ไตรมาส 3 หลุมดำ ‘อสังหาฯ’ จับตา ‘คอนโดBOI’ เข็นตลาดขึ้นหรือไม่?
รายงานพิเศษ : ” ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ตลาดตกอยู่ในความเสี่ยงอีกครั้ง และ น่ากังวลถึงทิศทางตลาดในระยะข้างหน้า คือ การหดตัวทั้งในฝั่งดีมานด์และซัพพลายในตลาดคอนโดฯ”
ภาพฟื้นตัว ไปต่อ ของ ‘ตลาดที่อยู่อาศัยไทย’ ภายใต้ภาวะเงินเฟ้อแรง ,ดอกเบี้ยขยับ และ เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ในปี 2565 สะท้อนความแข็งแกร่ง ค้ำจุน ของ ‘กำลังซื้อ’บางกลุ่ม โดยเฉพาะ เรียลดีมานด์เกิดใหม่ ในโปรดักส์ ‘บ้านเดี่ยว’ ที่เข้ามามีบทบาท ขับเคลื่อนทดแทน การชะลอตัวของกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติในตลาดคอนโดมิเนียมได้อย่างน่าสนใจ
ทำให้ทุกฝ่าย ต่างเกิดความเชื่อมั่นว่า ภาพรวมดังกล่าว จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดที่อยู่อาศัยไทย ที่เคยชะลอตัวอย่างหนักในปี 2563 ต่อเนื่องช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 นั้น ฟื้นตัวขึ้นมาเข้าใกล้ภาวะปกติ ช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19ในเร็ววัน โดยคาดการณ์จบปีสุดท้าทาย จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยรวมประมาณ 373,253 หน่วย และ คิดเป็นมูลค่า 994,471 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 8.59%
อย่างไรก็ดี ภาวะตลาดที่อยู่อาศัย น่ากลับมาพิจารณาอีกครั้ง เมื่อศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยล่าสุดว่า ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ( ก.ค.-ก.ย.) พื้นที่คลัสเตอร์ใหญ่ของตลาด อย่างทำเล กทม.-ปริมณฑล เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัย หลังจากภาพรวมอัตราดูดซับ ลดฮวบอย่างผิดปกติ งอกเพิ่มทำให้หน่วยเหลือขายของตลาด มีมูลค่าสูงกว่า 8.71 แสนล้านบาท
ยอดขายคอนโดฯลดฮวบ
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการ REIC ระบุว่า ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ตลาดตกอยู่ในความเสี่ยงอีกครั้ง และ น่ากังวลถึงทิศทางตลาดในระยะข้างหน้า คือ การหดตัวทั้งในฝั่งดีมานด์และซัพพลายในตลาดคอนโดฯ ทั้งๆที่ก่อนหน้าเห็นการฟื้นตัวติดต่อกันในช่วงไตรมาสที่ 1 และ ไตรมาส 2
โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 กทม.ปริมณฑล มีหน่วยที่อยู่อาศัยเข้าใหม่ 198,024 หน่วย มูลค่า 984,904 ล้านบาท หน่วยลดลง แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งบ้านจัดสรรยังขยายตัวทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า แต่คอนโดฯ มีมูลค่าเปิดใหม่รายไตรมาส รวมต่ำสุดตั้งแต่ปี 2561 โดยลดลง 8,786 หน่วย และ มูลค่าลดลง 25,158 หน่วย
และเมื่อมาพิจารณาในแง่ยอดขาย ซึ่งสะท้อนความต้องการ และ จะเป็นตัวชี้ อนาคตทั้งในแง่การโอนกรรมสิทธิ์ และรายได้ในกระเป๋าของผู้ประกอบการนั้น REIC พบว่า การหดตัวของยอดขายในคอนโดฯ ฉุดยอดรวมของตลาดลดลงอย่างมาก เพราะเทียบไตรมาสก่อนหน้า คอนโดฯขายได้ ลดลงถึง 5,388 หน่วย ส่งผลมูลค่าลดลงมากถึง 21,533 ล้านบาท สวนทางการดูดซับที่ดีในโครงการแนวราบบ้านจัดสรร โดยเฉพาะ บ้านเดี่ยว และ บ้านแฝด ทำให้ ณ ขณะนี้ ตลาดรวมเกิดการเพิ่มเข้ามาใหม่ของหน่วยเหลือขาย ทั้งบ้านและคอนโด อยู่ที่ 1.77 แสนหน่วย มูลค่า 8.71 แสนล้านบาท
จากข้อมูลข้างต้น นายวิชัย ให้ข้อสังเกตว่า นอกจาก ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจในช่วง ไตรมาส3 อาจทำให้กำลังซื้อได้รับแรงกดดัน กระทบต้นทุน และ การลงทุนของผู้ประกอบการแล้ว โปรดักส์บางเซกเม้นท์ในตลาดคอนโดฯที่ถูกเร่งตัว โหมเปิดอย่างมาก และกระตุ้นในช่วงครึ่งปีแรก เช่น กลุ่มราคา 1-1.5 ล้านบาท หรือ คอนโดฯ BOI (โครงการที่ได้รับการยกเว้นภาษี จากสำนักงานคณะกรรมการส่งการเสริมลงทุน หรือ BOI) กำลังมีปัญหาหรือไม่ เพราะเป็นกลุ่มที่มีอัตราการดูดซับต่ำสุด คาดส่วนหนึ่งอาจมาจากโครงการที่มีหน่วยที่เหลือขายจากปีก่อน มีการระบายสต๊อกได้ช้า และการซื้อคอนโดฯที่มีภาพคึกคักในช่วงครึ่งปีแรก ก็อาจเป็นการซื้อในกลุ่มโครงการ BOI ทำให้ภาพรวมกระโดดขึ้นมา ก่อนชะลอลดฮวบ เพราะหน่วยเหลือขายก็ยังคงมีอยู่มากพอควร จึงเป็นการบ้านให้ผู้พัฒนาฯ ต้องพิจารณาการผลักดันหน่วยใหม่เข้าสู่ตลาดกันมากขึ้น ที่ต้องคำนึงให้ตอบโจทย์กับเป้าหมายที่ชัดเจนและตอบโจทย์ผู้ซื้อได้จริง
” ตั้งแต่ปี 65 มา เห็นการชะลอตัวในไตรมาส 3 ลดลงมาก ในกลุ่มคอนโดฯ เพราะ 2 ไตรมาสก่อนหน้า เปิดมากกว่า 1.6 หมื่นหน่วย แต่ไตรมาส 3 เหลือแค่ 7 พันหน่วย คาดมาจาก คอนโด BOI ทั้งยอดเข้าใหม่ และ ยอดขายลดลง”
สอดคล้อง ข้อมูลของ นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ที่ระบุว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา หน่วยเปิดใหม่คอนโด ลดลงอย่างชัดเจน บางส่วนมีการซื้อขายเปลี่ยนมือ การพัฒนาที่ดินบางโครงการ รวมถึงการหยุดการขายของบางโครงการเนื่องจากปัญหาในเรื่องยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่
‘สินเชื่อถูก-หน่วยใหม่’ ตัวแปรตลาด
ขณะ สิ่งที่จะต้องจับตาเพิ่มเติมในภาพรวม ก็คือ การคาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 การเปิดตัวคอนโดฯโครงการใหม่จะกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง และอาจส่งผลให้ซัพพลายคอนโดฯ ในกทม. ในปีนี้มีมากกว่า 4 หมื่นยูนิตอีกครั้ง โดยเฉพาะ จากผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาด เช่น บมจ. แสนสิริ ,บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ,บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ และ บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จะยังคงพัฒนาโครงการใหม่ในช่วงระดับราคาเข้าถึงได้ ออกสู่ตลาดอีกเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี ตัวพลิกสำคัญในตลาดคอนโดฯ ที่น่าจับตามองล่าสุด ก็คือ การผลักดันโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ระหว่างสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ที่ออกมาล่าสุด ให้สิทธิสำหรับแรงงานในระบบ ลดหย่อนค่าใช้จ่ายด้านการชำระเงิน งวดที่อยู่อาศัยผ่านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ อัตราคงที่ ปีที่ 1-5 ปี เท่ากับ 1.99% ต่อปี ปีที่ 6–8 เท่ากับ MRR-2.00% (4.15%) ต่อปี และปีที่ 9 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-0.50% (5.65%) ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 40 ปี ให้กู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท คาดจะทำให้ที่อยู่อาศัยราคาต่ำดังกล่าวได้รับอานิสงส์มากขึ้น เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อสังหาฯ ‘ภูเก็ต’ร้อน รับ ลูกค้าอินเตอร์ฟื้นแรง
อสังหาฯภูเก็ต ฟื้นตัวแรง วีรันดา ดึงเชนโรงแรมดัง ปั้น ‘วีรันดา รีสอร์ท ภูเก็ต’ ทำเลแหลมพันวา ปลุกลูกค้าต่างชาติ ขณะ บมจ. แอสเซทไวส์ เจาะตลาดพลูวิลล่า ผนึกกลุ่ม โบทานิก้า พลิกที่ดิน 178 ไร่ สู่โครงการระดับไฮเอนด์
นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท ได้เดินหน้าพัฒนาโรงแรมใหม่ ภายใต้แบรนด์โรงแรม ‘วีรันดา รีสอร์ท ภูเก็ต’ บนทำเลศักยภาพใกล้ ณ แหลมพันวา จ.ภูเก็ต จำนวน 154 ห้อง บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 1.3 พันล้านบาท โดยได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 และคาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 4 ของปี 2567 เพื่อรับกับจังหวะกับสถานการณ์ท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบ
อีกทั้งล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงนามข้อตกลงร่วมกับแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้นำเครือโรงแรมชั้นนำระดับโลก โดยนำแบรนด์ Autograph Collection (ออโตกราฟ คอลเลคชั่น) โรงแรมระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงทั่วโลก มาร่วมบริหารและพัฒนาโรงแรม
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่เริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งส่งผลให้เกิดการขยับแรงในกลุ่มโครงการอสังหาฯนั้น ยังถูกเชื่อมั่น ผ่านคำยืนยัน จาก นายยาคอบ เฮลเก้น รองประธานฝ่ายภาคพื้น ประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมา แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งระบุว่า ‘เกาะภูเก็ต’ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของไทย และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่มี International Airport นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่น และสถานบันเทิงครบครัน ทำให้คาดจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลั่งไหลเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
อีกด้าน พบผู้พัฒนาอสังหาฯ ในกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยรายใหญ่ อย่าง บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ล่าสุดก็มีความเคลื่อน เข้าไปบุกตลาดอสังหาฯ ‘ภูเก็ต’ เช่นกัน ผ่านการเข้าไปเจาะตลาด ‘พูลวิลล่า’ ระดับลักชัวรี่ ร่วมกับ บริษัท โบทานิก้า ดีเวลลอปเปอร์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์ในตลาดภูเก็ตมากกว่า 20 ปี พัฒนาโครงการชื่อ ‘BOTANICA Grand Avenue’ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท พบตั้งอยู่บนทำเลติด ‘ลากูน่า กอล์ฟ ภูเก็ต’ และแหล่งโรงเรียนนานาชาติ โดยโครงการมีขนาดที่ดินกว่าถึง 178 ไร่ คาดว่าจะพัฒนาบ้านระดับลักชัวรี่กว่า 200 ยูนิต และจะมีการเปิดจองให้จองในไตรมาสแรกปี 2566 ซึ่งยังไม่ปรากฎตัวเลขราคาขายออกมา
ซึ่งนายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสเซทไวส์ ระบุว่า การเข้าไปรุกขยายพอร์ตแนวราบระดับลักชัวรี่ ใน จ.ภูเก็ต ที่ถือว่าเป็นทำเลปราบเซียน มีความท้าทายสูงนั้น มาจากการเล็งเห็นโอกาสการฟื้นตัวเติบโตโดดเด่นของกลุ่มบ้านพักตากอากาศในพื้นที่ ทั้งจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติและชาวไทย ประเมินจากดีไซน์แบรนด์ใหม่ โบทานิก้า ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ แฝงความหรูหราที่ทันสมัย จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติและคนไทย ผลักดันให้พอร์ตอสังหาฯ แนวราบของบริษัทฯ ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 34.87 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจแกว่งตัว Sideways และผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ หรือแรงขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.87 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.97 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากบรรดาธนาคารกลางหลักเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตารายงานดัชนี PCE สหรัฐฯ ซึ่งเป็นข้อมูลสะท้อนเงินเฟ้อที่เฟดติดตามอย่างใกล้ชิด และรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ฝั่งสหรัฐฯ – ตลาดมองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่อง รวมถึงราคาสินค้าพลังงานที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา อาจส่งผลให้ในเดือนพฤศจิกายน ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (PCE) ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อที่เฟดจับตาอย่างใกล้ชิด อาจเพิ่มขึ้น +5.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมผลของราคาอาหารและพลังงาน ก็อาจเพิ่มขึ้นเพียง +4.6%y/y นับว่าเป็นการชะลอลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีชี้วัดภาวะเงินเฟ้อที่เฟดจับตามองใกล้ชิด
และหากดัชนี PCE และ Core PCE ชะลอลงตามคาดและยังคงชะลอลงในอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง ก็จะสะท้อนว่า คาดการณ์ของเฟดล่าสุดอาจมองแนวโน้มเงินเฟ้อสูงเกินไปบ้าง
กรณีที่ ดัชนี PCE และ Core PCE ชะลอลงตามคาด หรือ ชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจหนุนให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยไปไกลเกินกว่าระดับ 5.00% ซึ่งอาจช่วยให้บรรยากาศในตลาดการเงินพลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นได้
▪ ฝั่งยุโรป – ตลาดประเมินว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ที่เยอรมนีอาจเผชิญในปีหน้า อาจไม่ได้เลวร้ายมากนัก สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (Ifo Business Climate) ที่อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 87.4 จุด ในเดือนธันวาคม ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า
สอดคล้องกับความกังวลปัญหาขาดแคลนแก๊สธรรมชาติที่คลี่คลายลงมากขึ้น แนวโน้มเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง และมาตรการช่วยเหลือภาคครัวเรือนจากรัฐบาล ซึ่งในสัปดาห์ก่อน ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Survey) ก็ปรับตัวดีขึ้นมากกว่าคาด
นอกจากนี้ ความกังวลปัญหาขาดแคลนพลังงานที่คลี่คลายลง รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อชะลอลง ก็อาจช่วยหนุนให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) ของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -22 จุด ในเดือนธันวาคม จาก -23.9 จุด ในเดือนก่อนหน้า
▪ ฝั่งเอเชีย – ตลาดมองว่า บรรดาธนาคารพาณิชย์ในจีนอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกหนี้ชั้นดี (Loan Prime Rate) ประเภท 5 ปี ลง -10bps สู่ระดับ 4.20% เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการพยุงภาคอสังหาฯ ของทางการจีน ขณะที่อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี ซึ่งถูกใช้ในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ภาคเอกชนและครัวเรือน อาจยังคงอยู่ที่ระดับ 3.65%
ฝั่งธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เรามองว่า แม้ว่าเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะเร่งตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) อาจแตะระดับ 3.9% ในเดือนพฤศจิกายน แต่ BOJ อาจเลือกที่จะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อ ด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.10%
พร้อมเดินหน้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น 10 ปี เพื่อตรึงระดับบอนด์ยีลด์ไม่ให้สูงกว่า 0.25% ไปมาก หลังเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงเผชิญแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและภาวะเงินเฟ้อที่สูงกดดันการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน
อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญ คือ แนวโน้มการปรับนโยบายการเงินในอนาคต โดยเฉพาะในปีหน้าที่ผู้ว่า BOJ คนปัจจุบันจะหมดวาระลง โดยหากทาง BOJ มีการสื่อสารที่ชัดเจนถึงแนวโน้มการปรับนโยบายดังกล่าว ก็อาจหนุนให้ ค่าเงินเยน (JPY) แข็งค่าขึ้นได้บ้างในระยะสั้น
ส่วนทางด้านธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ก็อาจตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +50bps สู่ระดับ 5.75% เพื่อลดแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินรูเปียห์ (IDR) และช่วยให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย
▪ ฝั่งไทย – ตลาดคาดว่า ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะทำให้ยอดการส่งออก (Exports) ในเดือนพฤศจิกายน อาจหดตัวต่อเนื่อง -5%y/y ในขณะที่ยอดการนำเข้า (Imports) อาจยังขยายตัวราว +0.6%y/y ทำให้ดุลการค้า (Trade Balance) อาจขาดดุลราว -100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว Sideways และผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ หรือแรงขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น
แต่เรามองว่า เงินบาทจะไม่อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน เนื่องจากผู้ส่งออกบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ ขณะที่ผู้เล่นต่างชาติก็อาจรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าลง เพื่อเพิ่มสถานะ Short USDTHB (มีมุมมองเงินบาทแข็งค่าขึ้น)
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจยังพอมีแรงหนุนอยู่บ้าง หากตลาดยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงจากความกังวล Recession อย่างไรก็ดี หากดัชนี PCE สหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้ออาจชะลอลงต่อเนื่องมากกว่าคาด ตลาดก็อาจเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้
นอกจากนี้ หาก BOJ ส่งสัญญาณพร้อมปรับนโยบายการเงินให้ตึงตัวมากขึ้น ก็มีโอกาสที่เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อาจแข็งค่าขึ้นและช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.50-35.20 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.75-34.95 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.77 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.30 น.) แข็งค่าเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.98 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังจากที่อ่อนค่าลงค่อนข้างมากเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่กรอบขาขึ้นของเงินดอลลาร์ฯ เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณอ่อนแอ อาทิ ดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนธ.ค. ที่ปรับลดลงทั้งในส่วนของภาคการผลิตและภาคบริการ
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.70–35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ทิศทางฟันด์โฟลว์ การเคลื่อนไหวของสกุลเงินภูมิภาคและเงินหยวน รวมถึงดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
8 วลีที่ขึ้นต้นด้วย “IN”
วันนี้เดี๋ยวเรามาดูวลีที่ขึ้นต้นด้วย “in” โดยคนชอบสับสนกันบ่อยมากกก เวลาเจอในข้อสอบโทอิค เดี๋ยวเรามาดูกันเลยว่าแต่ละคนมีความหมายและวิธีใช้ยังไงบ้าง
1. In addition: as an extra person, thing, or circumstance.
นอกเหนือจากนี้/มากไปกว่านั้น: คนสิ่งของหรือสถานการณ์ที่เพิ่มเข้ามา
ตัวอย่างเช่น:
She wants to meet me tonight. In addition, she will give me a surprise!
= คืนนี้เธอต้องการพบฉัน มากไปกว่านั้นเธอจะมีเซอไพรส์ให้ฉันด้วย
2. In case: If it happens that; as a precaution
ในกรณี: ถ้ามันจะเกิดขึ้นเช่นนั้น (เพื่อป้องกันไว้ก่อน)
ตัวอย่างเช่น:
I took along an umbrella, just in case.
= ฉันเอาร่มติดตัวมาด้วย กันไว้ก่อน (เผื่อฝนตก)
3. In fact: In reality or in truth; actually
ในความเป็นจริง : ตามความเป็นจริง
ตัวอย่างเช่น:
They are, in fact, great singers.
=ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเป็นนักร้องที่ดี
4. In doubt: in a state of uncertainty
สงสัย: อยู่ในสถานะที่ไม่แน่นอน
ตัวอย่างเช่น:
When in doubt, you should wear black clothing.
= เมื่อคุณไม่แน่ใจจะใส่อะไร คุณควรใส่ชุดสีดำ
5. In attendance: in the position of helping or serving
เข้างาน : อยู่ในความดูแล/อยู่ในตำแหน่งที่คอยให้บริการ
ตัวอย่างเช่น:
There was no doctor in attendance on the road accident.
= ไม่มีหมอทำการรักษาพยาบาลในอุบัติเหตุบนท้องถนน (ไม่มีหมออยู่ในอุบัติเหตุด้วย)
6. In debt: owing money
เป็นหนี้ : ติดค้างเงิน
ตัวอย่างเช่น:
I am in debt to the bank for my car loan.
= ฉันเป็นหนี้สิ้นเชื่อรถยนต์กับธนาคาร
7. In charge of: Having control over or responsibility for
ในความรับผิดชอบของ : มีอำนาจหรือมีความรับผิดชอบในเรื่องต่างๆ
ตัวอย่างเช่น:
You’re in charge of making the salad.
= คุณรับผิดชอบในการทำสลัด
8. In a word: briefly, in summary
สรุปโดยย่อ: โดยคร่าวๆ ในบทสรุป
ตัวอย่างเช่น:
In a word, the situation is serious.
= โดยสรุปแล้วสถานการณ์มันตรึงเครียดรุนแรง
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
10 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญในปี 2566
การ์ทเนอร์ อิงค์ ประกาศ 10 เทรนด์เทคโนโลยีมาแรงที่องค์กรธุรกิจต้องจับตาและศึกษา เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในปี 2566
ความยั่งยืน (Sustainability)
ความยั่งยืนครอบคลุมเทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ทั้งหมดในปี 2566 จากการสำรวจของการ์ทเนอร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารไอทีมองว่าการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมในขณะนี้มีความสำคัญสูงสุดติดสามอันดับแรกสำหรับนักลงทุน รองจากเรื่องของผลกำไรและรายได้ นั่นหมายความว่าผู้บริหารต้องลงทุนมากขึ้นกับนวัตกรรมโซลูชันที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับตอบโจทย์ความต้องการด้าน ESG และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน
ซึ่งองค์กรธุรกิจจำเป็นต้องมีกรอบการทำงานด้านเทคโนโลยีที่ยั่งยืนใหม่ ที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและวัสดุอุปกรณ์ของบริการไอที ที่จะช่วยทำให้องค์กรมีความยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีต่าง ๆ อาทิ ความสามารถในการตรวจสอบแบบย้อนกลับ การวิเคราะห์ พลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีเอไอ และปรับใช้โซลูชันไอทีเพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนตามที่วางแผนไว้
ธีมที่ 1 การริเริ่ม (Pioneer)
เมตาเวิร์ส (Metaverse)
การ์ทเนอร์กำหนดให้ Metaverse เป็นพื้นที่จำลอง 3 มิติเสมือนจริง ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนมาใช้งานร่วมกัน สร้างขึ้นจากการผสานรวมโลกความเป็นจริงทางกายภาพและดิจิทัลไว้ด้วยกัน ซึ่ง Metaverse จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมอบประสบการณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้น การ์ทเนอร์คาดว่า Metaverse ที่สมบูรณ์ไม่ได้ขึ้นกับอุปกรณ์และจะไม่มีใครเป็นผู้จำหน่ายหรือเจ้าของแต่ผู้เดียว แต่จะมีระบบเศรษฐกิจเสมือนของตัวเอง โดยใช้สกุลเงินดิจิทัลและโทเค็นที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ (NFTs) ภายในปี 2570 การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่ามากกว่า 40% ขององค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลกจะใช้เทคโนโลยีผสมผสานกัน เช่น Web3, AR Cloud และ Digital Twins ในโครงการใด ๆ บน Metaverse โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้
ซูเปอร์แอป (Superapps)
ซูเปอร์แอปรวมคุณสมบัติของแอป แพลตฟอร์ม และระบบนิเวศไว้ในแอปพลิเคชันเดียว นอกจากมีฟังก์ชันต่าง ๆ ครบครันในแอปแล้ว ยังเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้กับบุคคลอื่นได้สร้างสรรค์พัฒนาและเปิดตัวมินิแอป ภายในปี 2570 การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าในแต่ละวันประชากรโลกมากกว่า 50% จะใช้ซูเปอร์แอปหลายตัว
“แม้ตัวอย่างส่วนใหญ่ของ Superapps จะเป็นแอปในมือถือ แต่แนวคิดนี้ยังสามารถนำไปใช้กับแอปพลิเคชันของลูกค้าบนเดสก์ท็อป อาทิ Microsoft Teams และ Slack ด้วยปัจจัยสำคัญก็คือ Superapp สามารถรวมและแทนที่แอปหลากหลายเพื่อให้ลูกค้าหรือพนักงานได้ใช้งาน” คารามูซิส กล่าว
AI ที่ปรับเปลี่ยนได้ (Adaptive AI)
ระบบ AI ที่ปรับเปลี่ยนได้ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดลขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่องและเรียนรู้ภายในช่วงเวลาการทำหรือใช้งานและอยู่ในสภาพแวดล้อมของการพัฒนา โดยอาศัยฐานข้อมูลใหม่เพื่อปรับระบบให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามสถานการณ์จริงที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้หรือที่ไม่ได้เตรียมไว้ในระหว่างการพัฒนาครั้งแรก ซึ่งตอบโจทย์การให้ฟีดแบคแบบเรียลไทม์ สามารถปรับเปลี่ยนการเรียนรู้ได้แบบไดนามิกและตรงตามเป้าหมาย ทำให้เหมาะสมสำหรับการดำเนินงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมภายนอกหรือการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายขององค์กรที่ต้องการการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ธีมที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimize)
ระบบภูมิคุ้มกันดิจิทัล (Digital Immune System)
76% ของทีมที่รับผิดชอบผลิตภัณฑ์ดิจิทัลในเวลานี้มีหน้าที่สร้างรายได้ให้ธุรกิจด้วยเช่นกัน ผู้บริหารไอทีกำลังมองหาแนวทางปฏิบัติและวิธีการใหม่ ๆ ที่สามารถให้ทีมงานนำมาปรับใช้เพื่อส่งมอบคุณค่าทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นได้ พร้อมลดความเสี่ยงและเพิ่มความพึงพอใจแก่ลูกค้า โดยมีระบบภูมิคุ้มกันดิจิทัลอยู่ในแผนงานดังกล่าว
ภูมิคุ้มกันดิจิทัลรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงาน การทดสอบอัตโนมัติและการทดสอบในสภาวะสุดขั้ว การแก้ปัญหาอัตโนมัติ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ภายในการดำเนินงานด้านไอที และการรักษาความปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทานของแอปพลิเคชัน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความเสถียรให้แก่ระบบ การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 องค์กรที่ลงทุนในการสร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัลจะลดการหยุดทำงานของระบบได้มากถึง 80% และนั่นคือการแปลงเป็นรายได้กลับมาสู่องค์กรได้สูงขึ้น
การสังเกตประยุกต์ (Applied Observability)
ข้อมูลการสังเกต (Observable Data) ได้สะท้อนถึงสิ่งประดิษฐ์ดิจิทัล เช่น บันทึก การติดตาม การเรียก API เวลาที่ใช้ไป การดาวน์โหลดและการถ่ายโอนไฟล์ ที่จะปรากฏขึ้นเมื่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียดำเนินการใด ๆ ความสามารถในการสังเกตประยุกต์ใช้ดึงข้อมูลสิ่งประดิษฐ์ที่สังเกตได้เหล่านี้กลับมาในแนวทางที่มีการประสานและบูรณาการอย่างสูงเพื่อเร่งการตัดสินใจขององค์กรธุรกิจ
คารามูซิส กล่าวว่า “การสังเกตประยุกต์ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลสิ่งประดิษฐ์ของตนเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งมีประสิทธิภาพมาก เพราะช่วยยกระดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของข้อมูลที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม สำหรับดำเนินการอย่างรวดเร็วตามการกระทำของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ได้รับการยืนยันมากกว่าความตั้งใจ เมื่อวางแผนอย่างมีกลยุทธ์และดำเนินการได้สำเร็จ ความสามารถในการสังเกตที่นำไปใช้จะเป็นแหล่งข้อมูลที่ทรงพลังที่สุดในการตัดสินใจสำหรับขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล”
AI Trust การจัดการความเสี่ยงและความปลอดภัย (AI Trust, Risk and Security Management)
หลาย ๆ องค์กรยังเตรียมการได้ไม่ดีพอในการจัดการความเสี่ยงด้าน AI จากการสำรวจของการ์ทเนอร์ในประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี พบว่า 41% ขององค์กรต่างประสบปัญหาการละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือมีเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่เกิดจาก AI อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจเดียวกันนี้ยังพบว่าองค์กรที่จัดการความเสี่ยง ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย AI อย่างจริงจังนั้น ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกับโครงการ AI โดยส่วนใหญ่เปลี่ยนสถานะจากไอเดียที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว (Proof of Concept) ไปสู่การผลิตและสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้มากกว่าโครงการ AI ในองค์กรที่ไม่ได้จัดการฟังก์ชันเหล่านี้อย่างจริง ๆ จัง ๆ
องค์กรต้องนำความสามารถใหม่ ๆ มาใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าแบบจำลองมีความเสถียร เชื่อถือได้ มีความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูล โดย AI Trust การจัดการความเสี่ยงและความปลอดภัย (หรือ TRiSM) กำหนดให้ผู้เข้าร่วมจากแผนกต่าง ๆ ในองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้เพื่อนำมาตรการใหม่นี้มาปรับใช้
ธีมที่ 3 การปรับขยาย (Scale)
แพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับภาคอุตสาหกรรม (Industry Cloud Platforms)
แพลตฟอร์มคลาวด์ของภาคอุตสาหกรรมนำเสนอบริการ SaaS แพลตฟอร์มเป็นบริการ (หรือ PaaS) และโครงสร้างพื้นฐานเป็นบริการ (IaaS) อย่างผสมผสาน ด้วยชุดการทำงานแบบแยกส่วนเฉพาะอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการใช้งานของภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ องค์กรต่าง ๆ สามารถใช้ความสามารถที่บรรจุไว้ของแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับภาคอุตสาหกรรมเป็นส่วนประกอบในการสร้างสรรค์ไอเดียทางธุรกิจดิจิทัลที่ไม่เหมือนใครและแตกต่างได้ พร้อมยังมีความคล่องตัว มีนวัตกรรมล้ำสมัย และลดระยะเวลาการนำออกสู่ตลาด โดยไม่ต้องล็อคอินเพื่อเปิดใช้งาน
ภายในปี 2570 การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าองค์กรมากกว่า 50% จะใช้แพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับภาคอุตสาหกรรมเพื่อเร่งการดำเนินโครงการใหม่ ๆ ของธุรกิจ
แพลตฟอร์มวิศวกรรม (Platform Engineering)
แพลตฟอร์มวิศวกรรมเป็นแนวทางการสร้างและปฏิบัติงานบนแพลตฟอร์มภายในของนักพัฒนาแบบทำได้ด้วยตนเอง เพื่อการส่งมอบซอฟต์แวร์และจัดการกระบวนการพัฒนาได้อย่างครบวงจร โดยเป้าหมายของแพลตฟอร์มวิศวกรรม คือ การเพิ่มประสิทธิภาพด้านประสบการณ์ของนักพัฒนาและเร่งการส่งมอบคุณค่าแก่ลูกค้าของทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์
การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า 80% ขององค์กรด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์จะจัดตั้งทีมดูแลแพลตฟอร์มภายในปี 2569 และ 75% จะรวมพอร์ทัลการใช้งานด้วยตนเองสำหรับนักพัฒนา
การรับรู้ถึงคุณค่าของระบบไร้สาย (Wireless Value Realization)
แม้ว่าจะไม่มีเทคโนโลยีใดเข้ามาครอบครองตลาด แต่องค์กรธุรกิจต่าง ๆ จะใช้โซลูชันไร้สายที่หลากหลายเพื่อรองรับกับทุกสภาพแวดล้อม ตั้งแต่ Wi-Fi ในสำนักงาน ผ่านบริการในอุปกรณ์พกพา ไปจนถึงบริการที่ใช้พลังงานต่ำ และแม้กระทั่งการเชื่อมต่อวิทยุ การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 60% ขององค์กรจะใช้เทคโนโลยีไร้สาย 5 อย่างขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
เมื่อเครือข่ายพัฒนาก้าวหน้าไปไกลมากกว่าแค่การเชื่อมต่อ เครือข่ายจะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกโดยใช้การวิเคราะห์ในตัวและระบบที่ใช้พลังงานต่ำจะสะสมพลังงานไว้ได้โดยตรงจากเครือข่าย นั่นหมายความว่าเครือข่ายจะกลายเป็นแหล่งที่มาของมูลค่าทางธุรกิจโดยตรง
เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์มาแรงที่เปิดเผยล่าสุดในปีนี้นั้นตอกย้ำให้เห็นแนวโน้มเทคโนโลยีที่ผลักดันให้เกิดการหยุดชะงักและสร้างโอกาสสำคัญให้ธุรกิจไปอีก 5-10 ปีข้างหน้า ลูกค้าของการ์ทเนอร์ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ใน รายงานพิเศษของการ์ทเนอร์ “Top Strategic Technology Trends for 2023.”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สุดมันส์! “Toyota Gazoo Racing Team Thailand” สร้างประวัติศาสตร์ในศึก 25 ชม. “IDEMITSU 1500 SUPER ENDURANCE 2022”
แรงล้ำหน้าไปอีกขั้น “Toyota Gazoo Racing Team Thailand” ผนึกกำลัง “ORC ROOKIE Racing” นำรถ e-fuel และพลังงานไฮโดรเจน สร้างประวัติศาสตร์ในศึก 25 ชม. “IDEMITSU 1500 SUPER ENDURANCE 2022” สุดมันส์ที่บุรีรัมย์
“Toyota Gazoo Racing Team Thailand” ทีมแข่งรถดีกรีแชมป์โลกมาราธอน 3 สมัยในรายการ 24 ชม.นูร์เบอร์กริง เยอรมนี ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด สร้างประวัติศาสตร์ผนึกกำลัง “ORC ROOKIE Racing” ทีมแข่งรถเพื่อการพัฒนายานยนต์โดย มร.อากิโอะ โตโยดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น นำรถ e-fuel และรถต้นแบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจนและใช้เชื้อเพลิงซึ่งมีความเป็นกลางทางคาร์บอน ลงสนามรายการมาราธอนทางเรียบสุดโหด 25 ชม. “IDEMITSU 1500 SUPER ENDURANCE 2022” คว้าอันดับ 1 รุ่น SP-Q สร้างสถิติ Best Lap ต่อรอบสูงสุด 1:50.691 นาที ในระหว่างวันที่ 17-18 ธันวาคม 2565 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์ จัดทีมแข่งชุดใหญ่ลงสนามในรุ่น Division 2-3-5 และผนึกกำลังกับทีม ORC ROOKIE Racing ลงในรุ่น SP-Q [ Carbon Neutral Power Cup ] ฝ่าฟันความยากลำบากของการแข่งขัน “IDEMITSU 1500 SUPER ENDURANCE 2022” การแข่ง 25 ชม.ครั้งแรกในเอเชียสุดโหดด้วยระยะเวลาที่ยาวนานถึง 1500 นาที รถต้องขับต่อเนื่องผนวกกับความเหนื่อยล้าจากร่างกายและต้องใช้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่อาจคาดเดาจบจนครบช่วงเวลา
ไฮไลท์สำคัญในรุ่น SP-Q (Carbon Neutral Power Cup) หมายเลข S22 รถ Toyota 86 E- Fuel ที่ใช้เชื้อเพลิงความเป็นกลางทางคาร์บอนลงสนามครั้งแรก ขับโดย เซคิกูจิ ยุฮิ , ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ, อัครพงษ์ อัคนีนิโรธ, กฤษฎิ์ วสุรัตน์ และเคนทาโร่ ซึจิโทริ ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจบอันดับที่ 1 ในรุ่น วิ่งรวม 443 รอบสนาม
รถแข่ง ORC ROOKIE Racing รถหมายเลข S28 Toyota GR86 CNF Concept ขับโดยนาโอยะ กาโม่, ไดซึเกะ โตโยดะ และคาซึยะ โอชิมะ จบการแข่งขันอันดับที่ 2 ในรุ่น สร้างสถิติ Best Lap ต่อรอบสูงสุด 1:50.691 นาที และรถหมายเลข S32 ด้วยรถ GR Collora H2 concept ขับโดย มาซาฮิโระ ซาซากิ, โมริโซะ, ฮิโรอากิ อิชิอุระ และยาซูฮิโระ โอกุระ จบอับดับที่ 3 ในรุ่น
ด้าน Division 2 โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์ ใช้รถToyota Corolla Altis GR Sport Nürburgring หมายเลข 220 ขับโดย กรัณฑ์ ศุภพงษ์, เฉิน เจี้ยน หงษ์ และนาโอกิ คาวามูระ คว้าอันดับที่ 3 ในรุ่น และอันดับที่ 12 Overall วิ่งรวม 639 รอบสนาม
Division 3 หมายเลข 317 Toyota Corolla Altis GR Sport ขับโดย ธัญชนก เจริญสุขะวัฒนะ,เพียว หงษ์ปาน, ณ ดล วัฒนธรรม, สุรศักดิ์ ดาเก็ง และเคนทาโร่ ชิบะ ทำผลงานเยี่ยมคว้าอันดับที่ 6 ในรุ่น
Division 5 Yaris One Make Race หมายเลข 519 Yaris Lady One Make Race ขับโดย กมลชนก บุญคร่ำ, ศิริภากรณ์ แยบยนต์, ปิยะวดี พฤติสาร, สาวิตรี กวางแก้ว, ทิพวรรณ ภู่ระยับ และธัญชนก เจริญสุขะวัฒนะ ทำผลงานเยี่ยมคว้าอันดับที่ 7 ในรุ่น วิ่งรวม 595 รอบสนาม
หลังจบการแข่งขัน คุณสุทธิพงศ์ สมิตชาติ ผู้อำนวยการทีมและนักแข่งโตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์ เผยความรู้สึกหลังจบการแข่งขันว่า “เป็น 25 ชั่วโมงการแข่งขันที่ยากบีบหัวใจและมีเหตุการณ์เปลี่ยนตลอดเวลา พวกเราภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ และจะนำประสบการณ์ไปพัฒนารถและทีมงาน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันป้องกันแชมป์ปีที่ 4 ของรายการ 24 ชม.นูร์เบอร์กริงต่อไป ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาเชียร์พวกเรานะครับ ผมมั่นใจว่าทีมฯ จะสามารถสร้างผลงานที่ดีต่อไปได้ในอนาคต”
นอกจากนั้นการแข่งครั้งนี้ยังมีจุดประสงค์สำคัญเพื่อนำรถยนต์ต้นแบบพลังงานไฮโดรเจน และรถที่ใช้เชื้อเพลิงซึ่งมีความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ ORC ROOKIE Racing ทีมแข่งรถโดย มร.อากิโอะ โตโยดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เพื่อมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ในการยกระดับและเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกีฬามอเตอร์สปอร์ต ผ่านการเริ่มต้นในการแข่งรถยนต์ทางเรียบแบบรายการ Endurance 25 ชั่วโมงครั้งนี้ เพราะเชื้อเพลิงไฮโดรเจน คือ เชื้อเพลิงที่สะอาดไม่ก่อให้เกิดมลพิษ สู่การพัฒนายนตรกรรมในอนาคตที่ยั่งยืน
แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตร่วมติดตามผลงานและอัพเดทตารางแข่งขันในปี 2023 ของ “Toyota Gazoo Racing Team Thailand” ทีมแข่งรถสัญชาติไทยที่มุ่งมั่นและตั้งใจพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/TOYOTAGazooRacingTeamThailand
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
3 วิธีหาทางลดความเครียดด้วยตัวเอง จากจิตแพทย์ญี่ปุ่น
ความเครียดของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนเครียดง่ายและเครียดนาน บางคนเครียดแต่สามารถจัดการความเครียดได้ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นความเครียดที่สะสมเป็นเวลานานส่งผลร้ายต่อสุขภาพกายและใจ มารู้วิธีการจัดการความเครียดเพื่อให้ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขในโลกปัจจุบันจากคุณหมอนักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่น คุณหมอ Mai Minami กัน
หลักจิตวิทยาสำคัญในการจัดการกับความเครียด
คุณหมอ Mai Minami ได้อธิบายว่าหลักสำคัญในการจัดการกับความเครียดของคนเรา คือ ความเข้มแข็งในการมองโลก (Sense of Coherence) ซึ่งเป็นแนวคิดของ ดร. Aaron Antonovsky นักสังคมวิทยา (Sociologist) ชาวอเมริกันอิสราเอลที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างความเครียด สุขภาพ และสุขภาวะ โดยความเข้มแข็งในการมองโลกหมายถึงความสามารถของบุคคลในการเผชิญปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะส่งผลให้บุคคลนั้นสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบด้วยหลักการ 3 ประการ คือ
- ความสามารถในการเข้าใจสถานการณ์
ความรู้สึกเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีเหตุมีผล มีความสอดคล้องกัน และพิจารณาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสามารถอธิบายได้
- ความสามารถในการจัดการ
การรู้สึกว่าแม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ก็มีความสามารถในการแก้ปัญหา และก้าวต่อไปได้
- ความรู้สึกถึงการมีความหมาย
การเข้าใจว่าทุกสิ่งมีความหมายรวมถึงความรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มีความหมายกับชีวิต และมีค่าจากการใช้เวลาและความพยายาม
วิธีการสร้างความเข้มแข็งในการมองโลกให้เกิดขึ้น
พลังพิเศษเพื่อจัดการกับความเครียดของคนเราไม่ได้มีมาตั้งแต่เกิด แต่สามารถสร้างได้ด้วยการฝึกฝนให้เกิดขึ้น ดังนี้
- การรวบรวมแหล่งข้อมูล
การรวบรวมข้อมูลโดยการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้คน การหาความรู้และวิธีการบรรเทาความเครียดจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ดูยูทูบ หรือช่องทางอื่นๆ เป็นหนึ่งวิธีการที่จะทำให้คนเราสามารถตั้งรับและขจัดความเครียดที่อาจเกิดขึ้นได้
- สร้างนิสัยการมองแต่ปัจจุบัน
คนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงความผิดพลาดในอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ อีกทั้งยังกังวลถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต โดยหากกังวลเกี่ยวกับอดีตและอนาคตมากเกินไปจะทำให้เกิดความกังวลและเครียดมากขึ้น ดังนั้นต้องฝึกให้ความสำคัญกับสถานการณ์ปัจจุบันว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นในตอนนี้
- ให้ความสำคัญกับสิ่งที่กำลังทำอยู่
ความตั้งใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ได้ทำ แม้ว่าจะเป็นอะไรเล็กๆ แต่หากเข้าใจถึงความสำคัญของสิ่งที่กำลังทำอยู่ก็จะมองเห็นความสำเร็จที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้รู้สึกมีความมั่นใจและรู้สึกว่าผลงานคือรางวัลจากการกระทำ ในทางกลับกันหากมัวเอาแต่ใส่ใจกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำก็จะทำรู้สึกเครียด
ปัจจุบันนี้มีสถานการณ์ทั่วโลกที่ทำให้เกิดความเครียดได้ง่าย เช่น การระบาดของโควิด-19 และข่าวสงคราม รวมถึงการพบเจอกับความยุ่งยาก การฝึกตนเองให้จัดการและผ่านพ้นความเครียดไปได้ จะเป็นเกราะป้องกันให้เราอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุข มาฝึกนิสัยที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งในการมองโลกกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“Haus am Hang” กระท่อมตากอากาศทรงเรขาคณิตสุดล้ำใน Black Forest
AMUNT สำนักงานสถาปัตยกรรมสัญชาติเยอรมันได้สร้างกระท่อมไม้ซุงสำหรับพักตากอากาศในวันหยุดเวอร์ชันใหม่โดยมีการยกพื้นระดับ การแบ่งแยกสัดส่วนพื้นที่สำหรับอยู่อาศัยและหลังคาลาดเอียง
Haus am Hang คือบ้านที่อยู่บนเทือกเขาเป็นบ้านขนาดครอบครัวสำหรับการพักผ่อนในวันหยุด ที่เมือง Menzenshwand ทางใต้ของ Black Forest ประเทศเยอรมันซึ่งออกแบบโดยสถาปนิก Sonja Nagel และ Jan Theissen จาก AMUNT
Haus am Hang กระท่อมโครงไม้ CLT
ด้วยโครงไม้ CLT และหลังคาแหลมสูงทำให้กระท่อมหลังนี้ดูเหมือนกับบ้านทั่วๆ ไปในภูมิภาคนี้ แต่มันมีความแตกต่างที่ไม่เหมือนกับบ้านดั้งเดิม ภายใต้หลังคามีบล็อกสองบล็อกวางซ้อนกันอย่างซับซ้อน และการตกแต่งภายในที่มีหลายระดับ มีตัวหุ้มทรงเรียววางเหนือหลังคาทั้งสองทำมุม 45 องศากับพื้นเอียงเพื่อป้องกันหลังคาโครงสร้างอาคารสร้างจากไม้เป็นหลัก และใช้ไม้ CLT เป็นกรอบด้านนอก ในขณะเดียวกันพื้นที่ผิวภายในทำจากไม้ดักลาสเฟอร์
การตกแต่งแบบอาศัยธรรมชาติ
มีการจัดวางโครงสร้างภายในโดยใช้ประโยชน์จากแสงอาทิตย์โดยแบ่งโครงสร้างอาคารออกเป็นสองส่วน ทำให้หน้าต่างส่วนใหญ่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประตูทางเข้าสูง 3 ระดับ ครัวและพื้นที่รับประทานอาหารวางอยู่ส่วนกลาง ส่วนชั้นล่างสุดเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอนรวมและห้องสวีทอยู่ชั้นล่างที่สามารถเข้าถึงได้ ส่วน double room จะอยู่ชั้นหนึ่งมีช่องสำหรับรับแสงบนท้องฟ้าและสามารถมองเห็นดวงดาว และมีห้องใต้หลังคาแสนสบาย
เฟอร์นิเจอร์ Built-in ทั้งหลัง มีชั้นวางหนังสือที่ทำเป็นผนังกั้นห้องได้และโซฟาพร้อมช่องเก็บของด้านล่าง พื้นผิวและไม้ประดับตกแต่งในโทนสีเขียวซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากพันธุ์ไม้ในท้องถิ่น ในขณะที่บันไดมีโทนสีมรกตที่ทำให้สดใสยิ่งขึ้น ประตู กรอบหน้าต่าง และลูกกรงบันไดโลหะแบบตะแกรงเลือกใช้สีเหลือง
ในทางตรงกันข้ามตัวบันไดที่มีพื้นผิวเป็นสีมันและม่านบังแดดช่วยเพิ่มสีสัน ตัวระเบียงที่หันหน้าเข้าทางทิศตะวันออกจะมีช่องว่างระหว่างสองฝั่งของตัวอาคาร พื้นที่ส่วนด้านล่างของโครงสร้างสามารถเก็บของหรือทำเป็นห้องกลางแจ้งได้
หลังคาที่หันไปทางทิศใต้ปิดด้วยแผงโซลาร์เซลล์ทำให้เห็นถึงความต้องการที่จะเป็นสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืน แผงโซลาร์เซลล์ให้พลังงานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในอาคารและมีแผงอินฟราเรดที่ให้ความร้อนและเตาฟืนรวมทั้งมีการระบายอากาศผ่านหน้าต่างอีกด้วย
Haus am Hang กับความหวังในการสนับสนุนการท่องเที่ยว
ความตั้งใจแรกของเจ้าของ Haus am Hang ที่จะสร้างบ้านพักตากอากาศสำหรับครอบครัวและปล่อยเช่าสำหรับแขก แต่เนื่องจากในขณะนั้นนักท่องเที่ยวในภูมิภาคกำลังลดลง ซึ่งมีสาเหตุมาจาก “ฤดูหนาวที่มีอากาศอบอุ่นขึ้นทำให้ไม่มีหิมะและไม่สามารถเล่นสกีได้” พวกเขาจึงหวังว่ากระท่อมตากอากาศแห่งนี้จะสามารถสนับสนุนการท่องเที่ยวในภูมิภาคได้
Architect: AMUNT Nagel Theissen
Structural engineer: Felix Mildner
Construction supervisor: Rolf Haselwander
Cabinet maker: Markus Stoll
The photography is by Rasmus Norlander.
ภาพและข้อมูลจาก https://www.dezeen.com/2022/12/14/haus-am-hang-house-on-a-hill-amunt/
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 19/12/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,450.00 | 29,550.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,908.00 | 28,925.28 | 30,050.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,717.20 | 26,032.75 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,526.40 | 23,140.22 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 859.00 | 13,022.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 668.00 | 10,126.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,977.00 | 29,971.32 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/12/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.75 | 34.75 | 35.35 | 34.75 | 35.35 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.48 | 34.48 | 35.08 | 34.48 | 35.08 | 34.48 | 34.48 | 34.48 | 34.48 | 34.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.84 | 32.84 | 33.44 | 32.84 | 33.44 | – | 32.84 | 32.84 | 32.84 | 32.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.99 | 32.99 | – | – | – | – | – | – | – | 32.99 |
เบนซิน 95 | 42.16 | – | – | – | 43.21 | – | 42.66 | 42.61 | – | 42.16 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.54 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.54 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 35.54 | – | 34.94 | 34.94 | 32.84 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.26 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |