ให้ต่างชาติซื้อห้องชุด ต้องเตรียมหลักฐานอะไรบ้าง
ให้ต่างชาติซื้อห้องชุด ต้องเตรียมหลักฐานอะไรบ้าง โสภณ พรโชคชัย AREA เปิดข้อมูลละเอียดยิบ เตรียมพร้อม เอกสารหลักฐานต้องมี
หลายคนอาจมีโอกาสขายห้องชุดให้ชาวต่างชาติ ต้องเตรียมการอะไรบ้าง ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) สรุปมาให้ทราบดังนี้
ในการเสียภาษีห้องชุด ปกติ ค่าภาษีเงินได้ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าอากรแสตมป์ในการโอนกรรมสิทธิ์ เจ้าของเป็นผู้จ่าย ส่วนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในห้องชุด ผู้ขายและผู้ซื้อจะตกลงจ่ายเท่ากันก็ได้ แล้วแต่การต่อรอง
ภาษีมีดังนี้:
1. ค่าธรรมเนียมการโอนบ้าน คิดเป็น 2% ของราคาประเมิน
2. ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ คิดเป็น 3.3% ของราคาซื้อขาย หรือราคาประเมิน
3. ค่าอากรแสตมป์ คิดเป็น 0.5% ของราคาซื้อขาย (กรณีที่จ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว ไม่ต้องจ่ายค่าอากรแสตมป์)
4. ค่าจดจำนอง คิดเป็น 1% ของยอดเงินกู้ (ถ้ามีการจดจำนองซึ่งเป็นภาระของผู้ซื้อ)
5. ค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ของผู้ขาย)
ทั้งนี้ในกรณีซื้อบ้านกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ทำการขายบ้าน หรือซื้อกับบุคคลธรรมดาที่ขายอสังหาริมทรัพย์ภายใน 5 ปีนับแต่ได้อสังหาริมทรัพย์นั้นมา หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านหลังที่ขายเป็นเวลาน้อยกว่า 1 ปี จะต้องเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ อย่างไรก็ตามหากเกิน 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี ผู้ขายบ้านไม่ต้องเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะแต่จะเสียค่าอากรแสตมป์
สำหรับเอกสารที่ต้องมีได้แก่
1. หนังสือรับรองของนิติบุคคลต่างด้าว กรณีนิติบุคคลต่างด้าวจดทะเบียนในต่างประเทศ เอกสารนี้ต้องแปลเป็นภาษาไทยโดยล่ามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
2. หนังสือรับรองจากกระทรวงพาณิชย์ กรณีนิติบุคคลต่างด้าวจดทะเบียนในประเทศไทย
3. บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น กรณีนิติบุคคลต่างด้าวจดทะเบียนในประเทศไทย อายุไม่เกิน 1 เดือน ส่วนกรณีนิติบุคคลต่างด้าวจดทะเบียนในต่างประเทศ ไม่จำกัดอายุ
4. รายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท ระบุวัตถุประสงค์ในการซื้อ ระบุแหล่งที่มาของเงินที่ใช้ซื้อ
5. สำเนาหนังสือเดินทางของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม
6. หนังสือแสดงตัวอย่างลายมือชื่อกรรมการ
7. หนังสือรับรองรายการหนังสือรับรองหนังสือมอบอำนาจ และลายมือชื่อกรรมการบริษัท กรณีนิติบุคคลต่างด้าวจดทะเบียนในต่างประเทศ เอกสารนี้ต้องแปลเป็นภาษาไทยโดยล่ามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
8. หลักฐานการโอนเงิน หลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (ธ.ต.3) หลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากในประเทศ (ธ.ต.40) หนังสือรับรองจากธนาคารที่รับรองการโอนเงิน หลักฐานการแลกเปลี่ยนเงินเป็นเงินบาท หลักฐานแบบสำแดงเงินตราต่างประเทศผ่านกรมศุลกากร หลักฐานการถอนเงินบาทจากบัญชีเงินฝากในประเทศ (จากสมุดเงินฝาก)
9. เอกสารการส่งเสริมการลงทุน จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (ถ้ามี)
10. หนังสือมอบอำนาจกรณีมอบให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน
11. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ
ทั้งนี้เอกสารทั้ง 11 รายการทั้งหมดข้างต้น ต้องเป็นเอกสารฉบับจริงเท่านั้น
สำหรับกรณีการแจ้งการโอนเงิน ธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเกี่ยวข้อง กับธุรกรรมการซื้อ-ขายบ้านมือสองที่ต้องใช้เงินสดตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้น กฎหมายบังคับให้นายหน้าต้องทำหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมดังกล่าวต่อสำนักงานป้องกันและปราบปราบ การฟอกเงิน (ปปง.)
หากมีการวางมัดจำหรือซื้อด้วยเงินสดตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไปจะต้องรายงานต่อ ปปง. ภายในเดือนถัดไป นอกจากนี้แล้ว การทำธุรกรรมซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทที่เข้าข่ายน่าสงสัย เช่น ผู้ซื้อที่มีอาชีพและรายได้ไม่มั่นคง แต่สามารถซื้อบ้านได้ในมูลค่าแพงๆ หรือลูกค้าที่หิ้วเงินมาซื้อบ้านจำนวนมากๆ ก็จะต้องรายงานต่อ ปปง.ภายใน 7 วัน อย่างไรก็ตามในกรณีผู้ซื้อ ผู้ขายตกลงกันเองโดยไม่ผ่านนายหน้า อาจไม่มีการรายงานใดๆ
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะห้องชุด จึงเป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องพึงรู้เกี่ยวกับด้านภาษีและค่าธรรมเนียมรวมทั้งเอกสารต่างๆ ข้างต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ลงทุนซื้อคอนโดฯให้เช่าทำกำไร ต้องรู้อะไรบ้าง ?
ลงทุนซื้อคอนโดฯให้เช่าทำกำไร ต้องรู้อะไรบ้าง ?พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ท่ามกลางความเปราะบางของกำลังซื้อ ชี้ดูเทรนด์การตลาด ความต้องการของผู้บริโภค การเช่ามาแรง ทั้งคนไทย-ต่างชาติ รวมถึงคนรุ่นใหม่ไม่มีกำลังซื้อ-กู้สถาบันการเงินไม่ผ่าน
ปัจจุบันแม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซากำลังซื้อหดหาย ส่งผลให้โครงการรอขายหรือสต๊อกสะสมในมือจำนวนมาก แต่ในทางกลับกันสำหรับกลุ่มเศรษฐีเงินเย็น นักลงทุน ที่ได้เปรียบทั้งได้สินค้าราคาถูกผู้ประกอบการต้องการระบายสต๊อกและยังได้ของแถมอย่างเฟอร์นิเจอร์
ขณะเดียวกันทำอย่างไรให้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ท่ามกลางความเปราะบางของกำลังซื้อ ก่อนอื่นต้องดูเทรนด์การตลาด ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งการเช่ามาแรง เพราะทั้งค่านิยม ทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึงคนที่ไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ อีกทั้งกู้สถาบันการเงินไม่ผ่าน กลุ่มเหล่านี้จึงจำเป็นต้องเช่าระยะยาว ซึ่งนักลงทุนหรือคนทั่วๆไปนำมาสร้างรายได้ทำกำไรได้
ดังนั้น “คอนโดมิเนียม” ไม่ได้เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการใช้ชีวิตเพียงอย่างเดียว แต่นักลงทุนเองก็สามารถคว้าโอกาสในการทำกำไร จากการลงทุนซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่าได้เช่นเดียวกัน หากใครที่กำลังหาข้อมูลว่า การซื้อคอนโดต้องดูอะไรบ้าง ขอแนะนำ 4 ปัจจัยที่ควรพิจารณา เพื่อการเลือกคอนโดมิเนียมได้อย่างคุ้มค่า ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยและเก็งกำไร
ซื้อคอนโดให้เช่า คุ้มไหม ? เปิดข้อดีของการลงทุนในคอนโดให้เช่า
- สร้าง Passive Income
การลงทุนซื้อคอนโดให้เช่า สามารถมอบผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับเราได้ทุกเดือน ในรูปแบบของค่าเช่าที่ผู้เช่าจะต้องจ่าย ซึ่งนอกจากจะได้กำไรที่ยั่งยืนแล้ว เรายังสามารถนำเงินในส่วนนี้ไปจ่ายค่าผ่อนคอนโด และใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาคอนโด โดยที่อาจไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติมเลย
- ได้ผลตอบแทนสูง
ไม่ใช่แค่การสร้าง Passive Income ที่สม่ำเสมอ แต่การลงทุนในคอนโดให้เช่า ยังมาพร้อมกับผลตอบแทนที่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเราเลือกซื้อคอนโดที่อยู่ในทำเลศักยภาพ รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และสามารถเข้าถึงการคมนาคมได้อย่างง่ายดาย ก็จะช่วยเพิ่มมูลค่า ทำให้คอนโดของเราเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้สามารถตั้งราคาคอนโดได้สูงขึ้น และยิ่งทำให้คอนโดของเรามีมูลค่าที่มากขึ้นในอนาคตอีกด้วย
- ลดหย่อนภาษี
หากใครที่ยังลังเลว่า ควรซื้อคอนโดดีไหม นอกจากข้อดีในเรื่องของการลงทุนเก็งกำไรแล้ว การลงทุนซื้อคอนโด ยังช่วยให้เราได้รับสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี โดยเราสามารถนำดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับธนาคารมายื่นขอลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในแต่ละปีได้ดียิ่งขึ้นจากการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ซื้อคอนโดต้องดูอะไรบ้าง ? สรุป 4 ปัจจัยหลักที่ควรพิจารณาในการซื้อคอนโดเพื่ออยู่อาศัยและทำกำไร
- ให้ความสำคัญกับทำเล
ไม่ว่าจะเป็นการซื้อคอนโดเพื่ออยู่อาศัย หรือลงทุนทำกำไร ปัจจัยแรกที่ต้องพิจารณาก็คือเรื่องของ “ทำเล” เพราะทำเลเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากตัดสินใจแล้ว ก็จะต้องอยู่กับสภาพแวดล้อมเหล่านี้ไปตลอด ดังนั้น เราจึงต้องศึกษาอย่างละเอียดว่า ทำเลที่ตั้งคอนโดที่เราสนใจ
อยู่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกใดบ้าง ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า ร้านอาหาร โรงพยาบาล ย่านธุรกิจ หรือแหล่งไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ รวมถึงเรื่องของการเดินทาง ที่ต้องพิจารณาว่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าหรือขนส่งสาธารณะอะไรบ้าง
นอกจากนี้ ยังต้องมองไปถึงโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาต่าง ๆ เพื่อดูว่าทำเลดังกล่าวมีโอกาสที่จะเติบโตมากน้อยแค่ไหน นอกจากการพักอาศัยแล้ว จะสามารถสร้างกำไรให้เราในอนาคตได้หรือไม่ ยิ่งเลือกทำเลได้ดี ก็ยิ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีมากขึ้น
- คำนึงถึงวัตถุประสงค์ในการซื้อ
นอกจากเรื่องของทำเลแล้ว คนที่กำลังหาข้อมูลว่า จะซื้อคอนโดต้องดูอะไรบ้าง จะต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ในการซื้อ โดยหากเป็นการซื้อเพื่ออยู่เอง ต้องพิจารณาจากไลฟ์สไตล์และความสะดวกในการใช้ชีวิตของตนเองเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเลือกรูปแบบห้องได้ตอบโจทย์กับความต้องการ และเลือกประเภทของคอนโดที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดประเภท Low Rise หรือ High Rise
แต่หากเป็นการซื้อคอนโดเพื่อลงทุน แทนที่จะให้ความสำคัญกับความชอบของตัวเอง อาจต้องเปลี่ยนมุมมองมาทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อเจาะลึกความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ได้ ว่าผู้ที่จะมาเช่าคอนโดในทำเลนี้ มองหาคอนโดแบบไหน ซึ่งอย่างที่ได้แนะนำไปในข้อแรกว่า หากเป็นคอนโดที่อยู่ใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะ ก็จะช่วยให้สามารถหาผู้เช่าหรือผู้ซื้อต่อได้ง่ายมากขึ้น เพราะการเดินทางที่ง่าย จะช่วยให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อไปยังจุดที่ต้องการได้สะดวก ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างสบาย และต่อยอดไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ได้อีกมาก
- คำนวณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ละเอียด
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการซื้อคอนโด ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือซื้อเพื่อการลงทุน ก็คือการคำนวณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ละเอียด เพราะนอกจากค่าคอนโดแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เราต้องจ่ายทุกเดือน ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลาง หรือค่าบำรุงรักษาคอนโด ซึ่งผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่เอง ก็ต้องวางแผนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกเดือนเหล่านี้ให้แม่นยำ และผู้ที่ซื้อเพื่อการลงทุน ก็ต้องนำค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มาคำนวณให้ดี เพื่อตั้งราคาค่าเช่าที่เหมาะสม และครอบคลุมกับรายจ่าย ช่วยให้เราไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายส่วนเกินด้วยตัวเอง
- เลือกขนาดห้อง
ไม่ใช่แค่เรื่องทำเลเท่านั้นที่มีผลต่อการอยู่อาศัยและการดึงดูดผู้เช่า แต่ขนาดห้อง ก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นเดียวกัน หากเป็นการอาศัยอยู่คนเดียว การเลือกห้องที่มีขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตรก็เป็นขนาดที่เพียงพอ แต่หากต้องการอยู่ 2 คนขึ้นไป ควรเลือกห้องที่มีขนาดมากกว่า 30 ตารางเมตร เพื่อให้สามารถแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนได้ และไม่แออัดจนเกินไป นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของประเภทห้อง เช่น ห้อง Studio ห้อง 1 Bedroom และห้อง Duplex ที่จะส่งผลต่อการอยู่อาศัย การเลือกขนาดห้องที่เหมาะสม และเลือกรูปแบบของห้องที่ใช่ ก็จะช่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น
Tip: เลือกซื้อคอนโดสร้างใหม่ ที่เปิดขาย Pre-Sale จะช่วยให้มีโอกาสเลือกห้องมากขึ้น
หากคุณคือคนหนึ่งที่ต้องการ ซื้อคอนโดปล่อยเช่า พบกับโครงการคอนโดบนทำเลศักยภาพจากโนเบิล ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในไทย ที่มุ่งมั่นพัฒนาคอนโดเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ และมอบประสบการณ์ในการพักอาศัยที่แตกต่าง รองรับทั้งการอยู่อาศัย และการลงทุนเพื่อสร้างผลกำไรที่ยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้15ต.ค. “แข็งค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 33.28 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจถูกชะลอการอ่อนค่าลงจากแรงขายเงินดอลลาร์ ต้องจับตาผลการประชุม กนง. ทิศทางเงินหยวน ราคาสินค้าทองคำกับน้ำมันดิบ
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้15ต.ค. 2567ที่ระดับ 33.28 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 33.34 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทโดยรวมยังคงเป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะ sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.11-33.36 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการทยอยปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งยังคงได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
ทว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำก็เป็นไปอย่างจำกัด และราคาทองคำก็มีจังหวะย่อตัวลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ต่างก็ทยอยปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งการเคลื่อนไหวของทั้งราคาทองคำและเงินดอลลาร์ดังกล่าว ก็มีส่วนทำให้เงินบาทไม่ได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและเริ่มกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง ก่อนที่จะแกว่งตัวใกล้โซน 33.20-33.30 บาทต่อดอลลาร์ ที่ดูจะเป็นโซนแนวต้านแรกในช่วงระยะสั้นได้
สัปดาห์ที่ผ่านมา การอ่อนค่าของเงินบาทนั้นถูกชะลอลงด้วย แรงขายเงินดอลลาร์จากผู้ส่งออก การรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ และจังหวะอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาผสมผสาน
สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรรอติดตาม ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย และผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) พร้อมรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนกันยายน รวมถึงข้อมูลยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดเพื่อประเมินแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด
และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจกับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ ธีม AI/Semiconductor อาทิ ASML, TSMC รวมถึงหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน อย่าง BofA, Goldman Sachs เป็นต้น
▪ฝั่งยุโรป – ประเด็นสำคัญ คือ ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเราประเมินว่า ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ย (Deposit Facility Rate) -25bps สู่ระดับ 3.25% พร้อมกันนั้น ECB อาจส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยลงเพิ่มเติมในปีนี้ ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจสะท้อนผ่านการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของทาง ECB
ทั้งนี้ เรามองว่า ควรจับตาการส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนและทิศทางนโยบายของ ECB ผ่านถ้อยแถลงของประธาน ECB นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ทั้งข้อมูลการจ้างงานเดือนสิงหาคม อัตราเงินเฟ้อ CPI รวมถึงยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนกันยายน
▪ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานยอดการค้าระหว่างประเทศ (Exports & Imports) ของจีน และรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือน อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือนกันยายน
และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 เพื่อประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์จีน (โดยเฉพาะตลาดหุ้นและค่าเงินหยวนจีน) ได้พอสมควรในช่วงนี้
ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนกันยายน และรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น ผ่านรายงานยอดการส่งออกและนำเข้าเดือนกันยายนเช่นกัน
ในส่วนนโยบายการเงิน นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างประเมินว่า ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) มีโอกาสที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยลง -25bps สู่ระดับ 6.00% เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการชะลอลงของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายของ BSP
ขณะที่ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) อาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 6.00% เพื่อประเมินผลกระทบจากการลดดอกเบี้ย -25bps ในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้มีโอกาสที่ BI จะส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ ตามแนวโน้มการชะลอลงของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อเช่นกัน
ส่วนค่าเงินอินโดนีเซียรูเปียะห์ (IDR) ก็มีเสถียรภาพมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่มีจังหวะอ่อนค่าลงต่อเนื่อง จน BI ต้องขึ้นดอกเบี้ยในช่วงต้นปีนี้
▪ฝั่งไทย – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเราประเมินว่า กนง. อาจมีมติ 6-1 หรือ 5-2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% ตามเดิม
ทั้งนี้ เราจะจับตาการสื่อสารของทาง กนง. ว่ามีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ มากน้อยเพียงใด รวมถึง กนง. มีการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจในเชิงแย่ลงหรือไม่ เพื่อประเมินโอกาสที่ กนง. จะเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งจะเร็วกว่าที่เราประเมินไว้ว่า การลดดอกเบี้ยครั้งแรกอาจเริ่มในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
นอกจากนี้ ควรจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หลังนักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยขายสินทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแรงขายสินทรัพย์ไทยดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาททยอยอ่อนค่าลงเช่นกัน
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมั่นใจแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินบาท ตราบใดที่เงินบาทไม่ได้แข็งค่าทะลุโซน 33 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งต้องจับตาผลการประชุม กนง. ทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำกับน้ำมันดิบ)
ทั้งนี้ เงินบาทอาจถูกกดดันจากแรงขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติ ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจถูกชะลอลงจากแรงขายเงินดอลลาร์และการปรับสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) ของผู้เล่นในตลาด ในช่วงนี้ได้
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาที่ดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มโอกาสที่เฟดจะ “คง” ดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤศจิกายนนี้
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจพอได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินยูโร หาก ECB ลดดอกเบี้ยตามคาดและส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ทั้งนี้ หากบรรยากาศในตลาดการเงินเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงชัดเจน (Risk-On) ก็อาจช่วยชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ได้บ้าง
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.00-33.65 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.15-33.45 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เมย์ รัชนก สู้ขาดใจ พ่ายสาวจีน จบรองแชมป์แบดมินตันฟินแลนด์
“เมย์” รัชนก อินทนนท์ หญิงเดี่ยวมือ 21 ของโลก ทำผลงานได้ดีที่สุดแล้วพ่ายให้กับ หาน เยี่ย มือ 7 ของโลกจากจีน ไป 2 เกมรวด คว้ารองแชมป์ในแบดมินตัน อาร์กติก โอเพ่น 2024 ไปครอง
การแข่งขันแบดมินตันรายการ อาร์กติก โอเพ่น 2024 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 ชิงเงินรางวัลรวม 420,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 13,860,000 บาท ที่เมืองวันตา ประเทศฟินแลนด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ต.ค.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “เมย์” รัชนก อินทนนท์ มืออันดับ 21 ของโลก พบกับ หาน เยี่ย มือวางอันดับ 2 ของรายการ มืออันดับ 7 ของโลกจากจีน สถิติการพบกันมาทั้งหมด 6 ครั้ง เป็น เมย์ รัชนก เอาชนะไปได้ทั้งหมด
เกมแรก หาน เยี่ย เปิดเกมได้ดีกว่านำก่อน 3-0 จากนั้น เมย์ รัชนก กลับมาสู่เกมได้เร็วตามตีเสมอเป็น 4-4 เกมเป็นของ หาน เยี่ย ที่เล่นลูกสั้นได้เฉียบคมกว่า นำห่าง 11-5 แล้วเป็นหาน เยี่ย ที่เป็นฝ่ายควบคุมเกมไว้ได้ทั้งหมดก่อนจะมาปิดเกมแรกไปได้ก่อนที่ 21-11
เกมสอง หาน เยี่ย ทำได้กว่าใช้จังหวะโอเวอร์เฮด และหาจังหวะตบอย่างเฉียบขาดนำ 11-7 จากนั้น หาน เยี่ย ใช้จังหวะแจกลูกและเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วกว่า มาปิดแมตช์เอาชนะไปได้ที่ 21-13 ทำให้เอาชนะไปได้ 2-0 เกม
หาน เยี่ย คว้าแชมป์พร้อมรับเงินรางวัล 31,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,039,500 บาท ส่วน “เมย์” รัชนก รองแชมป์ พร้อมรับเงินรางวัล 15,960 เหรียญหรัฐ หรือประมาณ 526,680 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
ทำความเข้าใจ “ซึมเศร้า” คือโรค ต้องรักษากับหมอ หายเองไม่ได้
“เศร้า” กับ “ซึมเศร้า” แตกต่างกันตรงที่ อาการเศร้า เป็นเพียงอาการชั่วคราวที่สามารถหายไปได้เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ เมื่อสมอง และจิตใจยอมรับ และเข้าใจในสิ่งที่เกิดได้ ความรู้สึกเศร้าก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่หากเป็น “โรคซึมเศร้า” มันไม่ใช่เพียงความเศร้าชั่วคราว นานวันเข้าอาจกระทบกระเทือนชีวิตการทำงานจนอาจต้องจากโลกก่อนวัยอันควรได้
สาเหตุของโรคซึมเศร้า
รศ.นพ.ศิริไชย หงส์สงวนศรี สาขาวิชาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น ภาควิชาจิตเวชศาสตร์คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่เกิดจากหลายปัจจัยมาก โดยภาพรวมก็เป็นปัจจัยทางด้านจิตใจ การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อมที่ทำให้ตัวเองมีแนวโน้มที่จะมองตัวเองในทางลบ วัยเด็กอาจจะถูกทอดทิ้ง หรือว่าใช้ความรุนแรง หรือว่ามีความห่างเหินทางด้านจิตใจระหว่างผู้ป่วยกับพ่อแม่ หรือมีการเลี้ยงดูที่ไม่ค่อยถูกต้องต่าง ๆ ไม่ค่อยได้เสริมให้เด็กมีกำลังใจหรือว่าเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง หรือว่าอาจจะมีความเครียดต่อเนื่องกันมานาน ๆ สุดท้ายแล้ว ประสบการณ์ที่เขาเติบโตมา ไม่ว่าจะเป็นจากการเลี้ยงดู หรือว่าปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่ทำให้เกิดความเครียดต่าง ๆ มันก็มีผลต่อการทำงานของสมองที่ควบคุมเรื่องของอารมณ์
โรคซึมเศร้า ต้องรีบพบแพทย์
มีหลายคนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเป็นโรคซึมเศร้า กว่าจะถึงมือแพทย์ได้ก็ตอนที่พยายามจะทำร้ายตัวเอง คนที่โชคดีอาจจะทำร้ายตัวเองไม่สำเร็จแล้วรอดชีวิตมาได้ จนได้เข้ารับการรักษาโรคซึมเศร้ากับจิตแพทย์
แต่จะรอจนกว่าจะถึงวันที่ลงมือทำร้ายตัวเองก็ดูจะสายเกินไป ปัจจุบันมีแบบทดสอบที่จะคัดกรองประเมินตัวเอง (คลิกที่นี่) หากเราประเมินตัวเองแล้วรู้สึกว่าอารมณ์ของเราเปลี่ยนไปจากเดิม มันมีผลกระทบต่อชีวิตของเราเยอะ จากที่เราเคยมีความสุขในการที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือทำงานตามหน้าที่ได้ตามปกติ มันเริ่มท้อถอยไป แล้วก็รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยว ซึมเศร้า ไม่มีความสุข อาจจะคิดลบต่าง ๆ หรือมีอาการนอนไม่หลับ ความคิดความจำลดลงนั้น ก็ควรจะมาพบแพทย์ได้แล้ว ไม่ต้องรอให้อาการเยอะจนกระทั่งความคิดด้านลบมันอยู่เป็นเวลานาน หรือจนกระทั่งคิดจะทำร้ายตัวเอง
รักษาโรคซึมเศร้าด้วยการกินยา และผลข้างเคียง
Advertisement
รศ.นพ.ศิริไชย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การรักษาด้วยยาทางจิตเวชที่รักษาโรคซึมเศร้า จะไม่ใช่ยาที่รับประทานแล้วจะดีขึ้นมาในวันสองวัน ส่วนใหญ่จะใช้เวลาเป็นสัปดาห์ 1-2 สัปดาห์ขึ้นไปถึงจะดีขึ้น
หากถามว่ามีผลข้างเคียงอย่างไร โดยทั่วไป ถ้าเป็นยารักษาโรคซึมเศร้ารุ่นเก่า ๆ ก็จะมีผลข้างเคียงเยอะตั้งแต่ปากแห้ง ท้องผูก ใจสั่น แต่ยารักษาโรคซึมเศร้ารุ่นหลัง ๆ ผลข้างเคียงต่าง ๆ จะน้อยกว่ายารุ่นก่อน แต่ก็จะยังมีอยู่ เช่น อาจจะมีความรู้สึกคลื่นไส้ พะอืดพะอม บางคนก็จะเวียนหัว อาจจะมีใจสั่นมือสั่นบ้าง แต่โดยทั่วไป ผลข้างเคียงมันก็จะค่อย ๆ ลดลงเหมือนเราทนกับยาได้มากขึ้น
ถ้าหมอไม่ได้อธิบายไว้ก่อน ผู้ป่วยก็จะไม่ค่อยอยากกินยาเพราะว่าการกินยาช่วงแรก ผลของมันจะยังไม่เห็น แต่ว่าผลข้างเคียงจะมาก่อน เพราะฉะนั้นผู้ป่วยก็จะต้องเข้าใจเหมือนกันว่า ช่วงแรกอาจจะต้องทนกับผลข้างเคียงนิดนึง แล้วมันก็จะลดลง ส่วนเรื่องอารมณ์มันจะใช้เวลาระยะหนึ่ง โดยทั่วไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ที่จะเริ่มเห็นผลได้ชัดเจน
การรักษาโรคซึมเศร้าด้วยการบำบัดจิตใจ
การรักษาโรคซึมเศร้าต้องมีการบำบัดทางด้านจิตใจร่วมด้วย และยารักษาโรคซึมเศร้าตัวหนึ่ง ไม่ใช่ได้ผลกับทุกคน บางคนก็อาจจะ ได้ผลดีกับตัวนี้ บางคนก็อาจจะได้ผลดีกับอีกตัว เพราะฉะนั้น เวลาเริ่ม รักษา ถ้ารักษาไประยะหนึ่ง เช่น 4 สัปดาห์ หรือ 6 สัปดาห์ แล้วดูอาการยังไม่ค่อยดีขึ้น หมอก็อาจจะพิจารณาการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย แต่ละคน
ระหว่างรักษาโรคซึมเศร้า ต้องพยายามใช้ชีวิตให้ปกติ
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าควรพยายามทำกิจวัตรประจำวันให้ใกล้เคียงกับปกติมากที่สุด พบปะเจอะเจอผู้คน ทำกิจกรรมต่าง ๆ แล้วก็อาจจะต้องใช้วิธีอื่น ๆ เช่น การออกกำลังกาย การผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีทั่ว ๆ ไป เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ ดูหนัง เป็นต้น ทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สบายใจให้ได้มากที่สุด หรืออาจเลือกทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ เช่น ลงเรียนคอร์สที่สนใจ ช่วยเหลือหมาแมวจรจัด ทำบุญเลี้ยงอาหารเด็ก ดูแลคนชรา ฯลฯ ได้ใช้ความรู้ความสามารถที่ตัวเองมีในทางที่เป็นประโยชน์ จะช่วยให้เห็นคุณค่าของตัวเองมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 อาชีพ ใช้ภาษาอังกฤษดี การันตีอนาคตสดใสแน่นอน
สวัสดีจ้าเพื่อนๆชาว วอลล์สตรีท อิงลิช เชื่อว่าหลายคนคงจะอยู่ในช่วงของการหางาน หรือแม้แต่คนที่ยังไม่สามารถตอบตัวเองได้ว่าอยากจะทดลองทำงานอะไร แต่เรามีทักษะทางภาษาอังกฤษที่โดดเด่นอยู่แล้วนี่จะใช้เป็นจุดขายให้เราสำหรับอาชีพอะไรได้บ้าง วันนี้เราจะพาไปชมกัน
Programmer(โปรแกรมเมอร์)
หนึ่งในอาชีพที่มาแรงที่สุดในยุคปัจจุบัน จำเป็นจะต้องมีทักษะการ coding ระดับสุดยอด ซึ่งการ coding จำเป็นจะต้องใช้ภาษาอังกฤษ รวมไปถึงในการหาแหล่งความรู้ส่วนใหญ่สำหรับงานนี้ก็มักจะเป็นรูปแบบสากลซึ่งใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก การที่มีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีจะช่วยสนับสนุนการทำงานของอาชีพให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Content Writer(นักเขียนคอนเท้น)
นักเขียนคอนเท้น ทำหน้าที่หลักคือการเขียนคอนเท้นเนื้อหาสำหรับนำเสนอบน เว็บไซต์ บล็อค โซเชียลมีเดีย ซึ่งหากเราพัฒนาเนื้อหาของเราเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมได้ จะเป็นการยกระดับเนื้อหาของเราให้มีความอินเตอร์มากยิ่งขึ้น เพิ่มการเข้าถึงจากกลุ่มผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษได้อีกเพียบ
Social media manager(ผู้จัดการด้านโซเชียลมีเดีย)
ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลจัดการสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆทั้ง Facebook Intragram Tiktok Youtube เป็นต้น ต้องคอยจัดการคอนเทนต์ต่างๆเพื่อให้เกิดผลลัพท์ต่อแบรนด์สูงสุด จึงจำเป็นต้องมีทักษะทางภาษาอังกฤษเพื่อช่วยในเรื่องของการเลือกคอนเทนต์มีที่มีความสากล เพื่อให้เข้าถึงคนจากทั่วโลก
Hotel Manager (ผู้จัดการโรงแรม)
ผู้จัดการโรงแรม มีหน้าที่ในการดูแลจัดการแผนกต่างๆในโรงแรม ต้องคอยรักษาความเรียบร้อยของโรงแรมให้เป็นไปตามมาตรฐาน และต้องใช้ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ดีมากในการ ช่วยเหลือเหล่าแขกที่มาพักที่จากทั่วโลก และต้องเป็นหน้าเป็นตาให้กับโรงแรมอีกด้วย ทักษะภาษาอังกฤษจึงสำคัญกับอาชีพในตำแหน่งนี้มาก
International Business Manager (นักจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ)
ต้องการทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพ ในการเจรจา ประสานงาน และนำเสนองานกับคู่ค้า หรือการร่วมมือกันกับบริษัทในต่างประเทศ การใช้ภาษาอังกฤษจึงเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของอาชีพนี้
Air hostess (พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน)
อาชีพในฝันของสาวๆหลายคน มีหน้าที่คอยต้อนรับและให้บริการบนเครื่องบิน ต้องพบปะกับเดินทางที่มาจากทั่วโลก จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารที่ดีเยี่ยม เป็นหนึ่งในอาชีพที่ยังเป็นที่นิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
Tour guide (ไกด์นำเที่ยว)
อาชีพสำหรับผู้มีใจรักในการบริการ มีความชื่นชอบในการท่องเที่ยว ต้องพานักท่องเที่ยวที่มาจากทั่วทุกมุมโลกไปชมสถานที่ต่าง มีความเข้าใจในวัฒนธรรมและประวัติความเป็นมาของสถานที่ท่องเที่ยว ที่สำคัญที่สุดคือต้องมีทักษะในการสื่อสารโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะสามารถถ่ายทอดให้กับสมาชิกทัวร์ได้ รวมถึงการเอ็นเตอร์เทนสร้างความสนุกสนานได้อีกด้วย
ESL teacher (ครูสอนภาษาอังกฤษ)
หรือชื่อเต็มคือ English as a Second Language Teacher ทำหน้าที่ในการสอนภาษาอังกฤษให้กับผู้ที่ไม่ได้มีภาษาแม่เป็นภาษาอังกฤษ โดยจะสอนไปในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร การทำงาน การศึกษาต่อในต่างประเทศ
Editor(บรรณาธิการ)
อาชีพที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบปรับปรุงเนื้อหา ก่อนการเผยแพร่ ต้องมีการแก้ไขเนื้อหาการใช้ภาษาให้เหมาะสม ตรวจสอบแก้ไขคำผิด จึงต้องมีผู้มีความรู้ในด้านภาษาโดยเฉพาะ
Brand Strategist (นักวางกลยุทธ์พัฒนาแบรนด์)
ทำการหน้าที่วางกลยุทธ์ ออกแบบ และกำหนดทิศทางในการพัฒนาแบรนด์ให้พัฒนายิ่งขึ้น ต้องมีทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษทั้งในเรื่องของการสื่อสาร และการนำเสนอ
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
“Standupcode” รุกนวัตกรรม “Big Data” สร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจไทย
“Standupcode” รุกนวัตกรรม “Big Data” สร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจไทย หลังข้อมูลกลายเป็นทรัพย์สินมีค่ามหาศาล ชี้ภาคธุรกิจต่างแข่งขันกันนำข้อมูลมาใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
นายพัทธนันท์ นุ่มผ่อง ผู้บริหารสูงสุดในสายงานข้อมูล (CDO) Standupcode เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าปัจจุบันคือยุคดิจิทัลที่ข้อมูลกลายเป็นทรัพย์สินมีค่ามหาศาล โดยภาคธุรกิจต่างแข่งขันกันนำข้อมูลมาใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
โดย Standupcode ได้ยกระดับนวัตกรรมการแปลงองค์กรสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อสนุบสนุนธุรกิจภายใต้ Big Data Consulting
“นวัตกรรมดังกล่าวนั้นจะเข้ามาช่วยเหลือธุรกิจไทยในการปลดล็อกศักยภาพของข้อมูลมหาศาล และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ”
นายพัทธนันท์ กล่าวอีกว่า นวัตกรรมดังกล่าวจะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ได้รับประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูล ตั้งแต่การรวบรวมข้อมูล การสร้างระบบการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ
รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและนำเสนอผลลัพธ์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เพื่อให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ข้อมูลเปรียบเสมือนทองคำในยุคนี้ การนำข้อมูลมาวิเคราะห์จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง และนำไปสู่การปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
5 เครื่องดื่มของสาวรักสุขภาพ ควรมีติดตู้เย็นไว้ ยิ่งดื่ม ยิ่งสวย
เมื่อเป็นเด็กร่างกายของเราสามารถผลิตคอลลาเจนได้ในปริมาณมาก แต่เมื่อเข้าสู่วัยทำงานในช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป สาว ๆ ก็จะเริ่มสูญเสียเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนังไปทุกปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ผิวของคุณแก่ก่อนวัย เกิดปัญหาริ้วรอย และสูญเสียความอ่อนเยาว์ เราจึงขอแนะนำ 5 เครื่องดื่มที่จะช่วยให้ผิวของคุณกลับมาสวยสดใสและสุขภาพดีอีกครั้ง
5 เครื่องดื่มช่วยให้ผิวกลับมาสวยสดใส
1.ชาเขียวมัทฉะ
ชาเขียวมัทฉะที่ชงดื่มแบบสด ๆ ไม่มีการใส่น้ำตาลหรือแต่งเติมด้วยนมข้นหวานและนมทุกประเภท เป็นการชงสดที่ไม่ว่าจะเป็นแบบเย็นหรือแบบร้อน จะให้ความเข้มข้นของสารสื่อประสาทที่ช่วยทำให้เกิดความผ่อนคลาย ทำให้อารมณ์ดีขึ้น ความทรงจำดี และยังมีกรดอะมิโนจำเป็นอีกหลายชนิด รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง จึงให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง และให้การทำงานของระบบสื่อประสาทที่ดีขึ้น
2.น้ำเต้าหู้
น้ำเต้าหู้ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่เหมาะสมต่อสุขภาพของผู้หญิง ไม่ได้ให้แค่เพียงคุณค่าทางโปรตีน และวิตามินกับแร่ธาตุอื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้อิ่มเร็ว อยู่ท้อง ดื่มแบบใส่น้ำตาลน้อยหรือไม่ใส่เลย จะยิ่งให้ประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ไม่มีคอเลสเตอรอล ปริมาณของโซเดียมกับไขมันอิ่มตัวต่ำ จึงช่วยให้รูปร่างของคุณผู้หญิงยังคงดูดีอยู่เสมอ และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดปัญหาอาการแสบร้อนในผู้หญิงวัยทองอีกด้วย
3.ชาสมุนไพร
สำหรับสาว ๆ ที่ชอบจิบชาอุ่นก่อนนอนและตอนเช้า แนะนำให้เลือกดื่มชาสมุนไพรที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติ เช่น ชาดอกคาโมมาย ชาจากใบมะขามแขก และชาดอกกุหลาบ เป็นต้น จะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดี ให้การล้างของเสียภายในร่างกายเป็นไปอย่างคล่องตัว จึงทำให้ผิวพรรณสดใส และชาสมุนไพรบางประเภท ยังเป็นตัวช่วยทำให้สมองผ่อนคลาย สร้างสมดุลภายในร่างกายและความอุ่นของชาจะช่วยทำให้สมองของคุณปลอดโปร่งยิ่งขึ้น
4.โกโก้
โกโก้รสชาติเข้มข้น จะอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล สารแทนนินและฟลาโวนอยด์ ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการค่อนข้างสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวพรรณสดใส และยังช่วยต้านสารไม่ดีภายในร่างกาย พร้อมทำให้ความทรงจำและสมอง รวมถึงอารมณ์ของคุณดีอยู่เสมอ
5.น้ำขิง
การชงน้ำขิงอุ่น ๆ ดื่ม ไม่ว่าจะเป็นก่อนนอนหรือช่วงเช้าของวัน จะให้ความสดชื่นเป็นอย่างมาก เพราะกลิ่นของขิงอ่อน ๆ ที่มาพร้อมกับความอุ่น จะทำให้คุณรู้สึกปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย และยังเป็นตัวช่วยขับของเสียภายในร่างกาย ช่วยในการย่อยอาหารที่ดีมากขึ้น คลายระบบประสาท บรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบภายในร่างกาย พร้อมการอุดมทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่ทำให้ผิวพรรณของคุณสาว ๆ สดใสอีกด้วย
การรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการรับประทานผลไม้กับผักให้มากขึ้น ถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพผิวให้แข็งแรง การเลือกเครื่องดื่มตามที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย การให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่สมดุล และการดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อผิวของคุณเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15/10/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 41,650.00 | 41,750.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,698.00 | 40,901.68 | 42,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,428.20 | 36,811.51 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,158.40 | 32,721.34 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,214.00 | 18,404.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 944.00 | 14,311.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,796.00 | 42,387.36 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15/10/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.95 | 35.95 | 36.45 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.58 | 35.58 | 36.08 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.84 | 33.84 | 34.34 | 33.84 | 33.84 | – | 33.84 | 33.84 | 33.84 | 33.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.59 | 33.59 | – | – | – | – | – | – | – | 33.59 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.54 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 44.54 |
เบนซิน 95 | 44.14 | – | – | – | 49.81 | – | 44.64 | 44.29 | – | 44.14 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 18.59 | 18.59 | – | – | – | – | – | – | – | 18.59 |