‘ซีเอ็มซี’ วางเป้ารายได้ธุรกิจใหม่พุ่ง 50% ปั้น “โอ๊ควูด สวีท” จิ๊กซอว์รุกโรงแรมรับเปิดประเทศ
“ซีเอ็มซี กรุ๊ป” เครื่องร้อน เดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจใหม่ สร้างความยั่งยืนของรายได้ที่สม่ำเสมอ ดันสัดส่วนแตะระดับ 50% ของรายได้ทั้งกลุ่ม ล่าสุด เปิดให้บริการแล้ว “โอ๊ควูด สวีท ติวานนท์ กรุงเทพฯ” เซอร์วิส เรสซิเดนซ์ จิ๊กซอว์สำคัญรุกธุรกิจโรงแรมและบริการ มั่นใจทำเลที่ตั้งติดรถไฟฟ้า เข้าสู่เมืองสะดวก แย้มแผนภายในปี 2570 จะบริหารห้องพักกว่า 6,000 ยูนิต พร้อมลงทุนศูนย์บริการทางการแพทย์ นำร่อง 10 ทำเลในกรุงเทพฯ
นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) (CMC Group) เปิดเผยเป้าหมายการก้าวไปสู่ความเป็นเลิศในการพัฒนาที่อยู่อาศัย และการสร้างความยั่งยืนในเรื่องของรายได้ระยะยาวว่า ทาง CMC ได้รุกขยายธุรกิจใหม่มากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยงใหับริษัท และเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านรายได้ให้กลุ่ม CMC นอกเหนือจากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งในแผนจะให้สัดส่วนรายได้จากการขายและรายได้จากธุรกิจใหม่เท่าๆ กัน จากปัจจุบันรายได้จากการขายอสังหาฯ อยู่ที่ 78% และอีก 22% มาจากธุรกิจใหม่ คาดว่าจะเห็นภาพการดำเนินธุรกิจครบวงจรมากขึ้นในปี 2566-2567
สำหรับแนวทางการเข้าสู่ธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อการมีฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ทั้งในธุรกิจบริการ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจเช่า ธุรกิจเทรดดิ้ง (สินค้าสำหรับการก่อสร้าง) ธุรกิจเฮลท์แคร์ เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ ธุรกิจโรงพยาบาล ธุรกิจบริการทางการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น
“อสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่มีรายได้สูงมาก และลงทุนสูง ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ของ CMC จะมาจากโครงการอสังหาฯ ที่ยังมี แต่เป้าหมายข้างหน้าการลงทุนใหม่จะมาจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำเข้ามา อย่างการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมนั้น เราได้คิดมาตั้งแต่เริ่มโครงการ เพราะเราพิจารณาว่าการเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายได้จะแกว่งตลอด การเข้าสู่ธุรกิจ ฮอสพิทาลิตี้ อสังหาฯ ประเภทให้บริการห้องพักสร้างรายได้ระยะยาว จะทำให้ธุรกิจในกลุ่มของ CMC มีรายได้ที่สม่ำเสมอ” นายแพทย์วิเชียร กล่าว
ล่าสุด ทาง CMC ได้เปิดบริการ โอ๊ควูด สวีท ติวานนท์ กรุงเทพฯ รูปแบบในลักษณะ เซอร์วิส เรสซิเดนซ์ ที่พักให้เช่าระยะสั้นและยาว ตั้งแต่ 15 วัน ไปจนถึง 3 เดือนขึ้นไป (อยู่ในโครงการเดอะ คิวเว่ ติวานนท์ คอนโดฯ ระดับลักชัวรี) และด้วยทำเลที่ตั้งของโอ๊ควูด สวีท ติวานนท์ กรุงเทพฯ ติดรถไฟฟ้าสถานีแยกติวานนท์ เดินทางเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯ ได้สะดวก ใช้เวลาเพียง 30 นาที ประกอบกับทำเล จ.นนทบุรี หาแหล่งที่พักอาศัยชั้นดีค่อนข้างยาก โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย เช่น นิคมบางกระดี และโครงการตั้งอยู่ใกล้กระทรวงสาธารณสุข แต่ละปีจะมีการประชุมระดับนานาชาติ ทำให้ชาวต่างชาติต้องมองหาที่พักอาศัยใกล้และเดินทางมาประชุมได้สะดวก รวมถึงยังมีข้าราชการระดับสูงที่ต้องมาประชุมวิชาการในแต่ละครั้งเป็นเวลานาน เป็นต้น
“เราเพิ่งเข้าสู่ธุรกิจฮอสพิทาลิตี้ได้ประมาณ 2 ปี เป็นการสร้างแบรนด์ และลงทุนนะระยาวที่คาดว่าจะเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงในอนาคต และถือเป็นโครงการแรกที่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการรุกเข้าสู่ธุรกิจในกลุ่มโรงแรมและการบริการอย่างเต็มตัว ภายใต้การดูแลของบริษัท ซีทูเอช จำกัด (C2H)”
โดยการลงทุนในโอ๊ควูด สวีท ติวานนท์ กรุงเทพฯ ใช้งบประมาณอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดอัตราการจองห้องพักภายในสิ้นปีประมาณ 10% และปี 66 เพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 40% วางเป้าคืนทุนได้ภายใน 3 ปี
และการขยายธุรกิจของซีทูเอชนั้นมีแผนการขยายธุรกิจโรงแรมและการบริการในรูปแบบ Mix used, Long – Short stay ทั้ง 5 ดาว และ 4 ดาว รองรับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่ม Hospital Medical Stay Government Corporate Leisure (Long Stay)
นอกจากนั้น สถานที่ตั้งของโครงการที่บริษัทมีแผนในการพัฒนาต่อยอดยังเป็นพื้นที่ทำเลทองใจกลางสถานที่สำคัญ ใกล้แหล่งท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายที่จะบริหารห้องพักให้ได้มากกว่า 6,000 ยูนิต ในปี 2570 ซึ่งเรามั่นใจที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจโรงแรมได้
นายแพทย์วิเชียร กล่าวต่อว่า บริษัทยังมีแผนลงทุนศูนย์บริการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยในระยะพักฟื้น (Step-Down-Cars) จำนวน 10 แห่งในกรุงเทพฯ รวมถึงศูนย์พยาบาลดูแลผู้สูงอายุ และที่พักอาศัยหลังวัยเกษียณ
โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล ป.แพทย์ ที่เปิดให้บริการ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาล ป.แพทย์ 1 และ ป.แพทย์ 2 รวม 300 เตียง ในจังหวัดนครราชสีมา เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของจังหวัด และมีแผนที่จะนำบริษัท เอ็น.ดี.เอส 34 จำกัด ที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 25% เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก mgronline.com
AWC ร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ “แอคคอร์” รุกหนักพัฒนาโรงแรมกว่า 1,000 ห้อง
“แอสเสท เวิรด์ฯ” ร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งแรกกับแอคคอร์ เครือข่ายโรงแรมและการบริการชั้นนำระดับสากล เดินหน้าพัฒนาโรงแรมหลายแห่งภายใต้แบรนด์ชั้นนำจากกลุ่ม Accor เช่น แฟร์มอนท์ (Fairmont) แฟร์มอนท์ เรสซิเดนซ์ (Fairmont Residences) และเอ็มแกลเลอรี (MGallery) ในจุดหมายสำคัญด้านการท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทยรวมกว่า 1,000 ห้อง สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ AWC ในการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลก เพื่อพัฒนาสินทรัพย์คุณภาพบนทำเลศักยภาพ และขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรเปิดเผยว่า “เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งแรกกับทาง Accor ซึ่งเป็นเครือโรงแรมชั้นนำระดับโลก เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอกลุ่มธุรกิจโรงแรมของ AWC บนทำเลศักยภาพในประเทศไทย โดยมีแผนจะนำแบรด์ชั้นนำจากกลุ่ม Accor มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมการโรงแรมและบริการของไทย ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้เป็นการนำความเชี่ยวชาญของทั้ง AWC ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรของไทย และกลุ่ม Accor ซึ่งมีฐานลูกค้าทั่วโลกที่แข็งแกร่ง มาร่วมรวมพลังกันเพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางที่มีแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกมากมาย รวมถึงสร้างศักยภาพในการเพิ่มกระแสเงินสดและการเติบโตที่แข็งแกร่งให้ AWC อีกด้วย”
ทั้งนี้ AWC จะพัฒนาโรงแรมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอแบรนด์โรงแรมในระดับลักชัวรี และแนวไลฟ์สไตล์ของ Accor เพื่อมอบประสบการณ์อันเหนือระดับในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวสำคัญของไทย เสริมความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวของประเทศ พร้อมส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืน
นายการ์ท ซิมมอนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอคคอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ กล่าวว่า Accor มุ่งมั่นที่จะขยายการเติบโตอยู่เสมอ ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เป็นเจ้าของธุรกิจที่เข้าใจถึงวิสัยทัศน์และธุรกิจโรงแรมของ Accor ทั้งนี้เรามีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ AWC ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าด้วยความเชี่ยวชาญและจุดแข็งของ Accor ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ จะช่วยส่งเสริมให้ AWC คงความเป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์ของประเทศไทย และด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ เราตั้งเป้าที่จะนำแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากมายของ Accor มาสู่ประเทศไทย
“AWC เชื่อมั่นว่าการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันอย่าง Accor เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืนและจะร่วมกันพัฒนาโรงแรมแบรนด์ระดับโลกมากมายในประเทศไทย เป็นจุดเริ่มต้นของโครงการไฮไลต์อีกหลายแห่งในอนาคต เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยตามพันธกิจของ AWC ในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” นางวัลลภา กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก mgronline.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 34.84 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทมีโอกาสผันผวนฝั่งอ่อนค่าได้ และควรระวังแรงขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น อาจมีโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวเพิ่มมากขึ้น กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้เช่นกัน
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.84 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.79 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันที่ 9 ธันวาคม)
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ความกังวลแนวโน้มเฟดอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและความกังวลแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) ในฝั่งเศรษฐกิจหลัก กดดันให้ตลาดพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยง
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ไฮไลท์สำคัญ จะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI สหรัฐฯ รวมถึงผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ( FOMC) เดือนธันวาคม นอกจากนี้ ควรติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ตลาดมองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน อาจชะลอลงสู่ระดับ 7.3% ตามการปรับตัวลงของราคาพลังงาน ปัญหา Supply Chain ที่คลี่คลายลงมาก รวมถึงการลดราคาสินค้าของผู้ประกอบการเพื่อบริหารสินค้าคงคลัง
อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) อาจชะลอลงไม่มากนัก สู่ระดับ 6.1% หนุนโดยการใช้จ่ายของคนอเมริกันที่ยังดีอยู่ สอดคล้องกับภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัว ซึ่งเราคาดว่า แม้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและมีแนวโน้มชะลอลง แต่แรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่จะส่งผลให้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
แต่ในอัตราชะลอลง (+50bps จาก +75bps) สู่ระดับ 4.25%-4.50% และมีความเป็นไปได้ว่า ประธานเฟดรวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอาจแสดงความกังวลแนวโน้มเงินเฟ้อพื้นฐานที่ชะลอตัวลงช้ากว่าคาด
อาจสะท้อนผ่านมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่จะสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 5.00% หรือ 5.25% (ค่ากลางของคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายสิ้นปี 2023 อาจอยู่ที่ระดับ 4.875%) รวมถึงการปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นสำหรับปี 2022 และ 2023
ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาการปรับประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจและอัตราว่างงานของเฟด โดยเราคาดว่า ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงมากขึ้น อาจทำให้เฟดพิจารณาปรับลดอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในปี 2023 สู่ระดับต่ำกว่า +1.0% (vs. +1.2% ในคาดการณ์ ณ การประชุมเดือนกันยายน) พร้อมปรับเพิ่มอัตราการว่างงานสู่ระดับ 4.6% (vs. 4.4% ในคาดการณ์ครั้งก่อน)
▪ ฝั่งยุโรป – ตลาดประเมินว่า ภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปอาจไม่ได้เลวร้ายลงมาก อย่างที่ตลาดเคยกังวลก่อนหน้า สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Survey) ที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -27 จุด ในเดือนธันวาคม (ดัชนีต่ำกว่า 0 หมายถึง มุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ) รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของยูโรโซนในเดือนธันวาคม ที่อาจทรงตัวที่ระดับ 47.1 จุด และ 48.5 จุด ตามลำดับ
สะท้อนว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตและภาคการบริการของยูโรโซนแม้จะยังคงหดตัวอยู่ แต่ก็ไม่ได้หดตัวในอัตราเร่งขึ้น ในส่วนนโยบายการเงิน เรามองว่า แม้โดยรวมภาพเศรษฐกิจยุโรป (ยูโรโซนและอังกฤษ) จะชะลอลงชัดเจน
แต่ปัญหาที่สำคัญ คือ อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงถึง 10% ซึ่งจะทำให้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจเลือกเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่ในอัตราชะลอลง (+50bps จาก +75bps) ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย Deposit Facility Rate ของ ECB ปรับขึ้นสู่ระดับ 2.00%
ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Bank Rate ของ BOE ก็จะปรับขึ้นสู่ระดับ 3.50% อนึ่ง ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจต่อมุมมองของทาง ECB และ BOE ต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ย โดยเฉพาะจุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
▪ ฝั่งเอเชีย – ตลาดมองว่า การทยอยเปิดประเทศของญี่ปุ่นจะช่วยหนุนให้ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ สำรวจโดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (Tankan Survey) ในส่วนของผู้ประกอบการนอกภาคการผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการรายใหญ่อาจปรับตัวขึ้นแตะระดับ 16 จุด
สอดคล้องกับดัชนี PMI ภาคการบริการในเดือนธันวาคม ที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.5 จุด ในขณะที่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและจีนจะกดดันให้ภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นชะลอลงตัวลง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในฝั่งภาคอุตสาหกรรมที่จะลดลงสู่ระดับ 7 จุด สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ และการปรับตัวลงต่อเนื่องของดัชนี PMI ภาคการผลิตสู่ระดับ 49 จุด
ส่วนในฝั่งจีน ตลาดคาดว่า ผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมาจะกดดันให้เศรษฐกิจจีนโดยรวมซบเซาหนักในเดือนพฤศจิกายน โดยยอดค้าปลีก (Retail Sales) อาจหดตัวกว่า -3.9%y/y เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ตลาดประเมินว่า ข้อมูลเศรษฐกิจจีนดังกล่าวอาจผ่านจุดเลวร้ายสุดไปแล้ว หลังล่าสุดทางการจีนได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด COVID-19 เพิ่มเติม ซึ่งได้ส่งผลให้ ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวขึ้นรุนแรง ส่วนเงินหยวน (CNY) ก็แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 6.97 หยวนต่อดอลลาร์
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสผันผวนฝั่งอ่อนค่าได้ และควรระวังแรงขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น (สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยกว่า -5 พันล้านบาท)
นอกจากนี้ หากราคาทองคำย่อตัวลง (ซึ่งอาจเป็นการพักฐานเพื่อปรับตัวขึ้นต่อ) ก็อาจมีโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้เช่นกัน
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า ควรระวังความกังวลแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ และการขึ้นดอกเบี้ยเฟด หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ ไม่ได้ชะลอลงมาก
และเฟดส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 5.25% อนึ่ง หาก ECB และ BOE ย้ำจุดยืนเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ก็อาจช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้บ้าง
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.50-35.20 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.75-34.95 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.77-34.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.40 น.) ใกล้เคียงระดับปิดตลาดในประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาททรงตัวในกรอบแคบ แต่กรอบการแข็งค่าในระหว่างวันอาจเป็นไปอย่างจำกัด สอดคล้องกับแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ที่อาจชะลอลงบางส่วน เนื่องจากตลาดอยู่ระหว่างรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (คืนนี้ 13 ธ.ค.) และผลการประชุมเฟด (คืนพรุ่งนี้ 14 ธ.ค.)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.75-35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสกุลเงินเอเชีย โดยเฉพาะค่าเงินหยวน รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ (CPI) เดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ชัญญาภัสร์” สุดยอด!!! คว้าแชมป์โลกโมเดลสมัย 2 ปิดเพาะกายโลก
ปิดฉากเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลก ไทยได้เหรียญทองเหรียญสุดท้าย จาก “กวาง” ชัญญาภัสร์ ก่อพาราภิรมย์ ที่ได้แชมป์โลกประเภทซีเนียร์ โมเดลฟิสิคหญิง รุ่นความสูงเกิน 170 ซม. สมัย 2 ทำให้ในวันที่ 3 ไทยได้ 1 ทอง 1 เงิน 1 ทองแดงรวม 3 วัน ได้ 10 ทอง 13 เงิน 5 ทองแดง พร้อมคว้าถ้วยชนะเลิศคะแนนรวมทีมหญิง ส่วนทีมชายได้ที่ 2
การแข่งขันกีฬาเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลก ประจำปี 2022 ครั้งที่ 13 เซ็นทรัล ภูเก็ต เป็นการแข่งขันวันสุดท้าย เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.โดยมี ดาโต๊ะพอล ชัวร์ ประธานสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสโลก (WBPF) เป็นประธานปิดการแข่งขัน ร่วมด้วย นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย ในฐานะเลขาธิการร่วมของสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสโลก พร้อมด้วย นายธรรมวรรธ วงศ์เจริญยศ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดภูเก็ต ที่ร่วมมอบรางวัลให้กับนักกีฬา
พิธีปิดการแข่งขันได้มีการส่งมอบธงในการเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปให้กับ เกาหลีใต้ ที่จะจัดการแข่งขันในปีหน้า ในครั้งที่ 14 ระหว่าง วันที่ 31 ต.ค.- 5 พ.ย.ปี 2566
ในวันสุดท้าย วันที่ 3 ชิง 9 ทอง มีนักกีฬาไทยลงแข่ง 8 คน
ประเภทซีเนียร์ โมเดลฟิสิคหญิง รุ่นความสูงเกิน 170 ซม. “กวาง” ชัญญาภัสร์ ก่อพาราภิรมย์ แชมป์เก่า สามารถรักษาแขมป์อีกสมัยเป็นสมัยที่ 2 โดยมี ฟิร์มา ไดอานา อาซิซาห์ (อินโดนีเซีย) ได้เงิน ทองแดง วีนา โชวฮาน (อินเดีย)
“กวาง” ชัญญาภัสร์ ก่อพาราภิรมย์ เปิดใจว่า ดีใจมากๆ คร่า ที่สามารถป้องกันแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 2 ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ในปีหน้า จะป้องกันแชมป์โลกให้ได้อีกสมัย
ประเภทซีเนียร์ แอธเลติกฟิสิค หญิง รุ่นความสูงไม่เกิน 165 ซม.ศิรินทิพย์ อินทรีย์ เหรียญทองเอเชีย 2022 ได้เหรียญเงิน โดยแชมป์ตกเป็นของ กัลแซน กัลซารูอุล (มองโกเลีย) ที่ 3 ไดอาเน มูเนียปิน เดลาเทียเอลา (นิวแคลินโดเนีย)
ประเภทแอธเลติกฟิสิคชาย รุ่นความสูงไม่เกิน 182 ซม.กองพล ทองสุข ได้ที่ 3 โดยแชมป์เป็นของ โคบีลอฟ ชามส์ฮอด (อุซเบกิสถาน) ที่ 2 วาฮิด อาลิซาเดห์ (อิหร่าน)
ประเภทแอธเลติกฟิสิคชาย รุ่นความสูงเกิน 182 ซม. เรือโทดำรงค์ศักดิ์ สร้อยศรี ได้ที่ 4 ประเภทซีเนียร์ เพาะกายชาย รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 100 กก.พันธวัช นิมิตภาคภูมิ ได้ที่ 4
ประเภทซีเนียร์ เพาะกายชาย รุ่นน้ำหนักเกิน 100 กก. กิตติศักดิ์ วุฒิการณ์ ได้ที่ 4
ประเภทซีเนียร์ เพาะกายชาย รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 90 กก. อิทธิภัฒฐ์ ประทีป ตกรอบคัดเลือก
ประเภทซีเนียร์ แอธเลติกฟิสิค หญิง รุ่นความสูงเกิน 165 ซม. ปุริมปรัชญ์ วรรณอภิลักษณ์ ได้ที่ 4
สรุป ในวันที่ 3 ไทยได้ 1 ทอง 1 เงิน 1 ทองแดง รวม 3 วัน ได้ 10 ทอง 13 เงิน 5 ทองแดง
นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันแชมป์ออฟแชมป์ที่คัดแชมป์เพาะกายทุกรุ่นมาประชันกล้าม โดยไทยมี “ยนต์” จีรพันธ์ โป่งคำ แชมป์ประเภทซีเนียร์ เพาะกายชาย รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 60 กก. ผลปรากฏว่า แชมป์ออฟแขมป์ ตกเป็นของ คาทิเกวาร์ (อินเดีย) แชมป์ประเภทซีเนียร์ เพาะกายชาย รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 90 กก.
สำหรับรางวัลถ้วยคะแนนรวม ทีมหญิง ที่ 1 ไทย 375 คะแนน ที่ 2 มองโกเลีย 325 คะแนน ที่ 3 ฮังการี 200 คะแนน ทีมชาย ที่ 1 อินเดีย 715 คะแนน ที่ 2 ไทย 600 คะแนน ที่ 3 มาเลเซีย 180 คะแนน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ตุ่มพอง” จากการเสียดสี-รองเท้ากัด-น้ำร้อนลวก ควรเจาะดีหรือเปล่า?
ใครๆ ต่างก็เคยเจอ ตุ่มพอง ที่เป็นตุ่มใสๆ มีน้ำอยู่ข้างใน แล้วก็อาจจะคันมือคันไม้ อยากที่จะจัดการกับมันเสียเต็มประดา แต่ก่อนที่จะจัดการกับมัน ลองอ่านข้อมูลพวกนี้ดูก่อน แล้วคุณอาจจะอยากปล่อยมันไว้เฉยๆ แบบนั้นก็ได้
ตุ่มพองจริงๆ แล้วมีประโยชน์นะ!
การเสียดสี หรือความร้อนเล็กน้อย เป็นสาเหตุหลักของการเกิด ตุ่มพอง ซึ่งมีของเหลวอยู่ด้านใน แม้เราจะอยากจัดการกับมันเสียเต็มประดา แต่จริงๆ แล้วของเหลวใสที่อยู่ด้านในตุ่มนั้น มีประโยชน์กว่าที่คุณคิด! เนื่องจากตุ่มพองมักเกิดขึ้นบริเวณที่มีการเสียดสี และผิวหนังส่วนนั้นที่พองขึ้นมา เป็นวิธีการของร่างกายในการปกป้องผิว และของเหลวใสที่อยู่ในตุ่มพองนั้น ก็มีหน้าที่ในการป้องกันผิวด้านล่าง ซึ่งเป็นผิวหนังที่จะเกิดขึ้นใหม่ นอกจากนี้ของเหลวนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อผิวด้านล่างเนื่องจากทำให้ผิวบริเวณนั้นสะอาด จึงเป็นการป้องกันการติดเชื้อ และเร่งอาการให้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นถึงแม้ตุ่มพองจะทำให้รู้สึกเจ็บ แต่เราก็ไม่ควรจะเจาะตุ่มน้ำออก นอกจากในกรณีที่มีขนาดใหญ่เกินไป และทำให้เกิดการเจ็บหรือระคายเคือง ตุ่มพองส่วนใหญ่จะหายไปได้เอง โดยไม่ต้องรับการรักษาจากแพทย์แต่อย่างใด
แต่ถ้าอยากจัดการกับตุ่มพอง…
ถึงแม้ตุ่มพองจะไม่จำเป็นและไม่ควรต้องเจาะออก แต่ในกรณีที่ตุ่มพองมีขนาดใหญ่มาก และคุณห้ามใจไม่ได้ที่อยากจะเจาะ ให้ใช้วิธีการต่อไปนี้
- ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเข็มที่จะใช่เจาะ โดยการลนไฟให้ปลายเข็มร้อนจนแดง และล้างด้วยแอลกอฮอล์
- ล้างมือ และล้างบริเวณที่จะเจาะให้สะอาด เมื่อเจาะแล้วของเหลวไหลออกมา
- หากคุณสังเกตว่า ของเหลวที่ไหลออกมาเป็นสีขาวหรือเหลือง นั่นหมายความว่า เกิดการติดเชื้อเข้าแล้ว และต้องเข้ารับการรักษาโดยแพทย์
- ไม่ควรดึงหนังบริเวณที่เจาะตุ่มออก เพื่อเป็นการป้องการผิวหนังด้านล่างที่เกิดขึ้นใหม่
- ใช้ยาฆ่าเชื้อทาบริเวณที่เจาะ
- เฝ้าสังเกตสัญญาณของการติดเชื้อ คือบริเวณที่เป็นตุ่มพองรู้สึกอุ่นและแดง มีหนองไหลออกมา หรือเกิดรอยแดงบริเวณรอบตุ่มพองและขยายวงกว้าง
วิธีการหลีกเลี่ยงการเกิดตุ่มพอง
ในกรณีของตุ่มพองที่เกิดจากน้ำร้อนลวกหรือรอยไหม้ เราอาจไม่มีวิธีป้องกัน นอกจากจะบอกให้ระมัดระวังของร้อนเหล่านี้ แต่สำหรับตุ่มพองที่เกิดจากการเสียดสีต่างๆ นั้น วิธีการหลีกเลี่ยงการเกิดตุ่มพอง ก็คือการป้องกันการเสียดสี เช่น ใส่ถุงมือเวลาต้องทำงานที่ทำให้เกิดการเสียดสี อย่างการใช้คราดกวาดใบไม้ การใช้จอบหรือเสียมเพื่อทำสวน การใช้มือเปล่าจับเครื่องมือเหล่านี้ สามารถทำให้เกิดตุ่มพองได้ โดยเฉพาะถ้าคุณทำเป็นครั้งแรก สำหรับตุ่มพองที่เกิดจากรองเท้า ค่อยๆ ปรับการสวมรองเท้าใหม่ทีละน้อย โดยการทาปิโตรเลียมเจลลี่ หรือปิดแผ่นกันรองเท้ากัดบริเวณที่เกิดการเสียดสี เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดตุ่มพองขึ้น อย่างไรก็ตาม ตุ่มพองจะไม่ใช่แค่ตุ่มพองธรรมดา ถ้ามันเกิดขึ้นมา โดยที่คุณไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิด ลักษณะการเกิด หรือที่มาของตุ่มพองได้ ตุ่มพองที่เกิดขึ้นเช่นนี้ อาจเกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของเลือด หรือโรคเบาหวาน นอกจากนี้ หากตุ่มพองบวมขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกเจ็บหรือแดง ก็อาจแสดงถึงการติดเชื้อ ซึ่งคุณควรต้องไปพบหมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สำนวนภาษาอังกฤษวันนี้
สวัสดีครับ เพื่อน ๆ เคยเป็นไหมครับบางครั้งเราก็ งง ๆ สับสนกับภาษาอังกฤษว่าทำไมแปลแล้วความหมายแปลก ๆ หรือ เพราะว่าเราแปลผิด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วอาจจะเป็นสำนวนภาษาอังกฤษก็ได้นะครับ วันนี้เรามาเรียนรู้สำนวนภาษาอังกฤษกันดีกว่าครับ
1) Go dutch หมายถึง แบ่งกันจ่ายคนละครึ่ง
แต่ในบางครั้งความหมายอาจ จะออกไปในแนวแอบเสียดสี ในเชิงตระหนี่ถี่เหนียวด้วยได้เหมือนกัน
For example:
He didn’t pay for me, so we ended up going dutch on the first date.
= เขาไม่ได้จ่ายเงินให้ฉัน พวกเราจึงลงท้ายด้วยการจ่ายกันคนละครึ่งในเดทครั้งแรก
2) Get lost หมายถึง หลงทาง
แต่ถ้าเป็นคำสั่งจะเป็นในเชิงการไล่ แปลว่า ไปให้พ้น ไปให้ห่างๆ ไสหัวไป
For example:
Take a map with you in case you get lost.
= เอาแผนที่ไปด้วยนะครับ ในกรณีเผื่อคุณหลงทาง
3) Keep a promise หมายถึง การรักษาสัญญา ทำตามสัญญา
For example:
I must keep a promise I made.
= ผมต้องรักษาสัญญาที่ผมสร้าง
4) Break a leg แปลตรงตัวอาจจะแปลว่า ขาหัก นะครับ แต่จริงๆแล้ว ความหมายของสำนวนนี้ หมายถึง ขอให้โชคดี ครับ
For example:
A: I have an exam tomorrow.
ฉันมีสอบพรุ่งนี้
B: Break a leg! I hope it goes well!
ขอให้โชคดีนะ ฉันหวังว่ามันจะเป็นไปด้วยดีนะ
5) After all หมายถึง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
For example:
But after all, they are our children.
= แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นลูกเรานะ
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
รู้จักกับ Ronna – Quetta – Ronto – Quecto หน่วยวัดขนาดใหม่ล่าสุดของโลก
ในขณะที่จำนวนประชากรโลกเพิ่มขึ้นเกินเป็นกว่า 8 พันล้านคน นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้จัดประชุมที่ประเทศฝรั่งเศสเพื่อหารือการขยายระบบหน่วยการวัดของโลกเป็นครั้งแรกในศตวรรษนี้
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่รุดหน้าอย่างรวดเร็วที่มาพร้อมการขยายตัวของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลทั่วโลก ทั้งบนเว็บไซต์ ในสมาร์ทโฟน รวมถึงระบบคลาวด์ ส่งผลให้คำศัพท์ที่ใช้ในมาตรวัดทั้งน้ำหนักและขนาดจำเป็นต้องปรับเพิ่มตามไปด้วย
นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษรายหนึ่งเป็นผู้ผลักดันให้มีการเพิ่มคำศัพท์นำหน้าที่แปลกหูและออกเสียงยาก เพื่อแสดงหน่วยทั้งสำหรับการวัดของที่มีขนาดใหญ่ยักษ์มหึมาและที่เล็กจิ๋วมากก็ได้
ริชาร์ด บราวน์ หัวหน้าแผนกมาตรวิทยาจากห้องปฏิบัติการ National Physical Laboratory หรือ NPL ที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว เอพีว่า “คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับคำนำหน้าต่าง ๆ อย่างเช่น คำว่า “มิลลิ” ในมิลลิกรัม แต่คำศัพท์ชุดใหม่นี้ จะเป็นมาตรวัดในระดับที่ใหญ่ที่สุด และเล็กที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
บราวน์ เสริมว่า “ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ปริมาณข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้น บันทึกและคัดลอก (datasphere) เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลพบว่า ไม่มีคำศัพท์ในระดับที่สามารถอธิบายปริมาณข้อมูลที่ถูกจัดเก็บได้ และคำศัพท์ใหม่ ๆ เหล่านี้กำลังจะถูกนำมาใช้งานในอนาคตอันใกล้นี้” โดยคำศัพท์นำหน้าชุดใหม่ที่ไม่คุ้นหูจำนวน 4 คำ ได้แก่คำว่า รอนนา (ronna) เควทตา (quetta) รอนโต (ronto) และ เควคโต (quecto)
สำหรับการใช้งาน เพื่อแสดงความมหาศาล จะใช้คำว่า “รอนนา” ซึ่งหมายถึงมีเลขศูนย์ต่อท้ายจำนวน 27 ตัว และคำว่า “เควทตา” จะหมายถึงมีเลขศูนย์ต่อหลังจำนวน 30 ตัว ส่วนคำขั้วตรงข้ามที่แสดงถึงความเล็กมาก คือคำว่า “รอนโต” ที่มีเลขศูนย์หลังจุดทศนิยมจำนวน 27 ตัว และ “เควคโต” ที่หมายถึงเลขศูนย์หลังจุดทศนิยมจำนวน 30 ตัว ซึ่งถือเป็นหน่วยที่วิทยาศาสตร์ด้านควอนตัมและฟิสิกส์ด้านอนุภาคมีความจำเป็นในการใช้งาน
บราวน์ เสนอคำนำหน้าชุดใหม่ต่อเจ้าหน้าที่จาก 64 ประเทศที่เข้าร่วมการประชุมเรื่องน้ำหนักและมาตรวัด ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแวร์ซายนอกกรุงปารีส และที่ประชุมนี้ก็อนุมัติการใช้งานศัพท์ใหม่ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยการประชุมดังกล่าวถูกจัดขึ้นทุก ๆ 4 ปีที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานมาตราชั่งตวงวัดระหว่างประเทศ (International Bureau of Weights and Measures หรือ BIPM) โดยการอนุมัตินั้นมีผลให้คำศัพท์ชุดใหม่สามารถถูกนำไปใช้งานได้ทันที และเป็นการเพิ่มคำศัพท์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1991
บราวน์ ชี้ว่า คำศัพท์ชุดใหม่นี้จะช่วยอธิบายในสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เข้าใจอยู่แล้วได้ง่ายขึ้น ทั้งในแง่การพูดถึงสิ่งที่เล็กที่สุด และสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยค้นพบ
ตัวอย่างเช่น มวลของ 1 อิเล็กตรอนเทียบได้กับ 1 รอนโตกรัม (rontogram) ปริมาณข้อมูล 1 ไบท์จะเพิ่มมวลให้กับมือถือ 1 เควคโตกรัม (rontogram) ขนาดของดาวพฤหัสบดีมีมวลถึง 2 เควทตากรัม และเส้นผ่านศูนย์กลางของจักรวาลที่เราสังเกตการณ์ได้นั้นมีขนาดถึง 1 รอนนาเมตร (ronnameter)
นักวิทยาศาสตร์ท่านนี้ยังอธิบายถึงกระบวนการคัดสรรคำศัพท์ชุดใหม่นี้ด้วยว่า ไม่ได้มาจากการสุ่มเลือก โดยอักษรตัวแรกในแต่ละคำจะต้องเป็นตัวอักษรที่ไม่ได้ถูกใช้เป็นคำนำหน้ารวมถึงถูกใช้หน่วยมาตรวัดใด ๆ มาก่อน
บราวน์ ให้รายละเอียดเพิ่มว่า “มีเพียงตัวอักษร R และ Q ที่ยังไม่ถูกใช้งาน อีกทั้งมีเสียงที่ฟังคล้ายกับชุดตัวอักษรกรีก ที่คำนำหน้าเมื่อกล่าวถึงจำนวนมหาศาลจะลงท้ายด้วยตัวอักษร A และเมื่อพูดถึงจำนวนที่น้อยจะลงท้ายด้วยตัวอักษร O”
ท้ายสุด เขายืนยันด้วยว่า ถึงเวลาแล้วที่โลกต้องการคำศัพท์ใหม่ ๆ ในสภาวะที่ทุกอย่างกำลังขยายตัว และเขาเชื่อว่า ในช่วงไม่กี่ทศวรรษข้างหน้านี้ โลกของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Chiang Mai Art Gallery โครงสร้างจากหวาย ประสบการณ์ดื่มด่ำ อบอุ่นและลึกซึ้งไม่เหมือนใคร
ปัจจุบันคนในประเทศไทยเริ่มหันมาให้ความสนใจกับงานศิลปะมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นงานภาพวาด งานหัตถกรรมหรือของสะสมต่างๆ ที่มีคุณค่าทางศิลป์ “Chiang Mai Art Gallery” เป็นอีกหนึ่งหอศิลป์สำหรับนักสะสมงานศิลปะที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ออกแบบโดย Enter Project Asia
ความท้าทายของ Enter Project Asia
Enter Project Asia ได้รับมอบหมายให้ออกแบบผลงานศิลปะโดยใช้วัสดุธรรมชาติทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคอลเล็กชันเครื่องเงิน, กระเบื้องพอร์ซเลน และคอลเล็กชัน Wedgwood ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจ้าของและนักสะสมต่างแสวงหาพื้นที่สำหรับจัดแสดงวัตถุทางศิลปะให้ผู้คนได้ชื่นชม Enter Project Asia ได้รับการท้าทายในการสร้างแกลเลอรี่ให้มีชีวิตชีวาด้วยการแบ่งโซน การจัดแสง และที่นั่งให้มีเอกลักษณ์ผสมผสานรูปทรงเรขาคณิตแบบ 3 มิติ ด้วยงานฝีมือแบบไทย “Patrick Keane” ผู้อำนวยการของ Enter Project Asia ได้กล่าวไว้ว่า “พวกเราพยายามสร้างประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ มอบพื้นที่ที่อบอุ่นและลึกซึ้งไม่เคยมีมาก่อนในหอศิลป์ทั่วไป”
โครงสร้างหวายกับการจำลองการเคลื่อนไหวของเมฆและไอน้ำ
คอนเซปต์นี้มุ่งเน้นที่การออกแบบร่วมสมัยและใช้แนวคิดของไหล เทคนิคการทำงานแบบพาราเมตริกและ
ไดนามิกใช้ซอฟต์แวร์พิเศษในการจำลองการเคลื่อนไหวของก้อนเมฆและไอน้ำ โครงสร้างหวายจึงสานไปมาตามรอยต่อทั้งภายนอกและภายในเพื่อให้ดูเหมือนกำลังบิดไปมา และประดิษฐ์ “โครงสร้าง PODS” หลักสามกลุ่ม สูง 5 เมตร , 4 เมตร และ3.5 เมตร ตามลำดับเป็นเกราะสำหรับคอลเล็กชันที่กำลังจะมาถึงนี้
“หวาย” วัสดุจากธรรมชาติ
ทาง Project ได้อธิบายสภาวะของฟลักซ์ไว้ว่า “การเปลี่ยนแปลงและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สิ้นสุด ทางเดินที่ต่อเนื่องของการเคลื่อนไหว นำทางโดยธรรมชาติ และรูปแบบธรรมชาติที่รวมอยู่ในองค์ประกอบของหวาย” ในทางกลับกันอาจจะกล่าวได้ว่าธรรมชาติได้มอบวัสดุที่หลากหลายไว้ให้ เช่น หวาย ที่มีอยู่มากมายทั่วเอเชีย
ทางเลือกของศิลปะ
“การก่อสร้างที่ยั่งยืนไม่ใช่เรื่องยากหากเราปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ทำไมเราถึงยังใช้พลาสติกสังเคราะห์ที่เป็นพิษในเมื่อเรามีวัสดุที่มีคุณภาพอยู่แค่ปลายนิ้ว” คีนถาม
จากประสบการณ์การออกแบบหอศิลป์คีนเชื่อว่า “นักออกแบบต้องการค้นหาทางเลือกของศิลปะเพื่อแสดงสิ่งที่เราคุ้นเคย หอศิลป์ในอนาคตจะเชื่อมโยงสิ่งมีชีวิตและประสบการณ์ที่หลายมิติมากขึ้น ลองสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ ให้ศิลปะเป็นตัวแทนการใช้ชีวิต” หาก “ชีวิต” คือสิ่งที่คีนและทีมนำมาใช้ในโปรเจกต์นี้ ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่บริสุทธิ์ที่สุดของสิ่งนี้ : สำคัญ สร้างสรรค์ และวิวัฒนาการ
เราจะเห็นได้ว่ามีวัสดุจากธรรมชาติมากมายที่สามารถนำมาดัดแปลงให้เป็นศิลปะและสถาปัตยกรรมที่แปลกใหม่และสวยงามได้ หอศิลป์เชียงใหม่แห่งนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าธรรมชาติเป็นได้มากกว่าธรรมชาติ
Architects: Enter Projects Asia
Area: 2000 m²
Year: 2022
Photographs: Willam Barrington Binns
Manufacturers: Soraa, Project Rattan, Unonovesette, Vexica
Design Team: Patrick Keane, Wells Chen
Rattan Structures and Pods Lighting: Infusion Lighting
City: Chiang Mai
Country: Thailand
ภาพและข้อมูลจาก
https://www.archdaily.com/991347/chiang-mai-art-gallery-enter-projects-asia
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13/12/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,300.00 | 29,400.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,898.00 | 28,773.68 | 29,900.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,708.20 | 25,896.31 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,518.40 | 23,018.94 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 854.00 | 12,946.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 664.00 | 10,066.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,967.00 | 29,819.72 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 13/12/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.15 | 34.15 | 34.45 | 34.45 | 34.45 | 34.15 | 34.15 | 34.15 | 34.45 | 34.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 33.88 | 33.88 | 34.18 | 34.18 | 34.18 | 33.88 | 33.88 | 33.88 | 34.18 | 33.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.24 | 32.24 | 32.54 | 32.54 | 32.54 | – | 32.24 | 32.24 | 32.54 | 32.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.39 | 32.39 | – | – | – | – | – | – | – | 32.39 |
เบนซิน 95 | 41.56 | – | – | – | 42.31 | – | 42.06 | 42.01 | – | 41.56 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.54 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.54 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 35.54 | – | 34.94 | 34.94 | 32.54 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.26 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |