‘ศุภาลัย’ มอบของขวัญ ฉลองครบรอบ 35 ปี ‘Supalai Happy Birth Deal ตามใจ’
“ศุภาลัย” มอบของขวัญ ฉลองครบรอบ 35 ปี “Supalai Happy Birth Deal ตามใจ” ซื้อบ้านและคอนโดฯ พร้อมรับส่วนลด 3.5% สูงสุดถึง 3.5 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 ก.ย. 67 เท่านั้น
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัทฯ ขอส่งมอบของขวัญสุดพิเศษ Supalai Happy Birth Deal ตามใจ ให้กับลูกค้าที่ซื้อบ้านและคอนโดฯ เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองและตอกย้ำถึงความทุ่มเทของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ตามแนวคิด Built for Real Life พร้อมการมอบส่วนลดครั้งใหญ่ในโอกาส บมจ.ศุภาลัย ครบรอบ 35 ปี และมีแค่ครั้งเดียวที่ให้ส่วนลดทั้งบ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมที่เข้าร่วมรายการ และเชื่อว่าเป็นแคมเปญโปรโมชันครั้งใหญ่ที่ลดเยอะ ลดจริงของทางบริษัทฯ จะสามารถกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยให้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้ร่วมกับมาตรการซื้อที่อยู่อาศัยของภาครัฐได้ โดยคาดว่าจะช่วยให้ยอดจองบ้านและคอนโดฯ กลับมาคึกคักอีกครั้ง
หากคิดว่าโปรโมชันครั้งนี้ ศุภาลัย จะมอบของแถมเมื่อลูกค้าซื้อบ้านและคอนโดฯ รับเลยทันทีแพ็กเกจท่องเที่ยว เฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน ทองคำ โทรศัพท์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า คิดผิด! เพราะของแถมแบบนี้ ไม่ได้ถูกใจลูกค้าทุกคน…พร้อมส่งโปรโมชันลดครั้งใหญ่ “Supalai Happy Birth Deal ตามใจ” ครบรอบ 35 ปี รับเลยส่วนลด 3.5% สูงสุดถึง 3.5 ล้านบาท ขอตามใจลูกค้าให้สามารถนำส่วนลดที่ได้ ไปช้อป ไปใช้ได้ตามต้องการ พร้อมฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์, ค่ามิเตอร์ไฟฟ้า-น้ำ, ค่าส่วนกลาง 1 ปีแรก หากลูกค้ากู้ไม่ผ่าน ยินดีคืนเงิน* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)
ร่วมฉลองครบรอบ 35 ปี “Supalai Happy Birth Deal ตามใจ” ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2567 เท่านั้น เฉพาะบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมที่ร่วมรายการ สามารถเยี่ยมชมโครงการที่สนใจได้แล้ววันนี้ ณ สำนักงานขายศุภาลัยทั่วประเทศ และสามารถตรวจสอบรายชื่อโครงการเข้าร่วมรายการได้ ที่นี่ และ เฟซบุ๊ก หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.1720
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
BEM ฟันกำไรสัญญาสัมปทาน “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” แสนล้าน
เปิดสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม 34 ปี BEM ฟันกำไร 1.1 แสนล้านบาท กวาดรายได้ 316,719 ล้านบาท จ่ายค่าตอบแทนรัฐแค่ 1 หมื่นล้าน ด้าน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จี้ คมนาคม-รฟม. คุมต้นทุน
คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมามีมติเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่า 1.4 แสนล้านบาท รวมก่อสร้างอายุสัมปทาน 34 ปี โดย บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นผู้ชนะการประมูล
ขณะที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ตรวจสอบพบว่า สัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานอัยการสูงสุดที่เสนอให้ครม.พิจารณา ยังไม่ได้ปรับแก้ไขให้ตรงกับผลการเจรจา เช่น อัตราค่าโดยสาร ยังคงระบุอัตราค่าโดยสารเดิมที่ 20-62 บาท ทั้ง ๆ ที่ได้มีการเจรจาปรับลดลงมาเหลือ 17-22 บาท
สลค. จึงเสนอให้ รฟม. แก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ ให้สอดคล้องกับผลการเจรจา เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการ และป้องกันข้อพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเร่งรัดลงนามสัญญากับ BEM ภายในวันที่ 18 ก.ค.นี้ หลังจากนั้นเอกชนจะสามารถเข้าดำเนินการในพื้นที่โครงการได้ทันที
“ยืนยันว่าในการประชุมครม.ครั้งนี้ไม่มีการคัดค้าน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นด้วยและสนับสนุนให้โครงการเดินหน้าต่อได้ ส่วนการเปิดให้บริการโครงการฯเร็วกว่าปี 2571 นั้น จะต้องเจรจาหารือร่วมกับ BEM ก่อนว่าเป็นอย่างไร โดยยืนยันว่ารถไฟฟ้าสายนี้จะเป็นหนึ่งในโครงการที่เข้าร่วมนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งจะใช้เงินอุดหนุนชดเชยจากกองทุนระบบตั๋วร่วม” นายสุริยะ กล่าว
BEM กวาดกำไรสัมปทานแสนล้าน
กระทรวงคมนาคมยังรายงานให้ที่ประชุมครม.ทราบว่า BEM ได้เสนอวงเงินสนับสนุนค่างานโยธาขอรับจากรฟม. รวมเงินสนับสนุนค่างานโยธาขอรับจากรฟม.รวม 95,432.04 ล้านบาทประกอบด้วย ค่างานก่อสร้างงานโยธา 91,500 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ยระหว่างก่อสร้าง 3,932.04 ล้านบาท
ขณะที่ BEM จะมีค่าใช้จ่ายรวม 200,031 ล้านบาท ประกอบด้วย การลงทุนค่าระบบรถไฟฟ้าและการให้บริการเดินรถรวม 190,031 ล้านบาท และจะจ่ายเงินตอบแทนให้แก่รฟม. ในปีที่ 14-34 รวม 10,000 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้จากค่าโดยสารตลอดอายุสัญญาประเมินว่าจะอยู่ที่ 316,719 ล้านบาท
หากคำนวณจากค่าใช้จ่ายรวมของ BEM ตามประมาณการที่ 200,031ล้านบาท และรายได้รวม 316,719 ล้านบาท จะทำให้ผลการดำเนินงานของ BEM รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย 116,688 ล้านบาท
10 ปีแรกลดค่าโดยสารเหลือ 17-44 บาท
กระทรวงคมนาคม ยังรายงานให้ครม.รับทราบว่า คณะกรรมการคัดเลือกโครงการฯได้เจรจากับ BEM เพื่อต่อรองเงื่อนไขเพิ่มเติม 3 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 65 วันที่ 21 ก.ย. 2565 และวันที่ 23 กันยายน 2565 ใน 5 ประเด็น ได้ผลสรุป ดังนี้
1.การปรับเพิ่มค่าตอบแทนให้รฟม. ทาง BEM ยืนยันว่าไม่สามารถปรับเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่รฟม.ได้
2. ค่าใช้จ่ายระหว่างการเตรียมทดสอบระบบร่วม และการส่งมอบงานโยธาส่วนตะวันออก ทาง BEM แจ้งว่าหากการทดสอบล่าช้ากว่าแผน (มี.ค. 2569) BEM จ่ายค่าใช้จ่ายแก่ รฟม.ประมาณ 40-50 ล้านบาท/เดือน
3.การปฎิบัติตามสัญญาร่วมลงทุน ฝ่าย BEM ยินดีปฏิบัติตาม
4. การปรับลดเงินสนับสนุนจาก รฟม. ทาง BEM ไม่สามารถปรับลดได้
5. การปรับลดค่าโดยสารทาง BEM ยินดีลดค่าโดยสารเป็นเวลา 10 ปี นับจากวันที่เปิดให้บริการส่วนตะวันออก โดยจะลดค่าแรกเข้าจากเดิม 17 บาทเหลือ 15 บาท และค่าโดยสารเดิมจาก 20-62 บาท เหลือ 17-44 บาท ซึ่งการลดค่าโดยสารจะช่วยลดค่าใช้จ่ายประชาชนหรือภาระการสนับสนุนของรัฐกว่า 13,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนลงทุนเกิน 9.75% BEM จ่ายค่าต๋งเพิ่ม
สำหรับเงื่อนไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ระบุว่า รฟม.จะเป็นผู้รับผิดชอบการค่างานโยธาช่วงตะวันตก โดย BEM ตกลงแบ่งเงินรายได้ให้รฟม.ในระยะที่ 2 ของสัญญา จำนวน 10,000 ล้านบาท เมื่อผู้ร่วมลงทุนมีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) จากการดำเนินโครงการฯเกินกว่า 9.75% ผู้ร่วมลงทุนตกลงแบ่งเงินตอบแทนให้ รฟม. (ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ดังนี้
1.หากในปีนั้น ผู้ร่วมลงทุนได้รับผลตอบแทนการลงทุน (Equity IRR) เกินกว่า 9.75% แต่ไม่เกิน11% ผู้ร่วมลงทุนจะแบ่งเงินตอบแทนให้ รฟม. ในปีนั้นในอัตรา 50% ของกระแสเงินสดสุทธิส่วนที่ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนเกินกว่า 9.75% แต่ไม่เกิน11%
2. หากในปีนั้นผู้ร่วมลงทุนได้รับผลตอบแทนการลงทุน (Equity IRR) เกินกว่า 11% แต่ไม่เกิน 15% ผู้ร่วมลงทุน จะแบ่งเงินตอบแทนให้ รฟม. ในปีนั้นในอัตรา 60% ของกระแสเงินสดสุทธิส่วนที่ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนเกินกว่า 11% แต่ไม่เกิน 15%
3. หากในปีนั้นผู้ร่วมลงทุนได้รับผลตอบแทนการลงทุน (Equity IRR) เกินกว่า 15% ผู้ร่วมลงทุนจะแบ่งเงินตอบแทนให้รฟม.ในปีนั้นในอัตรา 75% ของกระแสเงินสดสุทธิส่วนที่ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนเกินกว่า 15%
สลค.จี้คมนาคมคุมค่าเวนคืน 1.4 หมื่นล้าน
อย่างไรก็ตาม สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ยังมีข้อสังเกตุเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ว่า ปัจจุบันโครงการได้ประสบปัญหาความล่าช้าในการดำเนินการ เนื่องจากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นในขั้นตอนการคัดเลือกเอกชน หลังจากครม. มีมติเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและเงื่อนไขของสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ ในครั้งนี้แล้ว
เห็นควรให้คณะกรรมการกำกับดูแลตามมาตรา 43 แห่ง พ.ร.บ. การร่วมลงทุนฯ พ.ศ.2562 กำกับดูแล ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาร่วมลงทุนโครงการอย่างเคร่งครัด และรัดกุม
ส่วนแผนการส่งมอบพื้นที่แก่ผู้ร่วมลงทุนนั้น สลค. เห็นว่า กระทรวงคมนาคมควรกำกับการสำรวจอสังหา ริมทรัพย์ การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และการส่งมอบพื้นที่ในโครงการฯ ส่วนตะวันตก ให้เป็นไปตามแผนการดำเนินการ รวมทั้งควบคุมให้อยู่ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 14,661 ล้านบาท เพื่อไม่ให้เป็นภาระทางการคลังของประเทศในอนาคต
เร่งผลักดันพรบ.ตั๋วร่วมรถไฟฟ้าราคาถูก
นอกจากนั้น กระทรวงคมนาคม และรฟม. ควรเร่งเสนอพระราชบัญญัติบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมพ.ศ. ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบบัตรโดยสารร่วม และโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมในระบบขนส่งสาธารณะ โดยคิดอัตราค่าแรกเข้า 1 ครั้งต่อ 1 เที่ยว สำหรับการเปลี่ยนสายรถไฟฟ้าในทุกกรณีเพื่อช่วยสนับสนุนให้ประชาชนหันมาเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้น
พร้อมกันนี้ยังเสนอให้รฟม.พิจารณาบริหารจัดการให้มีจำนวนขบวนรถ/ตู้รถเพียงพอต่อการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาเร่งด่วน (rush hour) เพราะผลการประมาณการจำนวนผู้โดยสารของโครงการฯ ในปีที่เปิดให้บริการเฉพาะส่วนตะวันออก ประมาณ 1.2 แสนคน-เที่ยว/วัน และจะเพิ่มขึ้นในปีที่เปิดให้บริการทั้งโครงการฯ ประมาณ 4.3 แสนคน-เที่ยว/วัน จากนั้นจะเพิ่มขึ้นปีละ มากกว่า 2 หมื่นคน
แต่จากการพิจารณาข้อมูลเส้นทางของโครงการฯ ที่จะเชื่อมต่อการเดินทางจากฝั่งตะวันตก-ตะวันออกของกรุงเทพฯ และยังพาดผ่านย่านใจกลางเมืองรวมทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นอีกหลายสาย แต่โครงการฯ มีจำนวนขบวนรถน้อยกว่า อาจจะไม่เพียงพอต่อการให้บริการ
นอกจากนี้กระทรวงคมนาคม และรฟม. ควรจัดทำแผนการบริหารการจราจรระหว่างการก่อสร้างงาน โยธาโครงการฯ ส่วนตะวันตก เพื่อลดผลกระทบทางการจราจรและเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ ประชาชนในพื้นที่ดำเนินโครงการ นอกจากนี้ เนื่องจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ดำเนินการในพื้นที่จำกัดและมีประชาชนอยู่บริเวณโดยรอบโครงการ โดยให้กระทวงคมนาคม และรฟม.กำกับดูแลการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิดและเข้มงวด
กังขาสัญญาสัมปทานไม่แก้ค่าโดยสารใหม่
สลค. ยังระบุถึงเจรจาต่อรองเพิ่มเติมกับ BEM ในเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ของรัฐ เช่น BEM ตกลงรับภาระค่าใช้จ่ายในการเตรียมการ สำหรับการทดสอบระบบรวมและการส่งมอบงานให้กับผู้ร่วมลงทุนงานโยธาส่วนตะวันออก ที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่การทดสอบระบบร่วมล่าช้ากว่าแผนงานที่กำหนด (ภายหลังเดือนมีนาคม 2569) และตกลงลดอัตราค่าโดยสารเป็นระยะเวลา 10 ปี นับจากวันที่เปิดให้บริการโครงการฯ ส่วนตะวันออก
แต่ปรากฏว่าเงื่อนไขของสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ ที่เสนอครม.ในครั้งนี้ ยังไม่ได้ปรับแก้ไขให้ตรงกับผลการเจรจา เช่น อัตราค่าโดยสาร ยังคงระบุอัตราค่าโดยสารเดิมก่อนการเจรจา (อัตรา 17-22 บาท) ดังนั้น รฟม. จึงควรพิจารณาปรับแก้ไข สัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ ให้สอดคล้องกับผลการเจรจา เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการ และป้องกันข้อพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17ก.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.01 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัย ทั้งจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันดิบ โฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินเยน นักลงทุนต่างชาติอาจยังทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม จนกว่าตลาดทุนไทยจะเรียกความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนให้กลับมา
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17ก.ค.2567 ที่ระดับ 36.01 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.11 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาทจนทดสอบโซนแนวรับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น เหนือความคาดหมายพอสมควร เนื่องจากรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ก็ออกมาดีกว่าคาด
อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และราคาทองคำในช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้เราเชื่อว่า ตราบใดที่ผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังว่าเฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ (โอกาสจาก CME FedWatch Tool ควรเกิน 60%) เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจมี Upside ที่จำกัด หรืออาจปรับตัวขึ้นไม่ได้มาก จนกว่าตลาดจะเลิกเชื่อในมุมมองดังกล่าว
ทั้งนี้ แม้ว่าเงินบาทจะสามารถแข็งค่าทดสอบโซนแนวรับสำคัญได้ แต่เรามองว่า การแข็งค่าต่อยังคงเป็นไปอย่างจำกัด จนกว่าตลาดจะมีการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเราประเมินว่า แนวรับถัดไปของเงินบาทอาจอยู่ในโซน 35.85 บาทต่อดอลลาร์ หากเงินบาทสามารถแข็งค่าหลุดโซน 36 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน
ซึ่งในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันบ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ อย่าง น้ำมันดิบ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) หลังเงินเยนได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาทพอสมควรอีกครั้ง
นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนต่างชาติก็อาจยังสามารถทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้ จนกว่าตลาดทุนไทยจะเรียกความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนให้กลับมาได้ ซึ่งอาจต้องรอลุ้นให้ผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.85-36.15 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา แม้ว่าโดยรวมเงินบาทจะมีทิศทางแข็งค่าขึ้น ทว่าก็มีการเคลื่อนไหวที่ผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในช่วง 36.00-36.19 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว
ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ในช่วงแรกผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งของเฟดในปีนี้ลงมาบ้าง
อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์กลับแข็งค่าอยู่ได้ไม่นานก็เริ่มเผชิญแรงขายทำกำไร ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ได้แรงหนุนจากทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาสดใส และ
มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่าเฟดมีโอกาสราว 63% ในการลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่โซน 2,460-2,470 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้บรรดาผู้เล่นในตลาดได้ทยอยขายทำกำไรทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนให้เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องทดสอบโซนแนวรับสำคัญ 36.00 บาทต่อดอลลาร์
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) หนุนโดยรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาดีกว่าคาด ลดความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวลงหนักไปได้บ้าง
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ยังได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด อาทิ BofA +5.4% หนุนให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.64% แม้ว่าบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่จะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาบ้างก็ตาม
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.28% ตามความกังวลแนวโน้มผลประกอบการของบรรดาหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมที่ยังคงกดดันให้ หุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบและราคาแร่โลหะพื้นฐานจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจจีนก็มีส่วนกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ของยุโรป อาทิ TotalEnergies -1.6%, Rio Tinto -2.3%
ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่ารายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ล่าสุดจะออกมาดีกว่าคาด หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีจังหวะรีบาวด์ขึ้นสู่โซน 4.20% ทว่า มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงประเมินว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้
(โอกาส 63% จาก CME FedWatch Tool ล่าสุด) ได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาย่อตัวลงสู่โซน 4.17% ซึ่งเป็นระดับก่อนตลาดรับรู้รายงานยอดค้าปลีก จากความเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงนี้
ทำให้ เราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจยังคงแกว่งตัว sideways ไปก่อน โดยมีโซนแนวรับที่สำคัญแถว 4.15% ซึ่งเรามองว่า ตลาดอาจรอจับตาผลการประชุมเฟด รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในช่วงปลายเดือน-ต้นเดือนหน้า
ก่อนที่จะมีการปรับสถานะถือครองบอนด์ระยะยาวที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีการเคลื่อนไหวชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า ในทุกๆ จังหวะการรีบาวด์ขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเป็นจังหวะที่น่าพิจารณา “Buy on Dip” บอนด์ระยะยาวได้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเร็วและแรงตามรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ทว่าภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงคาดหวังว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ ก็กดดันให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 104.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.2-104.5 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่โซน 2,470-2,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำเพิ่มเติม ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI เดือนมิถุนายน
ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 6.25% เพื่อลดแรงกดดันจากค่าเงินรูเปียะห์ (IDR) แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของอินโดนีเซียจะชะลอลงต่อเนื่องเข้าใกล้เป้าหมายของ BI แล้วก็ตาม
ในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book)
และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนก็จะเป็นสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดให้ความสนใจเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อายากะ ซิวแชมป์เมเจอร์แรก โปรแพ๊ตตี้ คว้าที่ 3 สวิง เอวิยองฯ
อายากะ ฟุรุเอะ สวิงสาวญี่ปุ่น กลายเป็นสาวญี่ปุ่นคนที่ 4 รับแชมป์เมเจอร์ ด้วยการจบสกอร์ 19 อันเดอร์พาร์ 265 รับโทรฟี่แชมป์ พร้อมเงินรางวัล 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
การแข่งขันกอล์ฟ รายการ เอวิยอง แชมเปี้ยนชิพ ที่ประเทศฝรั่งเศส อายากะ ฟุรุเอะ สวิงสาวญี่ปุ่น รับแชมป์ ด้วยการจบสกอร์ 19 อันเดอร์พาร์ 265 ขณะที่ สเตฟานี่ ไคเรียคู จากออสเตรเลีย คว้าอันดับ 2 สกอร์รวม 18 อันเดอร์พาร์ 266 ปภังกร ธวัชธนกิจ สวิงสาวไทยคว้าอันดับ 3 ด้วยสกอร์รวม 17 อันเดอร์พาร์ 267 หลังจบการแข่งขันรอบสุดท้ายเมื่อช่วงค่ำของวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฏาคม 2567 ตามเวลาประเทศไทย (LPGA Tour)
ด้านสวิงสาวไทยคนอื่น ปาจรีย์ อนันต์นฤการ คว้าอันดับ 6 (-11) ชเนตตี วรรณแสน รับอันดับ 17 ร่วม (-7) เอรียา จุฑานุกาล จบอันดับ 35 ร่วม (-4) จัสมิน สุวัณณะปุระ อันดับ 44 ร่วม (-2) และ อาภิชญา ยุบล อันดับ 67 (+12)
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
เวียนศีรษะบ้านหมุน… ทำไม? คนเป็นกันเยอะ!
เผยที่มาอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน… ทำไม? คนเป็นกันเยอะ!
เคยไหม? อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเหมือนโลกหมุนรอบตัว เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน เป็น ๆ หาย ๆ อยู่หลายวัน อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของ “โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน”
สาเหตุการเกิดโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน ส่วนใหญ่มาจากความเสื่อมของอวัยวะในหูชั้นใน จึงมักพบโรคนี้ในผู้สูงอายุ นอกจากนี้การเกิดอุบัติเหตุศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน หูชั้นในอักเสบติดเชื้อ หรือเคยผ่าตัดที่หูชั้นกลางและชั้นใน ก็อาจทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
โรคนี้จะมีอาการเฉพาะคือ เวียนศีรษะบ้านหมุนขณะเปลี่ยนท่าทางของศีรษะ ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นทันทีทันใดแค่ช่วงสั้น ๆ แล้วอาการจะค่อย ๆ หายไป เช่น ขณะที่ล้มตัวลงนอน ลุกจากที่นอน พลิกตัวในที่นอน หรือก้มเงย อาการจะเป็น ๆ หาย ๆ เพราะเมื่อมีการขยับศีรษะในท่าเดิมก็จะทำให้มีอาการเกิดขึ้นได้อีก แต่จะไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก
หากผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะรุนแรง อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย แต่โรคนี้จะไม่พบอาการหูอื้อ สูญเสียการได้ยินหรือมีเสียงผิดปกติในหู อาการทางระบบประสาท อาการแขนขาชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย อาการเวียนศีรษะที่เกิดจากโรคนี้อาจเป็นได้หลาย ๆ ครั้งต่อวัน มักเป็นอยู่หลายวันแล้วจะค่อย ๆ ดีขึ้น ใช้เวลานานเป็นสัปดาห์หรือเดือน และอาจกลับเป็นซ้ำได้อีก
การรักษาโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน แพทย์จะรักษาตามอาการผู้ป่วย ด้วยการให้ยาทานบรรเทาอาการเวียนศีรษะ หรือการทำกายภาพบำบัดเพื่อเคลื่อนตะกอนหินปูนให้กลับเข้าที่ หากอาการยังไม่ดีขึ้นแพทย์อาจใช้วิธีการผ่าตัดรักษา ซึ่งการผ่าตัดจะได้ผลดีและไม่กลับมาเวียนศีรษะอีก
แผนกหู คอ จมูก โรงพยาบาลรามคำแหง อธิบายถึงโรคหินปูนในหูชั้นในกับอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน คลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2TvKpJT
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ประโยคขอร้องในภาษาอังกฤษ ใช้ยังไงให้สุภาพ
ประโยคขอร้องแบบสุภาพในภาษาอังกฤษ
ขอร้องอย่างสุภาพ โดยขึ้นต้นว่า Would you please…?
ตัวอย่างเช่น
- Would you please pass me the salt?
คุณช่วยส่งเกลือให้ฉันหน่อยได้ไหม
- Would you please help me with this heavy box?
คุณช่วยฉันยกกล่องหนักๆ นี้หน่อยได้ไหม?
ขอร้องอย่างสุภาพ โดยขึ้นต้นว่า Could you please…?
ตัวอย่างเช่น
- Could you please turn off the lights when you leave the room?
คุณช่วยปิดไฟเมื่อออกจากห้องได้ไหม?
- Could you please send me the email attachment again?
คุณช่วยส่งไฟล์แนบอีเมลมาให้ฉันอีกครั้งได้ไหม
ขอร้องอย่างสุภาพ โดยขึ้นต้นว่า Would you mind…?
ตัวอย่างเช่น
- Would you mind closing the window? It’s getting chilly in here.
คุณช่วยปิดหน้าต่างให้หน่อยได้ไหม? ที่นี่อากาศเริ่มหนาวแล้ว
- Would you mind lending me your pen for a moment?
คุณช่วยให้ฉันยืมปากกาของคุณสักครู่ได้ไหม?
ขอร้องอย่างสุภาพ โดยขึ้นต้นว่า Do you mind…?
ตัวอย่างเช่น
- Do you mind if I borrow your car for a few hours?
คุณรังเกียจไหมถ้าฉันขอยืมรถของคุณสักสองสามชั่วโมง?
- Do you mind turning down the volume on the TV? I’m trying to study.
คุณช่วยลดระดับเสียงของทีวีลงได้ไหม? ฉันกำลังพยายามเรียน
ขอร้องอย่างสุภาพ โดยขึ้นต้นว่า Could you possibly…?
ตัวอย่างเช่น
- Could you possibly lend me a hand with moving this furniture?
คุณช่วยฉันย้ายเฟอร์นิเจอร์นี้หน่อยได้ไหม?
- Could you possibly give me a ride to the airport on Saturday.
คุณช่วยไปส่งฉันที่สนามบินในวันเสาร์ได้ไหม
ขอร้องอย่างสุภาพ โดยขึ้นต้นว่า Would you kindly…?
ตัวอย่างเช่น
- Would you kindly wait a moment while I finish this task?
คุณช่วยรอสักครู่ในขณะที่ฉันทำงานนี้ให้เสร็จได้ไหม?
- Would you kindly turn off your cell phone during the movie?
คุณช่วยปิดโทรศัพท์มือถือของคุณระหว่างดูหนังได้ไหม?
ขอร้องอย่างสุภาพ โดยขึ้นต้นว่า Can I ask you to…?
ตัวอย่างเช่น
- Can I ask you to teach me how to use this software program?
ฉันขอให้คุณสอนวิธีใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์นี้ให้ฉันได้ไหม
- Can I ask you to forgive me for my mistake?
ฉันขอให้คุณยกโทษให้ฉันในความผิดพลาดของฉันได้ไหม?
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
ชวนสัมผัส ‘ดินดวงจันทร์จากยานฉางเอ๋อ 5’ แบบใกล้ชิด ในงาน อว. แฟร์
กลุ่มธุรกิจ TCP –NARIT ร่วมกับ องค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน ปลุกพลังให้คนไทยสนใจวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม นำ “ดินดวงจันทร์จากยานฉางเอ๋อ 5” มาจัดแสดงนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรก ในงาน อว. แฟร์
กลุ่มธุรกิจ TCP ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์กระทิงแดง (เรดบูล) เรดดี้ โสมพลัส สปอนเซอร์ แมนซั่ม ไฮ่! เพียวริคุ ซันสแนค และวอริเออร์ และสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NARIT) ร่วมกับ องค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน (China National Space Administration: CNSA) ปลุกพลังให้คนไทยสนใจวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
นำ “ดินดวงจันทร์จากยานฉางเอ๋อ 5” มาจัดแสดงนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรก ในบูทนิทรรศการ Empowering Thailand through FRONTIER RESEARCH presented by TCP Group จัดโดย NARIT ในงาน อว. แฟร์ บริเวณโซน F ตั้งแต่วันที่ 22-28 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
นอกจาก ‘ดินดวงจันทร์จากยานฉางเอ๋อ 5’ แล้ว กลุ่มธุรกิจ TCP และ NARIT ยังชวนทุกคนท่องไปในโลกแห่งอวกาศโดยทุกท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีอวกาศยาน ไม่ว่าจะเป็น กล้องโทรทรรศน์ความแม่นยำสูง เทคโนโลยีอวกาศ ต้นแบบดาวเทียมวิจัยฝีมือคนไทย เทคโนโลยีทัศนศาสตร์และโฟโตนิกส์ เทคโนโลยีแมคคาโทรนิกส์ เทคโนโลยีคลื่นวิทยุและสัญญาณดิจิทัล วิทยาศาสตร์บรรยากาศ และเทคโนโลยีการขึ้นรูปชิ้นงานความละเอียดสูง เป็นต้น เพื่อปลุกพลังสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยหันมาสนใจวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผ่านการเรียนรู้ และตื่นตาตื่นใจไปกับงานวิจัยทางดาราศาสตร์ระดับแนวหน้าสุดล้ำของ NARIT
ชวนไปดู ‘ดินดวงจันทร์จากยานฉางเอ๋อ 5’ แบบใกล้ชิด และตื่นตากับผลงานการใช้โจทย์ดาราศาสตร์สุดล้ำ ที่บูทนิทรรศการ Empowering Thailand through FRONTIER RESEARCH presented by TCP Group สอดคล้องกับเป้าหมาย “ปลุกพลัง เพื่อวันที่ดีกว่า” ที่ต้องการสร้างแรงบันดาลใจปลุกพลังให้คนไทยสนใจในวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม และแสดงออกเชิงสัญญะว่าคนไทยสามารถตั้งเป้าหมายไม่ต่างจากนานาชาติ ที่จะขยายขีดจำกัดด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเรา
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
รู้จัก “ผักเกล็ดหิมะ” ผักน้องใหม่ กินได้ทั้งแบบสุก และสด รสชาติดี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผักเกล็ดหิมะ (Crystal Ice Plant) ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในหมู่คนรักสุขภาพ ด้วยคุณประโยชน์นานัปการ รสชาติ และเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ ผักชนิดนี้จึงได้รับฉายาว่า “อัญมณีแห่งวงการผัก”
ต้นกำเนิดและการค้นพบ
ผักเกล็ดหิมะมีถิ่นกำเนิดในแถบแอฟริกาใต้ คาบสมุทรไซนาย และยุโรปตอนใต้ ว่ากันว่าผู้นำมาปลูกครั้งแรกพบกับผักชนิดนี้ปะปนมากับทราย จึงนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ ด้วยความสวยงามของใบที่คล้ายเกล็ดหิมะปกคลุมอยู่เสมอ ต่อมาจึงมีการค้นพบประโยชน์มากมายของผักชนิดนี้ จึงเริ่มนำมารับประทานอย่างกว้างขวาง
ลักษณะและรสชาติ
ผักเกล็ดหิมะมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Mesembryanthemum crystallinum L. เป็นพุ่มเตี้ย ลำต้นอวบน้ำ ใบค่อนข้างหนา มีรสชาติเค็มนิดๆ แต่ไม่มีกลิ่นฉุน สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย ทั้งอาหารไทยและต่างประเทศ นิยมทานคู่กับพาสต้า สลัดน้ำมันงา ผักทอดเทมปุระ หรือทานคู่กับส้มตำแบบสาหร่ายพวงองุ่น
จุดเด่นของผักเกล็ดหิมะ
ผักเกล็ดหิมะมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร คือ บนใบจะมีเซลล์พิเศษที่เรียกว่า “แบลดเดอร์ เซลล์” (Bladder cell) ทำหน้าที่เก็บสะสมอาหาร แร่ธาตุ และน้ำ ช่วยให้ผักชนิดนี้ทนทานต่อสภาพอากาศแห้งแล้ง และยังทำให้ใบผักมีลักษณะเหมือนถูกปกคลุมด้วยเกล็ดน้ำแข็งอีกด้วย
คุณค่าทางโภชนาการ
ผักเกล็ดหิมะจัดเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยแคลเซียม โพแทสเซียม เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินเค วิตามินซี วิตามินบี1, บี2, บี6, บี9 และสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายชนิด เช่น ซูเปอร์ออกไซด์ ดิสมิวเทส
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
- ป้องกันผิวหนังจากรังสียูวีซี
- ฆ่าเชื้อโรค
- เสริมสร้างกระดูก
- ป้องกันโรคหัวใจ
- ต้านเบาหวาน
- เร่งการเผาผลาญ
- บำรุงสายตา
ความนิยมในปัจจุบัน
ปัจจุบันผักเกล็ดหิมะได้รับความนิยมในหลายประเทศ เช่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เยอรมนี ในทวีปเอเชียได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น เรียกว่า “บาราฟุ” (Barafu) ส่วนในประเทศไทยเพิ่งเริ่มได้รับความนิยมเมื่อไม่นานมานี้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17/07/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 41,900.00 | 42,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,714.00 | 41,144.24 | 42,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,442.60 | 37,029.82 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,171.20 | 32,915.39 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,221.00 | 18,510.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 950.00 | 14,402.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,812.00 | 42,629.92 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17/07/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.85 | 38.85 | 39.25 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 | 38.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.48 | 38.48 | 38.88 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.74 | 36.74 | 37.14 | 36.74 | 36.74 | – | 36.74 | 36.74 | 36.74 | 36.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.49 | 36.49 | – | – | – | – | – | – | – | 36.49 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 47.44 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 47.44 |
เบนซิน 95 | 46.74 | – | – | – | 49.81 | – | 47.24 | 46.89 | – | 46.74 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |