สาระน่ารู้ประจำวันที่ 15 มกราคม 2568

LIV-24 ผนึกBGC ชูเทคโนโลยีAI ก้าวสู่Smart Factory

LIV-24 ผนึกBGC ยกระดับความปลอดภัยในโรงงานด้วยเทคโนโลยี AI ก้าวสู่ “Smart Factory” หรือโรงงานอัจฉริยะ มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงาน

ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยยกระดับการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น “ไม่ใช่”แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งด้านความปลอดภัย ต้นทุน และประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งทำให้การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยกลายเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน

เป็นที่มาของความร่วมมือกันระหว่าง “LIV-24” ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ และ “BGC” หรือบริษัทบีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) ที่ได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยยกระดับความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่มีเป้าหมายในการลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว

นิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท LIV-24 กล่าวว่าLIV-24 ได้ออกแบบโซลูชันที่ผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ากับการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม โดยการติดตั้ง “AI CCTV Analytics” ในพื้นที่ต่างๆ เช่น สำนักงาน และคลังสินค้า โดยโซลูชันนี้สามารถตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการบุกรุก การพบสัตว์เลื้อยคลาน หรือแม้แต่เหตุไฟไหม้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถป้องกันเหตุการณ์เหล่านี้ได้ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย

นอกจากนี้ LIV-24 ยังติดตั้งระบบ “Real Time Guard Tour” ซึ่งเป็นการติดตามการทำงานของพนักงานรักษาความปลอดภัยในการเดินตรวจพื้นที่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีจุดเสี่ยงที่ถูกมองข้ามไป และหากมีเหตุผิดปกติ ระบบ AI จะรายงานไปยังศูนย์ควบคุมกลาง (Command Centre) ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประสานงานการระงับเหตุได้ทันที ภายในเวลาเฉลี่ยเพียง 5 นาที

ความสำเร็จของโซลูชันจาก LIV-24 ไม่ได้เกิดจากแค่การใช้เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสมผสาน 3 องค์ประกอบหลักเข้าด้วยกัน  คือ

Hardware: อุปกรณ์ด้านความปลอดภัย เช่น กล้อง CCTV และเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ช่วยเก็บข้อมูลและตรวจจับเหตุการณ์
Software: ระบบซอฟต์แวร์ที่ใช้ AI ในการตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติแบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
Humanware: ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการเหตุการณ์และการประสานงานเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที
การผสานกันของ 3 ส่วนนี้ทำให้การรักษาความปลอดภัยในโรงงานเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อดิศักดิ์ สุขประเสริฐ กรรมการผู้จัดการของ BGC ได้กล่าวถึงความสำคัญของความปลอดภัยในภาคอุตสาหกรรมว่า การมีแผนความปลอดภัยที่รัดกุมและการใช้เทคโนโลยีทันสมัยจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดของมนุษย์และข้อจำกัดต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนด้านแรงงานและเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

ความร่วมมือกับ LIV-24 ถือเป็นการก้าวไปสู่การเป็น “Smart Factory” หรือโรงงานอัจฉริยะ ที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ BGC มีความพร้อมในการพัฒนาและเติบโตในอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ศุภาลัยจับมือCPACพลิกโฉมก่อสร้างด้วยนวัตกรรมคอนกรีตกำลังอัดสูง

ศุภาลัย ร่วมกับ CPACพลิกโฉมการก่อสร้างด้วยนวัตกรรมคอนกรีตกำลังอัดสูงเข้ามาใช้พัฒนาโครงการคอนโดกว่า 18 โครงการเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้าง สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 8,035,3219 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบกับปลูกต้นไม้ 845,812 ต้น

ในยุคที่ความยั่งยืนกำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจ การเลือกใช้เทคโนโลยีและวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่เป็นการตอบโจทย์ตลาดที่ใส่ใจโลก แต่ยังเป็นการสร้างอนาคตที่ดีกว่าในทุกมิติ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ ศุภาลัย ร่วมมือกับ CPAC เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมก่อสร้างคอนโดมิเนียม โดยการเลือกใช้ CPAC High Strength Concrete หรือคอนกรีตกำลังอัดสูง ซึ่งนวัตกรรมนี้”ไม่ได้”ช่วยแค่ในเรื่องของความแข็งแรงและความทนทานเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการ”ลด”ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระดับมหาศาล


การร่วมมือระหว่าง ศุภาลัย และ CPAC ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดของการใช้ นวัตกรรม เพื่อยกระดับการก่อสร้างในยุคใหม่ โดย CPAC High Strength Concrete ถูกนำมาใช้ในโครงการคอนโดมิเนียมของศุภาลัยทั้งหมด 18 โครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการใหญ่ๆ เช่น ศุภาลัย ไอคอน สาทร และ ศุภาลัย ปาร์ค เอกมัย พัฒนาการ โดยคอนกรีตชนิดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้าง แต่ยังช่วยลดการใช้วัสดุโดยรวมในกระบวนการก่อสร้าง ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ลดลงถึง 8,035,321.9 กิโลกรัม หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ถึง 845,812 ต้น

การลดการปล่อย CO2 และการใช้วัสดุที่มีประสิทธิภาพสูงจึงกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่ ศุภาลัย และ CPAC ตั้งใจจะผลักดัน โดยคำนึงถึงความยั่งยืนทั้งในด้านการก่อสร้างและผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม

สิ่งที่ทำให้ CPAC High Strength Concrete มีความโดดเด่นคือคุณสมบัติการรับแรงอัดสูง ที่ช่วยให้โครงสร้างคอนกรีตมีความทนทาน และสามารถรับน้ำหนักงานก่อสร้างขนาดใหญ่ได้โดยไม่ต้องใช้คอนกรีตในปริมาณมาก นอกจากนี้ยังมีความเร็ว (Speed) ที่ช่วยให้การก่อสร้างเสร็จเร็วขึ้น และ สิ่งแวดล้อม(Environment) ที่ช่วยลดการปล่อย CO2 ซึ่งเป็นการตอบโจทย์การก่อสร้างที่ยั่งยืนได้อย่างครบถ้วน

คุณสมบัติเหล่านี้สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ CPAC ที่มุ่งเน้นการสร้าง “Green Product” หรือสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายของอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

กิตติพงษ์ ศิริลักษณ์ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการของ ศุภาลัย  กล่าวว่า  การเลือกใช้ CPAC High Strength Concrete เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์โครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่องความแข็งแรง ทนทาน และความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

  ขณะที่สุรชัย นิ่มละออ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ ธุรกิจเอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน มองว่าการพัฒนา CPAC High Strength Concrete เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยผลักดันการก่อสร้างไทยให้ไปสู่สังคม คาร์บอนต่ำ และสอดคล้องกับแนวทาง Net Zero ซึ่งจะทำให้การเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้างมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และสร้างสังคมที่ยั่งยืนในระยะยาว

การร่วมมือของ ศุภาลัย และ CPAC เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงการใช้ “นวัตกรรมสีเขียว” ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน ไม่เพียงแต่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง และส่งมอบโครงการที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของผู้บริโภคในยุคใหม่อย่างแท้จริง

แนวคิดการใช้ วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น CPAC High Strength Concrete จะไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อโครงการก่อสร้างในปัจจุบัน แต่ยังมีผลต่อการรักษาความสมดุลของธรรมชาติและสร้างสังคมที่ยั่งยืนให้แก่คนรุ่นต่อไปอย่างแท้จริง

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 15ม.ค. “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”ที่ระดับ 34.69 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways เสี่ยงอ่อนค่าทะลุโซน 34.80 บาทต่อดอลลาร์ แนะจับตาว่ราคาทองคำ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.85 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 15ม.ค. 2568ที่ระดับ  34.69 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways

เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในช่วงคืนวันพุธนี้ โดยเงินบาทอาจยังติดโซนแนวต้านแถว 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับก็ยังอยู่แถว 34.60 บาทต่อดอลลาร์ ได้ 

เนื่องจาก ล่าสุดผู้เล่นในตลาดต่างให้โอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ เพียงราว 18% ทำให้เรามองว่า หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ออกมาตามที่ตลาดคาด หรือ ไม่ได้เร่งตัวสูงขึ้นกว่าที่ตลาดคาดไปมาก
เช่น ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 3.0%y/y หรือ เกิน +0.5%m/m ก็อาจไม่ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ไปมากนัก ซึ่งในกรณีดังกล่าว เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจยังคงแกว่งตัวในกรอบ Sideways เงินบาทก็อาจไม่ได้มีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนและอาจยังคงแกว่งตัวในกรอบ Sideways ต่อเช่นกัน

แต่หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ออกมาสูงกว่าชัดเจน จะสามารถทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งกังวลว่าเฟดอาจไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้ได้ โดยอาจเห็นการปรับลดโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง เหลือไม่ถึง 100% ซึ่งภาพดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลังตลาดรับรู้รายงานยอดการจ้างงานสหรัฐฯ จนหนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในครั้งนี้ เรามองว่า ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบโซน 110 จุด อีกครั้ง 

ส่วนบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจทะลุโซน 4.80% ได้ไม่ยาก กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาท โดยเงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าทะลุโซน 34.80 บาทต่อดอลลาร์ (ต้องจับตาว่า ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวอย่างไร หากปรับตัวลดลงด้วยจริง ก็จะยิ่งกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง)

ส่วนในกรณีที่ อัตราเงินเฟ้อ CPI ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด เช่น +0.2%m/m ถึง +0.3%m/m หรือต่ำกว่า +2.9%y/y ก็จะช่วยคลายกังวลแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ และแนวโน้มเฟดชะลอการลดดอกเบี้ยได้บ้าง ทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 สหรัฐฯ อาจย่อตัวลงได้ หนุนให้ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้น ส่วนเงินบาทก็มีโอกาสแข็งค่าทดสอบโซนแนวรับ 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.5034.85 บาท/ดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้น ในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 34.67-34.80 บาทต่อดอลลาร์)
หนุนโดยการทยอยอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ หลังรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น +0.2% จากเดือนก่อนหน้า น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ (+3.3%y/y น้อยกว่าที่ตลาดคาดเช่นกัน)
ทำให้ผู้เล่นในตลาดคลายความกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ลงบ้าง พร้อมกับทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USD  (มองเงินดอลลาร์แข็งค่า) เพิ่มเติม


อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดยังคงไม่เร่งรีบปรับสถานะถือครองสกุลเงินต่างๆ มากนัก เพื่อรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในช่วงคืนวันพุธนี้ ตามเวลาประเทศไทย
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากการรีบาวด์ขึ้นของเงินยูโร (EUR) หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และนอกเหนือจากการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ เงินบาทก็ได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการรีบาวด์สูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่ปรับตัวขึ้นใกล้โซน 2,670-2,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง

บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวเพื่อรอลุ้นทั้งรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ และรายงานผลประกอบการของบรรดาสถาบันการเงินขนาดใหญ่ อาทิ Citi, GS และ JPM

ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายทำกำไรหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth เพิ่มเติม ตามความกังวลแนวโน้มเฟดชะลอการลดดอกเบี้ย ที่หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.11%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.08% กดดันโดยการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน BP -2.5% จากความกังวลผลกระทบต่อกำไร หลังค่าการกลั่นลดลง ส่วนกลุ่ม Healthcare ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
นำโดย Novo Nordisk -3.4% ทว่าตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้างจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มยานยนต์

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์นั้น บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ โดยรวมเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways และยังไม่สามารถทะลุโซน 4.80% ได้อย่างชัดเจน หลังรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ ล่าสุด ออกมาต่ำกว่าคาด ลดความกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ
และแนวโน้มเฟดชะลอการลดดอกเบี้ย ทว่า ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองบอนด์ที่ชัดเจนต่อไป

ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ทยอยปรับตัวขึ้นในจุดที่มีความน่าสนใจอยู่ เมื่อประเมินจาก Risk-Reward ของผลตอบแทนรวม (Total Return) และจุด Break-Even Yield ทำให้เราคงแนะนำทยอยซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง ตามแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อและการชะลอลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง ตามรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ที่ออกมาต่ำกว่าคาด
นอกจากนี้  มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ปรับลดความคาดหวังการเร่งลดดอกเบี้ยของ ECB ก็ช่วยหนุนการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ย่อตัวลงสู่โซน 109.2 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 109.2-109.8 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และบรรยากาศระมัดระวังตัวของตลาดการเงิน ได้ช่วยหนุนให้ราคา (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2025) ได้ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้โซนแนวต้านระยะสั้นแถว 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง

เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญ จะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนธันวาคม ของสหรัฐฯ ที่จะทยอยรับรู้ในช่วงราว 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้ เพียง 18%

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษ ในเดือนธันวาคม เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)
โดยล่าสุดผู้เล่นในให้โอกาสราว 12% ที่ BOE จะสามารถลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ ECB โดยล่าสุดผู้เล่นในตลาดได้ปรับลดโอกาส ECB ลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง หรือ 100bps ลงเหลือ 36%

และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) โดยเรามองว่า BI อาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 6.00% เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะทยอยปรับตัวลดลงกลับสู่เป้าหมายของ BI แล้วก็ตาม

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สู้ขาดใจ! “บูม กษิดิศ” พ่ายมือ5โลก 2-3 เซตตกรอบแรกเทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น

“บูม” กษิดิศ สำเร็จ นักหวดมือ 1 ของไทย วัย 23 ปี มืออันดับ 418 ของโลก โชว์ฟอร์มหวดสู้ ดานิล เมดเวเดฟ มือ 5 โลก”รองแชมป์เก่า” ได้แบบสนุกเร้าใจก่อยพ่าย 2-3 เซต 2-6,6-4,6-3,1-6, แม้จบเส้นทาง เทนนิสแกรนด์สแลม “ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025” ไว้ที่รอบแรกแต่ชนะใจแฟนๆในร็อด เลเวอร์ อารีน่า

การแข่งขันเทนนิส แกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 96.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือกว่า 2,088 ล้านบาท ที่เมลเบิร์นพาร์ค ในนครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อ 14 ม.ค.2568 แข่งขันเป็นวันที่สาม

ในประเภทชายเดี่ยว “บูม” กษิดิศ สำเร็จ นักหวดวัย 23 ปี มือ 418 ของโลก ที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเทนนิสชายเดี่ยวไทยคนแรกรอบ 13 ปี ที่ได้เล่นในรอบเมนดรอว์ศึกแกรนด์สแลม ประเดิมสนามในแกรนด์สแลมครั้งแรกในชีวิต รอบแรก (128 คน) พบกับ ดานิล เมดเวเดฟ มือ 5 ของโลก วัย 28 ปี จากรัสเซีย ซึ่งเคยเป็นอดีตแชมป์ยูเอส โอเพ่น 2021 และเคยคว้ารองแชมป์รายการนี้มาแล้ว 3 สมัย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการได้รองแชมป์เมื่อปี 2024 

เปิดฉากมา “บูม” กษิดิศ สำเร็จ ที่ดูตื่นๆกับการได้ลงเล่นในเซนเตอร์คอร์ทที่มีคนดูแน่นสนาม พลาดถูกเบรกเสิร์ฟตั้งแต่เกมแรก ตามหลังก่อน 0-1 อย่างไรก็ตามเจ้าตัวออกมาเก็บเกมแรกได้ในเกมเสิร์ฟที่ 3 ไล่มา 1-2 ทว่า กษิดิศ มาพลาดถูกหนุ่มรัสเซียเบรกเสิร์ฟอีกในเกมที่ 7 ตามหลัง 2-5 ก่อนจะเสียเซตแรก 2-6 

เกมเซตสอง  “บูม” กษิดิศ สำเร็จ พยายามเปลี่ยนจังหวะเกมเล่นทั้งลูกสั้นและยาว แถมยังหาจังหวะยิงและวางลูกเปิดทางขึ้นมาทำแต้มจากหน้าเน็ตมากขึ้น ซึ่งก็ทำได้ดี จนมีโอกาสได้ 2 เบรกพอยท์ในเกมที่ 6 ซึ่งเป็นเกมเสิร์ฟของเมดเวเดฟ น่าเสียดายที่ทำไม่สำเร็จ โดยผ่าน 6 เกมแรก ทั้งคู่ผลัดกันรักษาเกมเสิร์ฟ เสมอที่ 4-4 อย่างไรก็ตาม กษิดิศ ออกมารักษาเกมเสิร์ฟของตัวเอง ก่อนเบรกเสิร์ฟเมดเวเดฟได้สำเร็จจนได้ในเกมที่ 10 ทำให้พลิกเก็บเซตนี้ไปได้ 6-4 

เซตสาม “บูม” กษิดิศ สำเร็จ ที่พลิกเก็บเซตสองได้ ลงมาเล่นอย่างมั่นใจ รักษาเกมเสิร์ฟ 3 เกมแรก ขึ้นนำ 3-2 ในเกมที่ 7 “บูม” ฮึดสู้จากสถานการณ์เป็นรอง โดยเซฟถึง 3 เบรกพอยท์ พลิกกลับมาได้เกมนี้ ขึ้นนำ 4-3 ก่อนที่เกมถัดมา “บูม” จะเบรกเสิร์ฟ เมดเวเดฟ ขึ้นแท่น 5-3 ก่อนจะออกมารักษาเกมเสิร์ฟ ปิดเซตนี้ 6-3 ขึ้นนำ 2-1 เซต

เซตสี่  “บูม” กษิดิศ สำเร็จ เริ่มจะออกอาการล้าและดูเหมือนจะมีอาการตึงที่ขา ทำให้เจ้าตัวขอเรียกเทรนเนอร์เข้ามาดูอาการระหว่างเกมด้วย ซึ่งก็ส่งผลให้เจ้าตัวถูกเบรกเสิร์ฟในเกมที่ 4 และ 6 ตามหลัง ก่อนจะพ่ายไปในเซตนี้ 1-6 ต้องดวลเซตที่ 5 ตัดสินกัน 

เกมในเซตที่ 5  “บูม” กษิดิศ สำเร็จ ออกสตาร์ทได้ไม่ดีนัก เมื่อพลาดท่าถูกเบรกเกมเสิร์ฟตั้งแต่เกมแรก จากนั้นมาโดนเบรกอีกในเกมที่ 7 ตามหลัง 2-5 ซึ่งเกมถัดมา เมดเวเดฟ ออกมารักษาเกมเสิร์ฟ ปิดเซตนี้ไปได้ 6-2 สรุป “บูม” กษิดิศ สำเร็จ พ่ายไปอย่างหวุดหวิด 2-3 เซต 2-6, 6-4, 6-3, 1-6 และ 2-6 รวมแมตช์นี้ใช้เวลาแข่งขันทั้งสิ้น 3 ชั่วโมง 8 นาที 

ทั้งนี้แม้จะตกรอบแรก แต่ กษิดิศ สำเร็จ ยังได้รับเงินรางวัลถึง 132,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียหรือประมาณ 2,835,284 บาท เป็นรางวัลปลอบใจ พร้อมกับคะแนนสะสมอันดับโลกอีก 10 คะแนน

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


8 วิธีทำความสะอาดลำไส้ใหญ่แบบธรรมชาติ ทำเองง่ายๆ ที่บ้าน

ลำไส้ใหญ่ เป็นอวัยวะสำคัญส่วนหนึ่งของระบบย่อยอาหาร สุขภาพของลำไส้ใหญ่นั้นมีผลต่อสุขภาพระบบย่อยอาหารโดยรวม หลายคนเชื่อว่าการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสุขภาพระบบย่อยอาหารที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ยังมีงานวิจัยที่พิสูจน์ประสิทธิภาพของการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่น้อยมาก และคุณภาพของงานวิจัยเหล่านั้นก็ยังไม่ดีเพียงพอ

การทำความสะอาดลำไส้ใหญ่บางวิธีอาจมีประโยชน์ แต่จากการศึกษาเบื้องต้นที่มีอายุมากแล้ว พบว่ายังไม่มีหลักฐานทางวิจัยสนับสนุนการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ เว้นแต่เพื่อบรรเทาอาการท้องผูกหรือก่อนการตรวจทางการแพทย์

วิธีทำความสะอาดลำไส้ใหญ่

1.การดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำให้เพียงพอและรักษาความชุ่มชื้นในร่างกายเป็นวิธีที่ดีในการปรับระบบการย่อยอาหารให้ทำงานเป็นปกติ นอกจากนี้ การศึกษาในปี 2016 ยังพบว่าการดื่มน้ำอุ่นก็มีประโยชน์ต่อระบบการย่อยอาหารเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม นอกจากนี้การทานอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบสูง เช่น แตงโม มะเขือเทศ ผักกาด และขึ้นฉ่าย ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ ผลไม้และผักหลายชนิดมีส่วนช่วยในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ได้อย่างเป็นธรรมชาติผ่านทางอาหาร

2.การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือ

คุณสามารถลองล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือได้ ซึ่งอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกและถ่ายอุจจาระไม่เป็นเวลา อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่ามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จำกัดที่สนับสนุนประสิทธิภาพของการล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือ

  • การศึกษาในปี 2010: พบว่าการดื่มน้ำเกลืออุ่น ๆ เป็นระยะ ๆ พร้อมกับการฝึกโยคะ มีประสิทธิภาพในการชำระล้างลำไส้ก่อนการตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยกล้องส่องตรวจ (colonoscopy) มากกว่าการใช้สารละลายทำความสะอาดเฉพาะ
  • การศึกษาในปี 2018: พบว่าการใช้สารละลายโซเดียมฟอสเฟตมีประสิทธิภาพในการชำระล้างลำไส้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ยังคงประเมินการล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือในบริบทของการเตรียมตัวก่อนการตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยกล้องส่องตรวจ

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าและประสบการณ์จากผู้คนบนอินเทอร์เน็ตที่เชื่อว่าการล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือได้ผลกับพวกเขา

หากคุณต้องการลองล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เมื่อคุณพร้อมที่จะลองทำ สามารถทำได้ดังนี้

  • ก่อนรับประทานอาหารในตอนเช้า ผสมเกลือ 2 ช้อนชาลงในน้ำอุ่น ผู้คนมักใช้เกลือทะเลหรือเกลือหิมาลายัน
  • ดื่มน้ำอย่างรวดเร็ว ขณะท้องว่าง และภายในไม่กี่นาที คุณอาจรู้สึกปวดท้องและต้องการเข้าห้องน้ำ
  • ทำซ้ำในตอนเช้าและตอนเย็น และ ควรอยู่ใกล้ห้องน้ำ เป็นระยะเวลาหนึ่งหลังจากการล้างลำไส้ คุณอาจต้องเข้าห้องน้ำหลายครั้ง

3.ทานอาหารที่มีไฟเบอร์ ไฟเบอร์ หรือใยอาหาร คือสารอาหารที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับร่างกาย พบได้ในอาหารจากพืช เช่น ผลไม้ ผัก ธัญพืช ถั่ว และเมล็ดพืช พืชมีเซลลูโลส และไฟเบอร์ชนิดอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มปริมาณกากในลำไส้ใหญ่ ช่วยปรับปรุงการทำงานของลำไส้ทั้งการแก้ปัญหาท้องผูกและท้องเสีย และยังเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียดีในลำไส้อีกด้วย

ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงเป็นประจำ จะช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้ใหญ่ให้แข็งแรงและส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียดีในลำไส้ได้เป็นอย่างดี

4.การดื่มน้ำผลไม้ เป็นที่นิยมใช้ในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ ซึ่งรวมถึงการอดอาหารและดื่มน้ำผลไม้และผักเท่านั้น เช่น การล้างพิษแบบมาสเตอร์คลีนส์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีงานวิจัยเพียงพอเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ด้วยวิธีนี้ และยังมีงานวิจัยบางชิ้นที่ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง

แม้จะเป็นเช่นนั้นการดื่มน้ำผลไม้และผักในปริมาณที่พอเหมาะก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพ น้ำผลไม้ผสมมีไฟเบอร์และสารอาหารบางชนิดที่ช่วยในการย่อยอาหาร นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในการเติมน้ำให้ร่างกายและช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ยิ่งไปกว่านั้นการรับประทานผลไม้ยังช่วยปรับปรุงจุลินทรีย์ในลำไส้และช่วยให้การเคลื่อนไหวของอาหารในลำไส้เป็นไปอย่างราบรื่น ช่วยลดอาการท้องผูกได้

5.การอดอาหารดื่มแต่น้ำผลไม้ น้ำผลไม้ที่นิยมใช้ในการอดอาหารดื่มแต่น้ำผลไม้และการล้างพิษ ได้แก่ น้ำแอปเปิ้ล น้ำมะนาว และน้ำผักต่างๆ อย่างไรก็ตามสมูทตี้อาจมีประโยชน์ต่อลำไส้ใหญ่และสุขภาพโดยรวมมากกว่าน้ำผลไม้ เนื่องจากการคั้นน้ำผลไม้จะทำให้กากและเปลือกผลไม้ถูกแยกออกไป ทำให้น้ำผลไม้มีไฟเบอร์น้อยลง ในขณะที่สมูทตี้ยังคงมีไฟเบอร์อยู่มาก

การศึกษาในปี 2017 พบว่าการรับประทานอาหารที่มีแต่ผลไม้และผักเป็นเวลา 3 วัน อาจช่วยลดน้ำหนักได้ แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลลัพธ์เหล่านี้ คุณไม่จำเป็นต้องอดอาหารและดื่มแต่น้ำผลไม้และสมูทตี้เพื่อให้ได้ประโยชน์ใดๆ เพียงแค่พยายามรวมน้ำผลไม้หรือสมูทตี้เข้าไปในอาหารของคุณ เช่น ดื่มน้ำผลไม้หรือสมูทตี้วันละครั้ง

6.ทานอาหารที่เป็นแป้งทนต่อการย่อย มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับไฟเบอร์ พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น มันฝรั่ง ข้าว ธัญพืช ถั่ว และกล้วยดิบ แป้งชนิดนี้มีส่วนช่วยในการส่งเสริมสุขภาพลำไส้ใหญ่ โดยการกระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้

7.ทานโปรไบโอติกส์ การเพิ่มโปรไบโอติกส์เข้าในอาหารของคุณเป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวมในด้านอื่นๆ อีกมากมาย คุณสามารถรับประทานโปรไบโอติกส์ได้โดยการรับประทานอาหารเสริมโปรไบโอติกส์ หรือรับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์สูง เช่น โยเกิร์ต กิมจิ ผักดอง และอาหารหมักดองอื่นๆ

โปรไบโอติกส์จะนำแบคทีเรียที่ดีเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ ด้วยความช่วยเหลือของไฟเบอร์และแป้งทนต่อการย่อย ช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมการขับถ่ายเป็นปกติ ซึ่งเป็นสองปัจจัยสำคัญของสุขภาพระบบย่อยอาหารที่เกี่ยวข้องกับลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลยังถือว่าเป็นโปรไบโอติกส์ชนิดหนึ่ง และถูกนำมาใช้ในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ เอนไซม์และกรดในน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลเชื่อว่าจะช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ไม่ดี อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการศึกษาในสัตว์เกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงเล็กน้อย

8.ดื่มชาสมุนไพร ชาสมุนไพรอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพระบบย่อยอาหารโดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ได้ สมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย เช่น ซิลเลียม ว่านหางจระเข้ รากมาร์ชแมลโลว์ และเอล์มลื่น อาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ ก่อนใช้สมุนไพรเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะหากใช้มากเกินไปอาจเป็นอันตรายได้ สมุนไพรชนิดอื่นๆ เช่น ขิง กระเทียม และพริกไทยดำ มีสารฟิโตเคมิคอลต้านจุลชีพ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ไม่ดี ด้วยเหตุนี้จึงมีการนำสมุนไพรเหล่านี้มาใช้ในการล้างพิษ แต่ยังขาดการศึกษาที่เพียงพอ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เขียน วัน เดือน ปี ภาษาอังกฤษ อย่างถูกต้อง (แบบเต็ม-แบบย่อ)

การเขียน วัน เดือน ปี ภาษาอังกฤษ

เขียนวันที่ วันเดือนปี เป็นภาษาอังกฤษ (แบบเต็ม-แบบย่อ) การอ่านวันเดือนปีแบบฝรั่ง

เขียน วันที่ วัน เดือน ปี ภาษาอังกฤษ

วิธีการเขียนวันที่ เดือน ปี

การเขียน วัน เดือน ปี ภาษาอังกฤษมีสองแบบ คือ แบบอังกฤษ–อังกฤษ และ อังกฤษ–อเมริกัน

1. การเขียนวันที่แบบอังกฤษ : วัน เดือน ปี Day-Month-Year
2. การเขียนวันที่แบบอเมริกัน : เดือน วัน ปี Month-Day-Year

Date format in British English.
ตัวอย่างการเขียนวันที่ภาษาอังกฤษ แบบบริติช

วันที่ 26 มกราคม 2022 เขียนเป็นภาษาอังกฤษ คือ
✅ the twenty-sixth of January , 2022
✅ 26th January 2022
✅ 26 January 2022
✅ 26/1/2022
✅ 1/9/22

Date format in the United States.
ตัวอย่างการเขียนวันที่ภาษาอังกฤษ แบบอเมริกา

วันที่ 26 มกราคม 2022 เขียนเป็นภาษาอังกฤษ คือ
✅ January the twenty-sixth, 2022
✅ January 26th, 2022
✅ 26 January, 2022
✅ 1/26/2022
✅ 1/26/22

ควรระวังการเขียนวันที่แบบตัวเลขอาจทำให้สับสนได้
ซึ่งการเขียนตัวเลขของเดือนกับวันที่ ก็ทำสับสนเอาได้ง่ายๆ หากว่า วันที่นั้นเป็นวันที่ที่อยู่ระหว่าง 1-12 เพราะเราอาจจะงงได้ว่า นี่เป็นตัวเลขของ วัน หรือ เดือน กันแน่ เช่น

10/09/2022 = 09/10/22

ที่บางคนอาจจะคิดว่า เลข 9 เป็นเดือนกันยายน หรือเป็นวันที่ 10 / และวันที่ 10 หรือเป็นเดือน 9 ก็เป็นได้เช่นกัน

7 วัน ภาษาอังกฤษ

การเขียนภาษาอังกฤษ 7 วัน ใน 1 สัปดาห์ ไทย – อังกฤษ และตัวย่อ

  • วันจันทร์ = Monday = Mon
  • วันอังคาร = Tuesday = Tue
  • วันพุธ = Wednesday = Wed
  • วันพฤหัสบดี = Thursday = Thu
  • วันศุกร์ = Friday = Fri
  • วันเสาร์ = Saturday = Sat
  • วันอาทิตย์ = Sunday = Sun

12 เดือนภาษาอังกฤษ

การเขียน 12 เดือน ภาษาอังกฤษ และ ตัวย่อ

  • มกราคม = January = Jan
  • กุมภาพันธ์ = February = Feb
  • มีนาคม = March = Mar
  • เมษายน = April = Apr
  • พฤษภาคม = May = May
  • มิถุนายน = June = Jun
  • กรกฎาคม = July = Jul
  • สิงหาคม = August = Aug
  • กันยายน = September = Sep
  • ตุลาคม = October = Oct
  • พฤศจิกายน = November = Nov
  • ธันวาคม = December = Dec

วันที่ในภาษาอังกฤษ จะใช้เป็นลำดับที่

ตัวย่อ = วันที่ ภาษาอังกฤษ

1st = the first
2nd = the second
3rd = the third
4th = the fourth
5th = the fifth
6th = the sixth
7th = the seventh
8th = the eighth
9th = the ninth
10th = the tenth

11th = the eleventh
12th = the twelfth
13th = the thirteenth
14th = the fourteenth
15th = the fifteenth
16th = the sixteenth
17th = the seventeenth
18th = the eighteenth
19th = the nineteenth
20th = the twentieth
21st = the twenty-first
22nd = the twenty-second
23rd = the twenty-third
24th = the twenty-fourth
25th = the twenty-fifth
26th = the twenty-sixth
27th = the twenty-seventh
28th = the twenty-eighth
29th = the twenty-ninth
30th = the thirtieth
31st = the thirty-first

How to say the date in English.
เราจะอ่านวันที่เป็นภาษาอังกฤษได้อย่างไร ?

การอ่านวัน เดือน ปี ที่ถูกต้อง
December 25th: อ่านออกเสียงว่า December twenty-fifth
จุดที่ต้องระวัง คือ วันที่ 25 ไม่อ่านออกเสียงว่า twenty five ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ถูกต้อง

January 1st: อ่านออกเสียงว่า January first
จุดที่ต้องระวัง คือ วันที่ 1 อ่านออกเสียงว่า First ไม่ได้อ่านออกเสียงว่า one

October 31st: อ่านออกเสียงว่า October thirty first
เช่นเดียวกับวันที่ 1 ต้องอ่านออกเสียงว่า thirty first ไม่ใช่ thirty one

ส่วนเรื่องการอ่านปีอย่างเดียวนั้น ปีมักจะอ่านออกเสียงแบบเป็นคู่ ๆ คือคู่แรกและคู่หลัง ตัวอย่างเช่น

1846 อ่านออกเสียงว่า Eighteen forty-six
2022 อ่านออกเสียงว่า Two thousand twenty two

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


มัดรวมเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก งาน CES 2025

ส่องไฮไลต์นวัตกรรมเด่น งาน CES 2025 งานแสดงเทคโนโลยีที่ทรงพลังที่สุดในโลก นำเสนอนวัตกรรมและเทรนด์เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความท้าทายในระดับโลกและกำลังเข้ามาหล่อหลอมอนาคต

งาน CES 2025 ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่น่าสนใจมากมาย ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราในอนาคตอันใกล้  ตั้งแต่ AI ที่พลิกโฉมวงการ โซลูชันสุขภาพดิจิทัลสุดล้ำ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ยานพาหนะรุ่นถัดไป การประมวลผลควอนตัม และอีกมากมาย

“ฐานเศรษฐกิจ” ได้รวบรวมไฮไลต์ ของเทคโนโลยีที่เปิดตัว และนำมาโชว์ในงานปีนี้

Nvidia เปิดตัว Project Digits ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลฝัง AI

Nvidia เปิดตัว Project Digits ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลฝัง AI ระหว่างร่วมงาน CES 2025 ที่ลาสเวกัส คาดว่าอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดนี้จะเปลี่ยนโฉมหน้าการพัฒนา AI ของนักวิจัย นักพัฒนา และนักศึกษา เพราะให้พลังประมวลผลแบบเดียวกับที่ใช้แต่กับระบบขนาดใหญ่ที่กินพลังงานมาก

Project Digits มีขนาดเล็ก มีลักษณะเหมือน Mac Mini สามารถวางบนโต๊ะ แต่ทรงพลังพอที่จะจัดการกับโมเดล AI ที่มีพารามิเตอร์หรือความสามารถประมวลผลสูงสุดถึง 200,000 ล้านรายการ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 103,740 บาท (3,000 ดอลลาร์) ทำให้ทีมงานขนาดเล็ก และปัจเจกบุคคล สามารถทำงานประมวลผลด้วย AI ประสิทธิภาพสูงได้ มีกำหนดการวางตลาดเดือนพฤษภาคม 2025

Project Digits แต่ละระบบมาพร้อมกับหน่วยความจำรวม 128 GB (เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว แลปท็อปที่ดีอาจมี RAM 16 GB หรือ 32 GB) และที่เก็บข้อมูล NVMe สูงสุด 4 TB สำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูงกว่านั้น  ระบบนี้ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Nvidia DGX ที่ใช้ Linux และรองรับเครื่องมือยอดนิยม เช่น PyTorch, Python และ Jupyter Notebooks

ระบบ Project Digits  2 ระบบสามารถเชื่อมโยงเข้าด้วยกันเพื่อจัดการกับโมเดลที่มีพารามิเตอร์มากถึง 405,000 ล้านตัว (โมเดลที่ดีที่สุดของ Meta คือ Llama 3.1 มีพารามิเตอร์ 405,000 ล้านตัว )

Siemens ผนึก JetZero พัฒนานวัตกรรมเครื่องบินแห่งอนาคต

ในงาน CES 2025 ที่จัดขึ้นในลาสเวกัส บริษัท Siemens ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ JetZero สตาร์ทอัพผู้บุกเบิกด้านการบิน เพื่อนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาพัฒนาเครื่องบิน Blended Wing Aircraft ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบินที่ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน

เครื่องบิน Blended Wing Aircraft ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเชื้อเพลิงมากถึง 50% ลดเสียงรบกวน และตั้งเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2035 โดย JetZero จะใช้แพลตฟอร์ม Siemens Xcelerator ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบเปิดของ Siemens ในการออกแบบ ผลิต และดำเนินการเกี่ยวกับเครื่องบินรุ่นนี้

JetZero ยังเตรียมสร้างโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีชื่อว่า “Factory of the Future” โดยโรงงานนี้จะผสานเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการระบบอัตโนมัติจาก Siemens เพื่อรองรับกระบวนการผลิตที่เน้นความเป็นดิจิทัลและการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ

ความร่วมมือครั้งนี้ยังเน้นการนำเทคโนโลยี Digital Twin มาใช้จำลองกระบวนการผลิตเครื่องบินและการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง  เพื่อลดความเสี่ยงในกระบวนการผลิต  , ตรวจสอบและยืนยันแนวทางการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความสามารถในการขยายกระบวนการผลิตก่อนเริ่มก่อสร้างจริง

กระจกอัจฉริยะ AI สแกนสุขภาพร่างกาย

ในงาน CES 2025 บริษัท Withings ได้เผยโฉมนวัตกรรมล่าสุดในวงการสุขภาพ “OMNIA Mirror” กระจกอัจฉริยะที่ผสานพลัง AI เพื่อการตรวจวัดสุขภาพแบบรอบด้าน (360°) ซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพหลากหลาย เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ น้ำหนัก และสุขภาพระบบเผาผลาญพลังงาน

OMNIA Mirror ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ตรวจวัดเท่านั้น แต่ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเพื่อซิงก์ข้อมูลสุขภาพส่วนตัว พร้อมให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลผ่านผู้ช่วย AI ตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบโต้ตอบ (Interactive Display) ที่รองรับการสั่งงานผ่านระบบสัมผัสและเสียง

อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจคือ ความสามารถในการเชื่อมต่อผู้ใช้งานกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์โดยตรง ซึ่งเปิดโอกาสให้กระจกอัจฉริยะนี้เป็นมากกว่าอุปกรณ์ส่วนตัว แต่เป็นตัวกลางสำคัญในการดูแลสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศวันที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ OMNIA Mirror ได้สร้างกระแสให้ผู้คนในวงการเทคโนโลยีและสุขภาพถกเถียงกันว่า นวัตกรรมนี้จะสามารถแทนที่การตรวจสุขภาพทั่วไปได้หรือไม่ หรือยังคงต้องพัฒนาให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

OMNIA Mirror คือการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ ที่สะท้อนถึงศักยภาพของ AI ในการปรับเปลี่ยนการดูแลสุขภาพแบบดั้งเดิมสู่วิถีใหม่ที่สะดวกสบายและแม่นยำยิ่งขึ้น

Honda เปิดรถยนต์ไฟฟ้า  ที่มาพร้อมกับ AI-ระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง

ฮอนด้า มอเตอร์ อวดโฉมรถยนต์ไฟฟ้า ”0 ซีรีส์“ ทั้ง 2 รุ่นรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ “Honda 0 Saloon” ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงใหม่ของรถต้นแบบที่เปิดตัวในงาน CES เมื่อปีที่แล้ว และ Honda 0 SUV โดยรถยนต์รุ่น “0 Series” ทั้ง 2 รุ่นเป็นรถต้นแบบ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในอเมริกาเหนือ และเริ่มขายในช่วงต้นปี 2569 โดยเริ่มจากรุ่น SUV และตามด้วย Saloon และขายทั่วโลกก่อนปี 2573 ซึ่งฮอนด้าปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับราคาที่คาดว่าจะจำหน่าย ระยะทางที่วิ่งได้ และประสิทธิภาพของรถ

ภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากรุ่นปัจจุบันของฮอนด้า โดยมีดีไซน์ล้ำสมัยที่ดูล้ำสมัย ฮอนด้ากล่าวว่า รถยนต์ซีรีส์ 0 ใหม่ได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงหลักการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ “บาง เบา และชาญฉลาด”

นอกจากนี้ ฮอนด้ายังได้เปิดตัว “Asimo OS” ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดสำหรับรถยนต์ Honda 0 Series ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง เช่น การขับขี่แบบแฮนด์ฟรี

Xpeng Aero HT นำเสนอ “Land Aircraft Carrier” รถตู้ไฟฟ้าที่มีรถบินได้ภายใน

ที่งาน CES 2025 Xpeng Aero HT บริษัทด้านอากาศยานภายใต้บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าสตาร์ทอัพจากจีน Xpeng ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ปฏิวัติวงการ – “Land Aircraft Carrier” รถยนต์บินได้แบบโมดูลาร์ ยานพาหนะนี้ผสานการทำงานของรถตู้ขนส่งขนาดเล็กไฟฟ้าและอากาศยานขึ้นลงทางดิ่งไฟฟ้า (eVTOL) แบบพับได้ โดยสามารถกางออกและขึ้นบินจากด้านหลังได้ ทำให้สามารถสลับระหว่างการเดินทางทางอากาศและทางพื้นดินได้อย่างราบรื่น

รถยนต์บินได้นี้ได้รับยอดจองล่วงหน้าแล้ว 3,000 คัน และมีแผนจะเริ่มส่งมอบในปี 2026 Aero HT ระบุว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายรวมถึงบุคคลที่มีฐานะและเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉุกเฉิน ตามแผนของ Aero HT ผลิตภัณฑ์รุ่นแรกจะเปิดตัวในจีน และจะพิจารณาขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศในภายหลัง

เมื่อเทียบกับอากาศยานทั่วไป รถยนต์บินได้นี้มีการออกแบบที่เรียบง่ายกว่า ผู้ใช้เพียงแค่ขับรถและอากาศยาน eVTOL ไปยังจุดขึ้นบินและออกคำสั่งง่ายๆ เพื่อปลดและกางอากาศยานสำหรับการขึ้นบิน หลังจากบินเสร็จ อากาศยานจะพับกลับและเก็บไว้ที่ด้านหลังของรถ ทำให้สะดวกสำหรับการใช้งานในครั้งต่อไป

Halliday แว่นตาอัจฉริยะแปลภาษาแบบเรียลไทม์

สตาร์ทอัพด้านอุปกรณ์สวมใส่ Halliday ได้เปิดตัวนวัตกรรมแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่งาน CES 2025 โดยใช้เทคโนโลยี DigiWindow ที่สามารถฉายภาพทรงกลมขนาด 3.5 นิ้วเข้าสู่มุมมองของผู้สวมใส่โดยตรง

DigiWindow เป็นโมดูลขนาดจิ๋วที่ติดตั้งอยู่ด้านในของกรอบแว่นเหนือตาขวา โดดเด่นด้วยการออกแบบที่แตกต่างจากแว่น AR ทั่วไปที่มักฉายภาพลงบนเลนส์ การฉายภาพโดยตรงสู่ดวงตาช่วยลดต้นทุนการผลิตเนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้เลนส์ AR ราคาแพง นอกจากนี้ยังสามารถใส่เลนส์สายตาได้โดยไม่มีปัญหา

ไฮไลต์สำคัญ คือ Proactive AI หรือระบบผู้ช่วย AI เชิงรุก เข้ามาด้วย ทำให้สามารถสั่งงานด้วยเสียง โดยไม่ต้องสัมผัสตัวควบคุมก็ได้ ซึ่งจะใช้แหวนเป็นตัวควบคุมจอภาพที่ขยายออกมา ตัวอย่างฟีเจออร์ AI ที่ใช้งานผ่านแว่นได้ ก็เช่นถามตอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ ช่วยฟังและสรุปการประชุม ช่วยจดบันทึก ช่วยแปลภาษา โดยรองรับการแปลภาษาได้มากถึง 40 ภาษา นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันช่วยนำทางด้วย

บริษัทเตรียมวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม 2025 ในราคา 489 ดอลลาร์สหรัฐ  หรือประมาณ 16,900 บาท พร้อมเปิดให้จองล่วงหน้าในราคาพิเศษ 369 ดอลลาร์สหรัฐ  หรือ ประมาณ 12,800 บาท  ผ่านแคมเปญ Kickstarter โดยต้องร่วมสมทบทุน 9.90 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 343 บาท ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวสูงกว่าแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta เพียงเล็กน้อ Unitree Robotics นำหุ่นยนต์สี่ขาโชว์ในงาน CES 2025

หุ่นยนต์สี่ขารุ่น Go 2 เคลื่อนไหวหลากหลาย

ในงาน CES 2025 Unitree Robotics ได้แสดงศักยภาพของหุ่นยนต์สี่ขารุ่น Go 2 ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งการใช้งานด้านความบันเทิงและภาคอุตสาหกรรม โดยมีคุณสมบัติเด่น คือ การเคลื่อนไหวที่หลากหลาย: สามารถเดินด้วยสองขาหน้าเดินด้วยสองขาหลัง และแสดงท่ากลับหลังหัน (flip) ได้อย่างน่าทึ่ง

หุ่นยนต์สี่ขารุ่น Go 2 มีเซ็นเซอร์ LiDAR 4D แบบมุมกว้าง:ช่วยตรวจจับและวิเคราะห์สภาพแวดล้อมรอบตัวแบบเรียลไทม์  เพิ่มความแม่นยำในการเคลื่อนที่และหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง  และการควบคุมที่ง่าย:   หุ่นยนต์สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบการประมวลผลขั้นสูง

Unitree Robotics ได้รับความสนใจในงาน CES 2025 เพราะสามารถแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของหุ่นยนต์สี่ขาที่มีราคาย่อมเยาและเทคโนโลยีล้ำสมัย ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในครัวเรือนและอุตสาหกรรมอย่างลงตัว! หุ่นยนต์สี่ขารุ่น Go 2มีราคาเริ่มต้นที่ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ  หรือ (ประมาณ 55,536 บาท)

ยักษ์พีซีโลกยังแห่กันเปิดตัว AI PC  คึกคัก

โดยเดลล์ เปิดตัว กลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PC รุ่นใหม่ ออกแบบเพื่อการใช้งานส่วนตัวและในระดับมืออาชีพ ตั้งแต่แล็ปท็อปดีไซน์หรู เวิร์กสเตชันที่ทรงพลัง ไปจนถึงเดสก์ท็อปที่ใช้งานได้หลากหลาย ผลิตภัณฑ์ AI PC รุ่นใหม่จากเดลล์ ช่วยประสานการทำงานร่วมกัน สร้างสรรค์และขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม และตอนนี้การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้งานคือเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะ AI PC รุ่นใหม่ทั้งหมดมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้แบรนด์เดลล์

ตลาด AI PC กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมซิลิคอนอยู่ในจุดที่แข็งแกร่งที่สุด และทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอที ผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ ตลอดจนผู้ใช้งานทั่วไป ล้วนอยากได้อุปกรณ์ที่มาพร้อม AI เพื่อช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดี และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เดลล์ ต้องการช่วยให้ลูกค้าเลือก AI PC ที่ตรงต่อการใช้งานได้ง่ายขึ้น จึงแนะนำผลิตภัณฑ์ที่แบ่งประเภทตามความต้องการใช้งานเป็นหลักด้วยความเรียบง่ายในสามกลุ่มด้วยกัน ได้แก่ Dell (ออกแบบมาเพื่อการเรียน การเล่น และการทำงาน) Dell Pro (ออกแบบมาเพื่อการทำงานในระดับมืออาชีพ) และ Dell Pro Max

ขณะที่ Acer เปิดตัวเกมมิ่งโน้ตบุ๊กซีรีส์ Nitro V ใหม่ที่มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ทรงพลังและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยขุมพลัง AI  โน้ตบุ๊ก Nitro V เหมาะสำหรับนักเรียน/นักศึกษา คอนเทนต์ครีเอเตอร์และเกมเมอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพรอบด้าน ด้วยการตอบสนองที่ยอดเยี่ยม ภาพลื่นไหลไร้สะดุด และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพียงพอสำหรับฟีเจอร์และแอปพลิเคชัน AI ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองความต้องการและสไตล์ของผู้ใช้งานด้วยรุ่นและขนาดจอแสดงผลที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับบริการ PC Game Pass ระยะเวลา 3 เดือน สำหรับผู้เล่นแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ (PC) ซึ่งรวมถึงเกมใหม่ล่าสุดอย่าง Call of Duty: Black Ops 6, Indiana Jones and the Great Circle, Ara: History Untold และเกมจาก EA Play

ส่วนเลอโนโว เผยโฉมนวัตกรรม AI ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไลน์อัพใหม่ล่าสุดที่งาน CES 2025 ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อธุรกิจองค์กร, ผลิตภัณฑ์สำหรับเกมเมอร์, ผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มครีเอเตอร์ และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกออกแบบเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้การใช้งานทั้งเพื่อการทำงานและทั่วไป สานต่อเจตนารมย์ในการส่งมอบเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ผสานศักยภาพของ AI เพื่อเสริมประสบการณ์การใช้งานเฉพาะบุคคล, ประสิทธิภาพ และส่งมอบโซลูชันที่ปลอดภัย

นวัตกรรมของเลอโนโวนั้นถูกหล่อหลอมขึ้นจากวิสัยทัศน์ Smarter AI for All ที่มุ่งเน้นการนำ AI เข้ามาเสริมความสามารถให้ผลิตภัณฑ์ Copilot+ PC และโซลูชัน ยกตัวอย่างเช่น Lenovo AI Now ซึ่งเป็นผู้ช่วย AI อัจฉริยะบนอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน ที่สร้างขึ้นบนโมเดล Meta’s Llama 3 ที่ให้คุณสมบัติการใช้งานในภาษาที่เป็นธรรมชาติเพื่อสั่งงานต่าง ๆ อาทิ การสรุปเอกสาร การค้นหาข้อมูลความรู้ เป็นผู้ช่วยจัดการเวิร์กโฟลว์การทำงาน นอกจากนี้ยังมี Legion Space แพลตฟอร์มเพื่อการเล่นเกมที่ผสานพลังของ AI ในฟีเจอร์ อาทิ การวิเคราะห์และปรับแต่งการเล่นเกม, เครื่องมือเพื่อการสร้างคอนเทนต์, การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างอุปกรณ์เข้าด้วยกันอย่างสะดวกสบาย เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงเกมโปรดได้จากทุกอุปกรณ์ Legion แบบไม่มีสะดุด

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“สะเดา” กับข้อเสีย โทษ ผลกระทบ ผลข้างเคียงแบบไม่คาดคิดมาก่อน

สะเดาเป็นพืชสมุนไพรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากสามารถนำทุกส่วนของต้นมาใช้ประโยชน์ได้ ทั้งใบ ดอก เมล็ด ผล ราก และเปลือก มีการเปิดเผยการใช้ประโยชน์ทางยาของต้นไม้ชนิดนี้ในอดีต โดยดอกสะเดาถูกนำมาใช้รักษาโรคทางเดินน้ำดี ใบสะเดาใช้รักษาแผลเปื่อย และเปลือกสะเดาใช้รักษาโรคสมอง

สะเดา เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย สามารถนำมาใช้รักษาและป้องกันโรคได้หลากหลายชนิด โดยมีคุณสมบัติเด่นมากมายทั้งดีท็อกซ์ และบำรุงเลือด รักษาโรคผิวหนัง เช่นกลาก เกลื้อน ต้านเชื้อยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา รวมทั้งยังบรรเทาอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ และช่วยย่อยอาหาร กระตุ้นการผลิตน้ำดี

แม้สะเดาจะมีประโยชน์มากมาย แต่สะเดาก็มีผลกระทบเช่นกัน และต่อไปนี้คือผลกระทบของสะเดา

แม้ว่าผลิตภัณฑ์จากสะเดาจะมาจากธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยสำหรับการใช้งานในคนทุกกรณี ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์จากสะเดา สารสกัดจากเมล็ดสะเดามีกรดไขมันหลายชนิดและสารขมประมาณ 2% ซึ่งถือว่าเป็นสารพิษ ปริมาณของสารขมเหล่านี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์ และอาจได้รับอิทธิพลจากวิธีการสกัดและการเก็บรักษา

หลีกเลี่ยงการใช้สะเดาในบางกลุ่มบุคคล

ผู้ป่วยเบาหวานที่รับประทานยาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้สะเดา เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

แม้ว่าการใช้สะเดาทาภายนอกดูเหมือนจะปลอดภัยหากเจือจางด้วยส่วนผสมอื่นๆ แต่ไม่แนะนำให้ทาโดยตรงบนผิวหนัง เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคือง

พบว่าหนำเลียบมีผลคุมกำเนิดในระยะยาวในผู้ชายหลังจากได้รับยาเพียงครั้งเดียว เนื่องจากมีผลยับยั้งการสร้างตัวอสุจิ และมีการวิจัยเกี่ยวกับความปลอดภัยจำกัด จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้หนำเลียบหากกำลังวางแผนจะมีบุตร

ไม่แนะนำให้ทารก เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตรใช้สะเดา เนื่องจากข้อมูลด้านความปลอดภัยยังไม่ครบถ้วนและมีข้อจำกัดในการวิจัย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15/01/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a43,850.0043,950.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,840.0043,054.4044,450.00
ทองรูปพรรณ 90%2,556.0038,748.96n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,272.0034,443.52n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,278.0019,374.48n/a
ทองรูปพรรณ 40%994.0015,069.04n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,943.0044,615.88n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15/01/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.1536.1536.6536.1536.1536.1536.1536.1536.1536.15
แก๊สโซฮอล์ 9135.7835.7836.2835.7835.7835.7835.7835.7835.7835.78
แก๊สโซฮอล์ E2033.9433.9434.4433.9433.9433.9433.9433.9433.94
แก๊สโซฮอล์ E8533.0933.0933.09
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.7449.8449.8449.8444.74
เบนซิน 9544.4449.8144.9444.5944.44
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า