สมาคมฯรับสร้างบ้านผนึก6องค์กรยื่นนายกฯปลดล็อกข้อจำกัด-ปลุกกำลังซื้อ
สมาคมฯรับสร้างบ้านผนึก6องค์กรอสังหาฯ ยื่นนายกฯปลดล็อกข้อจำกัดในการทำธุรกิจพร้อมปลุกกำลังซื้อ ชงมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง ล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ฟื้นความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ
นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ร่วมกับอีก 6 องค์กรด้านอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย คณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อยื่นให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยทางสมาคมฯ ได้เตรียมข้อเสนอให้มีการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง ทั้งนี้จะยึดเอามูลค่าการก่อสร้างบ้านตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างที่ติดอากรแสตมป์ (อ.ส.4) กับกรมสรรพากร เพื่อนำไปเป็นหลักฐานการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาในรอบภาษีปีถัดไปได้ในอัตราลดหย่อนล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
ซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับผู้ที่ต้องการการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง รวมทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภาคส่วนที่เชื่อมโยงกับธุรกิจรับสร้างบ้านได้ด้วย
ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวยังเป็นการจูงใจให้บริษัทผู้รับสร้างบ้านที่ทำธุรกิจอยู่ทั่วประเทศ และยังไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
นายโอฬาร กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2566 เต็มไปด้วยความท้าทายจากข้อจำกัดทางธุรกิจนับจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ และความสามารถทางการเงินของผู้บริโภค รวมทั้งค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงจากต้นทุนสินค้าและอัตราดอกเบี้ย ส่งผลต่อการวางแผนปลูกสร้างบ้านให้ต้องชะลอการตัดสินใจออกไปแบบไม่มีกำหนด
ทางสมาคมฯ และบริษัทรับสร้างบ้านได้ปรับตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และยังเชื่อมั่นว่ามาตรการขอลดหย่อนภาษี จะช่วยเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านเองให้กลับมาดีขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศให้โตตามไปด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
‘บันยัน’รีแบรนด์รับการฟื้นตัวตลาดอสังหาฯหัวหิน
บันยัน ไทยแลนด์ หัวหิน โครงการแนวไลฟ์สไตล์เพื่อการใช้ชีวิตที่แอ็กทีฟใกล้ชายหาดหัวหิน ประกาศรีแบรนด์กลุ่มธุรกิจในโครงการภายใต้ชื่อใหม่เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้โดดเด่นน่าจดจำ ส่งผลให้แบรนด์ที่แข็งแกร่งและแตกต่าง รองรับการฟื้นตัวตลาดอสังหาฯหัวหิน
เชิ๊ท คว้อนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้อำนวยการ บันยัน ประเทศไทย กล่าวว่า การรีแบรนด์ ธุรกิจภายใต้ชื่อใหม่ BELVIDA ESTATES , TERRA VILLA VILLAGE และBanyan Golf Club ผ่านการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์สินค้านี้ จะสะท้อนถึงอัตตลักษณ์ของแต่ละองค์ประกอบในโครงการได้อย่างสมบูรณ์แบบ แบรนด์เหล่านี้จะสนับสนุนเราในการสร้างความแตกต่างให้กับโครงการบนแนวทางที่ดีที่สุด และกำหนดตำแหน่งทางการตลาดที่เอื้อต่อการเติบโตในอนาคต
“เราเชื่อมั่นว่ากรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของบ้านและสมาชิกกอล์ฟคลับจะมีมูลค่าสูงขึ้นตามการเติบโตของโครงการ ทีมงานของเรายังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มกำลังในการมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ เกมกีฬากอล์ฟ และบริการอาหารที่ดีเยี่ยมที่สุดแก่ทั้งเจ้าของบ้าน ผู้เช่า สมาชิกคลับ และผู้มาเยือน”
การรีแบรนด์ครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งหลักชัยสำคัญบนเส้นทางธุรกิจของบันยัน หัวหิน เพื่อปูทางสู่ประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมและการนำเสนอความเป็นเลิศทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยการการรีแบรนด์กลุ่มธุรกิจประกอบด้วย
• ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป Banyan Residences Villas จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น BelVida Estates Hua Hin
• Banyan Village ธุรกิจบ้านพักเช่าระยะยาว จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Terra Villa Village Hua Hin
• Banyan Privilege Club จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น BelVida Privilege Club
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งใกล้สิ้นสุดฤดูกาลท่องเที่ยว Banyan Golf Club จะทำการเปลี่ยนชื่อใหม่เช่นกันโดยจะเปิดเผยในช่วงต้นปี
สำหรับชื่อใหม่ “BelVida” นำมาจากภาษาอิตาลี “Belvita” ซึ่งแปลว่า “ชีวิตที่ดี” ส่วนคำว่า “Estates” หมายถึงความเป็นส่วนตัวและความหรูหราที่เจ้าของบ้านชื่นชอบ สำหรับโลโก้ BelVida Estates ใช้แบบอักษรและดีไซน์สวยงามที่จดจำง่าย ซึ่งนำมาจากโลโก้เดิม Banyan Residences Villas
ในทำนองเดียวกัน โลโก้ “Terra” ใน “Terra Villa” ใช้เฉดสีเอิร์ธโทนของหลังคาที่โดดเด่นในโครงการ สะท้อนถึงความสดชื่น โอบรับองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไว้อย่างลงตัวnและเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานที่ต่อเนื่องและความมุ่งมั่นของโครงการ เจ้าของวิลล่า สมาชิกกอล์ฟ ผู้เช่า และสมาชิกพริวิเลจคลับทุกท่าน จะยังคงได้รับสิทธิและประโยชน์เช่นเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง โครงการยังคงมุ่งมั่นมอบบริการที่เป็นเลิศ ด้วยทีมงานเดิมที่เปี่ยมด้วยความเอาใจใส่และทุ่มเท
ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา บันยัน ประเทศไทย ได้พัฒนาคอมมิวนิตี้คนรักกอล์ฟและสังคมเพื่อการอยู่อาศัยที่เจริญงอกงาม ผ่านการดำเนินงานบนพื้นฐานแนวคิด สุขภาพดี คล่องแคล่ว ไลฟ์สไตล์
“บันยันกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในยุคหลังโควิด และประสบความสำเร็จจนทำลายสถิติผลประกอบการที่ผ่านมา ปัจจุบัน Banyan Residences ได้รับการยกย่องว่าเป็นโครงการพัฒนาที่พักอาศัยระดับสูงที่ดีที่สุดในเขตหัวหิน ทั้งในแง่ของคุณภาพ ความหรูหรา และทำเลที่ตั้งชั้นเลิศ ทั้งยังได้รับรางวัลมากมายซึ่งช่วยส่งเสริมชื่อเสียงของบันยันให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น บริษัทยังประสบความสำเร็จในการทำยอดขายวิลล่าสูงสุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในช่วงปี 2565 – 2566 “
Banyan Resort Village กลายเป็นบ้านพักสไตล์รีสอร์ตยอดนิยมในหมู่ชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงเกิน 80% และเฉียด 100% ในช่วงสูงสุดของฤดูกาล
Banyan Privilege Club เติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2563 จนกระทั่งมีสมาชิกมากกว่า 2,500 รายในปี 2566 โดยยังคงมอบสิทธิประโยชน์จากพันธมิตรมากกว่า 60 รายทั่วหัวหินและสิทธิ์การเข้าร่วมกิจกรรมที่สนุกสนานเป็นประจำทุกเดือน
Banyan Golf Club ได้รับการยกย่องในระดับสากลให้เป็นหนึ่งในสนามกอล์ฟที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และยังได้รับรางวัลมากกว่า 50 รางวัลตลอดทศวรรษที่ผ่านมา อาทิ “The Best Golf Club Experience in Asia Pacific” และถูกจัดอันดับเป็น 1 ใน “Top 1,000 in the World by Rolex” โดยในปีนี้ Banyan Golf Club มีจำนวนลูกค้าที่มาออกรอบเกิน 40,000 รอบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 15ธ.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 35.14 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นได้อีก หากนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยไฮไลท์สำคัญในวันนี้ผู้เล่นในตลาดจับตาผลประชุมทั้ง 2ธนาคารกลาง “ BOE และECB” ย้ำช่วงนี้ทุกสินทรัพย์ยังเผชิญความผันผวนสูง
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 15ธ.ค. 2566 ที่ระดับ 35.14 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นแรง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็วและแรงของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง เนื่องจากบรรดาผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าขึ้นในการทยอยซื้อเงินดอลลาร์
ส่วนผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่เปิดสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) ก็อาจเริ่มทยอยขายทำกำไรสถานะดังกล่าวได้บ้าง ทำให้เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจจำกัดอยู่ในโซนแนวรับหลัก 35.00 บาทต่อดอลลาร์
นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่อาจส่งผลให้บอนด์ยีลด์ไทยลดลงเช่นกัน ก็อาจทำให้ นักลงทุนต่างชาติบางส่วนทยอยขายทำกำไรบอนด์ไทยได้ อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินได้ หากนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยได้ หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซนแนวรับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ก็อาจแข็งค่าต่อสู่โซน 34.80 บาทต่อดอลลาร์ได้
ทั้งนี้ ควรระมัดระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOE และ ECB ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางของสกุลเงินยุโรป ทั้งเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และเงินยูโร (EUR) ได้พอสมควร นอกจากนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
เพราะหากออกมาดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับลดโอกาสเฟด “ลด” ดอกเบี้ย เร็วและลึก กว่าที่ตลาดกำลังคาดการณ์อยู่ได้บ้าง ซึ่งภาพดังกล่าวอาจทำให้เงินดอลลาร์รีบาวด์แข็งค่าขึ้น ส่วนเงินบาทอาจผันผวนอ่อนค่าลงได้เช่นกัน
ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว
การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.95-35.25 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 35.11-35.78 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงเล็กน้อยก่อนตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟด และพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟด ที่มีการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ณ ระดับ 5.25-5.50% ตามคาด
ขณะที่มุมมองของเฟดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยในอนาคตผ่าน Dot Plot และถ้อยแถลงของประธานเฟด ก็ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างคลายกังวลต่อแนวโน้มเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน (Higher for Longer) ไปพอสมควร ซึ่งภาพดังกล่าวได้กดดันให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลงหนัก ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นแรง ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายทำกำไรทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk-On) หลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดและคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด (Dot Plot) ก็ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างคลายกังวลต่อแนวโน้มเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน (Higher for Longer) ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.37%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ย่อตัวลงเล็กน้อย -0.06% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุมเฟด รวมถึงผลการประชุมของ BOE และ ECB ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างยังไม่รีบปรับเปลี่ยนสถานะถือครองสินทรัพย์เสี่ยง
ในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่าคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟดล่าสุด (Dot Plot) จะสะท้อนว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้งในปีหน้า ทว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยลงได้เร็วและลึกกว่าที่เฟดประเมินไว้ใน Dot Plot ล่าสุด โดยจาก CME FedWatch Tool
บรรดาผู้เล่นในตลาดกลับมามองว่า เฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนมีนาคมหน้า และเฟดอาจลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1.50% โดยมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาด ได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงหนัก เข้าใกล้ระดับ 4.00%
ทั้งนี้ เรามองว่า รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ได้สะท้อนภาพการลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดกำลังประเมิน ทำให้มีความเสี่ยงที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจผันผวนสูงขึ้นได้ ในกรณีที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด จนทำให้ผู้เล่นในตลาดต้องปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอีกครั้ง
ดังนั้น เราจึงมองว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว มากกว่าจะไล่ราคาซื้อ จนกว่าจะเห็นสัญญาณการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชัดเจน เช่น ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมสหรัฐฯ (Nonfarm Payrolls) เพิ่มขึ้น ต่ำกว่า 1 แสนราย หรือ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) เพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 2 ล้านราย
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงเร็วและแรง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังผลการประชุมเฟดล่าสุด ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นและลึกกว่าที่เฟดระบุไว้ใน Dot Plot ส่งผลให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 102.9 จุด (กรอบ 102.7-104 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่า บรรยากาศในตลาดการเงินจะยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง แต่มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยลงในปีหน้าได้พอสมควร จนทำให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ต่างปรับตัวลดลงชัดเจน
ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) รีบาวด์ขึ้นแรงสู่ระดับ 2,045 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยผู้เล่นในตลาดจะจับตาว่า ทั้งสองธนาคารกลางจะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย เหมือนกับเฟดหรือไม่ พร้อมกันนั้น ทั้ง BOE และ ECB จะมีการเริ่มส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยลงในปีหน้า อย่างที่ตลาดกำลังคาดการณ์ หรือไม่
นอกจากผลการประชุมธนาคารกลางหลักดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้ง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เพื่อประเมินว่า มุมมองของตลาดล่าสุด ที่มองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยลงได้เร็วและลึกกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทพลิกแข็งค่ามาปรับตัวอยู่ที่ระดับ 35.15-35.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.22 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทพลิกแข็งค่า ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ และการร่วงลงอย่างหนักของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ตั้งแต่หลังการประชุมเฟด เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนท่าทีในเชิง Dovish มากขึ้น ผ่านมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดใน dot plots ใหม่ ซึ่งถูกตีความว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อาจปรับลดลงประมาณ 75 bps. (ลดลง 3 ครั้ง) ในปี 2567 และยังอาจลดลงต่อเนื่องในปี 2568-2569 นอกจากนี้ เฟดยังปรับลดตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อในปี 2567 ลงมาด้วยเช่นกัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 35.00-35.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การตอบรับต่อสัญญาณ Dovish จากผลการประชุมเฟด ผลการประชุม ECB และ BOE และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. และดัชนีราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อย่างเป็นทางการ! ส.ลูกหนัง ตั้ง “อิชิอิ” เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยคนใหม่
วันที่ 12 ธันวาคม 2566 ณ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการลงนามเซ็นสัญญา มาซาทาดะ อิชิอิ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทย ชุดใหญ่ อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว
สำหรับ อิชิอิ จะมีภารกิจในการนำ ทีมชาติไทย ทำการแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่องกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ในวันที่ 1 มกราคม 2567 ต่อด้วยการแข่งขันฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ และฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ต่อไป
ภายหลังการเซ็นสัญญา พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า “ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ขออวยพรให้ มาซาทาดะ อิชิอิ โชคดีในการเข้ามาคุมทีมชาติไทยครั้งนี้ พาทีมชาติไทยประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมแข่งขันรายการต่างๆ โดยเฉพาะฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 รอบสุดท้าย และฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 2026 นำความสุขและสร้างรอยยิ้มให้แฟนบอลชาวไทย”
โดยหลังจากเซ็นสัญญาทาง อิชิอิ ได้ประชุมร่วมกับ บริษัท ไทยลีก จำกัด ทันที เพื่อพูดคุยถึงการจัดโปรแกรมการแข่งขันในช่วงเลกสอง เพื่อให้ทีมชาติไทยมีช่วงเวลาเก็บตัวที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ และ ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2
สำหรับ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่คนใหม่ ประสบความสำเร็จมาอย่างมากมาย พาสโมสร คาชิมา แอนต์เลอร์ส คว้าแชมป์ลูวาน คัพ 2015, แชมป์เจ ลีก 2016, แชมป์เอ็มเพอเรอร์ส คัพ 2016, แชมป์ซูเปอร์คัพ 2017 และเคยพาทีมคว้ารองแชมป์สโมสรโลกมาแล้วในปี 2016 และคว้ารางวัลกุนซือยอดเยี่ยมเจลีกแห่งปี 2016 ก่อนย้ายไปคุม โอมิยะ อาร์ดิจา ในปี 2017-2018
จากนั้นในปี 2019 อิชิอิ เข้ามาคุมทีม สมุทรปราการ ซิตี้ และย้ายไปคุม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปี 2021 ก่อนสร้างประวัติศาสตร์พา “ปราสาทสายฟ้า” คว้าทริปเปิลแชมป์ (ไทยลีก, ช้าง เอฟเอ คัพ, รีโว่ คัพ) 2 ฤดูกาลติดต่อกัน คือ 2021-2022 และ 2022-2023
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
8 วิธีระงับอารมณ์โกรธ ลดอารมณ์ร้อนได้เร็วทันใจ
การระงับอารมณ์โกรธ และ การลดอารมณ์ร้อน เป็นทักษะที่สำคัญสำหรับทุกคนเพื่อให้สามารถควบคุมอารมณ์และปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องมีเหตุไม่สบายใจ โกรธกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่ไม่อยากแสดงความก้าวร้าวออกไป เพราะอาจทำให้เรื่องบานปลายได้ เรามีเคล็ดลับง่ายๆ มาให้ลองฝึกกันค่ะ
วิธีระงับอารมณ์โกรธ ลดอารมณ์ร้อนได้เร็วทันใจ
1. นับ 1 ถึง 10
เคยได้ยินไหมคะ ว่าเวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง ถ้าเวลาทำให้คนอกหักกลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิมได้ เวลาก็ช่วยให้เราใจเย็นลงได้เช่นกันค่ะ วิธีง่ายๆ คือ ก่อนที่เราจะเอ่ยปากด่า หรือเดินเข้าไปทำร้ายใครอย่างที่สมองสั่ง ลองบังคับตัวเองหายใจเข้าออกลึกๆ แล้วนับ 1 ถึง 10 ช้าๆ สติอยู่ที่ตัวเลขที่นับ ลืมคำพูด และความคิดต่างๆ ที่เข้ามาในหัวเมื่อกี้ออกไปทั้งหมด เหมือนกับการทำสมาธินั่นแหละค่ะ
2. ทำหูทวนลม
ในระหว่างที่เรากำลังให้เวลาเยียวยา ปัดเป่าความโกรธ อีกฝ่ายอาจยั่วโมโหเรามากขึ้นด้วยถ้อยคำ และการกระทำที่หยาบคายเพิ่มเติม ดังนั้นถ้าในสถานการณ์นั้น เราสามารถปิดหู ปิดตาได้ ให้ปิดให้หมด อย่าฟัง อย่าเห็นอะไรที่จะบันดาลโทสะเราเพิ่มเติม ตั้งหน้าตั้งตานับเลขไปก่อนค่ะ
3. ทำอะไรให้ช้าลง
เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเราหุนหันพลันแล่น ปล่อยให้อารมณ์ควบคุมการกระทำทุกอย่าง โดยไม่ได้ผ่านสมอง เพราะฉะนั้นลองทำอะไรให้ช้าลง พูดช้าลง เดินให้ช้าลง ทำช้าลง ต่อให้โกรธแค่ไหนก็ต้องบังคับตัวเองให้พูดช้าลง ทุกๆ คำที่พูดพยายามกลั่นกรองคำออกมาจากสมองเสียก่อน ว่าเป็นคำที่เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ หรือไม่ พูดไปแล้วจะได้อะไรดีๆ กลับมาหรือไม่ หากพูดเพราะเพียงอารมณ์ เลือกแต่คำหยาบคาย หรือตั้งใจกระแนะกระแหนใคร ให้เก็บคำเหล่านั้นไว้ในใจก่อน
4. นึกถึงคนอื่น นอกจากตัวเอง
เมื่อมีอารมณ์โกรธ เรามักนึกถึงแต่ตัวเอง โดยไม่สนใจผู้อื่น นอกจากไม่สนใจคู่กรณีว่าเขาจะมีเหตุผลใดๆ ที่เราไม่ทราบแล้ว ยังลืมนึกถึงคนที่เรารักอีกมากมาย ที่จะได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของเรา พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ เพื่อน คนสนิทต่างๆ อาจได้รับความอับอายจากการกระทำที่พวกเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง หรืออาจต้องเดือนร้อนดูแลรักษาพยาบาลเรา ไปประกันตัวเราจากสถานีตำรวจ หรือชดใช้ค่าเสียหายให้กับคู่กรณี ทั้งหมดจะเกิดขึ้นจากความโกรธเพียงเสี้ยววินาทีจริงๆ
Advertisement
5. ขอเวลาสงบสติอารมณ์
หากในสถานการณ์ตรงหน้าไม่ช่วยให้เราทำอะไรเหล่านั้นได้ อาจจะลองขอตัวเดินออกไปจากเหตุการณ์นั้น เพื่อหาที่เงียบๆ อยู่คนเดียว หรือกับคนที่เราไว้ใจ แล้วทำทุกอย่างตามข้อ 1-4 ที่ผ่านมา อาจใช้เวลา 10-30 นาทีก็ว่าไป บอกคู่กรณีให้เรียบร้อยว่าขอเวลาสักครู่ ให้ต่างคนได้พักหายใจหายคอสักครู่ รับรองว่าสติมาได้แน่ๆ
6. “ขอโทษ” ใช้ให้เป็น
คำง่ายๆ ที่หลายคนมักไม่ค่อยพูด เพราะมีทิฐิสูง การพูดขอโทษไม่ได้หมายความว่าเราเป็นฝ่ายผิดในเหตุการณ์นั้นเสมอไป เราอาจขอโทษที่ทำให้เราทั้งคู่เสียเวลา ขอโทษที่ก่อนหน้านี้แสดงอารมณ์ไม่ดีออกไป ขอโทษที่เมื่อกี้หนีออกมาก่อน ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราพูดขอโทษได้ เมื่อไรที่เราพูดขอโทษ อีกฝ่ายจะรู้สึกดีขึ้น อารมณ์เย็นขึ้น อาจประนีประนอมได้ง่ายขึ้นด้วย
7. รู้จัก “ให้อภัย”
คำนี้ดูเหมือนยากสำหรับหลายๆ คน แต่ในเหตุการณ์บางอย่างที่เล็กน้อย เราสามารถให้อภัยซึ่งกันและกันได้อย่างง่ายๆ และจะทำให้เรื่องราวปัญหาที่เกิดขึ้นได้รับการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เพียงเพราะเรามีใจ “ให้อภัย” ไม่ว่าบริการจะเสิร์ฟอาหารผิด โดนขับรถปาดหน้า หรือโดนคนแปลกหน้าเหยียบเท้า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เราสามารถดำเนินชีวิตต่อได้อย่างมีความสุข หากเราสามารถให้อภัย และปล่อยผ่านกับการกระทำเหล่านี้ไปได้
8. อยู่เฉยๆ ให้กฎหมายจัดการ
การใช้อารมณ์อยู่เหนือกฎหมาย คือนิสัยนักเลง บ้านเมืองเรามีกฎหมายที่สามารถเอาผิดผู้ที่กระทำความผิดได้ หากเรามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราควรอยู่เฉยๆ นิ่งๆ แล้วรอให้กฎหมายจัดการลงโทษผู้ที่กระทำความผิดเอง เพราะหากเรายิ่งพูด ยิ่งแสดงออกถึงอารมณ์โกรธมากเท่าไร อาจเสียรูปคดีจนเราต้องชดใช้ค่าเสียหายให้อีกฝ่ายทั้งๆ ที่เราไม่ผิดเมื่อนั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วิธีการใช้เครื่องหมาย colon ( : ) แบบละเอียดยิบ!
หลายคนคงเคยเห็นและได้ยินชื่อเรียกของเครื่องหมาย “โคลอน” (colon) ที่มีหน้าตาแบบนี้ “ : “ กันอยู่บ้างนะคะ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้หลักการ วิธีใช้เครื่องหมายโคลอนนี้ว่าสามารถใช้ตอนไหน ใช้กับอะไรได้บ้าง
วันนี้พวกเรา DailyEnglish จะพาทุกคนมาเรียนรู้หลักการใช้เครื่องหมาย Colon ( : ) กัน เพราะจริงๆแล้วไอ้เครื่องหมายนี้มีวิธีการใช้จริงๆ ไม่กี่อย่างเท่านั้นเองค่ะ รับรองว่าไม่ยากอย่างที่ทุกคนคิด
กฎข้อที่ 1a ใช้เพื่อแจกแจงสิ่งต่างๆ เพื่ออธิบายว่ามีสิ่งใดบ้างที่ต้องการพูดถึง จำไว้อย่างหนึ่งว่า อย่าเขียนตัวแรกสุดเป็นพิมพ์ใหญ่นะคะ หลังเครื่องหมายโคลอน ( : ) ให้ใช้พิมพ์เล็กอย่างเดียวโลด (ยกเว้น เป็นนามชี้เฉพาะ ชื่อสถานที่ คน อะไรแบบนี้)
ตัวอย่างเช่น
You may be required to bring many things: sleeping bags, pans, utensils, and warm clothing. (คุณอาจจำเป็นต้องนำของไปหลายอย่าง นั่นก็คือ ถุงนอน, กระทะ, เครื่องใช้ต่างๆ และ เสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น)
I want the following items: butter, sugar, and flour. (ฉันต้องการสิ่งของต่อไปนี้ ได้แก่ เนย น้ำตาล และแป้ง)
I need an assistant who can do the following: input data, write reports, and complete tax forms. (ฉันต้องการผู้ช่วยที่สามารถทำสิ่งดังต่อไปนี้ กรอกข้อมูล เขียนรายงาน และกรอกข้อมูลภาษี)
กฎข้อที่ 1b หลังจากเครื่องหมายโคลอน ( : ) จะไม่ใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ ไม่ว่าจะตามด้วยคำ (word) วลี (phrase) หรือประโยคไม่สมบูรณ์ (incomplete sentences) ยกเว้นเป็นคำนามชี้เฉพาะ
ตัวอย่างเช่น
He got what he worked for: a promotion (= คำ)
He got what he worked for: a promotion that paid a higher wage. (= วลี)
กฎข้อที่ 2 หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องหมายโคลอน ( : ) ถ้าเราต้องการไล่รายชื่อบางสิ่ง ในกรณีที่มีกริยา หรือบุพบทบอกตำแหน่งอยู่ด้านหลัง
ตัวอย่างเช่น
อย่าใช้ I want: butter, sugar, and flour.
ให้ใช้เป็น I want butter, sugar, and flour. จะเหมาะสมกว่า
แต่ถ้าอยากใช้ : จริงๆ ให้เปลี่ยนเป็น
Here is what I want: butter, sugar, and flour.
หรืออีกหนึ่งตัวอย่าง
อย่าใช้ I’ve seen the greats, including: Barrymore, Guinness, and Streep.
ให้ใช้ว่า I’ve seen the greats, including Barrymore, Guinness, and Streep.
แต่ถ้าอยากใช้ : จริงๆ ให้เปลี่ยนเป็น
I’ve seen the greats: Barrymore,Guinness and Streep.
กฎข้อที่ 3 สามารถใช้เครื่องหมายโคลอน( : ) แล้วตามด้วยลิสท์รายชื่อของบางสิ่งทีละอัน โดยเรียงเป็นข้อๆทีละบรรทัด มีตัวอักษร ตัวเลข หรือจุดนำหน้าได้
*** การใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่นำหน้าหรือจบด้วยเครื่องหมายแสดงการจบประโยคต่างๆก็แล้วแต่กรณีไป อย่าง ถ้าในข้อนั้นๆเป็นประโยคก็ขึ้นต้นด้วยพิมพ์ใหญ่ก็อาจตามด้วยจุดฟูลสต็อป หรือเป็นเครื่องหมายอื่นๆก็ได้ ไม่ได้มีกฎบังคับที่ตายตัวขนาดนั้นในเรื่องนี้
ตัวอย่างเช่น
I want an assistant who can do the following:
- input data
- write reports
- complete tax forms
หรือ
The following are requested:
- Wool sweaters for possible cold weather.
- Wet suits for snorkeling.
- Introductions to the local dignitaries.
หรือ
These are the pool rules:
- Do not run.
- If you see unsafe behavior, report it to the lifeguard.
- Did you remember your towel?
- Have fun!
กฎข้อที่ 4 ใช้เครื่องหมายโคลอน ( : ) แทนที่เซมิโคลอน ( ; )ได้ระหว่าง independent clause และ independent clause ด้วยกัน ในกรณีที่ independent clause อันที่สองนั้นทำหน้าที่อธิบาย ขยายความ ให้ตัวอย่างประกอบ หรือ ถอดความ independent clause ด้านหน้า
ตัวอย่างเช่น
He got what he worked for: he really earned that promotion. (เขาได้รับในสิ่งที่เขาทำไป นั่นคือ เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่ง)
**** เรื่องของการใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่หลังเครื่องหมายโคลอน นักเขียนและบรรณาธิการหลายคนเห็นสมควรว่าการใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่เป็นสิ่งที่ควรกระทำหากสิ่งที่ตามหลังเครื่องหมายโคลอนเป็นเรื่องทั่วไป หรือคำกล่าวที่เป็นจริง
ตัวอย่างเช่น
Remember the old saying: Be careful what you wish for. (ให้จำคำโบราณที่ว่า ระวังในสิ่งที่คุณหวังอยากจะได้)
กฎข้อที่ 5 ใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ในคำแรกของประโยคหรือคำพูดที่สมบูรณ์ที่ดึงมาจากที่อื่นหลังเครื่องหมายโคลอน ( : )
ตัวอย่างเช่น The host made an announcement: “You are all staying for dinner.”
กฎข้อที่ 6 ใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่หลังเครื่องหมายโคลอนในกรณีที่หลังเครื่องหมายโคลอน ( : ) มีประโยคที่สมบูรณ์มากกว่าหนึ่งประโยค
ตัวอย่างเช่น Dad gave us these rules to live by: Work hard. Be honest. Always show up on time.
กฎข้อที่ 7 ถ้าข้อความที่อ้างมามีมากกว่าหนึ่งประโยคขึ้นไป นักเขียนและบรรณาธิการหลายคนมักใช้เครื่องหมายโคลอน ( : ) นำหน้าแทนเครื่องหมายคอมมา (,)
ตัวอย่างเช่น Dad often said to me: “Work hard. Be honest. Always show up on time.”
กฎข้อที่ 8 เพื่อขยายข้อความที่คัดมาจากแหล่งอื่น โดยขึ้นต้นด้วยเครื่องหมายโคลอน ( : ) รูปแบบหนึ่งคือย่อหน้าไปประมาณหนึ่งนิ้วครึ่งทั้งทางด้านซ้ายและขวาจากขอบกระดาษ หรือเว้นวรรคเฉพาะทางด้านซ้ายก็ได้ โดยทั้งสองแบบไม่ต้องใส่เครื่องหมายคำพูด (“ “)
ตัวอย่างเช่น
The author of Touched, Jane Straus, wrote in the first chapter:
Georgia went back to her bed and stared at the intricate patterns of burned moth wings in the translucent glass of the overhead light. Her father was in “hyper mode” again where nothing could calm him down.
กฎข้อที่ 9 ใช้เครื่องหมายโคลอน( : ) แทนเครื่องหมายคอมมา (,) ตามหลังคำขึ้นต้นในจดหมายธุรกิจ แม้แต่ตอนเขียนถึงใครก็ตามโดยใช้ชื่อจริงของเขาหรือเธอเฉยๆ บางคนอาจเห็นการใช้เครื่องหมายคอมมา ก็ใช้ได้นะคะ แต่ใช้ในงานที่ไม่เป็นทางการมากนัก
ตัวอย่างเช่น
Dear Ms. Rodriguez: (แบบเป็นทางการมาก)
Dear Dave, (แบบไม่เป็นทางการ)
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
กสทช. เอาจริง! เตรียมจัดระเบียบซิมการ์ด ใครถือมากกว่า 5 ซิม จะต้องยืนยันตัวตน
ตามที่มีประกาศในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่อง กสทช. จัดระเบียบซิมโทรศัพท์ ปี 67 ใครถือครองเกิน 6 ซิม ต้องยืนยันตัวตน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
สำนักงาน กสทช. จัดทำ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง การยืนยันตัวตนและข้อมูล เกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมีสาระสำคัญในการกำหนดให้ผู้ที่ลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน ตั้งแต่ 6 เลขหมายขึ้นไปต่อหนึ่งผู้ให้บริการ จะต้องยืนยันตัวตนกับผู้ให้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่ง (ร่าง) ประกาศฯ ฉบับดังกล่าวอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และนำผลการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวมาพิจารณาปรับปรุง (ร่าง) ประกาศฯ ก่อนสนอ กสช. ให้ความเห็นชอบต่อไป โดยคาดว่า จะแล้วเสร็จและประกาศใช้ในช่วงต้นปี 2567
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจาก กสทช. สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.nbtc.go.th หรือโทร. 02-670-8888
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รู้จัก “จ๊อดแฟร์” พระราม 9 และวิธีเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายไหนได้บ้าง
JODD FAIRS หรือจ๊อดแฟร์ เป็นชื่อของตลาดนัดกลางคืน หรือไนท์มาร์เกต แหล่งท่องเที่ยวที่ถูกใจสายกิน สายช้อป ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติตั้ง โดยจ๊อด แฟร์แห่งแรกนั้นตั้งอยู่บริเวณถนนพระราม 9 และกลายเป็นแลนด์มาร์กสถานที่แฮงก์เอาต์ใจกลางเมืองที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
นอกจาก JODD FAIRS หรือจ๊อดแฟร์ พระราม 9 แล้ว เมื่อประมาณช่วงเดือนเมษายน 2566 มีการเปิดตัวโปรเจกต์ JODD FAIRS แดนเนรมิตขึ้นมาเป็นตลาดนัดกลางคืนแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ สำหรับเวลาเปิด-ปิดนั้นคือตลาดจ๊อดแฟร์ พระราม 9 เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 16.00-24.00 น.
วิธีเดินทางไปตลาดจ๊อดแฟร์
1. นั่งรถไฟฟ้า BTS ไปตลาดจ๊อดแฟร์ พระราม 9
โดยสารรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอโศก แล้วต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินสถานีสุขุมวิท ลงยังสถานีพระราม 9 แล้วเดินออกทางประตูที่เชื่อมกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 9
2. สถานีรถไฟฟ้า MRT ผ่านตลาดจ๊อดแฟร์ พระราม 9
โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงที่สถานนีพระราม 9 แล้วเดินเข้าทางห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 9 หรือจะเดินออกประตูทางเชื่อมกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 9 ก็ได้เช่นกัน
3. ไปจ๊อดแฟร์ พระราม 9 ด้วยแอร์พอร์ตเรลลิงก์
โดยสารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ลงสถานีมักกะสัน แล้วเดินไปที่ทางเชื่อม ต่อรถไฟฟ้า MRT สถานีเพชรบุรี ไปลงสถานีพระราม 9 ใช้เส้นทางเดินเข้าทางห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 9 หรือจะเดินออกประตูทางเชื่อมกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 9 ก็ได้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 14/12/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,700.00 | 33,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,183.00 | 33,094.28 | 34,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,964.70 | 29,784.85 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,746.40 | 26,475.42 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 982.00 | 14,887.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 764.00 | 11,582.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,262.00 | 34,291.92 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/12/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.75 | 34.75 | 35.25 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.98 | 32.98 | 33.48 | 32.98 | 32.98 | 32.98 | 32.98 | 32.98 | 32.98 | 32.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.64 | 32.64 | 33.14 | 32.64 | 32.64 | – | 32.64 | 32.64 | 32.64 | 32.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.79 | 32.79 | – | – | – | – | – | – | – | 32.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 42.54 | 46.44 | 49.94 | 46.44 | – | – | – | – | – | 42.54 |
เบนซิน 95 | 42.64 | – | – | – | 43.81 | – | 43.14 | 42.79 | – | 42.64 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.24 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 45.94 | 43.64 | 42.94 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |