“ลอนดอน” อสังหาฯดาวรุ่ง ชู Park Modern ดูดเงิน เศรษฐีไทย
กลุ่ม เฟนตัน วีแลน ผู้พัฒนาอสังหาฯในสหราชอาณาจักร สบโอกาสเงินปอนด์อ่อนค่า จัดโรดโชว์ครั้งใหญ่ โครงการหรู Park Modern (พาร์ค โมเดิร์น) ย่านกลางกรุงลอนดอน เจาะเศรษฐีไทยกระเป๋าหนัก และนักลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ราคาเริ่ม 2.5 ล้านดอนลาร์สหรัฐ
13 ต.ค.2565 – จากรายงานวิจัยของไนท์แฟรงค์ สะท้อนตลาดที่พักอาศัยในสหราชอาณาจักรช่วงไตรมาส 3 ปี 2565 ว่ามีการเติบโตด้านราคาอสังหาฯ ในลอนดอนถึง 9.2% ในช่วงมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม 2565 โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.1% ต่อเดือน ขณะที่ราคาเฉลี่ยของที่พักอาศัยในลอนดอนอยู่ที่ 543,547 ปอนด์ (ข้อมูลจากการจดทะเบียนที่ดิน) โดยเฉพาะราคาพื้นที่ในย่านไพร์มแอเรีย กรุงลอนดอน ปรับเพิ่มขึ้น 2.4% ในปีที่แล้วจนถึงพฤษภาคม 2565 และคาดการณ์การเติบโตทางด้านราคาไว้ที่ 25% ในอีก 5 ปีข้างหน้าในย่านไพร์ม แอเรีย กรุงลอนดอน
ในด้านการเติบโตของมูลค่าค่าเช่าในพื้นที่ใจกลางลอนดอน ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยเริ่มมีการฟื้นตัวจากโรคระบาด ทำให้มูลค่าค่าเช่าในพื้นที่ใจกลางลอนดอนเพิ่มขึ้น 19.9% จนถึงเดือนสิงหาคม โดยปรับลดลงจาก 29.2% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี ขณะที่พื้นที่รอบนอกลอนดอนเพิ่มขึ้นเป็น 15.2% ในเดือนสิงหาคม
ทั้งนี้จากเติบโตด้านราคาและโอกาสในการปล่อยเช่าสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง การศึกษาชั้นระดับโลกที่ดึงดูดนักศึกษาจากทั่วโลก และค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ยังไม่สูงนัก ทำให้เห็นว่า ลอนดอน ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนจากทั่วโลก
นายลาร์ส คริสเตียนส์ (Mr. Lars Christiaanse) ผู้อำนวยการร่วมก่อตั้งของ Fenton Whelan (เฟนตัน วีแลน) เปิดเผยว่า Fenton Whelan ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักร เตรียมจัดงานโรดโชว์ครั้งแรกในไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อนำเสนอโครงการโครงการ Park Modern (พาร์ค โมเดิร์น) โครงการหรู ไพร์มแอเรีย กลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยโครงการตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสวนไฮด์ปาร์ค (Hyde Park) และสวนพระราชวังเคนซิงตัน (Kensington Palace Gardens) พื้นที่รวม 190,000 ตารางฟุต มูลค่ากว่า 500 ล้านปอนด์ (รวมค่าพัฒนา)ให้กับกลุ่มลูกค้าระดับวีไอพี ณ กรุงเทพฯ
ภาพรวมโครงการ Park Modern เป็นที่พักอาศัยที่สวยงามบนอาคารขนาด 9 ชั้น โดยมีเพดานสูงโปร่ง และกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดออกสู่ระเบียงส่วนตัวภายในห้องพัก ผู้อาศัยสามารถมองเห็นวิวของสวนสาธารณะแบบไม่มีอะไรมาบังและเส้นขอบฟ้าของเมืองได้เป็นอย่างดี
ในโครงการประกอบด้วยห้องพักแบบ 1-6 ห้องนอน จำนวน 57 ยูนิต รวมไปถึงอพาร์ตเมนต์ที่สวยงาม และห้องเพนต์เฮาส์พิเศษ 3 ยูนิต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสไตล์โรงแรมระดับ 5 ดาว ขนาด 30,000 ตารางฟุต รวมไปถึงพนักงานคอนเซียช ห้องรับรองแขกหรือเลานจ์ ร้านอาหารและคาเฟ่ชั้นนำ ส่วนทางเข้าสู่อาคารสุดหรู (porte cochère) พร้อมบริการรับจอดรถ และชั้นอาคารที่จัดเป็นพื้นที่บริการด้านสุขภาพ ประกอบด้วย สระว่ายน้ำขนาด 25 เมตร ห้องออกกำลังกาย สปา โรงภาพยนตร์ และร้านทำทรีตเมนต์
ทั้งนี้ ภายหลังเปิดตัวโครงการในสหราชอาณาจักร ยูนิตมากกว่าครึ่งหนึ่งของโครงการ Park Modern ได้ถูกขายออกไปแล้วล่วงหน้า ความสำเร็จของยอดขายได้ สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของโครงการและทำเลที่ตั้งในย่านไพร์มแอเรียกกรุงลอนดอนกลายเป็นโครงการพัฒนาระดับหรูที่ขายออกเร็วที่สุด และประสบความสำเร็จมากที่สุดในหลายรอบทศวรรษ
วิคตอเรีย การ์เร็ตต์ (Ms. Victoria Garrett) หัวหน้าฝ่ายที่อยู่อาศัยของไนท์แฟรงค์ เอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่าข้อมูลจากแบบสำรวจทัศนคติแสดงไว้ในรายงานความมั่งคั่งฉบับล่าสุด พบว่า 62% ของบุคคลที่มีรายได้สูงเป็นพิเศษทั่วโลกกำลังพิจารณาด้านการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวอย่างใกล้ชิดกับทิวทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์ และด้วยการผสมผสานสิ่งอำนวยความสะดวกในท้องถิ่นที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงการเข้าถึงพื้นที่สีเขียว สำหรับผู้พักอาศัยใน Park Modern และทำให้ เมืองลอนดอนแห่งนี้เป็นที่ดึงดูดสำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศ
ด้าน นายคริสเตียนส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Fenton Whelan กล่าวว่า การพลิกโฉมโครงการพัฒนาติดสวนสาธารณะในครั้งนี้เป็นการผสมผสานระหว่างการออกแบบร่วมสมัยและคุณสมบัติพิเศษ โครงการ Park Modernให้มีความร่วมสมัยที่สดใหม่สำหรับตลาดลอนดอน โดยนำเสนอประสบการณ์การใช้ชีวิตเหนือระดับอย่างแท้จริงที่มองเห็นวิวสวนไฮด์ปาร์ค Park Modern นำเสนอที่อยู่อาศัยที่มีหลากหลายขนาด, ผังบริเวณ, และคุณสมบัติที่เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ ได้นำมาจัดแสดงโครงการอันยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในครั้งนี้ โดยราคาเสนอขายยูนิตห้องพักของโครงการ Park Modern เริ่มต้นที่ 2,200,000 ปอนด์อังกฤษ (3,527,804.13 ดอลลาร์สิงคโปร์ / 2.5 ล้านดอนลาร์สหรัฐ)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ดีมานด์นักลงทุน Branded Residence พุ่งแรง ไทย-เอเชีย เมืองเป้าหมาย
อสังหาฯ ภูเก็ต คึก “มอนท์เอซัวร์” จับมือ “แอคคอร์” เดินหน้าก่อสร้าง โครงการมิกซูยูส มอนท์เอซัวร์ หลังพบ ดีมานด์นักลงทุนกลุ่ม Branded Residence ในเอเชียและไทยพุ่งแรง กลุ่มคนรวยมองหา วิลล่าสุดหรู เป็นที่พักอาศัยหลัง 2 ส่งผลราคาที่ดินรอบเกาะเพิ่มปีละ 10%
13 ต.ค.2565 – มอนท์เอซัวร์ ภูเก็ต ผนึกกำลังกับ แอคคอร์ พันธมิตรระดับโลก ร่วมบุกตลาด Branded Residence เดินหน้าก่อสร้างและเพิ่มยอดขาย “เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์” ซึ่งนับเป็น เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ แห่งแรกในประเทศไทย โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนหาดกมลา ทำเลสุดพรีเมียมที่กำลังเป็นที่ต้องการของนักลงทุนทั้งชาวไทยและในเอเชีย
ทั้งนี้ โครงการมอนท์เอซัวร์ เป็นอาณาจักรมิกซ์ยูสอันเกิดจากความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตร 3 ฝ่าย ได้แก่ The Narai Group (จากประเทศไทย), ARCH Capital (จากฮ่องกง) และ Philean Capital (จากสิงคโปร์) ในเครือ Pontiac Land Group เหมาะสำหรับการซื้อเป็นที่อยู่อาศัยหรือเป็นบ้านตากอากาศหลังที่สอง มอนท์เอซัวร์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 454 ไร่ (178 เอเคอร์ หรือ 72 เฮกตาร์)
ครอบคลุมตั้งแต่บริเวณเชิงเขาไปจนถึงพื้นที่หน้าหาด ประกอบไปด้วยโครงการคุณภาพมากมาย ทั้งคอนโดมิเนียมในรูปแบบรีสอร์ตและคอนโดมิเนียมริมชายหาด โรงแรม 5 ดาว วิลล่าระดับไฮเอนด์ ร้านค้าชั้นนำ แหล่งพบปะสังสรรค์ และบีชคลับชื่อดังอีกมากมาย พร้อมมอบประสบการณ์พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติบนหาดกมลาที่ได้รับการพัฒนาและออกแบบโครงการด้วยความพิถีพิถันขั้นสูงสุด
โจนาธาน อูมาลิ กรรมการผู้จัดการอาร์ช แคปปิตอล และกรรมการบริหาร มอนท์เอซัวร์ เล่าถึงดีมานด์ใน ตลาด Branded Residence ในเอเชียที่พุ่งสูงขึ้น ว่า “ภูเก็ตกำลังเป็นที่สนใจอย่างมากสำหรับนักลงทุน มอนท์เอซัวร์ จึงใช้กลยุทธ์ในการจับมือกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อเพิ่มมูลค่าของโครงการในระยะยาวให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ กลุ่มพันธมิตรและนักลงทุนที่มาร่วมมือกันในโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อลักชัวรีไลฟ์สไตล์แห่งนี้ ต่างเล็งเห็นในศักยภาพอันเต็มเปี่ยมของทำเลที่ตั้งอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ทางมอนท์เอซัวร์กำลังเดินหน้างานก่อสร้างโครงการ เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์ ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และสำหรับในปีหน้า เรามีแผนที่จะเปิดโครงการที่พักอาศัยเพิ่มเติมร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ เพื่อเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูง พร้อมเพิ่มมูลค่าการลงทุนต่อไปในอนาคต”
“โครงการมอนท์เอซัวร์ ได้ยกระดับมาตรฐานของอสังหาริมทรัพย์ขึ้นไปอีกขั้นด้วยการรังสรรค์คอมมูนิตี้มิกซ์ยูสที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งบนโลเคชั่นที่หาที่ไหนไม่ได้ ณ หาดกมลาอันเลื่องชื่อ เราพร้อมเดินหน้าจับมือกับ พันธมิตรที่จะมาร่วมพัฒนาโครงการอื่น ๆ เพื่อเต็มเติมความครบครันของอาณาจักรมอนท์เอซัวร์ บนเนื้อที่อีก 30% ที่ยังรอการพัฒนา”
ทั้งนี้ ยังเน้นย้ำถึงการเติบโตของตลาด Branded Residence ระดับโลก ไว้ว่า “ตลาด Branded Residence ระดับสากลยังคงเติบโต โดยหนึ่งในสามของ Branded Residence ทั่วโลกนั้นอยู่ในภูมิภาคเอเชีย ด้วยจำนวนโครงการถึง 79 แห่งที่จะเปิดยูนิตใหม่ทั้งสิ้น 16,130 ยูนิต เพื่อมารองรับดีมานด์ภายในปี 2025 ปัจจุบัน Branded Residence ได้ก้าวขึ้นมาเป็นกลุ่มสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ระดับ Grade A โดยประเทศไทยครองสัดส่วนโครงการ Branded Residence ถึง 29% ที่จะมารองรับตลาด ตามมาด้วยฟิลิปปินส์และเวียดนาม”
เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนท์ มอนท์เอซัวร์ ได้รับการออกแบบสถาปัตยกรรมจาก SODA (Thailand) Ltd. และออกแบบภูมิทัศน์โดย Shma Company Limited นับว่าเป็นโครงการเปี่ยมศักยภาพที่มอบประสบการณ์การอยู่อาศัยในสไตล์รีสอร์ตหรูเหนือระดับในเกาะภูเก็ต สัมผัสการใช้ชีวิตบนเชิงเขาเขียวชอุ่มท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันจากมอนท์เอซัวร์ ทั้งสระว่ายน้ำสำหรับพักผ่อน สระว่ายน้ำสำหรับเด็กและพื้นที่นันทนาการ บาร์ริมสระน้ำ คลับเฮาส์และล็อบบี้เลานจ์ ห้องฟิตเนสและโยคะ ตลอดจนร้านอาหารที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน ดาดฟ้าสำหรับชมแสงดาวยามค่ำคืน ศาลาพักผ่อน และเส้นทางเดินและจ๊อกกิ้งท่ามกลางธรรมชาติ
นอกจากนี้ เจ้าของห้องชุดยังจะได้สัมผัสประสบการณ์ลักชัวรีเหนือระดับเพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์สุดหรูด้วย Loyalty Program ของ มอนท์เอซัวร์ และ แอคคอร์ ได้แก่ การเป็นสมาชิกของ MontAzure Membership Card และสมาชิกระดับ Diamond ของ ALL – Accor Live Limitless ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Accor Ownership Benefits Program ปลดล็อกสิทธิประโยชน์และข้อเสนอระดับวีไอพีซึ่งสามารถใช้บริการได้ที่โรงแรมและรีสอร์ตในเครือแอคคอร์ทั่วโลกกว่า 5,300 แห่ง สิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ รวมถึงบริการจองห้องพักสำหรับวีไอพี การอัปเกรดห้องพัก พร้อมส่วนลดพิเศษสำหรับโรงแรมในเครือแอคคอร์ ซึ่งรวมถึงโรงแรมภายใต้แบรนด์เอ็มแกลเลอรีด้วย
เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์ เกิดขึ้นจากการผนึกกำลังของ แอคคอร์ และมอนท์เอซัวร์ ที่ผสานรวมจุดแข็งของทั้งคู่มาพัฒนาโครงการแห่งนี้ให้สอดคล้องกับเทรนด์ในตลาด Branded Residence ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังทำให้เกิดคอมมูนิตี้รูปแบบใหม่ของกลุ่มผู้ซื้อ ที่ซึ่งนักลงทุนที่มีความสนใจคล้ายกันได้มีโอกาสทำความรู้จักกันผ่านความชอบและไลฟ์สไตล์ที่เหมือนกัน โดยไม่มีการแบ่งแยกกลุ่มลูกค้าตามอายุ เชื้อชาติ และการประกอบอาชีพ เหมือนยุคก่อนโควิด
แอคคอร์ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการชั้นนำระดับโลก ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำระดับโลกในภาคส่วน Branded Residence โดยปัจจุบัน แอคคอร์มี Branded Residence ในเครืออยู่ทั้งสิ้น 35 แห่งทั่วโลกและมีโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาอีกกว่า 80 แห่ง พร้อมเดินหน้านำองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการให้บริการและการบริหารแบรนด์โรงแรมที่โดดเด่นมากมายมาต่อยอดพัฒนาไพรเวทเรสซิเดนซ์ในเครือภายใต้มาตรฐานระดับสากลที่ดีที่สุด แอคคอร์ พร้อมนำบริการระดับพรีเมียมมาสู่ที่พักอาศัยส่วนตัว นับเป็นการสร้างมูลค่ามหาศาลให้แก่พันธมิตรผู้ร่วมพัฒนาโครงการ
แคเธอรีน ชาน รองประธานโครงการมิกซ์ยูสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และหัวหน้าที่ปรึกษาแบรนด์จากแอคคอร์ กล่าวว่า “ที่อยู่อาศัยระดับลักชูรีบนทำเลพรีเมียมและทำเลในเมืองตากอากาศเป็นโครงการที่เข้ามาเติมเต็มแบรนด์โรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับโลกของเรา” ทั้งยังได้อธิบายถึงกลยุทธ์และแผนธุรกิจของแอคคอร์ ในการรุกเข้าสู่ตลาด Hotel Branded Residence ไว้ว่า
“การลงทุนซื้อ Branded Residence จากเครือข่ายโครงการที่อยู่อาศัยของเราแสดงถึงความไว้วางใจของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์แอคคอร์ ผู้เป็นเจ้าของเอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์เหนือระดับมากมายจาก Accor Ownership Benefits Program เพื่อประสบการณ์การอยู่อาศัยแบบวีไอพีทั้งในอาณาจักรมอนท์เอซัวร์และระหว่างการเข้าพักในโรงแรมเครือแอคคอร์ทั่วโลก”
ด้าน นายเศรษฐพล บุตรโท กรรมการบริหารมอนท์เอซัวร์ กล่าวถึงผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 พร้อมชี้ว่าโครงการประเภท Branded Residence ยังมียอดขายที่เติบโตอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวและผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเกิดจากแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยนักลงทุนยังให้ความมั่นใจในโครงการที่พักอาศัย ที่บริหารโดยเครือโรงแรมระดับโลก
“นักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ภูเก็ตต่างเล็งเห็นการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยราคาที่ดินรอบเกาะภูเก็ตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10.5% ต่อปีในรอบ 17 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นนี้เน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง (High-Net-Worth Individual) มีแนวโน้มที่จะลงทุนในโครงการ Branded Residence ด้วยผลกำไรที่น่าดึงดูดในระยะยาวภายใต้มาตรฐานคุณภาพที่น่าเชื่อถือของการเป็นโครงการ Branded Residence โดยลูกค้าระดับไฮเอนด์ต้องการที่พักอาศัยคุณภาพสูงบนทำเลชั้นนำระดับพรีเมียม ที่มีดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ บริการชั้นเลิศ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับเวิลด์คลาส คุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นสิ่งที่มอนท์เอซัวร์และแอคคอร์ ตั้งใจนำเสนอ”
นายเศรษฐพล กล่าวเสริมว่า “อัตราการเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจที่นักลงทุนมีต่อแบรนด์ระดับ ไฮเอนด์และความเชื่อมั่นในทำเลที่ตั้งในไพร์มโลเคชั่น ในปี 2563 มอนท์เอซัวร์ เปิดตัวโครงการเอ็มแกลเลอรี แห่งแรกในประเทศไทย และในวันนี้เราได้เห็นดีมานด์สำหรับ Branded Residence ที่พุ่งสูงขึ้นหลังจากที่ตลาดกลับมาฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 โครงการเอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์ อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2567 ในฐานะโครงการ Branded Residence ของเอ็มแกลเลอรีแห่งแรกในประเทศไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 827 จุด แรงซื้อคืนหนุนตลาด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 800 จุดในวันพฤหัสบดี (13 ต.ค.) โดยปัจจัยหนุนทางเทคนิคและการเข้าซื้อคืนหุ้นได้ช่วยให้ตลาดดีดตัวขึ้นอย่างมาก หลังจากร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายช่วงเช้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,038.72 จุด เพิ่มขึ้น 827.87 จุด หรือ +2.83%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,669.91 จุด เพิ่มขึ้น 92.88 จุด หรือ +2.60% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,649.15 จุด เพิ่มขึ้น 232.05 จุด หรือ +2.23%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น หลังจากติดลบ 6 วันติดต่อกัน และร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายช่วงเช้า หลังจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.ที่สูงเกินคาด ซึ่งได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์วันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2563 หลังจากร่วงลงเกือบ 550 จุดแตะระดับต่ำสุดของวัน
ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้นเกือบ 194 จุด ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นระหว่างวันมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. และนักวิเคราะห์บางรายระบุว่า ดัชนี S&P500 มีแนวรับทางเทคนิคอยู่ที่ราวระดับ 3,500 จุด
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มพลังงาน พุ่งขึ้นมากที่สุด 4.14% และ 4.08% ตามลำดับ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลงในช่วงแรก โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยดัชนี CPI ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (13 ต.ค.) ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 8.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 8.1% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.3%
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.6% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 6.5% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. โดยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง
ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า สหรัฐยังคงเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ และไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลงสู่ระดับที่อาจทำให้เฟดยกเลิกการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สำหรับทิศทางตลาดในระยะต่อไปนั้น บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2565 ของบริษัทจดทะเบียน โดยจะเริ่มจากบรรดาธนาคารขนาดใหญ่ในวันศุกร์นี้ (14 ต.ค.) เพื่อดูว่า ภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อผลกำไร
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023” ประกาศจัดงานเต็มรูปแบบ ต้อนรับผู้ชมและนักกอล์ฟระดับโลกเป็นครั้งที่ 16
ฮอนด้า ร่วมกับ ไอเอ็มจี ประกาศความพร้อมจัดการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 16 กับศึกดวลวงสวิงนักกอล์ฟหญิงรายการระดับโลก โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 23 – 26 กุมภาพันธ์ 2566 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา ในครั้งนี้จะเป็นการกลับมาจัดงานอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกหลังจากจัดแบบสนามปิดมาตั้งแต่ปี 2019
และพร้อมเปิดจำหน่ายบัตรเพื่อต้อนรับแฟนกอล์ฟให้มาร่วมเชียร์และลุ้นถึงขอบสนามตั้งแต่ พิเศษกับเงินรางวัลของการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นรวมเป็น 1.7 ล้านดอลลาร์ (ราว 62 ล้านบาท*) นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะจัดควบคู่ไปกับทัวร์นาเมนต์ หรือ Road to Honda LPGA Thailand เพื่อส่งเสริมการพัฒนากีฬากอล์ฟในหมู่เยาวชนและนักกอล์ฟรุ่นใหม่ ทั้งการแข่งขันรอบคัดเลือก National Qualifiers งานสัมมนาและกิจกรรมเวิร์กชอป Young Ambassadors และกิจกรรม Junior Golf Clinic
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานคณะกรรมการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ขอขอบคุณแฟนกอล์ฟและสื่อมวลชนที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดีนับตั้งแต่ที่ยังไม่ได้ประกาศจัดการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ อย่างเป็นทางการ ฮอนด้ามีความยินดีที่ทัวร์นาเมนต์ระดับโลกนี้จะกลับมาสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญแก่วงการกอล์ฟในเมืองไทยอีกครั้ง โดยปีนี้ เรามีความพร้อมที่จะต้อนรับแฟนกอล์ฟจากทั้งในประเทศและทั่วโลกให้กลับเข้ามาชมและเชียร์การแข่งขันกันอีกครั้ง
โดยทุกท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์แบบติดขอบสนามกับเหล่าโปรกอล์ฟสาวระดับโลกทั้งไทยและต่างชาติกว่า 70 คน อาทิ นานนา เคิร์สต์ แมดเซน แชมป์ปีล่าสุด รวมถึงโปรกอล์ฟขวัญใจชาวไทย แพตตี้- ปภังกร ธวัชธนกิจ, เม-เอรียา จุฑานุกาล และ โม-โมรียา จุฑานุกาล และรุกกี้ดาวรุ่งของปีนี้ จีน-อาฒยา ฐิติกุล พร้อมด้วยโปรกอล์ฟชั้นนำอีกมากมาย เชื่อว่า ปีนี้จะเต็มไปด้วยสีสัน ที่สร้างความตื่นเต้นและความสนุกสนานกว่าที่เคย”
“ฮอนด้ายังคงเดินหน้าเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ เพื่อเป็นเวทีในการขับเคลื่อนแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนรุ่นใหม่ที่สนใจในกีฬากอล์ฟ รวมทั้งส่งเสริม พัฒนา และยกระดับการจัดการแข่งขันกีฬากอล์ฟในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักไปในทั่วโลก ในฐานะ World Golf Destination
โดยในการแข่งขันครั้งนี้ เรายังได้เพิ่มเงินรางวัลเป็น 1.7 ล้านดอลลาร์ (ราว 62 ล้านบาท*) เพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักกอล์ฟในการแข่งขันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย” นายพิทักษ์ กล่าว
ด้วยจำนวนโปรกอล์ฟสาวชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 70 คนที่จะเดินทางมาร่วมแข่งขันในฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023 เพื่อชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านดอลลาร์ หรือราว 62 ล้านบาท* รวมถึงรางวัลพิเศษอื่น ๆ จากผู้สนับสนุนหลักการจัดงาน จึงทำให้ทัวร์นาเมนต์นี้กลายเป็นหนึ่งในอีเวนต์กอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอเชียที่วงการกอล์ฟทั่วโลกเฝ้าจับตามอง ผู้ชมจะได้ชมนักกอล์ฟหญิงระดับโลก รวมทั้ง นานนา เคิร์สต์ แมดเซน แชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2022 ซึ่งทำอีเกิลในหลุมเพลย์ออฟที่ 2 จนคว้าแชมป์แอลพีจีเอทัวร์แรกของตัวเอง และจะกลับมาป้องกันแชมป์ในปีนี้
ย้อนกลับไปในปี 2006 การแข่งขันฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ มีนักกอล์ฟไทยเพียง 4 คน ที่สามารถเข้าร่วมแข่งขันในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ปัจจุบัน ทัวร์นาเมนต์นี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถปูทางสู่ความสำเร็จแก่นักกอล์ฟไทย จนทำให้มีนักกอล์ฟไทยมากถึง 11 คน ที่ได้เข้าร่วมในทัวร์นาเมนต์ปี 2022 ที่ผ่านมา โดยนักกอล์ฟที่มีอันดับสูงสุดของไทย คือ
โปรจีน-อาฒยา ฐิติกุล ซึ่งเข้าร่วมแข่งขันในรายการนี้ในฐานะนักกอล์ฟรับเชิญมาตั้งแต่ปี 2017 สามารถทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกปี โดยสามารถคว้าตำแหน่งผู้ชนะทัวร์นาเมนต์แอลพีจีเอทั้ง 2 ครั้งในฐานะรุกกี้ ทั้งรายการ Walmart NW Arkansas Championship และ JTBC Classic ทำให้นักกอล์ฟสาวดาวรุ่งวัย 19 ปีคนนี้ ติดโผรายชื่อ LPGA Priority List ครั้งแรก และได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ส่วนนักกอล์ฟไทยชั้นนำคนอื่น ๆ อาทิ โปรแพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ (เจ้าของแชมป์รายการเมเจอร์ 2021 ANA Inspiration) และโปรเม-เอรียา จุฑานุกาล (แชมป์แอลพีจีเอ 12 ครั้ง) รวมถึง โปรโม-โมรียา จุฑานุกาล (แชมป์แอลพีจีเอ 2 ครั้ง) ก็จะกลับมาร่วมแข่งขันในปีนี้เช่นกัน
นานนา เคิร์สต์ แมดเซน แชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2022 “ฮอนด้า แอลพีจีเอไทยแลนด์ เป็นทัวร์นาเมนต์ที่พิเศษมากสำหรับฉัน เพราะนอกจากจะเป็นแชมป์แอลพีจีเอแรกแล้วก็ยังได้ทำสถิติสนามครั้งใหม่อีกด้วย ฉันรู้สึกดีใจมากและตั้งตารอที่จะได้กลับไปอีกครั้ง”
โปรจีน-อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟอันดับ 2 ของโลก กล่าวว่า “ฮอนด้า แอลพีจีเอไทยแลนด์เป็นทัวร์นาเมนต์ที่จีนติดตามดูตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนได้เข้ามาเป็นนักกีฬารับเชิญตอนปี 2017 จนปี 2022 ก็ได้เข้าร่วมในฐานะรุกกี้แอลพีจีเอ ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีที่พิเศษที่สุดในเส้นทางอาชีฟกอล์ฟของจีนเลยค่ะ แล้วปี 2023 ก็ดีใจมากยิ่งขึ้นที่จะได้เข้าร่วมแข่งขันตามการจัดอันดับ LPGA Priority List จีนจะพยายามเต็มที่ เพื่อให้แฟน ๆ ภูมิใจและเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจที่เคยได้รับมา ให้แก่นักกอล์ฟรุ่นต่อไปค่ะ”
“เมร่วมแข่งขันรายการนี้ เมื่อปี 2007 เหมือนโตมากับทัวร์นาเมนต์นี้เลยค่ะ รู้สึกดีใจมากที่ได้เห็นรายการนี้เปิดโอกาสและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาและแฟนๆอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเมรู้สึกว่าวงการกีฬากอล์ฟในประเทศไทยและนักกีฬากอล์ฟชาวไทยนั้นเติบโตขึ้นอย่างมีศักยภาพมาก ซึ่งถือเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ในการยกระดับวงการกอล์ฟไทย” โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล แชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021 กล่าว
มิสวินนี เฮง รองประธานอาวุโสและกรรมการผู้จัดการ ไอเอ็มจี ประเทศไทย ผู้จัดการแข่งขัน กล่าวว่า “ไอเอ็มจีรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้ร่วมมือกับฮอนด้าในการจัดแข่งขันทัวร์นาเมนต์กอล์ฟสตรีที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกในประเทศไทยอีกครั้ง และในฐานะอีเวนต์กีฬาชั้นนำของไทย เราจึงพยายามนำเสนอประสบการณ์ที่สนุกสนานและแปลกใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมกีฬากอล์ฟไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล ซึ่งจะช่วยดึงดูดแฟนกอล์ฟทั่วโลกให้ซื้อบัตรเดินทางมาเข้าชมการแข่งขันกันมากขึ้น โดยเราจะเปิดจำหน่ายบัตรโปรโมชันพิเศษตั้งแต่วันที่ 12 – 31 ตุลาคม 2565 ในโอกาสนี้ ต้องขอขอบคุณพันธมิตร ผู้สนับสนุน และแฟนกอล์ฟทุกท่าน และเราพร้อมมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจแก่ทุกท่านใน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023”
การแข่งขันในครั้งนี้ นักกอล์ฟจะได้ดวลวงสวิงบนสนามกอล์ฟสยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา เรียกได้ว่าเป็นสนามเจ้าบ้านของการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ อีกทั้งเป็นหนึ่งในสนามกอล์ฟที่ดีที่สุดของเอเชีย ทั้งนี้สนามกอล์ฟในเครืองสยามคันทรีคลับเอง ยังเป็นสถานที่จัดการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่มาแล้วหลายรายการ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักกีฬามืออาชีพและมือสมัครเล่นทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นรายการ Trust Golf Asian Mixed Series และ Women’s Amateur Asia-Pacific Championship (WAAP) ที่กำลังจะจัดขึ้นเร็วๆ นี้ โดยสนามแห่งนี้มีขนาด 7,162 หลา พาร์ 72 มีมาตรฐานระดับสูง จึงเป็นสนามดวลวงสวิงที่สร้างความท้าทายให้แก่ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน
นายธยาน์ ก่อนันทเกียรติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สยามคันทรีคลับ พัทยา กล่าวว่า “เราตระหนักถึงความสำคัญในการส่งเสริมการแข่งขันรายการอาชีพและรายการสมัครเล่น เพื่อร่วมสร้างสรรค์วงการกอล์ฟของไทย สำหรับครั้งนี้ นับเป็นอีกครั้งที่เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้จัดการแข่งขันรายการฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ร่วมกับพันธมิตรอย่างฮอนด้าและไอเอ็มจี ซึ่งถือเป็นการจัดรายการนี้ครั้งที่ 14 ที่สยามคันทรีคลับ พัทยา เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นสนามของทัวร์นาเมนต์นี้อีกครั้ง และมีความพร้อมที่จะต้อนรับนักกอล์ฟสาวระดับโลกที่จะมาดวงวงสวิงกันอย่างสนุกสนาน พร้อมด้วยเหล่าแฟนกอล์ฟทุกคนครับ”
สำหรับสมาชิก ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ จะได้รับสิทธิ์ซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันก่อน ผ่านการลงทะเบียนที่เว็บไซต์ https://hondalpgathailand.com/ เพื่อรับรหัสส่วนลด 30% **จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 โดยจะเปิดจำหน่ายบัตรแก่บุคคลทั่วไปในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไปจนกว่าบัตรจะหมด นอกจากนี้ยังมีบัตรวีไอพีเปิดจำหน่ายเช่นกัน
แฟนกอล์ฟสามารถรับชมการถ่ายทอดสดตลอดทัวร์นาเมนต์ผ่านทางช่อง PPTV HD 36 และผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ของทางสถานี www.pptvhd36.com สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023 ที่เว็บไซต์ https://hondalpgathailand.com/ หรือติดตามในเฟซบุ๊ก www.facebook.com/lpgaThailand อินสตาแกรม https://www.instagram.com/hondalpgathailand
* อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐเทียบเท่า 36.47 บาท
**ผู้ถือบัตรเครดิตและเดบิตธนาคารกรุงเทพรับส่วนพิเศษลดเพิ่มอีก 10% ในการซื้อบัตรสำหรับบุคคลทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
8 สาเหตุที่ทำให้ “นอนไม่หลับ” และวิธีรักษา
พฤติกรรมการนอนของคุณเป็นแบบไหน เมื่อหัวถึงหมอนก็นอนหลับสบาย ไม่ต้องมีเรื่องให้เครียด หรือกังวลใดๆ แต่กับอีกหลายๆ คนอาจจะประสบปัญหาเรื่องการนอน ทั้งนอนหลับยาก ต้องใช้เวลานานกว่าจะหลับ ตื่นบ่อย นอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่สนิท ทำให้เวลาตื่นนอน รู้สึกไม่สดชื่น เมื่อพฤติกรรมเหล่านี้ถูกสะสมไปเรื่อยๆ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ความจำเริ่มถดถอย ประสิทธิภาพในการเรียน การทำงานลดน้อยลง อารมณ์แปรปรวน โมโหง่าย ส่วนทางด้านสุขภาพ เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอ ปัญหาสุขภาพก็จะตามมา ดังนั้นเราควรรีบหาวิธีแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ
พญ.อนงนุช ชวลิตธำรง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จาก Addlife Check-Up Center ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี) ได้มาให้ข้อมูลว่า การนอนไม่หลับจริงๆ ไม่ใช่โรค แต่เป็นปัญหาการนอนไม่เพียงพอ ทำให้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่สดชื่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อหน้าที่การทำงานและความสัมพันธ์กับผู้อื่น ลักษณะการนอนไม่หลับ เช่น กว่าจะหลับใช้เวลานาน นอนหลับไม่สนิท ตื่นบ่อย นอนสั้นตื่นเร็ว ตื่นแล้วไม่สดชื่น
สาเหตุของการนอนไม่หลับเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น
- ความเครียด อาจเกิดจากงาน หรือปัญหาครอบครัว
- สภาวะความเจ็บป่วยของร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดข้อ มีโรคทางจิต เช่น ซึมเศร้า
- ยาบางชนิด เช่น ยารักษาความดัน ยาสเตียรอยด์ ยารักษาหวัด ลดอาการคัดจมูก เป็นต้น
- สารกระตุ้น เช่น คาแฟอีน นิโคติน แอลกอฮอล์
- สภาวะแวดล้อมไม่เหมาะสม เช่น เสียงดัง มีแสงรบกวน อุณหภูมิร้อนหรือเย็นเกินไป
- ตารางการนอนเปลี่ยนแปลง เช่น Jetlag จากการเดินทาง การทำงานเป็นกะ กลางวันกลางคืน
- ขาดฮอร์โมน เช่น Melatonin, Growth hormone, Sex hormone
- ขาดสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุบางชนิด เช่น สังกะสี วิตามินบี5 และทริปโตฟราน เป็นต้น
การนอนที่ดีควรนอนหลับให้สนิทซึ่งเมื่อตื่นจะรู้สึกสดชื่น แจ่มใสทั้งวัน การนอนแม้นอนนาน แต่ถ้าตื่นแล้วยังง่วงเพลียก็ถือว่านอนหลับไม่ดี ซึ่งจำนวนชั่วโมงที่คนเราต้องการเพื่อนอนหลับพักผ่อน ซ่อมแซมร่างกายของแต่ละบุคคลก็จะแตกต่างกัน ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น อายุยิ่งน้อยยิ่งนอนนาน เด็ก 5-10 ขวบ ต้องใช้เวลานอนนานถึง 9-11 ชั่วโมง ส่วนผู้ใหญ่โดยเฉลี่ย ต้องนอน 7-9 ชั่วโมง แต่บางคนก็ต้องการนอนน้อยกว่านี้ ต้องดูว่ากลางวันรู้สึกสดชื่นหรือไม่ ถ้ารู้สึกง่วง ซึม ก็แปลว่า นอนไม่พอการเข้านอนไม่ควรดึกเกิน 22.00 น. เพื่อให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการนอนเต็มที่ ส่งผลให้หลับสนิทอย่างมีคุณภาพ ผลเสียจากการนอนไม่เพียงพอจะทำให้ง่วงกลางวัน อ่อนเพลีย สมาธิ ความจำแย่ลง และยังเพิ่ม ความเสื่ยงของการเกิดโรคความดันสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคอ้วน เป็นต้น
วิธีแก้ปัญหาการนอนไม่หลับ
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง เข้านอนและตื่นตรงเวลา ไม่นอนกลางวัน หลีกเลี่ยง ชา กาแฟ นิโคติน แอลกอฮอลล์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงออกกำลังกายก่อนนอน 3-4 ชั่วโมง ไม่รับประทานอาหารมื้อหนักก่อนนอน ไม่ทำงานบนเตียง จัดสภาพแวดล้อมห้องนอนให้เหมาะสม เงียบสงบ มืด ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป อาจผ่อนคลายก่อนนอนด้วยการอ่านหนังสือ ฟังเพลง
- ในกรณีที่ร่างกายเริ่มเสื่อม การปฏิบัติดังกล่าวนี้อาจยังไม่ดีขึ้น จึงควรไปพบแพทย์ โดยต้องเริ่มหาสาเหตุและรักษาให้เฉพาะเจาะจง สาเหตุที่พบบ่อยคือ
- ร่างกายขาดฮอร์โมน เช่น Estrogen, Progesterone Testoterone, Thyroid hormone,
Growth hormone, Melatonin - ร่างกายขาดวิตามินแร่ธาตุ เช่น Magnesium, Zinc
ร่างกายขาดสารสื่อประสาทเนื่องจากขาดโปรตีน เช่น Tryptophan โดยแพทย์ด้าน Anti–Aging จะตรวจวิเคราะห์ผลเลือดอย่างละเอียด เพื่อวินิจฉัยภาวะขาดสมดุลเหล่านี้ และรักษาได้ด้วยการให้ฮอร์โมนธรรมชาติ และสารอาหาร วิตามินแร่ธาตุแบบเฉพาะบุคคล ตามที่ร่างกายแต่ละคนต้องการอย่างตรงจุด
การรักษาอาการนอนไม่หลับสามารถแก้ไขได้ ซึ่งการรักษาที่ให้ผลดีที่สุด คือ รักษาที่ต้นเหตุ โดยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการรักษาที่ถูกวิธีและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วิธีสุดเวิร์ค สร้างสภาพแวดล้อมภาษาอังกฤษแม้ตัวจะอยู่ไทย
หนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางเวลาคนเราอยากจะเก่งภาษาสักภาษาก็คือสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ตัวเราไม่ได้อยู่ในที่ๆคนจะพูดภาษานั้นๆกับเรา ดังนั้นวิธีหนึ่งที่คนเราจะเก่งภาษาได้อย่างรวดเร็วก็คือการเอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่พูดภาษานั้น เพราะมันเป็นการช่วยบีบให้เราต้องพูดภาษานั้นเพื่อเอาตัวรอด เพราะ ถ้าเราเองไม่ยอมพูด แล้วจะ สื่อสารกับคนอื่นยังไง แต่ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถเอาตัวไป อยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นได้ เรามีวิธีง่ายๆที่จะช่วยให้คุณสร้างสิ่งแวดล้อมภาษาอังกฤษนั้นขึ้นมาได้เอง ที่ทำได้ไม่ยากเลย
1. เริ่มปรับความคิดของเราก่อน (Adjust your mind)
ตัวเราเองรู้สึกสบายที่สุดเวลาพูดภาษาแม่ที่เป็นภาษาถนัดของเรา ไม่ว่าจะเป็นเวลาคิด หรือเวลาใช้ภาษานี้บนอะไรก็ตาม ตัวอย่างเช่น เราใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก และเราก็จะตั้งค่าบนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น มือถือ เฟสบุ๊ค หรือว่ากล้องถ่ายรูปเป็นภาษาไทย อย่างไรก็ตาม การคิดเป็นภาษาของเราจนชินจะทำให้เราคิดเป็นภาษาอื่นๆไม่ออก ดังนั้น คุณจึงรู้สึกว่ามีปัญหากับการคิดคำศัพท์ แม้ว่าจะเป็นคำศัพท์ง่ายๆก็ตาม ดังนั้น ตรงนี้เอง เป็นจุดแรกที่คุณควรเริ่มเปลี่ยน เริ่มจากการเปลี่ยนภาษาที่ใช้เป็นภาษาอังกฤษ และล้อมรอบตัวเราด้วยคำศัพท์ต่างๆ เช่น คุณอาจจะเอาคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับของในบ้านไปแปะไว้รอบบ้านให้นึกออกง่ายๆ วิธีนี้อาจจะดูเหมือนไว้สอนเด็กๆ แต่มนุษย์เด็กนี่แหละ เป็นมนุษย์ที่เรียนภาษาได้เร็วที่สุด
2. อ่านภาษาอังกฤษเป็นประจำ (Read English texts)
อีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้คลังศัพท์ของเราขยายใหญ่ขึ้นคือการอ่านเยอะๆ และอ่านหลากหลาย การอ่านจากหลายๆแหล่ง เช่น จากหนังสือพิมพ์ นิยาย หรือนิตยสารจะทำให้เราได้คำศัพท์หลากหลายรูปแบบซึ่งเราจะนำไปใช้ได้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน นี่เป็นทางหนึ่งที่จะทำให้เราคุ้นเคยกับภาษานั้นๆ และทำให้เราสามารถคิดคำศัพท์ขึ้นมาได้เร็วขึ้นเมื่อเราต้องแต่งประโยคภาษาอังกฤษขึ้นมา
3. ฟังให้เยอะขึ้น (Listen more)
หลายคนเผชิญปัญหาอย่างมากในเรื่องการฟัง สำเนียงของเจ้าของภาษาเองก็แตกต่างกันไปตามประเทศและตามท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีสำเนียงของคนที่ไม่ใช้เจ้าของภาษาเพิ่มไปอีก ดังนั้น การที่เราฟังภาษาอังกฤษจากหลายๆแหล่งอย่างเช่น จากช่องข่าว จากยูทูป ภาพยนตร์ ซีรี่ย์บนทีวีต่างๆ หรือแม้กระทั่งจากการพูดคุยกับคนในหลายๆที่ จะช่วยพัฒนาทักษะการฟังของเราได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ
4. ฝึกคิดประโยคภาษาอังกฤษ (Think of English sentences in a conversation)
หลังจากที่ใช้ทักษะเชิงรับสารอย่างการอ่านและการฟัง แล้ว เราก็ต้องพัฒนาทักษะเชิงแสดงออก อย่างการพูด และการเขียนด้วย ประเด็นสำคัญคือการเปลี่ยนคำศัพท์หรือสิ่งที่เราได้เรียนมาให้เราสามารถใช้ได้จริง โดยเราสามารถเริ่มด้วยการคิดประโยคที่ใช้สื่อสารในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว พยายามฝึกฝนเพื่อให้ประโยคมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น และเราจะใช้เวลาน้อยลงมากเวลาคิดเพื่อที่จะถามคำถามสักคำถามหรือตอบคำถามที่คนอื่นถามมา เราอาจจะลองถกหัวข้อต่างๆ เมื่อเริ่มเก่งขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะผ่านการสนทนาต่อหน้า หรือการพิมพ์คุยบนแอพก็ได้
5. จดโน้ตเป็นภาษาอังกฤษ (Always take notes in English)
ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่จดโน้ตตอนเรียน หรือโน้ตเรื่องอื่นๆทั่วไปบนมือถือ ให้พยายามใช้ภาษาอังกฤษให้มากที่สุด วิธีนี้จะทำให้คุณได้คุ้นเคยกับการใช้ภาษาในชีวิตประจำวันมากขึ้น และเรายังได้ประโยชน์จากการเขียนและอ่านจากสิ่งที่เราจดไปพร้อมๆกันด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
ยานยนต์ไร้คนขับ อาจต้องพึ่งพามนุษย์ช่วยควบคุมไปอีกนาน
ผู้ผลิตยานยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยไร้คนควบคุมหรือขับเคลื่อนอัตโนมัติได้ระดมเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อทำตามคำมั่นสัญญาที่ว่าจะพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้นำอุตสาหกรรมและผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเทคโนโลยีดังกล่าวอาจต้องอาศัยการควบคุมของมนุษย์ตลอดไป
ทั้งนี้ กลุ่มผู้สนับสนุนรถยนต์ไร้คนขับหรือ AV กล่าวว่าคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีหุ่นยนต์จะช่วยลดจำนวนอุบัติเหตุจราจร แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำให้รถยนต์ไร้คนขับปลอดภัยกว่ารถยนต์ที่มนุษย์ขับเองนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน โปรแกรมของรถที่ขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้นไม่สามารถคาดการณ์และรับรู้ถึงความเสี่ยงได้ทันท่วงทีเหมือนกับมนุษย์
เมื่อ Kyle Vogt ผู้บริหาร Cruise บริษัทในเครือ General Motors (GM) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกัน ถูกถามว่าเขาเชื่อว่าจะสามารถผลิตยานพาหนะที่ไร้มนุษย์ควบคุมได้หรือไม่ ซึ่งตัวเขาเองก็ได้ตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าของเป้าหมายดังกล่าว และว่า ในเมื่อเราสามารถทำให้ลูกค้าสบายใจที่รู้ว่ามีมนุษย์คอยช่วยอยู่เหลือเสมอหากจำเป็น เขาก็ไม่รู้ว่ากำจัดสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร
อย่างก็ตาม GM ได้เรียกคืนและอัปเดตซอฟต์แวร์ในรถยนต์ไร้คนขับ 80 คันในเดือนนี้ หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุในเดือนมิถุนายน ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายจากอุบัติเหตุในซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยของสหรัฐฯ กล่าวว่า ซอฟต์แวร์ที่ถูกเรียกคืนอาจ คาดการณ์เส้นทางของยานพาหนะที่กำลังมาถึงได้ไม่ถูกต้อง Cruise กล่าวว่า ยานพาหนะเหล่านั้นจะไม่เกิดความผิดพลาดแบบเดิมอีกหลังจากการได้รับการแก้ไขแล้ว
สำหรับบางคน การที่มีมนุษย์ควบคุมยานพาหนะทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้มากขึ้น และยานพาหนะไร้คนขับทั้งหมดนั้นยังมีความล้าหลังในการพัฒนาตามที่ผู้นำในอุตสาหกรรมได้ให้คำมั่นไว้
Vogt กล่าวว่า ในปี 2018 GM ได้ขออนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งจะไม่มีพวงมาลัยหรือเบรกหรือคันเร่ง โดยจะออกสู่ตลาดในปี 2019 แต่ตอนนี้คาดว่ารถยนต์รุ่นดังกล่าวซึ่งก็คือ Cruise Origin จะยังไม่เริ่มผลิตจนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 2023
ในปี 2019 Elon Musk ผู้บริหาร Tesla สัญญาว่าจะมีรถยนต์อัตโนมัติใช้ 1 ล้านคันภายในปี 2020 แต่รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบของบริษัทของเขาได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากใช้มนุษย์เป็นผู้ควบคุม
ในเดือนมิถุนายน Musk กล่าวว่าการผลิตรถยนต์ไร้คนขับนั้นยากกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก
Mike Wagner แห่ง Edge Case Research ซึ่งช่วยบริษัทที่ผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในการวิเคราะห์ความเสี่ยงกล่าวว่า หากบริษัทเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จในอีกสองปีข้างหน้า ก็จะไม่มีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติอีกต่อไป
ปัจจุบัน บริษัทที่ผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติหลาย ๆ บริษัทใช้มนุษย์เป็นผู้ควบคุมในระยะไกล เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือบบรรดารถยนต์ไร้คนขับ ในการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันบนท้องถนน ซึ่งอาจรวมถึงการปิดถนนเพื่อซ่อมแซม หรือการกระทำต่าง ๆ ที่คาดเดาไม่ได้โดยคนขับหรือคนเดินถนน
Vogt กล่าวต่อไปว่ารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของทางบริษัทที่อยู่บนท้องถนนในซานฟรานซิสโกในปัจจุบันพึ่งพามนุษย์น้อยกว่า 1% แต่หากรถยนต์ดังกล่าวมีจำนวนหลายพันหรือหลายล้านคัน ก็อาจทำให้ต้องเสียเวลามากมายบนท้องถนนเพื่อรอคำแนะนำจากมนุษย์
Chris Borroni-Bird ผู้เชี่ยวชาญซึ่งเคยทำงานเกี่ยวกับยานยนต์ไร้คนขับที่ GM และ Waymo กล่าวว่า ระบบอัตโนมัติไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับคน เพราะความตระหนักรู้และอัลกอริทึมในการคาดการณ์ของระบบนั้นไม่ดีเท่ากับวิธีที่สมองของมนุษย์ประมวลผลและตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น การที่มนุษย์ที่เห็นลูกบอลกลิ้งไปตามถนนก็มักจะรับรู้ได้ทันทีว่าเด็กอาจกำลังไล่ตามลูกบอลนั้น แต่รถยนต์ระบบอัตโนมัติจะไม่สามารถรับรู้ในเรื่องนี้ ดังนั้นคนขับที่เป็นมนุษย์จะลดความเร็วได้รวดเร็วกว่า
และว่าเขากังวลว่าบริษัทที่ผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติ จะเร่งนำรถยนต์ออกสู่ตลาดโดยที่ไม่ได้พิสูจน์ว่ามีความปลอดภัยมากกว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยมนุษย์หรือไม่
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รู้จัก “ซูเปอร์ฟู้ด” และประโยชน์สำคัญที่ทำให้คนญี่ปุ่นนิยมมากๆ
หากพูดถึงเรื่องการดูแลสุขภาพก็ต้องยกให้คนญี่ปุ่น ที่ขยันหาความรู้และอาหารที่ดีต่อสุขภาพมารับประทานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย มารู้จักซูเปอร์ฟู้ดในความหมายของคนญี่ปุ่น และอาหารที่คนญี่ปุ่นให้การยอมรับว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดจริงๆ กัน
“ซูเปอร์ฟู้ด” ในความหมายของคนญี่ปุ่น
ซูเปอร์ฟู้ดเป็นคำนิยามของอาหารซึ่งมีสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายสูงมากแม้จะรับประทานในปริมาณเพียงเล็กน้อย เป็นอาหารที่คนในท้องถิ่นนิยมรับประทาน และได้ผ่านการศึกษาข้อมูลมาอย่างดีแล้วว่าปลอดภัยต่อสุขภาพในการนำมารับประทานในชีวิตประจำวัน
อาหารที่คนญี่ปุ่นจัดว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดและคุณค่าสารอาหาร
- มะพร้าว (Coconut)
มะพร้าวอุดมไปด้วยแร่ธาตุได้แก่ โพแทสเซียม ธาตุเหล็กและแมกนีเซียม และเส้นใยอาหาร การรับประทานมะพร้าวในปริมาณที่พอเหมาะเป็นประจำจะช่วยให้สิ่งแวดล้อมในลำไส้ดีขึ้นและช่วยลดการบวมน้ำของร่างกายได้ด้วย
- ผักเคล (Kale)
ผักเคลหรือผักคะน้าใบหยิกเป็นผักในตระกูลผักกาดที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ บีต้า แคโรทีน วิตามินอี วิตามินซี และลูทีน
- หัวบีท (Beets)
หัวบีทอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ซึ่งช่วยลดความดันโลหิต เส้นใยอาหารและน้ำตาลโอลิโกแซคคาไรด์ ซึ่งช่วยควบคุมสภาพแวดล้อมในลำไส้ให้ดี และโพลีฟีนอลซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง
- อะโวคาโด (Avocado)
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ได้แก่ วิตามินอี วิตามินเอ บีต้า แคโรทีน โฟเลท โพแทสเซียม และกรดไขมันดีชนิดไม่อิ่มตัว ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและป้องกันโรคหัวใจได้
- โกจิเบอร์รี่ (Goji berry) หรือเก๋ากี้
เก๋ากี้อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 3 วิตามินอี บีต้า แคโรทีน และโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความแก่และป้องกันโรคที่เกิดจากการดำเนินชีวิตประจำวันได้ดี
- ข้าวสีดำ (Black rice)
ข้าวสีดำประกอบไปด้วยแอนโทไซยานินในปริมาณที่สูง สารชนิดนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยชะลอความแก่ และป้องกันโรคที่เกิดจากการดำเนินชีวิตประจำวันได้ดี
- ต้นอ่อนบรอกโคลี (Broccoli sprouts)
ต้นอ่อนบรอกโคลีอุดมไปด้วยสารซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) ซึ่งช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี และมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคที่เกิดจากการดำเนินชีวิตประจำวัน
- โทงเทงฝรั่ง หรือโกลเด้นเบอร์รี่ (Golden berry)
โทงเทงฝรั่งเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน น้ำตาลอินโนซิทอล (Inositol) และเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในร่างกาย เหมาะสำหรับคนที่อยู่ในช่วงการลดน้ำหนัก
- พุทราจีน (Jujube)
พุทราจีนมีเส้นใยอาหารมากกว่าโกโบ หรือราก Burdock ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งเส้นใยอาหารถึง 2 เท่า อีกทั้งยังอุดมไปด้วยสารซาโปนิน ซึ่งช่วยกดการสะสมของไขมันในร่างกายได้ดี
- ข้าวบาร์เลย์ (Barley)
ข้าวบาร์เลย์อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ จึงช่วยกดการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของน้ำตาลในเลือด และทำให้รู้สึกอิ่มนาน
- เมล็ดกัญชง (Hemp seeds)
เมล็ดกัญชงอุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็น คือ กรดไขมันโอเมก้า 3 และกรดไขมันโอเมก้า 6 ในสัดส่วนที่ดีต่อร่างกาย อีกทั้งยังอุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพสูงและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย
มีซูเปอร์ฟู้ดหลายชนิดที่หาซื้อได้ง่ายในเมืองไทย ลองหาซื้อมารับประทานกันนะคะ ทั้งนี้การรับประทานเพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายสูงสุดคือการรับประทานอย่างสม่ำเสมอในปริมาณที่ไม่มากเกินไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 14/10/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,950.00 | 30,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,940.00 | 29,410.40 | 30,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,746.00 | 26,469.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,552.00 | 23,528.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 873.00 | 13,234.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 679.00 | 10,293.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,010.00 | 30,471.60 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/10/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.15 | 35.15 | 35.45 | 35.35 | 35.35 | 35.15 | 35.15 | 35.15 | 35.35 | 35.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.88 | 34.88 | 35.18 | 35.08 | 35.08 | 34.88 | 34.88 | 34.88 | 35.08 | 34.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.04 | 34.04 | 34.34 | 34.24 | 34.24 | – | 34.04 | 34.04 | 34.24 | 34.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.44 | 32.44 | – | – | – | – | – | – | – | 32.44 |
เบนซิน 95 | 42.56 | – | – | – | 43.21 | – | 43.06 | 43.06 | – | 42.56 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | – | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | 34.24 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 43.96 | 43.96 | 43.96 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 43.66 | 43.66 | – | – | – | – | – | – | – | 43.66 |