สาระน่ารู้ประจำวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565

เปิดรายละเอียด “วันแบงค็อก”ความเป็นที่สุดอาณาจักรเจ้าสัวเจริญ1.2แสนล้าน

เปิดรายละเอียด “วันแบงค็อก”ความเป็นที่สุดอาณาจักรเจ้าสัวเจริญ1.2แสนล้าน

เปิดรายละเอียดบิ๊กโปรเจ็กต์ โครงการ“วันแบงค็อก” ลิสโฮลด์ ผืนสุดท้าบบนที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ กับความเป็นที่สุด ของอาณาจักรเจ้าสัวเจริญ1.2แสนล้าน ทำเลทองคำฝังเพชร หัวมุมถนนพระราม4ตัดกับถนนวิทยุแขวงลุมพินีเขตปทุมวันหลังนั่งร้านถล่ม

กรณีนั่งร้านไซต์งานโครงการโรงแรมหรูในโครงการวันแบงค็อก (One Bangkok)  หัวมุมถนนพระรามที่4ตัดถนนวิทยุ แขวงลุมพินีเขตปทุมวันได้ถล่มลงและล่าสุดบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน)หรือITDในฐานะผู้รับเหมาออกแถลงการณ์เมื่อวันที่16กุมภาพันธ์2565ว่ายินดีรับผิดชอบและเยียวยากับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

สำหรับ”วันแบงค็อก “อาณาจักรใหญ่เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี กับความเป็นที่สุดของการพัฒนาบนที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ที่ดินลิสโฮลด์(สิทธิการเช่า)ผืนสุดท้ายและใหญ่ที่สุดกลางใจเมืองภายใต้การลงทุนของบริษัทในเครือ “ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย)” กับ  “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย)” ในเครือทีซีซีกรุ๊ป บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของไทย

เปิดรายละเอียด “วันแบงค็อก”ความเป็นที่สุดอาณาจักรเจ้าสัวเจริญ1.2แสนล้าน

เปิดรายละเอียดความเป็นที่สุดในประเทศไทยของโครงการวัดแบงค็อก

1.โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่(พัฒนาแบบผสมผสาน)สุดในประเทศไทย พื้นที่1.89ล้านตารางเมตร

2.ที่ดินแปลงลิสโฮลด์หรือสิทธิ์การเช่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเนื้อที่104ไร่ ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองศูนย์กลางธุรกิจสำคัญยากยิ่งที่จะมีที่ดินแปลงใดเทียบเคียง

3.ระยะเวลาการเช่ายาวที่สุด60ปี

2. มูลค่าพัฒนาโครงการสูงที่สุดในประเทศไทยมูลค่า1.2แสนล้านบาท

3. พัฒนาอาคารสูงที่สุดในประเทศไทย “ Signature Tower” ที่ความสูง 437.03 เมตรหรือกว่า90ชั้น

4.เป็นที่ตั้งของโรงแรมแบรนด์เดอะริทช์-คาร์ลตันแห่งแรกในกรงเทพมหานคร

5.ภายในโครงการมีโรงแรมสุดหรูรวมกันมากที่สุดถึง5แห่ง

 6.แลนด์มาร์คใหม่ของประเทศไทยและแลนด์มาร์คใหญ่เทียบเคียงมหานครระดับโลก

7.จุดศูนย์รวมบริษัทชั้นนำ นักท่องเที่ยว และคนไทยด้วย อาคารสำนักงานเกรดเอ พื้นที่รีเทลชั้นนำ โรงแรมระดับลักชัวรี่ และ ที่พักอาศัย

8.อาคารออกแบบตามมาตรฐาน LEED และ WELL

เปิดรายละเอียดกลุ่มอาคารภายในวันแบงค็อก

1.อาคารสำนักงานเกรดเอ 5 อาคาร กว่า 5แสนตารางเมตร รองรับบุคลากรขององค์กรชั้นำต่างๆ ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ 500 บริษัท จำนวนกว่า 5หมื่นคน

2.พื้นที่รีเทล 4 โซนรูปแบบแตกต่างกัน เชื่อมต่อถึงกันด้วยร้านค้าและร้านอาหารกว่า 450 ร้าน บนพื้นที่ 1.8แสนตารางเมตร

3. สร้างประสบการณ์รีเทลแปลกใหม่และแตกต่าง ภายในที่แห่งเดียว ถือเป็นครั้งแรกของกรุงเทพมหานคร

4.โรงแรม 5  แห่งที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่ระดับบูทีคโฮเทล โรงแรมเพื่อธุรกิจ ไปจนถึงระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ รวมกว่า 1,100 ห้อง โดยโรงแรมลักชัวรี่แห่งแรกคือ The Ritz-Carlton Bangkok เปิดให้บริการในปี 2566 โดยใช้งบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ชั้น 1 ถึงชั้น 25 ของอาคารสูง 50 ชั้น ความสูงโดยรวม 250 เมตร ประกอบด้วยห้องพัก 259 ห้อง, ห้องชุดสวีท 32 ห้องและห้อง Ritz-Carlton Suite 1 ห้อง

5.ที่พักอาศัย จำนวน 3 อาคาร ระดับอัลตร้า ลักชัวรี่ และลักชัวรี่
 

6.ผุู้รับเหมาชั้นนำร่วมงานมากที่สุด  6 บริษัทผู้รับเหมาชั้นนำระดับประเทศได้แก่

  • ไทยโอบายาชิ (บริษัท นันทวัน จำกัด) ดูแลงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน พื้นที่รีเทลและพื้นที่ไลฟ์สไตล์ บนพื้นที่ 2แสนตารางเมตร
  • อิตาเลียนไทย-ไทยทาเคนาคา (จากการร่วมทุนระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยทาเคนาคาสากลก่อสร้าง จำกัด) ดูแลงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน พื้นที่รีเทลและพื้นที่ไลฟ์สไตล์ บนพื้นที่ 2.8แสนตารางเมตร
  •   บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) ดูแลงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน อาคารที่อยู่อาศัย พื้นที่รีเทลและพื้นที่ไลฟ์สไตล์ บนพื้น 2.6แสนตารางเมตร
  •  บริษัท วิศวภัทร์ จำกัด ดูแลงานก่อสร้างโรงแรมและอาคารที่อยู่อาศัย บนพื้นที่ 8หมื่นตารางเมตร
  •  บริษัท กรณิศ ก่อสร้าง จำกัด ดูแลงานก่อสร้างโรงแรม 2 อาคาร บนพื้นที่ 4.6หมื่นตารางเมตร
  •  บริษัท ที.ที.เอส.เอ็นจิเนียริ่ง (2004) จำกัด ดูแลงานก่อสร้างศูนย์ประชุม บนพื้นที่ 3หมื่นตารางเมตร

7.ประกาศให้มิตซูบิชิ อิเล็คทริค เป็นผู้ติดตั้งและดูแลระบบลิฟต์และบันไดเลื่อน พร้อมลิฟต์แบบห้องโดยสารคู่ เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

โครงการวันแบงค็อกจะเปิดใช้พื้นที่เฟสแรกในส่วนของโรงแรมลักชัวรีในปี2566ก่อนทะยอยเปิดในเฟสต่อไปครบถ้วนสมบูรณ์ปี2570และนี่คือความยิ่งใหญ่สมชื่อเจ้าสัวเจริญ ที่จะนำพาความเจริญมาสู่พื้นที่เนรมิตเป็นย่านสำคัญที่สุดอีกแห่งของประเทศไทยและของโลกก็ว่าได้!!!

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


‘ไซมิส แอสเสท’ลุยมิกซ์ยูสหมื่นล. ปั้นแลนด์มาร์คพระราม 9

‘ไซมิส แอสเสท’ลุยมิกซ์ยูสหมื่นล. ปั้นแลนด์มาร์คพระราม 9

‘ไซมิส แอสเสท’ นับถอยหลังดีเดย์ เปิดตัวมิกซ์ยูส ทุ่มทุนหมื่นล้าน บูมแลนด์มาร์คแห่งใหม่ Landmark @MRTA Station บนทำเลพระราม 9 ลุยดึงแบรนด์ระดับโลก พัฒนาที่อยู่อาศัย

17 ก.พ.2565 – นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร  เปิดเผยว่า การพัฒนาโครงการในคอนเซ็ปต์ “มิกซ์ยูส” (Mixed-Use) เป็นหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ที่สอดรับกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่มากที่สุด ด้วยรูปแบบโครงการที่แวดล้อมที่ครบทุกมิติของการใช้ชีวิต ทำงาน ประชุมสัมมนา พักอาศัย ร้านอาหาร Co-Working Space พื้นที่กิจกรรม และคอมมูนิตี้ มอลล์ รวมทุกความสะดวกสบายไว้ครบในจุดเดียว และเมื่อตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพถนนพระราม 9 ด้วยแล้วยิ่งเป็นการสร้างมูลค่าให้กับอสังหาฯ ที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต 

“ที่ผ่านมา เราพัฒนาโครงการที่เป็นมากกว่าการอยู่อาศัย โดยเน้นการตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ลงตัว เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ให้คุณค่าทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและในด้านการลงทุน” 

‘ไซมิส แอสเสท’ลุยมิกซ์ยูสหมื่นล. ปั้นแลนด์มาร์คพระราม 9

โดย โครงการ Landmark @MRTA เป็นมิกซ์ยูส ที่พัฒนาขึ้นบนทำเลศักยภาพ ถนนพระราม 9 พื้นที่โครงการกว่า 13 ไร่ ทำเลใกล้สถานี MRTA เพียง 350 เมตร การเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างเส้นทางถนนพระราม 9, ถนนรัชดาภิเษก และถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นการรวมทุกอย่างไว้ครบภายในโครงการ ได้แก่ 

  • อาคารสำนักงาน
  • รีเทล 
  • ที่พักอาศัย 

โดยภายในโครงการนี้ ประกอบด้วย 3 อาคาร ได้แก่ อาคาร A สูง 18 ชั้น  อาคาร B สูง 38 ชั้น (Siamese Tower)  อาคาร C สูง 29 ชั้น (Siamese Residence) รวมชั้นดาดฟ้า ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 27 – 205 ตารางเมตร มูลค่าโครงการรวม 10,000 ล้านบาท

“ผลตอบแทนจากการซื้ออสังหาฯ ทั้งเพื่ออยู่เอง และการลงทุน นอกจากทำเลที่ตั้ง ตัวอสังหาฯ เช่นบ้าน คอนโด ยังต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก การเดินทาง ยังรวมถึงโอกาสการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งในต่างประเทศโครงการมิกซ์ยูส ที่มีครบทุกอย่างในโครงการ บวกกับทำเลที่โดดเด่น ทำให้เห็นแล้วว่า มูลค่าสินทรัพย์มีการเติบโตในอนาคต ไม่ว่าจะเปลี่ยนมือ หรือ ถือครองไว้อยู่ก็ตาม” 


Branded Brand จับมือแบรนด์ชั้นนำเสริมพลังธุรกิจ

ด้วยแนวคิดการพัฒนาโครงการในคอนเซ็ปต์ “มิกซ์ยูส” ในความตั้งใจของ ไซมิส แอสเสท นอกจากความสะดวกสบายแล้วยังใส่ใจถึงคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย  

“ส่วนบริการที่เกิดขึ้นภายในโครงการ บริษัทฯ ได้ร่วมกับมืออาชีพที่เป็นแบรนด์ชั้นนำ และมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการแต่ละด้านเข้ามาเป็นทำงานร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนที่อยู่ภายในโครงการได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในแบบ Exclusive Lifestyle”

‘ไซมิส แอสเสท’ลุยมิกซ์ยูสหมื่นล. ปั้นแลนด์มาร์คพระราม 9

ในส่วนของที่พักอาศัยของอาคาร A อยู่ระหว่างการพัฒนาและเจรจากับแบรนด์ระดับโลก อาทิ Crowne Plaza ในเครือของ IHG Hotels & Resorts ที่จะมาเป็นทีมช่วยดูแล บริหารงานและให้บริการ 

แต่ส่วนของ Siamese Tower ได้ข้อสรุปแล้ว เป็นอาคารที่ได้ต่อยอดและพัฒนาธุรกิจมาเป็นในรูปแบบของ Branded Residence บริหารงานโดย Cassia แบรนด์ภายใต้เครือ Banyan Tree Group ซึ่งผู้ที่พักอาศัยจะได้รับบริการ Concierge, Room Service และ บริการอื่น ๆ  รวมถึง บริหารงานดูแลส่วนกลางทั้ง Co-working Space, Retail, Cafe & Restaurant ในอาคาร พื้นที่ด้านล่าง และ ชั้น Rooftop ในมาตรฐานโรงแรมระดับ 5 ดาว สไตล์บายันทรี”

“ความร่วมมือแบรนด์มาตรฐานระดับโลกเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย ทั้งที่อยู่เอง และการลงทุนเพื่อปล่อยเช่ากับโอกาสในการรับผลตอบแทนที่คุ้มค่า”

‘ไซมิส แอสเสท’ลุยมิกซ์ยูสหมื่นล. ปั้นแลนด์มาร์คพระราม 9

ก้าวที่เติบโต ‘ไซมิส แอสเสท’

ปัจจุบัน Landmark @MRTA Station มีความคืบหน้าของการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง โดย วันที่ 28 ธ.ค. 2564 ในส่วนของ ตึก Siamese Tower หรือตึก B รวมถึง ตึก Siamese Residence หรือตึก C  มียอดจองรวมกันทั้งหมดไปแล้วเกินกว่า 50% ทั้งนี้ในส่วนของงานก่อสร้างโครงการทั้งหมด คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2567 แต่จะมีบางส่วนที่แล้วเสร็จช่วงกลางปี 2566 นี้

ในส่วนของ การเติบโตในภาพรวมของ ‘ไซมิส แอสเสท’นั้น นายขจรศิษฐ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มองถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลระหว่างสัดส่วนรายได้จากการขายและเช่า ซึ่งเป็นการปรับโมเดลธุรกิจเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงและสร้างการเติบโตได้แม้ในภาวะวิกฤต ซึ่งนอกจากพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเป็นหลัก ปรับมาสู่การให้ความสำคัญกับโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้ในกลุ่มธุรกิจเพื่อเช่าให้มากขึ้น จากที่มีรายได้ในกลุ่มอสังหาฯ เพื่อขาย เป็นสัดส่วนมากถึง 95% ส่วนอีก 5% มาจากกลุ่มอสังหาฯ เพื่อเช่า

‘ไซมิส แอสเสท’ลุยมิกซ์ยูสหมื่นล. ปั้นแลนด์มาร์คพระราม 9

ทั้งนี้ นอกจาก Landmark @MRTA Station บริษัทยังได้เตรียมเปิดโครงการ Landmark By Siamese Asset ย่านรามอินทรา ชื่อ โครงการ Landmark @รามอินทรา แกรนด์สเตชั่น และ ย่านเกษตร ชื่อโครงการ Landmark @เกษตรศาสตร์ ทุ่งสองห้องสเตชั่น ซึ่งเป็นการพัฒนาในรูปแบบของ “มิกซ์ยูส” ประกอบด้วย โรงแรม ห้องชุดพักอาศัย พื้นที่เชิงพาณิชย์ และห้องประชุม ซึ่งจะเปิดขายในมีนาคมนี้เช่นเดียวกับ Landmark @MRTA Station พระราม9 และ Cassia Residences Rama9 Bangkok ซึ่งอยู่ในอาคาร B จะมีงานใหญ่ VVIP Day เปิดขายครั้งแรก ในวันเสาร์ที่ 26 มีนาคม 2565  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บาทเปิด 32.23/25 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุดรอบ 7 เดือน

บาทเปิด 32.23/25 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุดรอบ 7 เดือน

งินบาทเปิดตลาด 32.23/25 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือน รับเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 17 กพ. 65 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.23/25 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็นวันที่ 15 กพ. ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.35 บาท/ดอลลาร์ และเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือน

เช้านี้เงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง จากปัจจัยที่ยังมี flow เข้ามาทุกวันทั้งฝั่งตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตรของไทย รวมทั้งจากที่เมื่อคืนนี้ มีการเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้ตลาดมองว่าเฟดคงไม่น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในรอบเดือนมี.ค.มากไปกว่าอัตราที่ตลาดคาดการณ์ไว้ “บาทเช้านี้ เปิดมาแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือน เพราะยังมี flow เข้ามาบ้านเราต่อเนื่องทุกวัน และเมื่อคืนนี้เฟดเปิดเผยรายงานการประชุม ที่ดูแล้วจะไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยมากไปกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ดูจากโทนแล้ว ไม่ได้ aggressive” นักบริหารเงินระบุ

ปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ รวมทั้งสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ยังคงไม่สามารถวางใจได้

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าต่อ มองกรอบไว้ที่ 32.10 – 32.35 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ไล่ต้นตอปัญหา : ทำไมโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ถึงมีกระแสบอยคอตหนักจากทั่วโลก

ไล่ต้นตอปัญหา : ทำไมโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ถึงมีกระแสบอยคอตหนักจากทั่วโลก

หนึ่งในการแข่งขันสำคัญของโลกกีฬาอย่าง มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ และสำหรับประเทศที่คุ้นชินกับกีฬาเมืองหนาว นี่คืออีกหนึ่งมหกรรมกีฬากีฬาที่คนจำนวนมากรอคอย

แต่แทนที่โอลิมปิกฤดูหนาวจะเริ่มต้นด้วยเรื่องราวน่าประทับใจ การแข่งขันที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กลับถูกควํ่าบาตรทางการทูตจากหลายชาติ เช่น สหรัฐอเมริกา หรือ สหราชอาณาจักร เนื่องจากปัญหามากมายที่รุมเร้าเจ้าภาพอยู่ในขณะนี้

Main Stand จะพาไล่ย้อนต้นตอของปัญหาที่ทำให้โอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ถูกบอยคอตจากหลายประเทศ ซึ่งชวนให้เราเข้าใจถึงความสัมพันธ์ทางการทูตอันตรึงเครียด รวมถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน

โอลิมปิกฤดูหนาวในเมืองที่ไม่มีหิมะ

ย้อนกลับไปยังปี 2014 ที่มีการคัดเลือกเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ได้มีการถอนตัวครั้งใหญ่ของบรรดาเมืองที่สนใจจะเข้ามารับหน้าที่จัดการแข่งขัน เนื่องจากต้องใช้งบประมาณในการจัดที่มหาศาลซึ่งสวนทางกับเงินสนับสนุน ส่งผลให้เหลือผู้ท้าชิงเพียงสองรายเท่านั้น คือ นครอัลมาตี ประเทศคาซัคสถาน และกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

เมื่อเห็นตัวเลือกที่เหลืออยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กรุงปักกิ่ง ย่อมได้รับตำแหน่งเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 มาอย่างไม่ยากเย็น เนื่องจากอิทธิพลและทรัพยากรของประเทศจีนที่มีมากกว่าคาซัคสถานไม่รู้กี่เท่า และจากประสบการณ์ที่เคยจัดโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 มาก่อน ดูเหมือนว่ากรุงปักกิ่งควรจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวที่ดีได้ … แต่ความจริงกลับไปเป็นเช่นนั้น

การเลือกกรุงปักกิ่งเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ถูกวิจารณ์อย่างมากจากชาวโลก รวมถึงประชาชนชาวจีนด้วยกันเอง เพราะทุกคนรู้กันดีว่า กรุงปักกิ่ง คือเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งมีสภาพอากาศแห้งเป็นอย่างมาก และในเมืองที่แทบจะไม่มีความชื้นในอากาศอย่างกรุงปักกิ่งจะส่งผลให้เมืองหลวงของประเทศจีนแทบไม่มีหิมะตกตลอดทั้งปี

“A Winter Olympics in a City Without Snow” หรือ โอลิมปิกฤดูหนาวในเมืองที่ปราศจากหิมะ จึงกลายเป็นคำวิจารณ์ที่แพร่กระจายไปทั่วโลกกีฬา เพราะเรื่องนี้จะสร้างปัญหาต่อการจัดการแข่งขันกีฬาฤดูหนาว เช่น การแข่งขันสกีซึ่งต้องพึ่งพาภูเขาที่มีหิมะจริง ๆ ซึ่งทางฝ่ายจัดการแข่งขันก็ยืนยันว่า เรื่องนี้จะไม่สร้างปัญหาต่อโอลิมปิกฤดูหนาวที่จะเกิดขึ้นแต่อย่างใด เพราะพวกเขาจะใช้ “หิมะเทียม” ซึ่งผลิตขึ้นจากทรัพยากรน้ำขึ้นมาทดแทน

แต่ถึงจะสร้างหิมะเทียมขึ้นมาได้จริง การจัดการแข่งขันสกีในโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ยังสร้างความกังวลต่อหลายฝ่ายถึงเรื่องผลกระทบต่อธรรมชาติ เนื่องจากสถานที่แข่งขันในครั้งนี้คือเขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งชาติซงซาน ซึ่งถือเป็นเขตนิเวศวิทยาที่เต็มไปด้วยพืชพรรณที่สำคัญมากมาย

โดยเฉพาะพันธุ์กล้วยไม้ที่ถูกจำแนกอยู่ในหมวดต้องอนุรักษ์ขั้นสูงสุด ซึ่งการเข้าไปปรับเปลี่ยนระบบนิเวศด้วยการเทหิมะจำนวนมหาศาล รวมถึงมนุษย์หลายร้อยชีวิตที่ต้องเข้าไปทำงานในพื้นที่แห่งนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อสัตว์และพืชในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งชาติซงซาน ซึ่งแต่เดิมเคยมีกฎหมายมากมายเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติเหล่านี้

ไม่เพียงแค่เรื่องหิมะที่เป็นปัญหา เพราะสถานที่จัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้ยังสร้างความกังวลในเรื่องของงบประมาณการเดินทาง เนื่องจากการแข่งขันทั้งหมดไม่ได้จัดขึ้นภายในกรุงปักกิ่ง แต่ยังรวมไปถึงเมืองโดยรอบที่อยู่ห่างออกไปถึง 40 ไมล์ หรือเกือบ 65 กิโลเมตร ซึ่งทางฝ่ายจัดแข่งขันได้ยืนยันว่า เรื่องนี้ก็จะไม่เป็นปัญหา เพราะพวกเขามีโครงข่ายรถไฟฟ้าความเร็วสูง ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางของนักกีฬาสามารถทำได้โดยไม่เปลืองงบประมาณ

มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 จึงถูกวิจารณ์ตั้งแต่ต้นว่า เป็นการแข่งขันกีฬาที่มีขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของบรรดาชนชั้นนำในประเทศจีน เนื่องจากกีฬาฤดูหนาวถือเป็นกีฬาที่ถูกจำกัดไว้เพียงในหมู่คนรวยของประเทศ เพราะต้นทุนในการเล่นกีฬาฤดูหนาวค่อนข้างสูง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ในจีนยังมีฐานะยากจน และกีฬาฤดูหนาวถือเป็นเรื่องที่ไกลตัวพวกเขามาก

ความต้องการที่จะจัดโอลิมปิกฤดูหนาวในกรุงปักกิ่งโดยลงมือเปลี่ยนทุกอย่างรอบตัว จึงถูกมองว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของชนชั้นนำในประเทศจีนที่มักทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ด้วยกัน หรือ ธรรมชาติรอบตัว ซึ่งนำมาสู่มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปราศจากความผูกพันกับคนในประเทศ และสร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ขนาดใหญ่

ถูกประณามจากปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน

การจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ของกรุงปักกิ่ง อาจเป็นการลงมือสร้างอีเวนต์ที่ละเลยผลกระทบกับประชาชนและธรรมชาติในพื้นที่ แต่ปัญหาเหล่านั้นนำมาเพียงเสียงวิจารณ์ตั้งต้น เพราะเหตุผลที่นำมาสู่การบอยคอตที่แท้จริงของนานาชาติ เกิดขึ้นจากการกระทำของประเทศจีนต่อผู้คนต่างรัฐ-ต่างชาติพันธุ์ ซึ่งนำมาสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง

นับตั้งแต่ปี 2015 ที่กรุงปักกิ่งได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว ในขณะนั้นประเทศจีนมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนกับชาวทิเบต ชาติพันธุ์ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณเทือกเขาทิเบตทางตะวันตกของประเทศจีน ซึ่งยืนยันว่าพวกเขายังคงเป็นรัฐอิสระและไม่ขึ้นกับประเทศจีน แม้ชาวทิเบตรวมถึงอาณาเขตของพวกเขาจะถูกรุกราน ก่อนผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีนโดยกองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์มาตั้งแต่ปี 1951 ซึ่งตลอดเวลานับแต่นั้นจีนก็มีประวัติในการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวทิเบตมาอย่างยาวนาน

กระแสต่อต้านบทบาทเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ของจีน อันเนื่องจากปัญหาสิทธิมนุษยชนกลับมารุนแรงอีกครั้งในปี 2019 หลังมีการเปิดเผยเอกสารซินเจียง (Xinjiang papers) เอกสารกว่า 400 หน้าของรัฐบาลจีนที่บันทึกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับชาวมุสลิมอุยกูร์ ชาติพันธุ์ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน โดยเอกสารซินเจียงถูกเปิดเผยโดยสองนักข่าวจาก The New York Times ซึ่งขนานนามเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า “หนึ่งในการเปิดเผยเอกสารรัฐบาลจากพรรคคอมมิวนิสต์ที่สำคัญที่สุดในรอบหลายทศวรรษ”

เนื้อหาในเอกสารซินเจียงได้กล่าวถึงนโยบายและมาตการต่อชาวอุยกูร์ซึ่งเต็มไปด้วยการลงมือเพื่อละเมิดสิทธิมนุษยชน เริ่มต้นจากบันทึกคำพูดของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่กล่าวถึงการตอบโต้ชาวอุยกูร์ในแง่ของการก่อการร้าย และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จีนจัดการกับชาวอุยกูร์โดยไร้ความปราณี รวมถึงเปรียบเทียบชาวอุยกูร์ส่วนหนึ่งที่เป็นชาวมุสลิมหัวรุนแรงว่า “แพร่ระบาดการติดเชื้อไม่ต่างจากไวรัส”

นอกจากนี้เอกสารซินเจียงยังเปิดเผยนโยบายหลายอย่างที่รัฐบาลจีนต้องการลงมือกับชาวอุยกูร์ ไม่ว่าจะเป็น การควบคุมประชากร, การสอดแนมและเฝ้าระวังพฤติกรรม และการบังคับใช้มาตรการสอบสวนภายในโดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ซึ่งจะเปิดทางให้เกิดการคุมขังชาวอุยกูร์เป็นจำนวนมาก

เอกสารซินเจียงถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เปิดทางให้บรรดามหาอำนาจแห่งโลกตะวันตก ทั้ง สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, แคนาดา และ ออสเตรเลีย ออกมาประณามการกระทำของประเทศจีนต่อชาวอุยกูร์ เพราะก่อนหน้าเอกสารนี้จะถูกเปิดเผยในปี 2019 ประเทศจีนก็ดำเนินการทำลายล้างชาติพันธุ์อุยกูร์มาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้มีชาวอุยกูร์ราวหนึ่งล้านคนที่เคยถูกคุมขังหรือตกเป็นเหยื่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐบาลจีน

การละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์ไม่ใช่ปัญหาเดียวของประเทศจีนที่ระเบิดขึ้นมาในปี 2019 เพราะก่อนที่ประเด็นร้อนทางฝั่งตะวันตกจะถูกประณามจากทั่วโลก จีนก็ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนครั้งใหญ่ต่อผู้คนในเกาะทางตะวันออกจากเหตุการณ์การประท้วงในฮ่องกง หรือ การประท้วงต่อต้านร่างรัฐบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดนฮ่องกง เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวจะเพิ่มอำนาจของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่บนเกาะฮ่องกง ที่ทำให้ชาวฮ่องกงต้องตกอยู่ภายใต้กฎหมายจากรัฐอื่น ซึ่งจะส่งผลต่ออำนาจอธิปไตยของชาวฮ่องกง

ประชาชนชาวฮ่องกงกว่า 2 แสนรายที่ออกมาชุมนุมถูกปราบปรามอย่างรุนแรงโดยรัฐบาลฮ่องกง (ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลจีน) ทำให้จำนวนผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านคน ก่อนนำมาสู่การปะทะกันระหว่างฝ่ายรัฐและผู้ชุมนุมด้วยความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 2,600 คน และมีผู้ถูกจับกุมไปมากกว่าหนึ่งหมื่นคน

ลำพังการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งต่อชาวอุยกูร์และชาวฮ่องกงก็ทำลายภาพลักษณ์ของจีนในสายตานานาชาติพออยู่แล้ว แต่จีนกลับเลือกจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงด้วยนโยบายทางการทูตในรูปแบบที่เรียกว่า “Wolf warrior diplomacy” ซึ่งล้อเลียนมาจากหนังแอ็กชั่นเรื่อง Rambo ที่มีชื่อว่า “Wolf Warrior” กล่าวคือเป็นนโยบายการทูตแบบยอมหักไม่ยอมงอ ตาต่อตาฟันต่อฟัน และเชิดชูกระแสชาตินิยมจีนเป็นสำคัญ

ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมาจึงส่งผลให้องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนมากมาย เรียกร้องให้ทุกประเทศไม่ส่งผู้นำระดับสูงเข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 เพื่อเป็นการประท้วงการกระทำของประเทศจีน อย่างไรก็ตามองค์กรสิทธิมนุษยชนเหล่านี้ปฏิเสธที่จะคว่ำบาตรโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากต้องการให้นักกีฬาใช้พื้นที่ตรงนี้แสดงออกทางการเมือง เพื่อเรียกร้องให้จีนเลิกละเมิดมนุษยชนผู้อื่นเสียที

สหรัฐอเมริกา = หัวหอกของการคว่ำบาตร

เมื่อข้อเรียกร้องของบรรดาองค์กรสิทธิมนุษยชนเริ่มเสียงดังมากขึ้น บรรดาชาติมหาอำนาจฝั่งตะวันตกจึงเริ่มตอบรับกับแนวคิดการบอยคอตมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 โดยชาติที่เป็นหัวหอกในการดำเนินงานการคว่ำบาตรครั้งนี้คือสหรัฐอเมริกา ซึ่งตั้งท่าจะเล่นงานจีนในเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2018 หลัง มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) ผู้แทนจากพรรครีพับลิกันสอบถามถึงความเหมาะสมของจีนในฐานะเจ้าภาพเนื่องจากปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน

นับจากวันนั้นบรรดาผู้แทนรัฐสภาของพรรครีพับลิกัน (ซึ่งมีนโยบายต่อต้านจีนอยู่แล้ว) ต่างพาเหรดออกมาโจมตีจีนกับบทบาทเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวอย่างเต็มที่ เริ่มจากเดือนกันยายน ปี 2020 ริค สกอตต์ (Rick Scott) ผู้แทนจากรัฐฟลอริดา เรียกร้องให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากลพิจารณาเมืองที่จะเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ใหม่อีกครั้ง ตามด้วย จอห์น คัตโก (John Katko) ผู้แทนสหรัฐอเมริกาในการประชุมคองเกรส ที่โจมตีจีนว่าเป็นประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล้างเผ่าพันธุ์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021

ไม้ตายของพรรครีพับลิกันถูกปล่อยออกมาในเดือนมีนาคม ปี 2021 เมื่อ มิตต์ รอมนีย์ (Mitt Romney) อดีตผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2012 ตัดสินใจออกมาเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการทูต เพื่อเป็นการบอยคอตมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยยืนยันว่าเขาสนับสนุนให้นักกีฬาชาวอเมริกันเข้าแข่งขัน แต่จะไม่มีผู้ชมหรือตัวแทนระดับสูงชาวอเมริกันมีส่วนร่วมกับโอลิมปิกฤดูหนาวรอบนี้

ทั้งนี้ข้อเรียกร้องของบรรดาผู้แทนพรรครีพับลิกันไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา (ในระยะแรก) เพราะนับตั้งแต่ โจ ไบเดน (Joe Biden) ผู้แทนจากพรรคเดโมแครต ก้าวเท้าเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่ เมื่อเดือนมกราคม ปี 2021 เขาก็พยายามจะสานสัมพันธ์กับจีนให้กลับมาดีอีกครั้ง ส่งผลให้เดือนเมษายน ปี 2021 ตัวแทนของไบเดนยืนยันว่าสหรัฐอเมริกาไม่มีแผนจะบอยคอตมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามเมื่อประชาชนชาวอเมริกัน 49 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่าปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนของจีนสมควรทำให้พวกเขาไม่มีสิทธิเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว ส่งผลให้ไบเดนประกาศว่าเขาจะทบทวนการตัดสินใจเรื่องคว่ำบาตรมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 อีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายน 2021

ก่อนที่วันที่ 6 ธันวาคม 2021 เจน ซากี (Jen Psaki) โฆษกประจำทำเนียบขาวก็ยืนยันว่า ไบเดน ตัดสินใจให้สหรัฐอเมริกาทำการคว่ำบาตรทางการทูตมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 และพาราลิมปิกฤดูหนาว 2022 ซึ่งจะส่งผลให้เจ้าหน้าที่ราชการของสหรัฐอเมริกาทุกคนไม่สามารถเข้าชมการแข่งขันสองรายการดังกล่าว โดยชี้ว่าการปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์คือเหตุผลสำคัญของการคว่ำบาตร แต่ทั้งนี้สหรัฐอเมริกาปฏิเสธจะคว่ำบาตรเต็มรูปแบบ เนื่องจากจะไม่เป็นธรรมต่อนักกีฬาที่ฝึกฝนมาตลอดทั้งปี

นอกจากสหรัฐอเมริกายังมีอีกหลายชาติที่ตัดสินใจคว่ำบาตรทางการทูตต่อโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย, แคนาดา, สหราชอาณาจักร, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์ และ ญี่ปุ่น โดยทั้งหมดจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ราชการของประเทศเข้าไปมีส่วนร่วมกับโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้

ขณะเดียวกันทางประเทศจีนได้ออกมาตอบโต้ชาติที่เลือกใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการทูต โดยในเดือนธันวาคม ปี 2021 จีนกล่าวว่า พวกเขาไม่มีแนวคิดที่จะเชิญนักการเมืองชาวตะวันตกเข้ามามีส่วนร่วมกับการแข่งขันเนื่องจากพฤติกรรมปลุกปั่นการคว่ำบาตร จีนยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าการคว่ำบาตรครั้งนี้เกิดจากสาเหตุอันเป็นข่าวลือกับคำโกหกทั้งสิ้น และชาติที่คว่ำบาตรทางการทูตพวกเขาสักวันจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้

การคว่ำบาตรทางการทูตของหลายชาติต่อมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 จึงเป็นความต้องการที่จะส่งสัญญาณต่อรัฐบาลจีนถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนของพวกเขาซึ่งยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน และเมื่อรวมกับความกังวลเรื่องการจัดการแข่งขัน รวมถึงปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมที่กล่าวไปข้างต้น จึงเห็นได้ชัดว่าทุกชาติไม่หวาดกลัวต่อการโต้ตอบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตโดยประเทศจีนแต่อย่างใด

โอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้จึงเป็นการแข่งขันที่น่าจับตาอย่างมาก ไม่ใช่แค่ในแง่ของเกมกีฬา แต่รวมไปถึงแง่ของเกมการเมืองระหว่างประเทศที่กำลังดำเนินไปอย่างคุกรุ่นที่เริ่มต้นจากการคว่ำบาตรความสัมพันธ์ทางการทูตในมหกรรมกีฬานานาชาติ ซึ่งมีเจตนาที่แท้จริงไว้เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสันติภาพของโลกใบนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


4 สัญญาณอันตราย “เนื้องอกในสมอง-มะเร็งสมอง” พบเร็ว รักษาได้

4 สัญญาณอันตราย “เนื้องอกในสมอง-มะเร็งสมอง” พบเร็ว รักษาได้

มะเร็งสมองเป็นเนื้องอกชนิดเนื้อร้าย ที่มีการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ อาจเกิดเริ่มต้นจากเนื้อสมอง หรือเกิดขึ้นที่อวัยวะอื่นแล้วกระจายเข้าสู่สมอง แนะหากมีอาการผิดปกติทางระบบประสาท ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ และรักษาอย่างทันท่วงที

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เนื้องอกในสมอง คือ เนื้อเยื่อที่เกิดจากการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติของเซลล์สมอง หรือเนื้อเยื่อและต่อมต่างๆ บริเวณโดยรอบเนื้อสมอง ทำให้เกิดความผิดปกติทางระบบประสาท 

สัญญาณอันตราย อาการเริ่มต้นของเนื้องอกในสมอง และมะเร็งสมอง

อาการของโรคมะเร็งสมองขึ้นกับชนิด ขนาด และตำแหน่งที่เกิด เช่น 

  1. แขนขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง 
  2. ชัก 
  3. มีปัญหาด้านพฤติกรรม บุคลิกภาพ การพูด การได้ยิน การมองเห็น ความจำ
  4. หากเนื้องอกนั้นมีขนาดใหญ่หรือเกิดในตำแหน่งที่ส่งผลเพิ่มแรงดันในสมอง กดเบียดรั้งเยื่อหุ้มสมอง อาจจะทำให้มีอาการปวดหัว อาเจียนพุ่งได้ 

ประเภทของเนื้องอกในสมอง

เนื้องอก สาเหตุของมะเร็งสมอง แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ

  1. เนื้องอกที่เป็นเนื้อธรรมดา เป็นเนื้องอกที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติแต่เติบโตช้า ไม่ใช่เซลล์มะเร็ง สามารถรักษาให้หายหรือมีขนาดเล็กลงได้ และมีโอกาสน้อยที่ผู้ป่วยจะกลับมาเป็นซ้ำอีกหลังการรักษา
  2. เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย เป็นเนื้องอกที่มีการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ เซลล์มะเร็ง อาจเกิดเริ่มต้นที่บริเวณสมอง หรือเกิดขึ้นที่อวัยวะอื่นแล้วกระจายเข้าสู่สมองก็ได้ เนื้องอกที่เป็นเซลล์มะเร็งจะมีการเจริญเติบโตเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว ควบคุมได้ยาก และมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นได้อีกหลังการรักษา

สาเหตุของเนื้องอกในสมอง และมะเร็งในสมอง

นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุของเนื้องอกในสมองแตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ อาจเกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม หรือการกลายพันธุ์ของเซลล์เนื้อเยื่อ เซลล์ที่มีการแบ่งตัวและเจริญเติบโตผิดปกติจะทำให้เกิดการทำงานผิดปกติทางระบบประสาท หรืออาจมีสาเหตุจากเซลล์มะเร็งที่อวัยวะส่วนอื่น ลุกลามโดยตรงหรือกระจายเข้าสู่สมองทางกระแสเลือดก็ได้ 

วิธีการป้องกันโรคเนื้องอกในสมอง และมะเร็งสมอง

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันโรคเนื้องอกสมองแบบจำเพาะเจาะจง แต่พบว่า อายุที่เพิ่มมากขึ้น การได้รับรังสีอันตรายปริมาณสูงเข้าสู่ร่างกาย หรือมีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นโรคเนื้องอกในสมอง เป็นสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงให้เกิดเนื้องอกสมองได้ 

วิธีรักษาโรคเนื้องอกในสมอง และมะเร็งสมอง

แนวทางการรักษาเนื้องอกสมองในปัจจุบันมีอยู่ 3 วิธีหลัก คือ 

  1. การผ่าตัด 
  2. ฉายรังสี 
  3. การให้ยาเคมีบำบัด 

ซึ่งแพทย์จะเลือกแนวทางที่เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย หากผู้ป่วยมีเนื้องอกขนาดเล็กมากและไม่ทำให้เกิดอาการผิดปกติ อาจจะเลือกวิธีติดตามอาการ หากพบขนาดใหญ่ขึ้นหรือทำให้เกิดความผิดปกติทางระบบประสาท จึงค่อยเริ่มการรักษา 

หากมีอาการผิดปกติทางระบบประสาทดังกล่าวข้างต้น ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ และรักษาอย่างทันท่วงที

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ประโยคในชีวิตประจำวันที่ขึ้นต้นด้วย “DO”

1. Do you have any money?
คุณพอจะมีเงินบ้างไหม?

2. Do you need anything else?
คุณต้องการอะไรอีกไหม?

3. Do you study English?
คุณเรียนภาษาอังกฤษหรือไม่?

4. Do you play any sports?
คุณเล่นกีฬาอะไรบ้างไหม?

5. Do you know what this means?
คุณรู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอะไร?

6. Do you understand?
คุณเข้าใจไหม?

7. Do you have a problem?
คุณมีปัญหาหรือไม่?

8. Do you have the number for a taxi?
คุณมีเบอร์โทรศัพท์ของแท็กซี่หรือไม่?

9. Do you smoke?
คุณสูบบุหรี่หรือเปล่า?

10. Do you feel better?
คุณรู้สึกดีขึ้นแล้วหรือไม่?

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


นำร่องแตะจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT แบบไร้สัมผัส

นำร่องแตะจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT แบบไร้สัมผัส

มาสเตอร์การ์ด ร่วมกับ รฟม และธนาคารกรุงไทย นำร่องระบบแตะจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT หนุนมาการชำระเงินแบบไร้สัมผัสมาใช้ในระบบการขนส่งสาธารณะในประเทศไทย

ผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ดสามารถชำระเงินค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ระหว่างการเดินทางได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด เพียงแตะบัตรเครดิตหรือบัตรพรีเพดมาสเตอร์การ์ดเพื่อชำระเงินแบบไร้สัมผัสที่ประตูสถานี ไม่ต้องใช้เงินสด ซื้อตั๋วหรือเติมเงินบนบัตร MRT ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ บัตรคอนแทคเลสของมาสเตอร์การ์ดใช้เทคโนโลยี EMV ที่มีความปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งปัจจุบันใช้งานกับการขนส่งหลากหลายรูปแบบ ทั้งรถโดยสารสาธารณะและด่านเก็บค่าผ่านทางด่วนทั่วกรุงเทพฯ

นำร่องแตะจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT แบบไร้สัมผัส

เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่มาสเตอร์การ์ดได้พัฒนาโซลูชั่นสำหรับการเดินทางในเมือง เพื่อช่วยผู้ประกอบการขนส่งรับมือกับความท้าทายที่พวกเขาเผชิญและเพิ่มประสิทธิภาพของการเดินทาง ด้วยการเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ทำให้กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งใน 390 เมืองทั่วโลกที่มาสเตอร์การ์ดได้ช่วยดำเนินการติดตั้งระบบโดยสารแบบไร้สัมผัส รวมถึงสิงคโปร์ ลอนดอน นิวยอร์กและมิลาน

ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 รถไฟฟ้า MRT ทั้งสองสายมีจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางโดยเฉลี่ยประมาณ 239,000 คน ต่อวัน และคาดการณ์ว่ากรุงเทพฯ จะมีจำนวนประชากรมากกว่า 12 ล้านคน  ภายในปี 2573  ซึ่งการที่ผู้คนสามารถเดินทางด้วยเครือข่ายขนส่งสาธารณะที่มีความยุ่งยากน้อยที่สุดจะเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความแออัดในมหานครที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในประเทศไทยมาสเตอร์การ์ดได้ทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (MRTA) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  (BEM) เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคให้บัตรในรูปแบบไร้สัมผัสสามารถใช้ชำระค่าโดยสารในเครือข่ายของรถไฟฟ้า MRT ได้ มาสเตอร์การ์ดมีความตั้งใจที่จะนำเอาการชำระเงินแบบไร้สัมผัสมายังระบบการขนส่งสาธารณะในประเทศไทย ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องที่จะสนับสนุนการเข้าสู่สังคมดิจิทัลซึ่งสอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาลไทย

การชำระเงินแบบไร้สัมผัสเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลกและในเอเชีย เฉพาะในไตรมาสแรกของปี.2564 มาสเตอร์การ์ดมีธุรกรรมการใช้จ่ายแบบไร้การสัมผัสเพิ่มขึ้น 1 พันล้านรายการเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกในปี 2563 โดยเฉพาะในประเทศไทยที่พบการเติบโตมากถึง 4 เท่า  เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี จากผลสำรวจของมาสเตอร์การ์ดพบว่าผู้บริโภคชาวไทยพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีการใช้จ่ายรูปแบบใหม่ๆ โดย 93% ของคนไทยที่ตอบแบบสอบถามตอบว่าพวกเขาสามารถเข้าถึงการชำระเงินรูปแบบใหม่ๆ ในปี 2564 ได้มากขึ้นกว่าเมื่อปีก่อน

“การช่วยเหลือเมืองและชุมชนต่างๆ ให้กลายเป็นสังคมดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจและการผนวกรวมของผู้คนในสังคม นี่คือเหตุผลที่มาสเตอร์การ์ดทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศไทยเพื่อหาทางออกในการช่วยเร่งการเติบโตของ Smart City ให้กับประเทศไทย ” นางสาวไอลีน ชูว ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ มาสเตอร์การ์ด กล่าว “เทคโนโลยีไร้สัมผัสมีบทบาทสำคัญในการลดข้อจำกัดของขั้นตอนการชำระเงินที่มี touch point หลากหลายแห่ง การนำรูปแบบการชำระเงินที่สะดวกมาใช้ในเมืองที่เร่งรีบจะเป็นประโยชน์ต่อผู้โดยสารที่จะได้รับความรวดเร็วและปลอดภัยระหว่างการชำระเงินค่าโดยสารมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ให้บริการขนส่ง”

ในปีพ.ศ. 2563 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ของประเทศไทยเดินหน้าให้ 40 จังหวัดของไทยเข้าร่วมโปรแกรม Mastercard’s City Possible เครือข่ายระดับโลกที่มีกว่า 325 ชุมชน ซึ่งรวมถึงภาคธุรกิจเอกชนและนักวิชาการที่ร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่งในการแลกเปลี่ยนความรู้และแบ่งปันความเข้าใจในการก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลเพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาในโครงสร้างพื้นฐานเสริมสร้างการเป็นหนึ่งเดียวของเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ลูกฟิก หรือ มะเดื่อฝรั่ง ประโยชน์ล้นเหลือ สรรพคุณดีดีที่คุณอาจยังไม่รู้!!

ผลไม้ มะเดื่อฝรั่ง มะเดื่อฝรั่ง ประโยชน์ มะเดื่อฝรั่ง สรรพคุณ ลูกฟิก ลูกฟิก สรรพคุณ

ลูกฟิก (Fig) หรือ มะเดื่อฝรั่ง มีถิ่นกำเนิดมาจากตะวันออกกลางและเอเชียตะวันตก หลายคนอาจจะยังไม่เคยลองรับประทานแต่ถ้าได้ทานแล้วจะต้องติดใจ ลูกฟิกลักษณะภายในเนื้อสีแดงเข้มเมื่อสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม รสชาติหวาน เนื้อนุ่มละเอียด สามารถทำเป็นขนมได้ เช่น เช่น พาย พุดดิ้ง เค้ก ไอศกรีม แยม หรือทานแบบอบแห้ง ลูกฟิกยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย

แคลเซียมสูง

ผลลูกฟิกแห้งมีแคลเซียมสูงกว่าลูกฟิกสด ในลูกฟิกสด 100 กรัม มีแคลเซียม 35 มิลลิกรัม แต่ลูกฟิกแห้งมีแคลเซียมสูงถึง 162 มิลลิกรัม ซึ่งแคลเซียมจะช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย

ต่อต้านอนุมูลอิสระ

ลูกฟิกมีสารแอนโทไซยานิน สารพอลีฟีนอล และ ฟลาโวนอยด์ ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสื่อมของเซลล์จึงมีฤทธิ์ยับยั้งและป้องกันเซลล์มะเร็ง ทั้งยังช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ จอประสาทตาเสื่อม โรคข้ออักเสบ และลูกฟิกยังมีเอนไซม์ที่สามารถย่อยโปรตีนได้ดีซึ่งหาได้ยากในผลไม้ชนิดอื่นๆ

ช่วยป้องกันท้องผูก

ลูกฟิกจัดเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูงมาก สูงกว่าลูกพลับถึง 4 เท่า ผลลูกฟิกแห้งมีเส้นใยมากกว่าลูกฟิกสดถึง 3 เท่า จึงมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยในการกระตุ้นระบบขับถ่าย ทำให้อุจจาระนิ่ม  ป้องกันอาการท้องผูก จึงช่วยป้องกันโรคริดสีดวงทวาร ป้องกันโรคนิ่ว กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และมะเร็งลำไส้

ช่วยบรรเทาโรคเบาหวาน

ลูกฟิกสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งลูกฟิกมีสารที่จะช่วยให้ร่างกายนำอินซูลินไปใช้จึงช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง จึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ลูกฟิก

คุณค่าทางโภชนาการของ ลูกฟิก ต่อ 100 กรัม

คาร์โบไฮเดรต 19 กรัม
น้ำตาล 16 กรัม
เส้นใย 2.9 กรัม
วิตามินบี 1 0.060 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.050 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.400 มิลลิกรัม
วิตามินบี 5 0.300 มิลลิกรัม
วิตามินบี 6 0.113 มิลลิกรัม
วิตามินซี 2 มิลลิกรัม
วิตามินเค 4.7 ไมโครกรัม
แคลเซียม 35 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.37 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 17 มิลลิกรัม
แมงกานีส 0.128 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 14 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 242 มิลลิกรัม
โซเดียม 1 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.15 มิลลิกรัม

ขอบคุณข้อมูลจาก mthai.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17/02/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a28,500.0028,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,846.0027,985.3629,100.00
ทองรูปพรรณ 90%1,661.4025,186.82n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,476.8022,388.29n/a
ทองรูปพรรณ 50%831.0012,597.96n/a
ทองรูปพรรณ 40%646.009,793.36n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,913.0029,001.08n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17/02/2565



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.1536.1536.2536.1536.1536.1536.1536.1536.1536.15
แก๊สโซฮอล์ 9135.8835.8835.9835.8835.8835.8835.8835.8835.8835.88
แก๊สโซฮอล์ E2035.0435.0435.1435.0435.0435.0435.0435.0435.04
แก๊สโซฮอล์ E8528.3428.3428.34
เบนซิน 9543.5644.0144.0644.0643.56
ดีเซล B729.9429.9431.4430.3430.4429.9430.3430.2430.3429.94
ดีเซล29.9429.9431.4430.3430.4429.9430.3430.2430.3429.94
ดีเซล B2029.9429.9430.4430.4430.3430.2429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม35.9635.9637.8936.8637.1935.96
แก๊ส NGV

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า