พฤกษา” โชว์ผลประกอบการ 9 เดือนแรก ปี 2566 กำไรสุทธิ 2,082 ล้าน โต30%
พฤกษา โฮลดิ้ง หรือ PSH โชว์ผลประกอบการ 9 เดือนแรก ปี 2566 กำไรสุทธิ2,082 ล้านเติบโต 30% เทียบช่วงเดียวกัoปี65 รายได้โตที่ 9% ธุรกิจเฮลท์แคร์ มีรายได้ 9 เดือนแรก 1,325 ล้านโต 71% เมื่อช่วงเดียวกันปี65 มาจากรายได้ที่ไม่รวมโควิดโต 102%
ผลประกอบการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เริ่มทยอยออกมาสร้างผลกำไรสุทธิ อู่ฟู่ไปตามๆกัน ล่าสุด“พฤกษา โฮลดิ้ง” โชว์ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ปี 2566 ทำกำไรสุทธิ 2,082 ล้านบาท เติบโต 30% มีรายได้รวม 19,900 ล้านบาท เติบโต 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ปี 2566 ว่า พฤกษา โฮลดิ้ง หรือ PSH ทำรายได้รวม 19,900 ล้านบาท เติบโต 9% มาจากการโอนบ้านเดี่ยวและคอนโดที่ดีขึ้น และรายได้ของกลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมกับรายได้อื่น ๆ ที่มาจากการปรับโครงสร้างของทั้งธุรกิจอสังหาฯ และธุรกิจเฮลท์แคร์ ให้เป็นหน่วยสร้างกำไร มีกำไรสุทธิ 2,082 ล้านบาท เติบโต 30%
เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2565 ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีกำไร 80 ล้านบาท จากการโอนกิจการ แลปพลัส วัน ในเครือ รพ. เทพธารินทร์ ให้แก่ อินโนเควสท์ ไดแอคโนสติกส์ วัน ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง PAH (Thailand) Pte. Ltd. และ รพ. วิมุตโฮลดิ้ง นอกจากนี้ ล่าสุดจับมือกับพันธมิตรธุรกิจแคปปิตอลแลนด์อินเวสเม้นท์ลิมิเต็ด(CapitaLand Investment Limited)ยักษ์ใหญ่ด้านจัดการการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก จัดตั้งกองทุน C-WELL เดินหน้าลงทุนสินทรัพย์เพื่อส่งเสริมสุขภาพและการอยู่อาศัย “อยู่ดี มีสุข”
พร้อมขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มูลค่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มสัดส่วนสร้างรายได้ประจำ (Recurring income) รวมถึงรายได้จากการให้บริการโดย รพ. วิมุต และยังสนับสนุนธุรกิจอสังหาฯ จากการนำที่ดินที่มีอยู่ในมือเข้ากองทุนเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งเสริมการดูแลสุขภาพ และสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในภูมิภาคนี้
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มียอดขาย 9 เดือนแรก 14,241 ล้านบาท มียอดโอน 16,985 ล้านบาท มีโครงการที่เปิดขายอยู่มูลค่ารวม 62,166 ล้านบาท ซึ่งพร้อมขายและสามารถโอนได้ทันที 10,895 ล้านบาท และมียอดขายรอโอนอีกกว่า (Backlog) 5,039 ล้านบาท
ส่วนในไตรมาส 4 มีแผนเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการ ดึงจุดแข็งธุรกิจในเครือ สร้างการอยู่อาศัยให้ “อยู่ดี มีสุข” โดยผนวกความเชี่ยวชาญระหว่างธุรกิจร่วมกับโรงพยาบาลวิมุต และ ซินเนอร์จี โกรท ล่าสุด เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ เดอะแพลนท์ บางนา กม.5 – ศรีนครินทร์ บ้านแฝด 2 ชั้น สไตล์ Modern Barn House มอบสิทธิประโยชน์ในการใช้บริการแก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการจากที่โรงพยาบาลวิมุตและเครือ และซินเนอร์จี โกรท ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน MyHaus
ที่ควบคุมการเข้าถึงอุปกรณ์ภายในบ้านผ่านมือถือ การสั่งเปิด – ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านมือถือ การตรวจเช็กประวัติการเข้าออก การแจ้งเตือนความปลอดภัย นอกจากนี้ โครงการยังให้ความสำคัญกับการออกแบบเพื่อความยั่งยืน เช่น ออกแบบบ้านแบบ Passive Design เพื่อช่วยระบายอากาศ ปูฉนวนหลังคาป้องกันความร้อน มีการใช้โซล่าเซลล์ และใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเปิดพรีเซลในวันที่ 25 – 26 พ.ย. นี้
ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ มีรายได้ 9 เดือนแรกราว 1,325 ล้านบาท เติบโต 71% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2565 มาจากรายได้ที่ไม่รวมโควิดเติบโตขึ้น 102% รวมกับรายได้จากโรงพยาบาลเทพธารินทร์ รักษาโรคที่มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นพร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทั้งในแผนกศัลยกรรม กระดูกและข้อ รวมถึงหัวใจ ขณะเดียวกันกลุ่มวิมุตมีความมุ่งมั่นขยายการให้บริการตรวจสุขภาพกับบริษัทขนาดใหญ่และบริษัทประกัน พร้อมนำเสนอบริการเทเลเมดิซีนและการให้บริการถึงบ้าน
เพื่อให้เป็นที่รู้จักและสร้างรายได้เพิ่มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ การขยายความร่วมมือกับโรงพยาบาลรามาธิบดี เพิ่มทางเลือกและการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ 17 แพ็คเกจ อาทิ แพ็คเกจผ่าตัดถุงน้ำดี ผ่าตัดมดลูก เต้านม ก้อนเนื้อที่รังไข่ ซ่อมแซมไส้เลื่อน ผ่าตัดริดสีดวงทวาร เปลี่ยนข้อเข่าเทียม ผ่าตัดก้อนหรือผิวหนัง เป็นต้น ซึ่งมีการส่งต่อคนไข้จากโครงการความร่วมมือเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา สร้างฐานลูกค้าที่ส่งต่อจากโรงพยาบาลรัฐเข้ามาเพิ่มขึ้น รวมถึงเร่งมือขยายการรองรับทยอยเพิ่มเตียงสำหรับผู้ป่วยใน เป้าหมายทั้งสิ้น 60 เตียงจนถึงต้นปีหน้า
“นอกจากนี้ ด้วยความมุ่งมั่นสร้างสรรค์เพื่อส่งมอบการอยู่อาศัยที่ดี ควบคู่ไปกับการใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่‘พฤกษา โฮลดิ้ง’ ได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ให้อยู่ในรายชื่อ ‘หุ้นยั่งยืน’ โดยได้รับการคัดเลือกต่อเนื่องถึง 8 ปีซ้อน สะท้อนความใส่ใจด้านการให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจตามกรอบแนวคิดการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน ในเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, Governance: ESG) อย่างต่อเนื่อง มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ” นายอุเทนกล่าวเสริม
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วีรันดาชี้โรงแรม-รีสอร์ทไตรมาส4คึกคักรับไฮซีซั่น
‘วีรันดา’ มั่นใจธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทไตรมาส4คึกคักรับไฮซีซั่นเตรียมโอนโครงการ ‘วีรันดา พูลวิลล่า หัวหิน ชะอำ’ หนุนรายได้อสังหาฯสิ้นปีหลังไตรมาส3ผลงานชะลอตัวชี้เป็นโลว์ซีซั่นและปรับโครงสร้างร้านอาหาร
นายภวัฒก์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของไทยในไตรมาส 3 ปี 2566 ได้รับผลกระทบจากการธุรกิจท่องเที่ยวไทยยังมีปัจจัยลบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังเดินทางมายังประเทศไทยน้อยกว่าคาดประกอบกับ VRANDA อยู่ในช่วงปรับโครงสร้างธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มซึ่งจะแล้วเสร็จในสิ้นปี 2566 นี้
อย่างไรก็ตามจากโดยสถิตินักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยของ ททท. ในช่วง 9 เดือนแรก 19 ล้านคน โดยตั้งเป้าไว้ที่ 28 ล้านคน ซึ่งมั่นใจได้ว่าในไตรมาส 4/66 ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวที่จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก อาทิ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่เช่าเครื่องบินเหมาลำเดินทางมาประเทศไทย ฯลฯ เสริมให้ภาพรวมธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทกลับมาคึกคัก
ทั้งนี้ VRANDA ยังคงมีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยในไตรมาส 4/2566 จะเริ่มรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการวีรันดา พูลวิลล่า หัวหิน ชะอำ ด้านการเปิดขาย ‘โครงการวีรันดา วิลล่า แอนด์ สวีท ภูเก็ต’ ประกอบด้วย วิลล่า 6 หลัง และคอนโดมิเนียม 12 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมประมาณ 850 ล้านบาท ที่มียอดจองแล้วกว่า 70%
รวมทั้งยังได้ประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยของภาครัฐ อาทิ มาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจากจีน คาซัคสถาน อินเดีย และใต้หวัน ล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีนโยบายผลักดันรายได้การท่องเที่ยวไทยจากตลาดยุโรปให้มากกว่า “5 แสนล้านบาท” ภายในปี 2567 ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท รวมถึงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ VRANDA
สำหรับผลการดำเนินงานของ VRANDA ในช่วง 9 เดือนปี 2566 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้รวม 1,026 ล้านบาท มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 219 ล้านบาท โดยมีขาดทุนสุทธิ 28 ล้านบาท
มีสาเหตุหลักจาก VRANDA อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มซึ่งจะสิ้นสุดภายในปีนี้ ขณะที่ไตรมาส 3/2566 มีรายได้รวม 329 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 20 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซันและอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 60 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 15พ.ย. “แข็งค่า”ที่ระดับ 35.53 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นต่อได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาดีกว่าคาด หนุนให้ ทั้งเงินหยวน รวมถึงสกุลเงินฝั่งเอเชียแข็งค่าขึ้น
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 15พ.ย.2566ที่ระดับ 35.53 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.06 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา นั้น “เร็ว” “แรง” กว่าที่เราประเมินไว้มาก (เราคาดว่า เงินบาทอาจติดอยู่แถวโซนแนวรับ 35.85 บาทต่อดอลลาร์)
ทำให้เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจชะลอลงได้บ้าง ซึ่งสอดคล้องกับสัญญาณเชิงเทคนิคัลใน Time Frame ระยะสั้น
อย่างไรก็ดี ในช่วงระหว่างวัน เงินบาทก็อาจแข็งค่าขึ้นต่อได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาดีกว่าคาด และหนุนให้ ทั้งเงินหยวน รวมถึงสกุลเงินฝั่งเอเชียแข็งค่าขึ้น
นอกจากนี้ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็อาจกลับมาเป็นฝั่ง “ซื้อสุทธิ” ได้ โดยเฉพาะในฝั่งตลาดบอนด์ หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวลงหนักในช่วงคืนที่ผ่านมา
ขณะที่ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นอาจยังมีความผันผวนและมีทิศทางไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ หากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซนแนวรับหลัก 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ เราประเมินว่า โซนแนวรับถัดไป อาจอยู่ในช่วง 35.30 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งต้องรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของจีน รวมถึง รายงานข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ในคืนนี้ แต่หากเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง เราประเมินว่า เงินบาทก็อาจติดโซนแนวต้านแถว 35.80 บาทต่อดอลลาร์
ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.40–35.65 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จนใกล้โซนแนวรับหลัก 35.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในช่วง 35.51-36.10 บาทต่อดอลลาร์) หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
พร้อมกลับมาเชื่อว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และเฟดอาจลดดอกเบี้ยลงราว -1% ในปีหน้า ซึ่งมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดได้ส่งผลให้ ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ดิ่งลงหนัก หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรง ใกล้โซนแนวต้านสำคัญ จนผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ โดยโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ เดือนตุลาคม ที่ชะลอลงต่อเนื่องและออกมาต่ำกว่าคาด ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ส่งผลให้บรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ต่างปรับตัวขึ้นแรง อาทิ Tesla +6.1%, Nvidia +2.1% ซึ่งทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้น +2.37%
ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.91% ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดยังคงจับตาประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ว่าสภาคองเกรสจะสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณได้ทันภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน นี้หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Government Shutdown
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นกว่า +1.34% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth อาทิ Adyen +5.1%, Hermes +2.8%เช่นเดียวกันกับฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นยุโรปก็ได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในช่วงนี้ ที่ออกมาดีกว่าคาด
ในฝั่งตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่กลับมาเชื่อว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว และเฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนมิถุนายนปีหน้า จนไปจบที่ระดับ 4.25%-4.50% ณ สิ้นปีหน้า หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ นั้นออกมาต่ำกว่าคาด ได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวลงหนัก สู่ระดับ 4.44%
อนึ่ง ในระยะสั้น เราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจมีโอกาสผันผวนสูงขึ้นได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากนี้ ออกมาดีกว่าคาด หรือ บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างย้ำจุดยืนสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ทว่า เราคงแนะนำให้ รอจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ในการทยอยเข้าซื้อเหมือนเดิม
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงหนัก เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุด ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดลดความกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด “Higher for Longer” พร้อมลดสถานะการถือครองเงินดอลลาร์ โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ดิ่งลงหนักใกล้ระดับ 104 จุด (กรอบ 104-105.6 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คลายกังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งส่งผลให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ต่างปรับตัวลดลงหนัก ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) พุ่งขึ้นแรง กลับสู่โซนแนวต้าน 1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำก็ถูกจำกัดไว้ หลัง บรรยากาศในตลาดการเงินก็กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง อีกทั้งปัจจัยเสี่ยงสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ก็ลดลงไปมากแล้ว ทำให้ผู้เล่นในตลาดใช้จังหวะการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในการทยอยขายทำกำไร ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าว ก็มีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน (ช่วง 9.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า เศรษฐกิจจีนแม้จะมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ในเดือนตุลาคม
สะท้อนผ่านยอดค้าปลีกที่อาจโต +7.7%y/y ส่วนยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) และยอดการลงทุนสินทรัพย์ถาวร (Fixed Assets Investment) อาจขยายตัว +4.5% และ +3.1% ตามลำดับ โดยหากรายงานข้อมูลดังกล่าวออกมาดีกว่าคาด ก็อาจส่งผลให้เงินหยวนจีน รวมถึงสกุลเงินฝั่งเอเชีย สามารถทยอยแข็งค่าขึ้นได้
ถัดมาในช่วงบ่าย ราว 14.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI อังกฤษ ในเดือนตุลาคม โดยหากอัตราเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่อง ก็อาจเป็นสัญญาณว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีแนวโน้มที่จะจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้วเช่นกัน หลังภาพรวมเศรษฐกิจก็มีการชะลอตัวลงมากขึ้น
และอีกไฮไลท์สำคัญ ที่อาจส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนได้ จะอยู่ในช่วงราว 20.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม ซึ่งหากออกมาแย่กว่าคาด
โดยเฉพาะในส่วนของยอดค้าปลีกพื้นฐานและ Control Group ก็จะสะท้อนภาพการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งเชื่อว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ว่าสภาคองเกรสจะสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะ Government Shutdown ได้หรือไม่ พร้อมกับรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีก อาทิ Target, TJ Max ซึ่งจะช่วยสะท้อนภาพการใช้จ่ายในฝั่งสหรัฐฯ ได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.52-35.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.05 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ … เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางแรงเทขายเงินดอลลาร์ฯ อย่างหนัก หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดมาก โดยภายหลังการรายงานตัวเลขดังกล่าว ตลาดเทมุมมองไปที่โอกาสที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมในหลายๆ รอบการประชุมถัดไป
นอกจากนี้เครื่องชี้เศรษฐกิจจีนเดือนต.ค. ที่ออกมาดีกว่าที่คาด ก็หนุนค่าเงินหยวนและ sentiment ของสกุลเงินเอเชียในภาพรวมด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ Headline CPI +0.0% MoM, +3.2% YoY ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 0.1% MoM, +3.3% YoY ขณะที่ Core CPI +0.2% MoM, +4.0% YoY ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 0.3% MoM, +4.1% YoY
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.40-35.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินเอเชีย ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3/66 ของญี่ปุ่น (Prelim.) ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค.ของจีน ท่าทีของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงตัวเลขยอดค้าปลีกและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
รู้จัก “ลิ่มเลือดอุดตันในปอด” อันตรายถึงชีวิตโดยไม่รู้ตัว
“ลิ่มเลือดอุดตันในปอด” ภาวะที่อันตรายถึงชีวิต แต่ชื่อไม่ค่อยคุ้นหู คุณมีความเสี่ยงหรือเปล่า?
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด คืออะไร?
อ. นพ.วิรัช ตั้งสุจริตวิจิตร สาขาวิชาโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดมักเกิดจากลิ่มเลือดที่อุดตันบริเวณหลอดเลือดขา ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่เชื่อมต่อกับหัวใจข้างขวาและปอด จากนั้นลิ่มเลือดได้มีการหลุดไปอุดตันที่ปอดตามลำดับ
และโดยส่วนมากลิ่มเลือดอุดตันมักเกิดที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งก่อนเข้าสู่ปอด เช่น ปัจจุบันมีการใส่สายเข้าไปในร่างกายเพื่อให้ยาทางหลอดเลือดดำใหญ่ อาจเกิดลิ่มเลือดที่แขนได้ แต่น้อยรายที่ลิ่มเลือดจะเข้าสู่ปอดทันทีโดยไม่พบลิ่มเลือดที่บริเวณอื่น
สาเหตุของภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด
- เคยได้รับการผ่าตัด ทำให้ต้องนอนนิ่งเป็นเวลานาน
- ป่วยเป็นมะเร็งบางชนิด
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางประเภท
- โรคทางพันธุกรรม
แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นได้เองโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัดเช่นกัน
กลุ่มเสี่ยงภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด
- ผู้ที่สูบบุหรี่ มีผลต่อหลอดเลือดโดยตรง อาจทำให้หลอดเลือดบาดเจ็บ เสี่ยงต่อลิ่มเลือดอุดตันได้
- ผู้ที่ไม่เคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลานาน
อาการของภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด
เป็นเรื่องอันตรายที่ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการปรากฏให้เห็น ผู้ป่วยจะทราบว่าตัวเองมีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดเมื่อมาพบแพทย์ด้วยอาการชัดๆ 2 อย่าง คือ
- เหนื่อย หอบ ระดับความเหนื่อยของผู้ป่วยแต่ละรายจะแตกต่างกันออกไปตามความรุนแรงของอาการหรือปริมาณลิ่มเลือดที่อุดตันว่ามากหรือน้อยแค่ไหน และมักมีอาการเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ หรือเหนื่อยในช่วงที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำเป็นประจำแต่เหนื่อยมากกว่าปกติ เช่น เดินขึ้นบันไดในบ้าน
- ขาบวม พบได้ในบางราย เกิดจากลิ่มเลือดอุดตันบริเวณหลอดเลือดขา
อันตรายของภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด
ผู้ป่วยที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด อาจทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ลดลง และอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนี้
- เหนื่อย หอบ ทำกิจกรรมประจำวันต่างๆ ได้แย่ลง
- หากรักษาไม่ดี อาจทำให้ความดันในหลอดเลือดแดงที่ปอดสูงได้
- ร่างกายบวม หัวใจข้างขวาล้มเหลวเรื้อรัง
- ในรายที่ผนังกั้นหัวใจทำงานผิดปกติหรือรั่ว อาจส่งผลให้ลิ่มเลือดอุดตันข้ามไปยังสมองได้ เนื่องจากหลอดเลือดดำจากปอดมีการเชื่อมต่อไปที่สมองด้วย
- เสียชีวิต กรณีที่วินิจฉัยผิดพลาดและรักษาไม่ถูกกับโรค หรือรักษาลิ่มเลือดอุดตันในปอดไม่ทันเวลา
ผู้ป่วยภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดบางรายเสียชีวิต เพราะได้รับการรักษาไม่ทันเวลา เนื่องจากผู้ป่วยบางรายมีอาการแต่ไม่ได้พบแพทย์ทันที เช่น บางรายคิดว่าเป็นอาการเหนื่อยตามวัย จึงละเลยที่จะไปพบแพทย์ ทำให้การรักษาล่าช้าออกไป ดังนั้นควรรีบพบแพทย์ทันทีเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้น
วิธีรักษาภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด
หากเกิดขึ้นฉับพลับ ระดับสัญญาณชีพไม่คงที่ แพทย์จะใช้ยาละลายลิ่มเลือดในการรักษา
หากมีอาการแต่ภาวะยังไม่เข้าขั้นวิกฤต แพทย์จะใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดในการรักษา
วิธีป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด
จริงๆ แล้วภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่มีวิธีป้องกันโรคที่สำคัญอยู่ คือ ลดปัจจัยที่ควบคุมได้ เช่น หากนอนนานให้พยายามเคลื่อนไหวให้มากขึ้น หากหลอดเลือดมีความหนืดควรดื่มน้ำมากๆ เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ได้คู่ชกใหม่! “โจ ณัฐวุฒิ” เปิดตำรามวยไทยวัดใจ “ลุค ลิสซีย์” ศึก ONE Fight Night 17
“โจ ณัฐวุฒิ” นักชกจอมเก๋าขวัญใจชาวไทย มีอันต้องเปลี่ยนคู่ชกใหม่เป็น “ลุค ลิสซีย์” น้องใหม่จากสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ “นิคลาส ลาร์เซน” คู่ชกคนเดิมจากเดนมาร์กขอถอนตัว โดยจะชกกันในกติกามวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) ในศึก ONE Fight Night 17 ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับเวลา 08:00 น. ของวันเสาร์ที่ 9 ธ.ค. 66
สำหรับ “โจ ณัฐวุฒิ” ยอดฝีมือวัย 34 ปี จากนครราชสีมา ที่ไปสร้างชื่อโด่งดังที่สหรัฐอเมริกามานานหลายปี ถือเป็นอีกหนึ่งนักชกตัวท็อปรุ่นเฟเธอร์เวต และมีประสบการณ์เจนจัดทั้งในกติกามวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง การันตีฝีมือด้วยตำแหน่งแชมป์โลก Lion Fight ถึงสองรุ่น
โดยไฟต์ล่าสุด “โจ” รับอาสาเป็นมวยขัดตาทัพเผชิญหน้ากับ “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” ราชัน ONE มวยไทย ที่พลิกตำรามาสู้ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง แม้จะตกเป็นฝ่ายพ่ายคะแนนเอกฉันท์ แต่ไฟต์ดังกล่าว “โจ” ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ด้วยฟอร์มการชกที่เปิดเกมแลกเดือดชนิดที่ไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีเจ้าบัลลังก์มวยไทยเลยแม้แต่น้อย ส่งให้เขาพุ่งทะยานขึ้นรั้งตำแหน่งผู้ท้าชิงอันดับ 4 ของแรงกิง ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ในปัจจุบัน
ขณะที่คู่ชกรายใหม่อย่าง “ลุค ลิสซีย์” นักชกวัย 27 ปี จากสหรัฐอเมริกา เจ้าของฉายา “เดอะเชฟ” ถือเป็นนักชกที่มีประวัติไม่ธรรมดา พ่อของ “ลุค” เป็นนักมวยไทย และยังเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนง เขาถ่ายทอดวิชาคาเราเต้ให้กับลูกชายเมื่อวัย 4-5 ขวบ จากนั้น “ลุค” เริ่มรู้จักมวยไทย ได้หัดเตะต่อยกระสอบทราย ก่อนขยับขยายความสามารถของเขาเข้าสู่สังเวียนสมัครเล่น และเก็บประสบการณ์อย่างช่ำชอง
ด้วยความชำนาญการชกของ “ลุค” หลังจากเขาตัดสินใจเทิร์นโปรในปี 2564 เขาก็คว้าฟาสแทร็กซ์ขึ้นเป็นตัวท็อปแรงกิงของรุ่นในอเมริกา ด้วยการพิสูจน์ว่าเขาสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น และปิดเกมคู่แข่งทุกคนแบบไม่ครบยก แถมพกดีกรีคาราเต้สายดำติดตัวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม “โจ ณัฐวุฒิ” ถือเป็นคู่ต่อกรอันตรายที่สุดที่ “ลุค” เคยเจอ และจะเป็นบททดสอบวิชามวยไทยชั้นยอด หาก “ลุค” ผ่านด่านนี้ไปได้ โอกาสการขึ้นเป็นผู้ท้าชิงขององค์กรศิลปะการต่อสู้ระดับโลกก็อยู่ไม่ไกล
แฟนกีฬาสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR และติดตามข่าวสารอัปเดตของศึกนี้ได้ที่เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand, เว็บไซต์ ONEFC.com และอินสตาแกรม ONEChampTh
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทำความรู้จัก Direct Speech และ Indirect Speech คืออะไร?
เรื่องเกี่ยวกับ Direct และ Indirect Speech เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำเอาหลายคนยังงงๆ กับการใช้อยู่ แต่รู้ไหมว่าถ้าเราเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วล่ะก็ เราจะสามารถเล่าเรื่อง ถ่ายทอด หรืออ้างอิงเรื่องราวต่างๆ ที่คนอื่นพูดขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นด้วยล่ะ ถ้าอย่างงั้นอย่ารอช้า เรามาทำความรู้จักกับ Direct และ Indirect Speech กันดีกว่า
Direct Speech
Direct speech คือ การยกเอาคำพูดของคนอื่นมาพูดซ้ำอีกครั้งแบบตรงๆ โดยไม่มีการต่อเติม หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประโยค โดยสิ่งที่พูดถึงอาจจะเป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือจะเป็นการเล่าเรื่องให้คนอื่นฟังทีหลังก็ได้ ซึ่งในการเขียนประโยคภาษาอังกฤษเราจะใส่เครื่องหมายคำพูด หรือ เครื่องหมาย Quotation mark แบบนี้ “…..” เอาไว้ ตัวอย่างเช่น
John said, “I like biology.” หรือจะสลับตำแหน่งเป็น “I like biology,” John said
*ข้อสังเกต* หลังประโยคหลักที่บ่งบอกว่าใครเป็นผู้พูดจะถูกคั่นด้วยเครื่องหมาย ( , ) comma เสมอและประโยคที่อยู่หลังเครื่องหมาย Quotation mark จะต้องขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ แต่ถ้าสลับตำแหน่งกันแบบในตัวอย่างข้างต้น ตัวเครื่องหมาย comma จะมาอยู่ก่อนปิดเครื่องหมาย quotation mark แล้วจึงตามด้วยผู้พูด
Indirect Speech
Indirect Speech คือ อีกรูปแบบหนึ่งของการนำเรื่องไปเล่าต่อ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของรูปประโยค ซึ่ง Indirect Speech สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- Indirect speech – statement คือ การรายงานประโยคแบบบอกเล่าหรือปฏิเสธ
- Indirect speech – commands, requests and suggestions คือ การรายงานประโยคที่เป็นประโยคขอร้อง ประโยคคำสั่ง หรือ ขออนุญาต
- Indirect speech – question คือ การรายงานประโยคที่เป็นคำถาม
หลักการเปลี่ยน Indirect Speech
หลังจากทำความรู้จัก Direct Speech และ Indirect Speech แล้ว เรามาดูกันต่อดีกว่าหลักการเปลี่ยนประโยคคำพูดให้เป็น Indirect Speech นั้นเป็นอย่างไรบ้าง
เปลี่ยน Direct statement (ประโยคบอกเล่าหรือปฎิเสธ) เป็น Indirect Speech
หลักการเปลี่ยนในข้อนี้คือ ตัดเครื่องหมาย ( , ) comma ออก เอาเครื่องหมายคำพูด Quotation mark ออก แล้วเติม that เข้าไปหลัง Reporting Verbs หรือจะใช้เป็นการเปลี่ยนคำระบุเวลาและสรรพนามให้เหมาะสม ตัวอย่างเช่น
She said, “I will submit my homework tomorrow.” (Direct speech)
She said she would submit her homework the following day. (Indirect speech)
เปลี่ยน Commands, requests and suggestions (คำสั่ง อนุญาต เสนอแนะ และขอร้อง) เป็น Indirect Speech
หลักการเปลี่ยนรูปประโยคในข้อนี้จะคล้ายกับ statement แต่จะต่างกันตรงที่มีการใช้กริยานำ อย่างคำว่า tell/told (บอก), order/ordered (สั่ง), ask/asked (ขอร้อง) และ command/commanded (สั่ง) เข้ามา แล้วเปลี่ยนสรรพนามให้เหมาะสม และหากมีคำว่า Please ในประโยคก็ให้ตัดออกด้วย ตัวอย่างเช่น
He asked, “Please let me go to the movie.” (Direct Speech)
He asked me to let her go to the movie. (Indirect Speech)
เปลี่ยน Direct Question (ประโยคคำถาม) เป็น Indirect Speech
หลักการเปลี่ยนประโยคำถามแบบ Yes/No Question ให้เป็น indirect speech ทำได้โดยการตัดดเครื่องหมาย ตัดเครื่องหมาย ( , ) comma ออก เปลี่ยนกริยานำ Reporting Verb จาก say, said, told เป็น ask, asked (ถาม), inquire, inquired of (สอบถาม)
ส่วนประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Verb to do, to have, to be, และกริยาช่วย (Auxiliary verbs) Will จะใช้ if, whether, whether…or not หรือ whether or not ในการเชื่อมประโยคแทน และจะไม่ใส่เครื่องหมาย ? ท้ายประโยค
และประโยคคำถามที่ขึ้นด้วย Wh-Questions อย่าง What, Where, When, Why, Who, Whom, Whose และ How สามารถใช้คำเหล่านี้เป็นตัวเชื่อมประโยคได้เลย ตัวอย่างเช่น
He asked, “Can I borrow your pen?” (Direct Speech)
He asked if he could borrow my pen (Indirect Speech)
Is he a doctor?(Direct Speech)
I don’t know if he is a doctor.. (Indirect Speech)
Who is she? (Direct Speech)
Do you know who she is? (Indirect Speech)
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
โนเกีย เผยกลยุทธ์เทคโนโลยี 2573: แนวโน้มเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นและผลกระทบต่อโครงข่าย
โนเกีย นำเสนอกลยุทธ์เทคโนโลยี 2573 ที่ระบุถึงเทรนด์และเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นอันมีผลต่อการกำหนดเทคโนโลยี เครือข่าย และโลกใบนี้ในอีกเจ็ดปีข้างหน้า
อ้างอิงจากรายงานด้านปริมาณการใช้งานเครือข่ายทั่วโลกปี 2573 ของโนเกีย (Nokia Global Network Traffic 2030 Report) ชี้ให้เห็นว่าปริมาณการใช้งานข้อมูลในเครือข่าย (Network traffic) กำลังเติบโตและจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงทศวรรษนี้
การขับเคลื่อนการเติบโตที่เป็นเทรนด์ล่าสุด อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning: ML) เทคโนโลยีความจริงขยาย (Extended reality: XR) คู่แฝดดิจิทัล (Digital twins) ระบบอัตโนมัติ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นดิจิทัลอีกนับพันล้านอย่าง
โดยการใช้ศักยภาพแบบทวีคูณของเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอนาคต เครือข่ายจำเป็นต้องปรับแต่งและเปลี่ยนแปลงด้วยการส่งมอบนวัตกรรมที่ยั่งยืน คงทน และเข้าถึงได้ ซึ่งล้วนต้องอาศัยเครือข่ายที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัย และมีความเฉลียวฉลาด
นิชันต์ ภัทรา ประธานเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยีของโนเกีย กล่าวว่า “กลยุทธ์เทคโนโลยี 2573 ของโนเกียเป็นการตอบสนองโดยตรงต่อความแพร่หลายของเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือความจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตอนนี้เพื่อพัฒนาเครือข่ายให้ตอบรับกับความท้าทายในอนาคตและที่จะเกิดต่อไปในวันข้างหน้า องค์กรต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมการสื่อสารต้องเผชิญกับเทรนด์สามประการที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่าง เอไอ คลาวด์ และวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของการเชื่อมต่อ
โดยกลยุทธ์เทคโนโลยี 2573 ของเราจะชี้ให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมเครือข่ายแห่งอนาคตสำหรับลูกค้าของเรารวมถึงภาคอุตสาหกรรม ที่จะนำมาซึ่งโอกาสสำหรับนวัตกรรม ความยั่งยืน ผลิตภาพ และความร่วมมือ ที่มีเพียงเครือข่ายที่เปี่ยมด้วยพลังแบบทวีคูณเท่านั้นที่จะสามารถทำให้มันเป็นจริงได้”
กลยุทธ์เทคโนโลยี 2573 ของโนเกีย ยังระบุถึงเทรนด์และเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นอันจะส่งผลกระทบต่อเครือข่ายของผู้ให้บริการ องค์กร และอุตสาหกรรมในช่วงทศวรรษนี้ รวมถึงวิธีการที่โนเกียจะให้ความช่วยเหลือในด้านการพัฒนาเครือข่าย โดยเทรนด์สำคัญที่มีอิทธิพลต่อกลยุทธ์เทคโนโลยี 2573 ของโนเกีย ได้แก่ เอไอ ระบบคลาวด์แบบครบวงจร (Cloud continuum) เมตาเวิร์ส เศรษฐกิจดิจิทัลด้วย API (API economy) อุตสาหกรรม 5.0 อินเทอร์เน็ตสร้างมูลค่า (Internet of Value) ความยั่งยืน และความปลอดภัย โดยเทรนด์ทั้งหมดเหล่านี้ต่างต้องอาศัยเครือข่ายที่มีการตอบสนองและความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม
ในรายงานด้านปริมาณการใช้งานเครือข่ายทั่วโลกในปี 2573 โนเกียแสดงให้เห็นว่าความต้องการด้านปริมาณการใช้งานข้อมูลของผู้ใช้ปลายทางจะเพิ่มขึ้นที่อัตราการเติบโตของพอร์ตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 22% ถึง 25% นับจากปี 2565 ตลอดไปถึงปี 2573 และความต้องการปริมาณการใช้เครือข่ายทั่วโลกถูกคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 2,443 ถึง 3,109 เอกซะไบต์ (EB) ต่อเดือนในปี 2573
กรณีที่มีอัตราการใช้งานของคลาวด์เกมมิ่งและ XR ที่สูงขึ้น ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษนี้ โนเกีย ระบุว่าอัตรา CAGR จะสูงถึง 32% และสำหรับเครือข่ายที่จะตอบรับกับความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เครือข่ายเหล่านั้นจะต้องมีความชาญฉลาดและเป็นอัตโนมัติยิ่งขึ้นผ่านการใช้ประโยชน์จาก AI และ ML ตลอดจนตอบสนองความต้องการและรูปแบบการดำเนินงานที่จะเปลี่ยนแปลงขององค์กรและลูกค้า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่าง XR และคู่แฝดดิจิทัล ผนวกเข้ากับ Web3 และนวัตกรรมอื่น ๆ ที่ได้รับการกล่าวขานมากมายกำลังถือกำเนิดขึ้น จะเป็นจุดเปลี่ยนให้กับธุรกิจ สังคม และโลกใบนี้
เจอร์รี่ แครอน หัวหน้าด้านการวิจัยและวิเคราะห์ระดับโกลบอล ของ โกลบอลดาต้า เทคโนโลยี กล่าวว่า “ภายในปี 2573 ความรุดหน้าของความล้ำสมัยด้านเทคโนโลยีที่เรากำลังประจักษ์กันอยู่ในขณะนี้จะเพิ่มปริมาณการใช้งานบนเครือข่ายอย่างมีนัยสำคัญ กลยุทธ์เทคโนโลยี 2573 ของโนเกีย เน้นความสำคัญกับการใช้งานเอไอ คลาวด์ การเชื่อมต่อ และเศรษฐกิจดิจิทัลด้วย API ซึ่งถือเป็นกรอบการทำงานแบบหนึ่งที่ผู้ให้บริการและองค์กรจะต้องยอมรับ อุตสาหกรรมผู้ให้บริการจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองจากการทำงานแบบเดิม ๆ ที่มีโครงสร้างบูรณาการแบบดั้งเดิมในแนวตั้งไปเป็นโครงสร้างการทำงานแห่งอนาคตที่เป็นโครงสร้างแบบแนวนอนและขับเคลื่อนด้วย API ที่จะช่วยในการส่งมอบบริการที่ยั่งยืน ง่ายดาย สามารถปรับเปลี่ยน มีความเป็นอัตโนมัติ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นได้ ทั้งนี้ โนเกียและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสากรรมนี้จะต้องแสดงให้เห็นว่าเข้าใจถึงปัญหาและศักยภาพด้วยแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถตามที่ระบุไว้ในกลยุทธ์เทคโนโลยี 2573 ของโนเกีย”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ 2566 อัปเดตความสวยงามของหุบเขาสีเหลือง หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ที่ศาลาแปดเหลี่ยมทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานพิธีเปิดงานเทศกาลดอกบัวตองบานบนดอยแม่อูคอ ประจำปี 2566 พร้อมด้วย นางจิราภรณ์ โมสิกรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีนายณรงค์พัชญ์ นาคทรัพย์ นายอำเภอขุนยวม และนายธารา ชมสมองเลิศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่อูคอ นำหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนชาว และนักท่องเที่ยว จำนวนมากร่วมพิธี ภายในงานมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น และการจำหน่ายสินค้า OTOP ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ที่มาเที่ยวชมทุ่งบัวตอง และเพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่นด้วย
ดอกบัวตอง จะบานสะพรั่งเหลืองอร่ามพื้นที่กว่า 500 ไร่ ในระดับความสูง 1,600 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยจะบานสวยตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงช่วงต้นเดือนธันวาคม โดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการสอบถามรายละเอียดการเดินทาง และเรื่องที่พัก โทร.สอบถามได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อูคอ หมายเลขโทรศัพท์ 053-61598
สำหรับทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ ตั้งอยู่ที่หมู่ 6 ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ห่างจากที่ทำการอำเภอขุนยวม 25 กิโลเมตร ถือเป็นทุ่งดอกบัวตองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เริ่มตัดน้ำตาลควรทานอาหารอะไรแทนความอยากหวานดี
น้ำตาลเป็นสารให้ความหวานที่มีอยู่ในอาหารและเครื่องดื่มมากมาย น้ำตาลที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอื่นๆ ดังนั้น หากต้องการตัดน้ำตาล การเลือกเครื่องดื่ม อาหารที่ปราศจากน้ำตาลหรือน้ำตาลน้อยจึงเป็นสิ่งสำคัญ และต่อไปนี้คืออาหารที่อยากแนะนำให้กับผู้ที่อยากเริ่มต้นตัดน้ำตาล
ต่อไปนี้เป็นตัวเลือกที่ดีในการแก้อยากน้ำตาล
- ผลไม้ ผลไม้เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ซึ่งช่วยทำให้อิ่มท้องและช่วยลดความอยากอาหารได้ ผลไม้ที่หวานน้อย เช่น แอปเปิล ฝรั่ง มะละกอ แก้วมังกร และลูกแพร์
- ผัก ผักเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำและใยอาหารสูง ซึ่งช่วยทำให้อิ่มท้องและช่วยลดความอยากอาหารได้ ผักสด เช่น แครอท แตงกวา มะเขือเทศ และผักกาดหอม เป็นตัวเลือกที่ดีในการแก้อยากน้ำตาล
- ธัญพืช ธัญพืชเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์และโปรตีน ซึ่งช่วยทำให้อิ่มท้องและช่วยลดความอยากอาหารได้ ธัญพืชอบ เช่น ข้าวโอ๊ต คุกกี้ข้าวโอ๊ต และโยเกิร์ตไขมันต่ำ
- ถั่ว ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน ไฟเบอร์ และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งช่วยทำให้อิ่มท้องและช่วยลดความอยากอาหารได้ ถั่ว เช่น อัลมอนด์ วอลนัท พิสตาชิโอ และถั่วลิสง
- น้ำเปล่า น้ำเปล่าช่วยทำให้อิ่มท้องและช่วยลดความอยากอาหารได้ ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้นและขับสารพิษออกจากร่างกาย
- ชาและกาแฟ ชาและกาแฟสามารถดื่มได้โดยไม่ใส่น้ำตาลหรือนม ชาและกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15/11/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,950.00 | 33,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,134.00 | 32,351.44 | 33,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,920.60 | 29,116.30 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,707.20 | 25,881.15 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 960.00 | 14,553.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 747.00 | 11,324.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,211.00 | 33,518.76 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15/11/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.65 | 36.65 | 37.15 | 36.65 | 36.65 | 36.65 | 36.65 | 36.65 | 36.65 | 36.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.88 | 34.88 | 35.38 | 34.88 | 34.88 | 34.88 | 34.88 | 34.88 | 34.88 | 34.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.54 | 34.54 | 35.04 | 34.54 | 34.54 | – | 34.54 | 34.54 | 34.54 | 34.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.69 | 34.69 | – | – | – | – | – | – | – | 34.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.44 | 47.94 | 48.24 | 47.94 | – | – | – | – | – | 44.44 |
เบนซิน 95 | 44.44 | – | – | – | 45.61 | – | 44.94 | 44.59 | – | 44.44 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 44.94 | 43.64 | 42.94 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |