วันนี้ “สุริยะ” ชงครม.เคาะ “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” ลงนามสัญญา BEM
จับตาวันนี้ “สุริยะ” ลุยชงครม.เคาะรถไฟฟ้าสายสีส้ม จ่อลงนามสัญญา BEM คาดประชาชนได้ใช้ปี 2571 ฟาก BEM เปิดข้อเสนอแลกรัฐอุดหนุนค่างานโยธา
เมื่อเวลา 09.05 น. วันที่ 16 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม กล่าวว่า กรณีกระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเรื่องผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด
และเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) นั้น
“วันนี้จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบ เนื่องจากก่อนหน้านี้กลุ่มบีทีเอสได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกและศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินว่า คณะกรรมการคัดเลือกได้ทำตามขั้นตอนถูกต้อง” นายสุริยะ กล่าว
นอกจากนี้วันนี้จะเสนอให้ครม.พิจารณาเห็นชอบบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM คาดว่าประชาชนจะได้ใช้โครงการนี้ในปี 2571
“วันนี้ขอยืนยันว่า โครงการดังกล่าวไม่มีประเด็นเรื่องข้อกฎหมายค้างคาใดๆเหลืออยู่ และทุกหน่วยงานก็ไม่ได้มีการคัดค้านโครงการนี้”
ที่ผ่านมา BEM ได้เปิดเผยรายละเอียดข้อเสนอการประกวดราคาในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มมีมูลค่าโครงการ 139,127 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. เสนอขอให้รัฐอุดหนุนค่างานโยธา ซึ่งตามผลการศึกษากำหนด 91,983 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน (PV) 84,756 ล้านบาท โดย BEM เสนอที่ 91,500 ล้านบาท หรือ PV ที่ 81,871 ล้านบาท
2. เอกชนจะแบ่งผลตอบแทนให้รัฐ ซึ่งผลศึกษารัฐจะไม่มีการอุดหนุนค่าเดินรถให้เอกชน โดย BEM เสนอจ่ายผลตอบแทนให้รัฐ 10,000 ล้านบาท หรือ PV ที่ 3,583 ล้านบาท
เมื่อนำผลตอบแทนให้รัฐหักกับค่าอุดหนุนงานโยธา เป็นผลประโยชน์สุทธิ PV จะพบว่า BEM ขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐ 78,288 ล้านบาท ลดลง 7% จากราคากลาง 84,255 ล้านบาท
นอกจากนี้ภายหลังชนะการประมูล รฟม.ได้เรียกเจรจาต่อรองให้ยืนยันราคาค่าก่อสร้าง เนื่องจากค่าก่อสร้างตามผลการศึกษานั้น รฟม.ประเมินโดยใช้ข้อมูลในปี 2560 – 2561
ขณะที่ค่าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ประกอบกับค่าเหล็กในช่วงของการประกวดราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแล้ว ซึ่งในส่วนของ BEM ยังคงยืนยันราคาตามข้อเสนอ
ด้านนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคมกล่าวสอดคล้องกันว่า วันนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตกจะเข้าครม.ส่วนข้อกฎหมาต่างๆ รวมถึงเรื่องร้องเรียนที่อยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเห็นและชี้แจงกลับมาทั้งหมดแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“AQUA” จับมือ “Unilever” ต่อสัญญาเช่าคลังสินค้ามูลค่ากว่า 1.7 พันล้าน
“AQUA” จับมือกลุ่ม “Unilever” ต่อสัญญาเช่าคลังสินค้ามูลค่ากว่า 1.7 พันล้าน สร้าง cash cow อย่างมั่นคงระยะยาว
บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA โดยนาย ฉาย บุนนาค รักษาการประธานกรรมการบริหาร เผยข่าวดีล่าสุด “บริษัทย่อยของ AQUA ได้แก่บริษัท ไทย คอนซูมเมอร์ ดิสทริบิวชั่น เซ็นเตอร์ (“TCDC”) บรรลุข้อตกลงและลงนามต่อสัญญาบริการให้เช่า Warehouse (คลังสินค้า) ระยะยาวกับลูกค้าคุณภาพอย่างกลุ่มยูนิลีเวอร์ (Unilever) ที่คาดว่าจะทำรายได้ประมาณ 1,672 ล้านบาท และเป็นการสร้างกระแสเงินสดราว 1,472 ล้านบาท สำหรับสัญญาเช่าระยะยาว 7 ปี”
“อีกด้านหนึ่ง บริษัทย่อยทางอ้อมอย่าง บริษัท แอ๊คคอมพลิช เวย์ โฮลดิ้ง จำกัด (“AWH”) สามารถต่อสัญญาระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก 1 สัญญา รวมเป็น 2 สัญญา ระยะเวลาเช่า 5 และ 9 ปี ประมาณการจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 32% หรือมูลค่ารวม 278.6 ล้านบาท”
“ปัจจุบัน AQUA มุ่งเสริมความแข็งแกร่งและจัดการความเสี่ยงโดยคัดสรรธุรกิจ Cash Cow ที่มั่นใจว่ามีคุณภาพ สร้างรายได้อย่างมั่นคงในระยะยาว เช่น กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือการเข้าลงทุนในธุรกิจอย่างโรงไฟฟ้าเพื่อรับส่วนแบ่งจากเงินลงทุน สำหรับธุรกิจ Warehouse ที่เราได้รับการต่อสัญญาครั้งนี้จะช่วยจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสมดุลรายได้ในขณะที่ผลักดันผลตอบแทนอันสูงขึ้นให้แก่บริษัท”
“จากนี้ไปรายได้ของกลุ่ม AQUA จะเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมั่นคง โดยเรายังเตรียมพร้อมเข้าศึกษาธุรกิจอื่นเพิ่มเติม ขยายโอกาสสร้างรายได้และต่อยอดให้กับกิจการที่มีอยู่ปัจจุบัน โดยมองถึงความหลากหลาย ภาพรวมที่จะกระจายความเสี่ยงด้านเงินลงทุนได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจอาหาร เทคโนโลยี พลังงาน หรือกลุ่มธุรกิจขนส่ง เป็นต้น”
“คาดว่าจะมีความคืบหน้าให้เห็นภายในไตรมาสที่ 3/2567 ซึ่งบริษัทฯพร้อมจัดแถลงข่าวเพื่อเปิดแผนโครงสร้างธุรกิจอย่างชัดเจน” นายฉาย กล่าวเสริม
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 16ก.ค. “แข็งค่า”ที่ระดับ 36.16 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง หากบรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่ม มองกรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00-36.30 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 16ก.ค. 2567 ที่ระดับ 36.16 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”
จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.21 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบ 36.05-36.30 บาทต่อดอลลาร์
หรือแกว่งตัวใกล้แนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันไปก่อน (แถวโซน 36.10 บาทต่อดอลลาร์) จนกว่าจะมีการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยในช่วงระหว่างวัน เงินบาทอาจมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง หากบรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม
ดังจะเห็นได้จากการที่นักลงทุนต่างชาติได้เริ่มทยอยขายทั้งหุ้นและบอนด์ไทยในช่วงวันก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า เงินบาทก็อาจยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตราบใดที่ราคาทองคำไม่ได้เข้าสู่ช่วงการปรับฐานที่ชัดเจน โดยทุกๆ จังหวะการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ อาจเห็นแรงขายทำกำไรทองคำ ซึ่งช่วยหนุนค่าเงินบาทได้บ้าง
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนของตลาดการเงินในช่วงทยอยรับรู้รายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ในช่วงราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยหากยอดค้าปลีกออกมาดีกว่าคาดชัดเจน ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งของเฟดในปีนี้ลงบ้าง ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นได้ ในทางกลับกัน หากออกมาแย่กว่าคาด สะท้อนการชะลอลงของการบริโภคในสหรัฐฯ ที่ชัดเจน ก็อาจกดดันให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงได้บ้าง
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00–36.30 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง (แกว่งตัวในช่วง 36.08-36.23 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 36.05-36.10 บาทต่อดอลลาร์ ตามการอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ และจังหวะการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่ได้ปรับตัวขึ้นสู่โซน 2,430 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังรายงานดัชนีภาคการผลิต โดยเฟดนิวยอร์ก (NY Empire State Manufacturing Index) ออกมาแย่กว่าคาด
อีกทั้งถ้อยแถลงของประธานเฟดล่าสุดที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อแนวโน้มการชะลอลงของอัตราเงินเฟ้อ ก็ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า เฟดมีโอกาสถึง 60% ในการลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็ไม่ได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องชัดเจน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงรอจังหวะในการเพิ่มสถานะ “Trump Trades” (รอจังหวะเงินดอลลาร์ย่อตัว เพื่อ buy on dip) หลังเหตุลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์
ทำให้ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเพิ่มโอกาสที่โดนัลด์ ทรัปม์จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัยได้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากความหวังว่า เฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้หุ้นเทคฯ ใหญ่ บางส่วนยังคงปรับตัวขึ้นได้ อาทิ Apple +1.7% นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการของ Goldman Sachs +2.6% ที่ออกมาดีกว่าคาด ก็มีส่วนช่วยหนุนให้บรรดาหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.28%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวลงกว่า -1.02% ท่ามกลางรายงานผลประกอบการและคาดการณ์ผลประกอบการของบรรดาหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมที่ออกมาน่าผิดหวัง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมต่างปรับตัวลงหนัก อาทิ LVMH -2.7%
นอกจากนี้ เหตุลอบสังหาร โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อาจคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งอาจกระทบต่อการพัฒนาโครงการพลังงานทางเลือกได้ ส่งผลให้บรรดาหุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือกต่างปรับตัวลดลงหนัก นำโดย Vestas -6.4%, Orsted -5.5%
ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ (โอกาส 60% จาก CME FedWatch Tool ล่าสุด) ทว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ไม่ได้ปรับตัวลดลงชัดเจน จากความกังวลผลกระทบต่อตลาดบอนด์จากนโยบายเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ หากโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งได้จริง อย่างที่ตลาดกังวล
โดยเฉพาะหลังเหตุลอบสังหารที่เกิดขึ้นล่าสุด ทำให้โดยรวมบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 4.21% ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า ในทุกๆ จังหวะการรีบาวด์ขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเป็นจังหวะที่น่าพิจารณา “Buy on Dip” บอนด์ระยะยาวได้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงคาดหวังว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ ก่อนที่เงินดอลลาร์จะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการทยอยเข้าซื้อ “Trump Trades” ของผู้เล่นในตลาด หลังผู้เล่นในตลาดประเมินว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อาจคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งได้ หลังเกิดเหตุลอบสังหาร
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR) ที่เผชิญแรงกดดันจากธีม Trump Trades กดดันตลาดหุ้นยุโรปเช่นกัน โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 104.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.0-104.3 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดหวังการลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้งของเฟดในปีนี้ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่โซน 2,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะเผชิญแรงขายทำกำไร กดดันให้ย่อตัวลงสู่ระดับ 2,425 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี และยูโรโซนโดย ZEW
และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนก็จะเป็นสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดให้ความสนใจเช่นกัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.19-36.21 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.52 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.21 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ทั้งนี้ เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวเป็นกรอบ เนื่องจาก Sentiment ของสกุลเงินเอเชียในภาพรวมยังมี Bias ด้านอ่อนค่าตามทิศทางเงินหยวน (ที่ขาดแรงหนุนหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนออกมาอ่อนแอกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด) แม้เงินดอลลาร์ฯ จะมีปัจจัยลบจากถ้อยแถลงในเชิง Dovish ของประธานเฟดเมื่อคืนที่ผ่านมา
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.10-36.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในภูมิภาค ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบด้วย ยอดค้าปลีก ดัชนีราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เชียร์ไทยไปให้สุด! PPTV ยิงสด โอลิมปิก 2024 ประเดิมฟุตบอลชาย 24 ก.ค.นี้
พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 ชวนคนไทยทั้งประเทศ ร่วมลุ้น ส่งแรงเชียร์ และสัมผัสความยิ่งใหญ่มหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติ “โอลิมปิก เกมส์ 2024″ (Olympic Paris 2024) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 ก.ค. ถึง 11 ส.ค.นี้
แฟนๆคนไทยสามารถชมสดการแข่งขันกีฬาและเชียร์ทัพนักกีฬาไทยที่เดินทางเข้าร่วมลงแข่งขันได้อย่างจุใจ พร้อมไฮไลต์กีฬาประเภทต่างๆที่อยู่ในความสนใจ รวมถึงทุกโมเมนต์การคว้าชัยชนะของนักกีฬาไทย ด้วยความคมชัดแบบ Full HD ผ่านทางหน้าจอพีพีทีวี และเว็บไซต์ www.pptvhd36.com ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอล, วอลเลย์บอล, แบดมินตัน, ว่ายน้ำ, กรีฑา, มวยสากลสมัครเล่น, เทควันโด, เทเบิลเทนนิส, สเก็ตบอร์ด, ยิงปืน และกีฬาอีกหลากหลายประเภทที่นักกีฬาไทยร่วมลงชิงชัย และสามารถทะลุผ่านเข้ารอบลึกไปจนถึงช่วงเวลาที่ได้ลุ้นเหรียญทอง พีพีทีวี จะถ่ายทอดสดให้ได้ชมทุกวันตั้งแต่เวลา 22:00 น. เป็นต้นไป
ประเดิมสด วันแรก พุธที่ 24 ก.ค.นี้ เวลา 20:00 น. กับศึกฟุตบอลชายรอบแบ่งกลุ่ม 2 คู่บิ๊กแมตช์ นำโดย อาร์เจนตินา พบ โมร็อกโก (กลุ่มบี) ต่อด้วย เวลา 22:00 น. อียิปต์ เจอ โดมินิกัน (กลุ่มซี)
สำหรับการแข่งขัน “โอลิมปิก เกมส์ ครั้งที่ 33” หรือ “ปารีส 2024” จะทำการแข่งขันกันระหว่างวันที่ 24 ก.ค. – 11 ส.ค.นี้ โดยสถานการณ์ล่าสุด นักกีฬาไทยตีตั๋วร่วมชิงชัยแล้วกว่า 52 ชีวิต ใน 16 ประเภทกีฬา
ทั้งนี้ การแข่งขันในแต่ละวัน พีพีทีวี จะเริ่มถ่ายทอดสดตั้งแต่เวลา 22:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ยาวข้ามวันไปถึง 04:00 น. ของทุกวัน พีพีทีวี ได้คัดสรรกีฬาที่คนไทยลงแข่งขัน รวมถึงกีฬาที่เป็นกระแสได้รับความนิยมเป็นหลัก ได้แก่ ฟุตบอล, วอลเลย์บอล, บาสเกตบอล, แบดมินตัน, ว่ายน้ำ, กรีฑา, มวยสากลสมัครเล่น, เทควันโด เป็นต้น โดยจะเน้นไปที่ช่วงเวลาการแข่งขันสุดเข้มข้น โดยเฉพาะช่วงการชิงเหรียญทองกีฬาแต่ละประเภท เพื่อให้คนไทยได้รับชมการแข่งขัน และไม่พลาดกับทุกโมเมนต์ไฮไลต์ของการคว้าชัยชนะในการแข่งขันอีกด้วย
ร่วมลุ้นและส่งกำลังใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทยลงสู้ศึกโอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 ชมสดผ่านทางหน้าจอ PPTV HD 36 และเว็บไซต์ www.pptvhd36.com รวมถึงเกาะติดความเคลื่อนไหวทุกช่วงข่าวกีฬาของทางสถานีฯ ในทุกช่องทางโซเซียลมีเดีย ทั้ง Facebook TikTok และ YouTube : PPTVHD36 และ PPTV Sports
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“วัยทอง” อยู่กับเรานานกี่ปี ทำอย่างไรให้อาการวัยทองลดน้อยลง
วัยทอง เป็นระยะธรรมชาติของผู้หญิงที่รังไข่หยุดผลิตฮอร์โมนเพศหญิง ส่งผลต่อประจำเดือนและร่างกายโดยรวม ผู้หญิงแต่ละคนจะเข้าสู่วัยทองในช่วงอายุที่แตกต่างกัน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 45-55 ปี
อาการวัยทองมักเริ่มปรากฏในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือนซึ่งอาจกินเวลานานถึง 10 ปี ก่อนที่ประจำเดือนจะหยุดสนิท อาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น มาเร็ว มาช้า มาติดกันหลายครั้ง หรือมีเลือดออกมากผิดปกติ
- ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
- ช่องคลอดแห้ง มีเพศสัมพันธ์เจ็บปวด
- ปวดท้องน้อย ปวดหลัง
- อ่อนเพลีย ขาดพลังงาน
ระยะเวลาของอาการวัยทองแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลโดยทั่วไปแล้วอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 3-5 ปี หลังจากหมดประจำเดือน อย่างไรก็ตามผู้หญิงบางรายอาจมีอาการอยู่หลายปีหรือตลอดชีวิต
ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาของอาการวัยทอง
- อายุ ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยทองก่อนอายุ 45 ปี มักมีอาการยาวนานกว่า
- กรรมพันธุ์ หากสมาชิกในครอบครัวมีอาการวัยทองยาวนาน ก็มีโอกาสเป็นไปได้
- สุขภาพ ผู้หญิงที่มีสุขภาพดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารมีประโยชน์ มักมีอาการน้อยกว่า
- การสูบบุหรี่ ผู้หญิงที่สูบบุหรี่ มักมีอาการวัยทองเร็ว และรุนแรงกว่า
หาก อาการวัยทองที่รบกวนชีวิตประจำวันควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เช่น การรักษาด้วยฮอร์โมน การปรับพฤติกรรม หรือการใช้ยา
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
British English vs American English แตกต่างกันอย่างไร
British English vs American English มีความแตกต่างกันในหลายด้าน บทความนี้จะบอกถึงความแตกต่าง พร้อมตัวอย่างคำศัพท์ที่คล้ายและแตกต่างกันของ British English vs American English
รู้จักความแตกต่างระหว่าง British English vs American English
British English (BrE) และ American English (AmE) มีความแตกต่างกันหลายด้าน ทั้งในด้านการสะกดคำ การออกเสียง คำศัพท์ ไวยากรณ์ การใช้คำบุพบท ความแตกต่างหลัก ๆ มีดังนี้
การสะกดคำ
- British English: ใช้ -re ในคำบางคำ เช่น centre และ metre
- American English: ใช้ -er แทน เช่น center และ meter
- British English: ใช้ -our ในคำบางคำ เช่น colour, favour
- American English: ใช้ -or แทน เช่น color, favor
- British English: ใช้ -ise ในคำกริยาบางคำ เช่น realise, organise
- American English: ใช้ -ize แทน เช่น realize, organize
การออกเสียง
- British English: มักจะออกเสียง r เฉพาะเมื่ออยู่หน้าสระ เช่นในคำว่า car จะไม่ออกเสียง r
- American English: มักจะออกเสียง r ชัดเจนในทุกตำแหน่งของคำ
- British English: มีการออกเสียง t ชัดเจนกว่า เช่น ในคำว่า water (วอ-เทอะ)
- American English: มักจะออกเสียง t เป็นเสียง d ที่นุ่มลง เช่น water (วอ-เดอะร์)
คำศัพท์
- British English: ใช้คำ lift สำหรับลิฟต์, flat สำหรับอพาร์ทเมนต์, biscuit สำหรับคุกกี้
- American English: ใช้คำ elevator สำหรับลิฟต์, apartment สำหรับอพาร์ทเมนต์, cookie สำหรับคุกกี้
ไวยากรณ์
- British English: ใช้ have got สำหรับการบอกความเป็นเจ้าของ เช่น I have got a car.
- American English: มักใช้ have แทน เช่น I have a car.
การใช้คำบุพบท
- British English: I will come back at the weekend.
- American English: I will come back on the weekend.
- British English: I am studying at Thammasat university.
- American English: I am studying in Thammasat university.
คำศัพท์ British English vs American English ที่เขียนต่างกันแต่ความหมายเหมือนกัน
คำศัพท์เหล่านี้จะเขียนแตกต่างกันไปเลยแต่มีความหมายที่เหมือนกัน ทั้งสองแบบถูกต้องทั้งหมด อยู่ที่ว่ารู้จักศัพท์คำไหนก่อน หรือใช้คำไหนมากกว่ากันในชีวิตประจำวัน
- Aeroplane (BrE) vs Airplane (AmE) = เครื่องบิน
- Lorry (BrE) vs Truck (AmE) = รถบรรทุก
- Lift (BrE) vs Elevator (AmE) = ลิฟต์
- Boot (BrE) vs Trunk (AmE) = ฝากระโปรงท้ายรถ
- Bonnet (BrE) vs Hood (AmE) = ฝากระโปรงหน้ารถ
- Car park (BrE) vs Parking lot (AmE) = ที่จอดรถ
- Flat (BrE) vs Apartment (AmE) = แฟลต / อพาร์ทเม้นท์
- Biscuit (BrE) vs Cookie (AmE) = คุ้กกี้
- Holiday (BrE) vs Vacation (AmE) = วันหยุด
- Post (BrE) vs Mail (AmE) = จดหมาย
- Sweets (BrE) vs Candy (AmE) = ลูกอม
- Rubbish (BrE) vs Garbage (AmE) = ขยะ
- Tap (BrE) vs Faucet (AmE) = ก๊อกน้ำ
- Wardrobe (BrE) vs Closet (AmE) = ตู้เสื้อผ้า
- Nappy (BrE) vs Diaper (AmE) = ผ้าอ้อม
- Autumn (BrE) vs Fall (AmE) = ฤดูใบไม้ร่วง
- Film (BrE) vs Movie (AmE) = ภาพยนตร์
- Football (BrE) vs Soccer (AmE) = ฟุตบอล
- Trousers (BrE) vs Pants (AmE) = กางเกงขายาว
- Zebra crossing (BrE) vs Crosswalk (AmE) = ทางม้าลาย / ทางสำหรับข้ามถนน
คำศัพท์ British English vs American English ที่ความหมายเหมือนกันแต่สะกดไม่เหมือนกัน
คำศัพท์เหล่านี้มีความหมายเหมือนกัน การสะกดคำมีความคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน บางคนไม่รู้อาจจะคิดว่าสะกดผิดหรือไม่ แต่ความเป็นจริงคือ เกิดจากความแตกต่างในการสะกดคำของคำศัพท์ British English vs American English
- Analyse (BrE) vs Analyze (AmE) = วิเคราะห์
- Cancelled (BrE) vs Canceled (AmE) = ยกเลิก
- Catalogue (BrE) vs Catalog (AmE) = บัญชีรายชื่อ
- Centre (BrE) vs Center (AmE) = ศูนย์กลาง
- Colour (BrE) vs Color (AmE) = สี
- Defence (BrE) vs Defense (AmE) = การป้องกัน
- Dialogue (BrE) vs Dialog (AmE) = บทสนทนา
- Flavour (BrE) vs Flavor (AmE) = โปรดปราน
- Honour (BrE) vs Honor (AmE) = เกียรติยศ
- Jewellery (BrE) vs Jewelry (AmE) = เครื่องประดับ
- Licence (BrE) vs License (AmE) (สำหรับคำนาม) = ใบอนุญาต
- Metre (BrE) vs Meter (AmE) (สำหรับหน่วยวัด) = เมตร
- Neighbour (BrE) vs Neighbor (AmE) = เพื่อนบ้าน
- Offence (BrE) vs Offense (AmE) = ความผิด
- Organise (BrE) vs Organize (AmE) = จัดระเบียบ
- Paralyse (BrE) vs Paralyze (AmE) = อัมพาต
- Pretence (BrE) vs Pretense (AmE) = มารยา
- Realise (BrE) vs Realize (AmE) = ตระหนัก
- Theatre (BrE) vs Theater (AmE) = โรงภาพยนตร์
- Travelling (BrE) vs Traveling (AmE) = การเดินทาง
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
Google เปิดตัว ‘หุ่นยนต์นำทางอัจฉริยะ’ ฝึกจากโมเดล Gemini 1.5 Pro
“หุ่นยนต์นำทางอัจฉริยะ” นวัตกรรมโดย Google ฝึกจากโมเดลภาษาขนาดใหญ่อย่าง Gemini 1.5 Pro ตอบสนองความต้องการของมนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
Google เปิดตัว “หุ่นยนต์นำทางอัจฉริยะ” ใช้ในสำนักงาน ซึ่งพัฒนาโดยทีมวิจัยปัญญาประดิษฐ์ DeepMind หุ่นยนต์ได้รับการฝึกฝนด้วย Gemini 1.5 Pro โมเดลภาษาขนาดใหญ่ ทำให้มีความสามารถในการเรียนรู้สภาพแวดล้อม เข้าใจภาษาธรรมชาติ และปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างหลากหลาย
จากวิดีโอสาธิต พนักงาน Google สั่งการหุ่นยนต์ด้วยการพูดหรือวาดรูปบนกระดานไวท์บอร์ด หุ่นยนต์ก็สามารถนำทางไปยังจุดต่างๆ ในสำนักงานได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างเช่น เมื่อพนักงานขอให้หุ่นยนต์พาไปยังสถานที่สำหรับวาดรูป หุ่นยนต์จะตอบรับและใช้เวลาคิดสักครู่ก่อนนำทางไปยังกระดานไวท์บอร์ดขนาดใหญ่
นอกจากนี้ หุ่นยนต์ยังสามารถอ่านและทำความเข้าใจแผนที่อย่างง่ายได้ด้วย ในอีกตัวอย่างหนึ่ง เมื่อพนักงานสั่งให้หุ่นยนต์ปฏิบัติตามคำแนะนำบนกระดานไวท์บอร์ด ซึ่งมีแผนที่แสดงเส้นทางไปยัง “พื้นที่สีน้ำเงิน” หุ่นยนต์สามารถวิเคราะห์และเลือกเส้นทางที่เหมาะสมไปยังพื้นที่ทดสอบหุ่นยนต์ได้อย่างถูกต้อง
ความสามารถเหล่านี้เกิดจากกระบวนการฝึกฝนที่เรียกว่า “Multimodal Instruction Navigation with demonstration Tours (MINT)” ซึ่งทำให้หุ่นยนต์คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมโดยการเดินสำรวจรอบสำนักงานพร้อมรับฟังคำอธิบายจากมนุษย์ ร่วมกับเทคนิค Hierarchical Vision-Language-Action (VLA) ที่ช่วยเพิ่มความเข้าใจสภาพแวดล้อมและความสามารถในการให้เหตุผลแบบสามัญสำนึก
ผลการทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าหุ่นยนต์นำทางนี้มีอัตราความสำเร็จสูงถึง 90% จากการโต้ตอบกับพนักงานมากกว่า 50 ครั้ง
งานวิจัยยังได้รับการตีพิมพ์ภายใต้หัวข้อ Mobility VLA: Multimodal Instruction Navigation with Long-Context VLMs and Topological Graphs ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Generative AI ในการพัฒนาหุ่นยนต์ให้ฉลาดและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น เปิดโอกาสให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในสำนักงาน โรงพยาบาล หรือสถานที่สาธารณะอื่นๆ
นวัตกรรมนี้นับเป็นก้าวสำคัญของ Google ในการผสานโมเดลภาษาขนาดใหญ่เข้ากับหุ่นยนต์ เพื่อสร้างผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถเข้าใจและตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
อ้างอิง: techcrunch
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
รู้จัก “เห็ดเผาะ” เห็ดจิ๋วๆ 1 ปีมี 1 ครั้ง แต่คุณค่าอาหารเพียบ
เห็ดเผาะ หรือที่บางคนเรียกกันว่าเห็ดถอบ (ภาษาถิ่นทางภาคเหนือ) เป็นเห็ดที่ขึ้นอยู่ตามป่าในอุณหภูมิพื้นที่ป่าชื้น โดยเฉพาะจะพบเห็ดถอบได้ในช่วงต้นฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคมเท่านั้น 1 ปี ได้กินครั้งเดียว สำหรับคุณค่าทางอาหารของเห็ดเผาะ ทางโรงพยาบาลเพชรเวชได้มีการเผยข้อมูลคุณค่าทางโภชนการของเห็ดเผาะไว้ดังนี้
คุณค่าทางโภชนาการของเห็ดเผาะ
ปริมาณ 100 กรัม จะให้พลังงาน 45 กิโลแคลอรี อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารต่าง ๆ ได้แก่
- โปรตีน
- ไขมันดี
- ฟอสเฟต
- แคลเซียม
- ธาตุเหล็ก
- ไนอะซีน
- วิตามินบี บี2 และซี
ประโยชน์ของเห็ดเผาะ
- ป้องกันโรคหัวใจ โรคตับ
- บรรเทาอาการโรคกระเพาะอาหาร
- ช่วยล้างสารพิษ
- บำรุงร่างกาย และพละกำลัง
- แก้ช้ำใน
- ต้านเบาหวาน การอักเสบ สารอนุมูลอิสระ รวมทั้งเซลล์มะเร็ง
- กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
- ลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ ความดันโลหิตสูง
ข้อควรระวังในการบริโภคเห็ดเผาะ
ผู้ที่เก็บเห็ดมาอาจจะไม่มีความรู้มากพอว่าอันไหนสามารถรับประทานได้ หรือว่าเป็นเห็ดพิษ รวมทั้งเห็ดที่ขึ้นใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรมจะดูดซึมสารพิษ เมื่อนำไปประกอบอาหาร จะเกิดอาการความผิดปกติขึ้น ได้แก่
- วิงเวียนศีรษะ
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- หัวใจเต้นเร็ว
- หายใจลำบาก
อาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นหลังบริโภคเข้าไปไม่กี่นาที หรือข้ามวัน ซึ่งตับ ไต ถูกทำลายเสียหายอย่างมาก มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 16/07/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 41,500.00 | 41,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,688.00 | 40,750.08 | 42,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,419.20 | 36,675.07 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,150.40 | 32,600.06 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,210.00 | 18,343.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 941.00 | 14,265.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,785.00 | 42,220.60 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 16/07/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.85 | 38.85 | 39.25 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.48 | 38.48 | 38.88 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.74 | 36.74 | 37.14 | 36.74 | 36.74 | – | 36.74 | 36.74 | 36.74 | 36.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.49 | 36.49 | – | – | – | – | – | – | – | 36.49 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 47.44 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 47.44 |
เบนซิน 95 | 46.74 | – | – | – | 49.81 | – | 47.24 | 46.89 | – | 46.74 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |