5 เคล็ดลับ ‘ผ่อนบ้าน’ หมดไว ‘ดอกเบี้ย’ ไม่บาน
ดอกเบี้ยขึ้น กระทบแน่! คน ‘ผ่อนบ้าน’ เปิด 5 เคล็ดลับ ผ่อนบ้าน – ผ่อนคอนโดฯ หมดไว ดอกเบี้ยไม่บาน สบายใจ ไร้หนี้สิน
15 ส.ค. 2565 – มติปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบ 4 ปี ที่ 0.25% ของ กนง. เมื่อ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทย เปิดประตูเข้าสู่ ‘ยุคดอกเบี้ยขาขึ้น’ อย่างชัดเจนแล้ว
ซึ่งแน่นอนแม้เป็นผลดีต่อแง่ผู้ฝากเงินธนาคาร แต่ในแง่ ผู้กู้ ,ผู้ขอสินเชื่อ และ ผู้ที่มีภาระอยู่ระหว่างการผ่อนชำระต่างๆ เพราะแม้ขณะนี้ แม้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ยังไม่มีความชัดเจนต่อทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ส่วนใหญ่ 60%ของทุกครั้งที่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ธนาคารและสถาบันการเงิน ก็มักจะปรับขึ้นดอกเบี้ยตามในระยะถัดไปเช่นกัน
- ดอกเบี้ยขึ้น กระทบคนผ่อนบ้าน
ในแง่ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย หรือ อยู่ระหว่างการผ่อนบ้าน ผ่อนคอนโดมิเนียม ในลักษณะดอกเบี้ยลอยตัว ก็คงปฎิเสธไม่ได้ ว่าคงได้รับผลพ่วงไปด้วย เพราะอาจทำให้ยอดภาระการผ่อนต่อเดือนสูงขึ้น หรือ เงินผ่อน ถูกตัดเป็นส่วนดอกเบี้ยเยอะขึ้น ระยะการผ่อนยาวนานขึ้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ก็มี ‘เคล็ดลับการผ่อนบ้าน’ให้หมดไว สบายใจ และ ไร้หนี้สินได้เร็วอยู่เช่นกัน โดย บมจ.ศุภาลัย เผยแพร่บทความ ‘5 เคล็ดลับ ผ่อนบ้านหมดไว’ ทั้งนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังตัดสินใจจะซื้อบ้าน หรือ ซื้อคอนโดมิเนียม ‘ฐานเศรษฐกิจ’หยิบยกมานำเสนอต่อดังนี้ …..
อยากมีบ้านสวย บางคนต้องตัดใจ เพราะกลัวการผ่อน ใครๆก็มองว่าเป็นภาระที่หนัก ระยะเวลาหนี้ยาวนานมากกว่า 10 ปี และไหนจะค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ แต่ปัญหานี้จะหมดไปได้เช่นกัน
- 5 เทคนิค การผ่อนบ้านให้หมดไว
- จ่ายเกินทุกงวด หากแต่ละงวดเราจำเป็นต้องผ่อน 15,000 บาท ก็แนะนำให้จ่ายธนาคารไปเลย 30,000 บาท วิธีนี้จะช่วยลดระยะหนี้ และทำให้ผ่อนหมดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม
- โปะด้วยเงินโบนัส หากเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ต่อปีจะมีโบนัส ให้อดใจเก็บโบนัสไปโปะหนี้ซะ การนำเงินก้อนไปโปะ นอกจากจะลดเงินต้นแล้ว ก็ทำให้ดอกเบี้ยลดลงด้วย
- รีไฟแนนซ์ส่วนใหญ่ ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยต่ำๆอยู่ที่ประมาณ 3 ปีแรก การรีไฟแนนซ์ นำเงินจากธนาคารอื่นที่ดอกเบี้ยต่ำ มาจ่ายคืนให้กับธนาคารเดิม จะช่วยลดภาระการผ่อน และอาจจะสามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้นอีกด้วย
- จ่ายหนักๆช่วง 3 ปีแรกเนื่องจากธนาคารส่วนใหญ่จะคิดดอกเบี้ยต่ำๆในช่วง 3 ปีแรก ฉะนั้นการจ่ายหนักงานในช่วงนี้ จะช่วยลดเงินต้นได้มาก และอาจทำให้ดอกเบี้ยลดลงอีกด้วย
- ไม่สร้างหนี้เพิ่มการไม่สร้างหนี้เพิ่ม คือการไม่หาภาระให้ตัวเองเพิ่มเช่นกัน หากไม่มีหนี้สินในส่วนอื่น ก็จะทำให้เรามีกำลังในการผ่อนบ้านที่ดีขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
SHR โกยรายได้ครึ่งปีแรก 3.76 พันล้าน มั่นใจทั้งปีเกินเป้า 8.5 พันล้าน
SHR โชว์ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นทุกพอร์ต โกยรายได้ครึ่งปีแรกที่ 3.76 พันล้านบาท มั่นใจผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่น ดันให้รายได้ทั้งปี 2565 เกินเป้าที่ 8.50 พันล้านบาท
นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SHR’ บริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท เปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรก มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,761 ล้านบาท เติบโตเกือบ 3 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน พร้อมรายงานผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ จากการดำเนินงานปกติ (Adjusted EBITDA) ที่ 639 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรายงานผลกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สี่
โดยปัจจัยหลักจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบในทุกพอร์ตที่บริษัทฯ ดำเนินงาน ซึ่งนอกจากโรงแรมใน CROSSROADS และพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร ที่ยืนยันผลการดำเนินงานที่โดดเด่นมาได้ต่อเนื่องแล้ว คือพอร์ตโรงแรมที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ
สำหรับประเทศไทยภายหลังจากการเปิดประเทศในเดือนกรกฎาคมมีตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาทะลุ 1 ล้านคนเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563 ทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมทั้งปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านคน
ส่งผลให้ในเดือนดังกล่าว โรงแรม SAii Laguna Phuket มี Occupancy Rate ที่ 68% และคาดว่าพอร์ตโรงแรมในประเทศไทยจะสามารถสร้างรายได้ที่เติบโตขึ้นเกือบสองเท่าตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี
เช่นเดียวกับสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ ที่จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศในเดือนมิถุนายนเติบโตในระดับ 73% เทียบกับช่วงก่อนการเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยโรงแรมของบริษัทฯ ในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิโชว์ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นกว่าอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะโรงแรม Castaway Island, Fiji มีระดับ Occupancy Rate เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 84% ในเดือนมิถุนายนและสามารถดึง RevPAR สูงขึ้นได้ประมาณ 5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเกิดโควิด-19 ได้สำเร็จ
นายเดิร์ก กล่าวอีกว่า เริ่มเห็นการฟื้นตัวของการจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ ของอุตสาหกรรม MICE (Meetings, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions) ทั้งในสหราชอาณาจักร สาธารณรัฐมัลดีฟส์ และประเทศไทย จากปริมาณการจัดงานที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกและการจองสถานที่จัดงานในช่วงครึ่งปีหลัง จึงคาดว่าอุตสาหกรรม MICE ในครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญที่จะขับเคลื่อนให้รายได้ในปี 2565 ให้เติบโตขึ้น
“กลยุทธ์เหล่านี้ที่กล่าวจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสริมที่ช่วยขับเคลื่อนผลการดำเนินงาน และจะเป็นกลไกที่สำคัญในการเติบโตของพอร์ตในครึ่งปีหลัง และปีต่อๆ ไป ทำให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ของปี 2565 ที่วางไว้ราว 8,500 ล้านบาท และก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย” นายเดิร์ก กล่าว
ปัจจุบัน SHR มีสัดส่วนรายได้จากช่องทางการจองที่พักโรงแรมโดยตรง (Direct Booking) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20% ในครึ่งปีแรก จากเดิมในปี 2561 ถึง 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 10% โดยตั้งเป้าที่จะผลักดันสัดส่วนของ Direct Booking ให้ขึ้นไปที่ 30% ภายในสิ้นปี
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาด “อ่อนค่า”ที่ระดับ 35.29 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทมีโอกาสผันผวน “อ่อนค่าลง” ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ แต่หากเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวดีกว่าคาดอาจพอหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.29 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.18 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) มากขึ้น หลังเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ชะลอตัวลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ยอดค้าปลีก (Retail Sales) จะเป็นที่สนใจของตลาด นอกจากนี้ ตลาดจะรอจับตารายงานการประชุม FOMC ล่าสุด ส่วนในฝั่งไทย ควรรอติดตาม รายงาน GDP ในไตรมาสที่ 2
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
ฝั่งสหรัฐฯ – ตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนกรกฎาคม เพื่อประเมินแนวโน้มการบริโภคของผู้คน ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการปรับนโยบายการเงินของเฟดได้
โดยตลาดมองว่า ยอดค้าปลีกอาจขยายตัวได้ราว +0.1%m/m หรือ +0.3%m/m สำหรับยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้างและอาหาร ซึ่งการขยายตัวต่อเนื่องของยอดค้าปลีกนั้นหนุนโดย ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลงในเดือนกรกฎาคม
นอกจากนี้ แนวโน้มการใช้จ่ายของครัวเรือนยังดูสดใส สะท้อนจากรายงานยอดขาย Amazon Prime ระหว่างวันที่ 12-13 กรกฎาคมที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีกรายสำคัญ อาทิ Walmart, Home Depot, Lowe’s และ Target เพื่อประเมินแนวโน้มการใช้จ่าย
นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของเฟด หลังที่ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ โดยรวมเริ่มชะลอตัวลงมากขึ้นจากช่วงต้นปี โดยเฉพาะเงินเฟ้อทั่วไป (CPI)
ฝั่งยุโรป – ตลาดคาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของอังกฤษ (CPI) เดือนกรกฎาคม มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 9.8% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ก็เร่งตัวขึ้นแตะระดับ 6.0% เช่นเดียวกัน ซึ่งปัญหาเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง จะส่งผลให้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ได้ในการประชุมเดือนกันยายน
ส่วนในฝั่งยูโรโซน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปก็มีแนวโน้มเร่งขึ้นสู่ระดับ 8.9% เช่นกัน ทำให้ตลาดต่างมองว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนกันยายนเช่นเดียวกับ BOE
ฝั่งเอเชีย – ตลาดมองว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 2 อาจขยายตัวราว +2.6% จากไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายปี จากอานิสงส์การผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
ทั้งนี้ แม้ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของญี่ปุ่นจะเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 2.6% ในเดือนกรกฎาคม ตามการทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจ แต่เมื่อหักผลของราคาอาหารสดและพลังงาน อัตราเงินเฟ้อกลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 1.1% ทำให้ตลาดคงมองว่า BOJ จะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป ในขณะที่ ธนาคารกลางอื่นๆ อาจเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น
ในสัปดาห์นี้ ตลาดมองว่า ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) และธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) อาจมีความจำเป็นที่ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 3.00% และ 3.75% ตามลำดับ หลังเงินเฟ้อในทั้งสองประเทศได้เร่งตัวสูงขึ้น พร้อมภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น
ส่วนในฝั่งจีน ตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือน โดยตลาดคงมองว่า เศรษฐกิจจีนในเดือนกรกฎาคมยังมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) อาจโต +4.3%y/y ส่วนยอดค้าปลีกจะขยายตัวราว +4.9%y/y หลังรัฐบาลยังไม่ได้ใช้มาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดอีกครั้ง
ทว่า ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในจีนที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้ความเสี่ยงที่ทางการจีนจะใช้มาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งภาพดังกล่าวอาจกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนได้อย่างมีนัยสำคัญ
ฝั่งไทย – ตลาดประเมินว่า การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ดีกว่าคาด รวมถึงการฟื้นตัวต่อเนื่องของตลาดแรงงานจะช่วยหนุนให้ เศรษฐกิจไทยขยายตัวราว +3.1%y/y ในไตรมาสที่ 2 เร่งขึ้นจากที่ขยายตัวเพียง +2.2%y/y ในไตรมาสแรก เราคาดว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่องจะช่วยหนุนให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องได้ โดย กนง. อาจขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนกันยายน
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า แม้มีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ทว่า หากเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวดีกว่าคาด เช่นเดียวกับ ผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ก็มีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติอาจยังเดินหน้าซื้อสุทธิสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้าง ซึ่งโฟลว์ซื้อสุทธิหุ้นไทยอาจพอช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ แต่เรามองว่า แรงซื้อหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มจำกัดลง หลังหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นมาพอสมควรในระยะสั้น
ทั้งนี้ เรามองว่า แนวต้านของเงินบาทจะอยู่ในโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเราคาดว่าบรรดาผู้ส่งออกอาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ในช่วงดังกล่าว ส่วนแนวรับสำคัญจะเป็นโซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้นำเข้าต่างรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าในการทยอยซื้อเงินดอลลาร์ ส่วนผู้เล่นต่างชาติที่เข้ามาเก็งกำไรการแข็งค่าของเงินบาทก็อาจใช้จังหวะเงินบาทแข็งค่าใกล้แนวรับในการขายทำกำไรได้
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีกว่าคาด รวมถึงรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด ยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่าเฟดอาจเร่งขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนกันยายน (ตลาดให้โอกาสราว 45% จาก CME FedWatch Tool ล่าสุด)
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.00-35.60 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.15-35.35 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.33-35.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ (9.00 น.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดในประเทศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาที่ 35.19 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าลง (หลังแข็งค่าค่อนข้างมากในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า) ตามทิศทางเงินหยวนและสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงประคองจากสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังออกมาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง แม้จะเริ่มมีสัญญาณที่อาจสะท้อนว่า แรงกดดันเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ได้ชะลอตัวลงก็ตาม
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 35.15-35.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่การตอบรับของตลาดต่อตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/65 ของไทย และสัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“โปรฟีเวอร์” นิติธร ทิพย์พงษ์ เก็บเพิ่ม 3 อันเดอร์พาร์ แซงคว้าแชมป์ “อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ สิงคโปร์”
กอล์ฟ เอเชียน ทัวร์ รายการ “อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ สิงคโปร์” ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 52 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่สามในตาราง อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ แข่งขัน ณ สนามทานาห์ เมราห์ คันทรี คลับ ระยะ 7,535 หลา พาร์ 72 ประเทศสิงคโปร์ จบการแข่งขันวันสุดท้ายเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (14 สิงหาคม 2565)
“โปรฟีเวอร์” นิติธร ทิพย์พงษ์ ดาวรุ่งวัย 25 ปี ออกสตาร์ทในกลุ่มรองสุดท้าย เก็บ 3 เบอร์ดี้ไม่เสียโบกี้ จบ 18 หลุมเข้ามา 3 อันเดอร์พาร์ 69 ขึ้นรอบนคลับเฮาส์ในตำแหน่งผู้นำร่วมกับ ชาน ชิ-ชาง จากไต้หวัน ที่สกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ 272 ก่อนที่เกมในหลุมสุดท้ายของกลุ่มสุดท้ายต้องหยุดพักไป 40 นาที เนื่องจากมีประจุไฟฟ้าในอากาศ โดย ชาน ชิ-ชาง พลาดเสียดับเบิ้ลโบกี้ในหลุมสุดท้าย หล่นไปอยู่อันดับ 5 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 14 อันเดอร์พาร์ 274 ทำให้แชมป์ตกเป็นของ นิติธร พร้อมรับเงินรางวัลไป 270,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.5 ล้านบาท
นิติธร ซึ่งคว้าแชมป์เอเชียน ทัวร์ เป็นรายการที่สองในรอบ 5 เดือน ต่อจากรายการแรกที่อินเดียเมื่อเดือนมีนาคมกล่าวว่า “วันนี้ผมอยู่กับตัวเองได้ดีมาก เล่นช็อตต่อช็อตได้ดี คิดว่าโชคดีด้วย แต่ตัวผมเองก็ซ้อมมามากเหมือนกัน ซึ่งกำลังหาเกมที่ลงตัวกับตัวเองอยู่ ช่วงหลังๆ มาก็เจอในหลายแมทช์ที่ผ่านมา โชคดีที่อาทิตย์นี้เจอพอดี แชมป์นี้เป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง เพราะตั้งเป้าไว้ที่ท็อป 200 ของโลก พอเราชนะ มีแมทช์ให้เราเล่นมากขึ้น มีโอกาสมากขึ้น ทำให้เราได้พัฒนาฝีมือ และค่อยๆ ขยับเข้าใกล้เป้าหมายไปเรื่อยๆ”
ด้าน โปรเพชร-พชร คงวัดใหม่ ผู้นำรอบที่แล้ว รอบสุดท้ายเก็บได้เพียง 1 อันเดอร์พาร์ 71 จาก 4 เบอร์ดี้ เสีย 3 โบกี้ จบด้วยสกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 273 รั้งรองแชมป์ร่วมกับ กาวิน กรีน จากมาเลเซีย และ ริชาร์ด ที. ลี จากแคนาดา รับเงินรางวัลไปคนละ 111,500 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3.9 ล้านบาท
ส่วนผลงานนักกอล์ฟชาวไทยที่น่าสนใจ ถิรวัฒน์ แก้วศิริบัณฑิต (65), สดมภ์ แก้วกาญจนา (70) และ ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ (67) สกอร์รวมคนละ 11 อันเดอร์พาร์ 277 อยู่อันดับ 12 ร่วม, ชัพชัย นิราช (68) และ อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ (69) สกอร์รวมคนละ 9 อันเดอร์พาร์ 279 อันดับ 22 ร่วม, ธนภัทร พิชัยกุล (71) สกอร์รวม 7 อันเดอร์พาร์ 281 อันดับ 36 ร่วม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“กลิ่นคนแก่” คืออะไร และ 5 วิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น
กลิ่นคนแก่ เป็นกลิ่นอ่อนๆ ติดตัวผู้ใหญ่ที่ใครที่ใกล้ชิดผู้สูงอายุก็คงเคยได้กันมาบ้าง จะว่าเหม็นก็ไม่ใช่จะว่าหอมก็ไม่เชิง วันนี้เรามาเจาะลึกถึงสาเหตุที่มาของ กลิ่นคนแก่ พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเมื่อถึงวันที่กลิ่นนั้นกลายเป็นของเรา
รู้จักกลิ่นคนแก่
กลิ่นคนแก่ หรือ กลิ่นผู้สูงวัย (Aging odor) ไม่ได้เกิดขึ้นจากความสกปรกแต่อย่างใด แต่เป็นกลิ่นตัวพิเศษของผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยกลิ่นตัวเกิดจากต่อมไขมันและต่อมเหงื่อ ผลิตไขมันและเหงื่อออกมาทำปฏิกริยากับแบคทีเรียจนเกิดกลิ่นบนร่างกาย ซึ่งการทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียก็จะส่งกลิ่นแต่ละแบบต่างกันออกไป
เมื่อร่างกายอายุมากขึ้น (40 ปีขึ้นไป) กระบวนการดังกล่าวก็ทำงานได้แย่ลงเกิดการสะสมสาร ที่มีชื่อว่า Nonenal ขึ้น ซึ่งเป็นตัวหลักปล่อยกลิ่นแก่ออกมา ยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายก็จะมีกลิ่นนี้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
โดยสาร Nonenal หรือสารตั้งต้นกลิ่นคนแก่นี้มีคุณสมบัติไม่ละลายน้ำหรือไขมัน ทำให้คลายข้อสงสัยเรื่องความติดทน เพราะการอาบน้ำก็ไม่ช่วยให้กลิ่นตัวหายไปรวมถึงเสื้อผ้าผู้สูงอายุก็จะมีกลิ่นดังกล่าวติดไปด้วย
วิธีป้องกันการเกิดกลิ่นแก่
- เช็ดเหงื่อบ่อยๆ
อย่างที่รู้กันว่ากลิ่นเกิดจากการผสมกันระหว่างเหงื่อ ไขมัน และแบคทีเรีย การตัดวงจรไม่ให้เกิดกลิ่นคนแก่ง่ายๆนั่นก็คือการเช็ดเหงื่อ หรือทำให้ตัวเองเหงื่อออกน้อยที่สุด
- ออกกำลังกาย
อาจตรงข้ามกับที่แนะนำไปก่อน เพราะวิธีนี้คือการสนับสนุนให้ร่างกายเหงื่อออกมากกว่าเดิม แต่เป็นเฉพาะเวลา โดยการออกกำลังกายจะช่วยให้ต่อมเหงื่อขยายและขับของเสียออกไป ลดสาเหตุการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรก
- อาบน้ำร้อน
คงจะจริงที่ว่าคนแก่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน และดูท่าจะต้องอาบต่อไปหากไม่อยากให้เกิดกลิ่นที่ว่า เพราะการอาบน้ำร้อนจะช่วยให้รูขุมขนขยาย พาเหงื่อและสิ่งสกปรกไหลไปพร้อมกับน้ำ รวมถึงสมัยนี้ก็มีผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นสูงอายุ
โดยบริเวณที่ควรล้างทำความสะอาดอย่างพิถีพิถันคือ บริเวณที่มีต่อมผลิตไขมันมาก เช่น หลังหู หลังคอ หน้าอก และหลังที่เต็มไปด้วยแบคทีเรีย การอาบน้ำจึงเป็นวิธีชะลอได้ดีที่สุด
- งดสูบบุหรี่
บุหรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มสารอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกาย เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้แย่ลง ส่งผลเสียเกิดการสะสมของเสียในร่างกายเพิ่มกลิ่นเหม็นตามต่อมผิวหนังต้องขับออกมามากกว่าเดิม
- ลดเนื้อสัตว์ และ ไขมัน
ไขมันในเนื้อสัตว์จะกระตุ้นให้ต่อมผลิตไขมันขับความมันส่วนเกินออกมามากขึ้น 1 ใน 3 ตัวการหลักของสูตรเกิดกลิ่นแก่ นอกจากนี้แนะนำให้เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงทุกประเภทเพื่อลดการเกิดกลิ่น รวมไปถึงสุขภาพร่างกายเช่นกัน
โดยปกติแล้วกลิ่นผู้สูงอายุไม่ได้เป็นกลิ่นที่มีความรุนแรงทำลายล้างจมูกวัยรุ่นหรือหนุ่มสาวท่านใด จากผลการวิจัยพบว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะปล่อยกลิ่นออกมาตามช่วงวัยเพื่อให้อีกฝ่ายเลือกปฏิบัติกับเราได้ดีขึ้น การมีกลิ่นคนแก่นี้จึงไม่ได้เป็นผลเสียอย่างใด แต่ถ้าหากใครรู้สึกไม่สบายใจก็ลองปรับวิธีการใช้ชีวิตเพื่อลดกลิ่นดูได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Measure word คืออะไรพร้อมหลักการใช้
เอ๊ะ? measure words เคยได้ยินชื่อนี้คุ้นๆ ว่าแต่มันคืออะไรกันน้า จะใช่ คำแม่ใช่ เอาไว้พูดตอนที่เราเห็นด้วยกะแม่รึเปล่า แบบ ใช่ แม่ใช่ โอนมาเลยแม่ บัญชีหนูนั่นแหละแม่ ใช่ๆ ฮ่าๆ (มีใครเข้าใจมุกแอดมั้ย) คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ อีกอยาก คำนี้ measure อ่านว่า เมช เช่อะ เป็นคำกริยาในภาษาอังกฤษ ที่แปลว่า วัด (ที่ไม่ใช่ temple!!) หรือเป็นคำนาม ที่แปลว่า หน่วยการวัด ก็ได้ อธิบายมาแบบนี้เพื่อนๆคงทราบกันแล้วนะคะว่า measure words ที่เราจะมาเรียนกันในวันนี้คืออะไร มันคือคำที่ใช้บอกปริมาณของคำนามต่างๆนั่นเอง แอดมายด์รวบรวมมาให้เพื่อนๆได้เรียนกันถึง 4 ประเภทด้วยกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
คำบอกปริมาณของคำนามประเภทอาหาร เช่น
- A bowl of …. ถ้วย ได้แก่ a bowl of rice, cereal, maccaroni
- A dish/plate of …. จาน ได้แก่ a dish/plate of spaghetti
- A pound of …. ปอนด์ ได้แก่ a pound of meat, cheese
- A piece of …. ชิ้น ได้แก่ a piece of cake, pie
- A can of …. กระป๋อง ได้แก่ a can of soup
- A box of …. กล่อง ได้แก่ a box of cereal
- A bag of …. ถุง ได้แก่ a bag of flour, rice
- A carton of …. กล่อง ได้แก่ a carton of milk, ice cream
(carton ส่วนใหญ่จะทำจากกระดาษลูกฟู กระดาษแข็ง ไม่ทนทานและทำมาได้จากหลายวัสดุเหมือน box) - A jar of …. กระปุก ได้แก่ a jar of peanut butter, jam
- A loaf of …. แถว ได้แก่ a loaf of bread
- A slice of …. สไลซ์ ได้แก่ a slice of bread, pizza, cheese
- A package of …. ห่อ ได้แก่ a package of pasta
- A dash of …. จำนวนเล็กน้อย ได้แก่ a dash of salt, sugar, cinnamon
- A cube of …. ก้อน ได้แก่ a cube of ice,
- A pack of …. ห่อ ได้แก่ a pack of gum
- A head of …. หัว ได้แก่ a head of lettuce, cabbage
- An ear of …. รวง ได้แก่ a ear of corn, rice, wheat, barley
- A grain of …. เมล็ด ได้แก่ a kernel of corn, wheat
- A stalk of …. ก้าน ได้แก่ a stalk of celery, broccoli
- A clove of …. กลีบ ได้แก่ a clove of garlic, ginger
คำบอกปริมาณของคำนามประเภทของเหลว เช่น
- A teaspoon of …. ช้อนชา ได้แก่a teaspoon of medicine, salt
- A tablespoon of …. ช้อนโต๊ะ ได้แก่ a tablespoon of vinegar, ketchup
- A glass of …. แก้ว ได้แก่ a glass of water, wine
- A cup of …. ถ้วย/แก้วเล็กมีหูจับ ได้แก่ a cup of coffee, tea, hot milk
- A pint of …. ไพท์ 500 ml ได้แก่ a pint of blood, whiskey, beer
- A quart of …. 1/4 แกลลอน ได้แก่ a quart of milk, ice cream
- A half gallon of …. ครึ่งแกลลอน ได้แก่ a half gallon of juice, milk, water
- A gallon of …. แกลลอน ได้แก่ a gallon of punch, oil, petrol
- A tank of …. ถัง ได้แก่ a tank of gas
- A jug of …. เหยือก ได้แก่ a jug of lemonade, juice
- A bottle of …. ขวด ได้แก่ a bottle of wine, coke, water
- A keg of …. ถังเบียร์ ได้แก่ a keg of beer
- A shot of …. ช็อต (แก้วเล็ก) ได้แก่ a shot of vodka
- A drop of …. หยด ได้แก่ a drop of rain, oil, water
คำบอกปริมาณของคำนามประเภทของใช้ส่วนตัว เช่น
- A bar of …. ก้อน ได้แก่ a bar of soap
- A tube of …. หลอด ได้แก่ a tube of toothpaste, ointment
- A stick of …. แท่ง ได้แก่ a stick of deodorant
- A bottle of …. ขวด ได้แก่ a bottle of perfume
- A roll of …. ม้วน ได้แก่ a roll of toilet paper
- A ball of …. ก้อน ได้แก่ a ball of cotton
คำบอกปริมาณของคำนามประเภทเครื่องเขียน เช่น
- A piece of …. แผ่น ได้แก่ a bar of paper, wood
- A pad of …. แผ่น ได้แก่ a pad of paper
- A roll of …. ม้วน ได้แก่ a roll of tape, wire, film, stamps
- A stick/piece of …. แท่ง/อัน ได้แก่ a stick/piece of chalk
- A tube of …. ขวด ได้แก่ a tube of glue, paint
- A jar of …. เหยือก ได้แก่ a jar of paste
- A pair of …. คู่ ได้แก่ a pair of scissors
ซึ่งคำบอกปริมาณพวกนี้ จะใช้นำหน้าคำนามต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ ที่ใหญ่มาก จะเป็นคำนามที่นับไม่ได้ (แต่ในบางกรณีก็เป็นคำนามนับได้นะคะเช่น ที่ยกตัวอย่างไป a roll of stamps เป็นแสตมป์ที่มาเป็นม้วน ม้วนละหลายดวง ในกรณีนี้ก็อย่าลืมเติม s, es หลังคำนามกันล้าา)
ถ้ามีสิ่งเดียว เราจะใส่ article a, an นำหน้าคำบอกปริมาณ เช่น
- A tube of toothpaste
- A bag of chips
แต่ถ้ามีปริมาณนั้นๆมีเยอะ เราจะใส่จำนวนนำหน้า และอย่าลืม! เติม s,es ไว้ด้านหลังคำบอกปริมาณเพื่อเเสดงความเป็นพหูพจน์ด้วย เช่น
- Three jugs of lemonade
- Two slices of toast
อย่างไรก็ตาม การใช้คำบอกปริมาณพวกนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้พูดด้วยนะคะว่า เค้าต้องการเอาคำนามนั้นๆไปใส่ในภาชนะไหน ทีนี้ถ้าเพื่อนๆอยากบอกใครในภาษาอังกฤษว่า เราต้องการสิ่งนี้ในปริมาณเท่าไหร่ ก็จะไม่ต้อง งง มึน อึน กันอีกต่อไป อย่าลืมเอาไปลองฝึกใช้ในชีวิตประจำวันกัน และแน่นอนค่ะ ก่อนจบ ลองไปใส่คำบอกปริมาณให้คำนามด้านล่างกันหน่อยยยยยย สำหรับตัวแอดวันนี้ลาไปก่อน สวัสดีค่า
Exercise
- I’ll get a __________of matches to light the fire.
- Can I buy a __________of tuna and make tuna salad tonight?
- There are five __________ of strawberry jam on the shelf.
- I always bring a __________ of water to the gym.
- Give me two ________ of toilet paper. It’s in the cupboard.
Answer
- box
- can
- jars
- bottle
- rolls
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
ผลวิจัย: วัยรุ่นอเมริกันใช้ ‘เฟซบุ๊ก’ น้อยลง หันหา ‘ยูทูบ – ติ๊กตอก’
ผลการสำรวจความเห็นของศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center) ที่เปิดเผยเมื่อวันพุธ ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของวัยรุ่นในสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนไปในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา โดยชี้ว่า วัยรุ่นอเมริกันใช้ เฟซบุ๊ก (Facebook) น้อยลง แต่หันไปใช้แอปพลิเคชันแชร์วิดีโอ อย่าง ยูทูบ (YouTube) และ ติ๊กตอก (TikTok) มากขึ้น
ผู้จัดทำการสำรวจครั้งนี้ระบุว่า TikTok ได้กลายมาเป็นสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของวัยรุ่นอเมริกันในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ขณะที่ YouTube นั้น ครองตำแหน่งแพลตฟอร์มที่วัยรุ่นนิยมใช้มากที่สุด
ผลสำรวจชี้ว่า 95% ของวัยรุ่นอเมริกันตอบว่าใช้ YouTube เทียบกับ 67% ที่ตอบว่าใช้ TikTok ส่วนคนที่ตอบว่าใช้ Facebook นั้นมีอยู่เพียง 32% ซึ่งลดลงจากระดับ 71% ในการสำรวจแบบเดียวกันนี้เมื่อ 7 ปีก่อน
จากที่เคยครองความนิยมสูงสุดในโลกสังคมออนไลน์ ปัจจุบัน Facebook ถูกมองว่าเป็นแพลตฟอร์มสำหรับคนวัยผู้ใหญ่ขึ้นไป ในขณะที่วัยรุ่นต่างนิยมใช้โซเชียลมีเดียซึ่งเน้นไปที่การแสดงรูปหรือวิดีโอสั้น ๆ ของตัวเองมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวดีสำหรับบริษัทเมตา (Meta) บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก อยู่บ้าง เมื่อแอปฯ อินสตาแกรม (Instagram) ยังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นมากกว่าการสำรวจเมื่อ 7 ปีก่อน โดยรายงานสำรวจบอกว่า 62% ของวัยรุ่นอเมริกันใช้ Instagram และ 59% ใช้สแนปแชท (Snapchat) ซึ่งเน้นไปที่รูปถ่ายและวิดีโอเช่นกัน
ทั้งนี้ ราว 25% ของวัยรุ่นที่ใช้ Snapchat YouTube หรือ TikTok กล่าวว่า พวกเขาใช้แอปฯ นี้เกือบตลอดเวลา
สำหรับ ทวิตเตอร์ (Twitter) รายงานสำรวจบอกว่า มีวัยรุ่นอเมริกันไม่ถึง 25% ที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์นี้
การสำรวจครั้งนี้ใช้กลุ่มตัวอย่างอายุ 13 – 17 ปีในสหรัฐฯ จำนวน 1,316 คน จัดทำขึ้นระหว่างเดือนเมษายน ถึงเดือนพฤษภาคมปีนี้
ข้อมูลของศูนย์วิจัยพิว เปิดเผยออกมาในขณะที่ Meta กำลังยกระดับการแข่งขันกับ TikTok เพื่อแย่งชิงจำนวนผู้ใช้ ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นคลิปวิดีโอสั้น ๆ หรือ Reels เป้าหมายเพื่อกระตุ้นรายได้จากค่าโฆษณาออนไลน์เพิ่มขึ้น
รายงานสำรวจยังระบุด้วยว่า 95% ของวัยรุ่นอเมริกันต่างมีโทรศัพท์มือถือใช้ ซึ่งพอ ๆ กับตัวเลขของวัยรุ่นที่มีคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก โดยมีผู้ตอบคำถามครั้งนี้เกือบ 46% ที่บอกว่าออนไลน์เกือบตลอดเวลา เพิ่มจากการสำรวจเมื่อ 7 ปีที่แล้วเกือบสองเท่า
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ทุเรียนเทศ” ประโยชน์ และข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนกิน
ทุเรียนเทศ (Soursop) หรือทุเรียนน้ำ เป็นพืชในวงศ์เดียวกับกระดังงา น้อยหน่า จำปี นมแมว พบในเขตร้อนและมีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง ทุเรียนเทศมีเปลือกนอกแข็งหนาสีเขียว ภายในเป็นเนื้อสีขาว รสชาติหวานอมเปรี้ยว สามารถรับประทานผลแบบสด หรือนำไปทำเป็นน้ำผลไม้ ชา และของหวานก็ได้ ทุเรียนเทศยังอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารมากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี แคลเซียม แมกนีเซียม ทั้งยังมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์สุขภาพหลายประการ เช่น อาจมีฤทธิ์ต้านมะเร็งเต้านม อาจลดอาการอักเสบ อาจช่วยลดน้ำตาลในเลือด
คุณค่าทางโภชนาการของ ทุเรียนเทศ
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Department of Agriculture หรือ USDA) ระบุว่า ทุเรียนเทศ 100 กรัม ให้พลังงาน 66 กิโลแคลอรี่ มีน้ำเป็นส่วนประกอบ 81.2 กรัม และอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุ เช่น
- คาร์โบไฮเดรต 16.8 กรัม (แบ่งเป็นไฟเบอร์หรือใยอาหาร 3.3 กรัม และคาร์โบไฮเดรตชนิดอื่น เช่น น้ำตาล แป้ง อีก 13.5 กรัม)
- โปรตีน 1 กรัม
- ไขมัน 0.3 กรัม
- ฟอสฟอรัส 27 มิลลิกรัม
- แมกนีเซียม 21 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 20.6 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 14 มิลลิกรัม
วิตามินซีปริมาณมากในทุเรียนเทศเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และมีส่วนช่วยในการป้องกันเชื้อโรค นอกจากนี้ ทั้งส่วนผลและใบของทุเรียนเทศยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) แทนนิน (Tannins) ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) อีกทั้งทุเรียนเทศยังมีวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินอี โคลีน สังกะสี ทองแดง โฟเลต ซีลีเนียม เบต้าแคโรทีน เป็นต้น
ประโยชน์ต่อสุขภาพของ ทุเรียนเทศ
ทุเรียนเทศอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพของทุเรียนเทศ ดังนี้
- อาจมีฤทธิ์ต้านมะเร็งเต้านม
ทุเรียนเทศมีสารแอนโนนาซิน (Annonaceous) และสารอะซิโตจีนิน (Acetogenins) ซึ่งมีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง มีส่วนในการลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม ทั้งยังเพิ่มทีเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวในกลุ่มลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) ที่ฆ่าเซลล์มะเร็ง และเซลล์ที่เสียหายอื่นๆ ได้
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร BMC Complementary and Alternative Medicine เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 ศึกษาเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านมะเร็งของสารสกัดจากใบทุเรียนเทศต่อสายเซลล์มะเร็งเต้านม พบว่า สารสกัดจากทุเรียนเทศสามารถลดขนาดเนื้องอก ฆ่าเซลล์มะเร็งเต้านม และเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้ด้วยการเพิ่มปริมาณทีเซลล์ที่ทำหน้าที่กำจัดเซลล์ติดเชื้อในร่างกาย จึงอาจสรุปได้ว่า ทุเรียนเทศมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งเต้านมเมื่อใช้ในปริมาณสูง ทั้งนี้ ยังต้องวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ทุเรียนเทศเป็นยาทางเลือกในการรักษาโรคมะเร็งเต้านม
อาจลดอาการอักเสบได้
ทุเรียนเทศมีวิตามินซีที่ออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง จึงอาจช่วยลดความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะอักเสบ ซึ่งเป็นภาวะที่นำไปสู่การเกิดโรคได้
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Medicinal Food เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2557 ศึกษาเกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์แก้ปวดและคุณสมบัติต้านการอักเสบของสารสกัดจากทุเรียนเทศ พบว่า ทุเรียนเทศมีฤทธิ์ระงับปวด และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบโดยการยับยั้งตัวกลางทางเคมีของการอักเสบ จึงสามารถลดอาการบวมและอาการปวดได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการทดลองในสัตว์ จึงควรศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันประสิทธิภาพในการต้านการอักเสบของทุเรียนเทศ
- อาจช่วยลดน้ำตาลในเลือด
ใบทุเรียนเทศมีสารพฤกษเคมีที่เรียกว่า อะซิโตจีนิน ซึ่งอาจช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ จึงอาจเป็นทางเลือกในการควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมายที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร African Journal of Traditional, Complementary and Alternative Medicines เมื่อพ.ศ. 2552 ศึกษาเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านภาวะน้ำตาลในเลือดสูงของทุเรียนเทศ พบว่า สารสกัดจากทุเรียนเทศมีส่วนช่วยลดความเข้มข้นของกลูโคสในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อใช้ในปริมาณ 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ติดต่อกันเป็นเวลา 15 วัน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการทดลองในสัตว์ จึงควรศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือดของทุเรียนเทศ
ข้อควรระวังในการบริโภค ทุเรียนเทศ
ข้อควรระวังในการบริโภคทุเรียนเทศ อาจมีดังนี้
- ทุเรียนเทศมีสารสำคัญ คือ สารกลุ่มแอนโนนาซิน อะซิโตจีนิน และสารกลุ่มแอลคาลอยด์ หากรับประทานในปริมาณมากและรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจเป็นพิษต่อเนื้อเยื่อสมอง ทำให้เกิดกลุ่มอาการพาร์กินโซนิซึมหรือโรคพาร์กินสันเทียม (Atypical parkinsonism) และอาจทำให้ไตวายได้
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคทุเรียนเทศและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีทุเรียนเทศเป็นส่วนประกอบในปริมาณมากเพราะอาจเป็นพิษต่อไตและมดลูก
- ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเมล็ดของทุเรียนเทศ เนื่องจากมีสารแอนโนนาซิน (Annonacin) ซึ่งเป็นพิษต่อเซลล์ในระบบประสาท และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคพาร์กินสัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15/08/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,050.00 | 30,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,947.00 | 29,516.52 | 30,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,752.30 | 26,564.87 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,557.60 | 23,613.22 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 876.00 | 13,280.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 681.00 | 10,323.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,018.00 | 30,592.88 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15/08/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.45 | 36.45 | 37.05 | 37.05 | 37.05 | 36.45 | 36.45 | 36.45 | 37.05 | 36.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.18 | 36.18 | 36.78 | 36.78 | 36.78 | 36.18 | 36.18 | 36.18 | 36.78 | 36.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.34 | 35.34 | 35.94 | 35.94 | 35.94 | – | 35.34 | 35.34 | 35.94 | 35.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.34 | 32.34 | – | – | – | – | – | – | – | 32.34 |
เบนซิน 95 | 43.86 | – | – | – | 44.91 | – | 44.36 | 44.36 | – | 43.86 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 35.54 | – | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 46.16 | 46.16 | 46.76 | 46.16 | 46.76 | – | – | – | – | 46.16 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |