เศรษฐกิจซบ-ต้นทุนก่อสร้างพุ่ง ฉุดรับสร้างบ้านไตรมาสแรกหดตัว
เอฟเฟกต์ !เศรษฐกิจซบ-ต้นทุนก่อสร้างพุ่ง ฉุดตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสแรกหดตัว หวั่นมาตรการกระตุ้นอสังหาฯภาครัฐในการลดหย่อนภาษี 1 หมื่นต่อ 1 ล้านไม่จูงใจคนปลูกบ้านกระทบตลาดครึ่งปีแรกซึมยาว
นิรัญ โพธิ์ศรี นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เผยว่า ความต้องการปลูกสร้างบ้านของผู้บริโภคในช่วงไตรมาสแรก ยังคงชะลอตัวตามที่คาดการณ์ไว้โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งพบว่าปริมาณความต้องการปลูกสร้างบ้านลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายปีที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลปริมาณความต้องการปลูกสร้างบ้านยังอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว
ทั้งนี้ประเมินว่าสาเหตุหลักเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ค่าก่อสร้างและราคาพลังงานที่สูงขึ้น รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งกดดันและกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้ตลาดบ้านสร้างเองหดตัวและผู้ประกอบการแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น
“ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้ทำการสำรวจตลาดรับสร้างบ้านและราคาบ้านที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค พบว่าบ้านกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทได้รับความนิยมสูงสุด หรือคิดเป็นสัดส่วน 55% รองลงมาเป็นบ้านกลุ่มราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วน 36% ส่วนบ้านในกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท พบว่าความต้องการลดลงโดยมีสัดส่วนเพียง 9% เท่านั้น “
สาเหตุสำคัญที่ทำให้บ้านกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาทได้รับความนิยมลดลง คาดว่าผู้บริโภคในกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจและระมัดระวังการจับจ่ายมากขึ้น รวมถึงราคาค่าก่อสร้างบ้านที่สูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องหันมาปรับลดขนาดบ้านลง เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณที่กำหนดไว้
นิรัญ กล่าวว่า ในส่วนของ 5 มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ สำหรับประชาชนผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 10,000 บาท ต่อค่าก่อสร้าง 1 ล้านบาท สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาทนั้น ถือได้ว่าผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีอย่างถูกต้อง ได้รับอานิสงส์จากมาตรการนี้น้อยมาก เพราะเป็นที่รับรู้กันดีว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในธุรกิจนี้ ไม่เข้าระบบภาษีหรือหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (Vat) ซึ่งส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่เหลื่อมล้ำหรือมีความได้เปรียบเสียเปรียบด้านต้นทุนภาษี
ขณะที่วัตถุประสงค์แท้จริงของรัฐบาลคือ ต้องการจูงใจประชาชนและดึงผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้อง ดังนั้นมาตรการนี้จึงไม่จูงใจผู้บริโภคมากนัก หากเปรียบเทียบกับการเลือกว่าจ้างผู้ประกอบการที่ชักจูงด้วยการเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% โดยในมุมมองของสมาคมฯ เห็นว่าไม่มีหน่วยงานภาครัฐที่จะบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการที่ไม่เข้าสู่ระบบภาษี มีแต่ตรวจสอบและจับผิดเรื่องความผิดพลาดเล็กน้อยเฉพาะกับผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้น”
สำหรับ แนวโน้มปริมาณบ้านสร้างเองในช่วงไตรมาส 2 นี้ ประเมินว่าความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคจะยังชะลอตัวต่อเนื่อง เป็นผลให้ตลาดรับสร้างบ้านโดยรวมครึ่งปีแรกมีแนวโน้มชะลอตัวตามกัน โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบหลัก ๆ นอกจากเรื่องค่าก่อสร้างและราคาพลังงานที่สูงขึ้นแล้ว เรื่องของความไม่เชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศล้วนเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจ
นอกจากนี้ราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งส่งผลกับกำลังซื้อผู้บริโภคที่มีต่อภาคธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นผู้ประกอบการควรเตรียมรับมือกับกำลังซื้อที่มีแนวโน้มชะลอตัวที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังควรจับตาเรื่องของสงครามระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ดังนั้นผู้ประกอบการรับสร้างบ้านควรมีจุดขายที่แตกต่างเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามราคา
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ทำไม คอนโดไซส์ใหญ่ขายดี ยูนิตละ100-1,000ล้านขายเกลี้ยง!
เปิดเหตุผลทำไม คอนโดไซส์ใหญ่ขายดี ยูนิตละ100-1,000ล้านขายเกลี้ยง!สวนกระแสเศรษฐกิจ กำลังซื้อหด คอลลิเออร์ส เผยซัพพลายน้อย ดีมานด์กำลังซื้อสูง ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจผันผวน
ปัจจุบันพฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปหลังโควิด-19 ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ”ขนาด”ที่อยู่อาศัยมากขึ้น เพื่อรองรับกับกิจวัตรประจำวันต้องใช้เวลาอยู่ในที่อยู่อาศัยที่มากขึ้น หลายคนเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน (Work From Home)มากขึ้นจึงต้องการพื้นที่ส่วนตัว ช่วงโควิดระบาด หันไปซื้อบ้านนอกเมืองมากขึ้น
ทว่าเมื่อโรคระบาดคลี่คลายท้ายที่สุด “คอนโด” ก็กลับมาเป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอีกครั้ง!เพราะผู้คนต้องการความสะดวกสบาย เดินทางไปไหนง่ายขึ้น ที่สำคัญคือต้องการพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะในเซกเมนต์ตั้งแต่คอนไฮเอนด์ ที่มีราคาเฉลี่ยระหว่าง 100,000 – 170,000 บาทต่อตารางเมตร ,ลักซ์ชัวรี ที่มีราคาเฉลี่ยระหว่าง 180,000 – 250,000 บาทต่อตารางเมตรและซูเปอร์ ลักซ์ชัวรี ที่มีราคาเฉลี่ยมากกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตร
ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ซื้อเพื่อเป็นสินทรัพย์สะสมและเก็บเข้าพอร์ตลงทุนระยะยาว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่มีความมั่งคั่งสูง (Ultra High Net Worth) ต้องการคอนโดที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตสำหรับครอบครัวเพื่ออยู่อาศัยเองหรือเป็นบ้านหลังที่2สำหรับผู้ซื้อชาวต่างชาติ
เหตุผลหลักที่คอนโดห้องใหญ่ขายดี คือ”ซัพพลาย”ค่อนข้างน้อย ในแต่ละโครงการมีเพียวแค่ไม่กี่ยูนิตเท่านั้น และส่วนใหญ่ตั้งอยู่ชั้นบนๆ ของอาคาร ได้รับวิวที่ดีที่สุด และ”ดีมานด์”ค่อนข้างชัดเจน คือกำลังซื้อระดับบน ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง กำลังซื้อกลุ่มนี้ยังคงมีความต้องการ ที่อยู่ในพื้นที่ใจกลางเมือง
ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยมีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 60 -2,000 ตร.ม. ขึ้นไปตอบโจทย์การอยู่แบบครอบครัวเพราะมีพื้นที่รองรับการทำกิจกรรมต่างๆได้ ขณะเดียวกันสามารถลงทุนปล่อยเช่าได้ในราคาที่สูงกว่า50,000 บาท/เดือนหรือจะขายต่อก็ได้ผลตอบแทนดีทำให้เป็นยูนิตที่มีความน่าสนใจที่จะซื้อเป็นอย่างมาก เนื่องจากตอบโจทย์ทั้งเรื่องการอยู่เป็นครอบครัวและการปล่อยเช่าเพื่อลงทุน
สำหรับห้องใหญ่จะเริ่มตั้งแต่ 200 ตารางเมตรขึ้นไปถึง 2,000 เป็นที่สนใจของดีมานด์เศรษฐีไทยและต่างชาติราคาต่อยูนิตตั้งแต่ 100 – 1,000 ล้านบาทแตกต่างกันที่ขนาดซึ่งเป็น Rare Item ของโครงการคอนโดในเมืองส่วนมากมีห้องยูนิตไซส์ใหญ่มีไม่มากนัก ทำให้กลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการห้องที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มีมากกว่าจำนวนห้องที่มีในโครงการ
ล่าสุดศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC รายงานสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่าอินเดีย ได้มีการซื้อห้องเฉลี่ยแพงสุดในทุกสัญชาติ โดยซื้อคอนโดราคาเฉลี่ย 6.5 ล้านบาท และยังซื้อห้องมีขนาดใหญ่สุดที่ 72.7 ตร.ม.
สอดคล้องกับไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เผยว่า หลังเปิดตัวโครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร มูลค่า 20,000 ล้านบาท บนพื้นที่เกือบ 8 ไร่ ทำเลสาทรใต้ เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมามียอดขาย30% ส่วนใหญ่จะเป็นห้องขนาดใหญ่ที่ขายได้และปัจจุบันห้องเพนต์เฮาส์ 2 ห้อง ราคา134 ล้านบาทขายหมดแล้ว !
เช่นเดียวกันกับขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์สงครามกลางเมืองในเมียนมาและการเกณฑ์ทหาร ส่งผลให้ยอดโอนของต่างชาติที่ซื้อคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยภายในเดือน พ.ค.นี้ บริษัทมีแผนจัดโรดโชว์โครงการคอนโดมิเนียมและบ้านไปประเทศเมียนมา ที่ย่างกุ้ง หลังจากมีลูกค้าชาวเมียนมาเข้ามาซื้อมากขึ้น โดยที่ผ่านมามีซื้อเพนต์เฮาส์ ราคากว่า 30 ล้านบาทที่โครงการพระราม 9 ขายหมดภายในระยะเวลา 2 เดือน
“ผลกระทบจากสงครามกลางเมืองในเมียนมา-เกณฑ์ทหาร ทำให้กลุ่มคนเมียนมาที่มีเงินส่งลูกหลานมาเรียนในประเทศไทย ส่งผลให้ยอดโอนคอนโดมิเนียมจากคนเมียนมาขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจากจีน คาดว่า การจัดโรดโชว์ดังกล่าวจะมียอดขายอย่างน้อย 20-30 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 100-200 ล้านบาท โดยมีบริการดูแลการปล่อยเช่าให้ด้วย”
พร้อมกันนี้มีการรวมห้อง (Combine Unite) 1-2 ห้องให้เป็นเพนต์เฮาส์ จำนวน 21 ยูนิต รองรับความต้องการของลูกค้าในปลายไตรมาส 2 ระดับราคากว่า 30 ล้านบาทต่อยูนิต กลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นคนจีน ที่ต้องการคอนโดขนาดใหญ่ ขั้นต่ำมีขนาด 80 ตารางเมตรต่อยูนิต
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 20พ.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.08 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังคงมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าจากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผล -หาก GDP ไตรมาสแรกออกมาแย่กว่าคาด จับตาทิศทางราคาทองคำในช่วงระยะสั้น
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 20พ.ค. 2567 ที่ระดับ 36.08 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 36.22 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่านับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ ที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 36.05-36.30 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องราว +40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด อย่างไรก็ดี เงินบาทก็ยังคงติดอยู่แถวโซนแนวรับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงดังกล่าว ขณะที่ผู้เล่นต่างชาติที่ยังคงมุมมองเชิงลบต่อเงินบาท ก็อาจรอจังหวะเปิด/เพิ่มสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) เช่นกัน
สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในเดือนเมษายน ได้ชะลอลงตามที่ตลาดคาดหวังไว้
สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรจับตา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะ สหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงาน GDP ไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งอาจกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของไทยได้
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดย S&P Global (Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะช่วยสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ โดยหากดัชนี PMI ออกมาดีกว่าคาด และดัชนีในส่วนราคาปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
สะท้อนความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะชะลอตัวลงช้า ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดมากขึ้น หนุนให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด หลังล่าสุด อัตราเงินเฟ้อ CPI ได้ชะลอลง
ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อื่นๆ ก็สะท้อนภาพการชะลอลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี จากการประเมินถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงที่ผ่านมา เรามองว่า สัปดาห์นี้ โทนการสื่อสารโดยรวม อาจยังคงสงวนท่าทีต่อการสนับสนุนการลดดอกเบี้ย และบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ก็อาจย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจแนวโน้มการชะลอตัวลงของเงินเฟ้อ หรือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาชะลอตัวลงหนัก ซึ่งอาจสะท้อนจากยอดการจ้างงานที่ลดลงต่อเนื่อง จนทำให้อัตราการว่างงานพุ่งสูงขึ้น
▪ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษ ทั้งอัตราเงินเฟ้อ CPI ดัชนีราคาผู้ผลิต PPI และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เพื่อประเมินจังหวะที่ BOE อาจเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยนโยบายได้ในปีนี้
เช่นเดียวกันกับในฝั่งยูโรโซน ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าของ ECB
▪ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น ทั้งรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ CPI เพื่อประเมินโอกาสที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังว่า BOJ อาจมีโอกาสทยอยขึ้นดอกเบี้ยต่อได้บ้างในปีนี้ 1-2 ครั้ง
ในส่วนนโยบายการเงิน ตลาดคาดว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) และธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOJ) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบัน 6.25%, 5.50% และ 3.50% ตามลำดับ
โดยเรามองว่า บรรดาธนาคารกลางส่วนใหญ่ในฝั่งเอเชีย ต่างก็รอจังหวะที่จะทยอยลดดอกเบี้ยลง หลังอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศได้ชะลอลง เข้าสู่เป้าหมายของธนาคารกลาง ทว่า ธนาคารกลางส่วนใหญ่อาจรอให้เฟดเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยได้จริง หรือมีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ เพื่อลดความเสี่ยงและแรงกดดันต่อค่าเงินของประเทศนั้นๆ อาทิ ในฝั่ง BI ได้มีการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงก่อนหน้า เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินรูเปียะห์ (IDR)
▪ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวราว +0.6% จากไตรมาสก่อนหน้า หรือ คิดเป็น +0.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายตัวต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว
ทว่า การส่งออกและการใช้จ่าย รวมถึงการลงทุนของภาครัฐ อาจเป็นปัจจัยฉุดเศรษฐกิจในไตรมาสแรก ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจกลับขยายตัวได้แย่กว่าคาดไปมาก หรือ “หดตัว” อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้
ส่วนในสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติราว 1.3 หมื่นล้านบาทในสัปดาห์นี้ อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง แต่หากนักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย ก็พอจะช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท จากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลได้
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง โดยเงินบาทยังคงมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าจาก โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติที่สูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน
นอกจากนี้ เงินบาทอาจอ่อนค่าลง หาก GDP ไตรมาสแรกออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดหวังการลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้ง อนึ่ง ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ อย่างใกล้ชิด หลังราคาทองคำมีผลกับทิศทางเงินบาทพอสมควรในช่วงระยะสั้น
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์มีโอกาสรีบาวด์แข็งค่าขึ้น หากดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ออกมา “ดีกว่าคาด” ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ก็อาจได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่นออกมาแย่กว่าคาด ลดโอกาส BOJ ขึ้นดอกเบี้ยต่อ
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.85-36.50 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00-36.20 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“วิภาวี ศรีทอง” วอลเลย์บอลหญิงไทย รั้งที่3จอมขุด เนชันส์ ลีก สนามแรก
“มด” วิภาวี ศรีทอง วอลเลย์บอลหญิงไทย มีผลงานค่อนข้างดีในวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ ลีก 2024 สนามแรกหลังมีการเผยสถิติต่างๆหลังจบการแข่งขันทั้งที่ตุรกี และ บราซิล ขณะที่ “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี ทำแต้มสูงสุดของตบสาวไทย
“มด” วิภาวี ศรีทอง วอลเลย์บอลหญิงไทย รั้งอันดับ 3 ขุดยอดเยี่ยม (Best Digger) หลุงขุดได้ 51 ครั้งและ ขุดไม่สำเร็จ 5 ครั้งเป็นรองเพียง หวัง เมิ่งเจี่ย (จีน) ที่ขุดได้ 56 ครั้งและ เคียร่า ฟาน ริก (แตนาดา) ที่ทำได้ 53 ครั้ง
นอกจากนี้ “มด” วิภาวี ยังรั้งอันดับ 2 ร่วมรับลูกเสิร์ฟยอดเยี่ยมหลังรับเสิร์ฟเข้ามือเซ็ต 28 ครั้ง
ขณะที่ผลงานนักวอลเลย์บอลหญิงไทย ที่ทำผลงานดีสุดของวอลเลย์บอลหญิงไทยในทำเนียบยอดเยี่ยมอื่นๆมีดังนี้ “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี ทำคะแนนสูงสุด 57 คะแนนรั้งอันดับ 12คะแนนสูงสุด , “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร รั้งอันดับ 7 เสริฟยอดเยี่ยมจากการทำไป 7 แต้ม, “นุกนิก” ณัฏฐณิชา ใจเเสน รั้งอันดับ 7 เซ็ตยอดเยี่ยม
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
ติดยานอนหลับ ภัยเงียบส่งผลต่อสุขภาพจิต
ปัจจุบันหลายคนประสบปัญหาการนอนหลับยาก จากการใช้ชีวิตที่ทำให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวล ส่งผลให้หันมาพึ่งยานอนหลับเพื่อช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น แต่การใช้ยานอนหลับเป็นเวลานาน จนถึงขั้นติดยานอนหลับอาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายและสุขภาพจิตในระยะยาว
นายแพทย์ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์ จิตแพทย์ โรงพยาบาล BMHH – Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า อาการนอนไม่หลับ (Insomnia) เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากพฤติกรรมการนอนที่ไม่เหมาะสม รวมไปถึงความเครียดในชีวิตประจำวัน หรือ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีโรคทางกาย หรือ จิตเวช ซ่อนอยู่ อาการของนอนไม่หลับ ถึงแม้ว่าอาจจะฟังดูไม่รุนแรง แต่สามารถส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ในหลายด้าน
ปัจจัยต่าง ๆ ที่สามารถส่งผลเสียต่อการนอน เช่น
- ด้านจิตใจ สภาวะความเครียดทำให้เกิดความกังวล หมดกำลังใจ อาการเหล่านี้มีผลทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ หรืออาจเกิดจากโรคที่มีผลโดยตรงกับความอารมณ์ เช่น โรคไบโพลาร์ หรือโรคซึมเศร้า เป็นต้น
- ด้านร่างกาย มีอาการป่วยที่มีส่วนทำให้เกิดโรค เช่น โรคขาอยู่ไม่สุข โรคกรดไหลย้อน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคขากระตุกขณะหลับ นอกจากนี้ยังเกิดจากสภาวะของร่างกายตามอายุ เช่น การหมดประจำเดือน รวมไปถึงอาการเหนื่อยล้าจากการทำงาน เป็นต้น
- ด้านอื่น ๆ เช่น ผลข้างเคียงจากใช้ยาบางชนิด การออกกำลังกายมากเกินไป การดื่มหรือทานอาหารที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน
ปัจจุบันมีการนำยาหลายกลุ่มมาใช้ช่วยให้นอนหลับ ซึ่งยาที่ใช้บ่อยมักเป็นยาในกลุ่ม Benzodiazepine โดยตัวยาจะออกฤทธิ์กดการทำงานของสมอง เพื่อช่วยคลายความกังวล และช่วยให้นอนได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ยาในกลุ่มนี้มีประโยชน์มาก แต่หากผู้ป่วยใช้ยาไม่ถูกต้องหรือมีการใช้ขนาดสูง ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้มีอาการติดยานอนหลับได้ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการที่จำเป็นต้องใช้ยาขนาดที่สูงขึ้น เพื่อให้หลับได้ หรือ ที่เรียกว่า การดื้อยา นอกจากนี้ การที่ใช้ยานอนหลับในกลุ่มนี้ติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้นอนได้ยากขึ้น หากไม่ได้ใช้ยา
ผลข้างเคียงจากการใช้ยานอนหลับมีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นจะมีอาการ ง่วงนอน อ่อนเพลีย, ปวดศีรษะ, คลื่นไส้, สับสน มึนงง, ท้องเสีย หรือ ท้องผูก, ปากแห้ง, กล้ามเนื้ออ่อนแรง, การตัดสินใจช้า สมองประมวลผลช้า เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ พลัดตกหกล้ม, อาหารไม่ย่อย มีแก๊ซในกระเพาะอาหาร จุกเสียด แน่นท้อง ส่วนระยะยาว ส่งผลต่อการทำงานของสมอง เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการนอนหลับ จนทำให้ติดยานอนหลับ การดื้อยา รวมถึงผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้แก่ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า, ภาวะสมองเสื่อม โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ, สมรรถภาพทางเพศเสื่อม
นอกจากนี้การใช้ยานอนหลับเกินขนาด อาจทำให้เกิดการกดระบบหายใจขณะหลับ จนอาจทำให้เสียชีวิตได้
ทั้งนี้ผู้ที่ใช้ยานอนหลับไม่ควรเลิกยานอนหลับกระทันหันหรือหักดิบ (Cold turkey) เพราะอาจทำให้เกิดมีอาการนอนไม่หลับที่รุนแรงกว่าตอนที่ยังไม่ได้ใช้ยา (Rebound insomnia) และจะทำให้เกิดอาการถอนยาได้ เช่น หงุดหงิด สับสนกระสับกระส่าย วิตกกังวล มีอาการสั่นหรือมีปัญหาระบบไหลเวียนของโลหิต เพราะฉะนั้นต้องลดขนาดยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
การรักษาอาการติดยานอนหลับ ควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากการเพิ่มหรือลดขนาดยานอนหลับต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ให้การรักษา เพราะการปรับขนาดยานอนหลับจะขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละบุคคลด้วย เช่น ความเครียด พฤติกรรมกิจวัตรประจำวัน ชนิดและขนาดยาที่ใช้ ซึ่งการลดขนาดยาแพทย์จะทำควบคู่ไปกับการจิตบำบัด เช่น การบำบัดโดยการปรับความคิดและพฤติกรรม (Cognitive behavioral therapy: CBT) เป็นการบำบัดจิตโดยการพูดคุยกับนักจิตบำบัด หรือจิตแพทย์เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถปรับพฤติกรรมการนอนหลับ และรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้นได้
นายแพทย์ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์
จิตแพทย์ โรงพยาบาล BMHH – Bangkok Mental Health Hospital
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
โครงสร้างเรียงความ ภาษาอังกฤษ Essay
การเขียน Essay
การเขียน Essay (เอสเส) คือ การเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ โดยพื้นฐานของการเขียน Essay เราจะต้องรู้โครงสร้างการเขียน ซึ่งจะประกอบไปด้วย Introduction (คำนำ), Body (เนื้อหา) และ Conclusion (สรุป)
เอ็ด ดู เฟิร์สท์ แนะนำโครงสร้าง Layout Essay พื้นฐาน เพื่อเป็นทริค ให้ทุกคนได้ลองฝึกเขียนเรียงความกันค่ะ
โครงสร้าง Essay พื้นฐาน (How to structure an essay)
โครงสร้างเรียงความ ภาษาอังกฤษ Essay ประกอบไปด้วยส่วนสำคัญทั้ง 4 ส่วน ต่อไปนี้
1.) Introduction (คำนำ) ประกอบด้วย
• General Information or Fact
พูดถึงข้อมูลทั่วไป หรือ ข้อเท็จจริงของปัญหาที่เราจะเขียน
• Thesis Statement
ใจความสำคัญของเรื่องราว ที่เราจะเขียนว่า ปัญหาคืออะไร? และวิธีแก้คืออะไร? อาจใช้เป็น Keyword หรือประโยคสั้น ๆ
2.) Body Paragraph 1 (เนื้อหาย่อหน้าที่ 1) ประกอบด้วย
• Topic Sentence 1
บอกว่าปัญหาข้อที่ 1 คืออะไร
• Supporting Idea
ข้อมูลที่มาสนับสนุน Topic Sentence 1 อาจเป็นได้ทั้งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เหตุผล และข้อเท็จจริง เช่น ข่าว ข้อมูลเชิงสถิติ งานวิจัยต่างๆ เพื่อให้ปัญหานั้นดูน่าเชื่อถือ
• Example
ยกตัวอย่างประกอบ
3.) Body Paragraph 2 (เนื้อหาย่อหน้าที่ 2) ประกอบด้วย
• Topic Sentence 2
บอกวิธีแก้ปัญหาข้อที่ 2
• Supporting Idea
ข้อมูลที่มาสนับสนุน Topic Sentence 2 อาจเป็นได้ทั้งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เหตุผล และข้อเท็จจริง เช่น ข่าว ข้อมูลเชิงสถิติ งานวิจัยต่างๆ เพื่อให้วิธีแก้ไขปัญหาดูน่าเชื่อถือ
• Example
ยกตัวอย่างประกอบ
4.) Conclusion (สรุป) ประกอบด้วยประกอบด้วย
• Restate Thesis Statement
ย้ำใจความสำคัญของเรื่องอีกครั้ง (นำ Thesis Statement ของ Introduction มาเขียนใหม่)
• Assuring your thoughts
ย้ำถึงปัญหา และวิธีแก้อีกครั้งเพื่อให้ผู้อ่านจดจำ
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
AIS เตือนภัย 2 มุกใหม่มิจฉาชีพ อย่าหลงเชื่อกลโกง
AIS เตือนภัยร้ายมิจฉาชีพ ในรูปแบบใหม่ ใช้มุกกลลวงใน 2 รูปแบบ ที่กำลังระบาดในขณะนี้ ได้แก่
แก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นพนักงาน AIS สร้างเรื่องหลอกลวงผู้ใช้งาน โดยใช้เบอร์มือถือ 0XX-XXXXXXX โทรหาลูกค้าแจ้งว่า มีข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า อาทิ ชื่อ ที่อยู่ บัตรประชาชน ไปเปิดเบอร์และดำเนินการผิดกฎหมาย โดยมิจฉาชีพบางรายบอกชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประชาชนของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง จนอาจทำให้ลูกค้าหลงเชื่อ จากนั้นมิจฉาชีพจะหลอกว่า ต้องโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลของลูกค้า เป็นต้นซึ่งถือเป็นจุดที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อลูกค้าทั้งในแง่การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และ สูญเสียทรัพย์สินAIS จึงขอย้ำเตือนลูกค้าอย่าหลงเชื่อการแอบอ้างในลักษณะนี้ พร้อมยืนยันว่า บริษัทฯ จะติดต่อลูกค้าผ่านเบอร์ 1175 เท่านั้น และไม่มีนโยบายขอข้อมูลส่วนบุคคลหรือแจ้งการกระทำความผิดในทุกช่องทางและทุกรูปแบบ
- SMS ข้อความสแปม แนบลิงก์ปลอม ลวงให้กด โดยมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อผู้ส่ง (Sender Name) เป็นเบอร์มือถือ หรือ SMS หรือ AIS เป็นข้อความในลักษณะว่า “…คะแนนเอไอเอส พอยท์ของลูกค้ากำลังจะหมดอายุภายใน 3 วัน ให้รีบดำเนินการแลกคะแนน…” จากนั้นแนบลิงก์ให้กดไปยังเว็บไซต์ปลอม เพื่อหลอกขอข้อมูลสำคัญของลูกค้าอันอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการสูญเสียทรัพย์สิน หรือ ความเสียหายอื่นๆ ซึ่ง บริษัทฯ ขอยืนยันว่าการสื่อสารในส่วนของการตรวจสอบ หรือ แลกคะแนนของเอไอเอส พอยท์ สามารถทำได้บนช่องทางแอปพลิเคชัน myAIS เท่านั้น บริษัทฯ ไม่มีนโยบายส่ง SMS เพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลส่วนบุคคลหรือเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมแต่อย่างใด
ทั้งนี้หากพบความผิดปกติของเบอร์โทร หรือ SMS ข้อความ ที่ติดต่อเข้ามา สามารถแจ้งผ่านสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ได้ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง โดย AIS จะตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ แตกต่างกันยังไง พันธุ์ไหนอร่อยสุด
ผลไม้ที่มีหน้าตาเป็นหนามแปลกประหลาด แต่ใครจะรู้ว่าด้านในจะมีเนื้อสีเหลืองทอง กลิ่นเป็นเอกลักษณ์ และรสชาติที่อร่อยอย่าบอกใคร! ใช่ค่ะ เรากำลังพูดถึงราชาผลไม้ของไทยอย่าง “ทุเรียน” ผลไม้สุดโปรดของใครหลาย ๆ คนอยู่ และเมื่อถึงหน้าทุเรียนทีไร เราจะเห็นผลไม้ชนิดนี้มีวางขายกันเต็มไปหมด แล้วชาวทุเรียนเลิฟเวอร์รู้หรือไม่ว่า ทุเรียนที่เราชอบกินนั้น แต่ละสายพันธุ์นั้นต่างกันยังไง ทั้งในเรื่องของรสชาติ กลิ่น สี และรสสัมผัส วันนี้ทางสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. จะมาไขข้อสงสัยทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ แตกต่างกันยังไง และพันธุ์ไหนอร่อยสุด เริ่มเลย!
ทุเรียนหมอนทอง
- ลักษณะเนื้อทุเรียน : เนื้อเยอะกว่าพันธุ์อื่น เมล็ดลีบ เนื้อสีเหลืองอ่อน เมื่องอมแล้วเนื้อจะไม่แฉะ
- รสชาติ : มีรสหวาน มัน
- กลิ่น : กลิ่นไม่แรงมาก
- ระยะอร่อย : ห่าม-สุกพอดี
ทุเรียนชะนี
- ลักษณะเนื้อทุเรียน : เนื้อสีเหลืองเข้ม เหนียว มีเส้นใยมาก เมล็ดเล็ก
- รสชาติ : มีรสหวานจัดแหลมมาก
- กลิ่น : กลิ่นแรง เมื่องอมแล้วจะส่งกลิ่นแรงกว่าเดิม
- ระยะอร่อย : สุกในปลิง
ทุเรียนก้านยาว
- ลักษณะเนื้อทุเรียน : เนื้อสีเหลืองสวย ละเอียด เหนียว มีเส้นใยน้อย เมื่อสุกแล้วจะคงรูปเหมือนเดิม ไม่แฉะเสียรูป จำนวนเมล็ดเยอะและใหญ่มาก
- รสชาติ : รสชาติหวานมัน กลมกล่อมมาก
- กลิ่น : กลิ่นหอมละมุน
- ระยะอร่อย : สุกพอดี
ทุเรียนนกกระจิบ
- ลักษณะเนื้อทุเรียน : เนื้อละเอียด สีเหลืองนวลออกสีทอง เมล็ดอ้วนป้อม
- รสชาติ : รสชาติหวานมันใกล้เคียงกับทุเรียนหมอนทอง
- กลิ่น : กลิ่นหอมละมุน
- ระยะอร่อย : สุกพอดี
ทุเรียนกระดุม
- ลักษณะเนื้อทุเรียน : เนื้อสีเหลืองอ่อน เมล็ดใหญ่และเนื้อบาง เละง่ายเมื่อสุกจัด
- รสชาติ : รสชาติออกหวานนำ ไม่ค่อยมัน
- กลิ่น : กลิ่นหอมละมุน
- ระยะอร่อย : สุกพอดี
ทุเรียนหลง-หลินลับแล
- ลักษณะเนื้อทุเรียน : ทุเรียนเนื้อดี เนื้อสีเหลืองอ่อน แห้ง ไม่เลอะติดมือ เมล็ดเล็ก
- รสชาติ : หวานมันกำลังดี
- กลิ่น : กลิ่นไม่แรงมาก
- ระยะอร่อย : สุกพอดี
ทุเรียนพวงมณี
- ลักษณะเนื้อทุเรียน : เนื้อสีเหลืองเข้มออกส้ม เนียนละเอียด ไม่มีเส้นใยเลย แต่มีเมล็ดใหญ่ทำให้มีสัดส่วนเนื้อน้อย
- รสชาติ : รสชาติหวานมันเข้มข้น หวานจัด
- กลิ่น : กลิ่นหอมหวานชวนทาน
- ระยะอร่อย : สุกพอดี
ทุเรียนพันธุ์ภูเขาไฟ
- ลักษณะเนื้อทุเรียน : เนื้อจะมีสีเหลืองอ่อน แห้ง ละเอียด ไม่ติดมือ
- รสชาติ : รสชาติหวานมัน
- กลิ่น : กลิ่นหอมปานกลาง
- ระยะอร่อย : ห่าม-สุกพอดี
และนี่ก็เป็นความแตกต่างของสายพันธุ์ทุเรียนที่เรานำมาฝากทุกคนกัน ใครที่อยากทานทุเรียนอร่อย ๆ ก็ลองหาซื้อทั้ง 8 สายพันธุ์นี้มาลองกันได้เลย ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีราคา รสชาติ และลักษณะที่แตกต่างกันออกไป หลายคนอ่านบทความนี้แล้วแทบจะอดไม่ไหว ร่างกายต้องการทุเรียนขึ้นมาทันทีเลยใช่มั้ยล่ะ รีบไปตำกันโลด!! หากเพื่อน ๆ สนใจเรื่องราวของอาหารการกิน ก็ติดตามบทความแบบนี้ได้ที่ INN Lifestyle เลยน๊าา
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20/05/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 41,400.00 | 41,500.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,682.00 | 40,659.12 | 42,000.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,413.80 | 36,593.21 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,145.60 | 32,527.30 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,207.00 | 18,298.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 939.00 | 14,235.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,779.00 | 42,129.64 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/05/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.55 | 38.55 | 39.35 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.18 | 38.18 | 38.78 | 38.18 | 38.18 | 38.18 | 38.18 | 38.18 | 38.18 | 38.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.44 | 36.44 | 37.24 | 36.44 | 36.44 | – | 36.44 | 36.44 | 36.44 | 36.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.19 | 36.19 | – | – | – | – | – | – | – | 36.19 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.74 | 49.84 | 49.94 | 49.84 | – | – | – | – | – | 46.74 |
เบนซิน 95 | 46.44 | – | – | – | 48.01 | – | 46.94 | 46.59 | – | 46.44 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลหมุนเร็ว | 31.94 | – | – | – | 31.94 | – | – | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 47.44 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |