สาระน่ารู้ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2566

เอสซี แอสเสทผนึกIWGผุดเฟล็กซิเบิลสเปซตอบโจทย์การทำงานแบบไฮบริด

เอสซี แอสเสท จับมือ IWG เนรมิตพื้นที่อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3ให้เช่าเป็นเฟล็กซิเบิลสเปซ ภายใต้แบรนด์รีจัส (Regus)เพื่อตอบโจทย์การทำงานแบบไฮบริดกลุ่ม Gen Y

จากแนวโน้มความต้องการ สถานที่ทำงานซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ มีความยืดหยุ่นเหมาะสำหรับผู้ใช้งานมากกว่าสำนักงานแบบเดิม ที่เรียกว่า Flexible Workspace เพิ่มขึ้นหลังโควิด-19 เพื่อดึงคนรุ่นใหม่และฟรีแลนซ์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่สำนักงานทั่วไปเข้ามาร่วมงาน ที่สำคัญสามารถประหยัดต้นทุนให้ผู้เช่าได้เฉลี่ย25% !

จีระศักดิ์ เตชะทวีกุล Head of Property Management เอสซี แอสเสท กล่าวว่า  บริษัทได้มองเห็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของตลาดอาคารสำนักงานให้เช่า โดยความต้องการในการทำงานแบบไฮบริดในหลายธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่ง Co-working space เป็นหนึ่งในเทรนด์การทำงานที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน โดยเฉพาะ กลุ่ม Gen Y  ซึ่งคุ้นชินกับดิจิทัลเทคโนโลยี ที่ชื่นชอบในความคล่องตัวและยืดหยุ่นในการทำงานพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดเตรียมไว้ให้ อาทิ เครื่องใช้สำนักงาน โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ห้องประชุม และ พื้นที่ส่วนกลาง โดย SC มองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจนี้
 

จึงได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ กับ IWG ผู้นำด้านการให้บริการพื้นที่สำนักงานให้เช่าแบบยืดหยุ่น (Flexible Workspace) อย่าง Regus, Spaces, No18, Basepoint, Open Office และ Signature  ที่ให้บริการมากกว่า 3,300 แห่ง ใน 1,000 เมืองและกว่า 110 ประเทศ  ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ เพื่อขยายฐานลูกค้าในการเช่าพื้นที่สำนักงานได้มากขึ้นต่อไปในอนาคต  เริ่มจากจับมือร่วมบริหารพื้นที่ชั้น 32 ของอาคารชินวัตร ทาวเวอร์ 3 ให้เป็น Flexible WorkSpace สำนักงานให้เช่าแบบครบวงจรภายใต้แบรนด์ รีจัส (Regus) พร้อมคิกออฟเปิดให้ใช้บริการในปี 2567 

ปัจจุบันอาคารชินวัตร ทาวเวอร์ 3 เป็นอาคารที่รองรับมาตรฐาน WELL Health-safety rated โดย WELL Building Institute ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต ในทำเลที่ง่ายต่อการเดินทางไปยังดอนเมืองโทลล์เวย์ และ ถนนพหลโยธิน ใกล้กับห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และโรงแรม เป็นอาคารสำนักงาน ชินวัตรทาวเวอร์ 3 สูง 38 ชั้น พื้นที่เช่าทั้งหมด 53,000 ตร.ม. พื้นที่จอดรถ 1,200 คันมีห้องประชุม ห้องสัมมนา ร้านค้าปลีก คาเฟ่ ธนาคาร อำนวยความสะดวกภายในอาคารครบครัน 

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


คนจีนหันซื้อคอนโดมือสองทำเลซีบีดีเพื่อเป็นบ้านหลังสองและการลงทุน

คอนโดมือสองทำเลซีบีดีฮอต! คนจีนหันซื้อเพิ่มเพื่อเป็นบ้านหลังสองและการลงทุน หลังซัพพลายใหม่น้อยลง แถมราคาคอนโดต่ำกว่าโครงการเปิดใหม่ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯชี้ปี67 หากท่องเที่ยวฟื้นตัวส่งผลดีต่อการขยายตัวของสัดส่วนผู้ซื้อที่อยู่อาศัยต่างชาติเพิ่มขึ้น

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์  กล่าวว่า ปัจจุบันมีคนต่างชาติมีการซื้อห้องชุดมือสองเพิ่มขึ้น โดยพบว่า การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของให้คนต่างชาติ ในช่วง 9 เดือนแรก ปี 2566 มีสัดส่วนระหว่างห้องชุดใหม่และห้องชุดมือสองมีอัตราส่วนประมาณ 60 : 40 และพบว่าห้องชุดมือสองมีการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติเป็นห้องชุดใหม่ต่อห้องชุดมือสองเป็นอัตราส่วนประมาณ 69 : 31

 ทั้งนี้ การที่สัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมือสองของคนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นได้แสดงให้เห็นว่า คนต่างชาติอาจยังมีความต้องการห้องชุดมือสองอยู่ในทำเลพื้นที่ชั้นใน หรือ พื้นที่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจของเมือง  อาทิ   สีลม สาทร เพลินจิต สุขุมวิท ซึ่งในปัจจุบันมีอุปทานให้เลือกน้อยลง ประกอบกับราคาห้องชุดมือสองในทำเลเหล่านี้มีราคาที่ต่ำกว่าโครงการเปิดใหม่ ดังนั้น ห้องชุดมือสองจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อสัญชาติจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ไม่อาจมองข้าม

จากการคาดการณ์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ คาดว่า ห้องชุด/คอนโดในประเทศไทยยังเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อจากต่างประเทศ โดยเฉาะคนจีนที่เป็นการซื้อเพื่อการลงทุนและเป็นบ้านหลังที่สอง ประกอบกับตลาดห้องชุดของไทยก็ยังเปิดกว้างให้แก่ผู้ซื้อต่างชาติ

เนื่องจากภาพรวมการถือครองห้องชุดของคนต่างชาติยังมีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับสัดส่วนตามกฎหมายกำหนดไว้ที่ร้อยละ 49 ของพื้นที่ทั้งหมด ดังนั้น ในปี 2567 หากการท่องเที่ยวขยายตัวมากขึ้นกว่าปีนี้ น่าจะส่งผลดีต่อการขยายตัวของสัดส่วนผู้ซื้อที่อยู่อาศัยต่างชาติให้เพิ่มขึ้น และน่าจะสามารถเป็นส่วนที่มาช่วยชดเชยกำลังซื้อของคนไทยที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ได้ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ให้มีการขยายตัวอีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ยังพบว่า ระดับราคาห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติอยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 3ล้านบาท โดยมีการโอนจำนวน 1,490 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.3 ของจำนวนหน่วยทั้งหมด ซึ่งเป็นระดับราคาห้องชุดที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ซื้อมากที่สุดตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน อันดับรองลงมาคือ ระดับราคา 3- 5ล้านบาท มีจำนวน 843 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.1 ระดับราคา 5 – 7.5ล้านบาท มีจำนวน 507 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.1 ระดับราคามากกว่า 10ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวน 346 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.3 และระดับราคา 7.5- 10ล้านบาท มีจำนวนน้อยที่สุด คือ 179 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.3 ตามลำดับ ทั้งนี้ ผู้ซื้อสัญชาติพม่ายังคงมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่มีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงสุดที่ 6.5 ล้านบาท

ขณะที่ ขนาดพื้นที่ห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติ คือ ขนาดพื้นที่ 31 – 60 ตารางเมตร (ประเภท 1 – 2 ห้องนอน) โดยมีจำนวนหน่วยที่โอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติ จำนวน 1,814 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 53.9 ของจำนวนหน่วยทั้งหมด สำหรับอันดับรองลงมา คือ ห้องชุดขนาดพื้นที่ไม่เกิน 30 ตารางเมตร (สตูดิโอ หรือ 1 ห้องนอน) มีจำนวน 972 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28.9 ถัดมาคือ ห้องชุดขนาดพื้นที่ 61 – 100 ตารางเมตร (2 – 3 ห้องนอนขึ้นไป) จำนวน 392 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.6 และห้องชุดขนาดพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตร (3 ห้องนอนขึ้นไป) มีจำนวนน้อยที่สุด คือ 187 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.6 ตามลำดับ ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า ห้องชุดขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตร และ ขนาด 31 – 60 ตารางเมตร เป็นประเภทห้องชุดที่คนต่างชาตินิยมมากที่สุดมาตั้งแต่ช่วงปี 2561  ทั้งนี้ ผู้ซื้อสัญชาติสหราชอาณาจักรมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดขนาดเฉลี่ยใหญ่สุดอยู่ที่ 56.7 ตารางเมตร

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 18ธ.ค. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าบ้าง จากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธฺหุ้นไทย แนะจับตาทิศทางเงินเยนและราคาทองคำ

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 18ธ.ค. 2566 ที่ระดับ  35.00 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.82 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่านับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 34.77-35.01 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว หลังราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านโซนแนวต้านสำคัญ ก่อนที่จะย่อตัวลงต่อเนื่อง

โดยปัจจัยหนุนเงินดอลลาร์นั้นมาจากถ้อยแถลงของ John Williams ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงินเฟด (FOMC) ที่ได้ระบุว่า “เฟดยังไม่ได้หารือกันเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ย และยังคงให้ความสำคัญต่อคำถามว่า นโยบายการเงินมีความเข้มงวดเพียงพอที่จะทำให้เฟดบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อได้หรือไม่”

ซึ่งมุมมองดังกล่าวได้สวนทางกับการส่งสัญญาณของประธานเฟดล่าสุด ที่ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยลงได้เร็วและลึกในปีหน้า

 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผลการประชุมเฟดล่าสุด ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยลงในปีหน้าได้ราว 6 ครั้ง หรือ -150bps

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรระวังความผันผวน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รวมถึง รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งจะกระทบต่อมุมมองแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดของผู้เล่นในตลาดได้

 ฝั่งสหรัฐฯ – แม้ว่าสัปดาห์นี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญฝั่งสหรัฐฯ อาจมีไม่มาก ทว่า ควรระวังการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดของผู้เล่นในตลาด หลังจากล่าสุดผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยลงได้ราว 6 ครั้ง (-150bps) ในปีหน้า ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยที่เร็วและลึกกว่าที่เฟดประเมินไว้ใน Dot Plot ล่าสุด

 ทำให้ในสัปดาห์นี้ บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอาจออกมาให้ความเห็นเพื่อลดความคาดหวังของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดดังกล่าว ขณะเดียวกัน ควรจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย Conference Board, ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และ

อัตราเงินเฟ้อ PCE โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด หรือ ยังสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่สดใส ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง ซึ่งอาจทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นได้

▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ อาทิ อัตราเงินเฟ้อ CPI รวมถึงยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของอังกฤษ และดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (Ifo Business Climate)

โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว สะท้อนภาพการชะลอตัวลงของเงินเฟ้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ก็อาจยิ่งกดดันให้สกุลเงินฝั่งยุโรป อย่าง เงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) อ่อนค่าลงได้บ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดอาจมองว่า ทั้ง BOE และ ECB ก็มีแนวโน้มที่จะทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีหน้า ไม่ต่างจากเฟด หรือ อาจจะลดดอกเบี้ยลงได้เร็วและลึกกว่าเฟด หากภาพรวมเศรษฐกิจซบเซาหนักกว่าคาด

▪ ฝั่งเอเชีย – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยเราประเมินว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.10% ทั้งนี้ เรามองว่า มีความเป็นไปได้ที่ทาง BOJ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบาย Yield Curve Control (YCC) เพื่อสะท้อนการทยอยใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น หลังภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น

โดยเฉพาะในส่วนภาคการบริการ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่ไม่รวมผลของราคาพลังงานและอาหารสด (Core Core CPI) ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 4% โดย BOJ อาจประกาศยกเลิกการทำ YCC ได้ เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การทยอยปรับใช้นโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้น เช่น การทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หาก BOJ เริ่มมองว่า มีแนวโน้มที่ทาง BOJ จะสามารถบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2% ได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ เรามองว่า ทาง BOJ ก็อาจพยายามลดความคาดหวังของตลาดต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงบ้าง ด้วยการส่งสัญญาณว่า BOJ พร้อมที่จะกลับมาใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นได้ ตามความเหมาะสม โดยเฉพาะในกรณีที่ เศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญความเสี่ยง จนอาจทำให้ BOJ ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อได้

อนึ่ง หาก BOJ มีการปรับนโยบายการเงินในเชิงที่เข้มงวดมากขึ้น ตามที่เราประเมินไว้ ก็มีโอกาสช่วยหนุนให้ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทยอยแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่อาจติดโซนแนวรับหลักแถว 141 เยนต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดได้คาดหวังต่อแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินดังกล่าวมาพอสมควรแล้ว

ขณะที่ หาก BOJ ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดตามคาด ก็อาจเปิดความเสี่ยงที่เงินเยนญี่ปุ่นจะอ่อนค่า เร็วและแรง สู่ระดับ 145 เยนต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก และนอกเหนือจากผลการประชุม BOJ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาท่าทีของทางธนาคารกลางจีน (PBOC) ว่าจะมีการส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ หลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงซบเซากว่าคาด

ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างลดความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ดังจะเห็นได้จากการที่ บรรดานักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ ต่างลดคำแนะนำการลงทุนในสินทรัพย์จีน โดยเฉพาะ หุ้นจีน เป็น Underweight  

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าเริ่มแผ่วลง จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทำให้เงินบาทอาจติดโซนแนวรับแถว 34.70 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป คือ 34.50 บาทต่อดอลลาร์) อนึ่ง เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าอยู่บ้าง เนื่องจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็มีแนวโน้มไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้ หลังนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่า +5.4 พันล้านบาทในสัปดาห์ก่อนหน้า

ส่วนโซนแนวต้านที่สำคัญ คือ โซน 35 บาทต่อดอลลาร์ (โซนแนวต้านถัดไป 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์) ทั้งนี้ ต้องจับตาทิศทางเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) และที่สำคัญทิศทางราคาทองคำ เนื่องจาก โฟลว์ธุรกรรมทองคำยังคงส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทได้พอสมควร

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์ยังมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้ หากผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟดลง ตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจออกมาดีกว่าคาดหรือถ้อยแถลงบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่เน้นย้ำว่าเฟดยังไม่รีบลดดอกเบี้ยลง นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ถ้า BOJ ไม่ได้ส่งสัญญาณปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้นตามคาด

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงนี้ ตลาดการเงินยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน รวมถึง ความกังวลต่อทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย

อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.65-35.20 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.85-35.10 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.95-34.97 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดปลายสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 34.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ เงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย

ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องจากช่วงปลายสัปดาห์ก่อน (จากที่ถูกเทขายหนักในช่วงหลังการประชุมเฟด) หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดออกมาให้ความเห็นว่า เฟดยังไม่ได้มีการหารือในเรื่องของการปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งอาจทำให้จังหวะการลดดอกเบี้ยในปี 2567 ไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วตามที่ตลาดประเมินไว้ 

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีด้วยเช่นกัน โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (Composite PMI) ของสหรัฐฯ เบื้องต้นสำหรับเดือน ธ.ค. ขยับขึ้นแตะระดับ 51.0 ซึ่งสูงสุดในรอบ 5 เดือน ในทางกลับกัน Composite PMI ของยูโรโซน ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ที่เป็นโซนหดตัว โดยปรับตัวลดลงกว่าที่คาดไปแตะระดับ 47.0 ในเดือนธ.ค. 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ เบื้องต้นคาดไว้ที่ 34.80-35.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณฟันด์โฟลว์ สถานการณ์เงินเยนในช่วงการประชุม BOJ (18-19 ธ.ค.) รวมถึงดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เด็กมันมีของ! “3 ยักษ์ยุโรป” รุมแย่ง “กรีนวูด” ล่าตาข่าย

เนื้อหอมจัดๆ สำหรับ เมสัน กรีนวู้ด หัวหอกตัวยืมของ เคตาเฟ เป็นข่าวกำลังอยู่ในการจับจ้องของ 3 มหาอำนาจลูกหนังลีกยุโรปทั้ง เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา และ บาเยิร์น มิวนิค ที่อาจรุกเข้าคว้าตัวไปเสริมคมแนวรุกในตลาดซัมเมอร์หน้า

ด้วยปัญหาคดีความทางเพศทำให้ กรีนวูด หมดอนาคตกับ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยแม้ศาลจะตัดสินพ้นผิด ก็ยังไม่ได้ไฟเขียวจากทีมปีศาจแดงให้กลับไปลงสนาม แต่ก็ไม่ได้มีการฉีกสัญญาจ่ายค่าชดเชยให้ กระทั่งถูกส่งยืมตัวมายัง เคตาเฟ อย่างเซอร์ไพรส์ในวันปิดตลาด 1 ก.ย.

จนถึงตอนนี้ กองหน้าวัย 22 ปี กลายเป็นซูเปอร์ดีลของ เคตาเฟ เมื่อลงสนามไปทั้งสิ้น 14 นัด ยิงไป 5 ประตู รวมนัดล่าสุดที่ยิงจุดโทษปิดท้ายให้ต้นสังกัดชั่วคราวบุกชนะ เซบีญา 3-0 เมื่อวันเสาร์

ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังพิจารณาจะดึงตัว กรีนวูด กลับไปแก้ปัญหาเกมรุกในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาวม.ค.ที่จะถึงนี้

ยังมีรายงานล่าสุดว่า 3 ยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด, บาร์ซา ไปจนถึง บาเยิร์น มิวนิค ต่างก็กำลังจับตามองสถานการณ์ของ กรีนวูด อยู่ ณ ตอนนี้ เนื่องจากฟอร์มดีๆที่ร่ายให้กับ เคตาเฟ ตลอดช่วงที่ผ่านมา บวกประสบการณ์จากการเล่นในลาลีกาและพรีเมียร์ลีก จนถึงอายุอานามที่ยังมีระยะค้าแข้งอีกยาวไกล

สำหรับในราย บาเยิร์น มิวนิค แม้จะมี แฮร์รี เคน เป็นดาวยิงตัวหลักอยู่แล้ว แต่พวกเขาพร้อมปรับตัวเลือกถัดมา ด้วยการเทขาย เอริก มักซิม ชูโป-โมติง ออกไป เพื่อเปิดทางให้ กรีนวูด เข้าไปเสริมทัพ

อย่างไรก็ตาม การที่หัวหอกดีกรีทีมชาติอังกฤษ 1 นัด ถูกปล่อยออกจากโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มาจากการตัดสินใจของบอร์ดชุดเก่า โดยหากว่า เซอร์ จิม แร็ตคลิฟฟ์ เข้าถือหุ้นปีศาจแดงได้สำเร็จ ก็อาจทำให้ กรีนวูด ยังคงมีอนาคตกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ปัจจัยเสี่ยง “มะเร็งปอด” อาการของโรคมะเร็งปอด ที่พบบ่อย และวิธีป้องกัน

กรมการแพทย์เผยสัญญาณอันตราย มะเร็งปอด หากพบไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะเป็นเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบมีเสียงหวีด เสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยนไป เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ ปอดติดเชื้อง่าย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา ลดเสี่ยงมะเร็งปอด

นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสำคัญ ทางสาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลก กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขได้เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาโรคมะเร็งปอดที่คนทั่วโลกป่วยและเสียชีวิตมากที่สุด สำหรับประเทศไทย โรคมะเร็งปอด เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับที่ 2 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในเพศหญิง สถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติ องค์การอนามัยโลก รายงานว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลก 2 ล้านคนต่อปี และเสียชีวิต 1.7 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติในปี 2557 มีผู้ป่วยมะเร็งปอดเพศชายรายใหม่จำนวน 9,779 คน หรือคิดเป็น 27.4 คนต่อประชากรแสนคนและเพศหญิงจำนวน 5,509 คน หรือคิดเป็น 14.2 คนต่อประชากรแสนคน และในปี 2559 มีคนไทยเสียชีวิต 13,414 คนต่อปี

ปัจจัยเสี่ยงโรคมะเร็งปอด

นายแพทย์วีรวุฒิ  อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคมะเร็งปอด คือ

  1. การสูบหรือรับควันบุหรี่
  2. พันธุกรรม
  3. สัมผัสสารก่อมะเร็งอื่นๆ ที่พบว่าเป็นสาเหตุได้บ่อยในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งปอดเช่น ก๊าซเรดอน แร่ใยหิน รังสีควันธูป ควันจากท่อเสีย และมลภาวะทางอากาศ 

อาการของโรคมะเร็งปอด ที่พบบ่อย ได้แก่

  • ไอเรื้อรัง
  • ไอมีเสมหะเป็นเลือด
  • หายใจลำบาก
  • เหนื่อยหอบ
  • มีเสียงหวีด
  • เสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยนไป
  • เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่
  • ปอดติดเชื้อง่าย
  • เหนื่อยง่าย
  • อ่อนเพลีย
  • เบื่ออาหาร
  • น้ำหนักลด 

มะเร็งปอด ไม่มีตรวจคัดกรอง

ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพในระดับประชากร แต่มีคำแนะนำให้ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเข้ารับการคัดกรองเป็นประจำทุกปี หรือหากมีอาการผิดปกติเหล่านี้อย่างต่อเนื่องเกิน 3 สัปดาห์ ควรรีบปรึกษาแพทย์การรักษาโรคมะเร็งนี้ คือการผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัดการฉายรังสี และการรักษาโดยให้ยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในระยะใดของโรคดังนั้นการตรวจคัดกรองในรายที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดสูงอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถค้นหาผู้ป่วยมะเร็งปอดในระยะเริ่มแรกได้และให้การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ 

วิธีป้องกันโรคมะเร็งปอด

การป้องกัน ด้วยวิธีง่ายๆเพียงแค่เริ่มต้น “เลิกสูบบุหรี่” เพื่อตัวคุณเอง ครอบครัวและสังคมรอบข้าง และหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำสม่ำเสมอ ออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์  

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


การสื่อสารภาษาอังกฤษในที่ทำงาน

ฝึกภาษาอังกฤษในที่ทำงาน

ความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงานยังเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก สำหรับคนวัยทำงานอย่างเราๆ ในแต่ละวันเราอาจจะสถานการณ์ที่ได้พบเจอกับเพื่อนร่วมงาน หน้าลิฟท์ โถงทางเดิน โต๊ะทำงาน หรือ นอกเหนือจากในเวลางาน ในสถานที่ต่างๆ การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเล็กน้อยจะช่วยสร้างความคุ้นเคย ในการทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ หรือแม้เพื่อนร่วมงานชาวต่างชาติก็ตาม

หากคุณชวนคุยไม่เก่ง ไม่ต้องเป็นกังวล เอ็ด ดู เฟิร์สท์ รวมตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ ในสถานการณ์ต่างๆ ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ในการทำงาน ได้อย่างลงตัว

ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ ทักทาย เพื่อนร่วมงาน ระหว่างวัน

A: Hey! How’s your day going?
B: Hey there! It’s going well, thank you. How about yours?
A: Pretty good so far. Any plans for the afternoon?
B: Not much, just working on a few projects. What about you?
A: I have a meeting later, but other than that, I’m free.
B: Sounds busy. Wishing you a productive day ahead!
A: Thanks, same to you! Catch up with you later.

ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ ทักทายตอนเช้า

A: Good morning! How are you today?
B: Good morning! I’m doing well, thank you. How about you?
A: I’m great, thank you for asking. Did you have a good weekend?
B: Yes, it was quite relaxing. How about yours?
A: It was good too. Ready to start the week?
B: Absolutely! Let’s make it a productive one.
A: Sounds like a plan. Have a great day!
B: You too! Take care

ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ ทักทายเพื่อนร่วมงาน ได้ทั้งวัน

A: Hey! How’s your day going so far?
B: Hey there! It’s been pretty busy, but productive. How about yours?
A: Likewise, lots to do but making progress. Any interesting updates?
B: Actually, I just finished a presentation that went really well. How about you?
A: That’s great to hear! I’ve been working on a new project, and it’s coming along nicely.
B: Awesome! We should catch up later to exchange ideas. Have a fantastic day!
A: Definitely, let’s plan a meeting. Thanks, you too! Take care.

ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ ทักทายเพื่อนร่วมงาน ใกล้เลิกงาน

A: Hey! Wrapping up the day soon?
B: Hi there! Yes, just finishing up a few things. How about you?
A: Same here, tying up loose ends before heading out. Any plans for the evening?
B: Not much, just relaxing and catching up on some reading. How about yourself?
A: Sounds nice! I’m meeting some friends for dinner. Have a great evening!
B: Thank you! Enjoy your dinner and have a wonderful evening too!

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


อัปเดตค่าที่จอดรถสนามบินดอนเมือง 2566 – 2567 จอดค้างคืนวันละกี่บาท?

อัปเดตค่าที่จอดรถสนามบินดอนเมือง 2566 – 2567 สามารถนำรถไปจอดที่ไหนได้บ้าง? เสียค่าจอดชั่วโมงละกี่บาท? หากจอดค้างคืนเสียวันละเท่าไหร่? Sanook Auto รวบรวมคำตอบมาให้แล้ว

ที่จอดรถสนามบินดอนเมืองมีกี่แห่ง?

ปัจจุบันพื้นที่จอดรถภายในพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมืองมีทั้งสิ้น 3 แห่ง ได้แก่ อาคารจอดรถ อาคาร 1, อาคารจอดรถ อาคาร 2 และอาคารจอดรถยนต์ภายในประเทศ

อาคารจอดรถ อาคาร 1

ตำแหน่ง: ชั้นใต้ดิน อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1
รองรับรถยนต์: 542 คัน

อัตราค่าบริการอาคารจอดรถ อาคาร 1

ระยะเวลาจอดรถยนต์
1 ชั่วโมง25 บาท
2 ชั่วโมง50 บาท
3 ชั่วโมง80 บาท
4 ชั่วโมง110 บาท
5 ชั่วโมง145 บาท
6 ชั่วโมง180 บาท
7-24 ขั่วโมง250 บาท

อาคารจอดรถ อาคาร 2 และอาคารจอดรถยนต์ภายในประเทศ

อาคารจอดรถ อาคาร 2

ตำแหน่ง: อาคารจอดรถ 7 ชั้น

รองรับรถยนต์: 1,498 คัน

อาคารจอดรถยนต์ภายในประเทศ

ตำแหน่ง: อาคารจอดรถยนต์ภายในประเทศ หลังเดิม
รองรับรถยนต์: 470 คัน

อัตราค่าบริการอาคารจอดรถ อาคาร 1 และอาคารจอดรถยนต์ภายในประเทศ

ระยะเวลาจอดรถยนต์
0-3 ชั่วโมง20 บาท
4 ชั่วโมง40 บาท
5 ชั่วโมง60 บาท
6 ชั่วโมง80 บาท
7 ชั่วโมง100 บาท
8-24 ขั่วโมง250 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


‘ASW’ ตอกย้ำศักยภาพธุรกิจ เตรียมรับรู้รายได้ 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 6,400 ล้านบาท พร้อมรุกอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตในปีหน้า หลังกระแสตอบรับ “เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา” ดีเกินคาด

คุณกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เผยภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้ถือเป็นปีที่ดีของบริษัทฯ เนื่องจากมีโครงการใหม่ที่ทยอยสร้างเสร็จ เพื่อโอนกรรมสิทธิ์รวมทั้งสิ้นถึง 10 โครงการ มูลค่าโครงการวม 14,530 ล้านบาท

     ในจำนวนนี้เป็นโครงการใหม่ที่กำหนดสร้างเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 4/2566 จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,400 ล้านบาท ได้แก่ โครงการเคฟ โคโลนี (Kave  Colony) ซึ่งมี จุดเด่นคือทำเลใกล้ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และส่วนกลางที่พร้อมอำนวยความสะดวก 30 รายการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ รวมถึงผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนระยะยาว, แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช (Atmoz Oasis Onnut), แอทโมซ โฟลว์ มีนบุรี (Atmoz Flow Minburi) และ ดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ (The Arbor Donmueng Changwattana)

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการที่ก่อสร้างเสร็จ พร้อมส่งมอบกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่องในปี 2567 จำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 23,177 ล้านบาท ซึ่งจากแผนงานดังกล่าว สะท้อนได้ถึงศักยภาพของ ASW ซึ่งมั่นใจได้ว่าบริษัทฯ มีภาพการเติบโต และแผนการรับรู้รายได้ที่ต่อเนื่องและเข้มแข็ง

     ขณะที่แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ได้ปรับเพิ่มเป็น 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,260 ล้านบาท จากแผนเดิม 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,500 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการเติบโตในอนาคต โดยแผนงานไตรมาส 4/2566 พร้อมเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 5 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 15,100 ล้านบาท ได้แก่

  1. เคฟ วันเดอร์แลนด์ (Kave Wonderland) 1,424 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,550 ล้านบาท เริ่มเปิดให้ชมห้องตัวอย่างปลายเดือน ธันวาคม 2566
  2. แอทโมซ แคนวาส ระยอง (Atmoz Canvas Rayong) 674 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท ทำเลติดศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง เพื่อรองรับการขยายตัวของการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC
  3. โมดิซ โวยาด ศรีนครินทร์ (Modiz Voyage Srinakarin) 813 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท ใกล้บริเวณรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีกรีฑา โดยมีระยะห่างเพียง 300 ม.
  4. โครงการ ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา (The Honor Yothinpattana) บ้านเดี่ยวสุดหรู จำนวน 106 หลัง มูลค่าโครงการกว่า 4,200 ล้านบาท ซึ่งมีบ้านตัวอย่างให้เยี่ยมชมถึง 6 หลัง
  5. เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา (The Title Legendary Bang-Tao) 637 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท

     “โครงการ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในตลาดอสังหาริมทรัย์ ภูเก็ต ภายหลังจัดงาน Agent Day สามารถปิดการขายผ่านตัวแทนด้านธุรกิจในเฟสแรกกว่า 300 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าราว 2,000 ล้านบาทในหนึ่งวัน จึงเชื่อมั่นว่าอสังหาฯ ภูเก็ตยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ”

 “โครงการ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในตลาดอสังหาริมทรัย์ ภูเก็ต ภายหลังจัดงาน Agent Day สามารถปิดการขายผ่านตัวแทนด้านธุรกิจในเฟสแรกกว่า 300 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าราว 2,000 ล้านบาทในหนึ่งวัน จึงเชื่อมั่นว่าอสังหาฯ ภูเก็ตยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ”

     ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASW กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ของปี 2566 ว่า ตลาดเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัจจัยอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ ทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐขาดความต่อเนื่อง เกิดการชะลอการลงทุนของภาคเอกชน ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 และ 3 ที่ผ่านมาเกิดภาวะสุญญากาศ ทำให้ผู้บริโภคใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตามตลาดที่อยู่อาศัยบางส่วนยังมีกำลังซื้อที่ดี เช่น คอนโดมิเนียมรอบมหาวิทยาลัย (Campus Condo) เนื่องจากมีกลุ่มคนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และบริหารเงินด้วยการซื้อคอนโดฯ เพื่อรับผลตอบแทนในระยะยาว ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ รวมทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง นอกจากนี้พบว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ มีการเติบโตที่ดีจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง

     บริษัทฯ คาดการณ์ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามตัวเลขทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.8-3.3% เพราะภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ เดือนตุลาคม-พฤศจิกายนที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากหลายปัจจัย ทั้งสงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาสที่ไม่ได้ขยายวง อัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยที่เริ่มทรงตัว รวมทั้งแรงส่งของการบริโภคภาคเอกชน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ มาตรการ Easy E-Receipt ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2567, โครงการ  Digital Wallet เป็นต้น รวมถึงแรงซื้อจากชาวต่างชาติที่กลับมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นบ้านหลังที่สองในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต เป็นต้น

     “ปี 2567 บริษัทฯ เตรียมขยายการลงทุนโครงการอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ต ผ่านบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE และ บริษัท โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว จำกัด หรือ BGA เพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยว และคนทำงานในจังหวัดภูเก็ต”

     อนึ่ง ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 57 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA),แบรนด์ ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 67,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จรวมถึงโครงการพร้อมอยู่ 41 โครงการ ด้านโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 16 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายคาดการ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 16,337 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


เทศกาลต้นคริสต์มาส “ภูเรือ” มหัศจรรย์แห่งดอกไม้และสายหมอก

ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลวันคริสต์มาสที่หลายคนรอคอยกันแล้ว เพราะเมื่อใกล้เข้าสู่ช่วงคริสต์มาสทีไร แต่ละสถานที่ต่างๆ ก็จะถูกประดับไปด้วยแสงไฟหรือต้นคริสต์มาสน้อยใหญ่

ให้ความรู้สึกถึงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองและความสุขในช่วงปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง วันนี้ Sanook! Travel มีอีกหนึ่งสถานที่จัดงานคริสต์มาสที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ที่สำคัญของทุกปีเลยก็ว่าได้

กับงาน เทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือ ครั้งที่ 6 เทศกาลต้นคริสต์มาสบนยอดภูเรือ ที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นดินแดนแห่งความโรแมนติกด้วยการประดับประดาแสงไฟและไม้ดอกเมืองหนาวสีสันสวยงามไว้มากมาย

ประกอบกับอากาศอันหนาวเย็นที่ภูเรือในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณยอดภูเรือนั้น หนาวเย็นตลอดทั้งปีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นที่นี่จึงเหมาะมากสำหรับคู่รักหรือครอบครัวที่ต้องการชมความงามของหมู่ดอกไม้

และอยากจะปะทะกับลมหนาวแบบจับใจดูสักครั้ง โดยงาน เทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือในปีนี้จะจัดยาวตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2560 – 31 มกราคม 2561 เลยทีเดียว

และที่พลาดไม่ได้หากมาภูเรือนั่นก็คือมุมถ่ายรูปต่างๆ มากมายกับเหล่าดอกไม้นานาพรรณสีสันฉูดฉาดเมื่อสัมผัสกับแสงของพระอาทิตย์แล้วยิ่งชูความเด่นชัดและสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก

และหากโชคดีในช่วงเช้าอาจจะได้พบเจอกับสายหมอกที่ลอยลงมาเยี่ยมเยือนเหนือสวนดอกไม้ทำให้ภาพบรรยากาศทวีคูณความมหัศจรรย์ยิ่งขึ้นไปอีก 

นอกจากสวนดอกไม้เมืองหนาวและสายหมอกแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นไฮไลท์และมุมถ่ายรูปที่สวยงามของภูเรือ นั่นก็คือ กังหันลมสไตล์ตะวันตกที่ตั้งเด่นอยู่กลางสวนดอกไม้

ทำให้ภาพบรรยากาศบริเวณโดยรอบมองดูคล้ายว่าอยู่เมืองนอกจริงๆ ใครได้มาถ่ายรูปในงานนี้ต้องได้รับความประทับใจและความทรงจำดีๆ กลับไปแน่นอน

พิกัดภูเรือ

อุทยานแห่งชาติภูเรือ ต.หนองบัว อ.ภูเรือ จ.เลย

วันที่จัดงาน ต้นคริสต์มาสภูเรือ

จัดงานในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2560 – 31 มกราคม 2561

การเดินทางไปภูเรือ

รถยนต์

เดินทางไปโดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 203 ถึงอำเภอภูเรือ จะมีป้ายอุทยานแห่งชาติอยู่ปากทางเข้าซึ่งอยู่ข้างที่ว่าการอำเภอภูเรือ 

รถโดยสารประจำทาง 

เดินทางจากกรุงเทพฯ มี 2 เส้นทาง คือ 1.รถสายกรุงเทพฯ-ภูเรือ 2.รถสายกรุงเทพฯ-เมืองเลย

นั่งรถประจำทาง ดังนี้ 1.สายเมืองเลย-ภูเรือ 2.นครพนม-เชียงราย 3.อุดรฯ-พิษณุโลก 4.อุดรฯ-เชียงใหม่

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 18/12/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a33,400.0033,500.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,164.0032,806.2434,000.00
ทองรูปพรรณ 90%1,947.6029,525.62n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,731.2026,244.99n/a
ทองรูปพรรณ 50%974.0014,765.84n/a
ทองรูปพรรณ 40%757.0011,476.12n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,242.0033,988.72n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/12/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.7534.7535.2534.7534.7534.7534.7534.7534.7534.75
แก๊สโซฮอล์ 9132.9832.9833.4832.9832.9832.9832.9832.9832.9832.98
แก๊สโซฮอล์ E2032.6432.6433.1432.6432.6432.6432.6432.6432.64
แก๊สโซฮอล์ E8532.7932.7932.79
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม42.5446.4449.9446.4442.54
เบนซิน 9542.6443.8143.1442.7942.64
ดีเซล B729.9429.9430.2429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6445.9443.6442.9441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า