้มากที่สุด 106 คิล ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์รายการนี้ไปครอง รับเงินรางวัล 70,000 บาท และเมาส์ Corsair Sabre RGB Pro Wireless จำนวน 5 รางวัล กับคีย์บอร์ด Corsair K60 RGB Pro จำนวน 5 รางวัล
รองแชมป์รายการนี้คือ Team Excelsior ที่คว้าไก่ในทัวร์นาเมนต์นี้มากที่สุดถึง 5 ไก่ รับเงินรางวัล 35,000 บาท และอันดับ 3 MS Chonburi ที่แม้จะอับโชคเรื่องกินไก่ตลอดทัวร์นาเมนต์ แต่ฟอร์มนั้นสม่ำเสมอ รับเงินรางวัล 25,000 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทำไมเราถึง “หาว” หาวบ่อย อันตรายหรือไม่
“หาว” เมื่อไร คนรอบตัวมักจะทักว่าเมื่อคืนนอนดึกเหรอ ช่วงนี้นอนไม่พอเหรอ หรือหากกำลังนั่งคุยกันอยู่แล้วเราหาว อาจโดนทักว่าเบื่อเหรอ จริงๆ แล้วที่ร่างกายเราสั่งให้เราหาวเป็นเพราะอะไร แล้วหากเราหาวบ่อยเกินไปในหนึ่งวันจะผิดปกติหรือไม่ Sanook Health มีคำตอบจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข มาฝากกัน
ทำไมเราถึง “หาว”
การหาว เป็นกลไกหนึ่งของร่างกายที่ต้องการจะรับเอาออกซิเจนจากอากาศเข้าสู่กระแสเลือด พร้อมกันนั้นก็ช่วยขับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดออกไป เพื่อรักษาความสมดุลของร่างกาย การหาวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อร่างกายเรามีออกซิเจนไม่เพียงพอ หรือมีคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดมากเกินไป จนก่อให้เกิดอาการง่วง เหงา หาวนอนขึ้นมาได้นั่นเอง
“หาว” แค่ไหนถึงเรียกว่า “หาวบ่อย”
การหาวบ่อย ก็คือ อาการหาวที่เกิดขึ้นบ่อยๆ มากกว่า 1 ครั้งต่อนาที และถึงแม้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของการหาวอาจมาจากความง่วง หรือความอ่อนเพลีย แต่ในบางครั้งแล้วนั้นการหาวมากจนผิดปกติ อาจเป็นผลมาจากสาเหตุเหล่านี้
- นอนหลับไม่เพียงพอ
การนอนหลับไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการง่วงนอนตอนกลางวันได้ ถึงจะดูเหมือนไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงยังก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายอย่างโรคอ้วน โรคหัวใจ หรือโรคซึมเศร้า ฯลฯ ทั้งนี้ให้ลองเช็คตัวเองดูหากเป็นเช่นนั้นควรปรับพฤติกรรมการนอนและจัดตารางการนอนใหม่
- นอนไม่หลับ
นอนไม่หลับ เป็นอาการที่ร่างกายรู้สึกอยากจะนอน แต่ไม่สามารถหลับได้ อาจจะใช้เวลานานกว่าปกติ หลับไปแล้วแต่ตื่นเร็ว หรือตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วไม่สามารถนอนหลับต่อไปได้ ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เต็มที่ ดังนั้นควรเข้านอนให้เป็นเวลาเพื่อให้ร่างกายชิน และควรงดเครื่องดื่มที่มีสารออกฤทธิ์กระตุ้นสมอง เช่น สารคาเฟอีนที่มีอยู่ในชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น แต่หากอยากดื่มควรเลือกดื่มก่อน 14.00 น. เพราะถ้าดื่มหลัง 14.00 น. อาจทำให้ร่างกายมีปัญหานอนไม่หลับได้ หากมีปัญหานอนไม่หลับบ่อยๆ ควรพบแพทย์
- ผลข้างเคียงจากยา
กลุ่มคนที่รับประทานยา เช่น กลุ่มยารักษาโรคซึมเศร้า หรือกลุ่มยารักษาภาวะวิตกกังวล อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียง มีอาการง่วงซึม นอนไม่หลับได้
- อาการข้างเคียงจากโรคที่เป็นอยู่
มีหลายโรคที่ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการหาวบ่อยกว่าปกติ เช่น โรคปลอกประสาทอักเสบชนิด MS (multiple sclerosis) เนื้องอกในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง โรคลมชัก ตับวาย กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เป็นต้น
วิธีแก้อาการหาวบ่อยๆ
หากคุณเป็นคนที่หาวบ่อยจนทำให้เกิดปัญหา เช่น หาวในระหว่างทำงาน เรียน หรือประชุมบ่อยๆ คนดูไม่ดี มีวิธีแก้ไข ดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยทั่วไปมักอยู่ที่ 6-9 ชั่วโมง
- หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
- ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
- หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลที่มากเกินไป เพราะการรับประทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลมากจนเกินไป เป็นตัวการที่ทำให้ร่างกายง่วงซึมได้ เพราะตับอ่อนจะส่งอินซูลินออกมาเพื่อย่อยน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ก่อให้เกิดอาการง่วงนอนตามมานั่นเอง
- ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เมื่อนั่งเรียน นั่งทำงานในท่าเดิมนานๆ
- งดหรือลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มคาเฟอีน
หากลองปรับพฤติกรรมแล้วอาการหาวบ่อยๆ ยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และทำการรักษาอย่างตรงจุดต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วิธีใช้ “Used to”
วันนี้เรามาดูวิธีใช้ คำว่า “Used to” กันค่ะ หลายๆ คนคงทราบดีว่าคำนี้แปลเป็นไทยว่า “เคย” แล้ววิธีใช้ละเป็นยังไง เดี๋ยวเรามาดูกันเลย
1️⃣ เราใช้ “Used to” สำหรับบางสิ่งซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำนอดีตแต่จะไม่เกิดอีกแล้ว
ตัวอย่างเช่น
I used to smoke a packet a day but I stopped two years ago.
=> ฉันเคยสูบบุหรี่วันละ 1 ซองแต่ฉันเลิกมาแล้ว 2 ปี
Ben used to travel a lot in his job but now, since his promotion, he doesn’t.
=> เบ็นเคยท่องเที่ยวบ่อยมากในงานของเขา แต่ตอนนี้ตั้งแต่เขาเลื่อนตำแหน่ง เขาก็ไม่ได้ไปท่องเที่ยวอีก
I used to drive to work but now I take the bus.
=> ฉันเคยขับรถไปทำงานแต่ตอนนี้ฉันใช้รถบัส
2️⃣ เราใช้ “Used to” สำหรับบางสิ่งซึ่งเป็นความจริงมาแล้วแต่ไม่ได้เป็นความจริงอีกต่อไป
There used to be a cinema in the town but now there isn’t.
=> เคยมีโรงหนังอยู่ที่เมืองนี้แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
.
She used to have really long hair but she’s had it all cut off.
=> เธอเคยมีผมที่ยาวแต่ตอนนี้เธอตัดผมของเธอออกทั้งหมดแล้ว
.
I didn’t use to like him but now I do.
=>ฉันไม่เคยชอบเขาแต่ตอนนี้ฉันชอบเขาซะแล้ว
✏️ จงจับคู่อักษร A-B กับหมายเลข 1-2 เพื่อสร้างประโยคที่สมบูรณ์
A. I used to eat a lot of chocolate
(ฉันเคยกินช็อคโกแลตจำนวนมาก)
B. She used to play the piano
(เธอเคยเล่นเปียโนมาก่อน)
C. He used to take the train to work
(เขาเคยใช้รถไฟเพื่อไปทำงาน)
1. …. but now he drives (แต่ตอนนี้เขาขับรถ)
2. …. but now I am on a diet (แต่ตอนนี้ฉันลดน้ำหนัก)
3. …. but now she plays the guitar (แต่ตอนนี้เธอเล่นกีต้าร์)
ANSWER: เฉลยคำตอบ
A-2
B-3
C-1
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เปิดตัวหลักสูตรเสมือนจริงเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก
มหาวิทยาลัย Stanford University ในรัฐแคลิฟอร์เนียได้เปิดตัวชั้นเรียนเสมือนจริงหรือ VR เทคโนโลยีเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก
VR คือการสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่มนุษย์สามารถเข้าไปและควบคุมได้ โดยการสวมใส่อุปกรณ์ที่ช่วยให้เห็นสภาพแวดล้อมและวัตถุเสมือนจริง ควบคู่ไปกับเครื่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมแบบเสมือนจริงได้
ชั้นเรียนหรือหลักสูตรใหม่ที่เรียกว่า “Virtual People” นี้สอนโดย Jeremy Bailenson ศาสตราจารย์ด้านการสื่อสาร ซึ่งได้แนวคิดนี้ขึ้นมาหลังจากการสอนนักเรียนเกี่ยวกับ VR มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี ในช่วงเวลานั้น เขาเห็นว่าเทคโนโลยียังคงพัฒนาต่อไป และคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนี้คือการสร้างหลักสูตร VR เต็มรูปแบบขึ้น
เนื้อหาของหลักสูตร VR อย่างเป็นทางการระบุว่าชั้นเรียนดังกล่าวครอบคลุมถึงการขยายขอบเขตของ VR ในสาขาวิชาต่างๆ รวมไปถึงวัฒนธรรมบันเทิง วิศวกรรมศาสตร์ พฤติกรรมศาสตร์ และการสื่อสาร เป็นต้น
ในแต่ละสัปดาห์ หลักสูตรนี้จะเน้นเนื้อหาในด้านต่างๆ ที่ใช้ VR ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ นอกจากนี้ในหลักสูตรยังรวมถึงเวลาที่นักเรียนแต่ละคนได้ใช้ VR ตลอดจนเวลาที่นักเรียนทั้งชั้นเรียนเข้าสู่สภาพแวดล้อม VR พร้อมๆ กันด้วย
ศาสตราจารย์ Bailenson กล่าวในคำแถลงว่า ในหลักสูตร Virtual People นี้นักเรียนไม่เพียงแต่จะได้ทดลอง VR เท่านั้น แต่ VR ยังกลายเป็นสื่อที่พวกเขาต้องพึ่งพา และว่าเท่าที่ทราบมา ในประวัติศาสตร์ของ VR หรือแม้แต่ในประวัติศาสตร์ของการสอนไม่เคยมีใครสามารถเชื่อมโยงนักเรียนจำนวนหลายร้อยคนด้วยอุปกรณ์แว่นตา VR เป็นระยะเวลานานหลายเดือนแบบนี้มาก่อน
ทั้งนี้ นักเรียนแต่ละคนจะได้รับอุปกรณ์แว่นตา Oculus Quest 2 ที่สร้างขึ้นโดย Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook เพื่อใช้งานตลอดหลักสูตร โดย Meta กล่าวว่าชุดอุปกรณ์ดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญต่อ “metaverse” ในอนาคต ซึ่งทางบริษัทมีแผนการที่จะพัฒนาร่วมกับบริษัทอื่นๆ
มหาวิทยาลัย Stanford University กล่าวว่าในช่วงปี 2021 ทั้งสองหลักสูตรจะให้นักศึกษา 263 คนใช้เวลาร่วมกันเกือบ 3,500 ชั่วโมงในสภาพแวดล้อม VR โดยเนื้อหาของหลักสูตรระบุว่านักเรียนสามารถไปทัศนศึกษา ร่วมสนทนาเป็นกลุ่ม หรือแม้แต่มีส่วนร่วมในกิจกรรมการแสดงดนตรีสดและการแสดงอื่นๆ แบบเสมือนจริงได้
นอกจากอุปกรณ์แว่นตาเพื่อให้เห็นโลกเสมือนจริงแล้ว หลักสูตรดังกล่าวยังจำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์เพื่อเชื่อมต่อระหว่างนักเรียนและครู ซึ่งศาสตราจารย์ Bailenson กล่าวว่าทางมหาวิทยาลัยตัดสินใจใช้ระบบสื่อสารเสมือนจริง ENGAGE ซึ่งถูกใช้โดยบริษัทใหญ่ๆ และองค์กรการศึกษาต่างๆ ในการจัดการประชุมและกิจกรรมเสมือนจริง
Cyan DeVeaux นักศึกษาระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัย Stanford ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสอนในชั้นเรียนบอกกับ Stanford Daily ว่า VR ช่วยให้ผู้คนสามารถ “จินตนาการถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
หนึ่งในแบบฝึกหัดในชั้นเรียนคือ “การทำสมาธิที่นอกโลก” ซึ่ง DeVeaux กล่าวว่านักเรียนสามารถสร้างการแสดงด้วยอวาทาร์หรือร่างจำลองที่แตกต่างกัน และสามารถสร้างฉากที่ไม่ธรรมดาได้ด้วยตัวเองอีกด้วย
Allison Lettiere ลงเรียนหลักสูตรนี้ก่อนสำเร็จการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เธอบอกว่าเมื่อก่อนเธอเคยคิดว่า VR มักจะเกี่ยวข้องกับกับวิดีโอเกมเท่านั้น แต่หลักสูตรนี้สอนข้อมูลอันมีค่าเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เธออาจนำไปใช้ในอาชีพการงานของเธอได้
ส่วน Sophie Marie Wallace นักศึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคม กล่าวว่าหลักสูตรนี้ช่วยให้เธอเชื่อมต่อกับประสบการณ์เสมือนจริงที่ทำให้เธอค้นพบเรื่องใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เช่นการใช้ VR เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการเล่นกีฬาทั้งบนบกและทางน้ำ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี หลักสูตรนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาที่ดำเนินการโดย Virtual Human Interaction Lab ของมหาวิทยาลัย Stanford University ซึ่งกำลังมีการศึกษาว่าจะสามารถนำเทคโนโลยีเสมือนจริงมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมทางการศึกษาได้อย่างไร
ศาสตราจารย์ Bailenson และ DeVeaux วางแผนที่จะใช้ข้อมูลจากชั้นเรียนเพื่อตรวจสอบความแตกต่างของพฤติกรรมในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง โดยหวังว่าข้อมูลดังกล่าวจะสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยให้เข้าใจความแตกต่างเหล่านี้และนำไปสู่การขยายตัวของเทคโนโลยี VR ทางการศึกษาได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
แตกต่าง โดดเด่นเพื่อคุณภาพชีวิต ที่ดีกว่า ด้วยกระจกแปรรูปแนวคิดใหม่ จาก ทีวายเค กลาส ในงานสถาปนิก’65
จากเป้าหมายที่ต้องการเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระจกอย่างครบวงจรเพื่องานสถาปัตยกรรม งานแปรรูปต่าง ๆ และงานตกแต่งภายในทุกชนิด บริษัท ทีวายเค กลาส จำกัด พัฒนาคุณภาพการผลิต การบริการ และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระจก อุปกรณ์ชั้นนำที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมมายาวนานตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 1973
ในปี 2021 นี้ ทีวายเค กลาส นำเสนอ 4 ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่โดดเด่นด้วยการผสานความงามเข้ากับคุณสมบัติด้านการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นความสวยงาม ความแตกต่าง การประหยัดพลังงาน หรือความปลอดภัย
MATALLIC COLOR PATTERN
ด้วยคุณสมบัติความแวววาวและความโปร่งแสง สามารถมองทะลุผ่านผิวสัมผัสที่เรียบง่ายได้ กระจก MATALLIC COLOR PATTERN สามารถเนรมิตบรรยากาศหรูหรา สวยงาม มีเสน่ห์ สร้างเอกลักษณ์แตกต่างด้วยเฉดสีที่แปลกตาได้ ไม่ว่าจะนำไปใช้เป็นผนังกั้นห้อง หน้าบานเฟอร์นิเจอร์ หรือประตู
- หนา 5 มม.
- ขนาดที่กระจกสามารถใหญ่ที่สุด : 1830×2440 มม. / 2000×2440 มม.
- ขนาดที่กระจกสามารถเล็กที่สุด : 100×100 มม.
KARISMA
จากเอกลักษณ์ของงานศิลปะแบบ Abstract และรูปทรงของธรรมชาติ สู่ลวดลายที่งดงาม กระจก KARISMA สามารถมอบความปลอดภัยเหมือนเป็นกระจกนิรภัย พร้อมทั้งการออกแบบลายเส้นและสีที่โดดเด่นมีสไตล์ ซึ่งมีถึง 10 ลาย KARISMA จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานตกแต่งภายใน การเป็นวัสดุปิดผิวผนัง หรือการกรุหน้าบานเฟอร์นิเจอร์
- ความหนาเริ่มต้น : 11.14 มม.
- ขนาดที่กระจกสามารถใหญ่ที่สุด : 2000×2500 มม.
- ขนาดที่กระจกสามารถเล็กที่สุด : 300×300 มม.
AKIRA
กระจกลวดลาย AKIRA นำเทคนิคการผลิตพิเศษมาใช้สร้างลวดลายของเส้นสายและดอกไม้ในโทนสีร่วมสมัยละมุนตา เพื่อสร้างกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น มอบความผ่อนคลาย เหมาะกับการนำไปใช้เป็นวัสดุปิดผิว กรุผนัง หรือกรุหน้าบานเฟอร์นิเจอร์ได้
- ความหนาเริ่มต้น : 5มม.
- ขนาดที่กระจกสามารถใหญ่ที่สุด : 2134×3048 มม.
- ขนาดที่กระจกสามารถเล็กที่สุด : 300×300 มม.
EVALAM
ด้วยเทคโนโลยีการผลิตกระจกนิรภัยลามิเนต กระจกลามิเนตลายผ้า EVALAM ผสานความสวยงาม หรูหรา จากความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของลวดลายผ้าและความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกัน สามารถนำไปใช้ได้ทั้งเป็นผนังกั้นห้อง หน้าบานประตู หรือหน้าบานตู้ที่ต้องการให้มองทะลุผ่าน
- ความหนาเริ่มต้น : 6 – 38 มม.
- ขนาดที่กระจกสามารถใหญ่ที่สุด : 1450×3050 มม.
- ขนาดที่กระจกสามารถเล็กที่สุด : 100×100 มม.
เชิญสัมผัสความงดงามและทดสอบความแกร่งของกระจกจาก ทีวายเค กลาส ในงานสถาปนิก’65
ทีวายเค กลาส เตรียมนำนวัตกรรมกระจกมาให้ร่วมชมความงามและทดสอบความแข็งแรง ได้ที่บูธหมายเลข B103/3 ในงานสถาปนิก’65 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ระหว่างวันที่ 26 เม.ย. – 1 พ.ค. 65 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13/01/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,650.00 | 28,750.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,856.00 | 28,136.96 | 29,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,670.40 | 25,323.26 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,484.80 | 22,509.57 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 835.00 | 12,658.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 650.00 | 9,854.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,923.00 | 29,152.68 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 13/01/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.15 | 32.15 | 32.75 | 32.15 | 32.55 | 32.15 | 32.45 | 32.25 | 32.15 | 32.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 31.88 | 31.88 | 32.48 | 31.88 | 32.28 | 31.88 | 32.18 | 31.98 | 31.88 | 31.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.64 | 30.64 | 31.24 | 30.64 | 31.04 | – | 30.94 | 30.74 | 30.64 | 30.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 24.34 | 24.34 | – | – | – | – | – | – | – | 24.34 |
เบนซิน 95 | 39.56 | – | – | – | 40.41 | – | 40.36 | 40.16 | – | 39.56 |
ดีเซล B7 | 29.84 | 29.84 | 30.64 | 29.94 | 30.34 | 29.84 | 30.14 | 29.84 | 29.94 | 29.84 |
ดีเซล | 29.84 | 29.84 | 30.64 | 29.94 | 30.34 | 29.84 | 30.14 | 29.84 | 29.94 | 29.84 |
ดีเซล B20 | 29.84 | 29.84 | 30.64 | – | 30.34 | – | 30.14 | 29.84 | – | 29.84 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.86 | 35.86 | 37.09 | 36.46 | 37.09 | – | – | – | – | 35.86 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |