เปิดอาณาจักร 2.7 พันล้าน โรงแรมนารายณ์ ก่อนทุบทิ้งสร้างใหม่
เปิดอาณาจักร โรงแรมนารายณ์ ก่อนทำการทุบแล้วสร้างใหม่ ดำเนินการโดย บริษัท นารายณ์โฮเต็ล จำกัด พบข้อมูลสินทรัพย์รวมในปี 2563 จำนวน 2,700 ล้านบาท
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Praphat Sirivongrangsan โพสต์ข้อความ ระบุ 18 ก.พ.นี้ ปิดตำนาน โรงแรมนารายณ์ สีลม ที่ให้เปิดบริการมานานกว่า 50 ปี จนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมาตั้งแต่ปี 2511 เพื่อทำการทุบแล้วสร้างใหม่
พร้อมขอเชิญพนักงานเก่าเข้าร่วมงาน เพื่อบันทึกความทรงจำต่อกัน ที่บริเวณล็อบบี้โรงแรม ก่อนทำพิธีย้ายศาลองค์พระนารายณ์ ชั้นด้านฟ้าของโรงแรม จนมีคนจำนวนหนึ่งที่เคยมาใช้บริการโรงแรมนารายณ์ เข้ามาแสดงความคิดเห็น และร่วมอำลาโรงแรมระดับตำนานแห่งนี้นั้น
“ฐานเศรษฐกิจ” ได้ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า โรงแรมนารายณ์ ดำเนินการโดย บริษัท นารายณ์โฮเต็ล จำกัด มีที่ตั้งอยู่ที่ 222 ถนนสีลม สุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจโรงแรม
บริษัท นารายณ์โฮเต็ล มีทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 1,200 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจในหมวดที่พักแรมและบริการด้านอาหาร กลุ่มธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด
ผู้ถือหุ้นบริษัท นารายณ์โฮเต็ล จำกัด 10 อันดับแรก
- ฮั่วกี่เปเปอร์ สัดส่วน 65.25%
- ศุภชล นิธิวาสิน 4.43%
- นที นิธิวาสิน 3.50%
- นิธิดา นิธิวาสิน 3.50%
- อรลา เจริญลาภ 3.50%
- พิเชษฐ นิธิวาสิน 2.22%
- พัชรา นิธิวาสิน 2.00%
- วรรณพร คณาธนะวนิช 2.00%
- พิชิต นิธิวาสิน 1.17%
- ดารณี ดีโรจนวงศ์ 0.83%
บริษัท นารายณ์โฮเต็ล จำกัด ยังเข้าไปถือหุ้น 3 บริษัท ประกอบด้วย
- บริษัท คอมมอนแอเรีย จำกัด ดำเนินกิจการโรงแรมราคาประหยัด ในสัดส่วน 100% จำนวน 98,999,998 หุ้น มูลค่าหุ้น 542 ล้านบาท
- บริษัทหลับดี จำกัด ให้คำปรึกษาด้านการบริหารธุรกิจโรงแรม การท่องเที่ยว ในสัดส่วน 100% จำนวน 15,999,998 หุ้น มูลค่าหุ้นติดลบ 30 ล้านบาท
- นารายณ์พร็อพเพอตี้ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ในสัดส่วน 13.75% จำนวน 16.5 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้น 694 ล้านบาท
กรรมการบริษัท
- นายดิเรก ดีโรจนวงศ์
- นายพิเชษฐ นิธิวาสิน
- นายพิชัย นิธิวาสิน
- นายสุวิทย์ ลิ้มวัฒนะกูร
- นางพัชรา นิธิวาสิน
- นายณรงค์ ดีโรจนวงศ์
- นายศุภชล นิธิวาสิน
- นางสาวนิธิดา นิธิวาสิน
- นายนที นิธิวาสิน
ด้านข้อมูลทางการเงิน บริษัท นารายณ์โฮเต็ล จำกัด
- สินทรัพย์รวมในปี 2563 จำนวน 2,700 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปี 2562 ที่มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 2,711 ล้านบาท หรือลดลง 0.42%
- รายได้รวมในปี 2563 มีทั้งสิ้น 230 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 682 ล้านบาท หรือลดลง 66.23% แยกเป็นรายได้หลัก 205 ล้านบาท และรายได้อื่นอีก 25 ล้านบาท
- ผลการดำเนินงานในปี 2563 พบว่า มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 454 ล้านบาท โดยเริ่มขาดทุนมาตั้งแต่ปี 2561 จำนวน 32 ล้านบาท และในปี 2562 จำนวน 41 ล้านบาท
ประวัติโรงแรมนารายณ์
เป็นโรงแรมที่รู้จักอย่างกว้างขวางและดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนกว่า 5 ทศวรรษตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 ชื่อโรงแรมมีที่มาจากพระนามของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หรือ สมเด็จพระรามาธิบดี ที่ 3 ซึ่งทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระปรีชาสามารถและเป็นที่เลื่องลือพระเกียรติยศ ในด้านการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การค้าและการทูตกับประเทศต่าง ๆ จนรุ่งเรือง ทางโรงแรม จึงอัญเชิญพระนามสมเด็จพระนารายณ์มาตั้งเป็นชื่อโรงแรมนารายณ์สืบมาจนถึงปัจจุบัน
โรงแรมนารายณ์ ตั้งแต่แรกเปิดเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีห้องพัก 500 ห้อง โดยชื่อเสียงของโรงแรมนารายณ์ในช่วงเริ่มต้น ประกอบด้วย
- โรงแรมที่มีภัตตาคารหมุนแห่งแรกของประเทศไทย
- เป็นตึกสูงที่สุดบนถนนสีลม
- มีห้องบอลรูมที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร ที่ไม่มีเสาภายใน โดยจุผู้เข้าร่วมได้มากถึง 1,000 คน
- นารายณ์พิซซ่าเรีย เป็นพิซซ่าแห่งแรกในประเทศไทย (ปัจจุบันคือห้องอาหาร Peperoni)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
คอนโดฯ กทม. น้อยสุดในรอบ 13 ปี ขาดแรงงาน – สต็อกค้าง
หมดยุคผุดเป็นดอกเห็ด ‘คอนโดฯ’ กทม. สร้างเสร็จจดทะเบียน ปี 2564 น้อยสุดในรอบ 13 ปี คอลลิเออร์ฯ เผย วิกฤติโควิด – ขาดแรงงานก่อสร้าง – สต็อกเหลือขายค้าง ป่วนตลาด เหลือเพียง 67 โครงการ 25,113 ยูนิต เท่านั้น ขณะห้วยขวาง ขึ้นแท่นเขตคอนโดมากสุด
13 ก.พ.2565 – นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่าภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2543 – 2564 มีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ มากถึง 711,692 ยูนิต
คอนโดฯสร้างเสร็จน้อยสุดในรอบ 13 ปี
สำหรับปีพ.ศ. 2564 ที่ผ่านมาพบว่ามีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ เพียงแค่ 67 โครงการ 25,113 ยูนิต เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นปีที่มีคอนโดมิเนียมก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดน้อยที่สุดในรอบ 13 ปีที่ผ่านมาในพื้นที่กรุงเทพฯ รองมาจากในปี พ.ศ. 2551 ที่มีคอนโดฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดอยู่ที่ 20,806 ยูนิต และปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 56.1 จากอุปทานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในปีก่อนหน้าทั้งหมด 57,220 ยูนิต
จากข้อมูลพบว่า เขตห้วยขวาง เป็นเขตที่มีโครงการคอนโดมิเนียมก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดสูงที่สุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครในปีที่ผ่านมา ด้วยจำนวน 3,189 ยูนิต รองลงมาคือ เขตจตุจักร จำนวน 2,535 ยูนิต และเขตภาษีเจริญ จำนวน 2,449 ยูนิต
คอนโดฯราคาถูกมาแรง
หากพิจารณาจากอุปทานคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมด711,692 ยูนิต พบว่า คอนมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงปี พ.ศ. 2543-2564 ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอกมากที่สุดถึง 408,687 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อยละ 57.4 นอกจากนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน 303,275 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อนละ 42.6 ซึ่งเราพบว่า
สำหรับในปีพ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา ผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลายรายหันกลับมาให้ความสนใจกับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงราคาขายต่ำกว่า 50,000 บาทต่อตร.ม. ในพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกอีกครั้งและหลายโครงการที่เปิดตัวในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ซื้อเพื่อการปล่อยเช่ารวมถึงเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยเป็นอย่างดี
ปัจจัยป่วนตลาด คอนโดฯสร้างเสร็จไม่ทัน
นายภัทรชัย กล่าวสรุปว่า จากปัจจัยลบทั้งในเรื่องของการขาดแรงงานในการก่อสร้างจากประกาศของกรุงเทพมหานครที่มีประกาศสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างเป็นระยะเวลา 1 เดือนและห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานไปที่อื่นๆ เนื่องจากพบคลัสเตอร์แรงงานก่อสร้างขนาดใหญ่ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ผู้พัฒนามีความกังวลในการก่อสร้างคอนโดมิเนียมเสร็จล่าช้าไม่ทันกำหนดการโอนตามเวลาที่ตกลงกันในสัญญา ซึ่งส่งผลให้หลายโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเดิม
บวกกับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผู้พัฒนาปรับลดสัดส่วนการพัฒนารวมถึงการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครลง เนื่องจากหลายปัจจัยลบที่เข้ามากระทบตลาดทั้งในเรื่องของกำลังซื้อต่างชาติที่หายไปจากตลาดในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงอุปทานเหลือขายในหลายพื้นที่ที่ยังไม่สามารถระบายออกได้ ส่งผลให้ผู้พัฒนาส่วนใหญ่เลือกที่จะปรับลดการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมลง หรือบางรายประกาศเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงที่ผ่านมาออกไป เมื่ออุปทานเปิดขายใหม่ปรับตัวลดลง แน่นอนว่าส่งผลให้คอนโดมิเนียมก่อสร้างแล้วเสร็จในพื้นที่กรุงเทพมหานครปีพ.ศ. 2564 ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก และถือว่าเป็นอุปทานคอนโดมิเนียมก่อสร้างแล้วเสร็จในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่น้อยที่สุดในรอบ 13 ปี
ทั้งนี้ ในปีพ.ศ. 2565 แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดการณ์ว่า จะมีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯอีกกว่า 33,569 ยูนิต ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากในปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 33.7 และส่วนใหญ่ยังคงตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก ในช่วงประดับราคาประมาณ 70,000-120,000 บาทต่อตารางเมตร
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทไทย ติดตามรายงานการประชุมเฟด
เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-33.10 ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือการรายงานการประชุมเฟด
คอลัมน์ มันนี่วีก (Money…week) โดย…กฤติกา บุญสร้าง, มนัสวิน ฐิติสมบูรณ์ สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย
สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยประเมินว่า เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-33.10 ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือการรายงานการประชุมเฟด ภายหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมพุ่งสูงที่ 7.5%YoY สูงที่สุดตั้งแต่ปี 1982 ทำให้ตลาดส่งแรงกดดันอย่างหนักต่อเฟด โดยคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วและชันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้จะมีการประกาศดัชนีราคาผู้ผลิต ซึ่งเป็นดัชนีที่จะสะท้อนเงินเฟ้อจากฝั่งอุปทาน โดยตลาดคาดการณ์ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอลง
ด้านเอเชีย ญี่ปุ่นจะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 4 โดยตลาดคาดการณ์การพลิกกลับมาขยายตัว จากที่หดตัวในไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่เงินเฟ้อญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ จีนจะมีการประกาศอัตราเงินกู้ระยะ 1 ปี โดยตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.85% ภายหลังจากปรับดอกเบี้ยดังกล่าวลงในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ภาพรวมตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2022 ค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางเงินทุนไหลเข้าทั้งตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นต่อเนื่องทั้งสัปดาห์ ด้วยความหวังต่อการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยวไทย โดยรัฐบาลไทยเตรียมหารือ Travel bubble กับจีนและมาเลเซียภายในเดือนนี้ ด้านเงินเฟ้อไทยในเดือนมกราคมพุ่งขึ้น 3.23%YoY สูงกว่าคาดการณ์ เนื่องด้วยเป็นผลมาจากราคาพลังงานถึง 2.25% ในขณะที่ ธปท. มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ตามคาด เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและดีกว่าที่คาด จากการกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัวเร็วกว่าที่คาด ในขณะที่ความเสี่ยงลดลง และผลกระทบจากโอไมครอนมีแนวโน้มอยู่ในวงจำกัด โดยรวม ธปท. คาดการณ์เศรษฐกิจไทยกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิดในช่วงปลายปีนี้-ต้นปีหน้า ธปท. ประเมินว่าเงินเฟ้อในปีนี้มีแนวโน้มสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และอาจสูงกว่ากรอบเป้าหมายของ ธปท. ในช่วงแรกของปี เนื่องจากราคาพลังงานและอาหารสดที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งสถานการณ์คอขวดภาคอุปทานที่อาจยืดเยื้อกว่าที่คาด ในขณะที่แรงกดดันจากเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังคงอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนกำลังซื้อผู้บริโภคที่เริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม โดยรวม ธปท. ยังประเมินว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีและเงินเฟ้อระยะกลางยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมาย ทั้งนี้ ธปท. ระบุว่าจำเป็นต้องดำเนินนโยบายแบบสมดุลระหว่างการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกับการจัดการเงินเฟ้อ และปัจจุบันยังไม่เห็นสัญญาณเงินเฟ้อในวงกว้าง ทั้งนี้ ด้านผู้ว่า ธปท. ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ กล่าวว่าอาจมีการพิจารณาเป้าหมายเงินเฟ้อ เพื่อให้ครอบคลุมปัจจัยเพิ่มมากขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 2 ปี พุ่งสูง ภายหลังจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนมกราคมขยายตัว 7.5%YoY สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1982 และสูงกว่าคาดการณ์ที่ 7.2%YoY โดยการเพิ่มขึ้นหลักมาจากการขนส่ง 3.17% ซึ่งสะท้อนราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง และราคาบ้าน 2.4% ด้านตลาดแรงงานฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ในขณะที่ไบเดนเตรียมขึ้นค่าจ้างให้พนักงานรัฐ 4.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 20 ปี ยิ่งเพิ่มความกังวลต่อเงินเฟ้อให้ทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับสมาชิกเฟดสนับสนุนมุมมอง Hawkish ต่อเนื่อง โดยล่าสุดประธานเฟดเซนต์หลุยส์ เจมส์ บุลลาร์ดคาดการณ์ว่าเฟดจะต้องขึ้นดอกเบี้ย 100bps ก่อนกรกฎาคมนี้ ในขณะที่ประธานเฟดริชมอนด์ โทมัส บาร์กิ้น กล่าวถึงความกังวลต่อแรงกดดันจากด้านค่าจ้างที่จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และกล่าวว่าการขึ้นดอกเบี้ยให้กลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโควิดโดยเร็วเป็นเรื่องที่เหมาะสม ทำให้ตลาดด้านตลาดมองว่ามีโอกาส 100% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 50bps ในเดือนมีนาคม และมีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยสูงถึง 7 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวขยายระยะเวลาไปจนถึง 11 มีนาคม จากเดิมที่จะมีงบประมาณเพียงพอไปจนถึง 18 กุมภาพันธ์ ลดความเสี่ยงต่อการ shut down ของภาครัฐ
ด้านยุโรป ลาการ์ดกล่าวว่าการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วเกิดไปจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอ่อนแอลง โดยเศรษฐกิจของยูโรโซนไม่สามารถเปรียบเทียบกับสหรัฐฯ และอังกฤษได้ และยังคงเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงในปีนี้ แต่จะยังคงอยู่ในระดับสูงไปอีกหลายเดือน ทั้งนี้ ความตึงเครียดยูเครนรัสเซียมีแนวโน้มผ่อนคลายลง หลังจากเอมมานูเอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุว่าวลาดิเมีย ปูตินเตรียมขนย้ายทหารออกจากเบลารุสที่ติดกับชายแดนยูเครน หากนาโต้ยอมรับข้อเรียกร้องของรัสเซีย
ด้านเศรษฐกิจจีน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการจีนสำรวจโดยไฉซินในเดือนมกราคมลดลงมาอยู่ที่ 51.4 จาก 53.1 ในเดือนธันวาคม แต่ยังคงอยู่เหนือคาดการณ์ที่ 50.5 และโดยรวมดัชนีผู้จัดการฝ่ายผลิตจีนในเดือนมกราคมยังคงอยู่ในฝั่งขยายตัวที่ 50.1 แม้จีนจะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และนโยบายภาครัฐในการจัดการกับโควิดที่ค่อนข้างเข้มงวด ประกอบกับประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงในระยะนี้
เงินบาทปิดตลาดที่ 32.70 ในวันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2022 ณ เวลา 17.00 น.
ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง โดยประเด็นสำคัญคือการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมขยายตัว 7.5%YoY นับเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 40ปี ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์และตัวเลขในเดือนก่อนหน้าที่ 7.3%YoY และ 7.0%YoY ตามลำดับ เมื่อตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ตลาดตอบรับภายหลังจากการประกาศตัวเลขดังกล่าวคือการ price in จำนวนครั้งที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ให้สูงขึ้นไปด้วย โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2ปี ปรับตัวขึ้นมากกว่า 28 bps จากต้นสัปดาห์ มาอยู่แถวบริเวณ 1.60% ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่แถว 2.00% ส่งผลให้ spread ระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2ปีกับ 10ปี (UST 2-10Y Spread) ปรับตัวลดลงมาอยู่แถวบริเวณ +40 bps หรือคิดเป็นการปรับตัวลดลงมากถึง 22 bps ส่วนทางฝั่งตลาดฟิวเจอร์ได้ price in โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยตลอดทั้งปี 2022 จากจำนวน 4.5 ครั้งขึ้นมาอยู่ที่ 6.5 ครั้ง นอกจากนี้โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 50 bps ในการประชุมเดือนมีนาคมได้ปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 67% โดยการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นปัจจัยกดดันธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจหลักให้ต้องมีการทบทวนการกำหนดนโยบายทางการเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยมีการปรับตัวสูงขึ้นตามปัจจัยจากตลาดโลก แต่ด้วยสภาพของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ยังคงต้องการแรงสนับสนุนจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเป็นไปอย่างจำกัด โดยช่วงกลางสัปดาห์มีการประชุมนโยบายการเงินของไทยที่มีมติเป็นเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ตามที่ตลาดได้ความการณ์เอาไว้ ทั้งนี้ธปท. คาดการณ์เศรษฐกิจไทยกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิดในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ทำให้เราคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังคงอยู่ในระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่งและการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างเร็วอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้าเป็นต้นไป ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยมูลค่าสุทธิประมาณ 46,978 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น 43,219 ล้านบาท ซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 5,239 ล้านบาทและมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 1,480 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 1, 2, 3, 5, 7 และ 10ปี อยู่ที่ 0.51% 0.72% 0.98% 1.46% 1.83% และ 2.11% ตามลำดับ
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
สับกระจาย! “คีริน” ปอดเหล็กทีมชาติไทย ทุบสถิติวิ่งเอเชีย ระยะ 5,000 เมตร
คีริน ตันติเวทย์ นักวิ่งหนุ่มทีมชาติไทย ดีกรีเจ้าของเหรียญทองแดงวิ่ง 10,000 เมตร เอเชียนเกมส์ 2018 สร้างสถิติวิ่ง 5,000 เมตร ในร่มของทวีปเอเชียในรายการ บอสตัน ยูนิเวอร์ซิตี้ เดวิด เฮเมอรี่ วาเลนไทน์ อินวิเทชั่นแนล 2022 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ปอดเหล็กลูกครึ่งไทย-สหรัฐฯ ลงแข่งขันในสังกัดทีม ไนกี้ โบเวอร์แมน แทร็ก คลับ ร่วมกับ วูดี้ คินเคด และ โลเปซ โลมอง สองเพื่อนร่วมสังกัด ก่อนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 3 ของฮีต ด้วยเวลา 13.08.41 นาที พร้อมจบด้วยอันดับ 9 จากนักกีฬาทั้งหมด
โดยแชมป์รายการนี้ตกเป็นของ แกรนท์ ฟิชเชอร์ นักวิ่งชาวสหรัฐ ที่เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 12.53.73 นาที, อันดับ 2 โมห์ อาเหม็ด จากแคนาดา เวลา 12.56.87 นาที และมาร์ค สกอตต์ จากอังกฤษ เวลา 12.57.08 นาที
ซึ่งแม้ นักวิ่งไทยวัย 24 ปี จะไม่สามารถเข้าเส้นชัยได้เป็นอันดับที่ 1 ของรายการ แต่จากสถิติที่เจ้าตัวทำนั้นถือเป็นการทำลายสถิติเอเชีย วิ่งในร่มระยะ 5,000 เมตร ที่ อัลเบิร์ต รอป นักวิ่งจากบาร์เรน เคยทำไว้เมื่อปี 2017 ด้วยเวลา 13.09.43 นาที ในรายการเบอร์มิงแฮม อินดอร์ กรังด์ปรีซ์ ที่ประเทศอังกฤษ
สำหรับสถิติโลกในรายการนี้เป็นของ เคเนนิซ่า เบเกเล่ นักวิ่งชาวเอธิโอเปีย เจ้าของ 3 เหรียญทองโอลิมปิก ที่เคยสร้างสถิติเอาไว้ที่ 12.49.60 นาที และยังไม่มีใครสามารถทำลายมันลงได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Broken Heart Syndrome หัวใจอ่อนแรง ที่ไม่ได้เกิดจาก “อกหัก”
การเครียดสะสมหรือภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงสามารถทำให้เกิดอาการหัวใจสลาย หรือ Broken Heart Syndrome ได้ เพราะจะส่งผลให้การทำงาน ของหัวใจผิดปกติและตกอยู่ในภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากความเครียดได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันและร้ายแรงถึงชีวิตได้ ดังนั้นควรรับมือกับความเครียดและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างถูกวิธี รวมถึงดูแลหัวใจให้เข้มแข็งอยู่เสมอ
Broken Heart Syndrome คืออะไร
นพ.เกรียงไกร เฮงรัศมี ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า Broken Heart Syndrome หรือ Stress Cardiomyopathy เป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากความเครียด ซึ่งค้นพบครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นในชื่อเรียกว่า Takotsubo Cardiomyopathy พบมากในหญิงวัยกลางคน มีความสัมพันธ์กับความเครียดจากโรคทางกาย (Physical Stress) หรือความเครียดด้านจิตใจ (Mental Stress) ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจไม่บีบตัวและอ่อนกำลังลงชั่วคราว หัวใจด้านล่างซ้ายผิดปกติโป่งออกรูปร่างคล้ายไหจับปลาหมึกของญี่ปุ่น อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันและเสียชีวิตได้
สาเหตุของ Broken Heart Syndrome
สาเหตุของ Broken Heart Syndrome ความเครียดจากปัญหาต่างๆ อาทิ
- ความเจ็บป่วยทางการแพทย์
- การสูญเสียคนรัก
- การหย่าร้าง
- ปัญหาการงาน การเงิน
- ความผิดหวังอย่างรุนแรง
- อาการบาดเจ็บสาหัส
- ยาเสพติด
- ความเครียดสะสมจนทำให้หลอดเลือดหดตัว หัวใจมีการเต้นเร็วผิดจังหวะ เกิดภาวะหัวใจขาดเลือดและล้มเหลวได้
- เกิดจากฮอร์โมน ซึ่งกลุ่มอาการหรือโรคนี้ส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะหมดไป ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทนต่อฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียด (Stress Hormone) ในร่างกายได้น้อย จนทำให้เกิด Broken Heart Syndrome ได้
อาการของ Broken Heart Syndrome
อาการ Broken Heart Syndrome ที่สังเกตได้คือ
- แน่นและเจ็บหน้าอก
- มีอาการหอบเหนื่อย
- หายใจลำบาก
- หน้ามืด
- ความดันเลือดต่ำ
ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที
วิธีวินิจฉัยภาวะ Broken Heart Syndrome
แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยพิจารณาจากอาการ ประวัติความเครียด และการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นสำคัญ ประกอบไปด้วย การซักประวัติ ตรวจเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ Electrocardiogram (ECG/EKG) ผู้ป่วยจะมีลักษณะคลื่นหัวใจไฟฟ้าผิดปกติเหมือนกราฟไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน และการตรวจหัวใจด้วยเครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูง (Echocardiogram) จะมีลักษณะการบีบตัวของหัวใจห้องล่างซ้ายผิดปกติ ความแรงในการบีบตัวของหัวใจจะลดลง หัวใจห้องล่างซ้ายอ่อนกำลัง และการฉีดสีตรวจหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Angiography : CAG)
ผู้ป่วยที่มีภาวะ Broken Heart Syndrome จะต้องรับไว้รักษาเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล เพราะอาจจะมีอาการที่รุนแรงขึ้นได้ วิธีการรักษาหากอาการไม่รุนแรงอายุรแพทย์โรคหัวใจจะให้การรักษาด้วยยา แต่ในกรณีที่อาการรุนแรงและมีภาวะหัวใจล้มเหลวร่วมด้วยอาจต้องมีการใส่ท่อและเครื่องช่วยหายใจ และต้องรักษาภาวะเครียดที่เป็นปัจจัยกระตุ้นร่วมด้วย
Broken Heart Syndrome จะไม่สามารถป้องกันได้ เพราะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นโดยเฉียบพลัน ฉะนั้นไม่ควรเครียดมากจนเกินไป ทำใจให้สบาย พูดคุยกับคนในครอบครัว เพื่อน และคนใกล้ชิดให้มากขึ้น เพื่อแบ่งปันเรื่องราวและปัญหา อย่าแบกความเครียดไว้คนเดียว ดูแลสุขภาพตัวเองอยู่เสมอ ใช้ชีวิตให้มีความสุข ทำในสิ่งที่ชอบ ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ และหมั่นตรวจเช็กสุขภาพและหัวใจอย่างสม่ำเสมอ และภาวะนี้เมื่อเป็นแล้ว สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้จากความเครียด ทางที่ดีที่สุดคือดูแลหัวใจให้เข้มแข็ง ตั้งรับกับทุกปัญหาด้วยความเข้าใจ จัดการความเครียดอย่างถูกวิธี หากมีอาการผิดปกติแนะนำให้รีบพบแพทย์ทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำอุทาน (Interjections) ใช้ยังไงดี? ให้ดูมีเสน่ห์
ทุกคนน่าจะเคยเห็นคำอุทานจากภาพยนตร์ต่างชาติหรือจากชาวต่างชาติที่ฟังดูแล้วเราอาจจะไม่คุ้นเคย เช่น Bravo ! (แปลว่า ไชโย! หรือ ทำได้ดี!) บางทีก็ไม่แน่ใจว่าคำอุทานต่างๆ กำลังสื่อถึงอะไรกันแน่?
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ คำอุทาน หรือที่เรียกว่า Interjections ในภาษาอังกฤษกันว่าแต่ละคำเราควรใช้เวลาไหนกัน เพราะถ้าหากเราเลือกใช้คำเหล่านี้ผิด มันอาจจะทำให้คุณดูแปลกในสายตาคนอื่นก็ได้ แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าหากเลือกใช้ให้ดี คุณจะดูเป็นคนที่มีเสน่ห์ทันทีเลยล่ะ
เราลองมาทำความรู้จักกับตัวอย่างที่เรามักเจอจะบ่อยกัน
- Ahem (อืม) – เป็นการทำเสียงที่อยู่ในลำคอ เพื่อเรียกความสนใจจากอีกฝ่าย
- Boo (บู) – เสียงร้องแสดงความตกใจหรือประหลาดใจ
- Eh (เอ๊ะ) – คำอุทานแสดงความประหลาดใจ
- Eww (อิ๋ววว) – ใช้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความขยะแขยง
- Hmm (หืม) – แสดงถึงการกำลังคิดหรือรู้สึกสับสนอยู่
- Hooray (ฮูเร) – ไชโย (คำอุทานแสดงความยินดี)
- Jeez (จี๊สส์) –แสดงความรู้สึกไม่น่าเชื่อ หรือรู้สึกโกรธเคือง
- Oops (อุ๊บส์) – ใช้เมื่อเราเผลอไปทำอะไรผิดโดยที่ไม่ตั้งใจ
- Whoa (โว๊ะ) – แสดงถึงอาการประหลาดใจ เช่น รู้สึกเซอไพรส์
- Yahoo (ย๊าฮู้ว) – แสดงถึงอาการดีใจ
- Oh dear! – คุณพระ! ตายจริง!
- Jesus Christ! – คำอุทานแสดงความไม่เชื่อ ความผิดหวัง ความเจ็บปวดหรืออื่น
เราจะเห็นว่าคำอุทานตามตัวอย่างข้างบนจะมักจะเป็นคำอุทานที่แสดงอารมณ์ของผู้พูดและไม่จำเป็นต้องไปอยู่ในประโยคหรือหากให้อธิบายอย่างง่ายคือเป็นคำที่ไม่ได้สื่อถึงความหมายเพียงแค่สื่อสารถึงอารมณ์ของผู้พูดเท่านั้น
ทีนี้เราลองมาเติมคำอุทานเหล่านี้ลงในประโยคพูดแล้วลองมาเปรียบเทียบความแตกต่างของอารมณ์การสื่อสารกัน
ประโยคเดิม | ประโยคที่มีคำอุทาน |
You’re finally got promoted. ในทึ่สุดคุณก็ได้เลื่อนตำแหน่ง I don’t really understand. ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ I can’t believe that she has done it. ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอทำมันลงไปแล้ว | Hooray! You’re finally graduated. ไชโย!ในที่สุดคุณก็ได้เลื่อนตำแหน่ง Hmm, I don’t really understand. หืมมม ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ Jesus Christ! I can’t believe that she hasdone it. พระเจ้าช่วย! ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอทำมันลงไปแล้ว |
เราจะเห็นได้ว่าเพียงแค่เราเติมคำอุทานสั้นๆ ลงไปในประโยคเราก็สามารถสื่ออารมณ์ของประโยคนั้นได้ชัดเจนมากขึ้น
ดังนั้นคำอุทานจึงเป็นส่วนเล็กๆ ในภาษาอังกฤษที่สามารถช่วยทำให้สื่อสารกันได้ง่ายขื้นนั่นเอง ยังมีตัวอย่างและเทคนิคการใช้ภาษาอังกฤษอีกมาก เพื่อนๆ สามารถติดตามพวกเราได้ที่ https://www.engnow.in.th/
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
ส่อง 5 เทคโนโลยีเด่นในโอลิมปิกกรุงปักกิ่ง
จีนชูเทคโนโลยีที่น่าสนใจมากมายมาไว้ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งมี 5 เทคโนโลยีที่โดดเด่นในการแข่งขันปีนี้
หุ่นยนต์
ในปักกิ่งเกมส์ จีนเลือกใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เพื่อช่วยเหลือนักกีฬาและทีมงาน ผู้เข้าชมการแข่งขัน รวมทั้งเป็นอุปกรณ์ดูแลควบคุมการบังคับใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 ในโอลิมปิกปีนี้ด้วย อย่างเช่น หุ่นยนต์ขนส่งอุปกรณ์ หุ่นยนต์ทำความสะอาด หุ่นยนต์ตระเตรียมอาหาร หุ่นยนต์พนักงานเสิร์ฟ รวมทั้งถังขยะอัจฉริยะ เพื่อลดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้
เตียงอัจฉริยะ
ในหมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิก เหล่านักกีฬาจะได้นอนหลับพักผ่อนที่เตียงอัจฉริยะที่มีระบบเซนเซอร์ เพื่อเก็บข้อมูลการหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจ เตียงนี้สามารถปรับระดับให้เข้ากับท่านอนที่แตกต่างกันได้ อีกทั้งยังมีระบบการนอนแบบไร้แรงโน้มถ่วง เพื่อลดแรงกดดันกับกล้ามเนื้อและข้อต่อ และช่วยเรื่องการนอนหลับให้มีคุณภาพมากขึ้น
ขณะที่สื่อมวลชนที่เกาะติดทำข่าวโอลิมปิกกรุงปักกิ่งปีนี้ ได้มีโอกาสทดสอบเตียงลักษณะดังกล่าวนี้ได้ ในตู้นอนพิเศษที่ให้ผู้สื่อข่าวไปเอนหลังพักสายตาเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และจะมีเจ้าหน้าที่คอยทำความสะอาดให้ใหม่ในแต่ละครั้งของการใช้งาน
ที่นอนไฮเทคนี้แตกต่างจากเตียงกล่องกระดาษที่ใช้ในหมู่บ้านนักกีฬาในโอลิมปิกกรุงโตเกียวเมื่อปีก่อน ซึ่งในตอนนั้นญี่ปุ่นเจ้าภาพระบุว่าการใช้เตียงลักษณะดังกล่าวเป็นเพราะเรื่องสิ่งแวดล้อม
สกุลเงินดิจิทัล
จีนเริ่มใช้เงินดิจิทัล ในการแข่งขันโอลิมปิกปีนี้ เพื่อหวังเป็นการทดสอบการใช้เงินดิจิทัลกับชาวต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยผู้เข้าร่วมงานจะใช้เงินดิจิทัลในการซื้ออาหาร ค่าเดินทาง และสินค้าบริการต่างๆ ในปักกิ่งเกมส์ ผ่านการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและรับการ์ดเงินดิจิทัลมาใช้ หรือจะแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกับเงินดิจิทัลจากเครื่องแลกเงินที่อยู่บริเวณโซนที่จัดการแข่งขันโอลิมปิกในจีน
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จีนเริ่มทดสอบการใช้เงินดิจิทัลในเมืองใหญ่ต่างๆของประเทศ และรัฐบาลจีน ระบุว่า มีการใช้เงินดิจิทัลในประเทศคิดเป็นมูลค่าราว 13,800 ล้านดอลลาร์แล้ว
แอปพลิเคชันติดตามเฝ้าระวังโควิด-19
ผู้เข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิกทุกคนจะต้องใช้แอปพลิเคชัน MY2022 เพื่อรายงานข้อมูลด้านสุขภาพทุกวัน และเป็นหนึ่งในมาตรการสุดเข้มงวดในการสกัดกั้นการระบาดของโควิด-19 ในปักกิ่งเกมส์ อย่างไรก็ตาม หน่วยงาน Citizen Lab ของแคนาดา ระบุว่า แอปฯ มีระบบความปลอดภัยด้านข้อมูลที่อ่อนแอ และอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น เลขพาสปอร์ต ประวัติด้านสุขภาพและการเดินทางถูกเข้าถึงได้ง่าย
เตือนภัยเรื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัว
จากประเด็นเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อุปกรณ์สื่อสารต่างๆ บริษัทด้านความมั่นคงไซเบอร์ Internet 2.0 ได้แนะนำให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง นำโทรศัพท์เครื่องใหม่ไปใช้ในจีน เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวที่มีในเครื่องที่ใช้เป็นประจำเอาไว้ พร้อมยังแนะให้สมัครบัญชีอีเมลใหม่ และสมัครบัญชีใหม่สำหรับการท่องอินเตอร์เน็ตในช่วงเวลาที่อยู่ในประเทศจีนด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
5 สารอาหารที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่า ช่วยป้องกันการ “ติดเชื้อ” ได้
จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในญี่ปุ่นเพื่อขึ้นวันละหลักแสน ทำให้คนญี่ปุ่นรู้สึกกลัวและหันมาดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัวมากขึ้น การปฏิบัติเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโอมิครอนนั้นไม่ใช่เพียงแค่การใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือและบ้วนปาก แต่ต้องสร้างความแข็งแรงของร่างกายจากภายในด้วย หนึ่งในปัจจัยสำคัญเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกคือ การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง สารอาหารอะไรบ้างที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่าช่วยป้องกันและบรรเทาความรุนแรงการติดเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอน
สารอาหารที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่า ช่วยป้องกันการ “ติดเชื้อ” ได้
- วิตามินเอ
วิตามินเอช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเยื่อเมือกที่หลอดลม ทางเดินอาหาร และผิวหนัง วิตามินชนิดนี้ได้ชื่อว่าเป็นวิตามินที่ช่วยต้านการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ดี อาหารที่อุดมไปวิตามินเอ ได้แก่ ไข่ ชีส บร็อกโคลี่ ตำลึง ผักบุ้ง ผักคะน้า ฟักทอง แครอท มันเทศ และผลไม้ที่มีสีเหลืองส้มได้แก่ มะละกอ แคนตาลูปและมะม่วงสุก เป็นต้น
วิตามินซีทำหน้าที่ช่วยขจัดสารอนุมูลอิสระที่เข้าไปทำลายเยื่อบุผิวหนังในร่างกาย ช่วยขจัดสารเคมีแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ได้แก่ ส้ม เกรปฟรุต สตรอว์เบอร์รี่ มะเขือเทศ พริกหวานและบร็อคโคลี่ เป็นต้น
- วิตามินดี
วิตามินดีมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ช่วยควบคุมและช่วยให้การทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันดี อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดี ได้แก่ ปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาทูน่า ปลาทู ปลาแซลมอน และปลาซาร์ดีน นม เห็ดหอมแห้ง ไข่แดง และน้ำมันตับปลาคอด เป็นต้น นอกจากการรับประทานอาหารแล้ว การตากแดดวันละประมาณ 30 นาทีก็จะช่วยให้ร่างกายคนเราสร้างวิตามินดีขึ้นมาได้
- วิตามินอี
วิตามินอีช่วยกระตุ้นให้การทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันดี และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระ อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ได้แก่ ถั่วต่างๆ เช่น ถั่วอัลมอนด์ ถั่วลิสง ถั่ววอลนัท มันเทศ อะโวคาโด จมูกข้าวสาลี เมล็ดทานตะวัน และผักปวยเล้ง เป็นต้น
- แร่ธาตุสังกะสี
สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการเจริญและการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน และช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลายจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน อาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี ได้แก่ หอยนางรม ปู กุ้ง ปลาซาร์ดีน เนื้อวัว เนื้อหมู ผักคะน้า หน่อไม้ฝรั่ง ธัญพืชหรือผลิตภัณฑ์จากธัญพืช ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนม เป็นต้น
แม้จะมีการฉีดวัคซีนแล้วแต่โอกาสการติดเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนและสายพันธุ์อื่นก็ยังมีอยู่ อีกทั้งในญี่ปุ่นพ่อแม่ยังไม่สนับสนุนให้เด็กเล็กฉีดวัคซีนแม้จะมีการอนุมัติการฉีดวัคซีนในเด็ก 5-11 ปีแล้วก็ตาม การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงจากภายในเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เราปลอดภัยจากไวรัสโควิดทุกสายพันธุ์ แม้ว่าจะติดเชื้อแต่ภูมิคุ้มกันของร่างกายที่แข็งแรงจะลดความรุนแรงของโรคได้ นอกจากสารอาหารสำคัญแล้ว การพักผ่อนที่เพียงพอ ไม่เครียดมาก การออกกำลังกายที่พอเหมาะอย่างสม่ำเสมอ และการดูแลสภาพแวดล้อมในลำไส้ให้ดีด้วยการขับถ่ายทุกวัน ก็ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายของเราแข็งแรงพร้อมต่อสู้กับไวรัสได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 14/02/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,500.00 | 28,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,846.00 | 27,985.36 | 29,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,661.40 | 25,186.82 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,476.80 | 22,388.29 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 831.00 | 12,597.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 646.00 | 9,793.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,913.00 | 29,001.08 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/02/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.55 | 35.55 | 35.65 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.28 | 35.28 | 35.38 | 35.28 | 35.28 | 35.28 | 35.28 | 35.28 | 35.28 | 35.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.44 | 34.44 | 34.54 | 34.44 | 34.44 | – | 34.44 | 34.44 | 34.44 | 34.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 27.74 | 27.74 | – | – | – | – | – | – | – | 27.74 |
เบนซิน 95 | 42.96 | – | – | – | 43.41 | – | 43.46 | 43.46 | – | 42.96 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 31.14 | 30.34 | 30.44 | 29.94 | 30.34 | 30.24 | 30.34 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 31.14 | 30.34 | 30.44 | 29.94 | 30.34 | 30.24 | 30.34 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 31.14 | – | 30.44 | – | 30.34 | 30.24 | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.96 | 35.96 | 37.59 | 36.86 | 37.19 | – | – | – | – | 35.96 |
แก๊ส NGV | – | – | – | – | – | – | – | – | – | – |