เสนาฯชูความต่างหนีคู่แข่งหันลุยคอนโดโลว์คาร์บอน-บ้านพลังงานเป็นศูนย์
ผลกระทบจากดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ทุบกำลังซื้อ ฉุดตลาดคอนโดมิเนียมปี 2566 ยังไม่ฟื้นตัว! แม้แนวโน้มปีหน้าปรับตัวดีขึ้น แต่ดีกรีการแข่งขันยังคงรุนแรง “เสนาฯ” งัดกลยุทธ์พัฒนาบ้านพลังงานเป็นศูนย์ และคอนโด โลว์คาร์บอนเป็นจุดขายสร้างความแตกต่างในราคาที่ลูกค้าเข้าถึงได้
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาฯ ปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามปัจจัยบวกมีรัฐบาลใหม่เข้ามา มีมาตรการระยะสั้นออกมาช่วย ส่งผลภาพรวมเศรษฐกิจระยะสั้นดีขึ้น แต่ยังมีปัจจัยลบต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ทั้งต้นทุนจากเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย ส่งผลต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง
“เศรษฐกิจไทยโต 3% ช้ากว่าประเทศในอาเชียน และยังมีปัจจัยความไม่แน่นอน น่าห่วง คือ งบดุล (Balance Sheet) เพราะปีหน้าบอนด์จะครบกำหนดหลายบริษัท หากมีปัญหาแค่บริษัทใดบริษัทหนึ่งอาจกระทบต่อตลาดจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรชะล่าใจ แต่ยังเชื่อว่า ปีหน้าภาพรวมอสังหาฯ จะดีขึ้น เพราะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน”
ส่วนนโยบาย “ดิจิทัล วอลเล็ต” และ “e-Refund” เชื่อว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ คุ้มหรือไม่ ตอบไม่ได้ ต้องดูภาพรวมในการนำเงินก้อนนี้ไปใช้ทำอะไรถึงจะคุ้มค่าที่สุด เหมือนที่หลายคนมองว่าคอนโดโอเวอร์ซัพพลาย แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการกู้เงินมาพัฒนาคอนโด
ในฐานะผู้ประกอบการจึงต้องเตรียมแผนรับมือการแข่งขันที่กลับมารุนแรงขึ้น ด้วยการพัฒนา “จุดขาย” ที่สร้างความโดดเด่นและแตกต่าง! โดยปีนี้โครงการคอนโด โลว์คาร์บอน มี 5 โครงการ 4,000 ยูนิต อาทิ คอนโดเฟล็กซี่ เมกะ สเปซ บางนา, บางโพ, เสนาคิทท์ สาทร-กัลปพฤกษ์ ระดับราคา 1-5 ล้านบาท รวมทั้ง โครงการบ้านพลังงานเป็นศูนย์ ทุกทำเล เช่น คอนโดเฟล็กซี่ เมกะ สเปซ บางนา จากการจับมือ “Zeroboard” แพลตฟอร์มคำนวณและแสดงผลคาร์บอนจากญี่ปุ่น พบว่า “ลด” คาร์บอนได้ 32-85% โดยราคาขายเท่าเดิม
“ปัญหาโลกร้อนทำให้คนเราต้องปรับตัวเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องให้ความสำคัญ เมื่อผู้คนปรับตัว ผู้พัฒนาอสังหาฯ สร้างบ้านที่พักอาศัยต่างๆ ก็ต้องปรับตัวตาม เสนาฯ มองว่าเป็นความท้าทาย และให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง จาก DNA แนวคิดละเอียดแบบ MADE FROM HER สะท้อนออกมาเป็นวิสัยทัศน์ The Essential Lifelong Trusted Partner ของเสนาฯ ที่มุ่งพัฒนาที่พักอาศัยและธุรกิจตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ดีในทุกช่วงอายุ”
การพัฒนาฟังก์ชันของบ้านจะคำนึงถึงการช่วยให้คนปรับตัวรับการใช้ชีวิตในสถานการณ์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น พร้อมสนับสนุน Decarbonized Lifestyle หรือการใช้ชีวิตแบบโลว์คาร์บอนไปพร้อมกัน โดยเฉพาะการประหยัดพลังงาน ซึ่งเสนาฯ เป็นรายแรกที่ติดโซล่าเซลล์ให้บ้านทุกหลังตั้งแต่เริ่ม รวมถึงต่อยอดพัฒนาแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ และ คอนโดโลว์คาร์บอน
นอกจากนี้ ต้องการการส่งเสริม Decarbonize Lifestyle ให้ลูกบ้านลดใช้รถส่วนตัว มาใช้บริการ V MOVE เพื่อต่อรถสาธารณะ ช่วยลดการสร้างคาร์บอน แต่การวัดค่าการสร้างหรือลดคาร์บอน จำเป็นต้องมีเครื่องมือมาตรฐานจึง เป็นที่มาของความร่วมมือกับ “Zeroboard” บริษัทสตาร์ทอัปจากญี่ปุ่นที่ใช้คลาวด์เทคโนโลยีในการคำนวณและแสดงผลลัพธ์ ของการสร้างคาร์บอนใช้ได้กับองค์กร หรือผลิตภัณฑ์ ผ่านการทดลองใช้ในเมืองใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น โดยภาครัฐของญี่ปุ่นเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และง่ายต่อการใช้งาน
“ความร่วมมือกับ Zeroboard เสมือนจุดเริ่มต้นของเป้าหมายต่อไปด้านความยั่งยืนของเรา คือ The road to NET ZERO เป็นบริษัทอสังหาฯ รายแรกที่ประกาศเป็น Net Zero”
ส่วนโครงการคอนโดปีนี้ จะเลื่อน 2 โครงการ มูลค่า 1,200 ล้านบาท ทำเลศรีด่าน รามคำแหง ไปเป็นปี 2567 เนื่องจากพัฒนาโครงการไม่ทัน บางโครงการใกล้กันจึงเลื่อนเปิดไปก่อน ทั้งยังมีสต็อกเหลือ 5,000 ยูนิต มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท คาดใช้เวลาระบาย 1-2ปี
“ปีนี้ตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อสูง 40-50% แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าปีหน้าจะเปิดเฉพาะโครงการบ้าน ต้องรอดูดีมานด์ ซัพพลายในตลาดก่อน เพราะเชื่อว่าทุกคนอยากมีบ้านมากกว่าคอนโดหากราคาเข้าถึงได้ ต้องดูที่กำลังซื้อและทำเลก่อนตัดสินใจ”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ท่องเที่ยวฟื้น!หนุนวิลล่าหรูภูเก็ตโตแรงอสังหาฯแห่ลงทุน5.3หมื่นล้าน
โบทานิก้า ลักซูรี่ กรุ๊ป สบช่องธุรกิจท่องเที่ยวฟื้น นักท่องเที่ยว-นักลงทุนชาวต่างชาติ เศรษฐีไทยแห่ซื้ออสังหาฯ หนุนวิลล่าหรูภูเก็ตโตแรง เผยมูลค่าลงทุน5.3หมื่นล้าน เดินหน้าวิลล่าสุดหรู”โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว”ติดลากูน่า กอล์ฟ ภูเก็ต ใกล้หาดบางเทา
นายอรรถสิทธิ์ อินทรชูติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการพูลวิลล่าระดับลักชัวรี่ในจังหวัดภูเก็ตมากว่า 20 ปี เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดวิลล่าหรูในภูเก็ตปัจจุบันมีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยได้รับแรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยกให้ภูเก็ตเป็นเดสติเนชั่นของการพักผ่อนในระยะยาวที่ผู้คนทั่วโลกอยากมาเยือน
และภูเก็ตเป็นเมืองยอดนิยมที่ชาวต่างชาติอยากมาเกษียณมากที่สุด จากกลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซีย จีน อเมริกา อิตาลี อังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย อินเดีย ไอร์แลนด์ ที่กำลังมองหาบ้านหลังที่สองเพื่อการพักผ่อนและซื้อเพื่อลงทุน และความต้องการวิลล่าหรูจากชาวไทยกำลังซื้อสูงในกรุงเทพฯ ที่เดินทางเข้าสู่เกาะภูเก็ตเป็นจำนวนมาก
” ซึ่งปัจจัยในการตัดสินใจซื้อจะให้ความสำคัญเรื่องทำเล และชื่อเสียงของผู้พัฒนาโครงการ เป็นหลัก โดยคาดว่าความต้องการของลูกค้าชาวต่างชาติและชาวไทยกลุ่มนี้ จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีก 1-2 ปีข้างหน้า ส่งผลให้มีผู้ประกอบการทั้งจากท้องถิ่นและกรุงเทพฯ ต่างเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการบ้านพักตากอากาศในภูเก็ตเพื่อรองรับกับแนวโน้มที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ ด้วยมูลค่าการลงทุนที่สูงถึง 53,230 ล้านบาท”
ที่ผ่านโบทานิก้า ลักซูรี่ กรุ๊ป มีประสบการณ์การพัฒนาโครงการในจังหวัดภูเก็ตมาอย่างต่อเนื่องปัจจุบันพัฒนามาแล้วกว่า 21 โครงการมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท โดยแต่ละโครงการมีความโดดเด่นทั้งการออกแบบและดีไซน์ที่เหนือระดับและทันสมัย มาพร้อมการจัดแลนด์สเคปที่งดงามและดีไซน์โดดเด่นของตัวบ้านที่รังสรรค์ความสงบเป็นส่วนตัว ทุกโครงการล้วนตั้งอยู่ในพื้นที่ไพรม์โลเคชั่น แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่สอดรับกับทุกความต้องการของลูกค้ามีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับครอบครัว
ขณะเดียวกันยังสามารถปล่อยเช่าสร้างผลตอบแทนได้ 8-10% ต่อปี การซื้อมาเพื่อขายต่อสามารถสร้างผลตอบแทนได้กว่า 10-25% ภายในระยะเวลาน้อยกว่า 1 ปี ทำให้ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นอยางดี โดยสามารถสร้างยอดขายในปี 2566 ณ สิ้นเดือนต.ค. 2566 ไปแล้วกว่า 196 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 5,300 ล้านบาท โดยลูกค้าหลักของ โบทานิก้า ลักซูรี่ กรุ๊ป เป็นชาวต่างชาติ เช่น รัสเซีย ยุโรป จีน มีทั้งกลุ่มทำงาน และซื้อเป็นที่พักตากอากาศเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณและซื้อเพื่อการลงทุน
“โบทานิก้า ลักซูรี่ กรุ๊ป พัฒนาและขยายความยิ่งใหญ่ของแบรนด์ในระดับประเทศและระดับโลก ในการเข้าร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการร่วมกันกับพาร์ทเนอร์มาแล้วหลายบริษัท อาทิ มอนท์เอซัวร์ และ Soken Development โดยโครงการโบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว เป็นโครงการลักชัวรี่ที่ได้จับมือกับ แอสเซทไวส์ ที่เข้ามาร่วมลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการพูลวิลล่าระดับลักชัวรี่ และมิกซ์ยูส จำนวนกว่า 400 ยูนิต บนขนาดที่ดินกว่า 178 ไร่ มูลค่ารวม 13,000 ล้านโดยแอสเซทไวส์ ร่วมทุนในสัดส่วน 30% จากมูลค่าโครงการทั้งหมด”
ล่าสุด โบทานิก้า ลักซูรี่ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำการพัฒนาโครงการพูลวิลล่าระดับลักชัวรี่ในจังหวัดภูเก็ต เตรียมเปิด Soft Opening โครงการ โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว ลักชัวรี่พลูวิลล่า ในทำเลใจกลางย่าน Exclusive Residences ใกล้กับหาดบางเทา บริเวณใจกลาง ลากูน่า ภูเก็ต (ติดลากูน่า กอล์ฟ) พร้อมเปิดให้เข้าชมวิลล่าสุดหรู กับแบบบ้าน Grand Signature บนพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ 707 ตร.ม.ขนาดที่ดิน 367.5 ตร.ว. ในราคาเริ่มต้น 40-204 ล้านบาท ได้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย 2566 เป็นต้นไป และเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับผู้ที่เข้าเยี่ยมชมโครงการและเลือกจองซื้อในช่วงนี้ จะได้รับส่วนลดพิเศษ 10% สำหรับการจองวิลล่าทุกหลังในโครงการ BGA และรับส่วนลดทันที 300,000 บาท เมื่อจองยูนิตคอนโด ภายในงาน
สำหรับโครงการโบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว นับเป็นโครงการที่ใหญ่และโดดเด่นที่สุดของจังหวัดภูเก็ต โดยโบทานิก้า ลักซูรี่ กรุ๊ป มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาให้เป็น New Luxury Innovation Community แห่งใหม่ของจังหวัดภูเก็ต
ที่ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูสไตล์ Luxury Pool Villa , โครงการวิลล่าหรู 2 ชั้น. อาคารชุดตากอากาศ, ท่ามกลางธรรมชาติบนพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบ open space ให้เป็นพื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่กว่า 5,000 ตารางเมตร. The ICONIC CLUBHOUSE สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นรองรับ Urban wellness center, ร้านอาหาร Fine dinning ฯลฯ
พร้อมนำเทคโนโลยีทันสมัยมาบริหารจัดการการอยู่อาศัยท่ามกลางธรรมชาติอย่างยั่งยืน ลดปริมาณคาร์บอน ภายใต้คอนเซปต์ Unraveling the Epitome of Innovation Luxury Living ที่จะเข้ามาเติมเต็มไลฟ์สไตล์และคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย และยกระดับมาตรฐานของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดภูเก็ตให้ทัดเทียมกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกในทุกๆมิติ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงการออกแบบดีไซน์ สิ่งอำนวยความสะดวก เทคโลยีที่สร้างสรรค์
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 14พ.ย “แข็งค่า”ที่ระดับ 35.99 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideway ใกล้ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ควรระวังความผันผวนระหว่างวัน กรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.90-36.10 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 14พ.ย 2566 ที่ระดับ 35.99 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.01 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideway ใกล้ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ทำให้ ทั้งการอ่อนค่าและการแข็งค่าของเงินบาท ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว ก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในช่วงระหว่างวัน จากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ยังมีความไม่แน่นอน โฟลว์ธุรกรรมทองคำ และความผันผวนของเงินเยนญี่ปุ่น (หลังผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลการเข้าแทรกแซงค่าเงินของทางการญี่ปุ่น และช่วงนี้จะมีสัญญา Option เงินเยน ใกล้หมดอายุในปริมาณที่มาก)
อนึ่ง เราแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเตรียมรับมือความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกรณีที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน กลับไม่ได้ชะลอลงตามคาด และออกมาสูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ก็อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ซึ่งจะสะท้อนผ่านการเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม ส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ไม่ยาก กดดันให้ ราคาทองคำเสี่ยงปรับตัวลงต่อ และทำให้เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านระยะสั้นแถว 36.20-36.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้
ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงินและสถานการณ์สงคราม ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย
อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.90-36.10 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ
และประเมินกรอบ 35.85-36.25 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน sideway ใกล้ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในช่วง 35.95-36.10 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ก่อนที่เงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังราคาทองคำรีบาวด์ขึ้น ในช่วงที่เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลง ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในวันนี้
ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.08% หลังบรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ รวมถึงรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีก (Retailers) ในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดยังคงจับตาประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ว่าสภาคองเกรสจะสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณได้ทันภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน นี้หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Government Shutdown
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 รีบาวด์ขึ้น +0.75% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน TotalEnergies +1.2% หลังราคาน้ำมันดิบทยอยปรับตัวสูงขึ้น จากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่าทางกลุ่ม OPEC+ อาจเดินหน้าลดกำลังการผลิตต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ทั่วโลกได้
ในฝั่งตลาดบอนด์ ผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ยอดค้าปลีก และผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีกสหรัฐฯ ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัว ผันผวนใกล้ระดับ 4.65%
ทั้งนี้ เราประเมินว่า หากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ออกมาสูงกว่าคาด ก็อาจหนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง โดยเราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรอาศัยจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อ
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้น ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการอ่อนค่าของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่เกือบทะลุระดับ 152 เยนต่อดอลลาร์ ก่อนที่เงินดอลลาร์จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลง
ตามการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลง พร้อมกับการแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยย่อตัวลงสู่ระดับ 105.7 จุด (กรอบ 105.6-106 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศในตลาดการเงินที่กลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้น รวมถึงการย่อตัวลงบ้างของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) สามารถรีบาวด์ขึ้น กลับสู่โซน 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำก็ถูกจำกัดไว้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และอาจมีการปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนหลังรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม โดยนักวิเคราะห์ต่างมองว่า การปรับตัวลดลงของราคาพลังงานอาจส่งผลให้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น +0.1%m/m หรือ +3.3%y/y ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า
ทว่า ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมผลของราคาอาหารและพลังงาน อาจยังคงเพิ่มขึ้น +0.3%m/m หรือ +4.1%y/y หลังราคาสินค้าบางส่วนอาจชะลอตัวในอัตราน้อยลง อาทิ ราคารถยนต์มือสอง ซึ่งการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ
โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ช้ากว่าที่เฟดต้องการ อาจทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดยังคงมองว่า เฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือ คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน (ซึ่งต้องรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในตลอดทั้งสัปดาห์นี้)
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป ผ่านรายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ โดยเฉพาะในส่วนของยอดการจ้างงานและอัตราการเติบโตของค่าจ้าง รวมถึง อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาสที่ 3 และ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจโดย ZEW สำหรับเยอรมนีและยูโรโซน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB)
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ว่าสภาคองเกรสจะสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะ Government Shutdown ได้หรือไม่ พร้อมกับรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีก อาทิ Home Depot ซึ่งจะช่วยสะท้อนภาพการใช้จ่ายในฝั่งสหรัฐฯ ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
คนไทยคนแรก! สื่อท้องถิ่นยันเอง “นุศรา” เตรียมจารึกชื่อประวัติศาสตร์บนแดนลุงแซม
sdnews.com เว็บไซต์ข่าวชื่อดังแห่งเมืองซาน ดิเอโก ประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานว่า “ซาร่า” นุศรา ต้อมคำ อดีตมือเซตระดับตำนานทีมชาติไทย
เมื่อมือเซตสาววัย 38 ปี เตรียมลงแข่งขันลีกวอลเลย์บอลใหม่ล่าสุดของสหรัฐอเมริกา ให้กับโมสร ซาน ดิเอโก โมโจ ที่เพิ่งเปิดตัวโลโกไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมลุยศึก USA Pro Volleyball Federation ลีกอาชีพใหม่ของชาติช่วงต้นปีหน้าต่อไป
โดย USA Pro Volleyball Federation จะมีทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 7 ทีม ประกอบไปด้วย แอตลันตา ไวบ์, โคลัมบัส ฟิวรี, แกรนด์ ราปิด ไรส์, ลาส เวกัส, โอมาฮา ซูเปอร์โนวาส์, ออร์ลันโด วอลกีรีส์ และ ซาน ดิเอโก โมโจ รวมไปถึงอีก 2 ทีมที่จะเข้าร่วมในปี 2025 อย่าง ดัลลาส และ แคนซัส ซิตี้
ซึ่งตามข่าวระบุว่าการเข้าร่วมทีมในศึก USA Pro Volleyball Federation จะทำให้ นุศรา ต้อมคำ กลายเป็นผู้เล่นชาวไทยคนแรกที่ได้ลุยลีกใหม่ป้ายแดงระดับชาติของเมืองมะกันทันที และแน่นอนว่าจะเป็นการเปิดทางให้นักกีฬาไทยและทวีปเอเชียตามมาสมทบอีกหลายคนอย่างแน่นอน
สำหรับ USA Pro Volleyball Federation จะแข่งขันทั้งหมด 16 สัปดาห์ จำนวน 24 แมตช์ โดยในรอบทั่วไปแข่งวันที่ 24 มกราคม-12 พฤษภาคม 2024 และรอบชิงชนะเลิศ 16-19 พฤษภาคม 2024
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“จุลินทรีย์” ที่ดีต่อร่างกาย มีอะไรบ้าง ? อยู่ในอาหารชนิดใดบ้าง ?
เชื้อจุลินทรีย์ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเราเสมอไป ยังมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพที่เราควรรักษาเอาไว้ให้อยู่ในลำไส้ของเราไปนาน ๆ โดยบริโภคอาหารที่มีจุลินทรีย์เหล่านี้เข้าไปในท้องเป็นประจำ
จุลินทรีย์ดี ๆ ที่มากับอาหารอร่อย ๆ ไม่ได้มาพร้อมกับรสชาติอาหารที่ดีเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหาร และช่วยในการทำงานของระบบขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้น พูดง่าย ๆ ว่าอาหารที่มีจุลินทรีย์บางชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนี้ สามารถช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารง่ายขึ้น และการขับถ่ายง่ายขึ้นนั่นเอง
อาหารหมักดอง (บางประเภท) อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย
อาหารหมักดองบางประเภท มีจุลินทรีย์ที่เราควรรักษาเอาไว้ในลำไส้ เช่น
- โยเกิร์ต
- นมเปรี้ยว
- ถั่วหมัก (นัตโตะ)
- มิโซะ
- กิมจิ
- ผักเสี้ยนดอง
- ชาหมัก (คอมบูชา)
- ซาวเคราท์ (กะหล่ำปลีเปรี้ยวของเยอรมัน)
เป็นต้น
โพรไบโอติก (Probiotic) จุลินทรีย์ที่ต่อร่างกาย
อาหารหมักดองหลายชนิดมีโพรไบโอติกที่ดีต่อร่างกาย ชนิดที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย คือ แล็กโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ที่สามารถพบได้ในนมเปรี้ยว โยเกิร์ต และอื่น ๆ โดยจุลินทรีย์เหล่านี้นอกจากจะช่วยเรื่องย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกาย และช่วยในการทำงานของระบบขับถ่ายแล้ว ยังมีส่วนช่วยป้องกันโรคอันตรายเหล่านี้ได้อีกด้วย เช่น
- อุจจาระร่วง
- ลำไส้แปรปรวน
- ลำไส้อักเสบ
- ท้องผูก
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ฮอร์โมนผิดปกติ เพราะจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลั่งสารสื่อประสาท ฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายของเราอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายในแง่ของการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ของเราได้อีกด้วย
ข้อควรระวังในการรับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติกส์
ส่วนใหญ่แล้วอาหารที่มีโพรไบโอติกส์มักเป็นอาหารหมักดองที่มีรสชาติเปรี้ยว เช่น นมเปรี้ยว กิมจิ กะหล่ำดองเปรี้ยว ดังนั้นจึงมีข้อควรระวังคือ
- ไม่ควรรับประทานอาหารหมักดองรสชาติเปรี้ยวมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้เสาะท้องแล้วเกิดอาการท้องเสียได้
- รสชาติของอาหารหมักดองบางชนิด อาจมีโซเดียมมากเกินไป ควรจำกัดปริมาณในแต่ละวันที่รับประทาน มื้อละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ก็เพียงพอแล้ว
- การรับประทานอาหารรสเปรี้ยวมาก อาจเสี่ยงผิวเคลือบฟันกร่อนได้ จึงควรดื่มน้ำ หรือบ้วนน้ำหลังกิน หากชอบแปรงฟันหลังรับประทานอาหาร ควรเว้นระยะเวลาสัก 30 นาทีก่อนค่อยแปรงฟัน เพราะการแปรงฟันหลังรับประทานอาหารรสเปรี้ยวทันที อาจเสี่ยงผิวเคลือบฟันกร่อน จนเสี่ยงต่ออาการเสียวฟัน หรือฟันผุได้เช่นกัน
- รับประทานวันละนิด และหลากหลายประเภทอาหาร เช่น วันนี้กินโยเกิร์ต พรุ่งนี้กินชาหมัก จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายที่หลากหลายมากกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Tip บทสนทนาภาษาอังกฤษทางโทรศัพท์เบื้องต้น
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะมีปัญหาเวลาที่ต้องคุยโทรศัพท์กับชาวต่างชาติ ไม่มากก็น้อย วันนี้มีตัวอย่างประโยคสนทนาทางโทรศัพท์ที่ใช้เป็นประจำมาให้ลองนำไปใช้ดูนะครับ คิดว่านอกจากจะนำไปใช้ในการทำงานแล้ว ยังมีประโยชน์เวลาไปอยู่ที่ต่างประเทศ เวลาเพื่อนต่างชาติโทรศัพท์มาหาอีกด้วย งั้นเรามาเริ่มเรียนรู้กันเลยครับ
การทักทายของฝ่ายรับโทรศัพท์
– Good morning, Thai Oil refinery, Somsri speaking.
– Hello, (this is) Thai Oil refinery. May I help you?
การสอบถามผู้ที่โทรศัพท์มาว่าต้องการติดต่อใคร
– Who would you like to speak to?
– Who are you calling for?
การสอบถามชื่อของผู้ที่โทรศัพท์มา
– May I ask who is calling, please?
– May I have your name, please?
– Who is calling, please?
บอกให้รอสาย
– Just a moment, please.
– Just a second, please.
– Hold on, please.
– Hold the line, please.
– Could you wait for just one moment, please?
– One moment please, I’ll see if Mr. John is available. โปรดรอสักครู่ ฉันจะดูให้ว่าคุณจอห์นอยู่หรือเปล่า?
เมื่อโอนสายไปให้ผู้อื่น
– I’ll put you through to Mr. John. ฉันจะต่อสายคุณไปยังคุณจอห์น
– I’ll connect you to Mr. John. ฉันจะต่อสายคุณไปยังคุณจอห์น
– I’ll put Somsri on the line. ฉันจะต่อถึงคุณสมศรีซึ่งกำลังรออยู่ในสาย
เมื่อคนรับสายไม่อยู่ ขอให้โทรกลับมาใหม่วันหลัง
– I’m sorry. Mr. John is in the meeting. ขอโทษ คุณจอห์นกำลังประชุมอยู่
– I’m sorry. There’s no reply from Mr. John. ขอโทษ ไม่มีเสียงตอบรับจากคุณจอห์น
– Thank you for waiting. I’m afraid Mr. John is not in at the moment. ขอบคุณที่รอสาย แต่ตอนนี้คุณจอห์นไม่อยู่
– Could you call back later in the day? กรุณาโทรกลับมาใหม่
– He/She is not available at the moment. ตอนนี้เขา/เธอไม่อยู่
– His/Her line is busy right now. ตอนนี้สายของเขา/เธอไม่ว่าง
– He/She is on another line right now. ตอนนี้เขา/เธอกำลังติดอีกสายหนึ่งอยู่
– He/She is on the phone at the moment. ตอนนี้เขา/เธอกำลังใช้สายอยู่
– Can he/she call you back when he/she gets in? จะให้เขา/เธอโทรกลับไป เมื่อเขา/เธอกลับมาไหม?
ขอให้เขาฝากข้อความไว้
– Can I take a message? ให้ฉันรับข้อความไว้ได้ไหม?
– Would you like to leave a message? คุณต้องการฝากข้อความไว้ไหม?
– Can I give him/her a message? ให้ฉันรับข้อความไว้สำหรับเขา/เธอไหม?
– I’ll tell Mr. John that you called. ผมจะบอกคุณจอห์นให้ว่าคุณโทรมา
– I’ll make sure Mr. John rings you as soon as possible. ฉันจะบอกให้คุณจอห์นโทรกลับหาคุณให้เร็วที่สุด
– At what number can you be reached? ขอหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อคุณกลับได้
เมื่อมีปัญหา
– Could you speak up, please? กรุณาพูดดังขึ้นสักหน่อย
– I’m sorry, I don’t understand. ขอโทษด้วย ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด
– Sorry, I didn’t catch that. Could you speak more slowly, please? ขอโทษ ฉันฟังไม่ทัน กรุณาพูดช้าลงหน่อย
– I cannot hear you very well. ฉันไม่ค่อยได้ยินที่คุณพูดเลย
– You must have dialed the wrong number. คุณคงโทรมาผิดเบอร์
– Could you spell that please? กรุณาสะกดคำด้วย
ตัวอย่างบทสนทนาสำหรับฝ่ายโทรศัพท์ไปหาคนอื่น
ทักทาย/ขอสายคุยกับคนที่ต้องการ
– Good afternoon, this is Somsri speaking. I’d like to talk/speak to John.
– May/Can I speak to John?
– Could you put me through to Mr. John, please? กรุณาต่อสายถึงคุณจอห์นให้หน่อย
– Hi, I’m trying to reach Mr. John. ฉันพยายามติดต่อคุณจอห์น
ขอฝากข้อความถึงคนที่ไม่อยู่
– Could you please take a message for me?
– Could you ask him/her to call me back?
– May I leave a message?
– Please tell him/her I called. กรุณาบอกเขา/เธอว่าฉันโทรมา
โทรกลับไปหาคนที่เคยโทรมาหาเรา
– I’m sorry I missed your call this morning. ขอโทษด้วยที่ฉันไม่ได้รับโทรศัพท์คุณเมื่อเช้านี้
– I’m returning your call from this morning. ฉันโทรกลับมา (เพราะคุณโทรมาหาฉันเมื่อเช้านี้)
– This is John, returning your call from this morning.
– I heard you called me. ฉันทราบมาว่าคุณโทรหาฉัน
เมื่อมีปัญหา
– I’ve tried to get through several times, but it’s always engaged/busy. ฉันพยายามต่อโทรศัพท์อยู่หลายครั้งแต่สายไม่ว่างเลย
ขอบคุณข้อมูลจาก undifteach.blogspot.com
วันเบาหวานโลก (14 พ.ย.) และการรักษาสุขภาพ
การคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในช่วงเป้าหมายเป็นเรื่องของการสร้างสมดุลซึ่งอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน และนักวิจัยก็กำลังพยายามทำความเข้าใจกับน้ำตาลและผลของระดับน้ำตาลที่มีต่อสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น จากผลการศึกษาของ Apple Heart and Movement Study และ Apple Women’s Health Study ซึ่งเป็นงานวิจัยสาธารณะครั้งสำคัญที่เริ่มทำการศึกษาเมื่อปี 2019 นำโดย Apple ได้ข้อสรุปที่ช่วยเน้นย้ำถึงประโยชน์ของการเคลื่อนไหวร่างกายที่มีต่อระดับน้ำตาล รวมถึงความท้าทายบางส่วนที่ผู้เป็นเบาหวานต้องเผชิญในแต่ละวัน ซึ่งรวมถึงการคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในช่วงเป้าหมายในระหว่างที่มีรอบเดือน
จากข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ ในงานวิจัยนี้ รวมถึงข้อมูลที่ได้รับเพิ่มเติมจากผู้เป็นเบาหวาน Apple ขอนำเสนอ 5 คุณสมบัติเด่นใน iPhone และ Apple Watch ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เป็นเบาหวาน เช่น แอปกิจกรรม, การติดตามรอบเดือน, แอปนอนหลับ, ID ทางแพทย์ และแอปของบริษัทอื่น
หวังว่าข้อมูลด้านล่างนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณนำผลการศึกษาและเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์นี้ไปบอกต่อผู้ที่อาจประสบปัญหาจากจากภาวะเบาหวาน
ข้อมูลใหม่ๆ ที่นักวิจัยของ Harvard and Brigham & Women’s Hospital ได้จากการศึกษามีดังนี้
ในส่วนที่เกี่ยวกับการทำกิจกรรม
– เมื่อผู้เข้าร่วมการวิจัยเพิ่มระยะเวลาออกกำลังกายโดยเฉลี่ยหรือจำนวนก้าวโดยเฉลี่ยในวันใดก็ตาม พบว่าระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ระดับน้ำตาลอยู่ในช่วงเป้าหมาย 70-180 มก./ดล. นั้นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
– ผู้ที่ออกกำลังกายมากกว่า 30 นาทีต่อวันมีระยะเวลาที่ระดับน้ำตาลอยู่ในช่วง 70-180 มก./ดล. มากถึง 78.8% ของเวลาที่ใช้
– ผู้เข้าร่วมการวิจัยที่เป็นผู้หญิงและเดินมากกว่า 10,000 ก้าวต่อวันมีระยะเวลาที่ระดับน้ำตาลอยู่ในช่วงเป้าหมาย 70-180 มก./ดล. มากที่สุด เมื่อเทียบกับตัวเลข 76.4% ของผู้เข้าร่วมการวิจัยที่เป็นผู้ชาย
ในส่วนที่เกี่ยวกับรอบเดือน:
– การวิเคราะห์ระดับน้ำตาลในระหว่างรอบเดือนรวมทั้งหมด 1,982 รอบแสดงให้เห็นว่าระยะเวลาที่ระดับน้ำตาลอยู่ในช่วงเป้าหมาย 70-180 มก./ดล. นั้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในระยะฟอลลิเคิล ซึ่งเป็นระยะที่ระดับโปรเจสเตอโรนลดลง (68.5% ของวัน) เมื่อเทียบกับในระยะลูเทียล (66.8% ของวัน)
– นอกจากนี้ ระยะเวลาที่ผู้เข้าร่วมการวิจัยมีระดับน้ำตาลสูงกว่าช่วงเป้าหมายยังลดลงเล็กน้อยด้วยในระยะฟอลลิเคิล (28.9%) เมื่อเทียบกับในระยะลูเทียล (30.9%)
– กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome – PCOS) และดัชนีมวลกายที่สูงกว่า 30 กก./ตร.ม. สามารถเพิ่มภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งส่งผลต่อระดับน้ำตาลตามมา โดยมีการวิเคราะห์ผู้เข้าร่วมการวิจัยกลุ่มย่อยที่มีอาการดังกล่าวและพบว่าระยะเวลาที่ระดับน้ำตาลอยู่ในช่วง 70-180 มก./ดล. นั้นลดลงมาอยู่ที่ 63.9% ในระยะฟอลลิเคิล เมื่อเทียบกับตัวเลข 72.1% ของผู้ที่ไม่มีอาการดังกล่าว และยังพบแนวโน้มนี้ในระยะลูเทียลเช่นกันโดยมีระยะเวลาที่น้ำตาลอยู่ในช่วงเป้าหมาย 62.7% เทียบกับตัวเลข 69.9% ของผู้ที่ไม่มีอาการดังกล่าว
นักวิจัยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจพบเบาหวานตั้งแต่เนิ่นๆ และการจัดการระดับน้ำตาลอย่างเข้มงวด ซึ่งสามารถลดความความเสี่ยงและความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างได้ ผู้สนใจสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“เมล็ดแฟลกซ์” กับประโยชน์ต่อสุขภาพ และข้อควรระวัง
เมล็ดแฟลกซ์ (Flax seed) หรือเรียกอีกชื่อว่า เมล็ดลินิน พืชตระกูล Linaceae ซึ่งเส้นใยของต้นแฟลกซ์นั้นสามารถนำไปผลิตเส้นด้ายลินินและผลิตภัณฑ์สิ่งทอได้ เรียกว่า ผ้าลินิน เป็นผ้าที่สามารถระบายความร้อนได้ดี นอกจากผลิตเส้นใยที่สามารถนำมาผลิตผ้าได้แล้วนั้น เมล็ดแฟลกซ์ยังเป็นพืชที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพมากมาย มีหลักฐานบางอย่างแสดงให้เห็นว่า เมล็ดลินิน มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ มะเร็ง และโรคหัวใจและหลอดเลือด Hello คุณหมอ จะพาทุกคนไปรู้จักกับ ประโยชน์ของเมล็ดแฟลกซ์ พืชเมล็ดเล็ก แต่คุณประโยชน์เยอะ
คุณค่าทางโภชนาการที่มีใน “เมล็ดแฟลกซ์”
เมล็ดแฟลกซ์ เป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย เมล็ดแฟลกซ์บด 1 ช้อนโต๊ะ หรือประมาณ 7 กรัม ให้ไฟเบอร์และกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่ดี นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินและแร่ธาตุอีกด้วย ไปดูกันว่า เมล็ดลินิน อุดมไปด้วยสารอาหารอะไรอีกบ้าง
- พลังงาน 37 กิโลแคลอรี่
- โปรตีน 1.3 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 2 กรัม
- ไฟเบอร์ 1.9 กรัม
- ไขมันทั้งหมด 3 กรัม
- ไขมันอิ่มตัว 0.3 กรัม
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 0.5 กรัม
- ไขมันไม่อิ่มตัว 2.0 กรัม
- กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega 3) 1,597 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 1 (Vitamin B1) 8% ของ RDI
- วิตามินบี 6 (Vitamin B6) 2% ของ RDI
- โฟเลต (Folate) 2% ของ RDI
- แคลเซียม (Calcium) 2% ของ RDI
- เหล็ก 2% ของ RDI
- แมกนีเซียม (Magnesium) 7% ของ RDI
- ฟอสฟอรัส (Phosphorus) 4% ของ RDI
- โพแทสเซียม (Potassium) 2% ของ RDI
*RDI ย่อมาจาก Recommended Daily Intakes คือ ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
ประโยชน์ของเมล็ดแฟลกซ์ที่ดีต่อสุขภาพ
- อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3
เมล็ดแฟลกซ์ เป็นพืชที่มีกรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิก ( Alpha-Linolenic Acid; ALA) ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ส่วนใหญ่มักจะพบได้ในพืช จากการทดลองพบว่าสัตว์ที่ได้รับกรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิก ในเมล็ดแฟลกซ์ มีส่วนช่วยป้องกันเกิดการสะสมคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดหัวใจ ลดการอักเสบในหลอดเลือด และยังลดการเจริญเติบโตของเนื้องอกอีกด้วย ส่วนจากการศึกษาในคนพบว่า ผู้ที่รับประทานกรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิก มากขึ้น มีความเสี่ยงในการเกิดหัวใจวายได้น้อยกว่าผู้ที่ที่บริโภคกรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิก
- ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
สารลิกแนน (Lignans) เป็นสารที่พบได้ในเมล็ดธัญพืชได้ทุกชนิด เช่น เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน ถั่ว และผักใบเขียว แต่เมล็ดลินิน เป็นเมล็ดพืชที่สามารถพบสารลิกแนนได้มากกว่าพืชชนิดอื่นถึง 800 เท่า ลิกแนนเป็นสารประกอบจากพืชที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและมีสารเอสโตรเจน (Estrogen) ซึ่งสารทั้งสองมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและยังช่วยให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นอีกด้วย
การศึกษาเชิงสังเกต แสดงให้เห็นว่าผู้ที่รับประทาน เมล็ดแฟลกซ์ มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมลดลง โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาอีกชิ้นพบว่า ผู้ชายที่รับประทานเมล็ดแฟลกซ์ 30 กรัมต่อวัน ในขณะเดียวกันก็รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำไปด้วย มีระดับของสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมากลดลง ซึ่งบ่งบอกถึงความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากที่ลดลงนั่นเอง
- ช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
เมล็ดแฟลกซ์มีปริมาณไฟเบอร์จำนวนมาก โดยเมล็ดแฟลกซ์จำนวน 1 ช้อนโต๊ะให้ปริมาณไฟเบอร์ 3 กรัม ซึ่งมีไฟเบอร์ 2 ชนิดคือ ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้และไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ ไฟเบอร์เป็นสารอาหารที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้อุจจาระเป็นก้อนและช่วยให้การทำงานของลำไส้มีการเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยลดอาการท้องผูกและโรคที่เกี่ยวกับอาการลำไส้แปรปรวน ส่วนไฟเบอร์แบบละลายน้ำได้ช่วยให้ย่อยอาหารได้ช้าลง ซึ่งมีช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดคอเลสเตอรอล
- โปรตีนจากพืชชั้นเยี่ยม
เมล็ดแฟลกซ์ เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชชั้นเยี่ยม สำหรับผู้ที่งดเนื้อสัตว์ การเพิ่มเมล็ดแฟลกซ์เข้าไปในมื้ออาหาร ช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนในมื้ออาหารได้ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในสัตว์หลายชิ้น แสดงให้เห็นว่าโปรตีนจากเมล็ดแฟลกซ์ช่วยปรับปรุงการทำงานของภูมิคุ้มกัน ลดคอเลสเตอรอล ลดการเกิดเนื้องอกและมีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อรา
ข้อควรระวังในการรับประทานเมล็ดแฟลกซ์
คุณค่าทางโภชนาการของ เมล็ดแฟลกซ์ ที่ได้เขียนไว้ข้างต้นเป็นเพียงเมล็ดแฟลกซ์บด 1 ช้อนโต๊ะเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้รับประทานเมล็ดแฟลกซ์เกิน 5 ช้อนโต๊ะต่อวัน เมล็ดแฟลกซ์หรือ เมล็ดลินิน เป็นเมล็ดพืชขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้เมล็ดแฟลกซ์ รับประทานเมล็ดแฟลกซ์แล้วเกิดอาการคัน ผื่นแดง หรือว่าหายใจลำบาก ควรหยุดรับประทานแล้วเข้าปรึกษาแพทย์ถึงอาการที่เกิดขึ้นทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สุดอลังการ! ภูเก้าง้อม โอบล้อมไปด้วยสายหมอก
Sanook Travel พาไปชมภาพบรรยากาศภูเก้าง้อม ในช่วงเช้าวันที่ผ่านมานี้ โอบล้อมไปด้วยสายหมอก เป็นภาพจากมุมสูงที่เห็นความคดเคี้ยวของถนนเส้นนี้มองดูคล้ายงูยักษ์กลางสายหมอกเลย
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นถนนสวยที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวสำหรับ โค้งหมายเลข 9 หรือถนนหมายเลข 2113 เส้นด่านซ้าย-นาแห้ว นั่นเอง
ด้วยความที่ถนนเส้นนี้มีความคดเคี้ยว ตัดผ่านป่าที่เขียวขจี สองข้างทางจะได้เห็นวิวธรรมชาติที่งดงาม ทำให้นักท่องเที่ยวหลายๆ คนเดินทางไปถ่ายรูปสวยๆ กันที่นี่ ซึ่งพอมองจากมุมสูงแล้วจะเห็นว่าถนนนั้นบิดตัวเป็นเลข 9 หรือตัว S จึงเป็นที่มาของชื่อถนนหมายเลข 9 นั่นเอง
พิกัด : https://goo.gl/maps/Hs7XtCRFpWEPUcJU9
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 14/11/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,100.00 | 33,200.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,144.00 | 32,503.04 | 33,700.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,929.60 | 29,252.74 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,715.20 | 26,002.43 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 965.00 | 14,629.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 750.00 | 11,370.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,222.00 | 33,685.52 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/11/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.25 | 36.25 | 36.55 | 36.25 | 36.25 | 36.25 | 36.25 | 36.25 | 36.25 | 36.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.48 | 34.48 | 34.78 | 34.48 | 34.48 | 34.48 | 34.48 | 34.48 | 34.48 | 34.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.14 | 34.14 | 34.44 | 34.14 | 34.14 | – | 34.14 | 34.14 | 34.14 | 34.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.29 | 34.29 | – | – | – | – | – | – | – | 34.29 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.04 | 47.94 | 47.24 | 47.94 | – | – | – | – | – | 44.04 |
เบนซิน 95 | 44.04 | – | – | – | 45.21 | – | 44.54 | 44.19 | – | 44.04 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 44.64 | 43.64 | 42.94 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |