สาระน่ารู้ประจำวันที่ 20 ธันวาคม 2564

คอนโดหรู “เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ” ฝ่าโควิด “หลานเจ้าสัวซีพี” โชว์ปิดยอดขาย 60%

คอนโดหรู "เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ" ฝ่าโควิด  "หลานเจ้าสัวซีพี" โชว์ปิดยอดขาย 60%

ทายาทเจ้าสัวซีพี – ตระกูลอรรถกระวีสุนทร โชว์ปิดการขาย “เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ” คอนโดฯ หรู ตร.ม. ละ 4 แสนบาท ฝ่ามรสุมโควิด 60% โกยยอดโอน 1.2 พันล้าน แย้มเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ กลางปี 65 หลังมั่นใจ ตลาดลักชัวรี – ทำเล CBD ยังฮอต

18 ธ.ค.2564 – หลังจากประกาศเปิดตัวพัฒนา “โครงการ เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ” (THE STRAND THONGLOR) คอนโดมิเนียมระดับอัลตราลักชัวรี บนทำเลทองที่สุดแห่งหนึ่งของไทย  บนที่ดินเก่า ปากซอยทองหล่อ เมื่อปี 2561 ของอสังหาริมทรัพย์หน้าใหม่ บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมทุนกับ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) 

ภายใต้การนำทัพของ 2 ผู้บริหารคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง อย่าง ” ธัญทิพ เจียรวนนท์” ทายาทรุ่นที่ 4 ของเจ้าสัวธนินทร์แห่งซีพี และ “ชวิน อรรถกระวีสุนทร” แลนด์ลอร์ดใหญ่ในกทม.

ล่าสุด โครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับมาสเตอร์พีซ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ – THE STRAND THONGLOR” ซึ่งถูกพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “Essentially More” มูลค่า 4.8 พันล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% และอยู่ระหว่างการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ 

คอนโดหรู "เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ" ฝ่าโควิด  "หลานเจ้าสัวซีพี" โชว์ปิดยอดขาย 60%

เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ โชว์ ยอดขาย 60%

นางสาว ธัญทิพ ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ เปิดเผยว่า แม้โครงการ THE STRAND THONGLOR นับเป็นโครงการบุกเบิก โครงการแรกของบริษัทในการพัฒนาอสังหาฯ  โดยเกิดขึ้นในรูปแบบ Mixed-Use บนพื้นที่ทองหล่อ แต่ด้วยองค์ประกอบ 3 ด้าน ได้แก่  การออกแบบด้านสถาปัตยกรรม ผสมผสานไว้ซึ่งเสน่ห์ของทำเล , นวัตกรรมใหม่ภายในโครงการที่เน้นความยั่งยืน และการจับมือร่วมกับพันธมิตร เช่น Zipmexที่เข้ามาบริหารการลงทุนซื้อ-ขายอสังหาฯ ผ่านการใช้สกุลเงินคริปโตฯเจาะสังคมไร้เงินสดของคนรุ่นใหม่ และกลุ่มสยามคันทรีคลับ 

ทำให้ปัจจุบันโครงการ เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ ซึ่งมีราคาขายเฉลี่ย 4 แสนบาทต่อตารางเมตร หรือ เริ่มต้น 17 – 80 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 60%จากทั้งหมด 188 ยูนิต  โดยได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อคนไทยที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง จากกลุ่ม Young Family , วัยเกษียณ , ผู้ต้องการใช้ชีวิตในเมืองเป็นบ้านหลัง 2  ขณะเดียวกัน ยังได้รับความนิยมจากกลุ่มนักลงทุนอีกราว 30% โดย 20% ของยอดขาย ยังมาจากผู้ซื้อชาวต่างชาติ  เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ,ฝรั่งเศล ,อเมริกา, ฮ่องกง และจีน  ทั้งนี้ คาดการณ์เป้ายอดขายปลายปี 2565 มากกว่า 70 % จากสถานการณ์ภาพรวมเริ่มคลี่คลาย 

“จากไทยกลับมาเปิดประเทศ ฟื้นฟูทิศทางการลงทุน และการใช้จ่ายในระบบทางเศรษฐกิจ เราคาดหวังเศรษฐกิจไทยจะกลับมาคึกคัก ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ฉะนั้น ปี 2565 เป้าหมายยอดขาย น่าจะเพิ่มขึ้นอีก 20% และจะสามารถปิดโครงการได้ภายในปี 2566 อย่างแน่นอน  “

คอนโดหรู "เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ" ฝ่าโควิด  "หลานเจ้าสัวซีพี" โชว์ปิดยอดขาย 60%

ลูกค้าต่างชาติเชื่อมั่น 

นอกจากการก่อสร้างที่สามารถพัฒนาแล้ว โอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้ารายแรกได้สำเร็จตามกำหนด ในช่วงเดือน ตุลาคมที่ผ่านมา  จากยอดขายข้างต้น 60% ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 นั้น สำหรับบริษัท ยังถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ  จากความกังวลเบื้องต้น ว่าอาจไม่รับโอนฯ แต่พบว่า แม้อยู่ในภาวะยากลำบาก ลูกค้าชาติซึ่งก็ได้รับผลกระทบจากโควิดเช่นกัน แต่เมื่อถึงเวลา ยังบินกลับมาโอนฯยูนิตที่ซื้อไว้เป็นส่วนใหญ่ 

ทั้งนี้  คาดมาจาก คุณภาพและความแตกต่างของโครงการ โดย คอนโดมิเนียม เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ จะเป็นหนึ่งในโครงการคอนโดมิเนียมที่เข้ามาเซตระดับมาตรฐาน และเป็นตัวจุดประกายให้เกิดมิติใหม่ของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่สร้างความแตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  โดยปัจจุบัน โครงการมียอดโอนอยู่ที่ 25% รับรู้รายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท  

คอนโดหรู "เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ" ฝ่าโควิด  "หลานเจ้าสัวซีพี" โชว์ปิดยอดขาย 60%

“ธุรกิจอสังหาฯไทย มีมาตรฐานสูง และคู่แข่งก็สูงด้วย จากแบรนด์ที่แข็งแกร่งทั้งหมด ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย แต่ด่านสุดท้าย ยังวัดกันที่รูปแบบฟังก์ชั่น และทำเลที่ตั้ง สำหรับโครงการนี้ เราพัฒนาออกมาเพื่อตอบรับไม่ใช่แค่นักลงทุน และ ทำให้ผู้ซื้ออยู่อาศัยระดับบน สามารถอยู่อาศัยได้จริง มีส่วนกลางที่เพียงพอ ไลฟ์สไตล์ตอบโจทย์การใช้ชีวิต “

คอนโดหรู "เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ" ฝ่าโควิด  "หลานเจ้าสัวซีพี" โชว์ปิดยอดขาย 60%

ทำเลทองหล่อยังฮอต

ขณะ นายชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ระบุ ถึง ภาพรวมการแข่งขันของตลาดคอนโดฯ ย่านทองหล่อ ว่า ปัจจุบัน ทำเลทองหล่อ ยังมีความคึกคักในการพัฒนาโครงการและการซื้อขายสูง และคาดว่าจะกลับมาได้รับความนิยมขึ้นหลังจากการเปิดประเทศ ซึ่งโครงการนี้จะได้อานิสงส์ด้วย เพราะ กลุ่มผู้ซื้อโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรีส่วนใหญ่ มักเป็นกลุ่มที่ต้องการเห็นของจริง สัมผัสโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จแล้ว ก่อนตัดสินใจซื้อ อีกทั้ง ทองหล่อ ยังมีไลฟ์สไตล์ที่น่าหลงใหล ทั้งช่วงกลางวัน และ กลางคืน บาร์ ร้านอาหาร เกิดความคึกคักตลอดเวลา 

คอนโดหรู "เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ" ฝ่าโควิด  "หลานเจ้าสัวซีพี" โชว์ปิดยอดขาย 60%

โดยราคาเฉลี่ยของตลาดยังอยู่ในช่วง 3.5 – 4 แสนบาทต่อ ตร.ม. แม้ในช่วงโควิด พบแทบไม่มีการปรับลดของราคา เพื่อส่วนใหญ่ต้องการรักษาฐานลูกค้าไว้ ทำให้แนวโน้มทำเลยังเติบโต  ขณะโครงการ เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ  ราคาขายเติบโตจาก 3.5 แสนบาทต่อตร.ม. มาอยู่ที่ 4 แสนบาทต่อตร.ม. อัตราผลตอบแทนจากการให้เช่า 3-5%

“คอนโดฯหรูในโซนทองหล่อ ยังขายได้เรื่อยๆในช่วงโควิด จากไลฟ์สไตล์ที่มีเอกลักษณ์ เราเปิดโครงการที่ราคา 3.5 แสนบาทต่อตร.ม. ลูกค้าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ แต่ราคาขายจะโตได้ตามดีมานด์ และราคาที่ดินโซนทองหล่อ ที่โตเฉลี่ย 7% ต่อปี”

คอนโดหรู "เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ" ฝ่าโควิด  "หลานเจ้าสัวซีพี" โชว์ปิดยอดขาย 60%

ปี 2565 เปิดใหม่ 1 โครงการ 

สำหรับแผนพัฒนาโครงการต่อไปของบริษัทนั้น ยังอยู่ในตลาดอัลตราลักชัวรี บนทำเล CBD ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพ ฯ กำหนดเปิดตัวช่วงกลางปี 2565 โดยจะมีมูลค่าโครงการมากกว่า  4.8 พันล้านบาท หลังมั่นใจว่า กลุ่มลูกค้าระดับบนของเมืองไทยยังเติบโตดี ขณะลูกค้าต่างชาติ ยังมีความต้องการสูง  เช่น กลุ่ม Expats ผู้บริหารชาวต่างชาติ หรือกลุ่มคนต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย เป็นต้น 

คอนโดหรู "เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ" ฝ่าโควิด  "หลานเจ้าสัวซีพี" โชว์ปิดยอดขาย 60%


รวมจุดเด่นโครงการ เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ

  • THE STRAND Park พื้นที่สีเขียวแห่งใหม่บนพื้นที่ทองหล่อ 
  • คอมมิวนิตี้ที่เติมเต็มความสมดุลแห่งชีวิตด้วยไลฟ์สไลต์มิกซ์ยูส
  • ผนึก 4 แบรนด์ ได้แก่ D’ARK /  Boundary / Dream Loft / Marchwood สร้างไลฟ์สไตล์คอมมิวนิตี้
  • Live-Eat-Work จุดศูนย์รวมแห่งใหม่ย่านทองหล่อ
  • HB Design ร่วมออกแบบด้านสถาปัตยกรรม
  • PIA Interior ร่วมออกแบบภายในโครงการสไตล์ Minimal Luxury
  • TROP ร่วมออกแบบด้านภูมิสถาปัตยกรรม 
  • ร่วมมือกับ Zipmex เข้ามาบริหารการลงทุนซื้อ-ขายอสังหาฯ ผ่านการใช้สกุลเงินคริปโตฯ 


นางสาว ธัญทิพ สรุปว่า สำหรับในปี 2565 บริษัทฯ วางกลยุทธ์เกมรุกในการเจาะและขยายฐานกลุ่มลูกค้า เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ ที่ชื่นชอบความหรูหรา มีไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบที่อยู่อาศัยที่ถูกออกแบบโดยเน้นประโยชน์ใช้สอยสูงสุด นิยมคอมมิวนิตี้ไลฟ์สไตล์ย่านทองหล่อในระดับ Elite และ Platinum ทั้งในเชิงของไลฟ์สไตล์การกิน เที่ยว สังสรรค์ ปาร์ตี้ หรือแม้แต่กีฬาในรูปแบบเฉพาะกลุ่ม ทั้งกอล์ฟ เรือใบ ขี่ม้า เป็นต้น รวมทั้ง ยังคงไม่ลืมกลุ่มชาวต่างชาติและนักลงทุนต่างชาติอีกด้วย ทั้งนี้ ยังพร้อมเปิดให้ลูกบ้านสามารถมาอยู่อาศัยในโครงการได้ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2565 และสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของโครงการได้ 100% 

คอนโดหรู "เดอะสแตรนด์ ทองหล่อ" ฝ่าโควิด  "หลานเจ้าสัวซีพี" โชว์ปิดยอดขาย 60%

” พื้นที่ส่วนกลาง The Playroom ที่มีส่วนของ Play room และ Tutor room,  The Clubhouse ชั้น 27 ที่รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ The Sky Lounge, Fitness & Meditation Studio โดยใช้เครื่องเล่นจาก Techno Gym, สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ สำหรับผู้ใหญ่ และสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก รวมทั้งห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมห้องอบไอน้ำแยกชายหญิง นอกจากนี้ บนชั้น Rooftop ยังวาง Putting green สำหรับคนที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟ เปรียบเทียบเสมือนเล่นกอล์ฟ 9 หลุม และ BBQ area” 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


รถไฟจีน-ลาวทำขาดดุลเพิ่ม สินค้าทะลัก 200 ตู้ถล่มไทย

รถไฟจีน-ลาว

รถไฟลาว-จีนป่วนไทยไม่หยุด ม.หอการค้าไทยคาดการณ์ปีหน้าสินค้าจีนเดือนละ 200 ตู้คอนเทนเนอร์มูลค่า 20,000 ล้านบาทมาแน่ ทำให้ไทยขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้น ส.ผู้ส่งออกผักผลไม้ไทยหวั่นอนาคตไทยจะกำหนดราคาขายผลไม้เองไม่ได้ ด้านสภาหอฯชงข้อเสนอ 5 ข้อ ให้เร่งสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่หนองคาย

หลังจากการเปิดให้บริการรถไฟลาว-จีน เชื่อมต่อระหว่างคุนหมิงกับเวียงจันทน์ ได้เพียง 1 สัปดาห์ ความปั่นป่วนก็เกิดขึ้นกับตลาดผักผลไม้ภายในประเทศทั้งการส่งออกและการนำเข้า จากการทะลักเข้ามาของผักผลไม้ราคาถูกจากจีนที่ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 2 วันก็ถึง “ตลาดไท” ทว่าในทางกลับกัน สินค้าเกษตร-ผลไม้ส่งออกกลับไม่มี “โควตา” ระวางบรรทุกบนรถไฟลาว-จีน การส่งออกทางบกด้านอื่น ๆ ติดปัญหาการตรวจโควิด-19 ที่ด่านพรมแดน เร่งรัฐบาลเจรจาลาว-จีนขนผลไม้ไทยขึ้นรถไฟให้ทันฤดูกาลผลไม้หน้า

จีนขน 200 ตู้ขึ้นรถไฟมาไทย

รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่า การเปิดให้บริการรถไฟลาว-จีนจะทำให้มีสินค้าถูกเคลื่อนย้ายเข้ามาในประเทศไทยมากกว่าเดือนละ 200 ตู้ในปี 2565 ทั้งสินค้าเกษตรและสินค้าอื่น คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะส่งผลให้ประเทศไทยเป็นฝ่าย “ขาดดุลการค้า” กับจีนมากขึ้น

“แนวทางแก้ไขที่สำคัญก็คือ เมื่อน้ำมาต้องมีทำนบกั้น ตอนนี้ไทยขาดความพร้อมด้านฮาร์ดแวร์ คือ ทางรถไฟ (ไทย-จีน)-สะพานข้ามแม่น้ำโขง (หนองคาย 2) และคลังสินค้ายังไม่แล้วเสร็จ ส่วนด้านซอฟต์แวร์ก็คือ การเตรียมเรื่องการดูแลมาตรฐานการนำเข้าต่าง ๆ ดังนั้น สิ่งแรกไทยต้องใช้โมเดลจีน คือมีด่านตรวจสอบโควิด-19 เพื่อตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่นำเข้าจากจีน

โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมวิชาการเกษตร และสำนักงานมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม (สมอ.) จะต้องมาร่วมกันทำจุดเบ็ดเสร็จในการตรวจสอบสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานและต้องยึดโยงกับจีนให้จริงจังขึ้น ไม่เช่นนั้นเมื่อมีข่าวโควิดลอยมาไม่รู้ใครปล่อย สินค้าไทยก็จะเสียหาย จีนหันไปนำเข้าจากเวียดนาม ขณะที่ระดับนโยบายรัฐต้องไปเจรจากับจีนเรื่องการขยายการส่งออกสินค้าไทยโดยใช้เส้นทางรถไฟสายนี้” รศ.ดร.อัทธ์กล่าว

ในขณะที่ ดร.จตุรงค์ บุนนาค ประธานสภาธุรกิจไทย-ลาว แจ้งว่า วานนี้ (6 ธ.ค.) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการหอการไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะ ได้หารือร่วมกับเอกอัครราชทูตไทย ณ เวียงจันทน์ (เจษฎา กตเวทิน) เพื่อหารือความร่วมมือในการขยายและลดอุปสรรคด้านการค้าและการลงทุน โดยทางสภาธุรกิจฯและหอการค้า 3 จังหวัด (หนองคาย-อุดรธานี-มุกดาหาร) ได้มีข้อเสนอผ่านทางท่านทูต 5 เรื่อง คือ

1) ขอให้เร่งรัดการก่อสร้างสะพานรถไฟแห่งใหม่ข้ามแม่น้ำโขงโดยเร็วเพื่อเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์รถไฟจีน-ลาว ซึ่งในอนาคตทางลาวยังมีแผนขยายเส้นทางรถไฟต่อไปเชื่อมต่อกับ “ท่าเรือหวุ่นอ๊าง” ของเวียดนาม เพื่อขนส่งสินค้าไปทางทะเลอีกทางหนึ่ง

2) ขอให้การช่วยเหลือกับแรงงานลาวที่ต้องการเดินทางกลับมาทำงานในประเทศไทยอีกประมาณ 400,000-600,000 คน (แรงงานถูกกฎหมายไม่เกิน 300,000 คน) และแรงงานไป-กลับอีกเท่าตัว โดยหอการค้าจะช่วยเรื่องการตรวจสอบโควิด-19 และวัคซีน

3) ขอให้เร่งรัดการเปิดด่านท่าเรือใน 3 จังหวัด ซึ่งเป็นด่านที่ค้าขายตามประเพณี 4) ขอให้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-ลาว (JC) ในเดือนมีนาคม 2565 พิจารณาเรื่องบันทึกข้อตกลงการดูดทราย ซึ่งยังติดขัดเงื่อนไขพื้นที่ตามที่ JC ทำข้อตกลงไปเมื่อปี 2551 ส่งผลให้ธุรกิจดูดทรายปิดตัวไปจำนวนมาก

และ 5) ขอให้ประสานรัฐบาลเรื่องการปรับลดระยะเวลาการกักตัวนักธุรกิจไทยจาก 14 วัน เหลือ 3 วัน ในโรงแรมที่รัฐบาลกำหนด และอีก 11 วันในบริษัท หรือบ้านพัก เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

ด้านนายนิยม ไวยรัชพานิช รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนได้ติดตามผลดี-ผลเสียการเปิดให้บริการรถไฟลาว-จีนอย่างต่อเนื่อง โดยจะรวบรวมปัญหาเพื่อนำไปหารือกับ กรอ.พาณิชย์ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้ใช้ประโยชน์จากเส้นทางรถไฟ

คาดว่า จะได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมประมาณกลางปี 2565 เพื่อให้ทันกับฤดูการผลิตผลไม้และต้องการให้ภาครัฐเร่งก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามชายแดนไทย-ลาวที่ จ.หนองคาย ให้แล้วเสร็จเร็วขึ้นด้วย

เข้มโควิดผลไม้ไทยเสียหายหนัก

ด้าน นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าผลไม้และส่งออกผลไม้ไทย กล่าวว่า ทางรถไฟลาว-จีนทำให้การขนส่งสินค้าจากคุนหมิงมาเวียงจันทน์ “สั้นมาก” จนเป็นที่น่าสังเกตว่า ในอนาคตอาจจะเกิดการผูกขาดตลาดรับซื้อผลไม้ของไทยหรือไม่

ที่ผ่านมามีนักลงทุนจีนขยายการทำธุรกิจรวบรวมรับซื้อผลไม้ (ล้ง) ในไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 ราย ส่งผลให้ล้งไทยมีจำนวนลดลงอย่างมากเหลือเพียง 30-40% หากในอนาคตทั้งผู้นำเข้า-ล้งเป็นของจีน และยังสามารถบริหารจัดการเส้นทางขนส่งได้อีก ไทยอาจจะไม่สามารถกำหนดราคารับซื้อผลไม้ได้แล้ว

ซึ่งตอนนี้เท่าที่ประสบอยู่ ไทยก็ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการตรวจสอบโควิด-19 ที่ฝ่ายจีนกำหนด การถูกตรวจสอบเรื่องศัตรูพืช-สารตกค้าง ขณะที่ด่านนำเข้าของฝ่ายไทยยังไม่มีการตรวจสอบเรื่องนี้ แถมยังมีการลดภาษีนำเข้าตามกรอบ FTA อีกด้วย

“จีนไม่ยอมรับใบตรวจสอบโควิด-19 ของฝ่ายไทย แต่ขอไปตรวจเอง แต่สิ่งที่พบคือ ซากโควิด-19 ติดภาชนะจากไหนก็ไม่รู้ สั่งทำลายลำไยไทยไป 2 ตู้ การใช้เวลาตรวจสอบที่ด่านก็ยาวนานขึ้น จากเดิม 1-2 วัน กลายเป็น 8-10 วันก็เสียหายมาก

ประกอบกับตอนนี้มีผลไม้จากเวียดนามเข้ามาด้วย ล่าสุดด่านจีนมีการตรวจสอบจากวันละ 1,600 เที่ยว เหลือเพียงวันละ 450 เที่ยว ทำให้ตู้ผลไม้จากไทยเข้าไปได้น้อยมาก ตอนนี้ต้องเตรียมความพร้อมฤดูผลไม้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าด้วยการให้รัฐบาลเร่งเจรจาหาทางให้ผลไม้ไทยขนส่งขึ้นรถไฟลาว-จีนให้ได้

เพราะหากขึ้นรถไฟได้ไม่ต้องติดขัดที่ด่านทางบกอีก วิ่งทะลุไปจีนได้เลย ต้องคุยกันเรื่องพิธีสารศุลกากร ล่าสุดผู้ส่งออกไทยขาดทุนจากการที่ตู้ไปติดอยู่ที่ด่านไปแล้วน่าจะประมาณ 1,000 ล้านบาท ขายได้ราคาไม่ถึงครึ่ง” นายสัญชัยกล่าว

โดยการส่งออกผลไม้ไปจีนที่ชะลอตัวลงจากปัญหาข้างต้น มีผลทำให้ราคาลำไยนอกฤดูของไทยลดลงจาก กก.ละ 28-35 บาท เหลือ 15-18 บาท หรือหายไป 50% และกำลังขยายไปสู่ราคาสับปะรดภูแล จ.เชียงราย ลดลงจาก กก.ละ 7-12 บาท เหลือ 4 บาท อนาคตหลังเดือนกุมภาพันธ์อาจทำให้สินค้าผลไม้ทั้งมังคุด-ทุเรียนเสียหายมากขึ้นอีก แม้ว่าจะมีการทดสอบให้เปิดด่านบ่อเต็น 5 ตู้ ตู้ละ 20 ตัน ก็ถือว่าน้อยหากเทียบกับการส่งออกปกติที่ด่านนี้ส่งออกเป็น 100 ตู้คอนเทนเนอร์

ขณะที่นายมณฑล ปริวัฒน์ นายกสมาคมผู้ค้าผลไม้ยุคใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด่านบ่อเต็นที่ปิดและมีการทดสอบการตรวจเชื้อโควิด-19 นั้น ในขณะนี้อนุญาตเปิดโควตาให้ไทยนำเข้าได้วันละ 20 ตู้ ทำให้ตู้ตกค้างและเกิดความเสียหาย ยกตัวอย่าง ทุเรียน ซื้อราคากล่องละ 1,000 หยวน ขายได้ 600 หยวน (กล่องละ 18.5 กก.) ลงทุนแต่ละตู้ 1-2 ล้านบาทขึ้นไป ก็เท่ากับว่าขาดทุนเกือบ 50%

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน มองว่า รถไฟลาว-จีนเป็นโอกาสในการส่งออกและนำเข้าสินค้าของไทย ช่วยลดต้นทุนการส่งออก แต่พื้นที่ขนส่งในรถไฟอาจจะไม่เพียงพอกับปริมาณสินค้าส่งออกของไทย ซึ่งมีปริมาณมากในแต่ละปี เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด

“อนาคตหลังโควิด-19 คลี่คลายลงจะเป็นโอกาสที่นักลงทุนทั้งสองฝ่ายจะลงทุนระหว่างกัน โดยการลงทุนตั้งศูนย์กระจายสินค้า (ดีซี) ในพื้นที่รถไฟลาว-จีน ปัจจุบันพบว่ามีนักลงทุนจีนใช้พื้นที่ใกล้เคียงสถานีรถไฟความเร็วสูงเป็นจุดวางสินค้าเพื่อรอการขนส่งข้ามแดน ยังไม่มีรูปแบบแวร์เฮาส์”

ล่าสุด นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวหลังจากมีการเปิดสำนักงานประสานงานทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการค้าเขตเสิ่นเจิ้นประจำประเทศไทยว่า ได้สั่งการให้จัดทำกรอบความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน หรือ “MINI-FTA” ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยและเมืองเสิ่นเจิ้น จากที่ทำไปแล้วกับไห่หนาน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

และจะทำกับกานซู่ต่อไป “เสิ่นเจิ้นถือเป็นผู้นำเข้าผลไม้ของไทย และทางจีนมีนโยบายพัฒนาเสิ่นเจิ้นให้เป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใหญ่ที่สุดในจีน ส่วนกรณีที่จีนมีมาตรการควบคุมการปนเปื้อนโควิด-19 ในสินค้าผลไม้ รวมถึงผลไม้กระป๋องและอาหารทะเลกระป๋อง ไทยจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและใบรับรองมาตรฐานสินค้าที่ครบถ้วนเพื่อผลักดันการส่งออกสินค้าโดยเฉพาะผลไม้เข้าตลาดจีนให้ได้”

ทั้งนี้ มูลค่าการค้าไทย-จีนช่วง 10 เดือนแรกปี 2564 รวม 2.68 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 19.3% ของการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของไทย ขยายตัว 31.95% ส่วนการส่งออกผลไม้ไทยในช่วง 10 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ต.ค.) ตลาดจีนเป็นตลาดที่สำคัญที่สุด มีสัดส่วน 85% ของการส่งออกผลไม้ แม้ที่ผ่านมาจะมีปัญหาอุปสรรคจากโควิด-19 และการปิดด่าน แต่การส่งออกก็ยังขยายตัวได้ถึง 86%

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


แนวโน้มหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ ทองเปิดตลาดพุ่ง100บาท

แนวโน้มหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ ทองเปิดตลาดพุ่ง100บาท

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย 20 ธ.ค. คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค ขณะที่ราคาทองคำในประเทศเปิดตลาดเพิ่มขึ้น 100 บาท

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 64 นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway Down คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียทีเช้านี้ติดลบกันราว -0.5% ถึง -0.7% จากความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในยุโรปที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้น สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ แม้แต่บ้านเราก็กำลังจับตาสถานการณ์โควิดสายพันธุ์โอมิครอนเช่นเดียวกัน หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน (คลัสเตอร์) ในแคมป์คนงานก่อสร้าง และร้านหมูกระทะ ทำให้ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะแม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเคยติดเชื้อโควิดมาก่อน ก็ยังสามารถติดเชื้อซ้ำได้อีก

นอกจากนี้ ยังต้องจับตาความคิดเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาต่าง ๆ ที่จะมาพูดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด หลังจากที่มีสัญญาณออกมาจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งในปีหน้า ส่วนบ้านเราให้ติดตามผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาใหม่เพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไร

พร้อมให้แนวรับ 1,627-1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,651-1,658 จุด

ด้านสมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำประจำวัน เปิดตลาดปรับขึ้น 100 บาท ทองแท่งรับซื้อ 28,450 บาท ขายออก 28,550  บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 27,939.88 บาท ขายออก 29,050 บาท 

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


Scoop : “บาส-ปอป้อ” กับ ก้าวย่างสู่ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์

Scoop : "บาส-ปอป้อ" กับ ก้าวย่างสู่ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์

ความผิดหวังจากโอลิมปิกเกมส์เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายคนมองว่า “บาส-ปอป้อ” ยังมีจุดบกพร่องเรื่องจิตใจ ที่ยังก้าวข้ามทุกแรงกดดันไม่ได้

บนความผิดหวังในหัวใจ ทุกคนล้วนผิดหวังเมื่อผลงานที่ตั้งมั่น มันดันไปไม่ถึงฝั่งฝันเสียที

สองนักแบดไทย หอบความช้ำมา พร้อมกับยอกตัวเอง แล้วตั้งเป้าหมายใหม่ให้กับตัวเองอีกครั้ง

วางแผนออกตะลุยในการแข่งขันที่เหลือของปี โดยมีเป้าหมายเดียวคือการ “เอาชนะตัวเอง” ในทุกขวากหนามของการแข่งขัน  

แชมป์ 4 รายการรวด ก่อนศึกใหญ่ในรายการชิงแชมป์โลก สร้างทุกความมั่นใจให้กับเขาทั้งคู่มากโข

“ไฮโล โอเพ่น” ตามด้วย “อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส” ต่อด้วย “อินโดนีเซีย โอเพ่น” จนก้าวไปถึงรายการใหญ่อย่าง “เวิลด์ทัวร์ ไฟน่อลส์” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย จารึกชื่อด้วยการซิวแชมป์แบบเบ็ดเสร็จ 4 รายการรวด!

แถมยังเป็นการเอาชนะคู่แข่งด้วยฟอร์มการเล่น ที่เต็มไปด้วยพัฒนาการ ที่ชัดเจนอย่างที่สุดซะด้วย

แฟนแบดมินตันไทยเอง ก็ได้รับสิ่งที่เรียกว่า “เชียร์ขึ้น เชียร์มัน และเชียร์สนุกเร้าใจ” และหลายคนมองว่า เกมการแข่งขันของ “บาส-ปอป้อ” มันสนุกเร้าใจเหลือเกินครับเพ่! 

เมื่อทุกอย่างเดินทางมาอยู่ในช่วงสุกงอม คู่ผสมสัญชาติไทย ยกระดับการเล่นของตัวเอง พร้อมลงชิงชัยบนสังเวียนรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

นั่นคือ “แบดมินตันชิงแชมป์โลก 2021” ที่ประเทศสเปน

gettyimages-1237325334-612x61

ก้าวย่างแห่งความมั่นใจของทั้งคู่ ที่ถูกวางให้เป็น คู่มือวางอันดับ 2 ของรายการ และมีดีกรีเป็นถึง คู่มืออันดับ 1 ของโลกใหม่ๆสดๆ ซิงๆ ส่งให้เขาเดินทางมาจนถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ เฉกเช่นที่เขาสองคนเคยทำได้เมื่อปี 2019 ที่ครั้งโน้น บาส-ปอป้อ ฝ่าด่านอรหันต์จนเข้าไปชิงดำ แต่ต้องอกหักอย่างเจ็บปวดในปีนั้น

แต่หนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว!!!

กำหนดทุกชะตาด้วยฟอร์มการเล่นของตัวเอง บวกกับความมุมานะ ที่ทั้งคู่มี 

มาปีนี้ “บาส-ปอป้อ” กดแฮตทริก!!!

ใช้เวลา 46 นาที ไล่ตบเอาชนะคู่ปรับ “ยูตะ วาตานาเบะ” กับ “อลิสะ ฮิกาชิโนะ” คู่มือวางอันดับ 3 ของรายการ และ เป็น คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากญี่ปุ่น ไปได้ 2-0 เกม 21-13 และ 21-14

ใช่แล้วครับ! “เดชาพล พัววรานุเคราะห์” กับ “ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย” ผงาดคว้าแชมป์โลกแห่งประวัติศาสตร์!!! สำเร็จแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยย

gettyimages-1237325853-612x61

บนความสำเร็จที่ทั้งคู่แสดงออกมาในรายการนี้ มันคือความกลมกล่อมของการเล่น ความเข้าใจในบริบทของเกม คือปัจจัยส่งต่อให้พวกเขาเดินทางไปถึงฝัน

ไม่ใช่ใครก็ได้นะ ที่จะทำได้ในแบบที่ทั้งสองคนทำ การลงแข่งในปีนี้ 11 รายการ พวกเขาสามารถกวาดแชมป์ไปได้ถึง 8 รายการ

แบบนี้จะไม่ให้เรียกว่า “คู่หูประวัติศาสตร์” ได้อย่างไรกันละ

ความสุข ความสมหวัง ไม่มีใครได้มาแบบง่ายดายหรอก

gettyimages-1237325533-612x61

ทีมงานสตาร์ฟโค้ช การดูแลร่างการตัวเอง พัฒนาในทุกจุดบกพร่อง และสานต่อมัน จนนำพาไปสู่ความสำเร็จที่พวกเขาสองได้รับ เขาเองสมควรได้รับเครดิตตรงนี้แบบเต็มๆ 

ขณะเดียวกัน เหล่ากองเชียร์เอง ก็สมหวังและยินดีกับทุกชัยชนะเสมอมา และพร้อมกล่าวคำว่าขอบคุณสำหรับความสุข ตลอดขวบปีนี้ที่ บาส-ปอป้อ บรรจงมอบให้

มันมีความสุขเหลือเกินครับ ที่ได้เห็นนักแบดมินตันไทย เจิดจรัสบนเวทีโลกเช่นนี้

คุณสุดยอดมากๆครับ…

“เดชาพล พัววรานุเคราะห์ – ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย”

gettyimages-1237325363-612x61

——————————————————-

บทสรุปปี 2021 ของ “บาส-ปอป้อ” ลงแข่ง 11 รายการ  
– ไทยแลนด์ โอเพ่น (แชมป์)  
– โตโยต้า โอเพ่น (แชมป์)  
– เวิลด์ ทัวร์ ไฟน่อลส์  (แชมป์)  
– โอลิมปิกเกมส์ (รอบก่อนรองชนะเลิศ)
– เดนมาร์ก โอเพ่น (รองแชมป์)
– เฟรนช์ โอเพ่น (รอบรองชนะเลิศ)
– ไฮโล โอเพ่น (แชมป์)
– อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส (แชมป์)
– อินโดนีเซีย โอเพ่น (แชมป์)  
– เวิลด์ทัวร์ ไฟน่อลส์ (แชมป์)
– ชิงแชมป์โลก (แชมป์) 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


อนามัยโลกเผย วัคซีนโควิดมีประสิทธิผลลดลงต่อ “โอมิครอน”

อนามัยโลกเผย วัคซีนโควิดมีประสิทธิผลลดลงต่อ "โอมิครอน"

องค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า วัคซีนโควิด-19 ในปัจจุบัน มีประสิทธิผลลดลงในการป้องกันอาการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิด-19 แต่ยังคงให้ระดับป้องกันอย่างมีนัยสำคัญ ตามรายงานของรอยเตอร์

ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เทดรอส อะดานอม เกเบรเยซุส ระบุในวันอังคารว่า โควิดกลายพันธุ์โอมิครอน ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้และฮ่องกงเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และแพร่ระบาดไปใน 77 ประเทศทั่วโลกขณะนี้ ไม่ควรถูกมองข้ามว่าเป็นเชื้อโควิดที่ไม่รุนแรง เพราะโควิดกลายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดในอัตราที่เราไม่เคยพบมาก่อนในโควิดกลายพันธุ์ชนิดอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้ระบบสาธารณสุขไม่พร้อมรับมือกับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากได้

ผอ.ใหญ่อนามัยโลก ยังกล่าวด้วยว่า มีหลักฐานมากขึ้นที่บ่งชี้ว่า ประสิทธิผลของวัคซีนต่อโควิดกลายพันธุ์ลดลงเล็กน้อยในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต รวมทั้งมีประสิทธิผลลดลงในการป้องกันการติดเชื้อและอาการป่วยเล็กน้อยด้วยเช่นกัน

ท่าทีขององค์การอนามัยโลก มีขึ้นหลังจากการศึกษาที่เก็บข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงเกี่ยวกับประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19 ซึ่งจัดทำโดย South African Medical Research Council and Discovery Health หน่วยงานด้านประกันสุขภาพของแอฟริกาใต้ ที่เปิดเผยเมื่ออังคาร ระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ชนิด 2 โดส มีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในแอฟริกา แต่ยังให้ปกป้องภาวะอาการป่วยหนักจากโควิดได้

การศึกษาล่าสุดจากแอฟริกาใต้ ชี้ว่า วัคซีนโควิด-19 แบบ 2 โดสของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค มีระดับการป้องกันการติดเชื้อที่ 33% แต่ป้องกันการป่วยหนักได้ 70% และถึงแม้ว่ามีโอกาสที่ผู้ป่วยโควิดจะกลับมาติดเชื้อซ้ำภายใต้สถานการณ์การระบาดที่เป็นอยู่ แต่อัตราการเจ็บป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของผู้ติดเชื้อในวัยผู้ใหญ่ ต่ำกว่าช่วงการระบาดครั้งก่อนๆ ที่ระดับ 29%

การศึกษาล่าสุดนี้ เก็บข้อมูลจากผู้ติดเชื้อโควิดราว 211,000 รายในแอฟริกาใต้ ช่วง 15 พฤศจิกายน ถึง 7 ธันวาคม ซึ่งราว 78,000 รายในนั้นเชื่อว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์โอมิครอนในแอฟริกาใต้

ในเรื่องนี้ ดร.ไมค์ ไรอัน หัวหน้าโครงการฉุกเฉินของอนามัยโลก กล่าวยืนยันว่า วัคซีนไม่ได้ล้มเหลวและยังให้การปกป้องผู้รับวัคซีนในระดับหนึ่ง และว่าการศึกษาดังกล่าวชี้ว่าวัคซีนให้การป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิดกลายพันธุ์โอมิครอนได้ พร้อมกันนี้ ยังประเมินว่าต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์กว่าที่โควิดโอมิครอนจะเอาชนะโควิดกลายพันธุ์เดลตา ขึ้นมาเป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดใหญ่ทั่วโลกได้

ส่วนประเด็นการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ผอ.ใหญ่อนามัยโลก ย้ำว่าวัคซีนกระตุ้นภูมิจะมีบทบาทสำคัญในการลดการระบาดของโควิด-19 และกลุ่มเสี่ยงสูงควรที่จะได้รับวัคซีนก่อน ขณะที่ยังไม่มีการศึกษาวิจัยมากพอถึงประสิทธิภาพของวัคซีนบูสเตอร์ในขณะนี้

อีกด้านหนึ่ง ทางบริษัทไฟเซอร์ เผยการศึกษาเมื่อวันอังคารว่า การทดสอบยาต้านไวรัสโควิด-19 Paxlovid ของไฟเซอร์ มีประสิทธิผลช่วยลดความเสี่ยงการเจ็บป่วยหนักและการเสียชีวิตที่ระดับ 89% หลังจากได้รับยาภายใน 3 วันที่พบอาการของโควิด-19 และลดความเสี่ยงการป่วยหนักได้ 88% หากได้รับยาภายใน 5 วันที่พบอาการ ซึ่งรวมถึงโควิดกลายพันธุ์โอมิครอนด้วย โดยไฟเซอร์เตรียมยื่นผลการศึกษาเบื้องต้นนี้เพื่อขออนุมัติการใช้ยาดังกล่าวกับทางสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


มารู้จัก “ประโยคขอความช่วยเหลือ” ในภาษาอังกฤษกัน

ถ้าเกิดบังเอิญจับพลัดจับผลูได้ไปต่างประเทศ แล้วเกิดบังเอิ๊ญบังเอิญเข้าตาจน จนต้องไปขอความช่วยเหลือจากชาวต่างชาติเราจะพูดยังไง เริ่มต้นประโยคว่ายังไงดี เรามีประโยคขอความช่วยเหลือแบบเบสิคๆ มาฝากกันรับรองว่าถ้าเอาไปใช้ต้องมีใครสักคนช่วยคุณแน่นอน

เริ่มต้นด้วยประโยคง่ายๆ

Can you help me please? หรือถ้าจะให้สุภาพกว่านี้ใช้

Could you help me please? ก็ได้ไม่ผิด

จำประโยคนี้ประโยคเดียวนี่ก็ใช้ได้ทั้งประเทศเลยแต่ถ้าอยากเปลี่ยนบ้างเพื่อความไม่จำเจเราก็มีประโยคอื่นๆ มานำเสนอ

May I ask you a favor? ฉันขอให้คุณช่วยอะไรหน่อยได้มั้ย

หรือจะบอกว่า Can you do me a favor? ก็ได้

favor แปลว่า ความช่วยเหลือ หรือ ความเอื้อเฟื้อ คำนี้อาจจะฟังดูเป็นทางการไปซะหน่อย แต่จำไว้ก็ไม่เสียหาย

อีกประโยคหนึ่งเป็นสำนวนขึ้นมาหน่อย ดูเก๋ๆ คือ Could you give me a hand?

ไม่ได้แปลว่า ขอมือหน่อย แต่แปลว่า ช่วยฉันหน่อยได้มั้ย ตัวอย่างสถานการณ์เช่น คุณจำเป็นต้องแบกทีวีเครื่องเบ้อเริ่มขึ้นไปบนห้องใดห้องหนึ่ง แต่มันหนักซะเหลือเกิน คุณก็เห็นวัยรุ่นท่าทางทะมัดทะแมงสองสามคนแถวๆ นั้น เลยเข้าไปทักว่า Excuse me, could you give me a hand? แน่นอนว่าถ้าสองคนนั้นไม่ใจร้ายเกินไป เค้าจะต้องเข้ามาช่วยคุณอย่างแน่นอน

ประโยคอื่นๆ ที่ใช้ขอความช่วยเหลือก็ยังไม่หมดแค่นี้นะเราอาจจะพูดได้ว่า

Would you mind helping me out? ช่วยผมทีนะ หรือ ช่วยฉันหน่อยนะ

หรือ

Is it possible for you to help me? เป็นไปได้ไหมที่คุณจะช่วยฉัน

หรือเราอาจจะไม่ใช้ประโยคคำถามแต่ บอกออกไปตรงๆ เลยว่า ฉันต้องการความช่วยเหลือ คือ

I need some help. แล้วก็ระบุสิ่งที่คุณต้องการให้เขาช่วยได้เลย

ถ้าคุณอยากขอความช่วยเหลือ โดยเจาะจงหรือต้องการระบุว่าอยากให้ช่วยอะไร ออกเป็นแนวประโยคขอร้องให้ทำนั่นทำนี่ให้หน่อย ก็ให้ขึ้นต้นประโยคว่า

Could you please…..?

Would you please….?

เช่น

Could you please open the window? คุณช่วยเปิดหน้าต่างให้หน่อยได้มั้ย

Would you please get me that newspaper? คุณช่วยหยิบหนังสือพิมพ์ให้หน่อยได้มั้ย

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


ทำไมหลายคนเกิดความกังวลเกี่ยวกับความล้ำสมัยของเทคโนโลยีควอนตัมของจีน

ทำไมหลายคนเกิดความกังวลเกี่ยวกับความล้ำสมัยของเทคโนโลยีควอนตัมของจีน

พัฒนาการต่างๆ ในจีน โดยเฉพาะในด้านความก้าวล้ำนำสมัยของเทคโนโลยีควอนตัม กลายมาเป็นประเด็นที่ก่อความกังวลให้กับหลายฝ่ายทั่วโลกพอควร ในช่วงที่ความตึงเครียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังคงเป็นสิ่งที่ถูกจับตาดูอยู่อย่างใกล้ชิด

นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ความก้าวล้ำนำสมัยของระบบการประมวลผลควอนตัมที่จีนเดินหน้าพัฒนาอยู่นี้ จะกลายมาเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญสำหรับรัฐบาลกรุงปักกิ่งในการเสริมสร้างสมรรถภาพของกองทัพของตน ซึ่งได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกอยู่แล้วในเวลานี้

ทั้งนี้ เทคโนโลยีควอนตัมคือระบบประมวลผลแบบหนึ่งซึ่งช่วยทำให้เครื่องจักรที่เดินเครื่องด้วยพลังงานระดับสูงสามารถทำการคำนวณต่างๆ ที่มีความซับซ้อนเกินกว่าอุปกรณ์ทั่วๆ ไปจะรับมือได้

รายงานของสถาบัน International Institute for Strategic Studies ที่ได้รับการตีพิมพ์ออกมาในปี ค.ศ. 2019 ระบุว่า แนวคิดว่าด้วย เทคโนโลยีควอนตัม นั้นถูกค้นพบโดย ริชาร์ด ไฟน์แมน นักฟิสิกส์ชาวอเมริกันในปี ค.ศ. 1980 นำมาซึ่งประโยชน์ทางการทหารที่มีความสำคัญถึง 2 ประการ อันได้แก่ การถอดรหัสข้อความที่มีการเข้ารหัสไว้ และการส่งกุญแจเข้ารหัสที่มีความสามารถดักสกัดการสื่อสารที่มีการใส่ระบบป้องกันภัยไว้ได้

อเล็กซานเดอร์ วูวิง ศาสตราจารย์ จากศูนย์ Daniel K.Inoue Asia-Pacific Center for Security Studies ในฮาวาย กล่าวว่า ความท้าทายที่เกิดขึ้นจากความก้าวล้ำด้านการประมวลผลควอนตัมของจีนก็คือ การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในยุทธศาสตร์พลเรือน-การทหาร ซึ่งก็คือ การที่รัฐบาลเรียกให้ภาคเอกชนมาช่วยพัฒนาโครงการเกี่ยวกับกองทัพด้วย ขณะที่ หลายฝ่ายทราบกันดีอยู่แล้วว่า รัฐบาลจีนเองได้ลงทุนเงินเป็นจำนวนมหาศาลสำหรับงานด้านการวิจัยและพัฒนาต่างๆ อยู่ด้วย

istock-687505022(1)

เมื่อจีนเร่งเดินหน้าเต็มที่

ในเวลานี้ ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า นักวิจัยในจีนประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบประมวลผลควอนตัมไปไกลเพียงใดแล้ว แต่ รายงานเพนตากอน 2021 ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่นำเสนอต่อสภาคองเกรสมีการระบุเกี่ยวกับจีนว่า ประเทศมหาอำนาจในเอเชียรายนี้ “ยังคงเดินหน้าความพยายามก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสำคัญๆ ซึ่งมาพร้อมกับศักยภาพด้านการทหารอันมีนัยสำคัญด้วย”

รายงานดังกล่าวยังอ้างถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจในข่วง 5 ปีฉบับที่ 14 ของจีน ซึ่งมีการให้ความสำคัญต่องานด้านเทคโนโลยีควอนตัมในลำดับต้นๆ ทั้งยังประกาศความตั้งใจที่จะพัฒนาและติดตั้งระบบ “ด้านการสื่อสารที่มีการเข้ารหัสควอนตัม” และเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้ไปทั่วโลกภายในปี ค.ศ. 2030 ด้วย

เฮทเธอร์ เวสต์ นักวิเคราะห์อาวุโสจากบริษัทวิจัยการตลาด IDC ในรัฐแมสซาชูเซตส์ บอกกับ วีโอเอ ว่า เทคโนโลยีควอนตัมจะสามารถช่วยตรวจจับการเคลื่อนไหวของเรือดำน้ำและเครื่องบินล่องหน (stealth aircraft) รวมทั้งยานพาหนะทางการทหารอื่นๆ ได้ เพราะการประมวลผลควอนตัมสามารถจัดการกับชุดคำสั่ง หรือ อัลกอริทึม แบบปกติของระบบที่ใช้ในกองทัพของประเทศอื่นๆ ได้

เว็บไซต์ China Daily ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลจีนเปิดเผยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า จีน “ประสบความสำเร็จในงานด้านเทคโนโลยีควอนตันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึง การพัฒนาดาวเทียมควอนตัมดวงแรกของโลก และการสื่อสารแบบควอนตัมในระยะทาง 2,000 กิโลเมตรระหว่างกรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ รวมทั้งการพัฒนาต้นแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมระบบออพติคัลเครื่องแรกของโลก” โดยรายงานดังกล่าวไม่ได้ระบุว่า จีนได้นำ

ในอดีต จีนทำให้หลายประเทศรู้สึกตื่นกังวลไปแล้วครั้งหนึ่ง ด้วยการผนวกโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนเข้ากับของฝ่ายทหาร ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาลูกผสม กองทัพ-พลเรือน ที่ทำให้นานาประเทศไม่สามารถตัดสินได้ว่า ในที่สุดแล้ว ผลงานการวิจัยทางวิชาการต่างๆ ในจีนนั้นจะตกเป็นของกองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีน (People’s Liberation Army – PLA) หรือไม่

ศาสตราจารย์ อเล็กซานเดอร์ วูวิง จากศูนย์ Daniel K.Inoue Asia-Pacific Center for Security Studies กล่าวเสริมว่า แม้เทคโนโลยีควอนตัมทั่วโลกยังอยู่ใน “ระยะตั้งไข่” ในเวลานี้ หลายประเทศต่างกำลังเร่งมือพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ อินเดีย ญี่ปุ่น เยอรมนี หรือ จีน ขณะที่ ผู้ที่สามารถชิงความเป็นผู้นำในด้านนี้ได้ก็ไม่อาจจะรักษาตำแหน่งความเป็นจ้าวไว้ได้นาน เพราะคู่แข่งอื่นๆ น่าจะสามารถทำการก๊อปปี้เลียนแบบได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

istock-904420410

ความเสี่ยงของนานาประเทศ

รายงานจาก บริษัทที่ปรึกษาด้านไอที Booz Allen Hamilton ระบุว่า ผู้นำองค์กรและเจ้าหน้าที่บริหารด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศหลายรายยังคง “ขาดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับประโยชน์เชิงประยุกต์ของการประมวลผลควอนตัมและเรื่องของการจัดการความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกันด้วย”

รายงานชิ้นนี้ชี้ว่า “ผู้บริหารทั้งหลายไม่รู้เลยว่า เทคโนโลยีจะกลายมาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ได้อย่างไรและเมื่อใด และจะกลายมาเป็นตัวปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คุกคาม เช่น จีน รวมทั้งของศัตรูทางไซเบอร์ของรัฐบาลและองค์กรด้านพาณิชย์ต่างๆ ทั่วโลกและของตัวผู้พัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมหลักของโลกได้อย่างไรด้วย”

และการที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีน (PLA) ถูกจัดอันดับให้เป็นกองทัพที่มีขนาดใหญ่อันดับที่ 3 ของโลก รองจากของสหรัฐฯ และรัสเซีย รัฐบาลต่างๆ ในเอเชีย ตั้งแต่ญี่ปุ่น ไปถึงไต้หวันและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับการขยายขนาดกองทัพเรือของจีน ในพื้นที่ทางทะเลที่มีกรณีพิพาทกันอยู่อย่างมาก จนทำให้รัฐบาลกรุงวอชิงตันตัดสินใจยกระดับการเคลื่อนไหวทางทหารในพื้นที่เดียวกันนี้มาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2019 เพื่อจับตาดูการเคลื่อนไหวของจีนแล้ว

แต่จีนเองไม่ใช่ประเทศเดียวที่เดินหน้าเชิงรุกในเรื่องนี้ เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมยังกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการทำข้อตกลงด้านเทคโนโลยีทางการทหาร AUKUS ระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ที่มีการประกาศออกมาเมื่อเดือนกันยายน และจีนได้แสดงจุดยืนคัดค้านอย่างชัดเจนด้วย ขณะที่ สมาคม National Defense Industrial Association เปิดเผยว่า เมื่อเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว มูลนิธิ National Science Foundation และกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ ได้ประกาศแผนจัดตั้งทุนจำนวน 625 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้จ่ายเป็นระยะเวลา 5 ปี สำหรับงานด้านการวิจัยและค้นคว้าเกี่ยวกับควอนตัมแล้วด้วย

ส่วนที่สิงคโปร์และไต้หวัน รายงานข่าวระบุว่า ทีมนักวิจัยกำลังเร่งศึกษาการพัฒนาเทคโนโลยีนี้อยู่ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม คาร์ล เธเยอร์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณด้านการเมือง จากมหาวิทยาลัยแห่งนิวเซาท์เวลส์ ในออสเตรเลีย กล่าวว่า ประเทศขนาดเล็กนั้นไม่น่าจะสามารถมาแข่งขันกับจีนในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมได้เลย เพราะการดำเนินแผนงานนี้ต้องใช้วิศวกร ช่างเทคนิค และเงินจำนวนมากจริงๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


พาประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำด้วยนวัตกรรม ‘ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก’

หลังแสดงเจตนารมณ์ในการร่วมแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ประเทศไทยก็มุ่งสู่เป้าหมายการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 ด้านอุตสาหกรรมการก่อสร้างเองก็เกิดความเปลี่ยนแปลง เช่นการผลักดันการใช้ปูนซีเมนต์รูปแบบใหม่เพื่อลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาในกระบวนการผลิต

ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก คือทางออกสำหรับปัญหาการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากของอุตสาหกรรมปูน กระบวนการผลิตปูนซีเมนต์แบบเดิมที่เป็นที่นิยมคือแบบปอร์ตแลนด์ เป็นการใช้ความร้อนสูงเผาวัตถุดิบ หลอมละลายแร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนให้เป็นปูนเม็ด (Clinker) จึงทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก ต่างจากปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกที่สามารถใช้ทดแทนได้ แต่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าถึงประมาณ 40 กิโลกรัมต่อตัน หรือลดการปล่อยได้ถึง 3 ตัน หากใช้ทดแทนปูนซีเมนต์แบบปอร์ตแลนด์ได้ 5.8 ล้านตัน

ประสิทธิภาพเพื่อสิ่งแวดล้อมและเพื่อคุณ

ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกมีวิธีการผลิตเช่นเดียวกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ แต่ได้มีการวิจัยและพัฒนาเพื่อเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของปูนซีเมนต์ (Performance Based) รวมทั้งการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการใช้วัสดุทดแทน ได้แก่ ส่วนประกอบของแคลเซียม ปอซโซลาน กากถลุง และวัสดุผสมเพิ่ม

เพราะใช้วัสดุทดแทนเป็นส่วนประกอบปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกจึงมีประสิทธิภาพการรับแรง ความไหลลื่น ความเรียบเนียน และความคงทนดีขึ้น ตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของงานก่อสร้างได้มากกว่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ถูกนำไปใช้ทั้งในงานโครงสร้างทั่วไป งานโครงสร้างขนาดใหญ่ งานพื้นทาง และงานปรับปรุงคุณภาพชั้นพื้นทางและชั้นรองพื้นทาง การันตีด้วยข้อมูลยืนยันจาก The European Association (CEMBUREAU) ว่าในสหภาพยุโรปมีการใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกมากกว่าร้อยละ 75 ของปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ทั้งหมด

ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกยังสามารถช่วยลดภาวะก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ และก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะลดการเผาปูนเม็ด ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) นำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society)

คุณสมบัติของคอนกรีตที่ผลิตจากปูนไฮดรอลิก

  • คุณสมบัติของคอนกรีตสด
    • สามารถอุ้มน้ำได้เทียบเท่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 แต่ต้องการน้ำน้อยกว่าเพื่อให้ได้ค่าการไหลที่เท่ากัน
    • การยุบตัวเริ่มต้นมากกว่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์มากกว่าประมาณร้อยละ 12 – 17
    • การรักษาค่าความสามารถยุบตัวเทียบเท่ากันกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1
    • ระยะเวลาการก่อตัวใกล้เคียงกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1
    • ระยะเวลาการก่อตัวใกล้เคียงกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1
    • การเยิ้มที่ผิวหน้าน้อยกว่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 เหมาะกับงานก่อสร้างที่ต้องระวังเรื่องการเยิ้มน้ำที่ผิวหน้าเป็นพิเศษ เช่น การเทพื้นคอนกรีตและการเทคอนกรีตในงานเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่
  • คุณสมบัติของคอนกรีตที่แข็งตัวแล้ว
    • มีค่ากำลังอัดเทียบเท่ากับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ที่ค่ายุบตัวของคอนกรีตเท่ากัน
    • มีค่าคาร์บอเนชั่นลึกกว่าคอนกรีตที่ผลิตจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์เล็กน้อยประมาณ 1 มิลลิเมตร
    • แท่งมอร์ตาร์ที่ผลิตจากปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกมีค่าความต้านทานซัลเฟตและคลอไรด์เทียบเท่ากับแท่งมอร์ตาร์ที่ผลิตจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ด้วยสัดส่วนการผสมที่เหมือนกัน
    • การหดตัวเทียบเท่ากันทั้งแบบแห้งและแบบออโตจีเนียส
    • ค่าการทำปฏิกิริยาระหว่างด่างและมวลรวม (Alkali Aggregate Reaction: AAR) เทียบเท่ากัน
    • การต้านทานการขัดสีสึกกร่อนเทียบเท่าหรือสูงกว่าเล็กน้อย

สู่เป้าหมายในพ.ศ. 2565

ด้วยความร่วมมือของภาคส่วนต่าง ๆ ในปี 2565 ประเทศไทยจะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่น้อยกว่า 300,000 ตัน สนับสนุนนโยบายภาครัฐ Thailand NDC และข้อตกลงปารีสในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลก โดยมีภาครัฐคอยส่งเสริมการผลิตและการใช้งาน ทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง จัดทำระบบรายงานและระบบข้อมูล ภาคอุตสาหกรรมนำนวัตกรรมมาใช้ในการผลิต ภาควิชาชีพเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และภาคการศึกษาส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งภาคส่วนอื่น ๆ ที่ช่วยกันส่งเสริมปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก เพื่อพาประเทศไทยสู่เป้าหมายของการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


าคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20/12/2564

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a28,450.0028,550.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,843.0027,939.8829,050.00
ทองรูปพรรณ 90%1,658.7025,145.89n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,474.4022,351.90n/a
ทองรูปพรรณ 50%829.0012,567.64n/a
ทองรูปพรรณ 40%645.009,778.20n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,910.0028,955.60n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/12/2564



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9530.9530.9531.1530.9531.0530.9531.1530.9530.9530.95
แก๊สโซฮอล์ 9130.6830.6830.8830.6830.7830.6830.8830.6830.6830.68
แก๊สโซฮอล์ E2029.4429.4429.6429.4429.5429.6429.4429.4429.44
แก๊สโซฮอล์ E8523.5923.5923.59
เบนซิน 9538.3638.9139.0638.8638.86
ดีเซล B728.4428.4428.8428.6428.7428.4428.6428.4428.6428.44
ดีเซล28.4428.4428.8428.6428.7428.4428.6428.4428.6428.44
ดีเซล B2028.4428.4428.8428.7428.6428.4428.44
ดีเซลพรีเมี่ยม34.0634.4635.2935.1635.29
แก๊ส NGV15.5915.5915.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า