สาระน่ารู้ประจำวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567

ก้าวกระโดด ผลิตภาพอุตสาหกรรมก่อสร้าง

อุตสาหกรรมก่อสร้าง เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศคิดเป็นราว 8% อย่างไรก็ตามน่าสนใจว่า ผลิตภาพ (Productivity) ของอุตสาหกรรมนี้ มีการเจริญเติบโตรั้งท้าย เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ

Productivity งานก่อสร้าง

Mckinsey Global Institute เผยแพร่บทความว่า ผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity) ของอุตสาหกรรมก่อสร้างในโลก เจริญเติบโตเฉลี่ยเพียง 1% ในระยะเวลา 20 ปี ตั้งแต่ปี 1995 ต่ำกว่าอุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆ ที่มีการเติบโตเฉลี่ย 3.6% มาก

Labor Productivity คือการนำแรงงานคนที่ใช้ เทียบกับผลลัพธ์ที่ได้หรือ Output ไปควบคู่กัน จำนวนโครงการก่อสร้างที่เกิดขึ้นมากมาย มิได้หมายความว่าผลิตภาพสูงขึ้นไปด้วย 

งานก่อสร้างมี Supply Chain ใหญ่โตโยงใยถึงธุรกิจวัสดุก่อสร้าง มีผู้คนจำนวนมากเกี่ยวข้อง ตั้งแต่เจ้าของโครงการ สถาปนิกผู้ออกแบบ วิศวกร ช่างคุมงาน แรงงาน จนถึงการดูแลบำรุงรักษาหลังเสร็จสิ้นโครงการ

งานก่อสร้างจำนวนมาก ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากหลายสิบปีก่อน การจัดการไซต์ก่อสร้างด้วยประสิทธิภาพต่ำ ยังพบได้อยู่ทั่วไป

เมื่ออุปกรณ์ก่อสร้างขาด เครื่องมือเสีย วัสดุขาด ทีมงานต้องวิ่งไปร้านขายของ งานหยุดชะงักชั่วคราว คนงานรอ หรือในทางตรงกันข้าม แรงงานขาด เร่งโหมงานทั้งวันทั้งคืนส่งผลกับคุณภาพงาน

ระหว่างเดินหน้าก่อสร้าง พบว่าแบบมีปัญหา ไม่สามารถทำได้ ไปต่อไม่ได้เกิดงานเสีย คอนกรีตหมดเวลา เสียเวลาและแรงงานในการสกัดออก เสียวัสดุคอนกรีตเพื่อเทใหม่

ที่หน้างาน กองหิน ดินทราย เศษปูน พอกพูนเกะกะพื้นที่ เสียเวลาคนและทรัพยากรตักขนออกไป วัสดุจำนวนมากเคลื่อนย้ายมาแล้วแต่กลับกลายไปเป็นขยะ

เมื่อเจ้าของโครงการหรือผู้ใช้งานเปลี่ยนความต้องการ แรงงานชุดใหม่เข้ามาพร้อมอุปกรณ์ทุบทำลาย เพื่อกลับไปนับหนึ่งใหม่ พร้อมกับเศษซากจำนวนมาก เกิดต้นทุนการกำจัด และ เคลื่อนย้าย 

ปัญหา Classic 

ผมเคยได้ยินคุณ ไผท ผดุงถิ่น ผู้พัฒนา Platform เชื่อมต่ออุปสงค์อุปทานวัสดุ กล่าวถึงงานก่อสร้างว่า ‘ห่วย แพง ช้า’ คือ Quality, Cost และ Delivery ซึ่งเป็นหลักการจัดการพื้นฐานของทุกอุตสาหกรรม 

ปัญหาคุณภาพ คือ งานไม่ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก (Right at the First Time) เสียเวลาเพิ่ม ไปกับการทำซ้ำ แก้ไข ปรับแต่ง เกิดต้นทุนเพิ่มโดยไม่จำเป็น กระทบต่อความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้อง

มีตัวเลขประมาณการณ์ว่า ต้นทุนแฝงที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาคุณภาพ สูงถึง 12% ของต้นทุนโครงการ ในมุมกลับ นี่คือโอกาสลดต้นทุนก้อนใหญ่ให้โครงการ

แรงงานใหม่ลดลงจากสังคมผู้สูงอายุ ความเสี่ยงจากการพึ่งพาแรงงานประเทศเพื่อนบ้านสูงมาก การสั่งสมความเชี่ยวชาญของแรงงานเกิดขึ้นยาก จากการโยกย้ายตลอด 

เมื่อบริหารไม่ดี ปัญหาหน้างานกระทบถึงเวลาของโครงการ ต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น ส่งมอบงานล่าช้า เกิดค่าปรับ เจ้าของเสียโอกาสทางธุรกิจ ความเชื่อถือในผู้รับเหมาก่อสร้างไม่เกิด

ความท้าทาย และ การพัฒนา

เราอาจเรียนรู้ วิวัฒนาการยกระดับ Productivity ของอุตสาหกรรมยานยนต์ และนำมาประยุกต์กับงานก่อสร้างได้

หลังจากบุกเบิกระบบ Mass Production โรงงาน Ford ลดเวลาการผลิต และแรงงานที่ใช้ได้อย่างมาก ปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งคือ การพัฒนามาตรฐานชิ้นส่วน เพื่อให้สามารถใช้สลับแทนกันได้ (Interchangeability) 

แนวคิดนี้หากนำมาใช้ จะปรับปรุงผลิตภาพการก่อสร้างแบบก้าวกระโดดได้ ด้วยการผลิตชิ้นงานเป็น Module มาตรฐานจากโรงงาน จากนั้นนำมาประกอบที่ไซต์งาน ออกแบบให้ระบบไฟฟ้า ท่อต่างๆ เชื่อมต่อเข้ากันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

โรงงานและหน้างานเดินคู่ขนานกันไปได้ ทำให้เวลาโครงการสั้นลง วิธีการทำงานที่ไซต์ง่ายกว่าเดิมใช้เวลาน้อยลง เมื่อเวลาผ่านไปสามารถซ่อมแซม ถอดชิ้นส่วนเก่าออก นำชิ้นใหม่ประกอบทดแทนเข้าไป เช่นเดียวกับรถยนต์ 

การปรับปรุงคุณภาพ ทำได้ด้วยการจัดการ ‘ทรัพยากร’ และ ‘กระบวนการทำงาน’ ที่มีมาตรฐาน ควบคู่กับ การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับระบบ TQM ที่มีการพัฒนาต่อมาในอุตสาหกรรมยานยนต์ 

เจ้าของโครงการและวิศวกร/สถาปนิก ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เริ่มโครงการ เพื่อให้พิมพ์เขียวตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง การเปลี่ยนแปลงแก้ไขที่หน้างาน ทั้งๆที่เริ่มก่อสร้างไปแล้ว เป็นความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น 

การออกแบบ คำนึงถึงวิธีการก่อสร้างง่ายและสะดวก ใช้พลังงานคุ้มค่า เชื่อมต่อกับสิ่งแวดล้อมสีเขียวรักษ์โลก เพื่อทรัพยากรคุ้มค่าสูงสุด เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เหล็ก Recycle, วัสดุ Carbon ต่ำ 

นำเทคโนโลยี 3D Model หรือ BIM มาใช้เพื่อการจัดการข้อมูลตลอดวงจรของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ, การบริหารวัสดุ, งานก่อสร้าง, การบำรุงรักษา ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เข้าถึงข้อมูลและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

การวางแผนวัสดุ การประเมินต้นทุน การควบคุมงานและต้นทุนทำได้แม่นยำขึ้น แก้ปัญหาต้นทุนที่มักจะงอกขึ้นมาในระหว่างการดำเนินงาน

ระหว่างการก่อสร้าง มีการจัดการเพื่อลดความสูญเสียตามแนวคิดของ Lean ทั้งของเสีย และ ขั้นตอนงานที่ไม่สร้างคุณค่า ทำให้เกิดงานที่ไหลลื่นไม่สะดุดหยุดติดขัด

ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยลดการใช้แรงงาน เช่น อุปกรณ์และเครื่องจักรอัตโนมัติ, หุ่นยนต์ก่อสร้าง, Drone, เครื่องพิมพ์ 3 มิติ, 3D Scanner 

นำ Smart Camera มาช่วยการตรวจสอบหน้างานบนโลกไซเบอร์ บันทึกความก้าวหน้าด้วยภาพในแต่ละขั้นตอน ตรวจสอบประเมินกิจรรมย้อนหลังได้

หลังเปิดใช้งาน อาคารชาญฉลาดด้วย Sensor ต่อเชื่อมระบบ Internet วัดค่าควบคุมต่างๆ เช่น อุณหภูมิ แสงสว่าง การระบายอากาศ ได้แบบ Real Time เกิดการจัดการพลังงานอย่างคุ้มค่า นำ AI มาใช้ในระบบบำรุงรักษา ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

อุตสาหกรรมก่อสร้าง เป็นแหล่งรวบรวมคนระดับหัวกะทิของประเทศอยู่จำนวนมาก เป็นหนึ่งในภาควิชาสำคัญของคณะวิศวกรรมศาสตร์ และ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ทุกสถาบัน ที่ควรเป็นปัจจัยบวกส่งผลต่อโอกาส ในการพัฒนาปรับปรุงผลิตภาพที่มีความยั่งยืนต่อไปครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


เฟรเซอร์สผนึกสหไทย เทอร์มินอล ผุดโปรเจกต์ลาสต์ ไมล์ ฮับ รับอีคอมเมิร์ซบูม

  • กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ 
  • เปิดตัวLast Mile Hub คลังสินค้าใหม่ที่เชื่อมต่อเส้นทางกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
  • หนุนการจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและไร้รอยต่อ
  • เจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, 3PL และ Last Mile Delivery

นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ให้ข้อมูลว่า เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ได้ร่วมกับบริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) พัฒนาโครงการเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลาสต์ ไมล์ ฮับ (Frasers Property Last Mile Hub) รองรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) และ Last Mile Delivery รวมถึงกลุ่มค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค 

โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ 31 ไร่ในใจกลางโซนอุตสาหกรรมปู่เจ้าสมิงพราย อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ที่ยอดเยี่ยม เชื่อมต่อทั้งถนนกาญจนาภิเษกและถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน ยังอยู่ใกล้ท่าเรือสหไทย เทอร์มินอลเพียง 4 กม. และไม่ไกลจากท่าเรือคลองเตย จึงมีความโดดเด่นอย่างยิ่งในการเป็น Last Mile Hub สำหรับจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็วสู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ และบริเวณโดยรอบ อีกทั้งสามารถรองรับธุรกิจที่มีการนำเข้าและส่งออกสินค้าได้เป็นอย่างดี

การพัฒนาโครงการนี้เกิดจากการที่บริษัทเล็งเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีส่วนช่วยขับเคลื่อนธุรกิจโลจิสติกส์ให้มีการเติบโต โดยวิจัยกรุงศรีระบุว่า ในช่วงปี 2567-2569 คาดว่าปริมาณขนส่งสินค้าทางถนนจะขยายตัว 2-3% ต่อปี หนึ่งในปัจจัยที่ผลักดันกิจกรรมการขนส่งมาจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่จะเติบโต 15-22% ต่อปี ซึ่งช่วยหนุนการขนส่งในรูปแบบ B2B (Business to Business) และ B2C (Business to Consumer) รวมถึงความต้องการการจัดส่งจากร้านค้าไปยังลูกค้าถึงหน้าบ้าน (Last-mile Logistics) เพิ่มขึ้น

สำหรับเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลาสต์ ไมล์ ฮับ ประกอบด้วยอาคารคลังสินค้าแบบพร้อมใช้ (Ready-Built) 10 หลังและออฟฟิศ 1 หลัง พื้นที่รวม 21,000 ตร.ม. แต่ละอาคารมีครบทั้งพื้นที่ออฟฟิศและพื้นที่จัดเก็บสินค้า โดยพื้นสามารถรองรับน้ำหนักได้ 3 ตันต่อตร.ม. และสูง 10 ม. ถูกออกแบบตามมาตรฐานอาคารเขียวระดับสากลอย่าง LEED ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้อาคาร ทั้งการเลือกวัสดุที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย, ใช้วัสดุที่มีสารระเหยต่ำ (Low VOCs), วัสดุที่ลดการสะสมความร้อนภายในอาคาร ใช้ไฟ LED และสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ เป็นต้น จากการออกแบบอาคารตามมาตรฐาน LEED ส่งผลให้โครงการสามารถลดการใช้พลังงานได้ 35% และประหยัดน้ำได้ถึง 52% พร้อมส่งเสริมการขนส่งที่ยั่งยืนด้วยการติดตั้ง EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าภายในโครงการอีกด้วย

“จากความโดดเด่นของโครงการเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลาสต์ ไมล์ ฮับ ที่อยู่บนทำเลศักยภาพ เชื่อมต่อกับเส้นทางคมนาคมที่หลากหลาย ช่วยลดระยะเวลาและลดต้นทุนการขนส่งของลูกค้าได้เป็นอย่างดี และการผสมผสานกับจุดเด่นของอาคารที่พัฒนาตามมาตรฐาน LEED ยิ่งเติมเต็มโครงการนี้ให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น รองรับลูกค้าชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance)” นายพีระพัฒน์กล่าว

โดยตอนนี้มีลูกค้ากลุ่ม 3PL ให้ความสนใจเข้ามาใช้บริการแล้ว ซึ่งเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เชื่อมั่นว่าโครงการนี้สามารถตอบโจทย์การบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ และเพิ่มประสิทธิภาพการส่งมอบสินค้าไปถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 18พ.ย. “แข็งค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 34.79 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจชะลอการอ่อนค่าลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ที่อาจจำกัด จับตาราคาทองคำจะรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องได้หรือไม่ รวมถึงทิศทางเงินหยวนและแรงขายสินทรัพย์ไทย

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 18พ.ย.  2567 ที่ระดับ  34.79 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.81 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 34.76-34.96 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์เริ่มชะลอการแข็งค่าขึ้น แม้ว่าเงินดอลลาร์อาจได้แรงหนุนจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ

ทั้ง ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรมโดย NY Fed (Empire Manufacturing Index) ที่ออกมาดีกว่าคาด ทว่า เงินดอลลาร์ก็ถูกกดดันโดยแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD ของผู้เล่นในตลาด นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถกลับมาแกว่งตัวแถวโซน 2,570 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทอ่อนค่าลงหนักกว่าที่ประเมินไว้ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ การปรับตัวลงต่อเนื่องของราคาทองคำ รวมถึงแรงกดดันจากการอ่อนค่าลงของเงินหยวนจีน (CNY) และแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ

สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรจับตาการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก ซึ่งต้องรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก (เฟด, BOE และ ECB)

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

 ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (S&P Manufacturing and Services PMIs) เดือนพฤศจิกายน รวมถึงรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims)

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของเฟด หลังล่าสุดเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนเริ่มส่งสัญญาณว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น

ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างก็ประเมินว่า เฟดเริ่มมีโอกาสมากขึ้นที่จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ส่วนในปีหน้าเฟดก็อาจลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าที่เฟดได้ระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน

ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษ ทั้ง อัตราเงินเฟ้อ CPI ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนตุลาคม

รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE ซึ่งล่าสุด บรรดาผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า BOE จะยังไม่รีบเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ (โอกาสลดดอกเบี้ย 25bps น้อยกว่า 20%)

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จากทั้งดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB เช่นกัน ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่า ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า ECB จะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ และมีโอกาสราว 23% ที่ ECB อาจเร่งลดดอกเบี้ยถึง 50bps ได้

 ฝั่งเอเชีย – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะใช้ประกอบการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาทิ อัตราเงินเฟ้อ CPI ยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports & Imports) ในเดือนตุลาคม

รวมถึง รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการในเดือนพฤศจิกายน โดยล่าสุดผู้เล่นในตลาดเริ่มประเมินว่า มีโอกาสราว 54% ที่ BOJ อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย +25bps ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้

 ในส่วนนโยบายการเงิน เราประเมินว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) อาจคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 6.00% เพื่อช่วยลดแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าและรักษาเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียะห์ (IDR) ที่เผชิญการอ่อนค่าพอสมควรเช่นเดียวกับบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชีย ท่ามกลางความกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจฝั่งเอเชียจากนโยบายรัฐบาล Trump 2.0

ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวได้ราว +2.4%y/y หนุนโดยการขยายตัวในภาคการส่งออกและการลงทุน โดยเฉพาะในส่วนของการลงทุนภาครัฐ

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ที่อาจจำกัดลงบ้าง ทว่าต้องรอจับตาว่า ราคาทองคำจะสามารถรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องได้หรือไม่ รวมถึงรอติดตามทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) และแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์อาจชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังแนวโน้มเฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ไปพอสมควรแล้ว ทว่าทิศทางเงินดอลลาร์จะขึ้นกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของบรรดาธนาคารกลางหลัก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบรรดาสกุลเงินหลักได้พอสมควร

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.50-35.10 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.65-34.90 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.75-34.77 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.29 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทแข็งค่าสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียและการฟื้นตัวกลับมาของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ แรงหนุนเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงบางส่วนหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี คงต้องระมัดระวังความผันผวนในระหว่างวัน เนื่องจากตลาดยังคงอยู่ในช่วงการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาไม่แย่ และเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจมีแรงหนุนในระยะข้างหน้าจากนโยบายและมาตรการของนายโดนัลด์ ทรัมป์ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 34.60-34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สกุลเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สุโก้ย! “บาส-เฟม” ควงคู่คว้าแชมป์แรกปราบคู่ผสมฝรั่งเศส

“บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่ผสมมือ 201 ของโลก คงฟอร์มเก่งต่อเนื่อง ผงาดคว้าแชมป์ เจแปน มาสเตอร์ส 2024 สำเร็จ

การจับคู่กันของคู่ผสมแบดมินตันคู่ใหม่ของไทยอย่าง “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน ประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์แรกได้เรียบร้อย หลังปราบ ธอม กิคเกล และ เดลฟิน เดลรู คู่มือ 22 โลกจากฝรั่งเศส 2-1 เกม

โดยการแข่งขันต้องไปตัดสินกันที่เกมสุดท้าย หลังเจ๊า 1-1 เฟม ซึ่งเกม 3 “บาส-เฟม” ออกสตาร์ทด้วยสถานการณ์เป็นรองตามหลัง 0-4 แต่เร่งเครื่องขึ้นมจนตามหลังตอนครึ่งเกม 10-11 

ต่อมา คู่ผสมชาวไทยยังมีแต้มเป็นรอง 11-13 แต่สุดท้ายปาดหน้า ทำได้ดีโดยเฉพาะลูกหน้าเน็ตจนพลิกแซงเอาชนะไปได้แบบสุดระทึก 21-17 (2-1 เกม 21-16, 10-21 และ 21-17) พร้อมคว้าแชมป์รายการ เจแปน มาสเตอร์ส 2024 ไปครอบครอง และยังเป็นการประเดิมแชมป์แรกของทั้งคู่อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


8 สัญญาณร่างกายที่บอกว่าคุณเริ่มกลายเป็นผู้สูงอายุ

วลี “อายุเป็นเพียงตัวเลข” อาจเป็นคำที่เราได้ยินกันบ่อยๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทำให้เราสามารถชะลอความแก่ได้ ทำให้เราดูอ่อนเยาว์ได้นานขึ้น แม้ว่าการแก่จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถเตรียมร่างกายให้แก่ชราอย่างสง่างามได้ โดยการสังเกตสัญญาณเตือนเบื้องต้นและแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างทันท่วงที และนี่คือ 8 สัญญาณร่างกายที่บอกว่าคุณเริ่มเป็นผู้สูงอายุ

8 สัญญาณร่างกายที่บอกว่าคุณเริ่มเป็นผู้สูงอายุ

1.ความเหนื่อยล้าเรื้อรัง: รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา แม้หลังจากพักผ่อน

2.การขาดการพักผ่อนที่สดชื่น: ไม่รู้สึกกระปรี้กระเป่าหลังจากนอนหลับเต็มคืน

3.ปัญหาการควบคุมน้ำหนัก: มีความยากลำบากในการรักษาน้ำหนักที่เหมาะสม

4.ปัญหาเกี่ยวกับความจำ: หมายถึงอาการที่เกี่ยวข้องกับการจดจำ เช่น ลืมบ่อย ลืมสิ่งของ หรือลืมนัดหมาย

5.ปวดเมื่อยตามตัวบ่อย: หมายถึงอาการปวดหรือไม่สบายตัวที่เกิดขึ้นซ้ำๆ หรือเป็นประจำที่บริเวณกล้ามเนื้อและข้อต่อทั่วร่างกาย

6.ความเครียดและความวิตกกังวลเพิ่มขึ้น: หมายถึงภาวะที่รู้สึกกังวล วิตกกังวล หรือเครียดมากขึ้นกว่าปกติ

7.ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หมายถึง ระบบป้องกันตัวของร่างกายทำงานไม่เต็มที่ ทำให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้ยากขึ้น ส่งผลให้ป่วยได้ง่าย

8.สุขภาพทางเพศเสื่อม การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหรือจิตใจที่ส่งผลต่อความต้องการทางเพศ ความสามารถในการมีเพศสัมพันธ์ หรือความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


‘แรนซัมแวร์’ โจมตีธุรกิจในอาเซียนต่อเนื่อง ‘ไทย’ รั้งอันดับ 3

“แคสเปอร์สกี้” ตรวจพบการพยายามโจมตีด้วยแรนซัมแวร์จำนวนกว่า 57,571 ครั้งช่วงครึ่งปีแรกระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2024

ด้วยเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโต ตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ทรัพยากรที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในระดับต่างๆ ทำให้ภูมิภาคนี้เสี่ยงต่อการโดนโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ตลอดมา องค์กรทุกขนาดก็ตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง

เอเดรียน เฮีย กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วอาชญากรไซเบอร์รวมถึงกลุ่มแรนซัมแวร์ต่างก็จับจ้องไปที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและภาคส่วนที่เปราะบาง

อาทิ ภาคการเงิน บริการสาธารณะ การผลิต และสาธารณสุข โดยพื้นฐานแล้วผู้ก่อภัยคุกคามคือผู้ฉวยโอกาสที่จ้องโจมตีเพราะหวังเงินก้อนโต”

แรนซัมแวร์โจมตีธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สูงที่สุดที่อินโดนีเซีย โดยแคสเปอร์สกี้สามารถบล็อกการโจมตีได้ 32,803 ครั้ง ตามมาด้วยฟิลิปปินส์จำนวน 15,208 ครั้ง ไทย 4,841 ครั้ง มาเลเซีย 3,920 ครั้ง เวียดนาม 692 ครั้ง และสิงคโปร์ 107 ครั้ง

ผลกระทบจากการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์อาจร้ายแรงมากต่อการเงินและชื่อเสียง องค์กรจึงต้องการทรัพยากรจำนวนมากเพื่อจัดการกับผลที่ตามมาหลังการถูกโจมตี การดำเนินงานหยุดชะงัก เวลาหยุดทำงาน และเวลาในการกู้คืนข้อมูล สิ่งเหล่านี้จำเป็นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและผู้ให้บริการ

เหตุการณ์การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่เป็นข่าวโด่งดังล่าสุดในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ข้อมูลแห่งชาติอินโดนีเซีย ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะในมาเลเซีย และเครือร้านขายยาสุขภาพในท้องถิ่น ผู้ให้บริการประกันสุขภาพในฟิลิปปินส์ กลุ่มร้านอาหารชื่อดังในสิงคโปร์ บริษัทนายหน้ารายใหญ่ และบริษัทบริการน้ำมันในเวียดนาม ล้วนเป็นภัยคุกคามอันตรายที่กำลังโจมตีธุรกิจต่างๆ ในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้ให้คำแนะนำเพื่อปกป้องธุรกิจจากการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ดังต่อไปนี้

  1. อัปเดตซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ทั้งหมดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้โจมตีใช้ประโยชน์จากช่องโหว่และแทรกซึมเข้าสู่เครือข่ายขององค์กร
  2. ติดตั้งแพตช์พร้อมใช้งานสำหรับโซลูชัน VPN เชิงพาณิชย์ เพื่อการเข้าถึงสำหรับพนักงานที่ทำงานระยะไกลและทำหน้าที่เป็นเกตเวย์ในเครือข่ายได้ทันที
  3. สำรองข้อมูลเป็นประจำ และตรวจสอบว่าสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วในกรณีฉุกเฉินหรือเมื่อจำเป็น
  4. หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์หรือซอฟต์แวร์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก / ไม่ผ่านการตรวจสอบ
  5. ประเมินและตรวจสอบการเข้าถึงซัพพลายเชนและบริการที่จัดการในสภาพแวดล้อมขององค์กร
  6. ไม่เปิดเผยข้อมูลบริการเดสก์ท็อป / การจัดการระยะไกล (เช่น RDP, MSSQL) แก่เครือข่ายสาธารณะ เว้นแต่จำเป็นจริงๆ และควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง การตรวจสอบสิทธิ์สองขั้นตอน และใช้ไฟร์วอลล์เสมอ
  7. ตรวจสอบการเข้าถึงและกิจกรรมเพื่อค้นหาสิ่งผิดปกติ และควบคุมการเข้าถึงของผู้ใช้ตามความจำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและข้อมูลรั่วไหล
  8. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านความปลอดภัย (Security Operation Centre – SOC) โดยใช้เครื่องมือ SIEM (การจัดการข้อมูลและเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย) เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์เหตุการณ์ด้านความปลอดภัยของข้อมูล และป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนได้
  9. ใช้คลังข้อมูลภัยคุกคาม Threat Intelligence ล่าสุดเพื่อจับดาภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่กำหนดเป้าหมายองค์กรได้อย่างเจาะลึก และให้ข้อมูลผู้ก่อภัยคุกคามและ TTP ที่ครอบคลุมและเป็นปัจจุบันที่สุดแก่ผู้เชี่ยวชาญด้าน InfoSec
  10. ให้ความรู้และปรับปรุงความรู้ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของพนักงานด้วยเครื่องมือ พนักงานควรตระหนักถึงความเสี่ยงของภัยคุกคามไซเบอร์ และวิธีปกป้องตนเองและองค์กร
  11. ใช้บริการระดับมืออาชีพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานของแผนกไอทีที่ประสบปัญหาหนักหน่วง โดยผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสถานะความปลอดภัยทางไอทีในปัจจุบัน จากนั้นจึงปรับใช้และกำหนดค่าซอฟต์แวร์อย่างรวดเร็วและถูกต้องเพื่อให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีปัญหา
  12. หากบริษัทไม่มีฟังก์ชันความปลอดภัยไอทีโดยเฉพาะ และมีเพียงผู้ดูแลระบบไอทีทั่วไปที่อาจขาดทักษะเฉพาะทางที่จำเป็นสำหรับโซลูชันการตรวจจับและการตอบสนองระดับผู้เชี่ยวชาญ ให้พิจารณาใช้บริการที่มีการจัดการ (managed services)
  13. สำหรับธุรกิจขนาดเล็กมาก ให้ใช้โซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อช่วยจัดการความปลอดภัยไซเบอร์ แม้ว่าจะไม่มีผู้ดูแลระบบไอที ด้วยการป้องกันแบบ ‘ติดตั้งแล้วลืม’ (install and forget) และช่วยประหยัดงบประมาณ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาธุรกิจ

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


“คําศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่มักเขียนผิดบ่อยๆ”เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เขียนคล้ายกัน แต่ความหมายต่างกัน

7 คําศัพท์ภาษาอังกฤษที่มักเขียนผิด และมีความหมายเปลี่ยนไป

เริ่มจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษสองคำนี้

Angel & Angle

เป็นคำที่น้องๆ อาจสับสนและบางคนมักเขียนผิดหรือใช้ผิดอยู่บ่อยๆ

Angel (เอน’ เจิล) [n.] แปลว่า ทูตสวรรค์, เทวทูต, นางฟ้า, คนที่ใจดี
You are an angel of a child.

Angle (แอง’ เกิล) [n.] แปลว่า มุม
This table is at an angle.

Dessert & Desert

เป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่พบเจอบ่อยๆ ในร้านอาหารหรือร้านขนมหวาน สะกดกันให้ถูกต้องนะคะ

Dessert (ดิเซิร์ท’) [n.] แปลว่า ของหวาน
I’d like to have cake for dessert.

Desert (เดส’เซิร์ท) [n.] แปลว่า ทะเลทราย
This is an animal found in that desert.

Calm & Clam

เป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ถ้าพิมพ์ผิดหรือเขียนผิดละก็แย่แน่เลย

Calm (คาล์ม) [n.] แปลว่า ความสงบ
Stay calm whatever happens

Clam (แคลม) [n.] แปลว่า หอยตลับ
You know I don’t eat clams.

คำศัพท์ต่อมา

Lamp & Lamb

เป็นคำภาษาอังกฤษที่เราพบเจอบ่อยๆ และมีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งการเขียนและการพูด

Lamp (แลมพฺ) [n.] แปลว่า โคมไฟ
This lamp sends out a powerful beam.

Lamb (แลมบ์) [n.] แปลว่า ลูกแกะ
They keep lambs for meat in Arabia.

Made & Maid

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ 2 คำนี้ออกเสียงเหมือนกัน แต่เขียนต่างกัน คำว่า Made เป็นคำที่เราพบเจอบ่อยครั้งในชีวิตประจำวัน ตามสลากหรือผลิตภัณฑ์ ที่ระบุผู้ผลิต Made in …หรือคนไทยใช้เรียกสิ่งของที่ทำด้วยมือว่า Handmade

Made (เมด) [adj., v.กริยาช่องที่ 2 และ 3 ของ make] แปลว่า ซึ่งทำขึ้น
She made cookies for the children.

Maid (เมด) [n.] แปลว่า สาวใช้
Please have the maid carry it to my room.

Accessory & Accessary

น้องๆ น่าจะรู้จักคำว่า Accessory กันเป็นอย่างดี เช่น สร้อย แหวน กำไล ต่างหู

Accessory (แอคเซส’ โซรี) [n.] แปลว่า เครื่องประดับ
That glittering accessory doesn’t go with your sweatshirt.
She made cookies for the children.

Accessary (แอคเซส’ ซารี) [n.] แปลว่า ผู้สมคบคิด, ผู้ร่วมมือ
He was charged with being accessary to the crime.

Steel & Steal

เป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ออกเสียงเหมือนกันแต่เขียนต่างกัน น้องๆอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้าง ในรายการเกมโชว์ที่มีการ Steal ผู้เข้าแข่งขัน

Steel (สทีล) [n.] แปลว่า เหล็ก
This steel is stainless.

Steal (สทีล) [v.] แปลว่า ขโมย
It is wrong to steal money.

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


รู้จักชนิดของดอกเบญจมาศ และความมงคลที่คนญี่ปุ่นเชื่อมาตั้งแต่อดีต

ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ดอกไม้สวยงามที่คนญี่ปุ่นมักจะนึกถึงและอยากชมมากคือ ดอกเบญจมาศ ซึ่งมักจะหาชมได้ง่ายตามเทศกาลดอกเบญจมาศที่จัดขึ้นตามสวนสาธารณะและศาลเจ้าหลายแห่ง มารู้ความหมายของดอกเบญจมาศ ความเชื่อที่เป็นมงคล และชนิดของดอกเบญจมาศซึ่งเป็นหนึ่งดอกไม้ในดวงใจของคนญี่ปุ่นกันค่ะ

ความหมายของดอกเบญจมาศ

ดอกเบญจมาศมีความหมายของดอกไม้ว่า “สูงส่ง” และมีความหมายตามสีของดอกดังนี้คือ ดอกเบญจมาศสีขาวมีความหมายว่า “ความเชื่อใจ” ดอกเบญจมาศสีชมพูมีความหมายว่า “ฝันหวาน” และดอกเบญจมาศสีเหลืองมีความหมายว่า “สยบหัวใจ”

ดอกเบญจมาศและความเป็นมงคล

คนญี่ปุ่นรับความเชื่อมาจากจีนว่าการดื่มเหล้าที่แช่ดอกเบญจมาศในเทศกาลคิคุ โนะ เซกกุ (菊の節句) ซึ่งตรงกับวันที่ 9 เดือนกันยายนของทุกปี จะทำให้พวกเขาฉลาดหลักแหลม มีอายุยืน และคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้นาน

ดอกเบญจมาศเป็นหนึ่งในดอกไม้ชั้นสูง 4 ชนิด ได้แก่ ดอกท้อ ต้นไผ่ ดอกเบญจมาศ และดอกกล้วยไม้ และเป็นดอกไม้ที่ถูกใช้เป็นตราแผ่นดินประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น ตราที่ใช้สำหรับสมเด็จพระจักรพรรดิและพระบรมวงศานุวงศ์ในราชวงศ์ญี่ปุ่น

ชนิดของดอกเบญจมาศ

คนญี่ปุ่นแบ่งชนิดของดอกเบญจมาศตามขนาดและการบานของมัน ซึ่งมีดังนี้คือ

พันธุ์ดอกใหญ่ (Ookiku, 大菊)

ดอกเบญจมาศที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของดอกมากกว่า 18 เซนติเมตรจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของดอกเบญจมาศพันธุ์ดอกใหญ่

พันธุ์กลีบดอกหนาแน่น (Atsumonokiku, 厚物菊)

ดอกเบญจมาศกลุ่มนี้จะมีกลีบดอกหนาแน่นจนทำให้ดอกแลดูกลม

ดอกเบญจมาศที่มีกลีบดอกคล้ายหลอด (Kanbutsukiku, 管物菊)

ดอกเบญจมาศชนิดนี้มีกลีบดอกเรียวยาวคล้ายหลอดที่ผู้ปลูกมักจะใช้ลวดยึดไว้ใต้ดอกเพื่อให้ดอกบานสวยงาม

พันธุ์เอโดะ (Edokiku, 江戸菊)

ดอกเบญจมาศพันธุ์นี้เมื่อบานดอกกลีบดอกจะหันเข้าหาแกนกลางดอก ทำให้แลดูไม่เป็นระเบียบแต่ดูเป็นเอกลักษณ์

พันธุ์อิเสะ (Isekiku, 伊勢菊)

ดอกเบญจมาศพันธุ์นี้จะมีกลีบดอกเป็นฝอยและบานคล้ายกับว่าไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลก ทำให้ไม่สามารถมองเห็นเกสรตรงกลางดอกได้

พันธุ์ดอกเล็ก (Kogiku, 小菊)

ดอกเบญจมาศที่จัดว่าเป็นพันธุ์ดอกเล็กจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของดอกน้อยกว่า 9 เซนติเมตร คนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยปลูกดอกเบญจมาศพันธุ์นี้เป็นไม้ดัดและบอนไซ

สเปรย์มัม (Supuremamu, スプレーマム)

ดอกเบญจมาศพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ปรับปรุงจากยุโรปและอเมริกา ดอกบานเต็มต้นและมีลักษณะคล้ายดอกมาร์กาเร็ต

พันธุ์สำหรับนำมารับประทาน (Shokuyoukiku, 食用菊)

ดอกเบญจมาศพันธุ์นี้จะมีกลีบดอกที่มีรสหวานและมีเนื้อสัมผัสกรุบ ซึ่งคนญี่ปุ่นปลูกแบบปลอดสารพิษเพื่อให้นำมารับประทานได้อย่างปลอดภัย

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนศาลเจ้าหลายแห่งทั่วญี่ปุ่นจะจัดเทศกาลดอกเบญจมาศ โดยนำดอกเบญจมาศสวยงามหลากหลายสายพันธุ์มาวางให้ชม ทำให้นักท่องเที่ยวสุขใจจากการไหว้พระและได้ชมความงามของดอกไม้ชนิดนี้อย่างจุใจ  ไว้มีโอกาสมาชมเทศกาลดอกเบญจมาศก็ลองใช้ความรู้ข้างต้นแบ่งชนิดของดอกเบญจมาศดูค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 18/11/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a42,500.0042,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,753.0041,735.4843,100.00
ทองรูปพรรณ 90%2,477.7037,561.93n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,202.4033,388.38n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,239.0018,783.24n/a
ทองรูปพรรณ 40%964.0014,614.24n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,853.0043,251.48n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/11/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.6535.6536.2535.6535.6535.6535.6535.6535.6535.65
แก๊สโซฮอล์ 9135.2835.2835.8835.2835.2835.2835.2835.2835.2835.28
แก๊สโซฮอล์ E2033.5433.5434.1433.5433.5433.5433.5433.5433.54
แก๊สโซฮอล์ E8533.2933.2933.29
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.2449.8449.8449.8444.24
เบนซิน 9543.9449.8144.4444.0943.94
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า