“เดอะ เม็ท” จี้ศาลเร่งลุยคดีโครงการอาคารชุด 125 สาทร
“เดอะ เม็ท” จี้ศาลเร่งลุยคดีโครงการอาคารชุด 125 สาทร หลังยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อปีที่ผ่านมา กรณีที่มีการอนุมัติรายงาน EIA ระบุโครงการจะก่อสร้างในเร็ววันนี้
คดีที่อาคารชุด เดอะ เม็ท ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อปีที่ผ่านมา กรณีที่มีการอนุมัติรายงาน EIA (รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ของโครงการอาคารชุด 125 สาทร ซึ่งเป็นโครงการตึกสูง กำลังเดินหน้าต่อไป โดยศาลจะนัดวันสืบพยานในเร็ววันนี้
นางสาวชิดชนก เลิศอำพรไพศาล ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด “เดอะ เม็ท” เปิดเผยว่า เจ้าของร่วมในโครงการเดอะ เม็ท ต้องการจะให้คดีนี้มีความคืบหน้าโดยเร็ว เนื่องจากโครงการ 125 สาทร น่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในเร็ววันนี้
ทั้งนี้ ประเด็นที่น่าสังเกตคือ ในหลายคดีที่ผ่านมา แม้จะได้มีการยื่นฟ้องคดีต่อศาลเพื่อคัดค้านโครงการก่อสร้างอาคารชุดแล้ว แต่ผู้พัฒนาโครงการก็ยังสามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการต่อไปในระหว่างที่คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณา
ซึ่งอาจใช้เวลาหลายปีกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ทำให้ผู้พัฒนาโครงการเป็นฝ่ายที่มีความได้เปรียบกว่าชุมชนที่ทำการคัดค้านโครงการนั้น ๆ ซึ่งนำมาสู่คำถามว่า โครงการเหล่านี้ได้รับอนุมัติรายงาน EIA และได้รับใบอนุญาตก่อสร้างได้อย่างไร ทั้งที่ชุมชนในพื้นที่มีการคัดค้านอย่างรุนแรง
นายโสภณ พรโชคชัย ประธาน บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส และกรรมการสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากล (FIABCI) กล่าวโดยตั้งข้อสังเกตุว่า การก่อสร้างโครงการดังกล่าวซึ่งไม่เป็นไปตามสัญญาที่ผู้พัฒนารายก่อนและเจ้าของที่ดินได้ให้ไว้ว่าจะพัฒนาที่ดินหน้าโครงการ The Met เป็นอาคารแบบ low-rise จะทำให้มูลค่าของห้องชุดในอาคารชุด The Met ลดลง เนื่องจากจะบดบังทัศนียภาพ และส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหลายประการ
“โครงการ 125 สาทร ต้องยังไม่เริ่มการก่อสร้างจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะเกิดความไม่ชัดเจนซ้ำรอยกรณีของโครงการ The AETAS Hotel & Residence ซึ่งตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดี 2 และโครงการ Ashton Asoke”
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันผู้พัฒนาอาคารชุดนิยมออกแบบอาคารชุดให้มีจำนวนห้องชุดที่มากเหลือเชื่อบนพื้นที่ขนาดเล็ก โดยทำให้เกิดคำถามในเรื่องการดูแลผังเมืองโดยกรุงเทพมหานคร โครงการ 125 สาทร อยู่บนถนนสาทร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาการจราจรหนาแน่นมากที่สุดอันดับต้นในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
แต่ปัจจุบันยังไม่มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อแก้ปัญหาการจราจรในพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด ชุมชนที่อาศัยอยู่ในเขตสาทรยังคงรอฟังว่ากรุงเทพมหานครจะมีวิสัยทัศน์อย่างไรในเรื่องการออกแบบผังเมืองอย่างยั่งยืน
และจะกำหนดแนวทางแก่ผู้พัฒนาอย่างไรในการพัฒนาที่ดินอย่างมีความรับผิดชอบโดยคำนึงถึงข้อห่วงกังวลของชุมชนในพื้นที่ที่อยู่อาศัยมาก่อนเป็นสำคัญ โดยปัจจุบันดูเหมือนว่ากรุงเทพมหานครจะยังไม่มีแผนอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อแก้ปัญหาการจราจรและการขนส่งมวลชนในสาทรซึ่งเป็นย่านธุรกิจที่มีการจราจรแออัดแต่อย่างใด
สำหรับโครงการ 125 สาทรนั้น ถูกคัดค้านจากชุมชนในพื้นที่เนื่องจากรายงาน EIA โดยโครงการดังกล่าวได้รับอนุมัติทั้งที่ยังคงมีประเด็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมหลายประการที่ชุมชนในพื้นที่มีความกังวลอย่างยิ่ง
อีกทั้งยังคงมีประเด็นในเรื่องการปฏิบัติตามระเบียบของกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับการใช้ที่ดินโดยโครงการดังกล่าว ประเด็นเหล่านี้ ศาลปกครองกลางจะพิจารณาตัดสินในที่สุด ซึ่งอาจใช้เวลาถึงปี 2566 หรือ 2567
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้โครงการ 125 สาทร น่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง และหากศาลมีคำพิพากษาเป็นโทษต่อโครงการดังกล่าว อาคารที่ได้ก่อสร้างไปก็จะกลายเป็นอาคารร้าง ซึ่งเป็นภาพที่ไม่น่ามองสำหรับชุมชนดังกล่าวต่อไป ประเด็นดังกล่าวนี้นำมาสู่คำถามว่า ผู้พัฒนาโครงการ 125 สาทร จะรอให้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาก่อนหรือไม่ หรือจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างท่ามกลางความไม่แน่นอนจากการพิจารณาคดีดังกล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ราคาประเมินใหม่ ‘ตรัง’ ที่ชายขอบเมืองขึ้นพรวด 11.5 เท่า
ตรังประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ ฉบับปี 2566 วางหลักเกณฑ์เดียวกันทุกท้องถิ่น ดึงที่ดินตกสำรวจรอยต่อเทศบาลเข้าระบบ ปรับขึ้นราคาประเมินใหม่ก้าวกระโดด 1,150%
ที่ดินแพงสุดยังเป็นย่านการค้าเทศบาลนครตรัง ตร.ว.ละ 150,000 บาท ปรับขึ้นย่านการค้า 4 อำเภอ อีก 6 ไม่ขยับ ประธานหอฯร้องปลดล็อกผังเมืองเปิดทางลงทุนโรงแรม-โรงงาน
นางสาวจิราวรรณ สิทธิชัย ผู้อำนวยการส่วนประเมินราคาทรัพย์สิน สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ตรัง เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ราคาประเมินใหม่ตามประกาศราคาประเมินที่ดินรอบปี 2566-2569 (4 ปี) ที่เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2566 นั้น ทำให้ราคาประเมินที่ดินจังหวัดตรัง มีการปรับขึ้นอีกครั้ง หลังจากไม่ได้ปรับตลอด 7 ปีที่ผ่านมา จากเศรษฐกิจซบเซาเพราะผล กระทบจากการระบาดเชื้อโควิด-19
โดยที่ดินทำเลทองที่มีราคาสูงสุดในจังหวัดตรัง คือบริเวณถนนราชดำเนิน ย่านการค้าในเขตเทศบาลนครตรัง ยังอยู่ที่ตารางวา (ตร.ว.)ละ 150,000 บาท ไม่ปรับขึ้น เพราะไม่มีการซื้อขาย ส่วนที่ดินราคาตํ่าสุด ตร.ว.ละ 100 บาท เนื่องจากเป็นที่ตาบอด
ส่วนการปรับราคาประเมินที่ดินชายขอบเทศบาลนครตรัง อ.เมืองตรัง ที่เชื่อมกับที่ดินเขตเทศบาบอื่นๆ ครั้งนี้ได้ใช้หลัก เกณฑ์ประเมินเดียวกัน คือ เป็นที่โฉนด ประกาศเป็นรายแปลงใหญ่ ยึดแนวเขตธรรมชาติ จากถนนลึกไป 40 เมตรเหมือนทุกเทศบาล และกำหนดเป็นราคาเดียวกัน จากเดิมที่บางเทศบาลในแนวจากถนนลึก 20 เมตร บางแห่งใช้ลึก 40 เมตร ทำให้ราคาลักลั่นกัน
ผลจากการปรับหลักเกณฑ์ครั้งนี้ ทำให้มีที่ดินประมาณ 100 แปลง จากราคาตร.ว.ละ 200 บาท ปรับขึ้นเป็น 2,500 บาท หรือกระโดดขึ้นถึง 1,150% ซึ่งไม่ต้องตกใจ เนื่องจากเป็นที่ดินชายขอบที่ไม่เคยมีการประเมินราคาขึ้นมาหลายสิบปี อีกทั้งชุมชนเมืองได้ขยายตัวออกมา ทำให้อยู่ในเขตที่มีความเจริญแล้ว และในการซื้อขาย จริงก็มีราคาสูงกว่าราคาประเมินไป มากแล้ว ในครั้งนี้จึงได้มีการประกาศใช้ราคาประเมินใหม่เพื่อให้สอด คล้องกับราคาซื้อขายจริงในตลาด
นางสาวจิราวรรณ กล่าวอีกว่า ส่วนราคาที่ดินแต่ละอำเภอที่เป็นย่านการค้าและชุมชนทั้ง 10 อำเภอ ของจังหวัดตรัง มี 4 อำเภอที่มีประกาศปรับขึ้นราคาประเมินใหม่ 4 ประกอบด้วย 1. อำเภอหาด สำราญ ถนนบ้านนา-หาดสำราญ (4235) ต.หาดสำราญ และต.บาหวี เดิมราคาตร.ว.ละ 500-600 บาท เป็นตร.ว.ละ 700 บาท 2. อำเภอห้วยยอด เทศบาลตำบลห้วยยอด ถนนเพชรเกษม (หมายเลข 4) จากถนนนครกิจบำรุง ถึงคลองห้วยยอด เดิมราคา 46,500 บาท เป็นตร.ว.ละ 50,000 บาท
3. อำเภอรัษฎา เทศบาลคลองปาง ถนนตรัง-ทุ่งสง(403) จากจังหวัดนครศรีธรรมราช ถึงถนนเทศบาล 8 เดิมราคาตร.ว.ละ 6,000 บาท เป็น ตร.ว.ละ 10,000 บาท และ 4. อำเภอสิเกา เทศบาลตำบลสิเกา ถนนทางหลวงแผ่นดิน 4320 ทางเข้า อ.สิเกา เดิมราคา ตร.ว.ละ 3,000 บาท เป็น ตร.ว.ละ 3,500 บาท
ส่วนอำเภอที่ไม่มีการปรับขึ้นราคาประเมินใหม่ในปี 2566 มี 6 อำเภอ ประกอบด้วย 1. อำเภอเมืองตรัง ถนนราชดำเนิน ตร.ว.ละ 150,000 บาท 2. อำเภอนาโยง ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4) จากเทศบาล 6 ถึง 11 เทศบาลตำบลนาโยงเหนือ ตร.ว. 32,000 บาท 3. อำเภอย่านตาขาว ถนนสายตรัง-ปะเหลียนสาย 404 จากถนนพิกุลทอง ถึง ถนนสุนทรนนท์ เทศบาลตำบลย่านตาขาว ตร.ว. 30,000 บาท
4. อำเภอปะเหลียน ถนนสายตรัง-ปะเหลียน สาย 404 จากเขต อ.ย่านตาขาว ถึงถนนท่าพญา-ปะเหลียน-ทุ่งยาว สาย 4125 เทศบาลตำบลท่าพญา ตร.ว.ละ 11,500 บาท 5. อำเภอกันตัง ถนนสถลสถานพิทักษ์ เทศบาลเมืองกันตัง ตร.ว.ละ 37,500 บาท และ 6. อำเภอวังวิเศษ ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4 ) จากคลองชี ถึงถนนสีห์วรางกูล เทศบาลตำบลวังวิเศษ ตร.ว.ละ 4,000 บาท
เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาความเจริญเต็มที่แล้ว อีกทั้งไม่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือ ส่วนที่ดินบนเกาะกระดาน เกาะมุก และเกาะสุกร ที่ดินบนเกาะส่วนมาก เป็น นส. 3 นส.3ก และที่ดินอื่นๆ กันเป็นส่วนมาก ไม่ค่อยมีที่ดินเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดิน จึงไม่มีการขยับปรับขึ้นราคาค่าประเมินในครั้งนี้
นางสาวจิราวรรณ สิทธิชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ดินในอำเภอเมืองตรัง ที่มีการขยับปรับขึ้นราคาประเมินและมีการซื้อขายเปลี่ยนมือ มีหลายทำเลทอง เช่น ถนนศรีตรัง 1 เป็นถนนวงแหวนรอบในของตัวเมืองตรัง ที่มีพื้นที่อยู่ในเขตเทศบาลนครตรัง และเขตเทศบาลตำบลโคกหล่อ อันเป็นจุดที่มีการขยายตัวออกไปจากความเจริญของตลาดทับเที่ยง เป็นย่านความเจริญแห่งใหม่ บนถนนวงแหวนรอบในของตัวเมืองตรังที่ขยายตัวออกไป
มีการปรับราคาประเมินที่ดิน จากสี่แยกสะพานวังยาว จนมาจดคลองนํ้าเจ็ด ตรงโรงแรมปาลิมา ปรับเป็นตร.ว.ละ 10,000 บาท และจากโรงแรมปาลิมา จนถึงแยกวงเวียนอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ ระนอง) จากตร.ว.ละ 3,500 บาท ปรับเป็น 7,000 บาท และถนนตรัง-ปะเหลียน จากสี่แยกต้นสมอ ถึงสี่แยกบ้านควน เดิมราคา 3,500 บาท ปรับเป็น 7,000 บาท และที่ดินถนนเลี่ยงเมือง หรือบายพาส 419 จากสี่แยกท่าปาบ ไปจนถึงสี่แยกควนปริง อ.เมืองตรัง เดิมราคา ตร.ว.ละ 2,000 บาท ปรับเป็น ตร.ว.ละ 2,500 บาท
นายธีระวัฒน์ หวังศิริเลิศ ประธานหอการค้าตรัง กล่าวว่าตรังมีความพร้อมเรื่องสาธารณูปโภค แต่เมื่อนักลงทุนจะมาลงทุน ติดปัญหาที่ จ.ตรัง เรามีพื้นที่ชายทะเลยาว 119 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทำให้ไม่มีพื้นที่ สำหรับเปิดบริการเพื่อการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ยังมีปัญหาผังเมือง เพราะยังไม่ได้ปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน เรื่องนี้หน่วยงานเอกชนผลักดันไปหลายปีแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ หากดำเนินการได้จะเกิดการซื้อขายที่ดิน เปลี่ยนมือไปพัฒนาใน 2 กลุ่มหลัก คือ ภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 33.10 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับสำคัญ 33 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจัยหลักทั้ง การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้(13ม.ค.2566) ที่ระดับ 33.10 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.36 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมานั้น มาจากปัจจัยหลักทั้ง การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์
รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ ซึ่งสำหรับในวันนี้ ในภาวะตลาดเปิดรับความเสี่ยง เราประเมินว่า เงินบาทก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้บ้าง
โดยมีโอกาสที่ค่าเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับสำคัญ 33 บาทต่อดอลลาร์ (หลังจากที่เงินบาทแข็งค่าหลุดระดับ 33.25 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า)
นอกจากนี้ เราประเมินว่า บรรดาผู้ส่งออกอาจไม่ได้รีบเข้ามาขายเงินดอลลาร์ เพราะส่วนใหญ่อาจรอจังหวะให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง อาทิ อ่อนค่าใกล้โซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์
อนึ่ง การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความจำเป็นของการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น
ทำให้เราคงแนะนำ ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.00-33.30 บาท/ดอลลาร์
รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงตามคาด ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งเชื่อว่า เฟดอาจจะลดอัตราการขึ้นดอกเบี้ยเหลือเพียง +0.25% ในการประชุมเดือนกุมภาพันธ์ โดยล่าสุดผู้เล่นในตลาดให้โอกาสถึง 95% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง +0.25%
และยังคาดการณ์ว่า เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับแถว 5.00% ก่อนที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 4.50% ได้ในปลายปีนี้ ซึ่งมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดได้หนุนให้ตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) โดย ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.64% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.34%
ส่วนในทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.63% ตามการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯและหุ้นสไตล์ Growth (ASML +1.1%, Adyen +1.1%) หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ชะลอลงตามคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่าเฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP +1.4%, TotalEnergies +1.1%) ตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบที่ล่าสุดได้แตะระดับ 78.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับน้ำมันดิบ WTI และ ระดับ 83.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับน้ำมันดิบเบรนท์
ทางด้านตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยิ่งคาดหวังให้ เฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวต่อเนื่องสู่ระดับ 3.45% อย่างไรก็ดี เรามองว่า แม้พันธบัตรรัฐบาล
โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวจะเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและนโยบายการเงินที่ตึงตัวของบรรดาธนาคารกลางหลักอาจใกล้ถึงจุดสิ้นสุด แต่ทว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
รวมถึงของไทย ได้ปรับตัวลงมาพอสมควรนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ทำให้เรามองว่า นักลงทุนควรรอจังหวะให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวมีการปรับตัวขึ้นบ้างในการทยอยเข้าซื้อสะสม มากกว่าการไล่ราคาซื้อ ในจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่าเฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อล่าสุดได้ชะลอตัวลงต่อเนื่อง
โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 102.3 จุด ส่วนบรรดาสกุลเงินหลักต่างก็ปรับตัวแข็งค่าขึ้น อาทิ เงินยูโร (EUR) แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.086 ดอลลาร์ต่อยูโร ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 129 เยนต่อดอลลาร์
นอกจากนี้ การปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) สามารถปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านแถว 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ตามที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า และมองว่าโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดนมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งหนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจ คือ รายงานคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะสั้นและระยะยาว (Inflation Expectations)
หากคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่างปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจในมุมมองที่เชื่อว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯจะชะลอตัวลงได้จริงและจะทำให้เฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 33.12-33.14 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 10 เดือนที่ 33.06 เมื่อช่วงเช้าวันนี้ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทและสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียแข็งค่าขึ้นท่ามกลางแรงเทขายเงินดอลลาร์ฯ หลังอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ชะลอลงตามที่ตลาดคาดมาที่ 6.5% YoY ในเดือนธ.ค. (จาก 7.1% ในเดือนพ.ย.) ซึ่งหนุนโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 25 basis points ในการประชุม FOMC วันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ คาดไว้ที่ 32.90-33.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ เงินหยวน และสกุลเงินเอเชีย รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนธ.ค. ของจีน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. (เบื้องต้น)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เปล่งประกาย! ส่องวันนี้ของ “มาริน ฮอนดะ” นางฟ้าไอซ์สเก็ตดีกรีแชมป์เยาวชนโลก
ต้องบอกว่าเธอยังคงความน่ารักสดใสเหมือนเดิมสำหรับ มาริน ฮอนดะ นักไอซ์สเก็ตสาวชาวญี่ปุ่น ดีกรีเหรียญทอง เยาวชนโลก 2016 ที่กลายเป็นขวัญใจของใครหลายต่อหลายคน
ซึ่งแม้ระยะหลัง นักสเก็ตสาววัย 21 ปี จะไม่ได้เดินทางไปแข่งขันในรายการระดับนานาชาตินอกบ้านเกิด แต่ชื่อเสียง และความดังของเธอต้องบอกว่าเป็นตัวท็อประดับประเทศเหมือนเคย
แถมช่วงหลังเธอเบนเข็มเข้าสู่วงการบันเทิงมากขึ้น ด้วยการเป็นดาราร่วมแสดงละครเวทีไอซ์สเก็ตมาอย่างต่อเนื่องทำให้มีกลุ่มแฟนคลับติดตามเธอไม่แพ้เหล่านักแสดงดังๆ เลยทีเดียว
ด้วยความน่ารัก และฝีมือในการเล่นไอซ์สเก็ตของเธอ ส่งให้กลายเป็นดาวจรัสแสงในวงการสเก็ตน้ำแข็งทันที ส่วนนอกสนามแข่งขันเธอมีทั้งงานถ่ายแบบ งานถ่ายโฆษณา รวมถึงเป็นเป็นทูตของ Japan Airlines และได้รับการโหวตให้เป็นนักกีฬาหญิงที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเมื่อปี 2017
สำหรับ มาริน ฮอนดะ ด้วยความเด่นดังของเธอทำให้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ คิม ยู นา นักไอซ์สเก็ตรุ่นพี่ชาวเกาหลีใต้ ที่ก้าวขึ้นไปเป็นซุปตาร์ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันเธอมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมทะลุ 1 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
3 ประโยชน์ของ “ผงชูรส” ที่คุณอาจไม่รู้
ทำอาหารทานเองที่บ้านเมื่อไร หลายคน (โดยเฉพาะคนที่กำลังใส่ใจสุขภาพอย่างเคร่งครัด) เลี่ยงที่จะใส่ผงชูรสลงไปในอาหารอย่างเด็ดขาด ด้วยเข้าใจว่าผงชูรสให้โทษต่อร่างกาย บ้างก็ว่าทานมากๆ แล้วผมร่วง หรือใครที่มาอาการแพ้ผงชูรสก็ยิ่งแล้วใหญ่ แต่จริงๆ แล้วผงชูรสก็มีประโยชน์เหมือนกันนะคะ ผงชูรสมีดีอย่างไร มาดูกัน
1. ช่วยเพิ่มความอยากอาหารให้แก่ผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุหลานท่านเริ่มทานอาหารไม่ค่อยอร่อย เพราะต่อมรับรู้รสชาติเริ่มทำงานไม่ไวต่อรสชาติมากเท่าสมัยยังหนุ่มสาว จึงทำให้ผู้สูงอายุหลายท่านเริ่มมีอาการเบื่ออาหาร และค่อยๆ ผ่ายผอมลงเรื่อยๆ
วิธีแก้ไขง่ายนิดเดียว เพียงเพิ่มผงชูรสลงไปในอาหารเพียงเล็กน้อย จะทำให้ผู้สูงอายุรับรู้รสชาติ “อูมามิ” หรือรสชาติอร่อยกลมกล่อมของอาหารได้มากขึ้น ช่วยเจริญอาหารได้มากขึ้นนั่นเอง
2. ช่วยให้กระเพาะอาหาร และต่อมน้ำลายทำงานดีขึ้น
ในผู้ป่วยที่มีภาวะกระเพาะอาหารฝ่อ หรือต่อมน้ำลายทำงานได้ไม่ดี อาจทำให้เกิดอาการน้ำลายแห้ง และเบื่ออาหาร การเพิ่มรสชาติอูมามิผ่านผงชูรสลงไปในอาหาร จึงช่วยกระตุ้นความอยากอาหารให้ผู้ป่วยทานอาหารได้มากขึ้น ทานอาหารได้อร่อยขึ้นนั่นเอง
3. ช่วยลดปริมาณโซเดียมในอาหารได้
ในคนที่ติดรสชาติเค็ม ปรุงอาหารโดยน้ำปลา หรือเกลือแกงจำนวนมาก เพื่อให้ได้รสชาติที่ต้องการ หากเปลี่ยนมาใส่เกลือแกงน้อยลง แล้วใส่ผงชูรสลงไปเล็กน้อย จากผลงานวิจัยพบว่าได้รสชาติอร่อยยถูกใจไม่แพ้กัน ดังนั้นการใส่ผงชูรสลงไปในอาหารเล็กน้อย จะช่วยให้เราใส่เกลือแกงได้น้อยลง โดยที่รสชาติไม่เสีย
จะเห็นได้ว่าหากใส่ผงชูรสปริมาณเล็กน้อย ไม่ได้ทำสุขภาพของเราเสียแต่อย่างใด แถมยังมีประโยชน์ได้ในหลายๆ ด้าน เพียงแต่ต้องทานเพียงเล็กน้อย และต้องมั่นใจว่าเป็นผงชูรสแท้เท่านั้น ใครที่แพ้ผงชูรสคงต้องงดต่อไป ใครที่อยากลดการทานเค็ม แต่พอไม่ใส่เกลือไม่ใส่น้ำปลาก็รู้สึกอาหารไม่อร่อย ก็ลองใส่ผงชูรสปลายๆ ช้อนชาได้ ส่วนใครที่ยังมีความกังวลก็เลี่ยงที่จะไม่ทานได้เหมือนเดิมค่ะ เอาที่สบายใจเนอะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ปัญหาตบตีแย่งสถานีชาร์จ EV เริ่มมีให้เห็นแล้วในไทย
ตัวเลขจากมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 หรือ Motor Expo 2022 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มียอดจองรถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV สูงเป็นประวัติการณ์เกือบ 6 พันคัน! ซึ่งคิดเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ของยอดจองทั้งหมดในงาน นั่นหมายความว่ากระแสคนอยากใช้รถ EV มีกำลังมากขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ดี หนึ่งในปัญหาที่ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับคนที่ใช้รถ EV มาสักระยะ นั่นก็คือเรื่องของ “สถานีชาร์จ” ครับ โดยเฉพาะการชาร์จนอกบ้าน และการเดินทางไกลไปต่างจังหวัด หรือในที่ที่หาสถานีชาร์จไม่ได้ รวมถึงดราม่าทะเลาะตบตีแย่งที่ชาร์จกันตามจุดให้บริหารต่าง ๆ ที่เห็นกันในโลกออนไลน์
เรื่องของการขับรถ EV ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์จากที่เคยไปทดลองขับมา 2-3 ยี่ห้อดัง สิ่งหนึ่งที่แตกต่างไปจากรถเครื่องยนต์สันดาปที่เติมน้ำมันเชื้อเพลิงก็คือ ข้อมูลการคำนวณระยะทางที่เหลือว่ารถจะขับไปได้อีกเท่าไหร่ เพราะมันจะมีผลต่อการวางแผนการเดินทางไม่น้อยครับ
ถ้าเป็นรถที่เติมน้ำมัน เจ้าของรถจะรู้เลยว่าหากไฟเตือนน้ำมันหมดโชว์ขึ้นมาจะวิ่งได้อีกเท่าไหร่ หน้าจออาจจะแสดงตัวเลข 50 กิโลเมตร แต่ความจริงรถส่วนใหญ่มันวิ่งได้ไกลกว่านั้น ซึ่งรถที่ใช้เชื้อเพลิง ตัวเลขจะไม่ค่อยสวิงมาก ไม่ว่าเราจะกดคันเร่งมากแค่ไหน เราก็อุ่นใจได้ว่าไม่มีทางน้ำมันหมดก่อนถึงปั๊มแน่นอน
แต่สำหรับรถ EV ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าล้วน หรือ PHEV ตัวเลขระยะทางที่เหลือที่คำนวณออกมา มันจะสวิงค่อนข้างมาก เพราะแปรผันตามวิธีการและพฤติกรรมการขับของคุณ เพราะการขับเคลื่อนใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ซึ่งที่ผมเจอมาคือ ตอนขับทางยาว ๆ เป็นตัวเลขหนึ่ง แต่พอต้องขับสลับหยุดนิ่ง ตัวเลขลดฮวบ!
คนที่ใช้รถ EV ตอนนี้ แล้วใช้งานรถในรูปแบบที่รู้ระยะทางแน่นอนในแต่ละวันและมีแท่นชาร์จอยู่ที่บ้าน สามารถชาร์จไฟได้ช่วงกลางคืน ถ้าทำแบบนี้ได้จะไม่มีปัญหาเลยครับ แต่หากมีการออกนอกเส้นทางในบางวัน หรือต้องขับทางไกลออกต่างจังหวัด ถ้าเป็น 2 เคสหลังเชื่อว่ามีปัญหาตามมาแน่
เพราะคุณจะต้องใช้บริการสถานีชาร์จนอกบ้าน ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีกระจายอยู่ไม่น้อย แต่หากลงลึกในรายละเอียด มันไม่ได้ขับเข้าไปจอดชาร์จเหมือนเติมน้ำมัน หรือไม่ใช่ว่ารถ EV ทุกคันจะชาร์จได้ เพราะส่วนใหญ่จะต้องใช้งานผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งบอกเลยว่าหลายที่ยังไม่เสถียร และบางสถานีก็ใช้ไม่ได้กับ EV ทุกรุ่น
ความรู้สึกคือเมื่อเราขับไปเจอสถานีชาร์จ เราจะวางใจไม่ได้ว่าจะรอดเหมือนรถยนต์ที่น้ำมันจะหมดแล้วขับเจอปั๊มน้ำมันเป็นอันขาด จนกว่าจะสามารถทำตามขั้นตอนของแอปฯ จนแน่ใจว่าชาร์จได้จริง ๆ นี่ยังไม่รวมพฤติกรรมแย่ ๆ ของผู้ใช้บางคนที่จอดแช่ จอดกั๊ก จนทำให้คนที่จำเป็นต้องชาร์จจริง ๆ ขับเข้ามาชาร์จไม่ได้อีกนะครับ
ยังไม่หมดเท่านี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาผมเห็นเต็มตา ณ ลานจอดรถห้างแห่งหนึ่งย่านเลียบทางด่วนฯ ในขณะที่ที่จอดด้านนอกรถเต็มแน่น มีรถเครื่องยนต์สันดาป 2 คัน จอดในที่จอดซึ่งเป็นจุดชาร์จ EV หน้าตาเฉย!
สุดท้ายผมมองว่าใครที่ซื้อ EV มาขับแล้ว ตอนนี้ยังไม่ต้องไปหวังพึ่งระบบหรือการเพิ่มจุดชาร์จใด ๆ ทั้งสิ้น ทางที่ดีควรวางแผนการขับให้ดี ชาร์จไฟให้เต็มก่อนออกจากบ้าน และเลี่ยงการชาร์จไฟนอกบ้านน่าจะดีที่สุดในชั่วโมงนี้ครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
หลักการใช้ตัวย่อยอดฮิต
i.e.
- เป็นคำย่อที่มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า “id est” แปลว่า พูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า (in other words)
- ใช้เมื่อต้องการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อที่พูดไปแล้วก่อนหน้าให้ชัดเจนขึ้น ขยายความมากขึ้นว่าเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง
- เวลาใช้จะมี comma (,) คั่นระหว่างประโยคก่อนหน้า แล้วถึงตามด้วย i.e. เสมอ
ตัวอย่างการใช้งาน
“An examination of the data in Table 1 indicates that all but one of the Council of Governments regions have experienced population growth due to natural increase (i.e., had more births than deaths).”
— Nazrul Hoque, [The Houston Chronicle], 12 Aug. 2019
i.e. ในที่นี้ ใช้เพื่อขยายความคำว่า “natural”
“If your home has “hard water” (i.e., a high mineral content), your sinks, showers, and tubs no doubt bear white or yellow buildup as a result.”
— Melissa Reddigari, BobVila.com, 22 Aug. 2019
i.e. ในที่นี้ ใช้เพื่อบอกความหมายอีกอย่างของคำว่า “hard water” เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น
e.g.
- เป็นคำย่อจากภาษาละติน “exempli gratia” แปลว่า ตัวอย่างเช่น
- จะใช้เมื่อยกตัวอย่างเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับประโยคที่พึ่งพูดไป
- เวลาใช้จะมี comma (,) คั่นระหว่างประโยคก่อนหน้า แล้วถึงตามด้วย e.g. เสมอ
สามารถใช้ for example แทน e.g. ได้เช่นกัน
ตัวอย่างการใช้งาน
I really love tropical fruits, e.g. mango, durian, and mangosteen.
(ฉันชอบผลไม้เมืองร้อนมากเลย เช่น มะม่วง ทุเรียน กับมังคุด)
I’ve been to many European countries, e.g. England, Spain, and Netherlands.
(ฉันเคยไปหลายประเทศในยุโรปมาแล้ว เช่น อังกฤษ สเปน และ เนเธอร์แลนด์)
“If you already know the specific make, model, and year of the car you want to buy, searching is easy: Websites like autotrader.com, cars.com, carfax.com, and truecar.com round up used cars, typically those being sold at franchise dealerships (e.g., a Honda, Subaru or Ford dealership) and independent auto dealerships (like used car lots).”
— Jen A. Miller, The New York Times, 25 Apr. 2019
e.g. ในที่นี้ ใช้บอกตัวอย่างเพิ่มเติมของ “franchise dealerships” หรือตัวแทนจำหน่ายแฟรนไชส์
ขอบคุณข้อมูลจาก aepenglishschool.com
คำถามยอดฮิต! ติดตั้งลิฟท์บ้าน บริเวณไหนดีที่สุดกับคาเลียลิฟท์
คำถามที่ทางเราพบบ่อยคืออะไร? คุณรู้หรือไม่ ทาง คาเลีย ลิฟท์ เรามีประสบการณ์มามากกว่า 120 ปี และได้ร่วมงานกับผู้คนจากหลายสาขาอาชีพ รวมทั้งเจ้าของบ้านเอง สถาปนิก ผู้รับเหมา นักออกแบบบ้านจากทั่วโลก ตั้งแต่ดำเนินธุรกิจมาเราได้พบเจอคำถามยอดฮิตนั่นก็คือการวางแผนติดตั้งลิฟท์บ้านหรือลิฟท์ในอาคารในตอนที่มีบ้านอยู่แล้วหรือเป็นในช่วงท้ายของกระบวนการของการสร้างบ้านและพยายามหาข้อสรุปเกี่ยวกับลิฟท์อย่างดีที่สุดเพื่อให้ตรงกับแผนการออกแบบที่วางไว้แล้ว อย่างไรก็ตามถ้าหากลิฟท์บ้านอยู่ในแผนก่อนการออกแบบอยู่แล้ว คำถามสำคัญต่อมาที่เราพบเจอบ่อยที่สุด ซึ่งเป็นคำถามง่ายๆ คือ…
“คุณมีคำแนะนํามั้ย ว่าเราควรวางลิฟท์ไว้จุดไหน?” คำตอบในข้อนี้เป็นสิ่งที่บริษัทลิฟท์บ้านจะต้องมาสำรวจอย่างถี่ถ้วนว่าบริเวณไหนของบ้านที่สามารถติดตั้งลิฟท์บ้านได้อย่างเหมาะสม ประหยัดพื้นที่และลิฟท์ดูสวยงามเข้ากับการตกแต่งของบ้าน ซึ่งทางเรา ที่เชี่ยวชาญเรื่องลิฟท์บ้านมากว่า120 ปี มีคำตอบนี้อยู่แล้ว
1.ติดตั้งลิฟท์บ้านตรงช่องกลางบันได
ช่องกลางบันไดเป็นที่ที่ทางเราแนะนำมากที่สุด เมื่อถามว่าทำไม? นั่นก็เพราะไม่ใช่แค่การเปลี่ยนลิฟท์จากที่ติดตั้งเพื่อการใช้งานของคนในบ้าน แต่สามารถทำให้กลายเป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์หรูของบ้านลูกค้าเราได้อีกด้วย โดยแทนที่คนที่เข้ามาในบ้านจะพูดว่า “ที่บ้านมีลิฟท์ด้วยเหรอเนี่ย!” มันกลับกลายเป็นว่าคนที่เห็นลิฟท์ของเราที่ติดตั้งในบ้านคุณจะพูดออกมาว่า “ว้าว! บ้านติดลิฟท์ด้วยและลิฟท์สวยและเข้ากับบ้านมากจริงๆ” ซึ่งการเลือกลิฟท์ที่เป็นปล่องกระจกทั้งหมดตรงช่องกลางบันไดจะช่วยให้บ้านของคุณมีความพิเศษและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในทุกชั้นของบ้านแม้ในขณะที่คุณใช้งานหรือแม้จะใช้บันไดก็ตาม เพราะด้วยลิฟท์บ้านที่สวยงามความรู้สึกพิเศษนี้จะยังคงอยู่ในบ้านคุณ
ประโยชน์ที่ชัดเจนอีกข้อหนึ่งที่เป็นความจริงที่เห็นได้นั่นก็คือ ลิฟท์ที่อยู่ตรงช่องกลางของบันได ช่วยประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งลิฟท์ เพราะพื้นที่กลางบันไดเป็นพื้นที่ว่างและหลายบ้านมักไม่ได้ใช้ประโยชน์ใดๆในพื้นที่นี้ แต่เมื่อนำลิฟท์บ้านของเราเข้าไปติดตั้ง ก็สามารถที่จะใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพียงแค่มีพื้นที่อย่างน้อย 1000mm x1000mm ตรงช่องกลางบันไดก็สามารถติดตั้งลิฟท์ที่สวยงามของเราให้คนในบ้านได้ใช้งานอย่างสะดวกสบายและใช้พื้นที่ในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ช่องกลางบันไดเป็นตำแหน่งติดลิฟท์บ้านที่เหมาะสมที่สุด เพราะโดยปกติแล้วคนในบ้านก็ใช้บันไดในการขึ้น-ลงบ้านอยู่แล้วและเมื่อมีลิฟท์ไปติดตั้งตรงช่องกลางบันไดนี้ ก็จะช่วยให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น โดยมีบันไดล้อมรอบลิฟท์ ที่สะดวกกับคนในบ้านว่าจะเลือกใช้ลิฟท์หรือบันไดในแต่ละครั้งที่จะขึ้นหรือลงภายในบ้าน
2.ลิฟท์บ้านกึ่งกลางแจ้ง
จุดติดตั้งนี้เหมาะสำหรับบ้านที่มีการเพิ่มการติดตั้งลิฟท์บ้านทีหลังคือเป็นลักษณะบ้านหรืออาคารที่สร้างและอาศัยอยู่แล้วแต่อยากติดตั้งลิฟท์เพื่อการใช้งานทีหลังและภายในบ้านไม่มีจุดที่สามารถติดตั้งลิฟท์บ้านได้เนื่องจากลักษณะโครงสร้างของบ้าน หรือไม่มีขนาดพื้นที่เพียงพอสำหรับติดลิฟท์บ้านนั่นเอง
แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างลิฟท์กลางแจ้งและกึ่งกลางแจ้ง? คำอธิบายเพิ่มเติมในข้อแตกต่างนี้คือ Outdoor Lift (ลิฟท์กลางแจ้ง) คือลิฟท์ตั้งอยู่ด้านนอกทั้งหมดทั้งเช่นปล่องลิฟท์ทั้งหมด รวมทั้งประตูลิฟท์ที่มีการเข้า-ออก ก็อยู่ด้านนอกบ้านหรืออาคารทั้งหมด ซึ่งตัวลิฟท์จะโดนทั้งแดดและฝนตามสภาพอากาศทุกวัน
ในขณะเดียวกันมีการติดตั้งลิฟท์แบบ Semi Outdoor (กึ่งกลางแจ้ง) คือการติดตั้งแบบปล่องลิฟท์ทั้งหมดอยู่นอกบ้าน หรือนอกอาคาร แต่ประตูลิฟท์ทาง เข้า-ออกจะอยู่ในตัวบ้าน ซึ่งจุดติดตั้งนี้เป็นข้อดีมากเพราะประตูลิฟท์อยู่ในอาคารที่มีตัวอาคารคอยปกป้องไม่ให้โดนทั้งแดดและฝนในสภาพอากาศของเมืองไทยที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน ซึ่งประตูลิฟท์เป็นส่วนที่ไวต่อการโดนน้ำจากฝนมากที่สุด อีกทั้งผู้ใช้ลิฟท์ก็สะดวกสบายเพราะสามารถใช้ลิฟท์จากในอาคารไม่ต้องกังวลในเรื่องของสภาพอากาศจากการใช้งานเพราะทางเข้า-ออกของประตูลิฟท์อยู่ด้านในอาคาร
ข้อดีข้อสุดท้ายอีกข้อของลิฟท์บ้านที่ติดตั้ง Semi Outdoor (กึ่งกลางแจ้ง) คือตัวลิฟท์ดูสวยงาม จากทั้งคนที่มองเห็นจากด้านนอกหรือด้านในของบ้าน เพราะปล่องลิฟท์ที่สามารถออกแบบให้เป็นกระจกใสรอบด้านเพื่อขณะใช้ลิฟท์ก็สามารถมองเห็นสวน หรือสระว่ายน้ำภายนอกบ้าน หรือแม้กระทั่งปล่องลิฟท์สามารถเลือกเป็นกระจกติดฟิล์ม เพื่อความเป็นส่วนตัวจากผู้คนด้านนอกมองเข้ามาในตัวบ้านหรืออาคารขณะใช้ลิฟท์ อีกทั้งดีไซน์ลิฟท์ของเราที่ออกแบบให้มีไฟ LED แสงนวลอบอุ่นส่องสว่างภายในปล่องลิฟท์ ทำให้ตอนกลางคืนลิฟท์ยิ่งดูสวยงามมากยิ่งขึ้นและเปรียบเหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหรูของบ้านบ้านอีกด้วย!
3. ลิฟท์บ้านที่ติดตั้งในปล่องลิฟท์ที่มีอยู่แล้ว
ในบางครั้งสถาปนิกได้เข้ามาสอบถามทางเราและแจ้งว่าอยากติดตั้งลิฟท์บ้านหรืออาคาร ที่ได้ก่อสร้างปล่องลิฟท์ไว้แล้ว ถึงแม้ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วลูกค้าจะเลือกติดตั้งลิฟท์บ้านของ คาเลีย ลิฟท์ ที่มาพร้อมปล่องลิฟท์ก็ตาม แต่ด้วยเรามีหลากหลายรุ่นของลิฟท์ให้ลูกค้าเลือก ในหน้างานที่ลูกค้ามีปล่องลิฟท์อยู่แล้วเราก็มีรุ่นของลิฟท์ที่สามารถติดตั้งตั้งได้ โดยมีมากกว่า 40 ขนาดลิฟท์ให้ลูกค้าเลือกให้เหมาะกับขนาดของปล่องลิฟท์ที่ให้พื้นที่ใช้งานได้มากกว่าลิฟท์แบบสลิง และดีไซน์ลิฟท์ระบบสกรูที่สวยทันสมัยโดยสามารถออกแบบสีและประตูลิฟท์ให้เข้ากับดีไซน์บ้านได้อย่างลงตัว
4. ลิฟท์บ้านที่ติดตั้งบริเวณมุมของบ้าน
จุดติดตั้งนี้เหมาะสําหรับบ้านที่มีพื้นที่จํากัดมากและเราไม่มีพื้นที่อื่นจึงแนะนําให้ติดตั้งที่มุมของบ้าน โดยการแนะนำจุดนี้ทาง คาเลีย ลิฟท์ ได้แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมที่อาจไม่มีบริษัทไหนเคยแนะนำลูกค้ามาก่อน เพราะนอกจากจะช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งเพราะติดตั้งตรงมุมใดมุมนึงของบ้านเล้วด้วยดีไซน์ของลิฟท์ที่สามารถออกแบบได้ทำให้ลิฟท์สวยงามเข้ากับบ้านได้อย่างสวยงาม!
ถึงแม้ว่าจุดติดตั้งลิฟท์บ้านเป็นอีกหนึ่งโจทย์หลักของทั้งเจ้าของบ้านและผู้ออกแบบ แต่ทาง คาเลีย ลิฟท์ สามารถให้คำแนะนำในข้อนี้ได้อย่างที่ดีสุดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเพื่อให้เหมาะกับรุ่นลิฟท์ของเราและเราได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพราะเรายึดมั่นในคุณภาพของสินค้าและการบริการของเราที่มีต่อลูกค้ามาอย่างยาวนาน
ขอบคุณที่ไว้วางใจให้ทาง Kalea Lifts ดูแลคุณและครอบครัว
คุณชอบลิฟท์ของเราที่เห็นในภาพมั้ย?
เราพร้อมและยินดีให้ความช่วยเหลือเสมอ!คุณสามารถ ติดต่อเรา เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือรับ Catalog ได้ฟรี!
สามารถเข้าทดลองลิฟท์ของเราที่โชว์รูมได้ทุกวัน เวลา 10.00 – 19.00 น : Kalea Lift 891/62 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
โทรเพื่อโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดเข้าทดลองลิฟท์ : 02-114 6900
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13/01/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,700.00 | 29,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,924.00 | 29,167.84 | 30,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,731.60 | 26,251.06 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,539.20 | 23,334.27 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 866.00 | 13,128.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 673.00 | 10,202.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,994.00 | 30,229.04 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 13/01/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.75 | 34.75 | 35.05 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.48 | 34.48 | 34.78 | 34.48 | 34.48 | 34.48 | 34.48 | 34.48 | 34.48 | 34.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.84 | 32.84 | 33.14 | 32.84 | 32.84 | – | 32.84 | 32.84 | 32.84 | 32.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.29 | 33.29 | – | – | – | – | – | – | – | 33.29 |
เบนซิน 95 | 42.16 | – | – | – | 42.61 | – | 42.66 | 42.61 | – | 42.16 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.24 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.24 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 35.24 | – | 34.94 | – | 32.84 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.26 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |