ริชี่เพลซ ชี้อสังหาฯถึงจุดต่ำสุด ปี 65 วางแผนสร้างรายได้โต 65%
ริชี่เพลซ 2002 ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 จำนวน 2,300 ล้านบาท โต 65% จากปี 2564 เตรียมเดินหน้าเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท มองบวกตลาดอสังหาฯเริ่มฟื้นตัว กำลังซื้อผู้บริโภคทยอยกลับมาหลังปรับตัวให้เข้ากับโควิด-19 ได้มากขึ้น
วันที่ 13 มกราคม 2565 ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯยังคงสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้ตั้งเป้ารายได้ 2,300 ล้านบาท เติบโต 65% จากปี 2564 มียอดขายรอโอนในมือ (backlog) 2,400 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย 4,000 ล้านบาท ขณะที่โครงการสร้างเสร็จพร้อมขายกว่ามีมูลค่า 6,200 ล้านบาทรวมโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจะทำให้มีโครงการในมือรวมมูลค่า 11,000 ล้านบาท
ปี 2565 จะเป็นปีที่ RICHY ครบรอบการดำเนินธุรกิจ 20 ปี เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ จึงได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ โดยให้ส่วนลดสูงสุด 20% สำหรับลูกค้าทุกโครงการ โดยให้ส่วนลดสูงสุดถึง 1,000,000 บาท คาดว่าจะได้รับความสนใจ และช่วยสนับสนุนการเพิ่มยอดขายให้กลับมาคึกคัก ผลักดันรายได้ให้เติบโตมากขึ้นอีกด้วย
“แนวโน้มธุรกิจอสังหาฯในปีนี้ ประเมินว่าน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนในสังคมเริ่มปรับตัวให้อยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้จะมีการกลายพันธุ์เกิดขึ้น แต่การใช้ชีวิตเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับภาวะปกติ ซึ่งทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางจะมากขึ้น แต่เป็นลักษณะการทยอยฟื้นตัวมากกว่า และเชื่อว่าอุตสาหกรรมอสังหาฯได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว” ดร.อาภา กล่าว
ในปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,025 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการริชตัน พัฒนาการ สวนหลวง มูลค่า 524 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์ยูโรเปี้ยน จำนวน 131 ยูนิต, โครงการริชตัน ดอนเมือง เพิ่มสิน มูลค่า 500 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 163 ยูนิต และโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อีก 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 2,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดช่องทางการรับชำระเงินค่าสินค้าด้วยสกุลเงินดิจิทัล เพื่อนำมาต่อยอดจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังได้รับความนิยม และเป็นที่ยอมรับของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯอยู่แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดแผนปีเสือ เบ่งพอร์ตโครงการใหม่โต 50% 2.9 หมื่นล้าน
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ตั้งเป้าหมายแผนการดำเนินงาน ในปี 2565 โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย (Booking) 31,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ 33,000 ล้านบาท
วันที่ 13 มกราคม 2565 นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในปี 2564 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวม 19,680 ล้านบาท
ทั้งนี้ สินค้าประเภทบ้านแนวราบ ซึ่งได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์ ยังคงเป็นสินค้าหลักที่สร้างยอดขายให้กับบริษัทฯ โดยสัดส่วนการขายของบ้านแนวราบ : คอนโดมิเนียม คือ 97%: 3%
เมื่อจำแนกตามพื้นที่ กรุงเทพและปริมณฑลยังคงเป็นพื้นที่หลักในการสร้างยอดขาย โดยมีสัดส่วนยอดขายข 92% เปรียบเทียบกับยอดขายของโครงการในต่างจังหวัดมีสัดส่วน 8%
เซกเมนต์หลักของบ้านราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทมียอดขาย 53% ใกล้เคียงกับบ้านระดับราคาเกิน 10 ล้านบาทซึ่งมียอดขายสัดส่วน 47%
ปี 2564 บริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย 5,100 ล้านบาท, ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าโดยผ่านบริษัท LHMH และ LH USA จำนวน 3,900 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.พัฒนาศูนย์การค้า Terminal 21 Rama 3 จำนวน 1,285 ล้านบาท 2.พัฒนาธุรกิจโรงแรมและอะพาร์ตเม้นต์ 2,615 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัท LHMH มีโครงการที่ดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนาทั้งหมด 6 โครงการ และยังมีอีก 1 โครงการที่รอการส่งมอบที่ดิน คือแปลงที่ดิน Peninsula Plaza ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงการ Grande Centre Point Ratchadamri 2
ทั้งนี้ เดือนธันวาคม 2564 บริษัท LH USA ได้เข้าซื้อโรงแรม The SpringHill Suites by Marriott ในเมืองอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นการซื้อขาดและได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ในที่ดิน พื้นที่ 2.07 เอเคอร์ จำนวนห้องพัก 120 ห้อง ราคา 31 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,056 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท ระยะเวลา 2-3 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.40% ต่อปี ข้อมูล ณ สิ้นปี 2564 หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ มีจำนวน 50,800 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 101% และมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 2.15%
นายนพรกล่าวว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 29,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ในปี 2564
เซกเมนต์หลักของบ้านราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทมียอดขาย 53% ใกล้เคียงกับบ้านระดับราคาเกิน 10 ล้านบาทซึ่งมียอดขายสัดส่วน 47%
ปี 2564 บริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย 5,100 ล้านบาท, ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าโดยผ่านบริษัท LHMH และ LH USA จำนวน 3,900 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.พัฒนาศูนย์การค้า Terminal 21 Rama 3 จำนวน 1,285 ล้านบาท 2.พัฒนาธุรกิจโรงแรมและอะพาร์ตเม้นต์ 2,615 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัท LHMH มีโครงการที่ดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนาทั้งหมด 6 โครงการ และยังมีอีก 1 โครงการที่รอการส่งมอบที่ดิน คือแปลงที่ดิน Peninsula Plaza ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงการ Grande Centre Point Ratchadamri 2
ทั้งนี้ เดือนธันวาคม 2564 บริษัท LH USA ได้เข้าซื้อโรงแรม The SpringHill Suites by Marriott ในเมืองอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นการซื้อขาดและได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ในที่ดิน พื้นที่ 2.07 เอเคอร์ จำนวนห้องพัก 120 ห้อง ราคา 31 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,056 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท ระยะเวลา 2-3 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.40% ต่อปี ข้อมูล ณ สิ้นปี 2564 หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ มีจำนวน 50,800 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 101% และมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 2.15%
นายนพรกล่าวว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 29,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ในปี 2564
โดยบริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมด 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วยงบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 6,000 ล้านบาท กับงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า 4,000 ล้านบาท
บริษัทมีแผนประกาศขายอพาร์ตเม้นต์ในสหรัฐอเมริกา และยังหาโอกาสที่จะลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม รวมทั้งมีแผนออกหุ้นกู้อีกจำนวน 14,000 ล้านบาท และคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะอยู่ในระดับที่ลดลงจากสิ้นปี 2564 โดยอยู่ในระดับที่ไม่เกิน 100%
นายนพรกล่าวต่อว่า จำนวนโครงการที่ดำเนินการระหว่างปี 2564 – 2565 มีรายละเอียด ดังนี้
ข้อมูล ณ ต้นปี 2564 มีจำนวนโครงการอยู่ระหว่างขายทั้งสิ้น 75 โครงการ อยู่ในกรุงเทพ-ปริมณฑล 45 โครงการ ต่างจังหวัด 30 โครงการ มีโครงการเปิดใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวม 19,680 ล้านบาท โดยไม่มีการเปิดคอนโดมิเนียมเลย
เมื่อแยกตามประเภทสินค้าที่อยู่อาศัยตามโครงการเปิดใหม่ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ, บ้านแฝด 2 โครงการ, ทาวน์เฮ้าส์ 5 เบ็ดเสร็จบริษัทมีโครงการที่ดำเนินการในระหว่างปี 2564 ทั้งหมด 85 โครงการ มีโครงการปิดการขายระหว่างปี 11 โครงการ
ดังนั้น ณ สิ้นปี 2564 มีโครงการที่ยกไปดำเนินการต่อในปี 2565 เป็นจำนวน 74 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 53,300 ล้านบาท
สำหรับจำนวนโครงการในปี 2565 ณ ต้นปี 2565 มีจำนวนโครงการที่ดำเนินการทั้งสิ้น 74 โครงการ อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล 44 โครงการ ต่างจังหวัด 30 โครงการ
บริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 29,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ในปี 2564 อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 12 โครงการ และต่างจังหวัด 3 โครงการ
เมื่อแยกตามประเภทสินค้า ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว 11 โครงการ, บ้านแฝด 4 โครงการ, ทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มีผลให้จำนวนโครงการที่ดำเนินการในปี 2565 มีทั้งหมด 89 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 82,900 ล้านบาท มีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยขายในปี 2565 เท่ากับ 7.4 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 7.6 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
บาทเปิด 33.24 บาทต่อดอลลาร์ทรงตัว
เงินบาทเปิดตลาด 33.24 บาทต่อดอลลาร์ทรงตัว ตลาดรอปัจจัยใหม่ คาดกรอบวันนี้ 33.20-33.35 บาทต่อดอลลาร์
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 65 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.24 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวใกล้เคียงกับช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.23/25 บาท/ดอลลาร์ โดยดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเยนและยูโร แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ ส่วนสถานการณ์โควิด-19 นั้นตลาดเริ่มคลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
“เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัวเท่ากับช่วงเย็นวานนี้ ตลาดรอปัจจัยใหม่เข้ามา ปัจจัยวันนี้น่าจะมาจาก Fund Flow ที่เข้ามาในตลาดหุ้นและพันธบัตร” นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 33.20 – 33.35 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ลิเวอร์พูล เจาะ อาร์เซน่อล 10 ตัว ไม่เข้า เจ๊าจืด 0-0 ยกเเรกคาราบาวคัพ
การแข่งขันฟุตบอลคาราบาว คัพ ฤดูกาล 2021-22 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 13 ม.ค. 64 “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล
เกมนี้ “หงส์แดง” ส่งตัวรุกที่มีอยู่ทั้ง ดิโอโก้ โชต้า, ทาคุมิ มินามิโนะ, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ลงไปยิง
ส่วน “ปืนใหญ่” ดัน เอ็ดดี เอ็นเคเทียห์ ยิงเป้าแล้ว บูกาโย่ ซาก้า กับ อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ ทำเกม
ผลปรากฎว่า ครึ่งเเรก ทาง หงส์แดง ได้ลุ้นก่อนเมื่อทาง อารอน แรมส์เดล เปิดติด จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แต่กัปตันทีมเจ้าบ้านหลุดไปยิงติดประตูทีมเยือนที่ตามไปแก้ตัว
นาทีที่ 24 ปืนใหญ่ มาเหลือ 10 ในจังหวะที่ กรานิต ชาก้า ไปยันใส่ชายโครง ดีโอโก้ โชต้า ผู้ตัดสินไม่มีทางเลือกควักใบแดงไล่กองกลางอาร์เซน่อลออกจากสนาม
ครึ่งหลังผ่านไป 3 นาที ลิเวอร์พูล มีลุ้นจากลูกเปิดเข้าในของ ทาคุมิ มินามิโนะ บอลลอยข้ามมือ อารอน แรมส์เดล ก่อนจะหลุดเสาไกลออกไปนิดเดียว
ผ่านไปครบหนึ่งชั่วโมงยังไม่มีการยิงตรงกรอบจากทั้งสองฝ่าย แต่นาทีที่ 67 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นเมื่อทาง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แทงมาให้ ทาคุมิ มินามิโนะ สอดไปปาดเข้าในแต่ไม่มีคนชาร์จบอลหลุดเสาไกล
โอกาสทองของ อาร์เซน่อล ในนาที 72 คีแรน เทียร์นี่ย์ เติมขึ้นมาทางซ้ายก่อนครอสเข้าใน บูกาโย่ ซาก้า โฉบตัดหน้า แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แต่จังหวะจะยิงบอลยาวไปเลยจิ้มติด อาลีสซง
ท้ายเกมเจ้าบ้านทำหมูหกเมื่อทาง อารอน แรมส์เดล ออกไปตัดบอลพลาดเข้าทาง ทาคุมิ มินามิโนะ ยิงโล่งๆ แต่ดันหวดข้ามคานไม่น่าเชื่อ
สุดท้ายไม่มีใครยิงได้ จบเกมเสมอแบบไม่มีสกอร์ ไปสู้กันต่อในยกสองที่ เอมิเรตส์ สเตเดียม วันที่ 20 มกราคม 2022
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
ลิเวอร์พูล : อลีสซง เบ็คเกอร์,เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เนโก วิลเลี่ยมส์ น.76),โฌเอล มาติป (โจ โกเมซ น.76),เฟอร์กิล ฟาน ไดค์,แอนดี้ โรเบิร์ตสัน,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,ฟาบินโญ่ (อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.76),เจมส์ มิลเนอร์ (เคอร์ติส โจนส์ น.61),ทาคูมิ มินามิโนะ,โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่,ดีโอโก้ โชต้า
อาร์เซน่อล : แอรอน แรมส์เดล,เซดริก โซอาเรส (คัลลั่ม แชมเบอร์ส น.11),เบน ไวท์,กาเบรียล มากัลเญส,คีแรน เทียร์นี่ย์,อัลแบร์ แซมบี้ โลคองก้า,กรานิต ชาคา (ใบแดง น.24),บูกาโย่ ซาก้า (นูโน่ ตาวาเรส น.81),อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์,กาเบรียล มาร์ติเนลลี่,เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ (ร็อบ โฮลดิ่ง น.28)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เนื้อหมูติดเชื้อ ASF เรายังกินได้อยู่ไหม?
ราคาเนื้อหมูที่กำลังพุ่งสูงขึ้นทะลุ 200 บาทต่อกิโลกรัม ตามมาด้วยข่าวพบการติดเชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ของรัฐบาล นำความหนักใจมาให้พี่น้องประชาชนทุกคนทั้งในฐานะพ่อค้าแม่ค้าหรือผู้บริโภคในด้านมิติเศรษฐกิจ รวมถึงในด้านสาธารณสุขเอง เชื้อไวรัส ASF ก็ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าสุดท้ายแล้ว เชื้ออหิวาต์นี้หากมนุษย์กินเข้าไปจะติดเชื้อได้เหมือนกับหมูหรือไม่
โรค ASF คืออะไร
จากข้อมูลสัมภาษณ์ของหลายสำนักข่าวสรุปได้ว่าเชื้อ ASF : African Swine Fever เป็นโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ที่แพร่เชื้อไวรัสที่ทนในธรรมชาติและติดเชื้อได้อย่างรุนแรงทั้งในหมูและหมูป่า จึงเป็นเหตุให้เชื้อไวรัสแพร่ได้เร็วและตกค้างได้นานหลายปีแม้อยู่ในเนื้อหมูแช่เย็น
โรค ASF ติดจากสัตว์สู่คนได้ไหม
แม้เชื้ออหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้นานหลายเดือน แต่ไม่ใช่โรคที่ติดจากสัตว์สู่คน โรค ASF จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่มนุษย์และในปัจจุบันยังไม่มีประวัติผู้ป่วยด้วยเชื้อโรคนี้
หากกินหมูติดเชื้อ ASF จะอันตรายต่อร่างกายหรือไม่
เรายังสามารถกินเนื้อหมูที่ติดเชื้อ ASF ได้ตามปกติเนื่องจากเชื้อไม่ติดจากสัตว์สู่คน แต่ถึงอย่างไรนั้นก็ไม่ควรกินเนื้อสุกๆดิบๆ เพราะเชื้อไวรัสนี้จะตายด้วยความร้อน 60 องศาขึ้นไป อย่างน้อย 30 นาที เพื่อความมั่นใจว่าอาหารที่ทานจะสะอาด ปลอดเชื้อ จึงควรกินอาหารที่ปรุงสุกทุกครั้งลดความเสี่ยง
ปัญหาหมูติดเชื้อจนนำไปสู่การขาดแคลนอาหารของคนไทยจนขึ้นค่าครองชีพด้านการกิน แม้หมูที่ติดเชื้อยังสามารถทานได้อยู่แต่ในแง่เกี่ยวกับอนามัยก็ไม่นิยมนำมาปรุงอาหารกันอย่างแน่นอน เราจึงเห็นหลายๆที่เสนอโปรตีนประเภทอื่นขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกในยุคหมูแพงแบบนี้
แต่หากรัฐมองไปถึงอนาคต การสรรหาอาหารทดแทนอาจไม่ใช่เรื่องแรกที่ควรแก้ไข เท่ากับปัญหาโครงสร้างที่จะตามมาในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
การตั้งประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย ARE
วันนี้เราจะมาดูการตั้งคำถามด้วย Are กันค่ะ ซึ่งโครงสร้างการตั้งประโยคคำถามด้วยกริยาช่วยอย่าง Verb to be “Are” (แปลว่า เป็น, อยู่, คือ) จะใช้กับประธานที่เป็นพหูพจน์ อย่าง you, we, และ they ค่ะ และตามด้วย คำวิเศษณ์ (Adjective) และ คำนาม (Noun)
เดี๋ยวมาดูตัวอย่างกันเลย
1. Are you busy?
= คุณยุ่งหรือเปล่า?
2. Are you free tonight?
= คืนนี้คุณว่างมั้ย?
3. Are you going to help her?
= คุณจะไปช่วยเธอมั้ย?
4. Are you comfortable?
= คุณสะดวกมั้ย?
5. Are you ready?
= คุณพร้อมหรือยัง?
6. Are you waiting for someone?
= คุณกำลังรอใครอยู่ใช่ไหม?
7. Are you working tomorrow?
= คุณจะทำงานพรุ่งนี้ใช่มั้ย?
8. Are you married?
= คุณแต่งงานแล้วใช่มั้ย?
9. Are you hungry?
= คุณหิวใช่มั้ย?
10. Are you allergic to anything?
= คุณแพ้บางอย่างใช่มั้ย?
11. Are you here alone?
= คุณอยู่ที่นี่คนเดียวใช่มั้ย?
12. Are you single?
= คุณโสดหรือเปล่า
13. Are you crazy?
= คุณบ้าหรือเปล่า?
14. Are you going to watch football tonight?
= คืนนี้คุณจะดูฟุตบอลหรือเปล่า?
15. Are you mad at me?
= คุณโกรธหรอ?
16. Are you going to bed early tonight?
= คุณจะเข้านอนเร็วมั้ยคืนนี้?
17. Are we there yet?
= พวกเราถึงที่นั่นหรือยัง?
18. Are you a student?
= คุณเป็นนักเรียนหรือเปล่า?
19. Are you hurt?
= คุณเจ็บหรือเปล่า?
20. Are they selling alcohol today?
= พวกเขาขายแอลกอฮอล์วันนี้มั้ย?
21. Are they playing tennis?
= พวกเขาเล่นเทนนิสกันอยู่ใช่มั้ย?
22. Are you okay?
= คุณโอเคมั้ย?
23. Are you from Thailand?
= คุณมาจากประเทศไทยใช่มั้ย?
24. Are you Alex?
= คุณคือเอล็กซ์ใช่มั้ย?
25. Are they in grade 12?
= พวกเขาอยู่ชั้นม.6 ใช่มั้ย? (เกรด 12)
26. Are you cheating on me?
= คุณนอกใจฉันหรอ?
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
มช.เจ๋ง! พัฒนาแพลตฟอร์ม CMUGency เครื่องวัดสัญญาณชีพพื้นฐานรถฉุกเฉิน
มช. พัฒนาแพลตฟอร์ม CMUGency เครื่องวัดสัญญาณชีพพื้นฐานในรถฉุกเฉิน เสมือนมีแพทย์อยู่ในรถพยาบาล ระบุถูกนำไปใช้งานจริงในโรงพยาบาลหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่
เวลาและความรวดเร็วถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับการแพทย์ฉุกเฉิน ผู้เจ็บป่วยจะเสียโอกาสในการอยู่รอดชีวีตในทุกนาทีที่ผ่านไป โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ป่วยขณะเคลื่อนย้ายมายังโรงพยาบาล ด้วยอุปกรณ์ที่จำเป็นบวกกับพื้นที่การเข้าถึง ทำให้การช่วยเหลือผู้ป่วยเกิดความยากลำบากมากยิ่งขึ้น การนำเทคโนโลยีสื่อสารมาช่วยตอบโจทย์ทางการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจึงเป็นเรื่องสำคัญ
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้เปิดตัว เครื่องวัดสัญญาณชีพ CMUGency ที่สามารถวัดสัญญาณคลื่นหัวใจ 12 จุด วัดความดันเลือด วัดออกซิเจนในเลือด และอัตราการเต้นของหัวใจ ในเครื่องเดียว ซึ่งจะนำมาใช้ในรถฉุกเฉิน ประเมินอาการผู้ป่วยระหว่างนำส่ง เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลคนไข้ตั้งแต่อยู่ในรถฉุกเฉินกับทีมแพทย์ที่เตรียมพร้อมรอรับอยู่ที่โรงพยาบาล
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยสถาบันวิศวกรรมชีวการแพทย์ ร่วมกับ คณะสาธารณสุขศาสตร์ และ โรงพยาบาลสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมคิดค้น พัฒนาเครื่องวัดสัญญาณชีพจรพื้นฐานพร้อมการสื่อสารไร้สาย (CMUGency) ด้วยเหตุเพราะเครื่องวัดสัญญาณชีพจรพื้นฐาน เช่น คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ชีพจร อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ความเข้มข้นของออกซิเจน อุปกรณ์สำคัญในระบบบริการแพทย์ฉุกเฉิน สัญญาณชีพจรเหล่านี้ มีผลต่อการดูแลรักษาผู้ป่วยระหว่างการเดินทางมายังโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก โดยเครื่องจะสามารถวัดสัญญาณชีพจรพื้นฐานให้แสดงผลกับบุคลากรผู้ช่วยเหลือบนรถฉุกเฉิน พร้อมส่งสัญญาณชีพจร แจ้งพิกัดของรถฉุกเฉินผ่านระบบสื่อสารไร้สาย โดยใช้ระบบสัญญาณจากโทรศัพท์มือถือ ส่งสัญญาณโดยตรงให้บุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่โรงพยาบาลปลายทางให้สามารถตรวจสอบชีพจรได้แบบ Real-time
พร้อมทั้งได้พัฒนาแอปพลิเคชัน CMUGency ซึ่งแบ่งเป็น 4 ประเภทตามผู้ใช้งาน โดยผู้ป่วยหรือผู้ประสบเหตุ สามารถเรียกรถฉุกเฉินได้ทันที ด้านศูนย์ประสานงานจะสามารถตรวจสอบพิกัดของผู้ป่วยและรถฉุกเฉินได้ อีกทั้งยังเลือกรถฉุกเฉินที่เหมาะสมไปรับและดูแลผู้ป่วย ทางด้านรถฉุกเฉิน บุคลากรบนรถสามารถติดต่อกับศูนย์ประสานงาน ตรวจสอบตำแหน่งของรถฉุกเฉินและผู้ป่วยได้ สำหรับบุคลากรโรงพยาบาลปลายทางสามารถตรวจสอบตำแหน่งของรถฉุกเฉินพร้อมตรวจสอบสัญญาณชีพจรได้ทุกช่วงเวลา
จากการพัฒนาเครื่องวัดชีพจรตลอดระยะเวลา 2 ปี ได้มีการนำไปใช้งานจริงในโรงพยาบาลหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ โรงพยาบาลสันทราย โรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลเชียงดาว โรงพยาบาลแม่แตง โรงพยาบาลสะเมิง โรงพยาบาลเวียงแหง โรงพยาบาลวัดจันทร์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา และโรงพยาบาลพร้าว การคิดค้นอุปกรณ์ชิ้นนี้ทำให้เกิดความรวดเร็วในการดำเนินงาน ลดการสูญเสีย เพิ่มโอกาสในการรอดของชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินได้มากยิ่งขึ้น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงไม่หยุดยั้งที่จะคิดค้นนวัตกรรม ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาระบบ เสมือนสร้างสมองของแพทย์ให้อยู่ในรถพยาบาลทุกคัน และให้แพทย์ฉุกเฉินหนึ่งคนสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากขึ้น ตลอดจนเป็นการยกระดับการบริการให้เทียบเท่าในระดับสากล
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
พุดตาน ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
ชื่อสมุนไพร พุดตาน
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ดอกสามผิว , ดอกสามสี (ภาคเหนือ) ,พุดตาน (ทั่วไป)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus mutabilis Linn.
ชื่อสามัญ Changeable Rose, Cotton rose,Confederate rose, Rose of Sharon, Dixie rosemallow.
วงศ์ MALVACEAE (วงค์เดียวกับ กระเจี๊ยบแดง)
ถิ่นกำเนิดพุดตาน
พุดตานมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน สำหรับชาวจีนจัดว่าต้นพุดตานเป็นไม้มงคล เป็นเพราะดอกพุดตานเปลี่ยนสีได้ถึง 3สี ภายในวันเดียว ซึ่งเปรียบเสมือนวัฏจักรของชีวิตคน ส่วนในประเทศไทย เชื่อว่าต้นพุดตานอาจถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยช่วงที่ไทยมีค้าขายกับชาวจีนในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นประมาณรัชกาลที่ 2 ถึงรัชกาลที่ 3 ปัจจุบันในประเทศไทยสามารถพบพุดตานได้ในบริเวณทั่วทุกภาคของประเทศ
ประโยชน์และสรรพคุณพุดตาน
- แก้บวมเจ็บ
- รักษาแผลจากไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก
- แก้ผื่นคัน
- รักษาตาแดง ตาบวม เจ็บตา
- รักษาแผลจากหกล้มหรือถูกกระทบกระแทก
- รักษาคางทูม
- ใช้ถอนพิษ
- รักษาโรคงูสวัด
- แก้บวม
- แก้อาเจียนเป็นเลือด
- แก้มีระดูขาว
- แก้ฝีบวม ฝีหัวแก่
- แก้ไอ
- แก้หอบ
- แก้ปวดเมื่อย
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ
พุดตานใช้ปลูกเป็นไม้ประดับได้ เนื่องจากมีดอกที่สวยงาม มีทั้งดอกลาและดอกซ้อน หรือใช้ปลูกบังกำแพงเพื่อความสวยงาม เป็นต้น ผงบดละเอียดของเปลือกและรากใช้เป็นแป้งผัดหน้าของสตรีในอดีตและในปัจจุบันยังพบได้ตามชนบทต่างๆ
ลักษณะทั่วไปพุดตาน
พุดตานจัดเป็นไม้พุ่มสูง 2-5เมตร ตามต้นและกิ่งมีขนสั้นๆ สีเทาลักษณะคล้ายดาวทั่วทั้งต้น ใบ เป็นใบเดี่ยวออกสลับกัน ยาว 10-20ซม. กว้าง 9-22ซม. ลักษณะคล้าย มี 3-5แฉก แต่ละแฉกมีปลายแหลม ฐานใบกว้างโค้งคล้ายหัวใจ มีเส้นใบใหญ่ออกจากโคนใบ ขอบใบมีรอยยักตื้นๆ ผิวใบด้านบนและด้านล่างมีขนลักษณะดาว ก้านใบยาว 4-10ซม. โดยใบของพุดตานมีใบคล้ายใบของพืชวงศ์เดียวกับอีกชนิดหนึ่งคือฝ้าย (จึงเป็นที่มาของชื่อสามัญว่า cotton rose ) ดอก ออกเป็นช่อข้างใบ ก้านดอกยาว 7-10ซม. เมื่อดอกแรกแย้มในตอนเช้ามีสีขาว ตอนสายสีดอกจะเข้มขึ้นเป็นสีชมพู ตอนบ่ายเป็นสีแดงเข้ม มีกลีบก่อนกลีบเลี้ยงเป็นเส้นปลายแหลม 8-10เส้น ยาว 1.5-25ซม. มีขน กลีบเลี้ยงมี 5กลีบ ยาว 3-4ซม. มีขน กลีบดอกใหญ่สวยงามมี 5กลีบ บางครั้งอาจมีกลีบช้อนกัน 2ชั้นก็ได้ ด้านนอกมีขน มีเกสรตัวผู้มาก ก้านเกสรตัวผู้รวมกันเป็นหลอดหุ้มรอบก้านเกสรตัวเมีย รังไข่มี 5ห้อง ปลายก้านเกสรตัวเมียมี 5เส้น ปลายเส้นมีแยกมาเป็นตุ้มกลม ผล มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม ขนาดประมาณ 2.5เซนติเมตร เมื่อผลแก่จะแตกออกเป็น 5กลีบ ในผลมีเมล็ด ลักษณะคล้ายรูปไต มีขนยาวสีขาว
การขยายพันธุ์พุดตาน
พุดตานสามารถขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปักชำและการตอนกิ่ง แต่วิธีที่เป็นที่นิยม คือ การปักชำและการตอนกิ่งเพราะเป็นวิธีที่รวดเร็วและได้ต้นพันธุ์แท้ ส่วนวิธีการปักชำ และการตอนกิ่งพุดตานนั้นก็เหมือนกับการปักชำไม้พุ่มทั่วๆไป
องค์ประกอบทางเคมี
ในส่วนต่างๆ ของพุดตานมีองค์ประกอบทางเคมี ดังนี้
- ใบ มี Flavonoid glycosides , phenol, amino acid, tannin
- ดอก มี Flavonoid glycosides เช่น flavones , flaronols , anthocyanins โดย Flavonoid glycosides จะมีปริมาณเปลี่ยนไปตามสีของดอกไม้เมื่อบานเต็มที่ สีแดงจะมี anthocyanin ในตอนที่ดอกมีสีแดงเข้ม จะมีปริมาณของ anthocyanin เป็น 3 เท่าของตอนที่มีดอกเป็นสีชมพู
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
วิธีการเก็บ พุดตานมาใช้ในการใช้เป็นสมุนไพร คือ ดอก ให้เก็บดอกตอนเริ่มบานเต็มที่ ใบ จะเก็บตากแห้งหรือใช้สดก็ได้ ราก เก็บได้ตลอดปีจะตากแห้งหรือใช้สดก็ได้ สำหรับวิธีการใช้มีดังนี้ ใช้ใบแห้งหรือสด บดเป็นผง ถู เช็ดหรือผสมพอกปิดแผลบวกอักเสบ จากแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ถูกกระแทกหกล้มและผดผื่นคัน ใช้ดอกแห้งหนัก 6-12กรัม (หรือดอกสด 30-60)ต้มน้ำกิน แก้ไอ ขับพิษ อาเจียน เป็นเลือด แก้ปวดเมื่อย ส่วนอีกตำรายาหนึ่งระบุว่า
- แก้ผดผื่นคันที่เกิดจากความชื้น ใช้ก้านและใบสด ปริมาณพอสมควร ต้มเอาน้ำชะล้างบริเวณที่เป็น
- แก้ปวดเมื่อยเอว ใช้รากสด 15-30 กรัม หั่นเป็นฝอย ใส่รวมกับกระดูกหางหมู ใส่น้ำและเหล้าอย่างละเท่าๆ กัน ปริมาณพอสมควร ตุ๋นกิน
- แก้ฝีฝักบัว และแผลเน่าเปื่อยต่างๆ ใช้รากแห้ง 30 กรัม ต้มน้ำกิน
- แก้แผลฟกซ้ำ เกิดจากการกระทบกระแทก ใช้รากสด 30 กรัม ใส่น้ำและเหล้าอย่างละเท่า ๆ กัน ปริมาณพอสมควรต้มกิน และใช้ก้านใบตำพอกบริเวณที่เป็นด้วย
- รักษาคางทูม ใช้ใบแห้ง 10-15 ใบ บดให้ละเอียด เติมไข่ขาวผสมให้เข้ากัน เพื่อให้ยาจับกันเป็นแผ่น นำไปพอกปิดบริเวณที่บวมเป็นคางทูม เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง จนกว่าจะหายบวม ใช้ดอก อย่างแห้ง หนัก 3-12 กรัม ใบสด 30-40 กรัม ต้มน้ำรับประทาน ใช้ภายนอก บดเป็นผงผสม หรือใช้สดตำพอก
- ใช้เป็นยาถอนพิษ รักษาแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ แผลมีหนอง ใช้ใบสด 3-4 ใบ ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำมันพืช ใช้ทาแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ แผลมีหนอง
- ยาแก้งูสวัด ใช้ใบสด 4-5 ใบ ล้างให้สะอาด ตำให้ละเอียด เติมน้ำซาวข้าว ใช้ทาบริเวณที่เป็น ทาบ่อยๆหรือใช้ รากใช้เป็นยาทาภายนอก โดยตำพอกหรือบดเป็นผงผสมพอก
การศึกษาทางพิษวิทยา
ผลึกสารที่ได้จากการสกัดด้วย ปิโตรเลียมอีเธอร์ (ช่วงจุดเดือด 60°- 80° ซ.) สามารถทำให้กล้ามเนื้อเรียบของลำไส้หนูที่ตัดออกมาคลายตัว แต่ไม่สามารถยับยั้งการหดตัวของลำไส้หนู ที่ถูกเหนี่ยวนำมาจากอะซีติลโคลีน (Acetylcholine) ได้ แต่ได้ผลดีเมื่อถูกเหนี่ยวนำจากฮีสตามีน (Histamine) และแบเรี่ยมคลอไรด์ นอกจากนี้ยังมีผลทำให้หัวใจกบบีบเลือดออกได้มากขึ้น แต่มีผลไปกด (Depressent effect) หัวใจกบที่แยกออกมาทดลองและไม่มีผลต่อความดันเลือดและการหายใจของสุนัขทดลอง ที่ทำให้สลบด้วยฟีโนบาร์บิโทน และใบสดมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ Micrococcus pyogenes var. aureus และ Escherichia coli ได้เช่นเดียวกับต้นหมอน้อย (Murraya koregiyn)
นอกจากนี้ยังมีผลรายงานทางคลินิกคือ สารสกัดก้านและใบสด ใช้เป็นยาชาที่ผิวและยาชาเฉพาะที่ในการผ่าตัดใหญ่และเล็กในคนไข้ 100 ราย ผลการทดสอบเบื้องต้นได้ผลดี ไม่มีผลข้างเคียง ในระหว่างผ่าตัด และหลังผ่าตัด ความดันเลือด ชีพจร และการหายใจเป็นปกติ ไม่มีผลเสียต่อตับและไต หรือผลข้างเคียงอื่นๆ ไม่มีการตกเลือด บวมหรือทำให้เนื้อตาย และออกฤทธิ์ได้นาน และมีการใช้ทำเป็นยาชาภายนอก โดยใช้เป็นยาทา ในการผ่าตัดต่อมทอนซิล 108ราย ได้ผลดี ซึ่งทายานี้แล้วไม่กี่นาที จะออกฤทธิ์ชา ทำให้รู้สึกปวดน้อยลง อาการชานี้ยู่ได้นานประมาณ 10นาที
การศึกษาทางพิษวิทยา
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
เนื่องจากยังไม่มีรายงานผลการศึกษาวิจัยด้านพิษวิทยา ดังนั้นในการนำพุดตานมาใช้จึงต้องควรระวังทั้งในด้านขนาดการใช้และระยะเวลาในการใช้โดยไม่ควรใช้ในปริมาณที่สูงเกินกว่าที่ตามตำรับยากำหนดและไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป
ขอบคุณข้อมูลจาก disthai.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 14/01/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,600.00 | 28,700.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,853.00 | 28,091.48 | 29,200.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,667.70 | 25,282.33 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,482.40 | 22,473.18 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 834.00 | 12,643.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 649.00 | 9,838.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,920.00 | 29,107.20 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/01/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.15 | 32.15 | 32.75 | 32.15 | 32.55 | 32.15 | 32.45 | 32.25 | 32.15 | 32.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 31.88 | 31.88 | 32.48 | 31.88 | 32.28 | 31.88 | 32.18 | 31.98 | 31.88 | 32.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.64 | 30.64 | 31.24 | 30.64 | 31.04 | – | 30.94 | 30.74 | 30.64 | 31.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 24.34 | 24.34 | – | – | – | – | – | – | – | 24.64 |
เบนซิน 95 | 39.56 | – | – | – | 40.41 | – | 40.36 | 40.16 | – | 40.06 |
ดีเซล B7 | 29.84 | 29.84 | 30.64 | 29.94 | 30.34 | 29.84 | 30.14 | 29.84 | 29.94 | 29.84 |
ดีเซล | 29.84 | 29.84 | 30.64 | 29.94 | 30.34 | 29.84 | 30.14 | 29.84 | 29.94 | 29.84 |
ดีเซล B20 | 29.84 | 29.84 | 30.64 | – | 30.34 | – | 30.14 | 29.84 | – | 29.84 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.86 | 35.86 | 37.09 | 36.46 | 37.09 | – | – | – | – | 35.86 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |