สาระน่ารู้ประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567

เจาะยุทธศาสตร์ “เซ็นทรัลพัฒนา” ปั้นอาณาจักร มิกซ์ยูส แสนล้าน

เปิดอาณาจักรมิกซ์ยูส แสนล้าน “เซ็นทรัลพัฒนา” บิ๊กโปรเจ็กต์เรือธง ดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค-เซ็นทรัลสยามสแควร์-เซ็นทรัลพหลโยธิน รับเทรนด์ความต้องการในด้านที่อยู่อาศัย ช้อปปิ้ง สันทนาการ และท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตจากความต้องการความสะดวกสบายที่ครบครัน

ในยุคที่โครงการอสังหาริมทรัพย์ให้ความนิยมการพัฒนารูปโครงการพัฒนาเชิงพาณิชย์รูปแบบผสม หรือมิกซ์ยูสที่รวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้รองรับความต้องการหลากหลายไลฟ์สไตล์อย่างครบครันในที่เดียว บิ๊กดีเวลอปเปอร์หลายรายต่างเปิดตัวโครงการในรูปแบบดังกล่าวอย่างดุเดือด

หนึ่งในนั้นคือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN  ยักษ์ใหญ่วงการค้าปลีกและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รูปแบบมิกซ์ยูส ที่ประกาศแผนยุทธศาสตร์ 5-10 ปี เมื่อช่วงไตรมาส 2 ของปี 2567 ที่ผ่านมา ตอกยํ้าการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ จำนวน 5 โครงการ วงเงิน 1.21 แสนล้านบาท มีพื้นที่รวมกันมากถึง 2.2 ล้านตารางเมตร

โดยมีโครงการเรือธงที่อยู่ระหว่างก่อสร้างได้แก่ โครงการดุสิตเซ็นทรัลพาร์ค, เซ็นทรัลพหลโยธิน, เซ็นทรัลสยามสแควร์เป็นต้น และยังคงเดินหน้าขยายโครงการมิกซ์ยูสอย่างต่อเนื่อง

โดยมีหมุดหมายเจาะทำเลยุทธศาสตร์สำคัญ สร้างแลนด์มาร์กใหม่ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยวเช่น ภูเก็ต กระบี่ และเชียงใหม่ ยังไม่รวมการขยายคอมมูนิตี้มอลล์ ในทำเลศักยภาพ เนื่องจากที่ดินมีราคาสูงและนับวันจะหายากยิ่ง

อย่างไรก็ตามหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสที่สำคัญที่สุดของเซ็นทรัลพัฒนา คือ “เซ็นทรัลเวิลด์” แหล่งช้อปปิ้ง ใจกลางเมือง เป็นที่รู้จักทั้งในกลุ่มชาวไทยและชาวต่างชาติ บนทำเลสี่แยกราชประสงค์ใจกลางกรุงเทพมหานคร บนพื้นที่กว่า 830,000 ตารางเมตร

สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งช้อปปิ้ง แต่ยังเป็นมิกซ์ยูสที่รวบรวมพื้นที่หลากหลายประเภท เช่น พื้นที่ช้อปปิ้ง, สำนักงาน เซ็นทรัลเวิลด์ออฟฟิศเศส, โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์, โรงภาพยนตร์, และสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ ไว้ในบริเวณเดียวกัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกคน ทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

อีกหนึ่งในโครงการที่น่าจับตามอง  นั่นคือ เมกะโปรเจ็กต์มิกซ์ยูสของ เซ็นทรัลพัฒนา อย่าง “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ที่ร่วมพัฒนากับกลุ่มโรงแรมดุสิตธานี เป็นโครงการแรกตั้งอยู่ใจกลางย่านหัวมุมสีลม-พระราม 4 เนื้อที่ 23 ไร่ บนที่ดินสำนักงานทรัพย์สินทรัพย์พระมหากษัตริย์

โดยเพิ่งเปิดตัวเฟสแรก โรงแรมดุสิตธานี เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โครงการนี้เน้นการผสมผสานพื้นที่ค้าปลีก โรงแรม ที่พักอาศัย และออฟฟิศเข้าไว้ด้วยกันบนพื้นที่ 440,000 ตารางเมตร มีมูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 46,000 ล้านบาท ทั้งนี้มีกำหนดการเปิดตัวส่วนศูนย์การค้าและสำนักงานในปี 2568

และที่กำลังเปลี่ยนแปลงแยกปทุมวัน ที่เป็นของสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บนเนื้อที่ 6 ไร่ จากโรงภาพยนตร์สกาลา เป็นโครงการมิกซ์ยูส “เซ็นทรัล สยามสแควร์” ที่มีทั้งศูนย์การค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน กำหนดเปิดเฟสแรก ปี 2569

อีกโครงการใหญ่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท คือ “เซ็นทรัล พหลโยธิน” ที่หลายฝ่ายน่าจับตามองว่าจะมาแทนที่ “เซ็นทรัล ลาดพร้าว” ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาเช่าที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในปี 2571 และมีบิ๊กทุนรายใหญ่ต้องการเช่าที่ดินผืนนี้ต่อ

แต่ล่าสุดได้รับการยืนยันจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า ทางเซ็นทรัลพัฒนา ได้ติดต่อเจรจา ต่อสัญญาเช่าเนื่องจากเป็นขุมทรัพย์สำคัญมีคนเข้าใช้สอยในพื้นที่จำนวนมากและสร้างรายได้ผลตอบแทนสูงที่สุดในกลุ่ม

นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนา ยังได้ประกาศทุ่มงบกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อรีโนเวท ศูนย์การค้าที่อยู่ในยุทธศาสตร์ “Retail-Led Mixed-Use” บนทำเลศักยภาพอีก 4 แห่ง โดยแห่งแรกคือ “เซ็นทรัล บางนา” โครงการมิกซ์ยูสใหญ่ของย่าน บนพื้นที่ 55 ไร่ ก็กำลังอยู่ระหว่างการปรับโฉมครั้งใหญ่เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง

โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงภายใต้คอนเซปต์ “Urban Luxe & Lush Lifestyle” ให้เป็นแหล่งช็อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ครบครัน พร้อมดึงแบรนด์ลักชัวรีหลายแบรนด์เข้ามา และเพิ่มพื้นที่สำหรับกิจกรรมในครอบครัว รวมถึงพื้นที่สำหรับงานศิลปะและนิทรรศการอีกด้วย

ต่อมาคือ “เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า” แลนด์มาร์กสำคัญในย่านฝั่งธนบุรีที่มีฐานลูกค้ากลุ่มครอบครัวมีกำลังซื้อ “เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ” ที่รองรับการขยายเมือง เติบโตและเปลี่ยนผ่านจากย่านชานเมืองไปสู่ New CBD และ “เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต” ที่ผสมผสานด้านวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์

นอกจากกรุงเทพฯ แล้ว เซ็นทรัลพัฒนายังมุ่งหน้าขยายมิกซ์ยูสในเมืองท่องเที่ยวอื่น เช่น “เซ็นทรัล กระบี่” ภายใต้คอนเซปต์ “New Haven of Life” บนพื้นที่ 114 ไร่ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 4,500 ล้านบาท

โครงการนี้จะประกอบไปด้วยศูนย์การค้า โรงแรม คอนโดมิเนียม และบ้านพักอาศัยระดับพรีเมียม ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ในภาคใต้ โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2568

อย่างไรก็ตาม คาดว่าเซ็นทรัลพัฒนายังมีอีกหลายโปรเจ็กต์ที่ยังไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นการ แต่เป็นที่ทราบดีว่ายังมีที่ดินอีกหลายทำเลที่ยังอยู่ในช่วงศึกษาและพัฒนาโครงการใหม่ในมือของ เซ็นทรัลพัฒนา

อย่างที่ดินย่านพระราม 9 ที่เซ็นทรัลพัฒนา ถือหุ้นใหญ่ บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ “GLAND” โครงการ “เดอะ แกรนด์ พระราม 9” (The Grand Rama 9) พื้นที่ใจกลางเมืองบนพื้นที่ประมาณ 73 ไร่ ตั้งอยู่บนหัวมุมถนนพระราม 9 ตัดถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพสูงในย่านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร และแปลงที่ดินขนาดใหญ่ 761ไร่ ย่านรังสิต ปทุมธานี ที่มีแผนพัฒนาเป็นเมืองมิกซ์ยูส ในอนาคต เป็นต้น

ทั้งนี้ การขยายตัวของอาณาจักรมิกซ์ยูสในหลากหลายภูมิภาคสะท้อนถึงเทรนด์ในการพัฒนาอสังหาเริมทรัพย์ในยุคใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของหลากหลายไลฟ์สไตล์ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายสำหรับผู้บริโภค และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจเมืองท่องเที่ยวและเพิ่มความหลากหลายให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


SIRI-AP-SPALI นำทัพอสังหาฯ โตแกร่งช่วง 9 เดือนแรก ปี 67 แม้เผชิญสภาวะท้าทาย

ผลประกอบการผู้พัฒนาอสังหาฯ 9 เดือนแรกปี 2567 ยังเติบโต แม้สภาพเศรษฐกิจและการเมืองไม่เอื้อ ผู้ประกอบการชั้นนำเดินหน้าสร้างรายได้และกำไรต่อเนื่อง แสนสิริ เอพี (ไทยแลนด์) และศุภาลัย ขึ้นเท่น 3 บริษัทที่ทำผลงานโดดเด่น

ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ของปี 2567  แต่ด้วยกำลังซื้อบางส่วนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีอยู่ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลที่ประกาศใช้มาก่อนหน้านี้

รวมถึงการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้ประกอบการหลายๆ รายผ่านกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ยังคงรักษารายได้และกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ครองอันดับหนึ่งของตลาดด้วยรายได้รวมกว่า 28,877 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการขายบ้านจัดสรร ซึ่งกลุ่มสินค้าลักชัวรี่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ในต่างจังหวัดมีสัดส่วนมากกว่ากรุงเทพฯ

ด้านบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ตามมาเป็นอันดับสองด้วยรายได้รวม 27,676 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการบ้านแนวราบเช่นเดียวกัน และบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เป็นอันดับสาม โดยมีรายได้รวม 22,792 ล้านบาท

ในส่วนของกำไรสุทธิ ศุภาลัยทำกำไรสูงสุดที่ 4,201 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สะท้อนถึงความสำเร็จในการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม

แสนสิริตามมาเป็นอันดับสองด้วยกำไรสุทธิ 4,009 ล้านบาท และเอพี (ไทยแลนด์) ตามมาเป็นอันดับสามด้วยกำไรสุทธิ 3,727 ล้านบาท แม้ว่ากำไรของแสนสิริและเอพีจะลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง

สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 4 ปี 2567 คาดการณ์ว่ากำลังซื้ออาจไม่ได้รับผลกระตุ้นมากนัก แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ถึงอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง แต่มองว่าปัญหาการอนุมัติสินเชื่อยังเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย

เนื่องจากสถาบันการเงินมีการเข้มงวดในการอนุมัติวงเงินสินเชื่อ ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการยังคงพยายามตรึงราคาขายและออกมาตรการช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านเพื่อสนับสนุนกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการซื้อจริง

ถึงแม้ว่าปีนี้อาจไม่ได้เห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดในด้านรายได้และกำไร แต่ก็ประเมินว่าจนถึงสิ้นปี 2567 จะมีผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สร้างรายได้และกำไรได้มากกว่าปีที่ผ่านมา และอาจจะมีผู้ประกอบการบางรายที่ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้เมื่อตอนต้นปี

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้15พ.ย. “แข็งค่าขึ้น” ที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หรือ ชะลอการอ่อนค่าลง เมื่อทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีนไอไลท์สำคัญวันนี้และยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของสหรัฐ มองกรอบเคลื่อนไหวคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.85-35.20 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้15พ.ย.2567 ที่ระดับ  35.00 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  35.15 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทในวันก่อนทะลุโซนแนวต้านสำคัญ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้เปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าได้ถึง 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์

อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจเริ่มชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดได้กลับมาเชื่อว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด พอสมควรแล้ว

โดยเฉพาะในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่า เฟดมีโอกาสที่จะคงดอกเบี้ยในการประชุมดังกล่าวได้ (โอกาสยังดู 50%-50% ทำให้มีโอกาสที่ผู้เล่นในตลาดจะ price-in แนวโน้มการคงดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้นอีกได้)

ส่วนในปีหน้า ผู้เล่นในตลาดก็ยังมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้ง ทำให้ เราประเมินว่า เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นต่ออีกไม่มากนัก อย่างไรก็ดี เงินบาทยังคงอ่อนไหวต่อโฟลว์ธุรกรรมสินค้าโภคภัณฑ์อยู่พอสมควร ทำให้ตราบใดที่ราคาทองคำยังมีจังหวะปรับตัวลดลง ก็อาจกดดันหรือเร่งการอ่อนค่าของเงินบาทได้

อย่างไรก็ดี ในช่วงวันนี้ เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หรือ อย่างน้อยก็ชะลอการอ่อนค่าลง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน (ทยอยรับรู้ในช่วง 9.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) นั้น สะท้อนการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจจีน และหากออกมาดีกว่าคาด ก็จะช่วยหนุนให้เงินหยวนจีน (CNY) กลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หรืออาจทรงตัว ไม่ได้อ่อนค่าลงชัดเจน ในกรณีที่ข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาตามคาด

เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ในช่วงราว 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดความผันผวนลักษณะ Two-Way Volatility ต่อเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ ขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.85-35.20 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวผันผวนในลักษณะ Sideways Down (กรอบการเคลื่อนไหว 34.79-35.17 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้โซนแนวรับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์ ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์

และการพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ราว +30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี เงินบาทก็พลิกกลับมาอ่อนค่าลงกลับสู่โซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์อีกครั้ง หลังถ้อยแถลงล่าสุดของประธานเฟด Jerome Powell ที่ระบุว่า

“เฟดไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย” ทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม เพียง 48% ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ผู้เล่นในตลาดประเมินไว้ถึง 83% (จาก CME FedWatch Tool)

ซึ่งภาพดังกล่าวก็สอดคล้องกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดพนัน ที่ต่างเชื่อว่า เฟดมีโอกาสเพียง 59% จากที่เคยให้โอกาสไว้เกิน 70% ในวันก่อนหน้า (จาก Kalshi) โดยการปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดดังกล่าว ได้หนุนให้เงินดอลลาร์ และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กลับมาปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและค่าเงินบาท

ถ้อยแถลงของประธานเฟดล่าสุดที่ระบุว่า เฟดไม่ได้จำเป็นต้องเร่งรีบปรับลดดอกเบี้ยนั้น ได้กดดันให้บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางแรงขายบรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth

โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นได้ร้อนแรงหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่าง Tesla -5.8% ทำให้โดยรวม ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลง -0.64% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.60%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +1.08% หนุนโดยรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเศรษฐกิจขยายตัวได้ +0.9%y/y ตามคาด

ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ส่วนใหญ่ออกมาสดใส นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับอานิสงส์ จากคาดการณ์ยอดขายในช่วง 5 ปี ข้างหน้าที่โดดเด่นของบริษัท Semiconductor รายใหญ่ อย่าง ASML +7.0% ซึ่งช่วยหนุนให้บรรดาหุ้นกลุ่ม Semiconductor ของยุโรปต่างปรับตัวขึ้น

ในส่วนของตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways โดยแม้ว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะมีจังหวะย่อตัวลงหลุดโซน 4.40% ทว่ามุมมองของผู้เล่นในตลาดที่กลับมาเชื่อว่า เฟดมีโอกาสมากขึ้นที่จะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ (และมีโอกาสทยอยลดดอกเบี้ยในปีถัดๆ ไป ได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน) หลังรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟดล่าสุด

ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รีบาวด์ขึ้นกลับสู่โซน 4.45% อีกครั้ง โดยผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างคงรอจังหวะบอนด์ยีลด์ ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว ทำให้การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ดูจะเป็นไปอย่างจำกัด

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR) ที่ได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นราว +1% ของตลาดหุ้นยุโรป และแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD

ทว่า เงินดอลลาร์ก็สามารถรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้ จากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลว่า เฟดอาจคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงทรงตัวแถวโซน 106.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 106.4-107 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงแรกได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) สามารถรีบาวด์ขึ้นกลับสู่โซน 2,580 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเผชิญแรงกดดันจากการพลิกกลับมาสูงขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า เฟดมีโอกาสมากขึ้นที่จะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ห้ามพลาด คือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือนตุลาคม เป็นต้น

โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวสะท้อนภาพการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจจีนก็อาจช่วยลดแรงกดดันต่อสินทรัพย์จีน ทำให้เงินหยวนจีน (CNY) มีโอกาสชะลอการอ่อนค่าลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชียด้วยเช่นกัน

ส่วนในฝั่งอังกฤษ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ซึ่งภาพดังกล่าวอาจส่งผลต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้

และในฝั่งสหรัฐฯ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนตุลาคม พร้อมกันนั้นผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟด โดยเฉพาะการปรับดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนธันวาคมนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“บาส-เฟม” ลิ่วก่อนรองฯ – “เมย์ รัชนก” ร่วงรอบ2แบดมินตันเจแปน

“บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่ผสมไทยโชว์ฟอร์มแรง ปาดหน้าคว้าชัยเหนือ โรบิน ทาเบลลิ่ง กับ อเล็กซานดร้า โบเจ้ จากเดนมาร์ก และ เนเธอร์แลนด์  2-1 เกม ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ด้าน เมย์ รัชนก อินทนนท์ หญิงเดี่ยวมือ 18 ของโลก พ่าย เกรกลอเลีย มาริสก้า ตุนจุง มือ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย ตกรอบสองแบดมินตันคุมาโมโตะ มาสเตอร์ส เจแปน 2024

การแข่งขันแบดมินตันรายการ คุมาโมโตะ มาสเตอร์ส เจแปน 2024 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 ที่เมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบสอง 

ประเภทคู่ผสม รอบสอง “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่มืออันดับ 201 ของโลก พบกับ  โรบิน ทาเบลลิ่ง กับ อเล็กซานดร้า โบเจ้ คู่มืออันดับ194 ของโลกจาก เดนมาร์ก/เนเธอร์แลนด์ 

เกมนี้ รูปเกมออกมาอย่างสนุก และเล่นกันอย่างขับเคี่ยว แต่เป็นคู่ของบาส กับ เฟม ที่อาศัยจังหวะในช่วงปลายเกมได้ดีกว่าเบียดเอาชนไปแบบหวุดหวิด 2-1 เกม 21-12, 17-21 และ 21-19 “บาส” เดชาพล กับ “เฟม” ศุภิสรา ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปพบกับ  ฮู ปังรอง กับ เฉิน ซูหยิน คู่มืออันดับ 25 ของโลกจากมาเลเซีย

ด้าน “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “เจน” เฌอย์ณิชา สุดใจประภารัตน์ คู่มืออันดับ 31 ของโลก พบกับ ฮิโรกิ นิชิ กับ อาการิ ซาโตะ คู่มืออันดับ 66 ของโลกจากญี่ปุ่น  เกมนี้ คู่ ไตเติ้ล กับ เจน งัดฟอร์มการเล่นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ตบเอาชนะไปได้ 2-0 เกม 21-14 , 21-18 “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค กับ “เจน” เฌอย์ณิชา ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปพบกับ ทอม กีเซล กับ เดลฟิน เดลรูร์ คู่มืออันดับ 22 ของโลกจากฝรั่งเศส 

ประเภทหญิงเดี่ยว รอบสอง “เมย์” รัชนก อินทนนท์ มืออันดับ 18 ของโลก พบกับ เกรกลอเลีย มาริสก้า ตุนจุง มือวางอันดับ 5 ของรายการ มืออันดับ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย 

เกมแรก ตุนจุง เป็นฝ่ายที่เล่นได้เหนือกว่าโดนเน้นเกมหน้าเน็ตใส่เมย์ รัชนก จนปิดเกมแรกไปได้ก่อนที่ 21-15 

เกมสอง ทั้งคู่ต่างเปิดเกมได้อย่างตลอดและทำแต้มได้ต่อเนื่อง แต่ตุนจุง ใช้จังหวะการเล่นที่เฉียบขาดกว่าในช่วงกลางเกมสองและทำแต้มรัวจนมาปิดแมตช์ไปได้ที่ 21-15 ทำให้เอาชนะไปได้ 2-0 เกม ส่งผลให้ เมย์ รัชนก จบเส้นทางไว้เพียงแค่รอบสอง

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


5 โรคระบาดหน้าหนาว ทุกเพศทุกวัยควรระวัง

แม้ว่าหน้าหนาวบ้านเราจะไม่ค่อยหนาวเท่าไร แต่ก็มีโรคระบาดหน้าหนาว ที่ทุกเพศทุกวัยควรระวังอยู่ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องระวังเจ็บป่วย สามารถฉีดวัคซีนป้องกัน หมั่นรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ

กลุ่มเสี่ยงโรคระบาดหน้าหนาว

นายชวินทร์ ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูหนาว มีกลุ่มเสี่ยงโรคระบาด ได้แก่ 

  • เด็กเล็กช่วงอายุ 0-5 ปี 
  • ผู้สูงอายุ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง

โดยกลุ่มคนเหล่านี้อาจเจ็บป่วยด้วยโรคที่มาพร้อมฤดูหนาว ดังนี้

5 โรคระบาดหน้าหนาว ทุกเพศทุกวัยควรระวัง

  1. โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่
    อาการสำคัญ คือ มีไข้ ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล ไอ เจ็บหรือแสบคอ

    สำหรับไข้หวัดใหญ่จะมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป คือ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดกระดูกและกล้ามเนื้อ หรืออาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
  2. โรคติดเชื้อไวรัส RSV
    มีอาการสำคัญเหมือนโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ ซึ่งผู้ป่วยมักหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี รวมทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรังเกี่ยวกับหัวใจและปอด และผู้ป่วยภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

    หากพบว่ามีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ไอ มีเสมหะ หายใจเร็วและแรง หอบเหนื่อยหรือมีเสียงวี๊ดขณะหายใจ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
  1. โรคมือ เท้า ปาก
    อาการสำคัญ คือ มีไข้ 2–4 วัน เบื่ออาหาร มีแผลคล้ายแผลร้อนในที่ปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม และมีผื่นเป็นจุดแดง ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำพองใส แดง บริเวณที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ต้นขา หรือที่ก้น ไม่มีอาการคัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนจะทุเลาและหายเป็นปกติภายใน 10 วัน
  2. โรคหลอดลมอักเสบ และปอดบวม
    อาการสำคัญ คือ มีไข้ ไอ มีเสมหะมาก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เหนื่อยหอบ
  3. โรคอุจจาระร่วงจากเชื้อโรต้าไวรัส
    อาการสำคัญ คือ มีไข้ อาเจียน และถ่ายเหลวเป็นน้ำ ซึ่งอาการถ่ายเหลวจะหายภายใน 3-7 วัน 

นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ภูมิแพ้ ผื่นผิวหนังอักเสบ ตาอักเสบ เป็นต้น

วิธีดูแลตัวเอง ลดความเสี่ยงโรคระบาดหน้าหนาว

  1. หมั่นดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และจัดเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น
  2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ กินอาหารร้อนหรืออาหารปรุงสุกใหม่
  3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
  4. ใส่หน้ากากอนามัย/ผ้า ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดหรือใช้เจลแอลกอฮอล์ 70%
  5. หากบุตรหลานป่วยให้พักรักษาตัวอยู่บ้าน และควรหยุดเรียนจนกว่าจะหายเป็นปกติ
  6. ดูแลอนามัยสิ่งแวดล้อม โดยการกำจัดขยะและสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะ ดูแลรักษาและทำความสะอาดอาคาร สถานที่ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องเล่น ของใช้ ของเด็กเล่น เป็นประจำทุกสัปดาห์ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


มัดรวมศัพท์เทศกาลสำคัญ วันหยุด ภาษาอังกฤษ ทั้งไทยและต่างประเทศ

หากพูดถึงเทศกาลในประเทศไทยและต่างประเทศแล้ว เราก็จะเห็นได้ว่า ฝั่งเอเชียและยุโรป หรือ แต่ละประเทศก็มีเทศกาลที่แตกต่างกันออกไป แต่บางคนอาจมีข้อสงสัยว่า แต่ละเทศกาล วันหยุด ภาษาอังกฤษ ที่เคยได้ยินคุ้นหูเรียกว่าอย่างไรบ้าง เช่น วันฮัลโลวีน วันขอบคุณพระเจ้า วันสงกรานต์ เป็นต้น มีความแตกต่างกันอย่างไรและมีความสำคัญอย่างไรบ้าง พร้อมกับประโยคและศัพท์ที่สำคัญในแต่ละเทศกาล

เทศกาลในไทยและต่างประเทศมีความสำคัญและแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน

ความสำคัญของเทศกาลในประเทศไทยและต่างประเทศมีความสำคัญมากพอ ๆ กัน เพียงแต่ขึ้นอยู่กับว่า เทศกาลนั้นเน้นย้ำถึงความสำคัญเรื่องใดและอะไรคือแก่นแท้ของเทศกาลนั้น ๆ โดยแน่นอนว่า แต่เทศกาลจะมีความเป็นมาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเทศ ภาษา เชื้อชาติ สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและทำไมไปเพื่ออะไรนั่นเอง จากนี้เรามาดูไปพร้อม ๆ กันว่า มีเทศกาลอะไรที่สำคัญในยุโรปและเอเชีย รวมถึงประเทศต่าง ๆ ที่โด่งดังในเทศกาลนั้น ๆ พร้อมคำศัพท์ที่นำไปพูดคุย ใช้ต่อเกี่ยวกับเทศกาลนั้นได้เลย โดยเราจะเริ่มที่ประเทศไทยเป็นอันดับแรก

คำศัพท์เทศกาล วันหยุด ภาษาอังกฤษ น่ารู้!

เทศกาล วันหยุด ภาษาอังกฤษ ในประเทศไทย

  1. สงกรานต์ – Songkran Festival

สงกรานต์เป็นเทศกาลอันดับหนึ่งของประเทศไทยที่แปลมาจากภาษาบาลีสันสกฤตที่หมายถึง “การเปลี่ยนผ่าน” ซึ่งเป็นปีใหม่ไทยที่ทุกคนจะสาดน้ำเพื่อเป็นการชำระล้างและไล่ความทุกข์ ความโศกออกจากประเทศนี้ไป นับว่า เป็นเทศกาลที่มีความสนุกสนานมาก ๆ โดยตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน ทุกปีทั่วทั้งประเทศ ก่อนจะไปเล่นน้ำคนก็จะนิยมไปทำบุญตักบาตรและสรงน้ำพระกัน

  • Water Splash = การสาดน้ำ
  • Watering Buddha Image = สรงน้ำพระพุทธรูป
  • Offering / merit-making = ทำบุญตักบาตร
  1. ผีตาโขน – Phi Ta Khon

ผีตาโขนเป็นเทศกาลที่มีต้นกำเนิดมาจากทางภาคอีสานจากการละเล่นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ผีตาโขน” ที่ผู้เล่นจะต้องสวมหน้ากากที่วาดหรือแต้มให้หน้ากลัวเหมือนผี แต่งกายโดยใช้ผ้าเก่า ผ้ามุ้ง หรือ ใช้เศษผ้านำมาห่อหุ้มร่างกายให้มิดชิด ซึ่งจะร่วมเข้าขบวนเพื่อเดินรอบเมือง เมื่อเสร็จสิ้นขบวนแล้วจะต้องนำเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นผีทิ้งในทันที เพื่อไล่ผี หรือ ความทุกข์ออกจากเมืองไป

  • Ghost Mask = หน้ากากผี
  • Vibrant Costume = ชุดที่มีสีสันสดใส
  • Spirits of Deceased Ancestors = ดวงวิญญาณบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ
  1. ลอยกระทง – Loy Krathong

สำหรับวันลอยกระทงแล้ว การลงกระทงที่เราอาจประดิษฐ์ขึ้นเองจากวัสดุพื้นบ้านที่มี เช่น ใบไม้ ดอกไม้ ก้านกล้วย พร้อมธูปเทียนเพื่อนำไปลอยแม่น้ำถวายพระแม่คงคา เพื่อเป็นการการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคาที่เราได้ล่วงเลยจากการใช้น้ำสิ้นเปลือง หรือ ทิ้งขยะลงไป อีกทั้งยังลอยทุกข์ลอยโศกไปตามแม่น้ำ นอกจากนี้ยังมีประเพณีลอยโคมในแถบภาคเหนืออีกด้วย

  • Crafted Floating Basket (Krathong) = กระทง
  • Goddess of Water = พระแม่คงคา (เทพผู้รักษาสายน้ำ)
  • Full Moon Night = คืนที่พระจันทร์เต็มดวง

เทศกาลในประเทศจีน

  1. Lunar New Year, Chinese New Year festival = เทศกาลปีใหม่จีน

เทศกาลปีใหม่จีน หรือ เรียกกันว่า ตรุษจีน นับเป็นวันหยุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศจีนที่ครอบครัวในจีนมักจะใช้เวลาร่วมกันในวันนี้เพื่อทำอาหารและไหว้บรรพบุรุษร่วมกัน อีกทั้งยังมีการแจกอั่งเปา หรือ แต๊ะเอีย ให้กับบุตรหลานที่ยังไม่ได้ทำงานและเรียนหนังสืออยู่ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ให้ จะได้มีความร่ำรวย ปิติสุขนับแต่นี้ไป

  • Family Reunion = รวมตัวครอบครัว
  • Red Envelope = อั่งเปา หรือ แต๊ะเอีย
  • Longevity Noodles = หมี่ซั่ว (รับประทานเพื่อให้ชีวิตยืนยาว)
  1. Mid-Autumn Festival, Moon Festival = เทศกาลขนมไหว้พระจันทร์

เทศกาลนี้รับเป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดในวัฒนธรรมจีนที่มีขึ้นในกลางฤดูใบไม้ร่วงเพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว โดยผู้คนมักจะตกแต่งบ้านให้มีความสวยงามด้วยโคมประดับสีแดง นอกจากนี้ไฮไลท์ที่สำคัญคือขนมไหว้พระจันทร์ที่มีลักษณะกลม ๆ คล้ายกับพระจันทร์ นำไปไหว้กลางแจ้งหลังพระอาทิตย์ตกดินก่อนพระจันทร์จะลอยขึ้นฟ้า และขอพรระหว่างนั้น

  • Moon Cake = ขนมไหว้พระจันทร์
  • Red Lantern = โคมไฟแดง
  • Praying = การขอพร
  1. Dragon Boat Festival = เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง

เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง มีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกอีกชื่อว่า เทศกาลตวนอู่ หรือ เทศกาลต่วนหงอ ซึ่งเป็นการระลึกถึงชายที่มีชื่อว่า คุดก้วน หรือ ชีว์หยวน เป็นผู้ที่กระโดดน้ำเสียชีวิตจากความโศกเศร้า ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรอบรู้และความสามารถรอบด้าน จนวันหนึ่งถูกใส่ความจากขุนนางมากมาย นอกจากนี้ยังมีการไหว้บ๊ะจ่างและประเพณีแข่งเรือมังกร

  • Rice Dumpling, Zongzi = ขนมบ๊ะจ่าง
  • Honor = เกียรติยศ
  • Worship = กราบไหว้, นมัสการ

เทศกาล วันหยุด ภาษาอังกฤษ ในฝั่งยุโรป

  1. วันฮาโลวีน – Halloween

ฮาโลวีน หรือ ที่เรียกวันปล่อยผีในบ้านเรานั้น มีประวัติมาจากคืนก่อนวันออลเซนต์ส (All Saints’ Day) ในศาสนาคริสต์ โดยเชื่อกันว่า วันนี้เป็นวันที่วิญญาณของคนตายจะออกมาป่วนโลกมนุษย์ โดยผู้คนนิยมแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจในวันนี้ หากเป็นวัยเด็กก็จะขนมจากการเคาะประตูตามบ้าน พร้อมประโยค “Trick or Treat!” ที่หมายถึง ให้หลอก หรือ ให้ขนมนั่นเอง

  • Ghost = ภูตผี
  • Coffin = โลงศพ
  • Haunted House = บ้านผีสิง
  1. วันขอบคุณพระเจ้า – Thanksgiving

วันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันหยุดประจำชาติสำหรับชาวอเมริกันและอีกหลาย ๆ ชาติที่นับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งจัดขึ้นช่วงเดือนตุลาคม เพื่อเป็นการขอบคุณพระเป็นเจ้าที่ได้อพยพถิ่นชาวอเมริกันชุดแรกให้มีชีวิตรอดมาได้ อีกทั้งยังเป็นวันที่สมาชิกครอบครัวจะใช้เวลาร่วมกันเพื่อรับประทานอาหารมื้อเย็น พร้อมกับขอพรจากพระเป็นเจ้าพร้อม ๆ กัน อีกทั้งเป็นช่วงเก็บเกี่ยวพืชผลด้วย

  • Roast Turkey = ไก่งวงย่าง
  • Thankful = ที่รู้สึกขอบคุณ
  • Feast = งานฉลองที่จัดโต๊ะมีอาหารมากมาย

ตัวอย่างคำศัพท์ วันหยุด ภาษาอังกฤษ ในประโยค

1. วันสงกรานต์ – Songkran

Water Splash

The young folk make this an occasion for water splash!

= เด็กกลุ่มนี้ถือโอกาสนี้สาดน้ำกันเลยทีเดียว

Watering Buddha Image

We use scented water for watering buddha image.

= เราใช้น้ำมนต์ในการสรงน้ำพระพุทธรูป

Making Offering

She is making offerings the monks with food and desserts.

= เธอกำลังเตรียมอาหารและขนมหวานเพื่อถวายพระภิกษุสงฆ์

2. ผีตาโขน – Phi Ta Khon

Ghost Mask

The children see a group of ghosts in costume and ghost masks dancing on the road.

= เด็กๆ ได้เห็นผีกลุ่มหนึ่งสวมชุดแฟนซีและหน้ากากผีเต้นรำอยู่บนถนน

Vibrant Costume

It’s so pleasant to wear the vibrant costume.

= การได้สวมชุดสีสันสดใสเป็นกิจกรรมที่น่าสนุก

Spirits of Deceased Ancestors

This festival is also for our spirits of deceased ancestors.

= เทศกาลนี้ยังจัดขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ดวงวิญญาณบรรพบุรุษผู้ล่วงลับอีกด้วย

3. ลอยกระทง – Loy Krathong

Crafted Floating Basket

Most of crafted floating basket are made of a slice of a banana tree trunk and lotus, roses, marigolds, and orchids.

= ตะกร้าลอยน้ำที่ประดิษฐ์ส่วนใหญ่ทำมาจากลำต้นของต้นกล้วยและดอกบัว ดอกกุหลาบ ดาวเรืองและกล้วยไม้

Goddess of Water

Goddess Ganga is the goddess of water in Hindu Mythology.

= พระแม่คงคา เป็นเทพีแห่งน้ำในตำนานฮินดู
Full Moon Night

= The next full moon will be on Monday.

พระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไปจะตรงกับวันจันทร์

4. วันตรุษจีน – Lunar New Year, Chinese New Year festival

Family Reunion

Family reunion is quite an important part for Lunar New Year.

= งานรวมญาติเป็นส่วนสำคัญมากสำหรับเทศกาลตรุษจีน

Red Envelop

Always receive your red envelope with both hands.

= ควรรับอั่งเปาด้วยมือทั้งสองข้างเสมอ

Longevity Noodles

Longevity noodles are a symbolic of luck and healthy.

=หมี่ซั่วเป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภและสุขภาพที่ดี

5. วันไหว้พระจันทร์ – Mid-Autumn Festival, Moon Festival

Mooncake

Mooncakes are a type of snack or dessert pastry with a sweet or savory filling.

= ขนมไหว้พระจันทร์เป็นอาหารว่างหรือของหวานชนิดหนึ่งที่มีไส้หวานหรือคาว

Red Lantern

There were two big red lanterns hanging over the gate.

= มีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่สองดวงแขวนอยู่เหนือประตู

Praying

Just five minutes of prayer a day can make a difference.

= การขอพรอธิษฐานเพียง 5 นาทีต่อวันสามารถสร้างความแตกต่างได้

6. วันเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง – Dragon Boat Festival

Rice Dumpling, Zongzi

Zongzi is a traditional Chinese rice dish made of glutinous rice stuffed with different fillings and wrapped in bamboo leaves.

= บ๊ะจ่างเป็นอาหารดั้งเดิมของจีนที่ทำจากข้าวเหนียวยัดไส้ต่าง ๆ และห่อด้วยใบไผ่

Honor

Qu Yuan had the honor even in the last minute.

= ชฺวียเหวียนได้รับเกียรติแม้ในช่วงนาทีสุดท้ายของชีวิต

Worship

Many ancient cultures worship the sun and moon.

= วัฒนธรรมโบราณหลายแห่งบูชาพระอาทิตย์และพระจันทร์

7. วันฮาโลวีน – Halloween

Ghost

= Teenagers looked for ghosts in the graveyard on Halloween.

เหล่าวัยรุ่นออกตามหาผีในสุสานในวันฮาโลวีน

Coffin

A Coffin is an object that vampires use to sleep inside.

= โลงศพคือสิ่งของที่แวมไพร์ใช้นอนอยู่ข้างใน

Haunted House

The Haunted House is an old and spooky place.

= บ้านผีสิงเป็นสถานที่เก่าแก่และน่ากลัว

8. วันขอบคุณพระเจ้า – Thanksgiving

Roast Turkey

You can do a roast turkey by cooking it in the oven.

= คุณสามารถย่างไก่งวงได้โดยนำไปอบในเตาอบ

Thankful

We are thankful for the food you are preparing for us.

= เราขอบคุณสำหรับอาหารที่คุณเตรียมไว้ให้เรา

Feast

They ate a Thanksgiving feast on Thursday.

= พวกเขารับประทานอาหารเลี้ยงวันขอบคุณพระเจ้าในวันพฤหัสบดี

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


“ปั๊มติ๊ก” คืออะไร? อายุการใช้งานกี่ปีถึงต้องเปลี่ยน?

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “ปั๊มติ๊ก” แต่ไม่เคยรู้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวคืออะไร แล้วทำไมถึงต้องเรียกปั๊มติ๊ก บทความนี้ Sanook Auto มีสาระความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ว่านี้มาฝากกัน

ปั๊มติ๊ก คืออะไร?

ปั๊มติ๊ก หรือ ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นอุปกรณ์สำคัญในระบบจ่ายเชื้อเพลิงของรถยนต์ มีหน้าที่สูบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงจากถังน้ำมันไปยังเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง

สาเหตุที่หลายคนเรียกปั๊มเชื้อเพลิงว่าปั๊มติ๊ก เป็นเพราะลักษณะการทำงานของตัวปั๊มที่จะส่งเสียงดังติ๊กเวลาที่บิดกุญแจ แต่ปัจจุบันปั๊มติ๊กนิยมใช้แบบขับด้วยเฟือง และมอเตอร์ไฟฟ้าประกอบเป็นชุดเดียวกันกับชุดลูกลอยวัดระดับน้ำมัน ซึ่งผู้ใช้รถจะไม่ได้ยินเสียงติ๊กที่ว่า แต่ช่างไทยก็ยังคงนิยมเรียกว่าปั๊มติ๊ก เพราะสามารถเข้าใจได้ง่ายนั่นเอง

หากปั๊มติ๊กเสียจะมีอาการอย่างไร?

1. เครื่องยนต์สตาร์ทติดยากหรือไม่ติดเลย – หากปั๊มติ๊กเสีย ก็จะไม่มีน้ำมันส่งไปยังห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ส่งผลให้เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดนั่นเอง

2. เครื่องยนต์ดับขณะขับขี่ – ปั๊มติ๊กมีโอกาสที่จะเสียขณะขับขี่ได้ ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์ดับกลางอากาศ และอาจทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดอีกเลย

3. เครื่องยนต์มีอาการสะดุด – หากปั๊มติ๊กเกิดการเสื่อมสภาพ อาจส่งผลให้มีอาการสะดุดขณะเร่งเครื่อง หรือเครื่องยนต์เดินไม่เรียบได้

ทำไมต้องเปลี่ยนปั๊มติ๊ก?

ปั๊มติ๊กเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานตลอดเวลาขณะเครื่องยนต์ติด จึงมีโอกาสเสื่อมสภาพได้ตามอายุการใช้งาน โดยปัจจัยที่ทำให้ปั๊มติ๊กเสื่อมสภาพ ได้แก่

อายุการใช้งาน – โดยทั่วไปแล้วอายุการใช้งานของปั๊มติ๊กจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 – 150,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 5-7 ปีขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและการดูแลรักษาด้วย

ใช้น้ำมันคุณภาพต่ำ – น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีสิ่งเจือปนหรือมีคุณภาพต่ำ อาจทำให้ปั๊มติกเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

ปล่อยให้น้ำมันเกลี้ยงถังบ่อย – ปั๊มติ๊กจะอาศัยน้ำมันในถังเป็นตัวระบายความร้อน หากปล่อยให้น้ำมันเกลี้ยงถังบ่อยๆ มีโอกาสสูงที่ปั๊มติ๊กจะไม่สามารถดูดน้ำมันในถังได้ และจะทำให้ปั๊มติ๊กเกิดความร้อนสูงจนเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร

วิธีดูแลรักษาปั๊มติ๊ก

ปั๊มติ๊กเป็นชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นต้องรับการดูแลเหมือนกับชิ้นส่วนอื่นๆ แต่ถึงกระนั้น ผู้ใช้รถสามารถยืดอายุการใช้งานของปั๊มติ๊กได้ ด้วยการเลือกเติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน หลีกเลี่ยงการขับรถด้วยน้ำมันเหลือในถังน้อยเกินไป และหากสังเกตอาการที่บ่งบอกว่าปั๊มติกเสีย ควรรีบนำรถเข้าตรวจเช็คและซ่อมแซมโดยช่างผู้ชำนาญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาบานปลาย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


6 อาหารที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล ห่างไกลไขมันอุดตันเส้นเลือด

ลองเอื้อมมือไปจับตรงขอบห่วงยางหนาๆ ที่เอวดูสิ ตอนนี้หนาขึ้นมากี่นิ้วแล้ว ไม่ใช่แค่กางเกง และกระโปรงตัวเก่งที่จะใส่ไม่ได้นะ สุขภาพข้างในที่เรามองไม่เห็นมันก็กำลังแย่เหมือนกัน ไขมันต่างๆ นาๆ ภายใต้พุง และที่เกาะตามตับ ตามเส้นเลือดต่างๆ ล้วนแต่มาจากอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล และคอเลสเตอรอลสูงทั้งนั้น 

แต่ได้ยินคำว่า “คอเลสเตอรอล แล้ว ใช่ว่ามันจะไม่ดีไปเสียทั้งหมดนะคะ เพราะคอเลสเตอรอลแบ่งออกเป็น 2 ประเภท แบบที่เป็นคอเลสเตอรอลดี (HDL) ที่มาจากน้ำมันกอก หรือปลาทะเล และคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) ที่มาจากไขมันสัตว์

80% ของคอเลสเตอรอลไม่ได้มาจากอาหาร แต่มาจากการผลิตของตับ มีเพียง 20% ที่มาจากอาหารที่เราทานกันเข้าไป แต่ถึงกระนั้นการเลือกทานคอเลสเตอรอลดีมากกว่า ก็จะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดี แข็งแรง และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลีกเลี่ยงโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้มากเหมือนกันค่ะ 

6 อาหารที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล 

  1. ถั่ว และธัญพืช

    ไม่ว่าจะเป็นถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วดำ หรือธัญพืชอย่างข้าวโอ๊ต ลูกเดือย และอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกายได้เหมือนกัน 

ขนมปัง และข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี

ข้าวกล้อง ข้าวแดง ข้าวซ้อมมือ รวมไปถึงขนมปังโฮลวีต นอกจากจะช่วยลดคอเลสเตอรอลแล้ว ยังมีกากใยอาหารที่ช่วยชะลอการดูดซึมของน้ำตาล เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และยังช่วยให้การทำงานของระบบย่อยอาหารดีขึ้นอีกด้วย พูดง่ายๆ ว่ากินแล้วช่วยให้ถ่ายคล่องนั่นเอง

ผลไม้รสหวานน้อย ที่ทานได้ทั้งเปลือก

โดยปกติแล้วผลไม้มีใยอาหารที่ดีต่อการช่วยลดคอเลสเตอรอลอยู่แล้ว แต่หากผลไม้ชนิดนั้นมีน้ำตาลสูงเกินไป ก็ให้โทษแก่ร่างกายด้วยเช่นกัน เช่น ทุเรียน ลำไย เงาะ ดังนั้นควรเลือกทานผลไม้ที่มีรสหวานน้อย ถ้าเลือกทานได้ทั้งเปลือกได้ก็จะยิ่งดี เพราะเป็นการเพิ่มกากใยอาหารให้กับระบบย่อยอาหาร และบางผลไม้ วิตามินอยู่ที่เปลือกบางๆ ข้างนอกมากกว่าเนื้อในผลเสียอีก เช่น แอปเปิ้ล มะเขือเทศ ฝรั่ง สาลี่ ชมพู่ เป็นต้น

ผักใบเขียว

ผักอะไรก็ได้ที่เขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักโขม บล็อกโคลี่ ช่วยลเคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในเลือดได้มากเช่นกัน แถมยังมาพร้อมใยอาหารที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย

หอม กระเทียม

ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ลดระดับไขมัน และคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในเลือด นอกจากนี้ยังช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย

มะเขือ

ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศ มะเขือเปราะ หรือมะเขือพวง ก็มีวิตามินซีที่ช่วงป้องกันโรคหวัด บำรุงผิวพรรณ และยังช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้อีกด้วย

เลือกทานได้ตามความชอบเลยนะคะ หรือถ้าจะให้ดีก็ทานทั้งหมดนี้แหละ สลับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ แล้วอย่าลืมเลี่ยงอาหารทอด อาหารมัน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอกันด้วยนะคะ สุขภาพดีหาได้ไม่ยากจริงๆ นะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15/11/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a42,350.0042,450.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,743.0041,583.8842,950.00
ทองรูปพรรณ 90%2,468.7037,425.49n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,194.4033,267.10n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,234.0018,707.44n/a
ทองรูปพรรณ 40%960.0014,553.60n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,842.0043,084.72n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15/11/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.6535.6536.2535.6535.6535.6535.6535.6535.6535.65
แก๊สโซฮอล์ 9135.2835.2835.8835.2835.2835.2835.2835.2835.2835.28
แก๊สโซฮอล์ E2033.5433.5434.1433.5433.5433.5433.5433.5433.54
แก๊สโซฮอล์ E8533.2933.2933.29
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.2449.8449.8449.8444.24
เบนซิน 9543.9449.8144.4444.0943.94
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า