อสังหาฯครึ่งปี 64 สต๊อกพร้อมอยู่ ดันรายได้-กำไรบวก
ธุรกิจอสังหาฯ โชว์ฟอร์ม ครึ่งปีแรก 2564 พบ สต็อกพร้อมอยู่ ดันรายได้ – กำไร บวกฝ่าวิกฤติ ” ฐานเศรษฐกิจ” เปิดผลประกอบการ รายใหญ่บ้าน – คอนโดฯ บมจ.เอพี นำโด่งรายได้ ขณะ บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ คว้ากำไรสูงสุดในตลาด เจาะตัวเลข 20 บริษัท ในตลาดหลักทรัพย์ ฯ ใครรุ่ง – ใครร่วง มีคำตอบ
6 เดือนแรก ของปี 2564 ถือเป็นอีกช่วงที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา จากผลกระทบวิกฤติโควิด-19 และการหดตัวทางเศรษฐกิจไทย โดยช่วงไตรมาส 2 เดือน เม.ย. – มิ.ย. ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายของทุกบริษัท ที่ต้องเผชิญกับปัจจัยลบต่างๆ เพราะเป็นไทม์ไลน์ที่รัฐบาล ประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ควบคุมโรค ,ปิดสถานที่สำคัญ ทั้งขอความร่วมมือประชาชนกักตัวอยู่บ้านและประกาศเคอร์ฟิว ในพื้นที่เข้มงวดถึง 29 จังหวัด ทำให้ธุรกิจโรงแรม พื้นที่เชิงพาณิชย์ และอาคารสำนักงาน ไม่สามารถทำรายได้ – จัดเก็บค่าเช่าได้เหมือนเก่า
ขณะตลาดที่อยู่อาศัย ได้รับแรงกระแทกจากข้อจำกัดการเดินทาง และธนาคารเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลตัวเลขการรีเจ็กต์ (ปฎิเสธสินเชื่อ) บางค่ายแตะระดับ 30-40% หน่ำซ้ำผู้ประกอบการคอนโดฯ ยังไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้กับผู้ซื้อชาวต่างชาติได้ ทำให้รายได้ไม่มาตามนัด ทั้งนี้ การบริหารจัดการต้นทุน ค่าใช้จ่าย ในการดำเนินการต่างๆ ภายใต้ช่วงเวลายากลำบากอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นตัวชี้วัด ผลกำไร – ขาดทุน และฟอร์มของบริษัทนั้นๆ ได้อย่างดี
โดยพบแม้ครึ่งปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯเผชิญปัจจัยลบรุมเร้าหนัก แต่เมื่อเทียบไทม์ไลน์เดียวกันกับปีก่อนหน้า ซึ่งเกิดการระบาดใหญ่ครั้งแรก ปีนี้หลายบริษัทปรับตัวได้ดี ผ่านผลประกอบการ และ กำไรเป็นบวก ท่ามกลางการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยมีโครงการพร้อมขาย – พร้อมอยู่ โดยเฉพาะ กลุ่มสินค้าแนวราบ เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ทำรายได้ฝ่าวิกฤติ
พฤกษาสต็อกลดฮวบ
เริ่มด้วยค่ายใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) นายปิยะ ประยงค์ CEO ระบุ แม้เศรษฐกิจรวมจะชะลอตัวจากโควิด-19 แต่ด้วย ‘ที่อยู่อาศัย’ ยังเป็นปัจจัย 4 พบตลาดมีดีมานด์ต่อเนื่อง ข้อมูลช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค. ตลาด กทม.-ปริมณฑล มีการโอนฯ เติบโต 4% มูลค่า 151,367 ล้านบาท โดยกลุ่มบ้านเดี่ยวเติบโตสูงที่ 25% มูลค่า 53,761 ล้านบาท สอดคล้องกับผลดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของบริษัท เทียบกับปีก่อนหน้า ลดลงเพียงเล็กน้อย 1% รายได้รวมอยู่ที่ 13,222 ล้านบาท
โดยเป็นผลมาจากการดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง และแคมเปญ เคลียร์สต็อก ‘ที่อยู่อาศัยกลุ่มพร้อมขาย’ ซึ่งไม่มีต้นทุนใหม่ และ สินค้าแนวราบ เป็นส่วนใหญ่ ทำให้สินค้าคงเหลือจาก 20,195 ล้านบาท ณ สิ้น มิ.ย.2563 ปัจจุบัน ลดลงมาอยู่ที่ 8,488 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องด้วย กลยุทธ์เคลียร์สต็อก ได้ส่งผลให้กำไรสุทธิ ลดลง 23%
“เราเน้นการบริหารสภาพคล่อง – ขายสต็อก ซึ่งมีข้อดี ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ทำให้ปัจจุบันมีกระแสเงินสด 1.6 หมื่นล้าน ขณะใช้ช่องทางขายหลากหลายขึ้น ทำให้ลูกค้าเห็นโครงการมากขึ้น บวกกับทำแคมเปญ แม้อัตรากำไรสูงไม่เท่าก่อน แต่ทำให้ขายได้เยอะขึ้น”
เอพี พีคสุด 30 ปี
ด้าน บมจ. เอพี ไทยแลนด์ รั้งอันดับ 1 ของตาราง สร้างนิวเรคคอร์ดใหม่ทางรายได้สูงสุด ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 30 ปี สวนวิกฤติความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยรอบ 6 เดือนแรก จากกลยุทธ์ดาวกระจาย โครงการแนวราบ ที่มีพร้อมขาย – พร้อมโอน หลายทำเล นับ 100 โครงการ ดันให้บริษัท ทำรายได้รวม สูงสุด ถึง 20,506 ล้านบาท เข้าใกล้เป้าหมายท้าทายทั้งปี 43,100 ล้านบาท เช่นเดียวกับแง่กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 37%
โดย คีย์แมนคนสำคัญ นายวิทการ จันทวิมล ระบุ ครึ่งปีแรก บ้านเดี่ยว และ ทาวน์โฮม เป็น ซุปเปอร์สตาร์ ในการขาย และเวียนกลับมาเป็นรายได้ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ปี 2564 มีแผนเปิดโครงการใหม่ 31 โครงการ มูลค่า 37,500 ล้านบาท สูงสุดในอุตสาหกรรม โดยครี่งหลัง มียอดขายรอโอนฯ จากคอนโดฯแล้วเสร็จ อีกมูลค่าร่วม 12,300 ล้านบาท คาดจะเป็นอีกปีที่เอพี สร้างประวัติการณ์
ศุภาลัย กำไรบวกเกิน100%
ส่วน บมจ.ศุภาลัย ท็อปฟอร์ม ครึ่งปีทำรายได้เพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อนที่อยู่แค่ 6,871 ล้านบาท โดยนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ ระบุ หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดฯ ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด ขณะโครงการแนวราบมีสัดส่วนสูง 57% ส่งผลครึ่งแรก รายได้ ดันกำไรสุทธิที่ 2,471.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัว ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 บริษัท มียอดขายรอโอน รอบ ก.ค.- ธ.ค. จำนวน 14,202 ล้านบาท และแผนเปิดบ้านใหม่อีก 18 โครงการ คาดจะช่วยผลักดันเป้าหมายรวมที่ 2.8 หมื่นล้านบาท
แสนสิริกำสภาพคล่อง 1.7 หมื่นล.
ขณะบมจ.แสนสิริ รายงานต่อ ตลท.ว่า รายได้จากโครงการเพื่อขาย ในช่วงไตรมาส 2 กลับสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับการจัดกิจกรรมการขาย เพื่อเร่งระบายสต็อกในช่วงปี 2563 ซึ่งลูกค้าตอบรับดี จนดันให้ยอดโอนฯ สูงเป็นประวัติการณ์นั้น ปีนี้ตัวเลขจึงลดลง รายได้รวมครึ่งปีแรก หดตัว 16% อยู่ที่ 14,868 ล้านบาท ทั้งยังมาจากรายได้ในส่วนคอนโดมิเนียมลดลงอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะ ไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 662 ล้านบาท
สะท้อนความสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ Speed to Market และแผนความพร้อมในการปรับตัวรองรับทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยกุญแจสำคัญในครึ่งปีหลัง คือ การบริหารเงินสดในมือ ซึ่งปัจจุบันบริษัท มีสภาพคล่อง รวม 1.7 หมื่นล้านบาท พร้อมพรีเซลล์ แบ็กล็อก 24,400 ล้านบาท รับรู้ยาว 3 ปี
บ้านหรูกำไรโตดี
ขณะ ขาใหญ่ ในตลาดบ้านหรู บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ ยังคงสามารถสร้างรายได้จากการขายบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น ส่งผลงวด 6 เดือน ทั้งกำไร และ รายได้เป็นบวก ที่ 15,605 ล้านบาท และ 3,613 ล้านบาท ตามลำดับ โดยกำไรส่วนหนึ่ง ยังได้รับมาจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม อย่าง บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์อีกด้วย รั้งอันดับ 1 ในตาราง ทั้งนี้ มีเป้าหมายรายได้จากการโอนฯทั้งปี 3 หมื่นล้านบาท
เช่นเดียวกับ บมจ. เอสซี แอสเสท สำหรับงวด 6 เดือน ระบุว่า บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 853.82 ล้านบาท หรือ 10.86% จากการเติบโตของรายได้จากโครงการแนวราบ ประกอบกับ สามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการได้อย่างดี โดยลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 63.39 ล้านบาท ทำให้กำไรครึ่งปีแรกอยูู่ที่ 936 ล้านบาท
ด้านนายพีระพงศ์ จรูญเอก ซีอีโอ บมจ.ออริจิ้น ระบุ บ้านจัดสรรในเครือบริทาเนีย ยังได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ยอดโอนฯ ทุบสถิติ New High เดิม 835 ล้านบาทในไตรมาส 1 มาสร้าง New High ใหม่ที่ 924 ล้านบาทในไตรมาส 2 ถือเป็นตัวผลักดันรายได้รวมของบริษัทงวด 6 เดือน เติบโตถึง 35% และมีกำไรสูง 1,677 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัท ยังคงจับตา 3 ปัจจัยสำคัญ มาตรการควบคุมโรค , การฉีดวัคซีน และแผนกระตุ้นเยียวยาเศรษฐกิจ
อนันดาฝ่าวิกฤติ
สำหรับ บมจ.อนันดา นับเป็นช่วงท้าทายของบริษัท จากคดีพิพาท ‘ แอชตัน อโศก’ และเป้าหมายการระบายสต็อกพร้อมอยู่จำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม พบว่า ผลดำเนินการช่วงก่อนหน้า รวมครึ่งปีแรก สามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ 14 ล้านบาทอีกครั้ง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ในภาวะขาดทุนถึง 424 ล้านบาท ขณะรายได้ 2 ไตรมาส รวมกัน อยู่ที่ 2,235 ล้านบาท อัตราลดลง แม้รายได้จากโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น แต่การโอนฯ คอนโดฯ ร่วมทุน ซึ่งเป็นลูกค้าชาวต่างชาติจำนวนมากยังเป็นอุปสรรค ทั้งนี้ บริษัท ระบุ หวังสถานการณ์ฟื้นตัว เพื่อเพิ่มกำลังซื้อชาวจีน ที่มีความต้องการซื้อสูง หนุนเป้าหมายรอบปี 16,008 ล้านบาท
เฟรเซอร์ส – LPNรายได้ลด
สำหรับ บมจ. เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ พบช่วงไตรมาส 2 รายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัย (เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม) ลดลงราว 25% โดยระบุ มาจากการระบาดของโควิด ดำเนินกิจกรรมได้ไม่เต็มที่ ประกอบกับตลาดแข่งขันสูง ผู้พัฒนาแนวราบปรับราคา กระตุ้นยอดโอนฯ รวมถึงปัญหาสถาบันเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ รวมรายได้จากการขายในรอบ 6 เดือน อยู่ที่ 6,110 ล้านบาท จากทั้งสิ้น 11 โครงการ เมื่อประกอบกับ รายได้จากกลุ่มธุรกิจโรงงาน – คลังสินค้า – อาคารสำนักงาน -สามย่านมิตรทาวน์ ฯล รวมมีรายได้กว่า 8 พันล้าน กำไรสุทธิ 969 ล้านบาท
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล.พี.เอ็น. เผยว่า ผลดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี ยังคงเผชิญกับปัจจัยลบของตลาด โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 2 ทำให้บริษัทมีผลกำไร ลดลง 21.19% เนื่องจากรายได้ การขายคอนโดฯ ลดลง แต่สัดส่วนโครงการบ้านช่วยพยุง อีกทั้งรายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการ และธุรกิจบริหารเพิ่มขึ้นมาก ทำให้มีรายได้รวมลดลง อยู่ที่ 2,783 ล้านบาท เช่นเดียวกับ กำไร หดมาอยู่ที่ 243 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มองมุมบวก สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง จากการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน คาดส่งผลให้คาดธุรกิจอสังหาฯค่อยๆฟื้นในช่วงไตรมาส 4 โดยบริษัทเตรียมเปิดใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 5 พันล้านบาท
ASW น้องใหม่โชว์กำไร
ปิดท้ายที่อสังหาฯ น้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ บมจ.แอสเซทไวส์ ขาขึ้นทั้งในแง่รายได้ และกำไร โดยผู้บริหารระบุว่า แม้เผชิญกับแรงกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ รายได้ยังคงเติบโตอยู่กว่า 51% อยู่ที่ 2,281 ล้านบาท เนื่องด้วย เน้นกลยุทธ์การขายและการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ขณะการโอนฯ ในกลุ่มคอนโดฯ แบรนด์หลักเจาะคนรุ่นใหม่ Kave, Atmoz และ Modiz ทำได้ดี ส่งผลมีกำไรสุทธิ 258 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ตลาดโรงแรมหรู กทม.หดตัวรุนแรง เทศไม่มา – ไทยไม่เข้า เสนอรัฐจ่าย โค-เปย์
คอลลิเออร์ส ฯ เผยตลาดโรงแรมหรู กทม. ครึ่งปีแรก 2564 โควิด19 กระทบหนัก นักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดลงเกือบ 100% ขณะล็อกดาวน์ – เคอร์ฟิว ดันยอด ยกเลิกจองในประเทศพุ่ง 50% อุปทานใหม่ชะลอเปิดตัวไม่มีกำหนด แนะรัฐบาล จ่าย โค-เปย์ ช่วยธุรกิจโรงแรม อุ้มพนักงานฝั่งละ 7,500 บาท ฝ่าวิกฤติ
นาย ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึง ภาพรวมอุปทานโรงแรมระดับลักชัวรี่ในกรุงเทพมหานคร ณ สิ้นครึ่งแรกปี พ.ศ.2564 ยังคงอยู่ที่ประมาณ 12,943 ห้องพัก ไม่พบว่ามีโรงแรมระดับลักชัวรี่เปิดบริการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีเพียงแค่โรงแรมระดับอัพสเกลและมิดสเกลเปิดบริการใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมาเท่านั้น จำนวน 2 โรงแรม
รวมทั้งสิ้น 371 ห้องพัก คือ โรงแรม มายเทรียณ์ พระราม 9 กรุงเทพฯ – เอ ชาเทรียม คอลเลคชั่น เปิดบริการในเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 230 ห้องพัก ซึ่งโรงแรมดังกล่าวตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 และโรงแรม เดอะ ควอเตอร์ สีลม บาย ยูเอชจี พัฒนาโดย เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 141 ห้องพัก และมีอีกหนึ่งโรงแรมคือ โอ๊ควู๊ด โฮเทล แอนด์ เรสซิเด้นท์ แบงค็อก ตั้งอยู่ใจกลางธุรกิจย่านสาทร ที่เป็นการรีโนเวทมาจากโรงแรมแอสเทรา สาทร และเปิดใหม่บริการใหม่ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 142 ห้องพัก
” ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการยังคงเป็นอีกหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวจากต่างชาติ ในขณะที่นักท่องเที่ยวยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้โดยปกติ โดยโรงแรมหลายแห่งต้องปิดตัวลงชั่วคราวถึงแม้ว่าจะเปิดบริการอย่างเป็นทางการในช่วงที่ผ่านมาหรือบางโรงแรมประกาศปิดกิจการถาวรและมีการประกาศขายโรงแรม หรือมีการปรับตัวในรูปแบบอื่นๆ เช่น ให้เช่าห้องเพื่อเป็นสถานกักตัวของรัฐ หรือปล่อยเช่ารายเดือน เป็นต้น ”
นอกจากนี้ พบว่า มีโรงแรมระดับระดับลักชัวรี่ในกรุงเทพมหานครที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดบริการในช่วงครึ่งหลังปีพ.ศ. 2564 อีกประมาณ 4 แห่ง ประมาณ 726 ห้องพักและในปีพ.ศ. 2565 อีกประมาณ 600 ห้องพัก และพบว่ามีโรงแรมระดับลักชัวรี่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครประมาณ 2 โครงการ 423 ห้องพัก ยังคงเลื่อนการเปิดตัวออกไปจากในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา และอาจมีการปรับแผนการเปิดตัวใหม่อีกครั้งในอนาคตหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกและการระบาดของไวรัสดังกล่าวรอบที่ 4 ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ในพื้นที่เสี่ยงอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่าน
นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเกือบ 100%
สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา พบว่ายังคงเป็นปีที่ค่อนข้างท้าทายและยากลำบากเป็นอย่างมากสำหรับภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เป็นอย่างมากซึ่งจากเดิมคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 10 ล้านคน
ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย มองว่าหลังจากผ่านครึ่งแรกของปีมาแล้วสถานการณ์ต่างๆยังไม่มีท่าทีที่ดีขึ้น คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้อาจเหลือเพียงแค่ประมาณ 100,000 คนเท่านั้น
ซึ่งจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทาเข้ามาในประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมาเหลือเพียงแค่ 40,447 คนเท่านั้น ปรับตัวลดลงร้อยละ 99.40 จากในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ประมาณ 6,691,574 คน ซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน พ.ศ. 2564 ในแต่ละเดือนจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันคือประมาณ 5,741-8,529 คนต่อเดือน
โดยพบว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 42.30 ตามมาด้วยประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออก คิดเป็นร้อยละ 29.88 และประเทศในกลุ่มอเมริการ้อยละ 16.3 ซึ่งพบว่ามีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเพียงแค่ร้อยละ 7.39 เท่านั้น
ราคาห้องพักโรงแรมหดตัว 15%
ณ สิ้นครึ่งแรกของปีพ.ศ. 2564 ราคาเฉลี่ยห้องพักรายวัน(ADR) ของโรงแรมระดับลักชัวรี่ในกรุงเทพมหานครยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องโดยภาพรวมมาอยู่ที่ประมาณ 3,264 บาท ปรับตัวลดลงประมาณร้อยละ 15.00 จากในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลกระทบจากการมอบส่วนลดให้แก่ลูกค้าภายในประเทศเนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ซึ่งเราพบว่าผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมบางรายปรับลดราคาห้องพัก-อาหาร ลงกว่าร้อยละ 50
” อย่างไรก็ตาม แม้ว่าที่ผ่านมาผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมจะมีรายได้ที่ปรับตัวลดลงจากการปิดให้บริการของโรงแรมเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการปิดประเทศ ทำให้รายได้หลักที่มาจากการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ขาดหายไป แต่จากมาตรการควบคุมโรคของรัฐบาลที่ยังมีความยืดหยุ่น ทำให้ร้านอาหารยังสามารถเปิดให้บริการในแบบซื้อกลับไปกินที่บ้านได้ หรือผ่านฟูดเดลิเวอรี ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมหลายรายจึงหันมาปรับตัวด้วยการบริการด้านอาหารให้กับลูกค้าแบบเดลิเวอรี เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้อีกช่องทางในภาวะที่อัตราการเข้าพักตกต่ำ”
แนวโน้มจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้อัตราการจองโรงแรมลดลงและอีกกว่าร้อยละ 50 มีการยกเลิกห้องพัก เนื่องจากมองว่าการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมาอาจไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ และให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการจำกัดการเดินทาง แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทย ยังประสบกับปัญหาการกระจายวัคซีนที่ยังคงล่าช้า โดยเริ่มการกระจายวัคซีนครั้งแรกในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ และตัวเลขการฉีดวัคซีนถึงช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยมีตัวเลขผู้ฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกเพียงแค่ร้อยละ 16.16 ต่อสัดส่วนประชากรทั้งประเทศเท่านั้น
โรงแรมส่วนใหญ่ชะลอเปิดบริการ
ผู้ประกอบการโรงแรมจำนวนมากยังคงเลือกที่จะปิดให้บริการเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด เนื่องจากความต้องการโรงแรมทั้งในกรุงเทพฯและในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมามีเพียงจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาภายใต้โครงการสถานกักกันทางเลือกเท่านั้น ผู้ประกอบการโรงแรมยังคงต้องพึ่งพาความต้องการจากนักท่องที่ยวในประเทศ และนักท่องเที่ยวที่ได้รับการกักตัวแล้ว ดังนั้นอัตราการเข้าพักและราคาเฉลี่ยรายวันคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี พ.ศ. 2564 มีเพียงโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นฮอสพิเทลเท่านั้นที่มีอัตราการเข้าพักที่ทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 30.00 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเข้าพักที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโรงแรมอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นฮอสพิเทลรวมกว่า 234 แห่ง ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมจำนวนมากเลือกที่จะปิดกิจการชั่วคราวเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่มีความหวังว่าจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
แนะรัฐอุ้มธุรกิจโรงแรม จ่ายชดเชยพนักงาน
ทั้งนี้ หากรัฐบาลดำเนินการจัดหาวัคซีนและขับเคลื่อนแผนการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากขึ้น และสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบที่ 4 ในประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว และสามารถผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ให้ธุรกิจต่างๆ กลับมาดำเนินกิจการได้ตามปกติในระยะเวลาที่รวดเร็ว อาจส่งผลให้ในช่วงไตรมาสสุดท้าย
” ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการบางรายที่ปิดกิจการชั่วคราวในช่วงก่อนหน้าอาจสามารถกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้งตามแผนของผู้ประกอบการที่วางไว้ และเรามองว่ารัฐบาลควรให้การสนับสนุนค่าจ้างแรงงานคนครึ่งร่วมกับผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรม (โค-เปย์) ฝั่งละ 7,500 บาทต่อเดือน สำหรับค่าจ้างแรงงานไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน จากพนักงานโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องที่มีทั้งหมดราว 4.5 แสนคน ”
นอกจากนี้ควรพิจารณาถึงการลดจำนวนวันที่นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถเดินทางออกจากการกักตัวได้จาก 14 วันเหลือ 7 วัน และที่สำคัญที่สุดควรเร่งการฉีดวัคซีนในพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศซึ่งถือว่าเป็นรายหลักของประเทศให้กลับมาฟื้นตัวในระยะเวลที่รวดเร็ว”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิด 33.35 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า
เงินบาทเปิดตลาด 33.35 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากดอลลาร์แข็งค่า หลังเฟดส่งสัญญาณลดวงเงิน QE ปีนี้
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.35 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.31 บาท/ดอลลาร์
เช้านี้เงินบาทอ่อนค่า หลังจากเมื่อคืนผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับลด QE ภายในปีนี้ หนุนเงินดอลลาร์ให้ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก และสกุลเงินอื่นๆ เช่นยูโร ที่วันนี้ลงมาอยู่ที่ระดับ 1.1689 ดอลลาร์/ยูโร เป็นต้น “นักลงทุนกลับเข้าซื้อดอลลาร์ หลังเฟดประกาศว่าอาจลด QE ลงในปีนี้” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.30-33.45 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ปรับโฉมใหม่! FIVB ประกาศเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขัน ลูกยาง เนชั่นส์ ลีก
สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) ออกมาเผยว่าเตรียมที่จะมีการเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันในรายการ วอลเลย์บอล เนชั่นส์ ลีก ปี 2022 ทั้งประเภททีมชาย และทีมหญิง เพื่อให้การแข่งขันสนุกมากขึ้น แถมเป็นการให้นักกีฬาได้พักร่างกายอย่างเต็มที่
โดยในการแข่งขัน วอลเลย์บอล เนชั่นส์ ลีก ปี 2021 ที่จบลงไปเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้เลือกเมืองริมินี่ ประเทศอิตาลี จัดการแข่งขันในรูปแบบบับเบิ้ล เพื่อความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งใช้รูปแบบเดิมคือพบกันหมด 16 ทีม (เท่ากับเล่นทั้งหมด 15 เกม) ก่อนคัดเอาอันดับ 1-4 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ
อย่างไรก็ตามในปี 2022 FIVB ได้ผุดรูปแบบใหม่คือจะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 8 ทีม (รวม 16 ทีม) แต่ละทีมจะลงแข่งขันแบบพบกันหมด ในช่วง 3 สัปดาห์ เพื่อหาทีมอันดับที่ 1-4 ของแต่ละกลุ่มผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเล่นระบบน็อกเอาท์ในสัปดาห์ที่ 4 ต่อไป
ส่วนวันเวลาแข่งขันจะเปลี่ยนจากที่เดิมทีจะแข่งเกือบทุกวันมาเป็นแข่งกัน 6 วัน / สัปดาห์ (วันอังคาร – วันอาทิตย์) โดยจะสลับการแข่งขันประเภทชาย และประเภทหญิง ในแต่ละสัปดาห์ เพื่อลดวันเดินทาง และเพิ่มวันพักให้กับนักกีฬามากขึ้น
ซึ่งแนวคิดทั้งหมดเป็นการเสนอของทาง Volleyball World ที่หวังว่าการแข่งขัน วอลเลย์บอล เนชั่นส์ ลีก จะกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นต่อไป โดยกำหนดการแข่งขันรอบแรกจะอยู่ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 3 กรกฎาคม 2565 และรอบไฟนอลส์ ระหว่างวันที่ 18-24 กรกฎาคม 2565
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สวม “หน้ากากอนามัย” แบบ “ไขว้สาย” เพิ่มป้องกันโควิด-19 ได้เกือบ 2 เท่า
เฟซบุ๊กเพจ หมอเวร ระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ (EPA) เปิดเผยผลการทดสอบค่า FFE (ค่าประสิทธิภาพการกรองอากาศและเชื้อโรค) ของหน้ากากอนามัย โดยทดลองจากวิธีการรัดหลายแบบด้วยกัน
ผลปรากฏว่าการใส่หน้ากากอนามัยโดยใช้ถุงน่องช่วยรัด ป้องกันเชื้อไวรัสได้มากที่สุด จากการได้ค่า FFE สูงถึง 80.2% ในขณะที่หน้ากาก N95 ทำคะแนนได้ไป 98.4% ถือว่าเป็นการเพิ่มการป้องกันเชื้อไวรัสได้ใกล้เคียงกับหน้ากาก N95 มาก
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในการทดลองนี้ก็คือ เทคนิคการใส่หน้ากากโดยการไขว้สายให้แน่นขึ้น ทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงขึ้นมาจากการใส่แบบเดิมเกือบ 2 เท่า
ใส่แบบปกติ FFE = 38.5%
ไขว้สาย FFE = 60.3%
ดังนั้นสำหรับคนไทย หากไม่สะดวกรัดหนังยาง หรือไม่ชอบใส่ถุงน่องแนบหน้ากากอนามัย การใช้เทคนิคไขว้สายรัดสำหรับหน้ากากอนามัย (ไขว้สาย พับมุมหน้ากากเข้าแนบใบหน้า) ถือเป็นเทคนิคที่นำไปปฏิบัติได้ง่ายที่สุดแล้วที่มีการทดลองกันมา โดยเฉพาะคนที่มีใบหน้าเล็ก ควรใช้เทคนิคนี้ด้วยยิ่งดี เพราะมันจะช่วยให้แนบด้านข้างได้มากขึ้นนั่นเอง
เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสจากหน้ากากอนามัยได้ง่ายๆ เพียง “ไขว้สาย” ก่อนสวมทุกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ถามราคาภาษาอังกฤษ (How much is it?)
ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้คำถามอยู่แล้ว ซึ่งก็คือ How much is it? นั่นเอง
ถ้าต้องการความหลากหลายแปลกใหม่ ลองเลือกใช้ประโยคต่อไปนี้ก็ได้นะ
How much does it cost?
What does it cost?
What is the price?
ถ้าโดนถามราคาจะตอบว่ายังไงล่ะ
สำหรับพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายก็สามารถบอกไปง่ายๆเลยว่า
“It’s + ราคา” เช่น It’s 120 Baht
ทีนี้พอรู้ราคาแล้ว เราก็ตัดสินใจเลยว่าเอาหรือไม่เอา
ถ้าเอาก็ให้พูดว่า
That’s a reasonable price – ราคาสมเหตุสมผลดีนะ
I’ll take it / I’ll take this one – เอาอันนี้แหละ
แต่ถ้าไม่เอา หรือต้องการเปลี่ยน/ลองอันใหม่ ให้ถามคนขายตามที่เราต้องการ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางสรีระหรือดีไซน์ก็แล้วแต่ เช่น
The shirt’s too baggy. Do you have a smaller size? – เสื้อหลวมไปนะ มีตัวเล็กกว่านี้มั้ย
These shoes are too tight. Do you have a larger one? – รองเท้าคับไปค่ะ ขอคู่ใหญ่กว่านี้ได้มั้ย
Tips: มีคนสับสนเรื่องคับๆหลวมๆของเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม บ่อยมาก เคลียร์ให้ชัดเลยว่าถ้าขนาดพอดีให้ใช้คำว่า “fit” ส่วนถ้ามันคับให้ใช้คำว่า “tight” นะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
เลอโนโวเปิดตัว โมบาย เวิร์คสเตชั่น ไลน์อัพใหม่ล่าสุด ตอบโจทย์การใช้เวิร์คสเตชั่นในงานที่หลากหลาย
เลอโนโวเปิดตัว ThinkPad™ P1, ThinkPad P15 และ ThinkPad P17 โมบาย เวิร์คสเตชั่น รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมโมบาย โปรเซสเซอร์ 11th Gen Intel® Core™ และ Xeon™ รองรับกราฟฟิกการ์ดสูงสุดถึง NVIDIA RTX A5000 GPU และไดรฟ์ PCIe Gen 4 SSDs สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโมบาย เวิร์คสเตชั่นสำหรับการใช้งานระดับสูง เครื่องผ่านการรองรับมาตรฐาน ISV Certified และผ่านการทดสอบ MIL-spec standards1
นอกจากนี้ เลอโนโวยังเปิดตัว ผลิตภัณฑ์เสริมสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพให้ครบครันยิ่งขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์จอมอนิเตอร์ ThinkVision™ P34w-20 และ ThinkPad Thunderbolt™ 4 Workstation Dock
ThinkPad P1 Gen 4 ใหม่ล่าสุดทั้งหน้าจอและประสิทธิภาพ แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเบาและบาง
ThinkPad P1 ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายงาน คอนเท็นต์ ครีเอเตอร์, นักออกแบบสถาปัตยกรรม, นักออกแบบผลิตภัณฑ์, นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล หรือผู้ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่ทรงพลัง ภายใต้ดีไซน์เครื่องที่เรียบหรู กะทัดรัด สามารถพกพาไปใช้งานได้ทุกที่ ผลิตภัณฑ์รองรับการใช้งาน 5G แบตเตอร์รี่ขนาด 90WHr คีย์บอร์ดที่ถูกออกแบบให้ใช้งานได้ถนัดมือด้วยทัชแพดที่ใหญ่ขึ้น กล้องความละเอียดแบบ FHD และลำโพง Dolby Atmos® Speaker System ให้ภาพและเสียงที่คมชัดทุกการประชุม หน้าจอ UHD+ ขนาด 16 นิ้ว มาพร้อมขอบจอบางให้อัตราส่วน 16:10 เทคโนโลยี low blue light ช่วยลดแสงสีฟ้า และครั้งแรกกับจอกราฟฟิกการ์ดเพื่อการใช้งานขั้นสูงอย่าง NVIDIA RTX™ A5000-level GPUs หรือตัวเลือก NVIDIA GeForce RTX 3080
ThinkPad P15 และ ThinkPad P17 Gen 2 พลังเพื่อการสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด
ThinkPad P15 และ ThinkPad P17 Gen 2 ถูกออกแบบมาเพื่อการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่ต้องการประสิทธิภาพเครื่องที่ทรงพลัง อาทิ ในสายงานของวิศวกรและนักออกแบบที่ต้องใช้งานตั้งแต่การเรนเดอร์จนถึงการจำลองภาพเสมือน
ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งสองนี้มาพร้อมกับข้อเสนอที่สามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละรูปแบบ ThinkPad P15 มีขนาดกะทัดรัด มาพร้อมหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วแบบ UHD OLED และ ขณะที่ ThinkPad P17 มาพร้อมกับขนาด 17.3 นิ้ว ที่มีความสามารถในการคาลิเบรทสี ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแยกสีได้อย่างชัดเจนแม้ในรายละเอียดขนาดเล็ก
ผลิตภัณฑ์ ThinkPad P Series โมบาย เวิร์คสเตชั่น ทั้งสามรุ่นที่เปิดตัวยังรองรับ NVIDIA Studio validated
จอมอนิเตอร์ ThinkVision P34w-20
เสริมประสิทธิภาพให้มุมมองการทำงานด้วยหน้าจอมอนิเตอร์แบบ ultra-wide curved (3800R) ขนาด 34 นิ้วรุ่น ThinkVision P34w-20 ที่ให้ค่าสีระดับ 99% sRGB และ delta E
ผลิตภัณฑ์มาพร้อมเทคโนโลยี eye-care และ Natural Low Blue Light ช่วยลดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา ขาตั้งที่ปรับมุมมองและความสูงได้ช่วยให้เหมาะกับสรีระของผู้ใช้งาน เสริมการเชื่อมต่อให้มีประสิทธิภาพด้วยโซลูชั่น single-cable connection เพื่อเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และด็อกกิ้ง ฮับ สายพาวเวอร์ โอนถ่ายข้อมูลวีดีโอ หรือจะเป็นสัญญาณ ethernet ก็เชื่อมต่อได้ผ่านพอร์ต USB Type-C ที่ให้พลังไฟถึง 100W ซอฟ์ตแวร์ Lenovo ThinkColour ช่วยให้การปรับ setting ของหน้าจอและพอร์ตการเชื่อมต่อต่าง ๆ ทำได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
ด็อกกิ้ง ThinkPad Thunderbolt 4 Workstation Dock
ด็อกกิ้ง ThinkPad Thunderbolt 4 Workstation Dock รองรับกำลังไฟสูงถึง 300W จึงเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้งานเมื่อต้องการเชื่อมต่อตัวโมบาย เวิร์คสเตชั่นและชาร์จแบตเตอร์รี่ในเวลาเดียวกัน เครื่องมาพร้อมฟังก์ชั่น Intel AMT เพื่อเสริมประสิทธิภาพให้การจัดการการเชื่อมต่อต่าง ๆ
การวางจำหน่ายและราคาของผลิตภัณฑ์โมบาย เวิร์คสเตชั่น ThinkPad P1, P15 และ P17 และ การวางจำหน่ายและราคาของผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์จอมอนิเตอร์ ThinkVision™ P34w-20 และ ด็อกกิ้ง ThinkPad Thunderbolt™ 4 Workstation Dock จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งเมื่อพร้อมวางจำหน่ายในไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“Pod Homes” บ้านโมดูลาร์สำหรับคนไร้บ้านค่าเช่าวีคละ 5 ปอนด์ ที่ประเทศอังกฤษ
โปรเจกต์บ้านโมดูลาร์ Pod Homes ถูกสร้างขึ้นสำหรับคนไร้บ้านในลอนดอน โดยความร่วมมือของ 3 องค์กร The Salvation Army, Citizens UK และ Hill Group ในค่าเช่าเพียงสัปดาห์ละ 5 ปอนด์หรือประมาณ 200 บาท มีวัตถุประสงค์ให้คนไร้บ้านได้รับที่พักอาศัยที่สามารถอยู่อย่างถาวรและมีความปลอดภัยในช่วงสถานการณ์โควิด-19
บ้าน Pod Homes ออกแบบให้เป็นบ้านโมดูลาร์ยูนิตเดี่ยวสำหรับอาศัย 1 คน ต่อ 1 หลัง ซึ่งบ้านมีอายุการใช้งานได้ประมาณ 60 ปี แบ่งเป็นพื้นที่ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำและเฟอร์นิเจอร์ครบชุดพร้อมเข้าอยู่ ในการก่อสร้างเลือกใช้พื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ เพื่อรองรับจำนวนบ้านที่จะถูกสร้างเพิ่มขึ้น ตามที่ทางทีมตั้งเป้าหมายไว้ว่าเมื่อสร้างเสร็จจะมอบให้แก่องค์กรที่ช่วยเหลือคนไร้บ้านภายใน 5 ปี ข้างหน้า
บ้าน Pod Homes ออกแบบให้เป็นบ้านโมดูลาร์ยูนิตเดี่ยวสำหรับอาศัย 1 คน ต่อ 1 หลัง ซึ่งบ้านมีอายุการใช้งานได้ประมาณ 60 ปี แบ่งเป็นพื้นที่ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำและเฟอร์นิเจอร์ครบชุดพร้อมเข้าอยู่ ในการก่อสร้างเลือกใช้พื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ เพื่อรองรับจำนวนบ้านที่จะถูกสร้างเพิ่มขึ้น ตามที่ทางทีมตั้งเป้าหมายไว้ว่าเมื่อสร้างเสร็จจะมอบให้แก่องค์กรที่ช่วยเหลือคนไร้บ้านภายใน 5 ปี ข้างหน้า
จากการแสดงออกด้วยความอบอุ่นหัวใจของหนูน้อยมาลาคี ด้วยเงินบริจาคเพียง 5 ปอนด์ นำไปสู่โปรเจกต์การสร้างบ้านสำหรับคนไร้บ้านหลังแรกโดยใช้ชื่อ “Malachi Place” ตามชื่อของหนูน้อยมาลาคี ในเมืองอิลฟอร์ดทางตะวันออกของลอนดอนและยังเป็นโปรเจกต์ที่ถูกออกไปใช้งานทั่วเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน
โปรเจกต์บ้านโมดูลาร์ Pod Homes ถือได้ว่าเป็นสวัสดิการที่พักอาศัยที่เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของที่พักอาศัยระยะยาวและช่วยทำให้กลุ่มคนไร้บ้านรู้สึกปลอดภัยและมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันในสังคมขึ้นมาได้อีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 19/08/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,000.00 | 28,100.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,814.00 | 27,500.24 | 28,600.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,632.60 | 24,750.22 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,451.20 | 22,000.19 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 816.00 | 12,370.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 635.00 | 9,626.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,880.00 | 28,500.80 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/08/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.35 | 29.35 | 29.35 | 29.35 | 29.35 | 29.35 | 29.35 | 29.35 | 29.35 | 29.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 29.08 | 29.08 | 29.08 | 29.08 | 29.08 | 29.08 | 29.08 | 29.08 | 29.08 | 29.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 27.84 | 27.84 | 27.84 | 27.84 | 27.84 | – | 27.84 | 27.84 | 27.84 | 27.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 22.54 | 22.54 | – | – | – | – | – | – | – | 22.54 |
เบนซิน 95 | 36.76 | – | – | – | 37.21 | – | 37.26 | 36.76 | – | 36.76 |
ดีเซล B7 | 28.89 | 28.89 | 28.89 | 28.89 | 28.89 | 28.89 | 28.89 | 28.89 | 28.89 | 28.89 |
ดีเซล | 25.89 | 25.89 | 25.89 | 25.89 | 25.89 | 25.89 | 25.89 | 25.89 | 25.89 | 25.89 |
ดีเซล B20 | 25.64 | 25.64 | 25.84 | – | 25.64 | – | 25.64 | 25.64 | – | 25.64 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 33.66 | 33.66 | 35.34 | 35.06 | – | – | – | – | – | 33.66 |
แก๊ส NGV | 14.55 | 14.55 | – | – | – | – | – | – | – | 14.55 |