อสังหาฯชี้ตลาดฟื้นครึ่งปีหลังมาตรการรัฐเร่งตัดสินใจซื้อ
ผู้ประกอบการอสังหาฯ มั่นใจมาตรการรัฐหนุนตลาดพลิกโต ครึ่งปีหลังดีมานด์พุ่ง ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เล็งปรับตัวเลขคาดการณ์จาก 3.9% ขยับขึ้น 5-10% มูลค่าทะยาน 1.1 ล้านล้านบาท สูงกว่าก่อนโควิด
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรกตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐมีออกมาในไตรมาส 2 รวมทั้งผู้ซื้อรอดูการปรับลดดอกเบี้ยลงก่อนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย โดยเชื่อว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังมีโอกาสที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้ทิศทางครึ่งปีหลังนี้ จะมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น
โดยมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐมีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดปลายปี 2567 เป็น “แรงกดดัน” ให้คนเร่งการตัดสินใจซื้อบ้านในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นความคึกคักของตลาดอสังหาฯ จะเห็นผลชัดเจนในครึ่งปีหลังเริ่มจากไตรมาส 3 ไปถึงไตรมาส4
“เชื่อว่ามาตรการที่ออกมากระตุ้นแรงขนาดนี้น่าจะช่วยผลักดันตลาดอสังหาฯ ขยายตัว ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์จาก Base Case เดิมคาดการณ์ไว้ที่ 3.9% ขยับขึ้นเนื่องจากมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เข้ามา ทำให้มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่คาดการณ์ประมาณ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านล้านบาทในปี 2567 หรือมีอัตราการเติบโต 5-10%”
นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จะส่งผลดีต่อการซื้อขายที่อยู่อาศัยทั้งประเทศ ไม่เฉพาะกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนเกินกว่า 85% แต่ทั้งบ้านมือ 1 มือ 2 รวมทั้งธุรกิจเชื่อมโยง อาทิ วัสดุก่อสร้าง การจ้าง แรงงาน ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง รวมถึงการใช้สาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา
“มาตรการดังกล่าวจะกระตุ้นธุรกิจอุตสาหกรรมจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาฯ และภาคสถาบันการเงิน ส่งผลเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและภาคการลงทุน ความเชื่อมั่นของภาคครัวเรือน ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในครึ่งปีหลังกระเตื้องขึ้นได้ แม้จะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นแต่สร้างผลกระทบในวงกว้าง”
ผลจากมาตรการของภาครัฐจะช่วยให้ภาคอสังหาฯ ปี 2567 ปรับตัวดีขึ้น การโอนกรรมสิทธ์น่าจะเป็นบวก 5-10% ทำให้ตลาดดีขึ้นในไตรมาส 2 จากไตรมาสแรกการเปิดตัวโครงการลดลง 60% เทียบปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่เน้นเปิดตัวโครงการแนวราบเพื่อลดความเสี่ยงแทนการเปิดคอนโดมิเนียม ซึ่งหากไม่มีมาตรการเหล่านี้ออกมาทำให้ตลาดปีนี้ติดลบ 10-15%
คาดไตรมาส 2 ตัวเลขการโอนขยับ
นายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เมื่อรัฐบาลนำมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ โดยลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน และค่าจดทะเบียนโอน ทำให้ตลาดขยับตัวได้ดีมากเพราะช่วยลดภาระคนซื้อบ้านและคนขาย เท่ากับเป็นการ “ลดต้นทุน” สามารถนำเงินส่วนนี้ไปทำโปรโมชั่น หรือ ราคาขายลงได้ โดยเฉพาะสต็อกบ้านราคากว่ามากกว่า 3 ล้านบาท หรือในระดับ 5-7 ล้านบาท ที่มีจำนวนมากจะระบายได้
นอกจากนี้ หากมีการ “โอน” จะส่งแรงกระเพื่อมต่อเนื่องไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งภายใน เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง ก่อสร้าง ภาคการเงิน ทำให้เกิดการจ้างงาน เมื่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ระบายสต็อกได้จะเริ่มกลับมาผลิตบ้าน-คอนโด เข้ามาใหม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
“เชื่อว่าไตรมาส2ตัวเลขการโอนจะขยับตัวขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส3และไตรมาส4หลังจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายหยุดการก่อสร้างเพราะสต็อกมีอยู่”
ครึ่งปีหลังคนตัดสินใจปลูกบ้านเพิ่มขึ้น
นายวรวุฒิ กาญจนกูล กรรมการกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ และตลาดรับสร้างบ้านในไตรมาส 2 ปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น จากแรงกระตุ้นของมาตรการภาครัฐ ส่งผลให้ยอดขายเริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังจากยอดขายชะลอตัวไปในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนพุ่งสูง เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ส่งผลให้ตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสแรก ปี 2567 อยู่ในสภาวะค่อนข้างซึม
“จากการกระตุ้นการรับรู้และสร้างยอดขายในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Focus 2024 พบว่ายังมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ชะลอการตัดสินใจออกไปก่อน เนื่องจากรอสถานการณ์ทางเศรษฐกิจส่งผลให้เป้าหมายยอดสั่งสร้างบ้านภายในงานไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้”
อย่างไรก็ดี นับเป็นครั้งแรกของตลาดรับสร้างบ้านที่ได้รับมาตรลดหย่อนภาษีปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง โดยเป็นการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ปลูกสร้างบ้านขึ้นใหม่ ไม่เกิน 1 หลัง ตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านที่เซ็นสัญญา และเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ วันที่ 9 เม.ย.2567 ถึง วันที่ 31 ธ.ค.2568
โดยได้รับการลดหย่อนภาษีล้านละ 1 หมื่นตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท ตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้าน ที่บริษัทรับสร้างบ้าน ที่ได้เสียอากรแสตมป์ โดยวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไว้ โดยผู้บริโภคจะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี ในปีภาษีที่ก่อสร้างบ้านแล้ว
ข้อดีของมาตรการสร้างบ้านลดหย่อนภาษี “ล้านละหมื่น” จะส่งผลดีกับ 4 กลุ่ม “ผู้บริโภค” ที่วางแผนปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองจะสามารถลดภาระลง โดยสามารถนำเงินที่ว่าจ้างก่อสร้างมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจะช่วยให้ตัดสินใจเร็วขึ้น จากเดิมที่มีบางส่วนชะลอการตัดสินใจไปเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ “ร้านค้า บริษัทวัสดุก่อสร้าง” กับยอดขายที่เพิ่มขี้นจากภาพรวมของยอดสั่งสร้างบ้านที่มีแนวโน้มว่าจะขยายตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม การนำเงินจ้างก่อสร้างที่อยู่อาศัยมาลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในจำนวนล้านละ 1 หมื่นบาท และโดยรวมไม่เกิน 1 แสนบาท ส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ จาก VAT 7 % ทั้งในรูปแบบของการซื้อวัสดุก่อสร้างต่างๆ และผู้รับจ้างสร้างบ้าน เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก enlighten.co.th
หัวหินคึกคัก “PROUD” จัดโปร2 คอนโดหรู เจาะกลุ่มลูกค้าไทย-ต่างชาติ
หัวหินหัวเมืองท่องเที่ยวคึกคัก “PROUD” จัดโปร2 คอนโดหรู เจาะกลุ่มลูกค้าชาวไทย-ต่างชาติ ดึงกำลังซื้ออยู่อาศัย-ลงทุนทุน
“หัวหิน”เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุดยาวที่อัตราการจองห้องพักในโรงแรมและที่พักเต็มแทบจะ 100% ในทุกเทศกาล ส่งผลให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและได้รับความสนใจจากผู้พัฒนาที่ดิน
รวมถึงนักลงทุนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย “PROUD” เห็นโอกาสดังกล่าว จึงเร่งออกโปรโมชั่นพิเศษ 2 โครงการ ในพื้นที่หัวหิน เพื่อให้ลูกค้าได้ราคาที่คุ้มค่าที่สุดและมุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพในทุก ๆ มิติ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ ผู้ที่กำลังมองหาคอนโดฯ ในหัวหินเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือเพื่อการลงทุนปล่อยเช่า หรือเก็งกำไรเพื่อขายต่อในอนาคต
นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า พราว เรียล เอสเตท ชวนลูกค้าและผู้สนใจพักผ่อนวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่หัวหิน แวะสัมผัสบรรยากาศที่พักอาศัยในคอนโดฯ ระดับลักชัวรี พร้อมมอบโอกาสการเป็นเจ้าของคอนโดฯ ระดับลักชัวรีในราคาสุดพิเศษด้วยโปรโมชันสุดเอ็กคลูซีฟ 2 โครงการได้แก่ โครงการ อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน (InterContinental Residences Hua Hin) และ โครงการเวหา หัวหิน (VEHHA Hua Hin) ตอบรับความต้องการกลุ่มลูกค้าชาวไทย-ต่างชาติ ที่เข้ามาพักผ่อนในหัวหินมากขึ้น และใช้ระยะเวลาการพักผ่อนที่ยาวนานขึ้น
โครงการ อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน ส่งโปรโมชันปิดโครงการกับ Now or Never โอกาสในการเป็นเจ้าของ 2 ยูนิต สุดท้าย 2 ห้องนอน และ 3 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 27.9 ล้านบาท หมดแล้วหมดเลย ทุกห้องฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอน ฟรีเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งครบ พร้อมผ้าม่าน วอลล์เปเปอร์ พร้อมรับสิทธิพิเศษการเป็นสมาชิก IHG Reward Club ระดับ Diamond Elite จำนวน 2 ปีและสิทธิพิเศษด้าน Lifestyle จาก Proud Privileges
โครงการ คอนโดมิเนียมระดับ World-Class Branded Residences หนึ่งเดียวในไทย โครงการที่พักอาศัยระดับลักชัวรีบนที่ดินติดชายหาดผืนสุดท้ายใจกลางเมืองหัวหิน ติดหาดที่สวยที่สุดในหัวหิน หน้าหาดเงียบสงบ หาดทรายละเอียด ขาวสะอาด ที่หาพื้นที่แบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว คุณค่าที่เหมาะสำหรับส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลาน อีกทั้ง คุ้มค่าในการลงทุนปล่อยเช่า ซึ่งจำนวนผู้ต้องการเช่ามีติดต่อสอบถามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
โครงการเวหา หัวหิน มอบโปรโมชัน Flashback to Presale โอกาสสุดท้ายสำหรับราคาพรีเซล รับสิทธิ์เข้าพักโรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ต วานา นาวา หัวหิน จำนวน 20 คืน และฟรีสิทธิ์เข้าสวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน 5 ปี สามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่หลังทำสัญญาทั้งโรงแรมและสวนน้ำ ที่ตั้งอยู่ติดกับพื้นที่โครงการ ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ในการอยู่อาศัยอย่างเต็มอิ่ม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยไม่ต้องรอการก่อสร้างแล้วเสร็จ
พร้อมพบกับ ห้อง 1 Bedroom Plus Corner ขนาด 44.42 ตร.ม. ห้องตำแหน่งพิเศษหนึ่งเดียวในโครงการ มีเพียง 18 ยูนิต เต็มอิ่มด้วยวิวธรรมชาติหัวหินทั้งวิวทะเลและวิวภูเขา สุดคุ้มด้วยราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำแสน นับเป็นราคาที่คุ้มที่สุดสำหรับโครงการนี้ มีเพียง 18 ยูนิต เท่านั้น เริ่มต้น 4.19 ล้านบาท
โครงการ “เวหา หัวหิน” คอนโด High Rise สูง 31 ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหัวหิน ออกแบบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ New Lifestyle Seaview Residences ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ Single Corridor เห็นวิวทะเลแบบพาโนรามาทุกยูนิต พร้อม Fully Furnished ครบครันกับสิ่งอำนวยความสะดวกบนพื้นที่ส่วนกลางกว่า 2,700 ตร.ม. ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีหลังเปิดขายรอบ Pre-Sale ช่วงต้นปี 2566 จากกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ ที่มองหาบ้านหลังที่สอง บ้านพักตากอากาศที่อยู่อาศัยได้จริง และกลุ่มนักลงทุนเพื่อปล่อยเช่า ที่เล็งเห็นศักยภาพของโครงการและพื้นที่หัวหินที่มีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นแลนด์มาร์คที่อยู่อาศัยใหม่ในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17เม.ย. “อ่อนค่า”ที่ระดับ 36.69 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่า “แรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ – โฟลว์จ่ายปันผล” ควรจับตา “ทิศทางราคาทองคำ ราคาพลังงาน สถานการณ์ในตะวันออกกลาง นโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก ทั้งอังกฤษ ญี่ปุ่น
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17เม.ย. 2567 ที่ระดับ 36.69 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 36.60 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันพฤหัสฯ ที่ 11 เมษายน)
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่ายังมีอยู่ โดยเฉพาะแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ตราบใดที่ตลาดยังคงปิดรับความเสี่ยง นอกจากนี้ โฟลว์จ่ายปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติก็สามารถกดดันเงินบาทได้ ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ ราคาพลังงาน ท่ามกลางความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical risks) ในตะวันออกกลาง
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจแกว่งตัว sideways แต่หากตลาดปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) จากความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงและบานปลายมากขึ้น ก็อาจหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อได้ นอกจากนี้ ต้องจับตาทิศทางเงินปอนด์อังกฤษและเงินเยนญี่ปุ่น ในช่วงตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI อังกฤษและญี่ปุ่น
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.45-37.00 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.55-36.85 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบกว้าง (แกว่งตัวในกรอบ 36.33-36.87 บาทต่อดอลลาร์) ท่ามกลางปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่า อาทิ ความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ที่หนุนให้เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ก็ยังได้แรงหนุนจากความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ร้อนแรงขึ้น
อย่างไรก็ดี เงินบาทยังพอได้อานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นบ้างของราคาทองคำ โดยเฉพาะในช่วงตลาดกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ทยอยขายทำกำไรสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) ในจังหวะที่เงินบาทได้อ่อนค่าทดสอบโซน 36.80 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้เงินบาทไม่ได้อ่อนค่าต่อเนื่องจนทะลุโซนดังกล่าวไปได้ใกล้ และยังคงแกว่งตัว sideways ในช่วง 36.70 บาทต่อดอลลาร์
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดและสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ร้อนแรง
สำหรับสัปดาห์นี้ ควรจับตา สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ที่อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินในระยะสั้น นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้ง BOE และ BOJ ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษ และ ญี่ปุ่น
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งต้องจับตาว่า โทนการสื่อสารของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ว่าโดยรวมมีทิศทางอย่างไร โดยเฉพาะการสื่อสารมีความ Hawkish มากขึ้นหรือไม่
หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงระยะสั้นนี้ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อก็ดูจะชะลอตัวลงได้ช้ากว่าที่เฟดต้องการ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2024 โดยเฉพาะกลุ่มการเงิน และกลุ่มเทคฯ อาทิ ASML, TSMC เป็นต้น
▪ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษ ทั้ง อัตราเงินเฟ้อ CPI ดัชนีราคาผู้ผลิต PPI และยอดค้าปลีก (Retail Sales) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ว่ามีโอกาสมากน้อยเพียงใดที่ BOE จะทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ตั้งแต่การประชุมเดือนมิถุนายน
โดยหากผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า BOE อาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน (ล่าสุดผู้เล่นในตลาดประเมินว่า มีโอกาสราว 83% ที่ BOE จะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนสิงหาคม) ซึ่งอาจเร็วกว่าเฟด ซึ่งภาพดังกล่าวอาจกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ผันผวนอ่อนค่าลงได้
▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI โดยหากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ไม่รวมผลของราคาอาหารสดและพลังงาน Core-Core CPI ยังคงอยู่ในระดับสูงเกิน 3% ก็อาจทำให้ BOJ ยังมีโอกาสทยอยขึ้นดอกเบี้ยได้ในปีนี้ ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า BOJ จะสามารถทยอยขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้งในปีนี้ (ในการประชุมเดือนกรกฎาคม และ ตุลาคม)
นอกจากนี้ ควรจับตาการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ของทางการญี่ปุ่น หลังค่าเงินเยนได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องจนเกือบแตะระดับ 155 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งทางการญี่ปุ่นได้ส่งสัญญาณมาตั้งแต่แถวโซน 151-152 เยนต่อดอลลาร์ แล้วว่า ค่าเงินเยนได้อ่อนค่าเกินปัจจัยพื้นฐานมาพอสมควร
โดยหากทางการญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงค่าเงินจริง เราคาดว่าอาจทำให้เงินเยนสามารถแข็งค่าหลุดระดับ 152 เยนต่อดอลลาร์ ได้ แต่เรามองว่า ทางการญี่ปุ่นอาจรอจังหวะให้ โมเมนตัมของเงินดอลลาร์พลิกกลับมาเป็นฝั่งอ่อนค่าลง หรือ มีปัจจัยเข้ามาสนับสนุนให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นได้
▪ ฝั่งไทย – เราคาดว่า โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติที่จะสูงราว 6.6 พันล้านบาทในสัปดาห์นี้ อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้ ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งอาจกระทบค่าเงินบาทได้พอสมควร ซึ่งจะขึ้นกับการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบ และราคาทองคำ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 36.63-36.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.45 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดก่อนช่วงวันหยุดยาวที่ 36.61 บาทต่อดอลลาร์ฯ เงินบาทยังแกว่งตัวในกรอบอ่อนค่าสอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังน่าจะมีแรงหนุนต่อเนื่องในฐานะสกุลเงินปลอดภัย และแนวโน้มการยืนดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานของสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานเฟดส่งสัญญาณกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อที่อาจปรับตัวอยู่เหนือกรอบเป้าหมายที่ 2% อีกระยะหนึ่ง
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไหว้ที่ 36.60-36.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนและอังกฤษ และรายงาน Beige Book ของเฟด
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“วิตามินซี” ไม่ควรใช้ร่วมกับสารสกัดชนิดใด สร้างหายนะให้ผิว
วิตามินซีถือเป็นหนึ่งในสุดยอดสารสกัดที่ทุกคนต่างหลงรัก เพราะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงพลัง ช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่ทำร้ายผิว ฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปกป้องผิวจากมลภาวะ และยังช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส ไร้จุดด่างดำอีกด้วย แต่สำหรับวิตามินซีนั้น การใช้ร่วมกับสกินแคร์ตัวอื่นๆ ต้องอาศัยความใส่ใจเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าแต่ละตัวจะมีสรรพคุณวิเศษ แต่การจับคู่ผิดสูตรอาจกลายเป็นหายนะสำหรับผิวของคุณได้ มาดูกันว่ามีสารสกัดชนิดไหนบ้างที่ไม่ควรใช้ร่วมกับวิตามินซี
Vitamin C + Benzoyl peroxide
เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) เป็นยาที่ใช้รักษาสิวชนิดปานกลางถึงสิวอักเสบ ยาตัวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันผิวแห้งและลอกเป็นขุยอีกด้วย การใช้เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ร่วมกับวิตามินซี อาจส่งผลเสียต่อผิวของคุณ แทนที่จะเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์เมื่อใช้ทาบนผิว จะทำปฏิกิริยากับวิตามินซี ทำให้วิตามินซีเสื่อมสภาพ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของทั้งสองตัวลดลง
Vitamin C + Retinol
เรตินอล (Retinol) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงพลัง ช่วยลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟังดูเหมือนเรตินอลจะเป็นคู่หูที่ดีกับวิตามินซี แต่ในความเป็นจริงแล้ว การใช้เรตินอลร่วมกับวิตามินซีกลายเป็นหายนะสำหรับผิวของคุณได้เลย เมื่อใช้ทั้งสองตัวร่วมกัน ผลที่ได้คือ ผิวลอก แดง ระคายเคือง ไม่ต่างกับหายนะสำหรับผิวของคุณเลย นอกจากนี้ ยังทำให้ผิวของคุณไวต่อแสงแดดมากขึ้นอีกด้วย
ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือใช้วิตามินซีในตอนเช้า และใช้เรตินอลในตอนกลางคืน เพื่อให้ทั้งสองตัวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
Vitamin C + AHAs/BHAs
กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี (AHA) และกรดเบต้าไฮดรอกซี (BHA) ต่างก็เป็นสารเคมีผลัดเซลล์ผิวที่ทรงพลัง ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่สดใส เปล่งปลั่ง
- AHA ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย
- BHA แทรกซึมลึกถึงรูขุมขน ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิวเสี้ยน และความมันส่วนเกินบนผิว
ทั้ง AHA, BHA และวิตามินซี ต่างก็เป็นสารที่มีฤทธิ์เป็นกรด ดังนั้น การใช้ AHA/BHA ร่วมกับวิตามินซี อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้
Vitamin C + Niacinamide
นีอาซินาไมด์ หรือ วิตามินบี3 เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว ช่วยให้สีผิวเรียบเนียน สม่ำเสมอ กระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวดูมีสุขภาพดี ฟังดูเหมือนวิตามินบี3 จะเป็นคู่หูที่ดีกับวิตามินซี แต่ในความเป็นจริงแล้ว การใช้ทั้งสองตัวร่วมกัน กลับส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของทั้งคู่
นีอาซินาไมด์มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน ๆ เมื่อเจอกับวิตามินซีที่มีฤทธิ์เป็นกรด สารทั้งสองจะทำปฏิกิริยากัน ทำให้วิตามินซีสูญเสียคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้นีอาซินาไมด์ที่ทำปฏิกิริยากับวิตามินซีแล้วยังอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง และ สิว ได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ม.ศรีปทุม” คว้าแชมป์สวิงอุดมศึกษา “ช้าง กอล์ฟ ยู แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024” สนามแรก
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย “น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” ร่วมกับ เดอะ เจ็นซ์ เปิดศึกดวลสวิงระดับอุดมศึกษา รายการ “ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024” ประเดิมสนามแรกที่เลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ คลับ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 6-7 เมษายน 2567
“น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการกอล์ฟไทย ทั้งในระดับเยาวชน และระดับอุดมศึกษา จึงจัดรายการแข่งขันนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อส่งเสริมนักกีฬากอล์ฟในระดับอุดมศึกษาให้มีเวทีการแข่งขันที่ต่อเนื่อง และสร้างโอกาสให้กับนักกอล์ฟในระดับอุดมศึกษาได้มีพื้นที่ในการแข่งขันเพื่อพัฒนาศักยภาพสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ โดยมีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศตอบรับร่วมแข่งขันเพื่อชิงทุนการศึกษารวม 10 มหาวิทยาลัย
“ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024” ทำการแข่งขันรอบคัดเลือก 2 สนาม และรอบชิงชนะเลิศ 1 สนาม แข่งขันประเภททีม 4 คน (คิดคะแนนดีที่สุด 3 คน) ซึ่งในรอบคัดเลือกเป็นการแข่งขันแบบสะสมคะแนน 2 สนาม แข่งขันแบบ Stroke Play 36 หลุม เพื่อจัดอันดับ คัด 8 ทีมเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ โดยรอบชิงชนะเลิศ แข่งขันแบบ Match Play ทำการแข่งขัน 2 วัน แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 Division แข่งรอบละ 18 หลุม โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็นทีมละ 2 คู่ คือ Foursomes 1 คู่ และ Four-Ball 1 คู่ ซึ่งทีมที่ชนะเลิศในอันดับต่างๆ จะได้รับทุนการศึกษาพร้อมรางวัลเกียรติยศ
การแข่งขัน “ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024” รอบคัดเลือก สนามแรก แข่งขันในวันที่ 6-7 เมษายน 2567 มีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมชิงชัยรวม 10 มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยศรีปทุม, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
หลังจบการแข่งขันในรอบคัดเลือก สนามที่ 1 ปรากฏว่า “มหาวิทยาลัยศรีปทุม” คว้าแชมป์ตามคาด โดย ณฐนนท ธนูรัตน์ โชว์ฟอร์มเยี่ยมกดไป 10 อันเดอร์ ส่วน “มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ” รับรองแชมป์ประเภททีม และประเภทบุคคลหญิง ด้าน “มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์” จบที่ 3
อันดับ 1 มหาวิทยาลัยศรีปทุม ภายใต้การควบคุมทีมของ โปรจำลอง นาเมือง นักกีฬาสามารถทำผลงานตามเป้าคว้าแชมป์สนามแรกได้สำเร็จ ด้วยสกอร์รวมทีม 440 (223-217) โดยปีนี้ส่งผู้เล่นรุ่นใหม่ฝีมือดีอย่าง พรหมพจน์ ทรงกลด ที่ทำสกอร์ดีสุด จบสองรอบที่ 1 อันเดอร์พาร์ 143 (71-72), ปริญยาภรณ์ รุ่งระวี สกอร์ 2 โอเวอร์พาร์ 146 (75-71), ชนินทร์ ทองไพจิตร สกอร์ 7 โอเวอร์พาร์ 151 (77-74) และ กฤษฎา เล็กเรืองสินธุ์ สกอร์ 18 โอเวอร์พาร์ 162 (80-82)
อันดับ 2 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คว้ารองแชมป์ ภายใต้การนำทีมของ ศุภวิช ทรงกลด ที่ทำสกอร์ดีสุดในทีม สองรอบที่ 1 โอเวอร์พาร์ 145 (69-76), สกรรจ์พัส มาลา สกอร์ 5 โอเวอร์พาร์ 149 (77-72) ที่ 3 ชาครีย์ โรจนสมิต สกอร์ 17 โอเวอร์พาร์ 161 (82-79) และ จิรภัทร ประเสริฐกุล สกอร์ 18 โอเวอร์พาร์ 162 (83-79) สกอร์รวมทีม 455 (228-227)
อันดับ 3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำทีมโดย กันต์พศุตม์ วงศ์สกุลวิวัฒน์ สกอร์ 12 โอเวอร์พาร์ 156 (75-81), เตชินทร์ วิชัยณรงค์ สกอร์ 13 โอเวอร์พาร์ 157 (78-79), จุฑามาศ กฤษติยานฤวัต สกอร์ 13 โอเวอร์พาร์ 157 (78-79) และ ภุชิสส์ เงาแก้ว สกอร์ 19 โอเวอร์พาร์ 163 (87-76) สกอร์รวมทีม 465 (231-234)
สรุปผลการแข่งขันกอล์ฟ “ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024” รอบคัดเลือก สนามที่ 1 มีดังนี้
อันดับ 1 ทีมมหาวิทยาลัยศรีปทุม สกอร์รวม 440 (223-217) คะแนนสะสม 100 คะแนน
อันดับ 2 ทีมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สกอร์รวม 455 (228-227) คะแนนสะสม 80 คะแนน
อันดับ 3 ทีมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สกอร์รวม 465 (231-234) คะแนนสะสม 70 คะแนน
อันดับ 4 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สกอร์รวม 471 (235-236) คะแนนสะสม 60 คะแนน
อันดับ 5 ทีมมหาวิทยาลัยศิลปากร สกอร์รวม 473 (231-242) คะแนนสะสม 50 คะแนน
อันดับ 6 ทีมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สกอร์รวม 475 (236-239) คะแนนสะสม 45 คะแนน
อันดับ 7 ทีมมหาวิทยาลัยรังสิต สกอร์รวม 492 (241-251) คะแนนสะสม 40 คะแนน
อันดับ 8 ทีมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สกอร์รวม 503 (250-253) คะแนนสะสม 35 คะแนน
อันดับ 9 ทีมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า สกอร์รวม 519 (274-245) คะแนนสะสม 30 คะแนน
“ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024” รอบคัดเลือก สนามที่ 2 จะทำการแข่งขันที่สนามพานอราม่า กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ในวันที่ 15-16 พฤษภาคม 2567 ติดตามความเคลื่อนไหวและผลการแข่งขันได้ที่ Facebook: Chang Golf Club
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
7 C’s of communication สื่อสารภาษาอังกฤษ ให้ประสบความสำเร็จ
หลักการสื่อสารภาษาอังกฤษ
องค์ประกอบหรือคุณสมบัติของการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ดี มีอะไรบ้าง?
การสื่อสารภาษาอังกฤษ
7 C’s of Communication คือ รายการตรวจสอบ (checklist) ที่ช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารและเพิ่มโอกาสให้ผู้รับข้อมูลได้เข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงตามความตั้งใจของผู้สื่อสาร
เอ็ด ดู เฟิร์สท์ จึงนำเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
7 C’s of Communication
สื่อสารภาษาอังกฤษ ให้ประสบความสำเร็จ
1. ชัดเจน (Clear)
ในการสื่อสารไม่ว่าจะด้วยการพูดหรือการเขียน ข้อมูลที่สื่อสารต้องมีความชัดเจน เข้าใจง่าย ชัดในเนื้อหาสาระ ใช้คำที่มีความหมายตรงตัว ไม่ต้องตีความจนอาจเกิดความเข้าใจผิด
2. ถูกต้อง (Correct)
ความถูกต้องของข้อมูล หมายถึงเป็นข้อเท็จจริง (fact) ตรวจสอบได้ สร้างความมั่นใจแก่ผู้รับข้อมูลว่าไม่ได้ถูกหลอกให้หลงเชื่อ ใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ถูกต้องทั้งไวยากรณ์และตัวสะกด
3. ครบถ้วน (Complete)
การสื่อสารควรเป็นการส่งข้อมูลซึ่งเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ผู้รับข้อมูลควรทราบ ความครบถ้วนนี้จะต่างกันไปในแต่สถานการณ์ ไม่ตกหล่นเนื้อหาสาระที่สำคัญ เป็นข้อมูลที่สร้างแรงจูงใจ
4. หนักแน่นมีสาระ (Concrete)
ข้อมูลควรมีความจำเพาะเจาะจง หนักแน่น มีสาระ ไม่คลุมเครือหรือกว้างจนเกินไป มีข้อเท็จจริง ไม่ใช้คำที่ลดความน่าเชื่อถือ จำเพาะเจาะจงในประเด็นที่สื่อสาร มีความเป็นรูปธรรมในเรื่องที่สื่อสาร
5. กระชับ (Concise)
ข้อมูลควรกระชับ ตรงประเด็น ไม่เยิ่นเย้อ ชูเนื้อหาสาระหลักได้ชัดเจน ไม่กล่าววนเวียนซ้ำแล้วซ้ำอีก
6. สมเหตุสมผล (Coherent)
ข้อมูลที่สื่อสารควรมีตรรกะ มีความเป็นเหตุเป็นผล เชื่อมโยงและสอดคล้องสัมพันธ์กับประเด็นหลัก สร้างมุมมองแนวคิดที่เป็นประโยชน์แก่ผู้รับเพื่อให้ได้รับการตอบสนองที่เป็นบวก มองโลกในแง่ดี เน้นไปในสิ่งที่เป็นไปได้
7. มีมารยาท (Courteous)
ข้อมูลที่สื่อสารควรมีลักษณะที่เป็นมิตร เปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่มีประเด็นซ่อนเร้นหรือเหน็บแนมก้าวร้าว เลือกใช้คำพูดที่สุภาพ ให้เกียรติ ไม่นำอคติใด ๆ มาบิดเบือนข้อมูลให้ผิดไปจากข้อเท็จจริง คำนึงถึงความคิดเห็น มุมมอง ทัศนคติ ของผู้รับข้อมูล ไม่หักหาญหรือฝืนความรู้สึกนึกคิดของผู้รับ ใช้คำในเชิงบวก
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
สตช. เตือน 5 ประเภทบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ ที่ “อาจ” เป็นมิจฉาชีพ
ทุกวันนี้ ภัยจากอาชญากรรมออนไลน์มีมากขึ้นชนิดที่พากันบุกเข้ามาถล่มเคาะประตูบ้านเราอย่างไม่ลดละ ถึงหลายคนจะไม่ได้เปิดประตูต้อนรับมิจฉาชีพเข้ามาในบ้านก็จริง แต่ความน่ารำคาญมันก็มีไม่น้อย หลายคนต้องเจอโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ต่ำกว่าวันละ 3 สาย บางคนนั่งไล่ลบ SMS ที่ส่งลิงก์แปลก ๆ พร้อมข้อความชวนตกใจจนนิ้วแทบจะล็อก บางคนหวาดระแวงไปหมดเวลาที่ต้องกดลิงก์อะไรสักอย่างเพื่อเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติม เพราะมันกลายเป็นความหลอนไปแล้วว่าลิงก์ไหนกดได้ ลิงก์ไหนห้ามกด ลิงก์ไหนปลอดภัย ลิงก์ไหนอันตราย บางคนจึงตกเป็นเหยื่ออย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วยซ้ำ ทั้งที่ระวังตัวเป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้นี่เองที่ทำให้มีเหยื่อมากมายที่ได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบัน กลุ่มมิจฉาชีพต่างก็มีการพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ ในการหลอกลวงเหยื่ออยู่เสมอ ๆ บ้างก็มีการนำหลักจิตวิทยามาปรับใช้ใช้ในการหลอกล่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ หนึ่งในวิธีที่กำลังแพร่ระบาดและค่อนข้างแนบเนียน ก็คือการสร้างบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็น สร้างบัญชีปลอมเป็นบุคคลมีชื่อเสียง สร้างบัญชีปลอมเป็นหน่วยงานของรัฐ สร้างบัญชีที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง (บัญชีอวตาร) หรืออ้างว่าตนเองมีฐานะร่ำรวย เป็นต้น จากนั้นก็ค่อย ๆ เข้ามาสร้างความสัมพันธ์กับเหยื่อแบบเพื่อนในออนไลน์ธรรมดา เพื่อให้เหยื่อเริ่มหลงเชื่อและตายใจ
ดังนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงออกเตือนประชาชนถึงรูปแบบของบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ (แอ็กเคานต์โซเชียลมีเดีย) ที่ต้องระวัง และเอะใจไม่ก่อนเสมอหากมีบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ 5 รูปแบบนี้เพิ่มเพื่อนเรามา เพราะอาจเป็นมิจฉาชีพนั่นเอง หากว่าบัญชีสื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้เพิ่มเพื่อนมา ถ้าเลี่ยงได้ให้พยายามเลี่ยง และยึดหลัก “ไม่รับแอด ไม่คุยแชต ไม่โอนเงิน” ให้หนักแน่นที่สุด เพื่อลดโอกาสที่ตัวเราจะตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ ที่สร้างบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ขึ้นมาเพื่อหลอกลวงเรา
1. แอ็กเคานต์ประเภท “หนุ่มหล่อสาวสวย”
แอ็กเคานต์ที่ใช้ภาพโพรไฟล์เป็นชายหนุ่มหญิงสาวหน้าตาดี อาจมีการโชว์เรือนร่างด้วย หากใช้ภาพผู้หญิงก็จะโชว์หุ่นแบบเนื้อนมไข่ หากใช้ภาพผู้ชายก็จะเปลือยท่อนบน โชว์กล้ามแขน กล้ามหน้าท้อง เป็นต้น หากไล่ดูสิ่งที่โพสต์ย้อนหลังก็อาจเจอโพสต์เชิงตัดพ้อเรื่องไม่สมหวังในความรักสักที หรือโพสต์ในเชิงว่ากำลังตามหารักแท้ อยากมีใครสักคนที่จริงใจ
จึงเป็นเรื่องที่ต้องระวังหากมีแอ็กเคานต์ประเภทนี้เพิ่มเพื่อนมาโดยที่ไม่รู้จักกันมาก่อน โดยมีความพยายามจะสานสัมพันธ์เชิงชู้สาว เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าภาพโพรไฟล์นั่นเป็นรูปบุคคลนั้นจริง ๆ หรือไปขโมยรูปคนอื่นมาแอบอ้าง หากเหยื่อหลงเชื่อ ก็จะนำไปสู่การหลอกลวงว่ารักแล้วเอาให้โอนเงิน หรือหลอกให้ส่งภาพลามกให้ แล้วนำมาใช้แบล็กเมล์กับเหยื่อต่อไป หรือนำไปปล่อยสร้างความเสียหาย
2. แอ็กเคานต์ประเภท “อวดร่ำอวดรวย”
แอ็กเคานต์ประเภทนี้ส่วนใหญ่จะมีกลิ่นตุ ๆ ที่หลายคนดูออกตั้งแต่แรกแล้วเป็นพวกแอ็กเคานต์หลอกลวงให้ลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง แชร์ลูกโซ่ ออมทอง หรือขายตรงเพ้อฝัน หรือชักชวนอย่างแนบเนียนให้เล่นการพนันออนไลน์ โดยสร้างโพรไฟล์ในบัญชีโซเชียลมีเดียให้ตนเองดูเป็นคนที่ร่ำรวย คนที่ประสบความสำเร็จ มีบ้านหรูราคาหลายล้าน มีรถยนต์หรูแบรนด์ดัง แต่ก่อนจะมีวันนี้ชีวิตเคยเป็นคนล้มเหลวมาก่อน เคยทำนั่นทำนี่แล้วเจ๊งจนหมดตัว เคยอดมื้อกินมื้อไม่มีที่ซุกหัวนอน แต่ทุกอย่างพลิกตาลปัตรเมื่อพยายามใช้เงินที่มีอยู่น้อยนิดมาลงทุนในสิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้วกลายเป็นว่าผลลัพธ์มันปัง จากยาจกกลายเป็นเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืน มันดีมันปังจนต้องส่งต่อความรวยให้คนอื่น
แม้หลายคนจะมองออกว่าแอ็กเคานต์ที่มักจะมีโพสต์ในทำนองที่ว่าได้เงินมาจากการลงทุน หรือทำธุรกิจบางอย่างที่ได้ผลตอบแทนสูง ๆ ทั้งที่เริ่มลงทุนได้ด้วยเงินหลักสิบบาท จะเป็นแอ็กเคานต์หลอกลวงชวนลงทุน หรือ Hybrid Scam เพราะถ้ามันรวยจริง คนเราไม่มาบอกต่อเคล็ดลับความรวยกันง่าย ๆ แบบนี้หรอก เก็บเงียบเพื่อรวยคนเดียวดีกว่า แต่คนประเภทที่หวังจะพลิกชีวิตตัวเองให้ได้แบบโฆษณากล่าวอ้าง อยากรวยเร็ว อยากรวยทางลัด หรือคนโลภอยากรวยกว่านี้มันก็มีไม่น้อย จนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพในที่สุด มักมีความเสียหายหลักล้านเลยทีเดียว เพราะลงทุนน้อยได้ผลตอบแทนก็สูงอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าลงทุนเพิ่มก็จะได้ผลตอบแทนสูงขึ้นไปอีก จึงไปหากู้หนี้ยืมสินมาลงทุนเพิ่ม
3. แอ็กเคานต์ประเภท “ต่างชาติวัยเกษียณ”
หลายคนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่สร้างโพรไฟล์ว่าตัวเองเป็นชาวต่างชาติวัยเกษียณตามหามิตรแท้หรือรักแท้ เพื่อที่จะขอมีความสุขในช่วงบั้นปลายชีวิตที่เหลือเวลาอยู่ไม่มาก ก็เพราะค่านิยมและรสนิยมส่วนตัว เช่น การเลือกคบแต่คนต่างชาติเพราะมีสเปกเป็นคนต่างชาติ การเลือกคบแต่คนที่มีอายุมากกว่าเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่พอเป็นคนต่างชาติด้วยโพรไฟล์ก็ยิ่งน่าสนใจ หรืออาจเป็นเพราะความเหงาและอยากมีคนที่เข้าใจชีวิตเป็นเพื่อนคุยต่างวัย ด้วยมองว่าคนวัยเกษียณผ่านชีวิตมาเยอะ เจออะไรมาหลายอย่าง น่าจะเป็นเพื่อนคุยที่ดี และไม่แน่ว่าอาจสานสัมพันธ์กันต่อได้ไม่ยาก
ถ้าเจอคนดีก็ดีไป ความรักในรูปแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่ถ้าเจอมิจฉาชีพก็เสียหายหลายแสน บางทีเสียไปเป็นแสนแขนไม่ได้จับก็มี เพราะคนที่คุยอยู่ด้วยนั้นอาจไม่มีตัวตนอยู่จริง ๆ อาจเป็นโพรไฟล์แอบอ้าง หรือเป็นมิจฉาชีพคนไทยด้วยกันเองที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ สร้างโพรไฟล์ว่าตัวเองเป็นชาวต่างชาติวัยเกษียณอยากมีความรักอีกครั้ง จึงส่งข้อความมาหาหรือเพิ่มเพื่อนเพื่อสานสัมพันธ์เชิงชู้สาว คุยไปคุยมาก็อ้างว่าตั้งใจจะย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ประเทศไทยและจะส่งทรัพย์สินนั่นนี่มาให้ แล้วค่อย ๆ พยายามขอนั่นขอนี่ หลอกให้เหยื่อรักและเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้ จากนั้นก็หายไปเลย
4. แอ็กเคานต์ประเภท “หน่วยงานรัฐ (ปลอม) รับช่วยเหลือ”
ในช่วงที่มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนัก ๆ เราจะเห็นแอ็กเคานต์โซเชียลมีเดียประเภทที่อ้างตัวว่าเป็นหน่วยงานรัฐรับช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์มีอยู่เกลื่อนโซเชียลมีเดีย เพราะมีการซื้อโฆษณาเพิ่มการมองเห็น หรืออย่างในช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักจนคนตกงานกันมากมาย ก็จะมีแอ็กเคานต์เหล่านี้แอบอ้างตัวว่ามีความเกี่ยวข้องกับกรมจัดหางาน แอบอ้างเสนองานเพื่อหวังสร้างรายได้ให้คนตกงาน แต่เมื่อเหยื่อหลวมตัวกดเข้าไป ก็อาจเป็นลิงก์ปลอมที่ฝังมัลแวร์ลงอุปกรณ์ของเรา เป็นแบบฟอร์มหลอกถามข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางมิชอบ โดยอ้างว่าเป็นใบสมัครงาน หรือบอกว่าจะจองงานนั้นงานนี้ไว้ให้ แต่ต้องจ่ายเงินค่าจองงานเอาไว้ก่อน เพื่อให้เหยื่อโอนเงินไป
นี่เป็นแอ็กเคานต์ที่หากินกับความเดือดร้อนของเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง หลอกให้ความหวังบนความสิ้นหวังของคน แอบอ้างรับช่วยเหลือคนที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพแล้วหลอกซ้ำ ด้วยการลงโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ อ้างเป็นหน่วยงานของรัฐเปิดบริการรับแจ้งความ หรือให้ความช่วยเหลือในการติดตามทรัพย์สินจากคนร้าย จากนั้นจะหลอกลวงให้เหยื่อโอนเงิน โดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนในการติดตามเงินคืน หรือค่าใช้จ่ายในการติดตามคดี หรือหลอกว่ามีงานให้ทำจะได้มีรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แต่ก็หลอกให้เหยื่อโอนเงินที่มีอยู่เพียงน้อยนิดไปก่อน สุดท้ายก็ไม่ได้ทั้งงาน ไม่ได้ทั้งเงิน และเสียรู้ เสียเงินเพิ่มอีก ต้องระวัง อย่าตกเป็นเหยื่อ
5. แอ็กเคานต์ประเภท “แอ็กหลุม แอ็กปลอม”
จริง ๆ แล้ว แอ็กเคานต์ 4 ประเภทที่เอ่ยถึงก่อนหน้านี้ ก็อาจเข้าข่ายเป็นแอ็กฯ หลุม แอ็กฯ ปลอม เหมือนกันหมด เพราะมีเป้าหมายชัดเจน (แต่เราไม่รู้) ว่าสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวง บางทีเราอาจจะเห็นว่ามีคนเพิ่มเพื่อนมา แต่พอลองเข้าไปสืบดูโพสต์เก่า ๆ ก็พบว่าเป็นแอ็กฯ ที่แชร์แต่ข่าว ร้านอร่อย ๆ ที่เที่ยวสวย ๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ไม่เคยมีโพสต์บ่น ๆ แบบแอ็กเคานต์ปกติของคนทั่ว ๆ ไป ไม่มีรูปภาพที่บ่งบอกได้ว่าเป็นคนที่เรารู้จักหรือเปล่า ชื่อแอ็กฯ ก็แปลก ๆ แล้วที่สำคัญก็คือ ไม่รู้ว่าจะเพิ่มเราเป็นเพื่อนทำไม เพราะเท่าที่ดูไม่น่าจะรู้จักกัน
ถ้าเจอแอ็กเคานต์ประเภทนี้เพิ่มเพื่อนมา ดูเผิน ๆ เหมือนไม่มีอะไรน่ากังวล ต่อให้เรากดรับเป็นเพื่อนก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหายถ้าเราไม่หลงเชื่อซะอย่าง แต่ในความเป็นจริง ถ้ามีแอ็กเคานต์ประเภทนี้เพิ่มเพื่อนมาก็ต้องระวังให้มากเช่นกัน เพราะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสเข้ามาสอดส่องแอ็กเคานต์โซเชียลมีเดียของเรา ด้วยจุประสงค์ที่ไม่หวังดี คือเข้ามาเพื่อศึกษาว่าเรามีไลฟ์สไตล์การเล่นโซเชียลมีเดียอย่างไร ชอบโพสต์อะไร เวลาโพสต์บ่นนู่นนั่นนี่ใช้สำนวนประมาณไหน ชอบไปที่ไหนทำอะไร หรือตั้งใจเข้ามาเอารูปภาพของเราเพื่อไปใช้ในการสร้างบัญชีปลอมของมิจฉาชีพ แล้วเอาไปหลอกลวงคนอื่นอีกทีก็ได้ กว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็เสียหายไปเยอะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
6 อาหารว่างของหนุ่มออฟฟิศ กินได้เรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวอ้วน
หนุ่มออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน โดยไม่มีการออกกำลังกายมากนัก สิ่งสำคัญสำหรับคุณหนุ่ม ๆ เหล่านี้ คือ ต้องเลือกของว่างที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ ซึ่งสามารถช่วยควบคุมระบบย่อยอาหารได้ เนื่องจากการนั่งเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการท้องผูกได้ เราจึงขอแนะนำ 6 ของว่างที่มีประโยชน์ ทานอร่อย ไม่อ้วน ซึ่งก็มีดังนี้ค่ะ
1.นมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ต
ตัวเลือกของว่างที่ดีต่อสุขภาพ ควรใช้รสธรรมชาติที่มีน้ำตาลน้อยกว่า การหลีกเลี่ยงปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไป ทำให้คุณสามารถรักษาสมดุลของอาหารได้ และทดแทนความหวานด้วยน้ำผึ้งหรือผลไม้สดแทน การบริโภคโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวสามารถช่วยในการย่อยอาหาร โดยเฉพาะโยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติก ซึ่งสนับสนุนระบบย่อยอาหารและกระตุ้นการทำงานของลำไส้
2.แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเขียวมีเส้นใยสูง ประมาณ 4.4 กรัมต่อผล และเป็นผลไม้ที่สามารถรับประทานพร้อมเปลือกได้เลย โดยเฉพาะแอปเปิ้ลเขียว มีรสเปรี้ยวมากกว่าแอปเปิ้ลแดง จึงมีน้ำตาลน้อยกว่า การรับประทานแอปเปิ้ลเขียว สามารถช่วยเรื่องการย่อยอาหารตามธรรมชาติได้
3.กล้วยน้ำว้า
กล้วยน้ำว้าสุก ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความหิวเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์เพิ่มเติมในการช่วยย่อยอาหาร เป็นเพราะปริมาณเส้นใยที่ละลายน้ำได้ ซึ่งส่งเสริมการเคลื่อนไหวของลำไส้เป็นประจำ การบริโภคกล้วยเพียง 2 ผลต่อวัน สามารถช่วยป้องกันอาการท้องผูก และให้แหล่งใยอาหารที่ดี
4.เม็ดแมงลัก
เมล็ดแมงลัก สามารถบริโภคได้หลายแบบ หรือเติมในน้ำผลไม้ 1 แก้ว เพียง 2 ช้อนชา สามารถช่วยปรับปรุงการย่อยอาหาร และบรรเทาอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันน้ำหนักเพิ่มได้อีกด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แนะนำให้รับประทานเป็นของว่าง เนื่องจากจะช่วยให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ดีขึ้น
5.ลูกพรุน
เมนูลูกพรุนช่วยในการการย่อยอาหาร การเพิ่มลูกพรุนเล็กน้อยลงในอาหารว่าง ยังช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้ดี ลูกพรุนเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยสูง ไขมันต่ำ แคลอรี่ต่ำ และเต็มไปด้วยแร่ธาตุ
6.ข้าวโพด
ข้าวโพดเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็น นอกจากคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ข้าวโพดยังมีเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารและช่วยควบคุมระบบย่อยอาหารอีกด้วย นอกจากนี้ ข้าวโพดยังมีใยอาหารสูง จึงเป็นทางเลือกอาหารที่น่าพึงพอใจและอิ่มท้อง การรับประทานข้าวโพดไม่เพียงแต่ให้สารอาหารที่จำเป็นเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมระบบย่อยอาหารที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย
หนุ่มออฟฟิศต้องเผชิญความเครียดทั้งวัน จึงต้องมีของว่างไว้คลายเครียด ขณะทำงานช่วงบ่าย ต้องไม่ตามใจตัวเองมากจนน้ำหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าคุณต้องการของว่างที่มีประโยชน์ แนะนำเมนูทั้ง 5 นี้ เหมาะสำหรับหนุ่มออฟฟิศที่ต้องการลดน้ำหนัก รับประทานได้มั่นใจ ไม่อ้วนแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17/04/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 41,350.00 | 41,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,678.00 | 40,598.48 | 41,950.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,410.20 | 36,538.63 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,142.40 | 32,478.78 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,205.00 | 18,267.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 937.00 | 14,204.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,775.00 | 42,069.00 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17/04/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 39.95 | 39.95 | 40.95 | 39.95 | 39.95 | 39.95 | 39.95 | 39.95 | 39.95 | 39.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.48 | 38.48 | 39.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.84 | 37.84 | 38.84 | 37.84 | 37.84 | – | 37.84 | 37.84 | 37.84 | 37.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 37.59 | 37.59 | – | – | – | – | – | – | – | 37.59 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 47.64 | 49.44 | 49.44 | 49.44 | – | – | – | – | – | 47.64 |
เบนซิน 95 | 47.84 | – | – | – | 49.01 | – | 48.34 | 47.99 | – | 47.84 |
ดีเซล B7 | 30.44 | 30.44 | 31.34 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 |
ดีเซล | 30.44 | 30.44 | – | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 |
ดีเซล B20 | 30.44 | 30.44 | – | – | 30.44 | – | – | – | – | 30.44 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.44 | 44.64 | 44.84 | 44.64 | 44.64 | – | – | – | – | 42.44 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |