LPN ปรับโฉมแบรนด์ BAAN 365 ทำเลอ่อนนุชมูลค่า 1.2 พันล้าน 38 ยูนิตราคา 27-40 ล้าน
LPN ปัดฝุ่นบ้านเดี่ยวแบรนด์ BAAN 365 นำร่องสุขุมวิท 77 มูลค่า 1,250 ล้านบาท จำนวน 38 ยูนิตครั้งแรกในรอบ 6 ปี ราคาเริ่มต้น 27-40 ล้าน
นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 6 ปีก่อนหน้านี้ แบรนด์ BAAN 365 ถือเป็นแบรนด์เรือธงบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมระดับพรีเมียมของบริษัท โดยได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าในทำเลพระราม 3 มาจาก แอลพีเอ็น (LPN) ได้มีการพัฒนาในเรื่องของการออกแบบและแนวคิดให้เป็นโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
ทั้งนี้ในปี 2567 พร้อมนำแบรนด์ BAAN 365 กลับมาเพื่อทำตลาดในกลุ่มพรีเมียม เช็คเมนต์ อีกครั้ง เจาะใจกลางเมืองในย่านสุขุมวิท 77 เนื่องจากมีความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวในทำเลใจกลางเมือง
ทั้งนี้ BAAN 365 ถูกพัฒนาขึ้น ภายใต้แนวคิด “A PLACE OF MIND” ที่แห่งใจ ที่รวมทุกคนในครอบครัวได้สัมผัสความสุขที่แท้จริงของการอยู่อาศัยตลอด 365 วัน โดยงานออกแบบยังคงความเรียบหรูในแบบฉบับ LPN (Livable Simple Luxury House) เต็มไปด้วยรายละเอียดของความพิถีพิถัน ทั้งงานออกแบบ และวัสดุที่คัดสรรอย่างดี
พร้อมการวางผังพื้นที่ใช้งานให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการอยู่อาศัยของผู้อยู่อาศัยในทุกเจเนอเรชันที่สำคัญมุ่งเน้นการอยู่อาศัยจริง เนื่องจากบริษัทต้องการสร้างบ้านที่สะท้อนถึงการใช้ชีวิตให้ผู้อยู่อาศัย ทั้งนี้มีกำหนดเปิด พรีเซลล์ ระหว่างวันที่ 20-21 ก.ค.นี้
สำหรับโครงการ BAAN 365 SUKHUMVIT 77 บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมโครงการใหม่จากแอลพีเอ็น อยู่บนทำเล ไพร์มโลเคชัน ถนนสุขุมวิท 77 หรือ อ่อนนุช 46 โดยพื้นที่โครงการมีขนาดกว่า 9 ไร่ มูลค่ารวม 1,250 ล้านบาท มีจำนวน 38 ยูนิต
ทั้งนี้ความโดดเด่นของโครงการอยู่ที่ แนวคิดการออกแบบในสไตล์ minimal modern, modern minimal, minimalism มุ่งสถาปัตยกรรมที่สะท้อนความหรูหรา ผ่านรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเรียบง่าย และตรงไปตรงมา ตรงกับความนิยมในปัจจุบัน อีกทั้งมีรายละเอียดในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายใน รวมถึงได้เพิ่มพื้นที่ “Third space” กับ “public space” และ “private space” เพื่อเพิ่มมิติของการใช้ชีวิตภายในบ้าน
“ภาพรวมการออกแบบในปัจจุบัน ได้มีการจัดทำพื้นที่ third space ภายในบ้าน พร้อมมุ่งเลือกใช้วัสดุผนังบล็อคแก้ว เพื่อเป็นการไฮไลท์ พื้นที่ให้โดดเด่นขึ้นมาจากตัวบ้าน จากมุมมองทั้งภายในและภายนอก พร้อมช่วยกรองแสงธรรมชาติบางส่วนเข้ามาในตัวบ้าน”
ทั้งนี้โครงการนี้ ได้นำเสนอผ่านแบบบ้าน 3 แบบ ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 331-493 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 27-40 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
‘พฤกษา’ ผนึก ‘ปูนอินทรี’ สร้างบ้านคาร์บอนต่ำเอาใจคนรักษ์โลก
พฤกษา จับมือ ปูนอินทรี ผลิตพรีคาสท์คาร์บอนต่ำสร้างบ้านคาร์บอนต่ำหลัง 6 ปี ใช้กรีนซีเมนต์พัฒนาโครงการบ้านมากกว่า 300 โครงการเทียบเท่าปลูกต้นไม้กว่า 5 แสนต้น รับกระแสรักษ์โลก
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พฤกษา มุ่งวางแนวทางพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของ ESG (Environment, Social, Governance) โดยมีเป้าหมายร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยและระดับโลก
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พฤกษา มุ่งวางแนวทางพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของ ESG (Environment, Social, Governance) โดยมีเป้าหมายร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยและระดับโลก
จากนโยบายความยั่งยืนที่บริษัทมุ่งขับเคลื่อนมาตลอด ทำให้บริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ ปูนอินทรี มาตั้งแต่ปี 2562 ได้มุ่งใช้ปูนซีเมนต์อินทรีเพชร Easy Flow ซึ่งเป็นปูนซีเมนต์ลดโลกร้อน ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ได้เริ่มดำเนินการในโครงการพฤกษาแนวราบ ทำให้ในปัจจุบันมีการใช้ ปูนซีเมนต์อินทรีเพชร Easy Flow ในโครงการแนวราบ ประมาณ 327 โครงการ ซึ่งช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้เกือบ 5 ล้านตัน เทียบเคียงกับการปลูกต้นไม้ทดแทนถึงกว่า 524,483 ต้น
ภาพรวม บริษัทจึงเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่ใช้คาร์บอนเคียว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสีเขียวในการผลิตแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำในการสร้างบ้าน โดยนำคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นตัวการสำคัญในการทำลายชั้นบรรยากาศมาฉีดกักเก็บเข้าไปในขั้นตอนการผสมคอนกรีต จึงช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ
อีกทั้งสามารถลดปริมาณการใช้ซีเมนต์ลง 5% แต่คงประสิทธิภาพความแข็งแกร่งได้ตามมาตรฐาน โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ได้ประกาศรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้กับ อินโน พรีคาสท์ โดยได้รับฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ Carbon Footprint Reduction (CFR) หรือฉลากลดโลกร้อน ซึ่งถือเป็นพรีคาสท์รายแรก รายเดียว ของอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ได้การรับรอง อีกทั้งยังมีวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ด้วยเช่นกันที่ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ Carbon Footprint of Product (CFP)
“บ้านภายใต้แบรนด์พฤกษาเป็นบ้านคาร์บอนต่ำ ที่มีการก่อสร้างโครงการโดยเลือกใช้ปูนรักษ์โลกจากปูนซีเมนต์อินทรีเพชร Easy Flow และ ยังให้ความสำคัญกับ ดีไซน์บ้านที่ช่วยลดความร้อน มีการใช้นวัตกรรมที่ช่วยประหยัดพลังงาน อาทิ โซล่าเซลล์ ระบบระบายอากาศ นวัตกรรมกรองอากาศและลดพลังงาน รองรับ EV Charger และมีบริการจากแอปพลิเคชัน MyHaus ซึ่งเป็นนวัตกรรมระบบบ้านอัจฉริยะที่ช่วยควบคุม IOT และความปลอดภัยในบ้าน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้ลูกบ้าน”
ทั้งหมดสอดรับกับ วิสัยทัศน์ของบริษัท ในการมุ่งสู่ผู้นําในการสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “ใส่ใจเพื่อทั้งชีวิต….อยู่ดี มีสุข”
นายมนตรี นิธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัท กับ ปูนซีเมนต์อินทรีเพชร Easy Flow เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนขององค์กร โดยเป็นปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกประเภท GU ตามมาตรฐาน มอก. 2594-2556 ที่ได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) มีค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ทั่วไปมากกว่า 50 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหนึ่งตันซีเมนต์ จึงสามารถนำไปคำนวณเรตติ้งสำหรับการจัดอันดับอาคารสีเขียวได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้19มิ.ย. “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.67 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทแรงกดดันชะลอลง หลังความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทยคลี่คลายในระยะสั้น ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะหลังที่ทยอยออกมาแย่กว่าคาดมีส่วนช่วยลดทอนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ในช่วงนี้
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้19มิ.ย. 2567ที่ระดับ 36.67 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.83 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้ชะลอลง หลังความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทยได้คลี่คลายลงบ้างในระยะสั้น ซึ่งอาจช่วยลดแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท หากบรรดานักลงทุนต่างชาติไม่ได้เดินหน้าขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม
นอกจากนี้ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะหลังที่ทยอยออกมาแย่กว่าคาด ก็มีส่วนช่วยลดทอนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ได้ในช่วงนี้ อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็อาจยังไม่สามารถพลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ชัดเจน
เนื่องจากฝั่งยุโรปก็ยังมีความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศสอยู่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันไม่ให้เงินยูโร (EUR) สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ในช่วงนี้ และแม้ว่าเงินบาทอาจพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นราว +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แต่เราก็มองว่า การแข็งค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทำให้เงินบาทก็อาจยังติดในโซนแนวรับแถว 36.50-36.60 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวต้านก็ยังคงเป็นช่วง 36.80-36.90 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนี PPI ของอังกฤษ (ช่วง 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) เพราะหากอัตราเงินเฟ้อชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับมุมมองต่อแนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของ BOE ให้เร็วขึ้นจากช่วงปลายไตรมาส 3 ซึ่งอาจกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) มีโอกาสอ่อนค่าลงได้บ้าง และเป็นปัจจัยที่หนุนเงินดอลลาร์ในช่วงนี้
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.55-36.80 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.65-36.85 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ จากรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคมที่ขยายตัวเพียง +0.1%m/m น้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้
นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้หนุนให้ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นราว +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเลือกที่จะทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมาเช่นกัน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่าเฟดยังมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ขณะเดียวกัน การปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่ม Semiconductor อาทิ Nvidia +3.5% ก็ยังคงเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็เริ่มทยอยขายทำกำไรหุ้นเทคฯ ใหญ่ออกมาบ้าง เช่น Meta -1.4% ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาดเพียง +0.25%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นราว +0.69% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ อย่างกลุ่ม Semiconductor ตามหุ้นธีม AI ในฝั่งสหรัฐฯ อาทิ ASML +1.5%
ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังเชื่อว่า แนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลักจะเข้าสู่ช่วงการทยอยลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้ ทั้งนี้ ความกังวลสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสก็ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก
ในส่วนตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวลงสู่ระดับ 4.22% หลังรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาน้อยกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมีความหวังว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้
ทั้งนี้ เราคงมองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจผันผวนในกรอบ sideways และสามารถที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งของเฟดในปีนี้
ทว่าเราคงคำแนะนำเดิมว่า ในทุกๆ จังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวที่น่าสนใจ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดในระยะข้างหน้ามีเพียงแค่ “คง” หรือ “ลง” มากกว่าที่เฟดจะทยอยขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับบรรดาสกุลเงินหลัก หลังรายงานยอดค้าปลีกที่ออกมาแย่กว่าคาด ยังคงทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่าเฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ทว่า เงินดอลลาร์ก็ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสที่กดดันไม่ให้เงินยูโร (EUR) สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องไปได้มากนัก ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงสู่ระดับ 105.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.1-105.6 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) สามารถรีบาวด์ขึ้นเหนือโซน 2,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของอังกฤษ ในเดือนพฤษภาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยหากทั้งอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนี PPI ชะลอตัวลงต่อเนื่อง มากกว่าคาด ก็อาจเปิดโอกาสให้ BOE สามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนสิงหาคม ซึ่งอาจเร็วขึ้นกว่าที่ผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า BOE จะเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.67-36.69 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.30 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.83 บาทต่อดอลลาร์ฯ เงินบาทแข็งค่ากลับมา ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ โดยมีปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาด โดยเฉพาะยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.55-36.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของอังกฤษ สัญญาณเกี่ยวกับดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
จบเนชั่นส์ลีก 3 สนาม! “วอลเลย์บอลสาวไทย” อยู่ตรงไหนในเวทีโลก และเอเชีย
วอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย ที่จบภารกิจการแข่งขันในศึกลูกยาง เนชั่นส์ลีก 2024 ทั้งสามสัปดาห์ โดยผลงานของทีมในปีนี้ต้องบอกว่าไม่ค่อยดีนัก ชนะเพียงแค่ 3 เกม และ แพ้ไปถึง 9 นัดจากการลงเล่น 12 นัด ทำให้จบอันดับ 13 จากทั้งหมด 16 ชาติ
นอกจากนี้อันดับโลกของ “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ในการจัดอันดับของ สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) ก็หล่นไปอยู่อันดับ 14 ด้วยการมี 196.38 คะแนน หลังจากก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์อยู่อันดับที่ 13 แต้มหายไป 25.63 คะแนน
ส่วนในระดับทวีป “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ยังคงรั้งอันดับ 3 ของเอเชีย เป็นรอง จีน เบอร์ 1 ที่มี 353.65 คะแนน และ ญี่ปุ่น อันดับ 2 ของเอเชีย ที่มี 322.62 คะแนน รวมทั้งยังคงทิ้งห่าง คาซัคสถาน อันดับ 4 ที่มี 112.89 คะแนน
สำหรับ วอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย ที่ได้สิทธิ์ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในฐานะเจ้าภาพ มีโปรแกรมจะลงสนามพบกับ บราซิล ในวันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายนนี้ เวลา 20.30 น. แฟนๆ สามารถรับชม และเชียร์ ได้ทุกนัดผ่านทางการถ่ายทอดสดทาง ช่อง 7HD หรือช่องทางออนไลน์ BUGABOO.TV และ Ch7HD ทั้งเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
อาการไข้หวัดใหญ่ อาจเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนได้ หากไม่ได้รักษากับหมอ
นพ.ตุลย์ สุนาถวนิชย์กุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ระบุว่า ไข้หวัดใหญ่ ดูเผินๆ แล้ว เหมือนจะมีอาการที่มากกว่าไข้หวัดทั่วๆ ไปเพียงเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไข้หวัดใหญ่สามารถทำให้เกิดอาการรุนแรง เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือทำให้ผู้ป่วยบางรายเสียชีวิตได้ ดังนั้นไข้หวัดใหญ่จึงไม่ใช่แค่อาการเจ็บป่วยเล็กน้อยที่ทุกคนจะรอให้หายเองได้ หากแต่ผู้ป่วยต้องสังเกตอาการของตนเองและควรรีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องอย่างเร็วที่สุด เพื่อหยุดยั้งความรุนแรงของโรค และลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่ทำให้เกิดอาการรุนแรง ภาวะแทรกซ้อน หรือเสียชีวิตได้ บุคคลที่ต้องระวังอย่างมาก คือ เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ แม่หลังคลอด 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม และผู้พิการทางสมอง กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ก็มีโอกาสเป็นไข้หวัดใหญ่ได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 4 เท่า และมีอาการรุนแรง ผู้ป่วยที่มีโรคปอดหรือถุงลมโป่งพองจะเสี่ยงเพิ่มขึ้น 100 เท่าเทียบกับคนปกติ ผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจเสี่ยงเพิ่มขึ้น 50 เท่า และผู้ป่วยเบาหวานเสี่ยงเพิ่มขึ้น 5-10 เท่า
7 กลุ่มเสี่ยงไข้หวัดใหญ่
กลุ่มที่มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนและอันตรายที่สูงกว่าคนทั่วไป เรียกว่า กลุ่มเสี่ยง ซึ่งประกอบด้วย
- เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ
- ผู้สูงอายุ มากกว่า 65 ปีขึ้นไป
- หญิงตั้งครรภ์ รวมถึงคุณแม่หลังคลอด 2 สัปดาห์
- ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคตับเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง ฯลฯ
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมถึงผู้ที่ได้รับยากดภูมิหรือยาเคมีบำบัด
- ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม
- ผู้มีความพิการทางสมอง
ภาวะแทรกซ้อนของโรคไข้หวัดใหญ่
โดยภาวะแทรกซ้อนทั่วๆ ไปของโรคไข้หวัดใหญ่ ที่พบได้บ่อย ได้แก่ หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ ส่วนภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่พบได้มาก ได้แก่ โรคปอดอักเสบหรือปอดบวม ซึ่งโรคนี้จะยิ่งทวีความรุนแรงและเสี่ยงเพิ่มขึ้นในกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ป่วยที่มีโรคปอดหรือถุงลมโป่งพองอยู่แล้ว จะเสี่ยงเพิ่มขึ้น 100 เท่าเมื่อเทียบกับคนปกติ สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจ จะเสี่ยงเพิ่มขึ้น 50 เท่า และเสี่ยงเพิ่มขึ้น 5-10 เท่าในผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากคนที่มีโรคประจำตัว มักมีภูมิคุ้มกันแปรปรวนทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีเท่ากับคนปกติ ส่วนในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ก็มีโอกาสเกิดไข้หวัดใหญ่ได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 4 เท่า ซึ่งมักมีอาการรุนแรง และสามารถส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้ เช่น การคลอดก่อนกำหนด การแท้ง รวมทั้งอาจรุนแรงจนเสียชีวิตทั้งแม่และลูกได้
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ้าง ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ปลายประสาทอักเสบ และสมองอักเสบ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ผู้ป่วยทุกคนไม่เฉพาะแต่ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา อย่ารอให้อาการหนัก เพราะยิ่งรอก็ยิ่งทำให้เสี่ยงกับภาวะแทรกซ้อนที่มากขึ้นทุกวินาที
ควรรักษาไข้หวัดใหญ่ ก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน
ทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาไข้หวัดใหญ่ได้รวดเร็วและทันท่วงทีขึ้น ก็คือ ที่ให้บริการผ่านวิดีโอคอลคุยออนไลน์กับแพทย์ ทำให้การพบแพทย์เป็นเรื่องง่ายขึ้น และสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
การเข้ารับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่รวดเร็วนั้น ไม่เพียงแต่ช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง แต่ยังช่วยให้ผู้ป่วยทุกคนไม่ต้องทนทรมานกับอาการไข้หวัดใหญ่ ทั้งอาการปวดหัว ตัวร้อน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเป็นเวลานาน รวมทั้งลดโอกาสแพร่เชื้อสู่คนรอบข้าง และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วมากขึ้นด้วย
อาการไข้หวัดใหญ่
- มีไข้สูง
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- คัดจมูก
- น้ำมูกใส
- ไอแห้ง
วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่
- ล้างมือให้สะอาด
- สวมหน้ากากอนามัย
- หลีกเลี่ยงชุมชนแออัด
- ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ (ฉีดวัคซีน 1 เข็ม ทุกปี)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รู้จัก 3kree.cc คืออะไร Popup อันตรายต่อ iPhone อย่างไร
หลายๆ คนอาจจะเห็น Popup ขึ้นมาฟ้องว่า “การติดตั้ง 3kree.cc กำลังติดตั้งและจัดการแอป …. บัญชี iTunes ของคุณจะไม่เรียกเก็บเงินสำหรับแอปนี้” ทำให้หลายคนสงสัยว่า 3kree.cc คืออะไร และมันมีอันตรายไหม วันนี้ Sanook Hitech เรามีคำตอบครับ
3Kree.cc คืออะไร
สำหรับ Popup 3Kree.cc ขึ้นมานี้จริงๆ มันไม่ได้เป็นไวรัสโดยตรงแต่ว่าเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการดาวน์โหลด Application ของ iOS โดยไม่ผ่าน App Store แต่ว่าสิ่งที่น่ากังวลคือความปลอดภัยนั่นเอง
อันตรายแค่ไหนหากติดตั้ง
โปรแกรมดังกล่าวจากที่สืบข้อมูลมานั้นพบว่า ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเสี่ยงต่อความปลอดภัยแค่ไหนและไปเปิดช่องโหว่ความปลอดภัยหรือไม่ รวมถึงแอปส์ดังกล่าวไม่ได้มีแหล่งที่มชัดเจนติดตั้งแล้วอาจจะถูกละเมิดลิขสิทธิ์ทได้เช่นเดียวกัน
ผลกระทบเบื้องต้นหากติดตั้งไป
มีคนที่ติดตั้งลงไปนั้นอาจจะเกิดผลเสียตั้งแต่
- ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว
- มีการแจ้งเตือนจาก Apps ที่ไม่รู้จักปรากฏขึ้นมาเครื่องจะทำงานช้าลง
- และมี Apps ขึ้นมาเต็มแบบไม่รู้ตัว
วิธีการแก้ปัญหา
- หากคุณติดตั้งไปแล้ว วิธีการแก้มีทั้งหมดดังนี้
- ปิดการแจ้งเตือน Apps ดังกล่าว
- ถอยการติดตั้งออก โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > ทั่วไป > พื้นที่เก็บข้อมูลของ Application > ลบ Application
- หากลบไม่ได้ให้รีเซ็ต iPhone
อย่างไรก็ตามทางที่ดีที่สุด ไม่ควรกดติดตั้ง Apps นอก App Store เพี่อความปลอดภัยของเครื่องคุณเองจะดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำแนบท้ายอีเมล คำไหนเหมาะใช้ตอนไหน คนใช้ภาษาต้องรู้!
หลายคนอาจสงสัยตอนทำงาน หรือ ตอนเรียนเมื่อถึงคาบเรียนการเขียน (Writing) ในเรื่องการเขียนอีเมลว่า คำแนบท้ายอีเมล นี้มีไว้ใช้เพื่ออะไร แล้วทำไมถึงต้องแนบในอีเมลด้วย แล้วตัวไหนเหมาะสำหรับใช้เวลาส่งหาใคร วันนี้ทางเราเลยมาคลายทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ คำแนบท้ายอีเมล พร้อมวิธีใช้ เพื่อให้ทุกคนเขียนอีเมลได้แบบมือโปรมากยิ่งขึ้น
คำแนบท้ายอีเมล คืออะไร
เมื่อมีคำขึ้นต้นว่า เราเขียนอีเมลถึงใครแล้ว เราก็จะต้องมีคำลงท้ายเพื่อปิดเมลนั้น ๆ เช่นกัน ซึ่งคำแนบท้ายอีเมลในภาษาอังกฤษเรียกว่า Complimentary Close หรือ คำลงท้ายนั่นเอง เขียนเพื่อแสดงถึงความเป็นทางการ ความเคารพและความสนิทสนมถึงผู้ที่เราเขียนหานั่นเอง ไม่ใช่เพียงอีเมลเท่านั้นที่ต้องมีคำลงท้าย รวมถึงจดหมายอื่น ๆ ด้วยเช่นกันเหมือนกับด้วยรัก ด้วยความเคารพในภาษาไทยเลย เมื่อเรารู้จักคำแนบท้ายอีเมลกันแล้ว เรามาดู 12 คำแนบท้ายอีเมลที่นิยมใช้ในแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการเพื่อให้ใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมเลยดีกว่า
12 คำแนบท้ายอีเมล (ทางการและไม่ทางการ)
แบบเป็นทางการ (Formal)
แบบเป็นทางการนิยมใช้กับการทำงานถึงเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ผู้ประสานงานในองค์กร ลูกค้าในแง่ธุรกิจ หรือ อาจารย์ บุคคลอื่น ๆ ที่เราเคารพ ซึ่งจะแปลว่า ด้วยความเคารพและขอแสดงความนับถือ
- Sincerely
- Respectfully
- Yours faithfully
- Yours sincerely
- Best Regards
แบบกึ่งเป็นทางการ (Semi-informal)
แบบกึ่งเป็นทางการจะใช้กับบุคคลข้างต้นก็ได้ แต่จะต้องมีความสนิทสนมกับพวกเขาแล้วประมาณหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้จดหมายนั้น ๆ มีความเฟรนลี่มากขึ้น แต่ยังคงความสุภาพและนับถืออยู่ โดยจะหมายถึงแสดงความนับถือเช่นกัน ด้วยความรักและอบอุ่น เป็นต้น
- Best regards
- Kind regards
- Warm regards
- Cordially yours
แบบไม่เป็นทางการ (Informal)
แบบไม่เป็นทางการเรามักนำมาใช้กับคนรัก เพื่อนสนิทและครอบครัว หรือ แสดงความยินดีต่อเพื่อนร่วมงานก็ได้ ซึ่งจะมีความเป็นมิตรมากกว่าคำแนบท้ายประเภทอื่น ๆ เพื่อเป็นการแสดงความรัก ความยินดี อวยพรแด่คนนั้น ๆ ตามสถานการณ์เลย
- Cheers
- Best wishes
- Take care
- Love
หมายเหตุ: อย่าลืมใส่ (,) ทุกครั้ง ทั้งคำขึ้นต้นและคำลงท้ายของอีเมล และตามด้วยชื่อเต็มของเรา
ประโยคแนบท้ายที่มาพร้อมกับคำแนบอีเมล
- Sincerely
I am writing to inform you that we are going to have a meeting at 18.00…
Sincerely,
ฉันเขียนอีเมลหาคุณว่า เราจะมีประชุมเวลา 18.00 น. …
ด้วยความนับถือ[ชื่อเต็ม]
- Respectfully
I appreciate your collaboration on this project.
Respectfully,
ผมขอบคุณที่ให้ความร่วมมือในการทำโปรเจคครั้งนี้
ด้วยความนับถือ[ชื่อเต็ม]
- Yours faithfully
Thanks in advance for your prompt reply.
Yours faithfully,
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับการตอบกลับอันรวดเร็ว
ขอแสดงความนับถือ[ชื่อเต็ม]
- Yours sincerely
Please keep me informed if anything changes according to the planning.
Yours sincerely,
โปรดแจ้งผมให้ทราบ หากมีการเปลี่ยนแปลงไปจากแผนที่วางไว้
ขอแสดงความนับถือ[ชื่อเต็ม]
- Best regards
I’d love to hear your feedback soon.
Best regards,
ผมหวังว่า จะได้ยินการตอบรับจากคุณเร็ว ๆ นี้
ขอแสดงความนับถือ[ชื่อเต็ม]
- Kind regards
Can you let me know what our next steps are?
Kind regards,
คุณช่วยบอกฉันได้ไหมว่าขั้น ตอนต่อไปของเราคืออะไร?
ขอแสดงความนับถือ[ชื่อเต็ม]
- Warm regards
Thank you for your support and kind words.
Warm regards,
ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและคำพูดที่ใจดีของคุณ
ขอแสดงความนับถือ[ชื่อเต็ม]
- Cordially yours
Thank you for your time and see you later.
Cordially yours,
ขอบคุณที่สละเวลาและเจอกันในภายหลัง
ขอแสดงความนับถือ[ชื่อเต็ม]
- Cheers
Any plans for this weekend?
Cheers,
มีแพลนสุดสัปดาห์นี้ไหม
เชียร์[ชื่อเต็ม]
- Best wishes
Again, thanks for all you have done for me and this company.
Best wishes,
อีกครั้ง ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เธอทำให้กับฉันและบริษัทแห่งนี้
ขอให้พบพานแต่สิ่งดี ๆ[ชื่อเต็ม]
- Take care
I’m looking forward to hearing about the house-warming ceremony.
Take care,
ฉันตั้งตาคอยที่จะได้ข่าวเรื่องการขึ้นบ้านใหม่อยู่นะ
ดูแลตัวเองด้วย[ชื่อเต็ม]
- Love
I miss you, and I hope we’ll see each other.
Love,
ฉันคิดถึงเธอและหวังว่าเราจะได้เจอกันนะ
ด้วยรัก
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
การทานวิตามินแบบกัมมี่ส่งผลเสียจริงหรือไม่?
วิตามินแบบกัมมี่ได้รับความนิยมอย่างมากด้วยรสชาติที่อร่อยและทานง่าย เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าวิตามินแบบกัมมี่เหล่านี้มีประโยชน์ต่อร่างกายจริงหรือไม่ และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง
1.มีน้ำตาล หากคุณกำลังพยายามคำนึงถึงน้ำตาลที่เพิ่มเข้ามาในอาหารของคุณ ให้อ่านฉลากโภชนาการบนวิตามินแบบกัมมี่ของคุณ หลายๆ ตัวจะให้น้ำตาลระหว่าง 2-8 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค แม้ว่าอาจดูเหมือนไม่มากนัก แต่ AHA แนะนำให้รับประทานน้ำตาลไม่เกิน 25- 36 กรัมต่อวัน ซึ่งสามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหากคุณได้รับวิตามินถึงหนึ่งในสามของปริมาณนั้น
2.วิตามินแบบกัมมี่ “ไร้น้ำตาล” อาจมีสารให้ความหวานแทน แม้ว่าจะมีวิตามินแบบกัมมี่ “ไร้น้ำตาล” วางจำหน่าย แต่เพื่อให้กัมมี่เหล่านี้มีรสชาติอร่อย ผู้ผลิตมักจะใส่สารให้ความหวานชนิดอื่น เช่น แอลกอฮอลล์น้ำตาล สารให้ความหวานสังเคราะห์ สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้ท้องเสีย หรือรู้สึกไม่สบายท้อง สำหรับสารให้ความหวานสังเคราะห์อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย และจากงานวิจัยบางชิ้นพบว่าการใช้สารให้ความหวานสังเคราะห์ในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจ
3.มักทำด้วยเครื่องปรุงสังเคราะห์ ผู้ผลิตอาหารเสริมมักใช้สารปรุงแต่งรสและสีสังเคราะห์เพื่อปกปิดรสชาติโลหะของสารอาหาร เช่น ธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 หากคุณกำลังพยายามจำกัดสารปรุงแต่งเทียมในอาหาร วิตามินแบบเหนียวอาจไม่เหมาะกับคุณ
4.มีความเสถียรน้อยกว่ายาเม็ด วิตามินกัมมี่มีอายุการเก็บรักษาที่จำกัดเมื่อเทียบกับอาหารเสริมประเภทอื่นๆ และจะสูญเสียประสิทธิภาพเมื่อเวลาผ่านไป เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ผู้ผลิตมักจะผลิตวิตามินแบบเหนียวที่มีวิตามินมากกว่าที่ระบุไว้บนขวด ดังนั้นขวดที่บรรจุใหม่อาจมีศักยภาพมากกว่าขวดเก่า
5.วิตามินแบบกัมมี่ เสี่ยงต่อการทานเกินขนาด แม้ว่าวิตามินแบบกัมมี่จะมีรสชาติอร่อยเหมือนขนม แต่ไม่ควรทานเล่นเพลินๆ เพราะมีความเสี่ยงต่อการทานเกินขนาด เนื่องจากวิตามินแบบกัมมี่มีรสชาติอร่อย เคี้ยวง่าย ทานสะดวก จึงอาจทานเพลินโดยไม่ทันสังเกตปริมาณ ดังนั้นควรอ่านฉลากอย่างละเอียด ตรวจสอบปริมาณวิตามินที่แนะนำต่อวัน และทานในปริมาณที่เหมาะสม วิตามินบางชนิด โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายในน้ำ เช่น วิตามินซีร่างกายจะขับออกทางปัสสาวะ แต่สำหรับวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินดี หากทานในปริมาณมาก อาจสะสมในร่างกายส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว นอกจากนี้การทานแร่ธาตุบางชนิด เช่น ธาตุเหล็ก และธาตุสังกะสีในปริมาณมากอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหารทำให้ท้องเสีย อาเจียน และในระยะยาวอาจส่งผลต่อตับ
สรุปกินวิตามินแบบกัมมี่ดีจริงหรือไม่
ความจริงแล้ว วิตามินแบบกัมมี่ก็เหมือนกับอาหารเสริมชนิดอื่นๆ นั่นคือหากคุณทานอาหารครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องทานวิตามินแบบกัมมี่เพิ่มเติม แต่หากแพทย์แนะนำให้ทานวิตามินเสริม เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ควรศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของวิตามินแบบกัมมี่
ก่อนตัดสินใจเลือกทานหากตัดสินใจเลือกทานวิตามินแบบกัมมี่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์ ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินความต้องการสารอาหาร และปริมาณวิตามินที่เหมาะสม อ่านฉลากโภชนาการ ตรวจสอบปริมาณวิตามิน ส่วนผสม และน้ำตาล เลือกวิตามินแบบกัมมี่ที่มีตรารับรองจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ ฯลฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 19/06/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,350.00 | 40,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,614.00 | 39,628.24 | 40,950.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,352.60 | 35,665.42 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,091.20 | 31,702.59 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,176.00 | 17,828.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 915.00 | 13,871.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,709.00 | 41,068.44 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/06/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.75 | 37.75 | 38.45 | 37.75 | 37.75 | 37.75 | 37.75 | 37.75 | 37.75 | 37.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.38 | 37.38 | 37.88 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.64 | 35.64 | 36.14 | 35.64 | 35.64 | – | 35.64 | 35.64 | 35.64 | 35.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.39 | 35.39 | – | – | – | – | – | – | – | 35.39 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.34 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 46.34 |
เบนซิน 95 | 45.64 | – | – | – | 48.41 | – | 46.14 | 45.79 | – | 45.64 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |