สาระน่ารู้ประจำวันที่ 18 กันยายน 2566

“แอสเซท ไฟว์”รีแบรนด์-โลโก้ใหม่ ลุยทำเลราชพฤกษ์ บ้านหรูติดห้าง

ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลปัจทรัพย์ รีแบรนด์-โลโก้ใหม่  “แอสเซท ไฟว์” หรือ A5 ลุยบ้านหรู ทำเลราชพฤกษ์ บ้านหรูติดห้างต่อยอดทำเลกรุงเทพกรีฑา  หลังประสบความสำเร็จเป็นรายแรก

ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลปัจทรัพย์ ผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศไทย กับเส้นทางการสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตัวเอง ภายใต้ชื่อบริษัท  แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5ชูกลยุทธ์ “A5 GREATNESS Inspired by Love” สะท้อนตัวตน-ความมั่นคง – ทันสมัย ภายใต้ชื่อ “A5” (เอไฟว์)ที่ล่าสุด เตรียม เปิดเกมรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงโค้งสุดท้ายปี 2566 ด้วยการรีแบรนด์ และปรับโลโก้ใหม่

สะท้อนภาพลักษณ์ผ่านโครงการ“วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์” บ้านเดี่ยว 3 ชั้นติดห้างดังในปลายปีนี้ ที่มีจุดขายร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่เปรียบเสมือน “วนา” ทั้งโครงการ พร้อมดีไซน์บ้านที่โดดเด่น และแตกต่าง มีความเป็นส่วนตัวสูงเพียง 43 หลัง เริ่มต้น 25 ล้านบาทหลังจากประสบความสำเร็จทำเลกรุงเทพกรีฑามาแล้ว

นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ด้วยการรีแบรนด์ Asset Five ให้อยู่ภายใต้ Umbrella Brand หรือ แบรนด์เดียวคือ “A5” (เอไฟว์) ด้วยคอนเซ็ปต์ “A5 GREATNESS Inspired by Love : เราเชื่อว่าความรักสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้” ด้วยการใช้หัวใจที่ยิ่งใหญ่ สร้างสรรค์ “ความสุข” ให้คนที่เรารักผ่าน 5 A โดยมีวัตถุประสงค์หลัก ดังนี้เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ A5 ให้ดูอบอุ่น เข้าถึงง่าย และใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น เพื่อให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น

สอดคล้องกับการปรับวิสัยทัศน์ใหม่ของกลุ่ม A5  เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่และทุกเจเนอเรชั่น ทั้งนี้หลังการรีแบรนด์ครั้งสำคัญนี้ A5 ได้วางโรดแมปเพื่อดำเนินธุรกิจสู่เป้าหมายให้ได้ตามแผนที่วางไว้ด้วยยอดขาย 5,000 ล้านบาท ภายในอีก 3 ปี และโครงการนำร่องที่จะถ่ายทอดเพื่อสะท้อนภาพการรีแบรนด์ คือ “วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์” เริ่มต้น 25 ล้านบาท จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ส่วนปีหน้าเบื้องต้นจะเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 6,700 ล้านบาท แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 2 โครงการคือ CINQ 2 กับ VANA 3 และมีอีกหนึ่งโครงการที่ รชยา จังหวัดอุดรธานี

“ปลายปีนี้บริษัท เตรียมเปิด “วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์” ติดห้างใหญ่ใจกลางราชพฤกษ์โครงการต่อยอดความสำเร็จของการพัฒนาโครงการ วนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9-ศรีนครินทร์พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Balance of Urbanized Living : สมดุลของการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ภายใต้ร่มเงาของธรรมชาติ”

 ปัจจุบันก่อสร้างคืบหน้าเกิน 50% เตรียมพร้อมเปิด Pre-Sales เฟสแรกปลายปีนี้ตั้งเป้ายอดขายปี 2566 มูลค่าประมาณ  200 ล้านบาท สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่ม Real Demand ในโซนตะวันตกของกรุงเทพฯ ที่เบื่อบ้านแบบเดิมๆ มองหาบ้านดีไซน์ใหม่ที่แตกต่าง กับทำเลที่มีการเติบโตและตอบโจทย์ครบในที่เดียว ทั้งมีความเป็นเมือง เดินทางไปทำงานสะดวก ใกล้ห้างหรือแหล่งไลฟ์สไตล์ และใกล้ชิดธรรมชาติ มีรายได้ต่อครอบครัว 300,000 บาทขึ้นไป อาชีพเจ้าของธุรกิจหรือพนักงานบริษัท Executive Level ซึ่งโครงการดังกล่าวมีจุดเด่นเรื่องทำเลส่วนกลาง และดีไซน์ เชื่อมั่นว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ผลกระทบ “เอวอร์แกรนด์ -คันทรี” จีนจ่อ กลับมาซื้อคอนโดไทยมากขึ้น

ผลกระทบ “เอวอร์แกรนด์ -คันทรี” จีนจ่อ กลับมาซื้อคอนโดไทยมากขึ้น บทความ “สุรเชษฐ กองชีพ ” พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ

ภาคการเงิน การธนาคาร การลงทุนนอกประเทศจีนอาจจะได้รับผลกระทบไม่น้อย เพราะหุ้นกู้ของเอเวอร์แกรนด์ขายไปทั่วโลก และแน่นอนว่ามีปัญหาไม่สามารถจ่ายคืนได้อยู่แล้ว จึงอาจเป็นปัจจัยให้พวกเขายื่นมาตรา 15 ต่อศาลสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงแต่เอวอร์แกรนด์ที่มีปัญหา ก่อนหน้านี้มีอีกหลายรายที่ผิดนัดชำระหุ้นกู้ เช่น เซ็นทรัล ไชน่า เรียลเอสเตต, บริษัท ลีดดิง โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป, ซันชายน์ 100, แฟนตาเซีย โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป, ไคซา กรุ๊ป, โมเดิร์น แลนด์, ซือเม่า กรุ๊ป, ซูแนค และล่าสุดที่อาจจะผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ และเป็นรายใหญ่ที่ต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง คือ คันทรี การ์เด้น

 โดยรายล่าสุด ส่งผลกระทบใหญ่ต่อระบบการเงิน การธนาคาร และตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อื่นๆ โดยเฉพาะในส่วนของกำลังซื้อคนจีนในประเทศจีนมากกว่าเอเวอร์แกรนด์ เพราะพวกเขามีโครงการในประเทศจีนที่มากกว่า คันทรี การ์เด้นยังมีการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศจีน โดยใช้ชื่อว่า ริสแลนด์ แม้ว่าจะมีการออกมาบอกว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันในเรื่องของเงินทุน แต่หุ้นกู้ที่ออกขายในนามริสแลนด์มีการคํ้าประกันโดยคันทรี

การ์เด้น ประเทศจีน ซึ่งแน่นอนว่าโดนปรับลดความน่าเชื่อถือลงไปแล้ว ปัญหาของคคันทรี การ์เด้นคงส่งผลกระทบต่อการลงทุนนอกประเทศบ้าง แต่คงไม่มากนัก เพราะการลงทุนนอกประเทศจีนในตอนแรกอาจจะใช้เงินลงทุนจากคันทรี การ์เด้นโดยตรง แต่เมื่อผ่านไปสักระยะ บริษัทเริ่มมีรายได้หมุนเวียนจากการขาย และโอนกรรมสิทธิ์ รวมไปถึงการขอสินเชื่อธนาคาร และขายหุ้นกู้ ริสแลนด์ในประเทศต่างๆ น่าจะเอาตัวรอดไปได้ รวมไปถึงในประเทศไทยด้วย

 คนจีนที่ติดปัญหาจากผลกระทบของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในประเทศจีน อาจทำให้พวกเขามีสภาพคล่องของเงินทุนที่ลดลง การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์คงลดลงหรือเลือกที่จะชะลอออกไปก่อน ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อการเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยได้ด้วยเช่นกัน แต่ในทางกลับกัน การเข้ามาลงทุนในคอนโดมิเนียมหรืออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอาจจะมากขึ้นก็เป็นไปได้ เพราะถ้าพวกเขายังต้องการลงทุนอยู่ แต่ในสถานการณ์ในประเทศไม่เอื้อประโยชน์ก็ต้องมองหาประเทศอื่นๆ ในการลงทุนต่อไป ประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศที่พวกเขาให้ความสนใจมาเสมอ

คนจีนส่วนหนึ่งเมื่อมองเห็นแล้วว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนมีปัญหา และรัฐบาลจีนควบคุมหลายๆ อย่าง ทำให้การถือครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนไม่ง่ายหรือทำได้สะดวกแบบก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบซื้อมาเพื่อเก็งกำไรและปล่อยเช่า แล้วยิ่งมาเจอปัญหานี้ที่เหมือนการตอกยํ้าว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนมีปัญหาแน่นอน พวกเขาซึ่งมีเงิน และพยายามหาช่องทางในการขยายธุรกิจ รวมไปถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง เมื่อภายในประเทศจีนทำได้ไม่สะดวก

และมีปัญหาแบบนี้ การออกไปลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศจึงเป็นทางที่พวกเขาสนใจ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรปบางประเทศ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส รวมไปถึงในออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นต้น จนหลายๆ เมืองในบางประเทศห้ามคนจีนเข้ามาซื้ออสังหา ริมทรัพย์แล้ว เพราะมีผลให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในเวลารวดเร็ว

การที่กลุ่มของคนจีนบางส่วนเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย เพราะแรงกดดันภายในประเทศจีนที่มีมานานแล้ว ประกอบกับทิศทางของผลตอบแทนของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนเริ่มลดลง เมื่อมาเจอเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนช่วงปีพ.ศ2564 เป็นต้นมา คนจีนที่ทำธุรกิจในประเทศไทยหรือต้องการเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยจึงมีมากขึ้น จนตอนนี้การเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยของคนจีนบางส่วนเป็นไปเพื่อการขอใบอนุญาตทำงานเท่านั้น ไม่ได้สนใจในเรื่องของการดำเนินกิจการมากเท่าที่ควร ความเข้มงวดในการตรวจสอบคนจีนของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา เป็นแรงกดดันให้คนจีนที่มีเงิน หรือทำธุรกิจแบบไม่โปร่งใสออกนอกประเทศจีนมากขึ้น ซึ่งการตรวจสอบในช่วงหลังๆ

แผ่ขยายออกไปในหลายประเทศรอบๆ ประเทศไทย จนทำให้การลงทุนหลายโครงการโครงการของนักลงทุนจีนที่ได้เงินจากธุรกิจสีเทาหยุดการก่อสร้าง และเริ่มหาช่องทางในการลงทุนใหม่ๆ ในประเทศอื่นๆ มากขึ้น กลุ่มนี้เองก็มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินที่ประเทศต่างๆ กำหนดเพื่อขอพาสปอร์ตประเทศอื่นๆ ตามที่กฎหมายในหลายประเทศในสหภาพยุโรปเปิดช่องให้สามารถทำได้ ทำให้การเข้ามาในประเทศไทยของคนจีนหรือชาวต่างชาติสัญชาติอื่นๆ ที่มีเงินจากธุรกิจอื่นๆ ซึ่งไม่ถูกกฎหมายในประเทศไทยแต่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศอื่นมีมากขึ้น จากรายงานของ Henley Private Wealth

Migration Report 2023 ซึ่งมีการสำรวจเศรษฐีที่มีการลงทุนมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก พบว่า ปีนี้จีนจะเป็นประเทศที่เหล่าเศรษฐีย้ายออกสุทธิมากที่สุด โดยคาดว่าจะมีประมาณ 13,500 ราย ซึ่งแน่นอน ว่าบางส่วนคงเลือกที่จะมาไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 18ก.ย. ที่ระดับ 35.69 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทมีโอกาสลุ้นทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง เงินดอลลาร์อาจย่อตัวลงบ้าง หาก Dot Plot ใหม่ชี้ว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ขณะที่ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าของเงินบาทยังคงอยู่

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 18ก.ย. 2566 ที่ระดับ  35.69 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  35.82 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาทเคลื่อนไหวทยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในกรอบ 35.66-35.84 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้น ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ (โดยรวมเงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideway) และโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดูดีกว่าฝั่งยุโรป และความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน หลัง ECB เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง +25bps

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ดัชนี PMI ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก และ รอลุ้นผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก (เฟด, BOE และ BOJ) ซึ่งจะมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ Dot Plot ใหม่ของเฟด

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ ฝั่งสหรัฐฯ – เราประเมินว่า ในการประชุม FOMC ของเฟดในสัปดาห์นี้ เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% อย่างไรก็ดี ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ การปรับคาดการณ์เศรษฐกิจ และคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) โดยเรามองว่า แนวโน้มการชะลอตัวลงต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอาจทำให้เฟดปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE ลงบ้างในปีนี้และปีหน้า

แต่การปรับตัวขึ้นของราคาพลังงานในช่วงที่ผ่านมาอาจทำให้เฟดคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป หรือ ปรับขึ้นเล็กน้อยในปีนี้ ขณะเดียวกัน รายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ยังคงสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าคาด อาจทำให้เฟดไม่ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจ

 ทั้งนี้ เราประเมินว่า ในส่วนของ Dot Plot ใหม่ อาจสะท้อนว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในส่วนการจ้างงาน ซึ่งล่าสุดอาจได้รับผลกระทบจากการหยุดงานประท้วงของสหภาพแรงงานยานยนต์ (United Auto Workers:UAW) อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่รัฐบาลสหรัฐฯ อาจเผชิญภาวะ Government Shutdown ในช่วงปลายปีได้

 ทั้งนี้ เราไม่ปิดโอกาสที่ Dot Plot ใหม่จะยังคงชี้ว่า เฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ 1 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะไม่ต่างจาก Dot Plot ก่อนหน้า เนื่องจากการประท้วงของ UAW หากประสบความสำเร็จก็อาจยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอลงช้า ตามการปรับเพิ่มขึ้นค่าแรง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาพลังงานก็มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น

อย่างไรก็ดี เรามองว่า หาก Dot Plot ใหม่ ไม่ได้ชี้ว่า เฟดพร้อมขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้ง ในปีนี้ และลดดอกเบี้ยลง -1% ตามที่ประเมินไว้ใน Dot Plot ครั้งก่อน เงินดอลลาร์ก็อาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นมากนักหรืออาจทรงตัว sideway

และนอกจากผลการประชุม FOMC ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (S&P Manufacturing & Services PMIs) เดือนกันยายน ที่อาจยังคงสะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่ได้ชะลอตัวลงหนักมาก

▪  ฝั่งยุโรป – ตลาดประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษในเดือนสิงหาคม อาจเร่งขึ้นสู่ระดับ 7.0% ตามการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงาน ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ที่ไม่รวมผลของราคาอาหารและพลังงาน อาจชะลอลงเล็กน้อยสู่ระดับ 6.8% ซึ่งภาพดังกล่าว กอปรกับการเติบโตของค่าจ้าง (Wage growth) ที่รายงานในสัปดาห์ก่อน ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า +8.5%y/y

ทำให้ เราประเมินว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย +25bps สู่ระดับ 5.50% อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดได้ประเมินว่า BOE อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อในการประชุมครั้งนี้ (โอกาสราว 80%) ทำให้ประเด็นสำคัญจะอยู่ที่ การส่งสัญญาณของ BOE ว่าพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อหรือไม่ และ

BOE มีมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างไร หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงนี้ยังคงไม่สดใส โดยเฉพาะในฝั่งการจ้างงาน อีกทั้ง รายงานข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ เดือนกันยายน ก็อาจยิ่งชี้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษ (รวมถึงยูโรโซน) มีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น

▪ ฝั่งเอเชีย – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยเราคาดว่า BOJ อาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ -0.10% และยังคงใช้นโยบาย Flexible Yield Curve Control อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่นกอปรกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง (ตลาดคาดอัตราเงินเฟ้อ CPI ญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม อาจอยู่ที่ระดับ 3.0%

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ Core-Core CPI ที่ไม่รวมผลของราคาอาหารและพลังงาน จะยังคงสูงกว่า 4.3%) อีกทั้งการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อของเฟดก็ยังมีความไม่แน่นอน อาจทำให้ผู้ว่าฯ BOJ ส่งสัญญาณในลักษณะที่มีความ hawkish มากขึ้น เพื่อลดแรงกดดันต่อเงินเยนญี่ปุ่นซึ่งจะช่วยชะลอการปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อได้บ้าง นอกจาก BOJ ตลาดยังมองว่า บรรดาธนาคารกลางอื่นๆ อาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมก่อน

 โดยธนาคารกลางไต้หวัน (CBC), ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) และ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) อาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.875%, 5.75% และ 6.25% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี เรามองว่า แม้ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะคงอัตราดอกเบี้ย MLF 1 ปี ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่บรรดาธนาคารพาณิชย์ก็อาจลดอัตราดอกเบี้ยลูกหนี้ชั้นดี (LPR) ระยะ 1 ปี ลง -5bps สู่ระดับ 3.40% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในส่วนของการบริโภค

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทมีโอกาสลุ้นทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากตลาดกลับมาเชื่อว่าเฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว อนึ่ง ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังคงอยู่ โดยเฉพาะฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ยังคงผันผวนและไม่แน่นอน อีกทั้ง หากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่องก็อาจยังเป็นปัจจัยกดดันเงินบาท จากความกังวลแนวโน้มดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัด

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจย่อตัวลงบ้าง หาก Dot Plot ใหม่ชี้ว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ทั้งนี้ เงินดอลลาร์อาจมีแรงหนุนอยู่ หากตลาดยังคงกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป จากการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของ BOE และ ECB ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ ที่อาจส่งผลต่อเงินดอลลาร์ได้

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงนี้ ตลาดการเงินยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.40-36.00 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.60-35.80 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า  เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.69-35.71 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.25 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดของวันทำการก่อนหน้าที่ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทแข็งค่ากลับมาบางส่วน หลังจากที่อ่อนค่าลงค่อนข้างมากในช่วงสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ดีกรอบการแข็งค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากตลาดยังคงอยู่ระหว่างรอติดตามผลการประชุมและ Dot Plot ของเฟดในช่วงกลางสัปดาห์ (19-20 ก.ย.) เพื่อหาสัญญาณของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดๆ ไปในช่วงที่เหลือของปี 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 35.65-35.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณฟันด์โฟลว์ ทิศทางค่าเงินหยวน และตัวเลขดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


มองเห็นปัญหา! “ปิยะนุช” ชี้จุดที่ทำให้แพ้ สหรัฐฯ ขาดลอยลูกยางคัดโอลิมปิก 2024

ความเคลื่อนไหว การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง โอลิมปิก 2024 รอบคัดเลือก กลุ่มซี เกมที่ ทีมไทย พบกับ สหรัฐอเมริกา ที่แอตลาส อารีน่า ในเมืองลอดซ์ ประเทศโปแลนด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา

โดยผลการแข่งขันปรากฏว่า “ทัพนักตบสาวไทย” ไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของ “สาวมะกัน” ได้แพ้ไป 0-3 เซต (13-25, 16-25 และ 18-25) ถือว่าเป็นสกอร์ที่ขาดลอยมากทีเดียว

หลังเกม “แป้น” ปิยะนุช แป้นน้อย กัปตันวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย ออกมาเผยถึงความต่างในเกมนี้จนส่งผลให้เป็นฝ่ายแพ้ว่า “ก็ต้องชื่นชมสหรัฐอเมริกาก่อนเลย เขาเต็มระบบทุกอย่าง เขาเล่นดีมาก”

“ส่วนเราในช่วงเซตแรก รับบอลแรกไม่ได้เลย มันทำให้การรุกของเราค่อนข้างยากมีปัญหา และต้องมาเจอกับการบล็อกที่ใหญ่ ที่สำคัญคือระบบของเราก็ยังไม่แน่นพอมาเจอทีมแข็ง”

“เราค่อนข้างช้า การยืนตำแหน่งเข้าโซนยังช้า ก็อยากทำให้ดีขึ้นแต่ก็ค่อยปรับตัวไปทีละแมตช์” นักตบลูกยางสาววัย 33 ปี

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันของ นักตบลูกยางสาวไทย ในรายการโอลิมปิก 2024 รอบคัดเลือก นัดต่อไปจะพบกับ อิตาลี ในวันอังคารที่ 19 กันยายน 2566 19.30 น.  แฟนๆ สามารถรับชม และเชียร์ ได้ผ่านการถ่ายทอดสดทาง ช่อง Workpoint 23

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ” 4 กับอาการเริ่มต้นที่สังเกตได้

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ถือเป็นภัยเงียบใกล้ตัวที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด จึงควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ ของตนเอง หากพบว่ามีอาการผิดปกติเรื้อรังควรรีบปรึกษาแพทย์

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ คืออะไร

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นมะเร็งที่เกิดจากการแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์เยื่อบุผนังด้านในของกระเพาะปัสสาวะ มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง และพบบ่อยในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป

ปัจจัยเสี่ยงโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

จากข้อมูลทะเบียนมะเร็งประเทศไทยโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่าแต่ละปีมีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเพศชายและเพศหญิงรายใหม่ประมาณ 1,900 และ 600 ราย ตามลำดับ สำหรับสาเหตุการเกิดโรคนั้น ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดแต่พบว่ามีหลายปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เช่น 

  • การสูบบุหรี่ 
  • การสัมผัสสารเคมี 
  • การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะหรือติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะแบบเรื้อรัง 
  • การระคายเคืองและการอักเสบเนื่องจากก้อนนิ่ว 

เป็นต้น

อาการของโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า อาการทั่วไปของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เช่น 

  1. ปัสสาวะปนเลือดโดยไม่มีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย 
  2. ปวดเบ่งขณะปัสสาวะ 
  3. ปัสสาวะบ่อย แสบ ขัด
  4. กลั้นปัสสาวะไม่อยู่เรื้อรัง 

เป็นต้น 

อย่างไรก็ตามอาการดังกล่าวอาจเกิดจากโรคอื่นๆ ได้เช่นกัน ดังนั้นหากพบอาการผิดปกติเรื้อรังควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง 

วิธีรักษาโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

การรักษาโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะประกอบด้วยหลายวิธี ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสุขภาพของผู้ป่วย โดยทั่วไปผู้ป่วยในระยะที่โรคยังไม่ลุกลาม การรักษาหลักคือการผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องผ่าน ท่อปัสสาวะไปตัดเนื้องอกออก กรณีที่มะเร็งลุกลามแพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะร่วมกับการให้ยา เคมีบำบัดและการใช้รังสีรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรค

แม้ว่าจะยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัดแต่เราสามารถป้องกันการเกิดโรคจากการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวข้างต้น รวมถึงการหมั่นสังเกตร่างกายและพบแพทย์เมื่อเริ่มมีอาการผิดปกติอาจทำให้พบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มแรกส่งผลให้การรักษาได้ผลดีและมีโอกาสหายจากโรคได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เทคนิคลับ! เดาคำศัพท์ (Context clues)

ภาษาอังกฤษยังถือว่าเป็นปัญหาสำหรับคนไทย เพราะเหตุผลหนึ่งคือการไม่รู้ความหมายของคำศัพท์ แต่ก็ใช่ว่าทุกคำที่ไม่รู้ความหมายจะต้องเปิดหาจากพจนานุกรม เพราะคงจะต้องเสียเวลาไปกับการเปิดพจนานุกรมไปๆ มาๆ วิธีการที่จะช่วยให้เราไม่ต้องเปิดหาคำศัพท์บ่อยๆคือ การเดาคำศัพท์จากบริบทดังนี้

1. เดาศัพท์จากความหมาย (definition)

เคยสังเกตมั้ยว่าเวลาอ่านบทความหรืออะไรก็ตาม โดยเฉพาะถ้าเป็นพวกตำราต่างๆ ถ้าเป็นศัพท์ยากหรือศัพท์ใหม่จะมีการให้คำจำกัดความไว้ โดยสังเกตจากคำต่อไปนี้ คือ

mean, verb to be, to be called as, to be defined, as to be regarded as,  to be known as, may be describes as, refer to, to be a kind/type of

เช่น

Personality can be defined as organized set of characteristics possessed by a person that determine ones persona.

Circulate means to move around and return to the same place.

หรืออีกแบบหนึ่งคือ การบอกความหมายโดยใช้ เครื่องหมายวรรคตอน

เช่น  comma (,), dash (-), parentheses ( ) หรือ colon (:)

Messrs., the plural of Mr. is seldom used as a little.

ความหมายของคำว่า Merssrs. จะอยู่ระหว่างเครื่องหมาย comma ( , ) เป็นการนำข้อความเข้ามาแทรกไว้เพื่อขยายความให้ผู้อ่านเข้าใจความหมายของ Merssrs. ว่าเป็นรูปพหูพจน์ของ Mr.

2. เดาศัพท์จากตัวอย่าง (example)

ผู้อ่านอาจจะใช้การยกตัวอย่างเพื่อบอกความหมายของศัพท์ โดยดูได้จากคำ ต่อไปนี้คือ

for example, such as, for instance, including, etc.

เช่น

She is very touchy. For example, she usually gets angry when her teacher makes comments on her work.

Do you participate in one of the more popular avocations, such as jogging, tennis, or stamp collecting?

3. เดาศัพท์จากคำตรงข้าม (opposite meaning)

Although  / even though / though   แม้ว่า

but / yet  แต่

however /nevertheless  แต่อย่างไรก็ตาม

in spite of / despite   แม้ว่า

on the contrary  / on the other hand  ในทางตรงกันข้าม

in contrast / conversely   ในทางกลับกัน

เช่น

He writes to her constantly ; however, she rarely answers his letter.

(constantly เป็นคำศัพท์ที่เราเดาความหมาย มีความหมายตรงข้ามกับ rarely คือ ไม่บ่อย ดังนั้น constantly จึงแปลว่า บ่อยๆ)

4. การเดาคำศัพท์จากการกล่าวซ้ำ (restatement)

การกล่าวซ้ำจะไม่ใช่การบอกความหมายของคำศัพท์โดยตรง แต่เป็นการกล่าว ซ้ำหรืออธิบายโดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เช่น

in other word, that is, that is to say, etc.

เช่น

These two circles are concentric. In other words, they have the same center.

5. การเดาศัพท์จากการเปรียบเทียบ (comparison)

เป็นการชี้แนะหรืออธิบายความหมายของคำศัพท์โดยการเปรียบเทียบ คำศัพท์

ที่เป็น keyword คือ as, as…………as, like, similar to, likewise, as if, as though, comparing to, comparing with, etc.

เช่น

He is cunning as an old fox; don’t trust him.

An elephant is immense, comparing to a mouse.

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


นักวิเคราะห์ชี้ แฮกเกอร์โสมแดงอาจอยู่เบื้องหลังการฉกเงินคริปโต $70 ล้าน

นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญธุรกิจบล็อคเชนเชื่อว่า แฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือน่าจะอยู่เบื้องหลังการฉกเงินคริปโตจาก CoinEx ซึ่งเป็นบริการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีระดับโลกมูลค่าถึง 70 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

บริษัท CoinEx ซึ่งมีที่ทำการใหญ่อยู่ในฮ่องกง เปิดเผยเมื่อวันอังคารผ่านแพลตฟอร์ม เอ็กซ์ (X) ว่า ระบบวอลเล็ตของตนที่ใช้จัดเก็บสินทรัพย์คริปโตสำหรับการซื้อขายถูกแฮก ก่อนจะระบุในวันศุกร์ว่า มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 70 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทกล่าวว่า เป็น “เพียงก้อนเล็ก ๆ” ของสินทรัพย์รวมทั้งหมดของตน

ในเรื่องนี้ Elliptic ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยบล็อคเชน ให้ความเห็นว่า “ปัจจัยหลายอย่าง” ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ Lazarus Group ที่มีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ น่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

แต่ CoinEx เองก็ยังไม่ออกมาเปิดเผยว่า ใครน่าจะเป็นผู้ทำการแฮกระบบของบริษัท แม้จะเคยบอกกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ว่า บริษัทพอจะทราบมาว่า บริษัทรักษาความปลอดภัยบ้างแห่งอ้างว่า ทีมจารกรรมทางไซเบอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือคือตัวการในเรื่องนี้

นักวิจัยจาก Elliptic กล่าวด้วยว่า เงินบางส่วนที่ถูกขโมยมาจาก CoinEx นั้นถูกส่งไปยังวอลเล็ตสำหรับเงินคริปโตที่ Lazarus Group เคยใช้เพื่อฟอกเงินที่ถูกขโมยไปก่อนหน้า และเงินก้อนดังกล่าวก็ถูกส่งต่อไปยังบล็อคเชนเงินคริปโต Ethereum ผ่าน “สะพาน” บล็อคเชน ซึ่งเป็นวิธีโอนถ่ายเงินระหว่างบล็อคเชนต่าง ๆ อันเป็นสิ่งที่ Lazarus Group ใช้บ่อย ๆ

รอยเตอร์ติดต่อไปยังผู้แทนเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติเพื่อสอบถามเรื่องนี้ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

Elliptic เปิดเผยด้วยว่า Lazarus Group “เหมือนจะเร่งกำลังปฏิบัติการของตนเมื่อเร็ว ๆ นี้” และทำการขโมยสินทรัพย์คริปโตเป็นมูลค่ารวมแล้วถึง 240 ล้านดอลลาร์จากการโจมตี 4 ครั้งตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน โดยไม่ได้นับรวมกรณีของ CoinEx

ขณะเดียวกัน Chainalysis ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยบล็อคเชนอีกแห่ง บอกกับรอยเตอร์ เมื่อวันพฤหัสบดีว่า ทีมงานของตนมี “ความมั่นระดับกลาง-สูง” ว่า เกาหลีเหนือคือผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตี CoinEx ครั้งนี้เช่นกัน

ทั้งนี้ รายงานขององค์การสหประชาชาติระบุว่า เกาหลีเหนือยกระดับปฏิบัติการขโมยคริปโตเคอร์เรนซีมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยใช้เทคนิคซับซ้อนต่าง ๆ เพื่อการดำเนินการดังกล่าวในปี 2022 ในระดับที่สูงกว่าปีก่อน ๆ ขณะที่ กลุ่มงานเฝ้าสังเกตการณ์การดำเนินมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจก็เคยกล่าวหากรุงเปียงยางว่าใช้การโจมตีทางไซเบอร์เพื่อหาเงินมาสนับสนุนโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของตนด้วย

แต่เกาหลีเหนือก็ปฏิเสธคำกล่าวหาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการแฮกหรือการโจมตีทางไซเบอร์

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“กล้วย” แต่ละชนิด มีประโยชน์และโทษต่างกันอย่างไร

กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ และกล้วยชนิดอื่น ๆ มีสารอาหารหลัก ๆ เหมือนกัน แต่บางอย่างก็ต่างกัน สุขภาพของบางคนอาจจะเหมาะกับกล้วยบางชนิดมากกว่า

ในฐานะผู้บริโภค เราคงทราบกันดีว่ากล้วยแต่ชนิด แต่ละสายพันธุ์ มีรสชาติใกล้เคียงแต่ก็แตกต่างกันไปชนิดที่บางชนิดปิดตากินก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นกล้วยพันธุ์ไหน นอกจากรสชาติและรูปร่างลักษณะภายนอกที่แตกต่างกันแล้ว ยังให้สารอาหารบางอย่างที่ต่างกัน และอาจจะเหมาะกับสุขภาพของแต่ละคนต่างกันด้วย

“กล้วย” แต่ละชนิด มีประโยชน์และโทษต่างกันอย่างไร

  • กล้วยหอม
    กล้วยหอม เป็นหนึ่งในกล้วยที่ให้ปริมาณมากที่สุดต่อ 1 ผล หลายคนจึงเลือกกินเป็นมื้ออาหารเช้า เพราะนอกจากจะอิ่มแล้ว กล้วยหอมยังให้พลังงานสูงด้วย เราจึงเห็นนักวิ่ง หรือนักกีฬากินกล้วยหอมก่อนหรือระหว่างการแข่งขัน เพื่อให้พลังงานแบบด่วนๆ นั่นเอง

    นอกจากนี้ กล้วยหอมยังช่วยให้คนเลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะในกล้วยหอมมีวิตามินบี 6 บี 12 และโพแทสเซียม ที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัว และลดอาการเหวี่ยงจากการขาดนิโคตินของบุหรี่ได้เป็นอย่างดี ถ้าอยากกินกล้วยหอมเพื่อช่วยลดอยากบุหรี่ ควรกินมื้ออาหาร ที่เป็นช่วงที่อยากบุหรี่มากที่สุด
  • กล้วยน้ำว้า
    หากเป็นกล้วยน้ำว้าที่มีความสุกไม่มาก ติดห่ามๆ เล็กน้อย จะมีธาตุเหล็กสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง นอกจากนี้กล้วยน้ำว้ายังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี แคโรทีน ไนอะซิน และมีกากใยอาหารที่เหมาะสมและช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร ขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย
  • กล้วยไข่
    กล้วยไข่มีคุณสมบัติช่วยชะลอวัย เพราะมีวิตามินบี 1 บี 2 บี 6 บี 12 และสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า เบต้าแคโรทีน ที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้เป็นอย่างดี 
  • กล้วยหักมุก
    กล้วยหักมุกมีผลใหญ่ ก้านยาว ปลายลีบแหลม มีสันเหลี่ยมและเปลือกหนากว่ากล้วยชนิดอื่นๆ กล้วยหักมุกมีสารที่ชื่อว่า ไซโตอินโดไซด์ ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อันเนื่องจากแผลในกระเพาะอาหารได้ดี

ข้อควรระวังในการกินกล้วย

แม้ว่ากล้วยจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก และแตกต่างกันออกไปในแต่ละชนิด แต่สำหรับคนที่ชอบกินกล้วยเป็นประจำอาจต้องทราบเอาไว้ว่า กล้วยเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูงจากปริมาณน้ำตาลในกล้วย กล้วยหอม 1 ผลให้พลังงานราว 105 กิโลแคลอรี่ น้ำตาลราว 2.8 ช้อนชา ในขณะที่กล้วยลูกเล็กๆ อย่างกล้วยไข่ 2 ผล ให้พลังงาน 56 กิโลแคลอรี่ หรือน้ำตาลราว 2.2 ช้อนชา เช่นกัน ดังนั้นจึงควรจำกัดปริมาณของกล้วยที่กินต่อวันให้ดี อย่ากินมากเกินไป และกล้วยเหมาะกับการให้พลังงานก่อนออกกำลังกายได้ดีมาก

นอกจากนี้ควรเลือกกินเฉพาะกล้วยสุก เพราะกล้วยดิบจะมีแป้งมาก ย่อยยาก ทำให้ท้องอืด และท้องผูก เพราะเส้นใยอาหาร (เพคติน) ในกล้วยที่อาจไปดูดซึมน้ำในลำไส้ เมื่อลำไส้ไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงกากอาหาร อุจจาระจึงแข็งตัวจนเกิดอาการท้องผูก

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 18/09/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,400.0032,500.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,099.0031,820.8433,000.00
ทองรูปพรรณ 90%1,889.1028,638.76n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,679.2025,456.67n/a
ทองรูปพรรณ 50%945.0014,326.20n/a
ทองรูปพรรณ 40%735.0011,142.60n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,175.0032,973.00n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/09/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9540.4540.4541.5540.4540.8540.4540.4540.4540.4540.45
แก๊สโซฮอล์ 9140.1840.1841.2840.1840.5840.1840.1840.1840.1840.18
แก๊สโซฮอล์ E2038.1438.1439.2438.1438.5438.1438.1438.1438.14
แก๊สโซฮอล์ E8537.7937.7937.79
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม45.4449.3451.3449.3445.44
เบนซิน 9548.2449.8148.7448.3948.24
ดีเซล B731.9431.9432.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม42.2444.3449.4444.3443.6442.24
แก๊ส NGV17.5917.5917.59


 

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า