“AIA”คว้าที่ดินแปลงรัชดา ของ “PRINC”ขึ้นมิกซ์ยูสหมื่นล้าน
“AIA” คว้าที่ดินแปลงรัชดา 8ไร่ ของ PRINC “สาธิต วิทยากร ” ผู้ถือหุ้นใหญ่โรงพยาบาลพริ้นซ์ -บำรุงราษฏร์ หลัง แบ่งขายที่ดินติดถนนรัชดาภิเษก 8 ไร่ บริเวณด้านหน้าให้ บริษัทเอไอเอ 3,500 ล้าน ตร.ว.ละ 1.1 ล้าน พร้อมโอนกรรมสิทธิ์แล้วเมื่อ9 สิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก20ไร่รอพัฒนาต่อ
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นายสาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ผู้ถือหุ้นใหญ่โรงพยาบาลพริ้นซ์ และโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้แบ่งขายที่ดินติดถนนรัชดาภิเษก จำนวน 8 ไร่ บริเวณด้านหน้าให้กับ
บริษัท เอไอเอประเทศไทย หรือAIAวงเงิน 3,500 ล้านบาท หรือเฉลี่ยราคาตารางวาละ 1.1 ล้านบาท และได้ทำการโอนกรรมสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะนำเงินที่ได้จากการขายที่ดินดังกล่าวไปชำระหนี้และใช้เป็นไฟแนนซ์หมุนเวียนในธุรกิจต่อไป
“เท่าที่ทราบเอไอเอมีแผนนำที่ดินพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส มีอาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก เหมือนกับอาคารสำนักงานเอไอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ อยู่ฝั่งตรงข้าม โดยจะสร้างเป็นตึกคู่กัน”
นายสาธิตกล่าวอีกว่า สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นแลนด์แบงก์ส่วนตัว มีเนื้อที่ทั้งหมด 28 ไร่ ส่วนที่เหลืออีก 20 ไร่ มีแผนจะนำมาพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส เช่น โรงแรม คอนโดมิเนียม แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ คงชะลอการลงทุนออกไปก่อน แต่หากมีคนสนใจจะซื้อก็จะขาย
ทั้งนี้ ที่ดินอยู่ในทำเลมีศักยภาพ ติดกับอาคารจอดแล้วจรของรถไฟฟ้า MRT และใกล้กับสถานีศูนย์วัฒนธรรม จะเป็นสถานีจุดตัดของรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT และสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ที่กำลังก่อสร้าง
ด้านแหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า เมื่อประเมินจากราคาที่ดิน 8 ไร่ ที่เอไอเอซื้อในราคาตารางวาละ 1.1 ล้านบาทแล้ว คาดว่าจะเป็นการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่และใช้เงินลงทุนเป็นหมื่นล้านบาท
“ราคาซื้อขายถือว่าสูงมากในทำเลกลางเมือง และในภาวะวิกฤตแบบนี้ จะส่งผลทำให้ทำเลรัชดาฯยังมีที่ดินรอการพัฒนาอีกหลายแปลง กลับมาฮอตอีกครั้ง”
จากการตรวจสอบ ปัจจุบันเอไอเอได้มีการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์รวม 3 โครงการ เป็นรูปแบบอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าได้แก่ 1.เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ ถนนรัชดาภิเษก บนที่ดิน 10 ไร่ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าศูนย์วัฒนธรรม ประมาณ 50 เมตร เป็นอาคารสูง 34 ชั้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท
2.เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ติดสถานีเซ็นหลุยส์รถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นอาคารสูง 29 ชั้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาทและ 3.เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ ติดถนนบางนา-ตราด กม.4.5 ใกล้กับสถานีวัดศรีเอี่ยม ของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ตามแผนจะสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 มีเนื้อที่กว่า 10 ไร่ เป็นอาคารสูง 33 ชั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เหตุผลย้อนแย้ง? “สร้างรถไฟฟ้าพื้นที่เดียวกัน แต่ประมูลต่างกัน”
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ซัดรฟม. เหตุผลย้อนแย้ง? สร้างรถไฟฟ้าพื้นที่เดียวกัน แต่ประมูลต่างกัน รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ใช้เกณฑ์ TOR ราคาตัดสิน รถไฟฟ้าสายสีส้ม -สายสีม่วงใต้ เจาะอุโมงค์เหมือนกันใช้เกณฑ์ TOR เทคนิค+ราคา
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กำลังประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกและสายสีม่วงใต้ โดยทั้ง 2 สายนี้มีเส้นทางลอดใต้เกาะรัตนโกสินทร์และใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเหมือนกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งได้เปิดใช้งานแล้ว แต่ รฟม.ใช้เกณฑ์ประมูลต่างกัน เพราะอะไร?
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์โพสต์เฟซบุ๊ก วันที่16สิงหาคม2564 ถามคำถามเหตุผลที่ รฟม.อ้างย้อนแย้งหรือไม่? ติดตามได้จากบทความนี้
รฟม.ใช้เกณฑ์อะไรในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย จึงสามารถก่อสร้างได้สำเร็จสมบูรณ์?
การประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค ซึ่งต้องขุดเจาะอุโมงค์ใต้เกาะรัตนโกสินทร์และใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นครั้งแรก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ใช้เกณฑ์ประมูลโดยพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคก่อน หากผู้ยื่นข้อเสนอผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้านเทคนิคซึ่งจะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 70% ก็จะพิจารณาข้อเสนอด้านราคาต่อไป ใครเสนอราคาต่ำสุดก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล
ปรากฏว่า รฟม.สามารถคัดเลือกผู้รับเหมาที่ทำให้งานก่อสร้างสำเร็จสมบูรณ์ตามความต้องการของ รฟม. และได้เปิดใช้งานในปี 2562 ทั้งๆ ที่ผู้รับเหมาที่ชนะการประมูลไม่เคยมีประสบการณ์ในการขุดเจาะอุโมงค์ใต้เกาะรัตนโกสินทร์และใต้แม่น้ำเจ้าพระยามาก่อน จึงถือได้ว่าเกณฑ์ประมูลนี้เป็นเกณฑ์ที่ใช้ได้ผลดี
ทำไม รฟม.ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกล่าช้ากว่าแผน?
หลังจากเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายแล้ว ต่อมาในปี 2563 รฟม.เปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งต้องขุดเจาะอุโมงค์ใต้เกาะรัตนโกสินทร์และใต้แม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งต้องให้บริการเดินรถตลอดเส้นทางทั้งช่วงตะวันตกและตะวันออก จากบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี
ตอนเริ่มประมูล รฟม.ใช้เกณฑ์ประมูลเหมือนกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย แต่ได้ปรับเพิ่มคะแนนการผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคจากเดิมไม่น้อยกว่า 70% เป็นไม่น้อยกว่า 85% เพราะคงต้องการที่จะได้ผู้รับสัมปทานหรือผู้รับเหมาที่มีความสามารถสูงขึ้น
แต่ก่อนถึงวันยื่นข้อเสนอ รฟม.ได้เปลี่ยนไปใช้ “เกณฑ์ใหม่” ซึ่งต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทน (“ผลตอบแทน” ใช้สำหรับการหาผู้รับสัมปทาน ส่วน “ราคา” ใช้สำหรับการหาผู้รับเหมา) โดยให้คะแนนด้านเทคนิค 30% และคะแนนด้านผลตอบแทน 70% ใครได้คะแนนรวมสูงสุดก็จะชนะการประมูล ทั้งนี้ รฟม.ให้เหตุผลว่าต้องขุดเจาะอุโมงค์ใต้เกาะรัตนโกสินทร์และใต้แม่น้ำเจ้าพระ จึงจำเป็นต้องได้ผู้ชนะการประมูลที่มีประสบการณ์และสมรรถนะสูง
ทั้งนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการให้ความสำคัญต่อโบราณสถานในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ ดังนั้น รฟม.จึงควรใช้เกณฑ์เดิมที่มีความเหมาะสมดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรับเพิ่มคะแนนการผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคจากเดิมไม่น้อยกว่า 70% เป็นไม่น้อยกว่า 85% จะทำให้ รฟม.ได้ผู้ชนะการประมูลที่เก่งด้านเทคนิคมากขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องใช้เกณฑ์ใหม่ที่ลดทอนความสำคัญด้านเทคนิคลงมาเหลือเพียง 30% เท่านั้น ซึ่งย้อนแย้งกับเหตุผลของ รฟม.ที่อ้างว่าต้องการได้ผู้ชนะการประมูลที่มีประสบการณ์และสมรรถนะสูงถึงเวลานี้ การเปลี่ยนเกณฑ์ทำให้การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกล่าช้ากว่าแผนไปแล้วประมาณ 1 ปี
รฟม.ควรใช้เกณฑ์อะไรประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ จึงจะได้ผู้รับเหมาที่มีความสามารถสูง?
ขณะนี้ รฟม.กำลังประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ซึ่งต้องก่อสร้างอุโมงค์ใต้เกาะรัตนโกสินทร์และใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกัน แต่ รฟม.ใช้ “เกณฑ์ใหม่” ซึ่งต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านราคา โดยอ้างเหตุผลทำนองเดียวกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก
จากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่า รฟม.ควรใช้เกณฑ์เดิม เพราะจะทำให้ได้ผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์และสมรรถนะสูง แต่หากต้องการได้ผู้รับเหมาที่มีความสามารถด้านเทคนิคสูงขึ้น ก็สามารถกำหนดคะแนนขั้นต่ำที่ผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคให้สูงขึ้นได้ ไม่จำเป็นจะต้องนำคะแนนด้านเทคนิคมารวมกับคะแนนด้านราคา ซึ่งไม่ใช่วิธีที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้ผู้รับเหมาที่มีความสามารถด้านเทคนิคสูงตามที่ รฟม.ต้องการ
สรุปทั้งหมดนี้ ด้วยความปรารถนาดีต่อ รฟม. อยากให้ รฟม.ได้ตระหนักไว้ว่า หากโครงการล่าช้าจากการใช้เกณฑ์ใหม่จะทำให้ประเทศเสียหายอย่างใหญ่หลวง ดังที่ รฟม.ได้ประเมินความเสียหายกรณีเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกล่าช้า พบว่าประเทศจะเสียหายถึงปีละประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาท อีกทั้ง การใช้เกณฑ์ใหม่อาจทำให้ รฟม.ต้องเสียค่าก่อสร้างมากกว่า หรือไม่ได้รับผลตอบแทนสูงสุด และที่สำคัญ อาจจะถูกกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้ผู้ยื่นข้อเสนอรายใดรายหนึ่งหรือไม่?
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
หุ้นไทยจับตาล็อกดาวน์ยืดเยื้อ คาดดัชนีแกว่งSideway
แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยแกว่ง Sideway ถึง Sideway Down จากความกังวลสถานการณ์โควิดในประเทศที่อาจนำไปสู่การล็อกดาวน์ยืดเยื้อ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway Down จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่ดีขึ้น ส่งผลให้อาจจะต้องล็อกดาวน์ยืดเยื้อ และอาจจะไม่ได้ผลด้วย ซึ่งวันนี้จะมีการประชุมศบค.ที่จะต้องติดตาม โดยอาจจะมีการผ่อนปรนบางกิจการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน แต่มองสถานการณ์โควิดยังยืดเยื้อ การผ่อนปรนบางกิจการเพื่อไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตประจำวันเท่าไร
นอกจากนี้ เม็ดเงินลงทุนต่างชาติยังไหลออก จากเงินบาทที่ยังอ่อนค่า และ MSCI ก็ได้ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยด้วย รวมถึงราคาน้ำมันก็อ่อนตัวลง อีกทั้งวันนี้หุ้น ADVANC จะขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายปันผล ซึ่งก็จะถ่วงดัชนีฯราว 0.94 จุด ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวในแดนลบราว 0.5%
อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 2/64 ของไทย และการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน รวมทั้งรอติดตามการพิจารณาร่างงบประมาณปี 65 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18-20 ส.ค.นี้ และในวันที่ 18 ส.ค.นี้ให้ติดตามคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 27-28 ก.ค.
พร้อมให้แนวรับ 1,525-1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,540 จุด
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“หาญฤชัย เนตศิริ” นักกีฬายิงธนูพาราทีมชาติไทย หวังคว้าเหรียญพาราลิมปิก อีกสมัย
ความพร้อมนักกีฬายิงธนูพาราทีมชาติไทย ที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ทั้งหมด 5 คน โดยเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่ ศูนย์ฝึกกีฬามวกเหล็ก การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดสระบุรี โดยมี “โค้ชหยัด” ประหยัด มุกดาอ่อน เป็นผู้ดูแลการฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น
ประหยัด มุกดาอ่อน หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมยิงธนูคนพิการทีมชาติไทย เผยถึงความพร้อมว่า จากที่ผ่านมาเราได้มีการเก็บตัวฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งหลังจบศึก รีโอเกมส์ 2016 ทำให้ก่อนหน้านี้เราค่อนข้างมีความพร้อมมาก และทำให้สามารถคว้าโควต้ามาได้ถึง 5 คน ซึ่งทำให้ในครั้งนี้นักกีฬาของเราสามารถลงแข่งได้ครบทุกรายการที่มีแข่งขันในพาราลิมปิกเกมส์หนนี้
“ส่วนเรื่องความพร้อมของนักกีฬา เราโชคร้ายนิดหน่อย ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากเราไปแข่งขันที่ สาธาณรัฐเช็ก มาแล้วต้องกักตัว 14 วัน ทำให้เราต้องขาดการฝึกซ้อมไประยะหนึ่งทำให้ความพร้อมเราจึงลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ดียังเหลื่อเวลาอีก 8 วันก่อนที่จะเข้าสู่มหกรรมการแข่งขันทำให้เรายังเชื่อว่าน่าจะทำให้เรามีความพร้อมมากกว่านี้”
“สำหรับความหวังในพาราลิมปิกเกมส์หนนี้ ต้องยอมรับเราอาจจะมีลุ้นน้อยกว่าครั้งที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงหวังที่ หาญฤชัย เนตศิริ ซึ่งเป็นเจ้าของเหรียญเงินครั้งที่แล้วในประเภทคันธนูโค้งกลับ บุคคลชายเช่นเดิม ส่วนรายการอื่นเชื่อว่ามีโอกาสเช่นกัน หากถึงวันแข่งขันทุกคนมีสมาธิที่ดี ก็มีโอกาสสอดแทรกทำผลงานไปหยิบเหรียญรางวัลได้เช่นกัน” โค้ชหยัด กล่าว
ขณะที่ “อ๋อง” หาญฤชัย เนตศิริ เจ้าของเหรียญเงินพาราลิมปิก 2016 เผยว่า ความพร้อมเวลานี้ต้องยอมรับว่ายังไม่ร้อยเปอร์เซ็น เพราะตอนนี้มีอาการบาดเจ็บที่บริเวณข้อศอกรบกวนอยู่เล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถซ้อมได้เต็มที่เท่าไหร่ในเวลานี้ แต่ผมยังเชื่อว่าน่าหายทันช่วงแข่งขันพอดี
“เป้าหมายในครั้งนี้ ตนยังหวังว่าจะสามารถทำผลงานติด 1 ใน 3 เพื่อคว้าเหรียญรางวัลในพาราลิมปิกเกมส์ในประเภท คันธนูโค้งกลับ บุคคลชาย ให้ได้อีกครั้ง แต่มันต้องรอดูว่าอาการบาดเจ็บที่ข้อศอกมันจะดีขึ้นหรือไม่ด้วย หากไม่หายก็คงเป็นเรื่องยากที่สามารถทำผลงานได้อย่างที่หวัง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรผมก็พร้อมทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อคว้าเหรียญรางวัลมาฝากพี่น้องชาวไทยให้ได้” หาญฤชัย กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับรายชื่อนักกีฬายิงธนูพาราทีมชาติไทย ทั้ง 5 คน ประกอบด้วย หาญฤชัย เนตศิริ (คันธนูโค้งกลับ),คมสัน สิงห์ภิรมย์ (คันธนูทดกำลัง), อานนท์ อึ้งอภินันท์ (คันธนูโค้งกลับ), ภัทรภร ปัตตะแวว (คันธนูทดกำลัง), ประภาพร หอมจันทร์ (คันธนูทดกำลัง) โดยทั้งหมดออกเดินทางจากประเทศไทยไปยังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
9 อาหารลดความเสี่ยง “มะเร็งเต้านม”
จริงๆ แล้วไม่มีอาหารหรือรูปแบบการรับประทานใด ที่สามารถป้องกันหรือก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมได้ แต่การเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพนั้นสามารถสร้างความแตกต่าง อย่างเห็นได้ชัด สำหรับความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่มีความซับซ้อน เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายๆ อย่างรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นอายุ พันธุกรรม Hello คุณหมอ มี อาหารลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม ไปดูกันว่ามีอาหารอะไรที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้
มะเร็งกับโภชนาการ เกี่ยวข้องกันอย่างไร
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งนั้น มีปัจจัยมาจากหลายอย่าง เช่น พันธุกรรม สิ่งแวดล้อม และอาหารการกิน จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าประมาณร้อยละ 70 ของความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งนั้น ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง รวมถึงการรับประทานอาหารด้วย เช่น การหลีกเลี่ยงบุหรี่ จำกัดแอลกอฮอล์ การควบคุมน้ำหนัก และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ดีในการป้องกันมะเร็ง รวมทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็เป็นปัจจัยที่สามารถช่วยป้องกันมะเร็งได้เช่นกัน
สิ่งที่คุณรับประทานนั้นล้วนส่งผลต่อสุขภาพของคุณ รวมถึงส่งผลต่อความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งด้วย จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าอาหารที่รับประทานกับความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งนั้นมีความเกี่ยวข้องกัน พฤติกรรมการบริโภคอาหารบางอย่าง เช่น อาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนแบบดั้งเดิม ที่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ และไขมันที่ดีต่อสุขภาพสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งที่พบได้บ่อย รวมถึงมะเร็งเต้านมด้วย แต่ในทางกลับกันการรับประทานอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์แปรรูปเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้และทวารหนัก
อาหารลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม มีอะไรบ้าง
มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ในบริเวณที่แตกต่างกันออกไป แถมยังมีรูปแบบที่แตกต่างกันอีกด้วย ซึ่งรูปแบบในการรักษามะเร็งเต้านมนั้นก็มีหลายแบบ ซึ่งอาหารถือเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ อาหารเหล่านี้ถือ เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีส่วนช่วยป้องกันพัฒนาการและการลุกลามของมะเร็งเต้านมได้
- ผักและผลไม้
- เบอร์รี่ต่างๆ
- อาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ เช่น เมล็ดพืช ธัญพืช และพืชตระกูลถั่ว
- ผลิตภัณฑ์จากนม
- ไขมันที่ดีจากธรรมชาติ
- ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
- อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดีและวิตามินอื่นๆ
- เครื่องเทศที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ เช่น ขมิ้น กระเทียม
- พืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ผักใบเขียวปรุงสุก มันเทศ
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- แอลกอฮอล์
- น้ำตาล
- ไขมัน
- เนื้อแดง
- อาหารแปรรูป
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผักและผลไม้ หรือการลดอาหารที่มีน้ำตาล ไขมันทรานส์ อาจมีส่วนช่วยในการ ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมได้ นอกจากนี้ยังสามารถลดความเสี่ยงของโรคอ้วน ซึ่งเป็นโรคที่เพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งอื่นๆ ได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 สำนวนอังกฤษที่ใช้แล้วจะฟังดูหรูสุดๆ
พวกวลีที่โบราณและเป็นที่ชอบอกชอบใจ รวมถึงเข้าใจยากๆ ในภาษาอังกฤษนั้นส่วนใหญ่จะมาจากคนอังกฤษชนชั้นกลางระดับสูงในสมัยก่อนค่ะ การใช้คำที่ตกทอดมาจากคนเหล่านี้ก็จะทำให้ดูหรู ดูมีระดับมากทีเดียว โดยเฉพาะถ้าเอาไปพูดกับคนอเมริกันที่ส่วนใหญ่เขาจะพูดกันตรงๆ เป็นหลัก (แต่ระวังนะคะ นอกจากชื่นชมแล้วอาจจะมีการถูกขมวดคิ้วใส่ด้วยก็ได้) มาดูกันเลยค่ะว่ามีคำอะไรบ้าง
1. Golly gosh
อยากจะลองทำท่าทำทางตกใจเหมือนผู้ดีเขาดูไหมคะ คำนี้ล่ะเหมาะเลย Golly กับคำว่า Gosh เป็นคำที่เขาคาดว่าแปลว่า “พระเจ้า” หรือ God นั่นเองค่ะ เนื่องจากคนชั้นสูงสมัยก่อนเขาไม่เอ่ยนามพระเจ้ากันตรงๆ การจะทำตัวเป็นผู้ดีจึงต้องประดิษฐ์คำขึ้นใหม่เป็นคำนี้เองค่ะ
2. Old bean
ถ้าอ่านวรรณกรรมหรือดูหนังเรื่อง The Great Gatsby อาจจะได้ยินคำว่า Old sport มาบ้างแล้วใช่ไหมคะ เป็นคำที่ผู้ดีเขาใช้เรียกเพื่อนฝูงกัน นอกจากนั้นก็ยังมี Old fellow หรือ Old fruit ด้วย คำว่า Old bean ก็เช่นกันค่ะ จะให้ทั้งความอบอุ่นแล้วก็นัยสูงส่งแบบผูุ้ดีแก่ผู้ถูกเรียกมากทีเดียว
3. Poppycock
คนอังกฤษใช้คำนี้กันบ่อยค่ะ มันหมายถึงการพูดถึงอะไรก็ตามที่ไร้สาระอย่างที่สุด ซึ่งก็เอาไปใช้เป็นคำคุณศัพท์ว่า poppycocking ได้ด้วย ลองใช้คำนี้แทนการบ่นว่าใครสักคนทำตัว nonsense ดูค่ะ
4. Jolly hockey sticks
คำนี้ใช้บรรยายเด็กสาวชนชั้นสูง (อาจจะเป็นเด็กในโรงเรียนหรือว่าคนที่ทำงานอยู่ในโรงเรียนก็ได้) ที่กระตือรื้อร้นในระดับที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลเอาเสียเลย เด็กสาวพวกนี้ตัวเล็ก อ่อนแอ อาจจะโดนใคร ๆ แกล้งก็ได้ แต่ว่ามันก็จะไม่ทำให้พวกเธอเสียขวัญมากนัก
5. Pip pip
สำหรับใครที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนนะคะ นี่คือคำที่ใช้แทนคำว่า “Goodbye” ได้ค่ะ จริง ๆ แล้วมันเป็นคำที่มีขึ้นมาเป็นร้อยปีแล้วนะคะ แต่ยังสามารถเอามาใช้ในเชิงเสียดสีผู้ดีได้อยู่
6. By Jove
Jove เป็นตัวย่อของคำว่า Jehovah (ยะโฮวาห์) หรือว่าพระเจ้า ในสมัยก่อนนั่นเองค่ะ อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่าสมัยก่อนคนมักจะหลีกเลี่ยงการพูดคำว่า God ตรง ๆ ดังนั้นก็จะประดิษฐ์ชื่อแทนขึ้นมาเยอะทีเดียว คำนี้เป็นคำที่ชนชั้นสูงเขาจะอุทานออกมาเวลาที่ตกใจหรือเจออะไรที่ช็อกมาก ๆ เข้า ในภาพยนตร์เก่า ๆ ก็ยังมีการใช้คำนี้อยู่ค่ะ
7. Spiffing
ถ้ามีใครหรือสิ่งของอะไรที่ยอดเยี่ยม เลิศหรู เลิศสะแมนแตนแล้วล่ะก็ ผู้ดีอังกฤษเขาจะเรียกว่าเป็น “Spiffing” ค่ะ เช่นหมวกนี้งามเหลือเกิน ก็พูดว่า “This is a spiffing hat.” แต่ว่าสมัยนี้ไม่ค่อยมีคนใช้คำนี้กันแล้วนะคะ ถ้าจะเอาไปใช้ก็ระวังโดนขำนะ
8. Good grief
นี่ก็เป็นคำอุทานอีกเช่นกันค่ะ เราเห็นคำอุทานในด้านดีอย่างเช่น Golly gosh หรือว่า By Jove กันมาแล้วใช่ไหมคะ แต่นี่คือคำที่จะออกไปในทางไม่ดีหน่อย คืออุทานเมื่อได้เห็นเรื่องไม่ดี หรือว่าได้รับข่าวร้ายนั่นเอง เป็นการช็อกแบบหรู ๆ ผู้ดีอังกฤษค่ะ
9. Jolly good show
นี่ก็เป็นคำฟุ่มเฟือยอีกคำค่ะ ไม่มีความหมายอะไรตรงตัวเลย แต่เป็นคำที่เอาไว้ใช้ชื่นชมอะไรที่แสดงออกมาได้ดีหรือว่ายอดเยี่ยมแบบหรู ๆ เช่น ทีมฟุตบอล เป็นต้นค่ะ ยกตัวอย่างเช่น “Jolly good show, that Striker!” (ยอดเยี่ยมมาก กองหน้าคนนั้น)
10. Capital
อาจจะเข้าใจว่าคำ ๆ นี้จะหมายถึง ตัวอักษร เมืองใหญ่ เงิน หรือธุรกิจอะไรทำนองนั้นใช่ไหมคะ แต่ไม่ใช่เลยค่ะ สำหรับผู้ดีอังกฤษแล้วคำว่า Capital นี้มีความหมายเดียวกับคำว่า Fantastic นั่นเอง เอาไว้อุทานชื่นชมอะไรที่สวยงาม ยิ่งใหญ่ อลังการค่ะ
เป็นยังไงคะแต่ละคำ กล้านำไปใช้กันไหมคะเนี่ย อันที่จริงคำเหล่านี้ถ้าใช้อย่างจริงจังอาจจะดูประดักประเดิดไปสักหน่อย เพราะต่างก็เป็นคำที่เขาไม่ใช้กันแล้ว หรือถ้าจะมีใช้อยู่ก็คงเป็นชนชั้นสูงที่อายุอานามเฉียดร้อย แต่ถ้าเอามาใช้ในเชิงขำขันดูจะเข้าท่าดีนะคะ คงสร้างเสียงหัวเราะได้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะในสังคมอเมริกันที่เขาไม่ถือผู้ดีกันเท่าไร
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
ทำความรู้จักฟีเจอร์ “ระบบแจ้งเตือนการสัมผัสเชื้อโควิด” มันแค่มี
พูดได้ว่าในตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ในบ้านเรานั้นเรยกได้ว่าอยู่ในช่วงวิกฤตสุด ๆ เลย และสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือการดูแลตัวเองให้มากที่สุด
วันนี้พวกเราทีมงาน Sanook Hitech มีฟีเจอร์บน iPhone มาแนะอัปเดตให้รู้จักกัน คือมันไม่ได้ใหม่ และไม่ได้เก่า เพียงแต่เราจะบอกว่าแม้มันจะมีในระบบแต่ว่าสำหรับบ้านเราแล้วฟีเจอร์นี้ยังไม่สามรถใช้งานไดนั้นเอง…
แต่เราสามารถเปิดมันมาลองเล่นได้นะ โดยขั้นตอนง่าย ๆ มีดังนี้
- ให้คุณเข้าไปที่ Settines > Exposure Notifications
- เลือก Turn On Exposure Notifications > Continue
- จากนั้นให้ทำการเลือกประเทศที่เราอยู่ อยางตัวอย่างคือประเทศไทย
แม้ว่าจะมีระบบแจ้งเตือนการสัมผัสเชื้อโควิด แล้วใน iPhone แต่ในประเทศไทยยังใช้ไม่ได้? หรือไม่รองรับนั้นเองครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ประโยชน์ของ “ลูกพลัม” หวานอร่อย คอเลสเตอรอลน้อย ดีต่อสุขภาพ
ลูกพลัม เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกับ ลูกพรุน ลูกพีช หรืออัลมอนด์ เป็นผลไม้ที่มีขนาดเล็ก พบได้ทั่วไปในประเทศจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และประเทศในแถบยุโรป เมื่อผลสุกจะมีรสชาติหวาน อร่อย และยังอุดมไปด้วยประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกท่านมารู้จักกับพลัมให้มากขึ้น
สารอาหารในลูกพลัม
พลัม หรือลูกพลัม เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินสำคัญๆ มากมาย ดังนี้
- วิตามินบี 1
- วิตามินบี 2
- วิตามินบี 3
- วิตามินบี 6
- วิตามินเอ
- วิตามินซี
- วิตามินเค
- วิตามินอี
- โฟเลต
แร่ธาตุสำคัญในพลัม ได้แก่
- ฟลูออไรด์
- โพแทสเซียม
- แมกนีเซียม
- ฟอสฟอรัส
- ธาตุเหล็ก
- สังกะสี
- แคลเซียม
นอกจากนี้ พลัมยังให้ทั้งคาร์โบไฮเดรตมากถึง 7.5 กรัม ให้ไขมันน้อย และยังมีโปรตีนอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่ให้สารอาหารค่อนข้างจะครบถ้วนเลยทีเดียว
ประโยชน์ของลูกพลัม
- ช่วยซ่อมแซมเซลล์ของร่างกาย
พลัมมีวิตามินซีซึ่งมีสรรพคุณในการเสริมสร้างและกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสียหาย นอกจากนี้ในลูกพลัมยังมี สารไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrient) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ปัญหาของหลอดเลือดและระบบประสาท
- ดีต่อสุขภาพหัวใจ
สารพฤกษเคมี (Phytochemical) และสารอาหารในลูกพลัม มีสรรพคุณช่วยลดอาการอักเสบที่หัวใจ ซึ่งอาการอักเสบที่ว่านี้อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจได้ ดังนั้นการรับประทานลูกพลัมจึงถือว่ามีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- ดีต่อระบบย่อยอาหาร
ลูกพลัมเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง การรับประทานลูกพลัมเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระบวนการย่อยอาหารและการขับถ่าย นอกจากนี้ พลัม มีสารโพแทสเซียมที่ช่วยในการควบคุมความดันโลหิต ช่วยกำจัดโซเดียมออกในขณะที่ปัสสาวะ ช่วยลดความตึงของผนังหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงอยู่ในระดับปกติ
- ลดความเสี่ยงของโรคอ้วน
พลัมมีสรรพคุณที่ดีต่อระบบการเผาผลาญ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนได้
- ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานและระดับน้ำตาลในเลือดมีความเกี่ยวข้องกัน หากสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ก็จะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน ซึ่งสารอาหารในลูกพลัมมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
- ดีต่อระบบประสาท
ในลูกพลัมมีวิตามินบี 6 ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนในการกระตุ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบประสาทและสมอง
- แก้ปัญหาท้องผูก
ใครที่ท้องผูกบ่อย ๆ ไม่ควรพลาดลูกพลัม เพราะในพลัม มีสารอาหารที่ชื่อว่า ซอร์บิทอล (Sorbitol) เป็นจำนวนมาก ซึ่งสารอาหารประเภทนี้เป็นแอลกอฮอล์น้ำตาลตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย
ข้อควรระวัง
แม้ว่าพลัมจะเป็นผลไม้ที่อุดมไปทั้งสารอาหารที่มีประโยชน์และให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม ลูกพลัมยังคงมีข้อควรระวังบางประการ ดังนี้
- ผู้ที่มีอาการแพ้โปรตีนในผลไม้ หรือมีอาการแพ้ละอองเรณูของต้นเบิร์ช (Birch pollen allergy) ควรระมัดระวังการรับประทานพลัม
- ผู้ที่มีอาการแพ้บ๊วย ก็ควรระมัดระวังหรือมีการหลีกเลี่ยงการรับประทานพลัม เพราะบ๊วยบางชนิดก็อาจทำมาจากลูกพลัมอบแห้ง
- การรับประทานพลัมมากจนเกินไป อาจมีผลทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องเสีย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้แปรปรวน ควรมีการรับประทานแต่พอดี
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 16/08/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,950.00 | 28,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,810.00 | 27,439.60 | 28,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,629.00 | 24,695.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,448.00 | 21,951.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 815.00 | 12,355.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 634.00 | 9,611.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,876.00 | 28,440.16 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 16/08/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 28.34 | 28.34 | 28.34 | 28.34 | 28.34 | – | 28.34 | 28.34 | 28.34 | 28.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 22.84 | 22.84 | – | – | – | – | – | – | – | 22.84 |
เบนซิน 95 | 37.26 | – | – | – | 37.71 | – | 37.76 | 37.26 | – | 37.26 |
ดีเซล B7 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 | 29.39 |
ดีเซล | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 |
ดีเซล B20 | 26.14 | 26.14 | 26.34 | – | 26.14 | – | 26.14 | 26.14 | – | 26.14 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 34.16 | 34.16 | 35.84 | 35.56 | – | – | – | – | – | 34.16 |
แก๊ส NGV | 14.55 | 14.55 | – | – | – | – | – | – | – | 14.55 |