คดีที่ 2 แอชตัน อโศก ลุ้นทางออก ศาลปกครอง ไม่ต้องทุบทิ้ง
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางนัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก (นัดแรก) ณ ห้องพิจารณา 7 ชั้น 3 ถนนแจ้งวัฒนะ
ในคดีที่สยามสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้อง ขอให้ระงับการก่อสร้างหรือรื้อถอนอาคาร โครงการแอชตัน อโศก ในส่วนที่ก่อสร้างขึ้นมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ดูเหมือนมีสัญญาณบวกเล็ก ๆ จาก “ตุลาการผู้แถลงคดี” สาระสำคัญที่เจ้าของห้องชุดซึ่งมีการโอนกรรมสิทธิ์และพักอาศัยแล้ว 668 ห้อง ในโครงการแอชตัน อโศก ตั้งใจฟังอย่างจดจ่อก็คือ …กรณีนี้เป็นกรณีที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารชุด พ.ศ. 2522 ตามมาตรา 40 ถึงมาตรา 43
โดยนัดฟังคำพิจารณาตัดสินอีกครั้ง วันที่ 24 พฤศจิกายนนี้
ตุลาการแถลงคดีแนะแก้ 120 วัน
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” เกาะติดการพิจารณาคดีนัดแรก คดีหมายเลขดำที่ 450/2560 ระหว่างสยามสมาคมฯ (ผู้ฟ้องคดี) กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกับพวกรวม 3 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) และบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด กับพวกรวม 3 คน (ผู้ร้องสอด) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ (ฟ้องขอให้ระงับการก่อสร้างและรื้อถอนอาคาร)
โดย “ตุลาการผู้แถลงคดี” แถลงในคดีนี้ว่า การก่อสร้างในโครงการดังกล่าวได้ทำผิดเงื่อนไขตามกฎกระทรวง แต่ไม่ถึงขนาดให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง จึงเสนอทางออกให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินการให้ถูกต้องตามเงื่อนไขภายใน 120 วัน นับจากวันที่คดีถึงที่สุด
ห้องชุด 668 รายลุ้นระทึก
เรื่องเดียวกันนี้ “พิสุทธิ์ รักวงษ์” ทนายความในฐานะตัวแทนนิติบุคคลอาคารชุดแอชตัน อโศก กล่าวว่า คำแถลงของตุลาการผู้แถลงคดีนับว่าส่งผลดีต่อเจ้าของห้องทั้ง 668 ห้อง แม้จะมีการตีความให้เงื่อนไขในการขออนุญาตก่อสร้างไม่ครบถ้วน แต่ได้แนะนำให้หน่วยงานราชการคือ กทม.กับ รฟม. ไปดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง
ขณะที่ตัวแทนบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด กล่าวว่า แอชตัน อโศก ถูกฟ้อง 2 คดีด้วยกัน คือ คดีแรกฟ้องโดยสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ซึ่งศาลปกครองกลางตัดสินเมื่อ 30 กรกฎาคม 2564 โดยให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างและให้มีผลย้อนหลัง
ต่อมา เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 มีการนัดนั่งพิจารณาครั้งแรก (นัดแรก) โดยตุลาการผู้แถลงคดีเสนอให้ยกฟ้อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด
กับคดีที่ 2 ยื่นฟ้องประเด็นเดียวกันโดยสยามสมาคมฯ ซึ่งตุลาการผู้แถลงคดีเสนอทางออกว่าเป็นกรณีที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ดังกล่าว และหากองค์คณะศาลปกครองกลางพิพากษาตามความเห็นตุลาการผู้แถลงคดี ย่อมส่งผลดีต่อโครงการแอชตัน อโศก และเจ้าของห้องชุด 668 คน ที่รับโอนกรรมสิทธิ์และเข้าพักอาศัยไม่ต่ำกว่า 3 ปีมาแล้ว
อนันดาฯแจงรายละเอียด
ทั้งนี้ ทาง “บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด” บริษัทลูกของ “บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์” ออกแถลงการณ์ Company Statement คดีโครงการแอชตัน อโศก ระบุว่า
จากกรณีที่สยามสมาคมฯ ได้ยื่นฟ้องหน่วยงานภาครัฐต่อศาลปกครองกลาง ซึ่งบริษัทได้รับแจ้งจากศาลปกครองกลางให้เข้าเป็นคู่ความในฐานะผู้ร้องสอด เนื่องจากมีส่วนได้ส่วนเสียต่อกรณีดังกล่าว
ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางได้กำหนดนัดพิจารณาคดีครั้งแรก 14 พฤศจิกายน 2565 และตุลาการผู้แถลงคดีได้แสดงความเห็นใน 2 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่ 1 กรณีพิพาทเกี่ยวกับกฎกระทรวงฉบับที่ 33 ข้อ 2 วรรคสอง เป็นกรณีที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารชุด พ.ศ. 2522 ตามมาตรา 40-43 จึงเป็นเรื่องที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (ผู้ว่าฯ กทม.) และที่ 3 (ผู้อำนวยการเขตวัฒนา) และผู้ร้องสอดที่ 1 (บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด) จะต้องไปพิจารณาแก้ไขให้ถูกต้อง ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 ข้อ 2 วรรคสอง
ประเด็นที่ 2 ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 3 กับผู้ร้องสอดที่ 1 พิจารณาแก้ไขโครงการแอชตัน อโศก ให้เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 ข้อ 2 วรรคสอง ภายใน 120 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
ทั้งนี้ ความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดีไม่ได้มีผลผูกพันตุลาการเจ้าของสำนวนคดีและคู่พิพาทแต่อย่างใด ซึ่งศาลปกครองกลางได้กำหนดนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565
คดีดังกล่าวเป็นเพียงการพิจารณาในศาลชั้นต้น ซึ่งยังไม่ถึงที่สุด คู่พิพาทยังสามารถใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลปกครองสูงสุดได้
อย่างไรก็ดี คดีในประเด็นดังกล่าวมานั้น เป็นประเด็นเดียวกับคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดในขณะนี้ ซึ่งคาดว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาภายในปี 2565
กฎกระทรวง 33 ข้อ 2 วรรคสอง
สำหรับกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (ปี 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคารปี 2522) หมวด 1 ลักษณะของอาคาร เนื้อที่ว่างของภายนอกอาคารและแนวอาคาร
ข้อ 2 (วรรคสอง) สำหรับที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของอาคารสูง หรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ ที่มีพื้นที่อาคารรวมกันทุกชั้นมากกว่า 30,000 ตารางเมตร ต้องมีด้านหนึ่งด้านใดของที่ดินนั้นยาวไม่น้อยกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร ยาวต่อเนื่องกันโดยตลอดจนไปเชื่อมต่อกับถนนสาธารณะอื่นที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร
ที่ดินด้านที่ติดถนนสาธารณะต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตร ยาวต่อเนื่องกันโดยตลอดจนถึงบริเวณที่ตั้งของอาคาร และที่ดินนั้น ต้องว่างเพื่อสามารถใช้เป็นทางเข้าออกของรถดับเพลิงได้โดยสะดวกด้วย
เปิดมาตรา 41 กฎหมายอาคารชุด
ในระหว่างที่รอคอยองค์คณะเจ้าของคดีอ่านคำพิพากษาในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ เงื่อนปมกระชับมาอยู่ที่การกลับมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขตามกฎหมายควบคุมอาคารชุด 2522 มาตรา 40-43 นั้น
เมื่อเปิดกฎหมายดูจะพบว่า บัญญัติไว้ในหมวด 4 เรื่องอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่น “มาตรา 41” …ถ้าการกระทำตามมาตรา 40 (การก่อสร้างโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติกฎหมายนี้) เป็นกรณีที่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้
ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของอาคารยื่นคำขออนุญาตหรือดำเนินการแจ้งตามมาตรา 39 ทวิ หรือดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่าสามสิบวัน ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะขยายเวลาดังกล่าวไปอีกก็ได้…
ในขณะที่ “ภคพงศ์ ศิริกันทรามาศ” ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวสั้น ๆ กับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เนื่องจากวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เป็นการอ่านข้อคิดเห็นของตุลาการผู้แถลงคดี ไม่ใช่คำพิพากษา จึงไม่มีผลผูกพันตัวองค์กร ดังนั้น การที่จะทำอะไรต่อไป รฟม.ต้องรอคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลปกครองสูงสุดเสียก่อน จึงจะพิจารณาดำเนินการใด ๆ ต่อไป
กล่าวสำหรับผู้ได้รับผลกระทบทางตรงในฐานะผู้บริโภคห้องชุด แน่นอนว่าถึงแม้ข้อเสนอให้ใช้กฎหมายควบคุมอาคารชุด มาตรา 40-43 จะเป็นทางออกที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นครั้งแรก
แม้จะเป็นทางออกที่เปรียบเสมือนแสงริบหรี่ แต่ก็ปลูกความหวังขึ้นมาในใจให้กับเจ้าของห้องชุด 668 ห้องว่า หนทางที่จะได้รับการเยียวยาจากข้อกฎหมายยังไม่ถึงกับปิดตายแต่อย่างใด
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
‘สิงห์ เอสเตท’ เผย 9 เดือนกำไร 98 ล้าน โต 141%
“สิงห์ เอสเตท” โชว์รายได้ 8,491 ล้านบาท ในงวด 9 เดือนปี 2565 เพิ่มขึ้น 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้ธุรกิจโรงแรมซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 2 เท่าตัว รับอานิสงส์การท่องเที่ยวฟื้นตัวแกร่งทั่วโลก และรายงานกำไรสุทธิ 98 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 238 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมประกาศความสำเร็จในการขายบ้านหรูโครงการใหม่ “ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ” มูลค่า 2,900 ล้าน ซึ่งสามารถปิดการขายมากกว่า 95% ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
การเพิ่มขึ้นของรายได้รวมมีสาเหตุหลักจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของกลุ่มธุรกิจโรงแรม ซึ่งรายงานที่ 6,123 ล้านบาท เติบโต 121% จากงวด 9 เดือนปี 2564 ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของผลประกอบการของโรงแรมทั้ง 4 พอร์ตโฟลิโอ นำทัพโดยผลประกอบการที่โดดเด่นในโครงการ CROSSROADS Maldives ซึ่งสามารถรักษาอัตราการเข้าพักได้อย่างแข็งแกร่งเฉลี่ยที่ระดับร้อยละ 67 อีกทั้งยังสามารถปรับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) ได้เพิ่มขึ้น 41% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกันกับพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักรที่ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแรง ส่งผลให้ ADR เพิ่มขึ้นสู่ระดับที่สูงที่สุดตั้งแต่เปิดดำเนินงานมา และผลักดันให้รายได้เฉลี่ยต่อคืน (RevPAR) ในงวด 9 เดือนของปีปรับตัวขึ้นไปสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ถึง 19% นอกจากนั้น บริษัทฯ เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนของการท่องเที่ยวในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ และสาธารณรัฐมอริเชียส จากความแข็งแกร่งของปริมาณความต้องการท่องเที่ยวที่คงค้างมาตั้งแต่ปีก่อน (pent-up demand) รวมถึงจุดขายที่โดดเด่นของโรงแรม ส่งผลให้พอร์ตโรงแรม Outrigger ฟื้นตัวโดดเด่นที่สุดด้วย ADR ที่ปรับเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 พร้อมทั้งมีกำไรขั้นต้น และ %Gross Profit Margin ที่สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนโควิด-19 ได้สำเร็จ
เสริมทัพด้วยรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า จำนวน 767 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 6% ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าขึ้นได้แม้จะอยู่ระหว่างสถานการณ์ที่ท้าทาย รวมถึงอัตราการปล่อยเช่าของอาคารเอส เมโทร (S Metro) ที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 93% ภายหลังการรีแบรนด์และปรับปรุงอาคารใหม่ สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ และการเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ ที่เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเจริญเติบโตสูง มีการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีความต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการที่น่าพอใจในไตรมาสที่ 3 นี้ เรารายงานกำไรสุทธิ 44 ล้านบาท นับเป็นการบันทึกกำไรติดต่อกัน 2 ไตรมาสของสิงห์ เอสเตท ในขณะที่ธุรกิจโรงแรมผ่านบริษัทฯ ย่อย “SHR”พลิกฟื้นกลับมามีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19
สำหรับไตรมาสที่ 4 เราเชื่อว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2565 ซึ่งจะถูกผลักดันโดยผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของโรงแรมในประเทศไทย ซึ่งเราเห็นภาพการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวชัดเจนภายหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ผนวกกับศักยภาพของโรงแรมที่ตั้งอยู่ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุด และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโรงแรมของเรา ส่งผลให้ occupancy rate ในเดือนตุลาคมของโรงแรม ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ และโรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต พุ่งขึ้นที่ 81% และ 77% ตามลำดับ เสริมทัพด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ CROSSROADS ซึ่งปกติมีช่วง Peak season ของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี เราคาดการณ์ว่า CROSSROADS จะมีผลการดำเนินงานที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการในปี 2562 ได้ในไตรมาสที่ 4 ที่จะถึงนี้
สำหรับการเปิดตัวโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ (SIRANINN Residences Pattanakarn) โครงการแนวราบใหม่ล่าสุดในคอนเซ็ปต์ Horizontal Luxury House ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 28 แปลง ด้วยราคาประมาณ 65-180 ล้านบาท ที่วางแผนจะเปิดการขายภายในช่วงปลายปี 2565 ณ ปัจจุบัน โครงการได้ถูกขายไปแล้วกว่า 95% ของมูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท
“บริษัทฯ วางเป้าหมายการโอนกรรมสิทธิ์โครงการระหว่างไตรมาส 4 ปี 2565 จนถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ซึ่งจะเป็น 1 ในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันรายได้ของธุรกิจที่พักอาศัยให้เพิ่มขึ้นกว่า 50% ในปีหน้า หนุนด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ในอีก 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ระดับราคาตั้งแต่ 10-50 ล้านบาท ที่พร้อมเปิดขายตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 ปี 2566 จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 7,700 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มพัฒนาโครงการแล้ว”
ขอบคุณข้อมูลจาก mgronline.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทมีแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ที่หนุนให้เงินดอลลาร์ทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้น
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.63 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทเริ่มเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ที่หนุนให้เงินดอลลาร์ทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้น ในฝั่งของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เราเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น (ซึ่งถือว่าเป็นจังหวะที่ดี เพราะได้ทั้งกำไรจากหุ้น บอนด์และค่าเงิน) ซึ่งแนวโน้มนักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์ไทย ก็อาจเป็นปัจจัยกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลงได้บ้างในระยะสั้น
นอกจากนี้ เรามองว่า ควรติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด สาย “Hawkish” อย่างใกล้ชิด เนื่องจากความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดกลุ่มดังกล่าว อาจส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนสูงขึ้นได้
ทั้งนี้ ต้องจับตาประเด็นสำคัญ ว่า เฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้จริงหรือไม่ และเฟดจะมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยไปถึงจุดไหน รวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวหนักมากขนาดไหน
อย่างไรก็ดี เรามองว่า โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ อาจพอช่วยชะลอแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้บ้าง ทำให้แนวต้านของเงินบาทจะอยู่ในโซน 35.85-36.00 บาทต่อดอลลาร์
ขณะที่ แนวรับยังคงเป็นโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ (หากหลุดระดับดังกล่าว แนวรับสำคัญถัดไป คือ 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์) ซึ่งเราประเมินว่าบรรดาผู้นำเข้าส่วนใหญ่ต่างรอทยอยซื้อเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศในโซนดังกล่าว
สำหรับ การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงที่ผ่าน ทำให้เราคงแนะนำ ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.70-35.95 บาท/ดอลลาร์
แม้ว่า ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม จะขยายตัว +1.3% จากเดือนก่อนหน้า ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดก็เริ่มทำให้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเริ่มกังวลว่า
เฟดอาจสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้สูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ (แม้อัตราการขึ้นจะลดลงก็ตาม) ซึ่งมุมมองดังกล่าวได้ส่งผลให้ ผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ออกมาเพิ่มเติม อาทิ Meta -3.3%, Amazon -1.8%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของบรรดาหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิป หลังบริษัท Micron ประกาศปรับแผนลดการผลิตชิปและแผนการลงทุน ตามแนวโน้มความต้องการใช้ชิปที่จะลดลงในปีหน้า ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -1.54% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.83%
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป พลิกกลับมาปรับตัวลดลง -0.98% กดดันโดยแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth เช่นเดียวกันกับในฝั่งสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมผลิตชิป อย่าง ASML -3.6% นอกจากนี้ ความกังวลต่อแนวโน้มความต้องการซื้อรถในฝั่งจีนที่อาจลดลง ได้กดดันให้หุ้นกลุ่มยานยนต์ของยุโรปต่างปรับตัวลดลงหนักไม่น้อยกว่า -3%
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลงต่อเนื่อง สู่ระดับ 3.69%
อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเดิมว่า นักลงทุนไม่ควรไล่ราคาซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่ยีลด์ปรับตัวลดลง และควรรอจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยซื้อ เพื่อเตรียมพอร์ตการลงทุนในพร้อมรับมือแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวหนักในปีหน้า
ธนาคารกรุงไทยมองว่า ยังมีความเสี่ยงที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวจะปรับตัวสูงขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ข้อมูลตลาดแรงงาน หรือ ข้อมูลเงินเฟ้อ ยังคงสนับสนุนแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องจนอาจเกินระดับ 5% และจุดที่จะทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด คือ การประชุมเฟดเดือนธันวาคม ซึ่งเฟดจะประกาศคาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบาย หรือ Dot Plot ใหม่
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่อาจจะบานปลาย จนนำไปสู่สงครามรัสเซีย-นาโต้ เนื่องจากฝั่งนาโต้ รวมถึงผู้นำสหรัฐฯ ออกมาแถลงว่า ขีปนาวุธที่ตกในโปแลนด์อาจไม่ได้ยิงมาจากฝั่งรัสเซียและอาจเกิดจากความผิดพลาดของระบบป้องกันขีปนาวุธของยูเครน
อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์พลิกกลับมาทยอยแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด หนุนให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) รีบาวด์ขึ้นสู่ระดับ 106.3 จุด (+0.2%)
ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปได้ไกล แม้ว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะปรับตัวลดลงก็ตาม ทำให้ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวเหนือระดับ 1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อนึ่ง เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดมีโอกาสทยอยขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้าน ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าได้
สำหรับวันนี้ แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจะมีไม่มาก แต่ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด (ส่วนใหญ่เป็น FOMC Voting Members)
โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งมีมุมมองสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่ผ่านมา หรือ มีมุมมอง “Hawkish” อาทิ James Bullard, Michelle Bowman และ Loretta Mester หลังจากที่ล่าสุด รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่จะสะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ทั้ง CPI
และล่าสุด PPI ได้ชะลอตัวลงมากกว่าคาด อีกทั้ง ตลาดแรงงานสหรัฐฯ อาจเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวลงของการจ้างงาน หลังบรรดาบริษัทขนาดใหญ่ต่างปรับแผนการจ้างงานและมีการทยอยปรับลดพนักงานลง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วินาทีสุดท้าย! “พาณิภัค” พ่าย เจ้าถิ่น ตกรอบรองฯ เทควันโดชิงแชมป์โลก 2022
การแข่งขัน เทควันโด รายการ ชิงแชมป์โลก 2022 (World Taekwondo Championships 2022) รอบรองชนะเลิศ ที่เมืองกัวดาลาจารา ประเทศเม็กซิโก เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน 2565
โดย รุ่น 49 กิโลกรัม เป็นการพบกันระหว่าง “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวชาวไทย เหรียญทองโอลิมปิก เกมส์ 2022 และ อดีตแชมป์ 2 สมัยรายการนี้ พบกับ ดานิเอลล่า ซูซ่า จอมเตะสาวดาวรุ่งเจ้าถิ่นวัย 23 ปี
เปิดฉากยกแรก “น้องเทนนิส” เดินหน้าดึงจังหวะเตะเข้าหน้าอย่างจังออกนำ 3 คะแนน จากนั้นยังเดินลุยออกอาวุธต่อเนื่อง จนมาได้จังหวะเตะท้องคู่แข่งทรุดลงไปได้เพิ่มมาอีก 1 แต้ม ทำให้ชนะยกแรก 4-0
ยกสอง จอมเตะสาวเจ้าถิ่น เปลี่ยนแผนออกมาเดินบุกเข้าใส่ก่อนเตะแบ็กคิกเล่นงานทำให้ออกนำ 2-0 จากนั้นยังทำแต้มนำห่าง 5-0 “น้องเทนนิส” พยายามเดินบดก่อนได้มาอีก 1 แต้ม แต่ก็ไม่พอแพ้ไป 1-5
ยกสุดท้าย “น้องเทนนิส” ออกมาเดินบุกไล่เตะทำแต้มนำ 2-0 จากนั้นยังมาเก็บเพิ่มหนีไปเป็น 4-0 แต่แล้วในช่วงวินาทีสุดท้ายของการแข่งขัน ดานิเอลล่า ซูซ่า มาหมุนตัวเตะเข้าหัวพลิกเอาชนะไปได้ 5-4
ความพ่ายแพ้ของ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในครั้งนี้ทำให้เธอชวดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ของตัวเอง หลังจากก่อนหน้านี้เคยได้มาแล้ว 2 ครั้งในปี 2015 และ 2019 แต่ยังได้เหรียญทองแดงไปครองเป็นการปลอบใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“กล่องเสียง” บอบช้ำเมื่อหายจาก “โควิด-19”
ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่อาการรุนแรงและจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจขณะทำการรักษาเป็นเวลานาน เมื่อหายแล้วอาจส่งผลให้กล่องเสียงได้รับการบาดเจ็บ เกิดการบวม อักเสบ หรือมีแผลได้ เพื่อรักษากล่องเสียงที่บอบช้ำจากการรักษาจึงควรหมั่นสังเกตตนเอง เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้วควรรีบพบแพทย์ทันที
แพทย์หญิงจิราวดี จัตุทะศรื แพทย์ด้านหู คอ จมูก ศูนย์หูคอจมูก โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ในผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีการอักเสบของปอดอย่างรุนแรง จนส่งผลให้ระบบการหายใจล้มเหลว หายใจได้ยากจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ (Ventilator) เพื่อช่วยในการรักษาโดยวิธีการใส่ท่อช่วยหายใจ (Endotracheal Intubation) ทางปากผ่านกล่องเสียงไปยังหลอดลม ท่อนี้จะเป็นตัวนำออกซิเจนจากเครื่องช่วยหายใจส่งไปยังปอด ช่วยให้ปอดทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งใช้เวลาในการรักษาที่ค่อนข้างนาน ตัวท่ออาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อภายในกล่องเสียงจนเกิดการบวม ช้ำ อักเสบ มีแผล แผลเป็น หรือบวมจนกลายเป็นเนื้องอกได้ ส่งผลให้เกิดภาวะกล่องเสียงทำงานผิดปกติไปจากเดิม
อาการที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการใส่ท่อช่วยหายใจ คือ
- ภาวะกล่องเสียงหดเกร็ง (Laryngospasm) จะเกิดขึ้นเมื่อถอดท่อช่วยหายใจออกแล้ว เป็นการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นในทางเดินหายใจขณะที่กล้ามเนื้อของกล่องเสียงยังหย่อนตัวไม่เต็มที่จึงเกิดการบีบเกร็งของกล้ามเนื้อกล่องเสียงและสายเสียง เช่น ทำให้ออกซิเจนไม่สามารถผ่านเข้าปอดได้
- ภาวะกล่องเสียงอักเสบ (Laryngitis) นอกจากการใส่ท่อช่วยหายใจแล้วยังสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- เชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา วัณโรค
- การใช้งานกล่องเสียงมากที่มากเกินไป อาทิ พูดดัง พูดนาน ร้องเพลงผิดวิธี ไอแรง ไอเรื้อรัง ขากเสมหะบ่อยๆ
- มีสิ่งระคายเคืองกล่องเสียง เช่น การหายใจเอามลภาวะในอากาศเข้าไป การสูบบุหรี่ การสำลักอาหาร อาเจียน กรดไหลย้อน
- การกระแทกเสียดสีจากภายนอกกล่องเสียง เช่น อุบัติเหตุของแข็งกระแทกลำคอทางด้านหน้า
- การกระแทกจากภายในกล่องเสียง ที่เกิดจากการใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อดมยาสลบ หรือเพื่อให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วยหนักที่ไม่สามารถหายใจได้เองตามปกติ
ถ้ากล่องเสียงเกิดการอักเสบแล้ว การรักษามีดังต่อไปนี้ (ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคที่เกิดขึ้นในกล่องเสียง)
- การให้ยาโดยแพทย์จะพิจารณาจากสาเหตุที่เกิดเป็นหลัก อาทิ ยาแก้อักเสบ ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ไอ ยากรดไหลย้อน เป็นต้น
- การพักใช้เสียงอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ต้องพูดน้อยๆ ไม่ตะเบ็งเสียง ไม่ตะโกน ไม่ร้องเพลง
- ควรงดดื่มคาเฟอีนในปริมาณมาก งดดื่มแอลกอฮอล์
- และผ่าตัดในกรณีที่มีเนื้องอกหรือแผลเป็นในกล่องเสียง โดยแพทย์จะสอดท่อผ่านเข้าไปทางช่องปาก ร่วมกับผ่าตัดด้วยอุปกรณ์สำหรับกล่องเสียงโดยเฉพาะ ภายใต้การมองผ่านเลนส์ของกล้องจุลทรรศน์ (Microscope) เพื่อป้องกันการบอบช้ำหรือกระทบกระเทือนต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง ทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผู้ป่วยจะไม่มีบาดแผลบริเวณผิวหนังลำคอ แต่หลังผ่าตัดควรพักการใช้เสียงด้วยการพูดน้อยๆ ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์หรือจนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ
สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาด้วยการใช้เครื่องช่วยหายใจและท่อช่วยหายใจตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษา เมื่อหายแล้วอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาได้ ควรที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ถ้ารู้สึกว่าเกิดอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อได้รับการรักษาที่ทันท่วงที
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รวมคำ Synonym ที่มีความหมายเหมือนหรือคล้ายกัน
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำศัพท์ที่มีความหมายคล้ายคลึงกัน สามารถเอามาใช้แทนกันได้ แต่รู้หรือไม่ว่ามีคำศัพท์เหล่านี้มากมายให้เราเลือกใช้ วันนี้เรานำคำที่ความหมายเหมือนหรือคล้ายกันซึ่งเรียกว่า Synonym ทั้งหมด 10 คำ มาให้เลือกใช้อวด เพื่อนๆ ของเรากัน มาเริ่มกันที่คำแรกกันเลย
Great — worthy , remarkable, considerable, powerful ที่แปลว่าดีเยี่ยม
ตัวอย่างประโยค
Your presentation is remarkable. ( การนำเสนอของคุณชั่งโดดเด่น/ดีเยี่ยมเหลือเกิน )
Happy — pleased, satisfied, delighted, joyful, cheerful,jubilant ,blissful, overjoyed
ตัวอย่างประโยค
Last night I had a dream about heaven and it was blissful.
(เมื่อคืนฉันฝันถึงสวรรค์ด้วยนะ ซึ่งมันเป็นอะไรที่มีความสุข/สบายใจ มากๆเลย)
Hate — despise, loathe, detest, abhor, disfavor,dislike, disapprove, abominate
ตัวอย่างประโยค
John disliked it when someone told him to do something.
(จอหน์ไม่ชอบ/เกลียด มากๆ เมื่อมีคนมาบอกว่าเค้าต้องทำอะไร)
Important — necessary, vital, critical, indispensable, valuable, essential, significant, primary, considerable, famous, distinguished, notable, well-known
ตัวอย่างประโยค
This lesson is vital and I suggest that everyone should pay attention.
(บทเรียนนี้สำคัญ/จำเป็น มากๆ ซึ่งฉันแนะนำว่าทุกๆคนควรจะตั้งใจเรียน)
Interesting — fascinating, engaging, sharp, keen, bright, intelligent, animated, spirited, attractive, inviting, intriguing, challenging, inspiring, involving, moving, entertaining, absorbing, consuming, captivating, enchanting, bewitching, appealing
ตัวอย่างประโยค
Cats never fail to fascinate human beings.
(เจ้าแมวไม่เคยล้มเหลวเลยที่จะทำให้มนุษย์หลงใหล่/สนใจในตัวมัน)
Lazy — indolent, slothful, idle, inactive, sluggish
ตัวอย่างประโยค
Some animals are inactive during the daytime.
(มีสัตว์บางประเภทที่ไม่ทำอะไรเลย/ขี้เกียจในเวลากลางวัน)
New — fresh, unique, original, unusual, novel, modern, current, recent
ตัวอย่างประโยค
She has a unique relationship with the famous singer.
(หล่อนมีความสัมพันธ์ครั้งใหม่ที่พิเศษกับนักร้องชื่อดัง)
Stop — cease, halt, stay, pause, discontinue, conclude, end, finish, quit
ตัวอย่างประโยค
There was a sudden pause in the talk when Bank came in.
(มีการหยุดเกิดขึ้นทันทีในบทสนทนาเมื่อแบงก์ได้เดินเข้ามา)
Tell — disclose, reveal, show, expose, uncover, relate, narrate, inform, advise, explain, declare, command, order, bid, recount, repeat
ตัวอย่างประโยค
Please inform us of any change of information as soon as possible.
(รบกวนแจ้ง/บอกเราด้วยสำหรับการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้)
Wrong — incorrect, inaccurate, mistaken, erroneous, improper, unsuitable
ตัวอย่างประโยค
The whole report is badly written. Moreover, it’s inaccurate.
รายงานทั้งหมดนี้เขียนได้แย่มากและมากไปกว่านั้นยังไม่ถูกต้องอีกด้วย
ยังมีคำศัพท์อีกหลายคำ ที่เป็น Synonym สามารถเอามาอยู่ในกลุ่มคำเดียวกันได้ สามารถติดตามกันต่อได้ที่นี่เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
‘อิลอน มัสก์’ แตะประเด็น ‘ทวิตเตอร์’ ในเวทีจี-20
อิลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทสลา สเปซเอ็กซ์ และทวิตเตอร์ แตะประเด็นร้อนเรื่องทวิตเตอร์และภาระงานที่ต้องสานต่อ ในเวทีจี-20 ตามรายงานของรอยเตอร์
อิลอน มัสก์ ขึ้นกล่าวผ่านออนไลน์ในเวทีคู่ขนานด้านเศรษฐกิจ B-20 business forum ก่อนเวทีประชุมสุดยอดจี-20 ที่บาหลี อินโดนีเซีย เมื่อวันจันทร์ เมื่อถูกถามว่าผู้ที่จะกลายมาเป็น “อิลอน มัสก์ แห่งภาคพื้นตะวันออก” ควรต้องมุ่งเน้นใส่ใจเรื่องอะไร เขาตอบว่า “โปรดระวังว่าสิ่งที่หวังไว้จะเป็นจริงนะ”
มัสก์ กล่าวต่อว่า “ผมไม่แน่ใจว่ามีคนอยากจะเป็นผมมากแค่ไหนนะ พวกเขาอยากเป็นในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าผมเป็น ซึ่งนั่นมันไม่เหมือนกัน” มัสก์ เสริมต่อว่า “ผมหมายความว่า สิ่งที่ผมเฝ้าเคี่ยวเข็ญตัวเองอย่างหนัก เพื่อให้ก้าวไปอีกขั้น”
ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์ว่า อิลอน มัสก์ จะเดินทางมาร่วมงานนี้ด้วยตัวเอง แต่ทางการอินโดนีเซียระบุว่ามัสก์ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ เพราะต้องเตรียมการสำหรับการขึ้นศาลปลายสัปดาห์นี้
ผู้บริหารเทสลา กล่าวถึงเรื่องแผนการผลิตรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในราคาย่อมเยา สำหรับตลาดกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอย่างอินเดีย หรือ อินโดนีเซีย ที่เป็นเจ้าภาพจี-20 ว่า “เราคิดว่าการผลิตรถที่ราคาเข้าถึงได้เป็นสิ่งที่มีความหมายมาก และเราควรทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ส่วนประเด็นเรื่องทวิตเตอร์ มัสก์ บอกในเวทีนี้ด้วยว่า “ภาระงานของผมเพิ่มขึ้นอย่างมากเลยในช่วงนี้ ผมหมายถึง ผมมีงานล้นมือเลยล่ะ” และพูดถึงประเด็นที่มีผู้เสนอให้เพิ่มความยาวของวิดีโอที่จะโพสต์ในทวิตเตอร์ และแผนการแบ่งรายได้ให้กับผู้ผลิตเนื้อหาในทวิตเตอร์ แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ผู้บริหารป้ายแดงของทวิตเตอร์ ให้คำมั่นว่าจะผ่อนคลายข้อจำกัดที่ให้ผู้ใช้ยังคงใช้สื่อสังคมออนไลน์ต่อไปได้ และพยายามสร้างความเชื่อมั่นกับบริษัทที่ลงโฆษณากับทวิตเตอร์ โดยกล่าวทิ้งท้ายเรื่องเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสื่อสังคมออนไลน์นี้ใต้ปีกของมัสก์ไว้ด้วยว่า “ไม่มีทางที่จะทำให้ทุกคนพอใจได้ นั่นคือสิ่งที่จริงแท้แน่นอน”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
กระชายขาว สมุนไพรไทย มีประโยชน์-สรรพคุณอะไรบ้าง
ทุกวันนี้ยอดการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มสูงอยู่ เป็นผลสืบเนื่องจากเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ ทำให้เชื้อรุนแรงขึ้นและแพร่ระบาดง่ายกว่าเดิม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดต่อจากคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและการมีตัวช่วยที่ดี จะช่วยลดความรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสได้ โดยในปัจจุบันสมุนไพรไทยอย่าง “กระชายขาว” ถือว่าเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่นิยมมีไว้ติดบ้าน เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
สรรพคุณของกระชายขาว
กระชายขาว สมุนไพรคู่ครัวที่นอกจากจะนิยมนำมาประกอบอาหารแล้ว ยังจัดอยู่ในตำรับยาพื้นบ้านของไทยอีกด้วย โดยมีสรรพคุณตั้งแต่รากถึงใบ เช่น
- ช่วยย่อยอาหาร
- แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ใช้เป็นยาบำรุงร่างกายและชูกำลัง
- ช่วยปรับฮอร์โมนในร่างกายให้สมดุล
- บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
- แก้อาการวิงเวียนศีรษะ
- แน่นหน้าอก
ในปัจจุบัน กระชายขาวยังได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความที่มีรสเผ็ดร้อน ซึ่งในการแพทย์แผนไทย หากสมุนไพรมีรสเผ็ดร้อนจะช่วยกระตุ้นธาตุไฟ โดยธาตุไฟมีส่วนที่ตรงกับแพทย์แผนปัจจุบันคือสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะฉะนั้นกระชายขาวจึงเป็นสมุนไพรที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส กระชายขาวจึงเป็นสมุนไพรที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ จนราคาพุ่งสูงและเริ่มขาดตลาดในบางช่วง
สำหรับคนทั่วไป ควรรับประทานกระชายขาวอย่างพอดี ควบคู่กับสารอาหารอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17/11/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,900.00 | 30,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,937.00 | 29,364.92 | 30,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,743.30 | 26,428.43 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,549.60 | 23,491.94 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 872.00 | 13,219.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 678.00 | 10,278.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,007.00 | 30,426.12 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17/11/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.85 | 35.85 | 36.15 | 36.15 | 36.15 | 35.85 | 35.85 | 35.85 | 36.15 | 35.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.58 | 35.58 | 35.88 | 35.88 | 35.88 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.88 | 35.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.74 | 34.74 | 35.04 | 35.04 | 35.04 | – | 34.74 | 34.74 | 35.04 | 34.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.74 | 33.74 | – | – | – | – | – | – | – | 33.74 |
เบนซิน 95 | 43.26 | – | – | – | 44.01 | – | 43.76 | 43.71 | – | 43.26 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | – | 35.24 | – | 34.94 | 34.94 | 35.04 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 45.46 | 45.46 | 45.36 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |