Noble รุก ‘ถนนทองคำ’ งัดที่ดิน ‘เลียบด่วนฯ’ ผุดคอนโดใหม่ 1,250 ยูนิต
บมจ.โนเบิล บุกหนักตลาดคอนโดฯ งัดที่ดิน 12 ไร่ ทำเลทอง เลียบด่วนรามอินทรา ผุด ‘โนเบิล ครีเอท’ 1,250 ยูนิต ขายต่ำกว่า 2ล้านบาท ขณะราคาที่ดิน รอบ 10 ปี พุ่งแรง 60%
19 พฤษภาคม 2565 – บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดตัว “โนเบิล ครีเอท” คอนโดมิเนียม High-Rise ใจกลางเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
โดยนาย ศิระ อุดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า โครงการ โนเบิล ครีเอท ถือเป็นคอนโดมิเนียม High Rise แห่งแรก และแห่งเดียวบนถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา มูลค่าโครงการกว่า 4,800 ล้านบาท ชู ไฮไลท์ส่วนกลางขนาดใหญ่มีพื้นที่ถึง 2,500 ตร.ม. และพื้นที่สีเขียวขนาด 5 ไร่ ในรูปแบบ คอนโดมิเนียม 6 อาคาร จำนวน 1,250 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 12 ไร่ รูปแบบห้องพักอาศัยจำนวน 4 แบบ รวมถึงห้อง Combine ซึ่งทุกห้องมาพร้อมจุดเด่นดีไซน์หน้ากว้าง รับวิวเมืองและสวนสีเขียวกลางโครงการ ไลฟ์สไตล์เทียบ Central Park กลางมหานครนิวยอร์ค รวมทั้งมีอาคาร Pet Friendly จำนวน 1 อาคาร
ทั้งนี้ โครงการอยู่ติดห้างคริสตัล พาร์ค เพียง 300 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดบนถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา หนึ่งในทำเลศักยภาพ และที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี่อันดับต้น ๆ ของกรุงเทพฯ เนื่องจากมีการวางผังเมืองและสาธารณูปโภคที่เป็นต้นแบบของถนนยุคใหม่ เชื่อมต่อการเดินทางด้วยถนนหลักได้หลายสายทั้ง สุขุมวิท พระราม 9 ลาดพร้าว เกษตร-นวมินทร์ และจุดขึ้นลงทางด่วนเข้าสู่ใจกลางเมือง ห่างจากใจกลางย่านธุรกิจอย่างทองหล่อ เอกมัย แวดล้อมด้วย แหล่งไลฟ์สไตล์ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และโรงเรียนนานาชาติ อีกทั้งถนนเส้นนี้ยังอยู่บนแผนพัฒนารถไฟฟ้าสายสีเทา ที่มีกำหนดเริ่มก่อสร้างในปี 2565 นี้ โดย Noble Create อยู่ใกล้จากสถานีโยธินพัฒนา
” ราคาขายเริ่มต้นที่ 1.99-5.9 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 110,000 บาท/ตารางเมตร มูลค่าโครงการกว่า 4,800 ล้านบาท โดยเปิดพรีเซลตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป ซึ่งจะเปิดขายใน 3 อาคารแรกก่อนคือ B,E และ F คาดว่าภายในระยะเวลา 3 เดือนนี้ จะสามารถทำยอดขายทั้ง 6 อาคาร ได้ประมาณ 40% ด้านการก่อสร้างเริ่มในปี 2565 และแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2568 ”
โนเบิลยอดขายพุ่งสูงสุด
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้น พบว่า มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน สะท้อนได้จากยอดขาย (Pre-sale) 5 โครงการใหม่ของโนเบิลในไตรมาสแรกของปี 2565 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สามารถสร้างยอดขายได้กว่า 6,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% YoY ซึ่งยอดขายดังกล่าวถือเป็นการสร้างการเติบโตที่ทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส (New Highs) และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เลียบด่วนฯทำเลทอง 10ปี ที่ดินราคาเพิ่ม 60%
ขณะ นาย อรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน NOBLE กล่าวเสริมว่า ราคาที่ดินในทำเลถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 30% แต่หากเป็นทำเลบริเวณถนนประดิษฐมนูญธรรม หรือ MOST PRIME AREA ที่ตั้งโครงการ”โนเบิล ครีเอท”(Noble Create)ซึ่งเป็นโซนบ้านหรู และศูนย์การค้าระดับพรีเมียม ราคาที่ดินมีอัตราการเติบโตขึ้นเฉลี่ยสูงสุด 60% หรือราคาไม่ต่ำกว่า 400,000 บาท/ตารางวา ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จากเดิมอยู่ที่ประมาณกว่า 100,000 บาท/ตารางวา อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวยังไม่ได้มีการปรับปรุงผังเมือง เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความหนาแน่นน้อย และอนาคตจะอาจจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นผังสีส้ม ที่มีความหนาแน่นปานกลาง เนื่องจากจะมีจำนวนประชากรเข้ามาใช้ชีวิตในทำเลดังกล่าวมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ALL ลงทุนธุรกิจ ‘คาร์บอนเครดิต’ ชูรายแรกของไทย
บมจ. ออลล์ อินสไปร์ หรือ ALL กระโดดข้ามธุรกิจ รุกลงทุนเจาะตลาด ‘คาร์บอนเครดิต’ หวังเป็นฐานรายได้ใหม่ ตั้งเป้าปีแรก 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์
19 พฤษภาคม 2565 – บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ประกาศการลงทุนในธุรกิจคาร์บอนเครดิต พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) จัดตั้งธุรกิจคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย กับพันธมิตรระดับโลก บริษัท GSI เจ้าของแพลตฟอร์มจัดการธุรกิจซื้อขายคาร์บอนเครดิตด้วยบล็อกเชนรายแรกของโลก เพื่อดำเนินการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย หวังให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม สร้างธุรกิจที่ยั่งยืน เติบโต สร้างผลกำไรให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่องต่อไป
ล่าสุด นาย ธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากแนวคิด All New Era” ออลล์ อินสไปร์ ยุคใหม่” ที่ไม่หยุดแค่อสังหาริมทรัพย์อีกต่อไป แต่แสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ในการนำพาองค์กรไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันที่กำลังก้าวเข้าสู่การลดการสร้างมลภาวะในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ Net-Zero Future จึงมีการประกาศลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) จัดตั้งธุรกิจคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย กับพันธมิตรระดับโลกคือ บริษัท GSI เจ้าของแพลตฟอร์มจัดการธุรกิจซื้อขายคาร์บอนเครดิตด้วยบล็อกเชนรายแรกของโลก ที่มีมูลค่าการซื้อขายกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อปี
” นับเป็นก้าวที่สำคัญของบริษัทฯ ที่ทำให้ ออลล์ อินสไปร์ เป็นนักลงทุนรายแรกของประเทศไทยที่เข้าสู่ธุรกิจคาร์บอนเครดิต ทั้งนี้การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่จะประกอบด้วย บริษัทร่วมทุนในประเทศไทยและในสิงคโปร์เพื่อครอบคลุมธุรกิจทั้งภายในประเทศไทยและในภูมิภาค”
สำหรับระยะเวลาในการดำเนินงานนั้นช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ถึง ไตรมาสที่ 1/2565 ทำการสร้างทีมบริหารจัดการและPartnership Agreement ถัดมาในไตรมาสที่ 2-3/2565 จะเป็นการพัฒนาระบบ infrastructure ของแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นในไตรมาสที่ 3/2565 จะทำการเปิดตัว Marketplace / Platform ให้เป็นที่รู้จักและเริ่มเปิดการใช้งานลูกค้าสามารถเข้ามาใช้แพลตฟอร์มได้ ขณะเดียวกันก็จะดำเนินการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพ เพิ่มเติม features ต่างๆ ให้เต็มรูปแบบมากขึ้น ภายในไตรมาสที่ 4/2565 จะมีการจัดตั้ง Investment Fund เพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าวเพิ่มเติมต่อไป
” คาดการณ์ปริมาณการซื้อ-ขายผ่าน Marketplace ของบริษัทฯ ในปี 2022 (Q4) เท่ากับ 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ปี2023 เท่ากับ 15.28 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ปี 2024 เท่ากับ 28.86 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ปี 2025 เท่ากับ 44.95 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และปี 2026 เท่ากับ 50.77 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า”
โดยปี 2565 นี้ บริษัทฯ ต้องการบรรลุเป้าหมายปริมาณในการค้าคาร์บอนเครดิต (Trade Carbon credit) ไว้ที่ 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/2566 เป็นต้นไป พร้อมขยายธุรกิจไปสู่ Global Market ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะสร้างความแข็งแกร่ง หากเป็นไปตามเป้าหมาย และแผนการที่วางไว้ บริษัทมุ่งหวังที่จะนำบริษัทคาร์บอนเครดิตเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นลำดับถัดไป
เกี่ยวกับคาร์บอนเครดิตฯ
ปัจจุบันปัญหาโลกร้อนได้ส่งผลกระทบกับชีวิตคนทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินชีวิตและพัฒนาโลกโดยที่ไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมาเป็นระยะเวลานาน นับวันผลกระทบเหล่านี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น พันธกิจการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Green House Gas) ไม่ใช่เรื่องของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นพันธกิจที่ต้องการความร่วมมือ จากทุกฝ่าย ทุกคน ร่วมกันสร้าง Net Zero คือ การไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเพิ่มเติม หมายความว่าเราต้องทั้งลดการปล่อยก๊าซให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทั้งกำจัดก๊าซในปริมาณที่เทียบเท่ากันกับการปล่อยออกมา ภายใต้ Paris Agreement (ข้อตกลงปารีส) : ซึ่งเป็นความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ในการกำหนดมาตรการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์
เมื่อเดือนเมษายน 2564 มีประเทศที่ให้สัตยาบันในพันธกิจลดการปล่อยก๊าซถึง 195 ประเทศ นับเป็นนิมิตหมายอันดี ที่จะนำไปสู่การหยุดยั้งไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส และถ้าเป็นไปได้จะควบคุมไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เป็นพันธกิจที่มนุษยชาติต้องร่วมด้วยช่วยกัน คือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่ง ภายในปี 2030 และ ลดให้เป็น Net Zero ภายในปี 2050
คาร์บอนเครดิต คือ การนำปริมาณการลดใช้ก๊าซเรือนกระจกที่ต่ำกว่าเป้าหมายในแต่ละแห่งมาเปลี่ยนแปลงให้สามารถซื้อ-ขายได้ เปรียบเหมือนเป็นสินค้าประเภทหนึ่ง เพื่อใช้สำหรับเป็นใบอนุญาตการซื้อขายที่ก่อให้เกิดสิทธิในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ สู่สิ่งแวดล้อมในปริมาณหน่วยตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
คาร์บอนเครดิต ถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างพันธกิจ Net Zero เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก / ผู้ประกอบการรายใด ที่ยังไม่สามารถลดการปล่อยก๊าซได้ ก็ยังสามารถทดแทนด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิต ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้ผูประกอบการในการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการดูแลสิ่งแวดล้อม ช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน ในตลาดโลก
ภาพรวมของตลาดคาร์บอนเครดิต (MARKET SIZE) เมื่อปี 2020 มีมูลค่าประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ ประมาณ 12,000 ล้านบาท) คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดจะสูงถึง 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 750,000 ล้านบาท ในปี 2030 ทั้งนี้ มูลค่าตลาดคาร์บอนเครดิตขึ้นอยู่กับความสามารถในการบรรลุพันธกิจ Net Zero ของทุกภาคส่วนทั่วโลก
5 อันดับประเทศปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุด
ประเทศที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดในโลกโดย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา อินเดีย รัสเซีย และญี่ปุ่น สำหรับประเทศไทยนั้น อยู่ในอันดับที่ 26 ของโลก อยู่ที่ราว 256 ล้านตันต่อปี ซึ่งคิดเป็น 1% ของปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของทั้งโลกที่ถูกปล่อยออกมา ก๊าซเรือนกระจกนี้ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาจากภาคการผลิตไฟฟ้าถึง 39% สำหรับประเทศไทยตัวเลขในปี 2021 จำนวนประชากรประมาณ 67 ล้านคน ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เฉลี่ยเทียบเท่าประมาณ 3.8 ล้านตัน ต่อปีแม้ว่าจะมีมาตรการมากมายเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ตัวเลข emissions ในไทยกลับเพิ่มสูงขึ้นถึง 53% จากปี 2000 (พ.ศ.2543)
การซื้อ-ขาย Carbon Credits
สำหรับตลาดการซื้อ-ขาย Carbon Credits จะใช้หลัก Cap and Trade (การกำหนดเพดานการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และจัดสรรสิทธิ์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเฉพาะก๊าซ CO2) ในรูปของปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่อนุญาตให้ปล่อยได้ ผู้ทำการซื้อขายคาร์บอนเครดิตคือ บริษัทที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่า cap ที่กำหนดไว้ ทำให้มี surplus (ส่วนเกิน) ที่สามารถขายเป็นคาร์บอนเครดิตได้ กับบริษัทที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกิจกรรมการผลิตมากกว่า cap ที่กำหนดไว้ (excess GHG emissions) สิ่งที่บริษัทต้องทำ คือ ลดปริมาณการปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์หรือซื้อคาร์บอนเครดิต เพื่อทดแทน offset
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทแข็งเปิดตลาดที่ 34.46 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทเปิดตลาด 34.46 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าหลังดอลลาร์อ่อนค่าจากขาดปัจจัยหนุน จับตาประชุมศบค.วันนี้
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 34.46 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากปิดตลาดช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.57 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก เนื่องดอลลาร์อ่อนค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลดลง ทำให้มีแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไรจากนักลงทุนเพื่อหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยตลาดประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากอย่างที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้บาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าจากปัจจัยหนุนจากการส่งออกทองหลังสถานการณ์ราคาในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีข่าวที่ประชุมใหญ่ ศบค.วันนี้เตรียมผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งส่งผลดีต่อการฟื้นตัวด้านท่องเที่ยวของประเทศ
“บาทแข็งค่ามากจากเย็นวานนี้ตามทิศทางตลาดโลก หลังดอลลาร์อ่อนค่าเนื่องจากขาดปัจจัยหนุน” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.35 – 34.55 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
เด็กระเบิด! ส.กรีฑานานาชาติ ยก “ภูริพล” เร็วสูสี “โบลต์, ไนท์ตัน” ตอนวัยเท่ากัน
สมาพันธ์กรีฑานานาชาติ ยกย่องสถิติวิ่ง 200 เมตร 20.37 วินาที ของภูริพล อยู่ในระดับเดียวกับ โบลต์, ไนท์ตัน ในช่วงอายุเดียวกัน
ผลงานการคว้า 3 เหรียญทองซีเกมส์ของ ภูริพล บุญสอน นับเป็นการสร้างชื่อความยิ่งใหญ่ให้กับเขา โดยเฉพาะการทำลายสถิติซีเกมส์ในประเภทวิ่ง 200 เมตร ด้วยเวลา 20.37 วินาที และ วิ่ง 100 เมตร ทำสถิติ 10.47 วินาที
จากสถิติ 20.37 วินาทีในประเภทวิ่ง 200 เมตรครั้งนี้ ทำให้สหพันธ์กรีฑานานาชาติได้ยกย่องสถิติการวิ่งของ ภูริพล ผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยยกย่องว่า ในช่วงวัย 16 ปีของ ภูริพล นั้น สถิติ 20.37 วินาที มีเพียงนักวิ่ง 2 คนในช่วงอายุเดียวกันที่เคยทำสถิตินี้ได้ นั่นก็คือ เออร์ริยอน ไนท์ตัน จากสหรัฐฯ เจ้าของสถิติวิ่ง 200 เมตรเร็วที่สุดในโลกคนปัจจุบันที่เวลา 19.49 วินาที และอีกคน คือ ยูเซน โบลต์ ที่เคยคว้าแชมป์โลกรุ่นยู-20 ด้วยเวลา 20.40 วินาที ซึ่งขณะนั้น โบลต์ มีอายุ 17 ปีเท่านั้น
สำหรับ ภูริพล บุญสอน ได้สิทธิ์เข้าแข่งขันในศึกกรีฑาชิงแชมป์โลก ยู-20 ในเดือนสิงหาคมที่ประเทศโคลอมเบีย โดยทางสมาคมกรีฑาไทยตั้งเป้าเข้ารอบชิงชนะเลิศให้ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ไข้หวัดใหญ่” ตามฤดูกาล ความเหมือนที่แตกต่างจาก “โควิด-19”
“ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ความเหมือนที่แตกต่างจากโควิด-19″ เพราะทั้งไข้หวัดใหญ่รุ่นพี่ และเพื่อนรุ่นน้องอย่างโควิด-19 เป็นโรคติดต่อจากระบบทางเดินหายใจเช่นเดียวกัน แต่จะแตกต่างกันตรงไวรัสที่เป็นสาเหตุการติดเชื้อมาจากไวรัสคนละชนิดกัน สำหรับไข้หวัดใหญ่เกิดมาจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ส่วนโควิด-19 เกิดมาจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ที่พบในปี 2019 และเป็นที่ทราบกันดีอีกว่าโรคโควิด-19 นั้น สามารถแพร่กระจายและติดต่อได้ง่ายกว่าไข้หวัดใหญ่
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วภาษีความรุนแรง และภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยบางส่วนจะมากกว่าเยอะ และแน่นอนว่าการจะวินิจฉัยแยกโรคการติดเชื้อทั้ง 2 ชนิดออกจากกัน ลำพังการดูจากประวัติ และอาการ หากการแสดงอาการไม่เพียงพอที่บอกได้ นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมจะต้องทำการตรวจ การทดสอบโรคทุกครั้งหากมีอาการที่ชวนสงสัย โดยในวันนี้จะกล่าวถึงข้อมูลพื้นฐานของโรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อนรุ่นพี่ซึ่งอินเทรนด์ในช่วงหน้าฝนที่กำลังจะเข้ามาในประเทศไทย
นพ.ณฐนัท ช่างเงินชญช์ แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลนวเวช ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล โดยรวบรวมไว้ในบทความให้ความรู้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการติดต่อ สาเหตุ อาการ กลุ่มเสี่ยง รวมไปถึงวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อ
ไข้หวัดใหญ่ เป็นอย่างไร
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่รู้จักกันดี และเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากสำหรับคนไทย เมื่อเป็นแล้วสามารถเป็นซ้ำได้อีก สามารถติดต่อได้ง่าย จึงทำให้มีการระบาดของโรคเกิดขึ้น ถึงแม้ไข้หวัดใหญ่จะไม่มีความรุนแรงสำหรับผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง แต่ก็มีผลทำให้ไม่สบาย ไม่สามารถไปทำงานหรือไปโรงเรียนได้ อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ ในผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ หรือภูมิต้านทานต่ำ โรคอาจจะเกิดความรุนแรงได้
สำหรับประเทศไทยสามารถพบไข้หวัดใหญ่ได้ตลอดทั้งปี แต่จะพบมากในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงเดือนตุลาคม ซึ่งจะตรงกับกับระยะเวลาการเปิดภาคเรียนแรก ส่งผลให้มีการระบาดมากในสถานศึกษา หลังจากนั้นจะพบมากอีกครั้งในช่วงฤดูหนาวหลังปีใหม่จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ แต่การระบาดในช่วงนี้มักจะไม่สูงเท่ากับกับการระบาดในช่วงฤดูฝน
โดยในช่วง 2 ปีที่มีระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 ทำให้พบว่าการระบาดของไข้หวัดใหญ่ และโรคไวรัสก่อโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ลดลงอย่างมาก ถึงแม้จะยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าน่าจะมีประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น การเดินทางท่องเที่ยวที่ลดลง การสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา การดูแลทำความสะอาดมือ และการเว้นระยะห่างมากขึ้น
การติดต่อของไข้หวัดใหญ่
การติดต่อโรคของไข้หวัดใหญ่ จะเป็นการติดต่อจากละอองฝอยขนาดใหญ่ หรือขนาดเล็กจากผู้ที่ติดเชื้อแล้ว และมีการไปสัมผัสสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ แล้วไปสัมผัสโดนเนื้อเยื่อบุตำแหน่งต่าง ๆ เช่น ตา จมูก ปาก หรือการหายใจเข้าไป โดยระยะเวลาการฟักตัวของเชื้อไวรัสอยู่ที่ 1-4 วัน หลังจากสัมผัสโรค (โดยเฉลี่ยประมาณ 2 วัน) เชื้ออาจจะมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และสามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ตั้งแต่วันแรกก่อนมีอาการ จนถึงช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังการติดเชื้อ หลังจากนั้นประมาณ 5-10 วัน ปริมาณเชื้อจะลดลงจนไม่สามารถตรวจพบเชื้อได้ แต่ในกรณีที่เป็นผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยที่อ้วน หรือผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ อาจตรวจพบเชื้อได้นานเป็นหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน
สาเหตุของไข้หวัดใหญ่
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ก่อนที่จะกลายมาเป็นโรคในคน มีสาเหตุมาจากเชื้อ Human Influenza Virus A, B, C โดยชนิด C พบได้น้อยจึงไม่ได้กล่าวถึง เริ่มต้นจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A จะพบอยู่ 2 ชนิดย่อยที่สำคัญคือ ชนิด H1N1 และอีกชนิดคือ H2N3 ที่ยังวนเวียนก่อโรคไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์มาตลอด ส่วนที่เหลือมากกว่า 130 สายพันธุ์ จะก่อโรคในสัตว์ เช่น นก หมู และอื่น ๆ ในอนาคตยังพยากรณ์ไม่ได้ว่าจะมีการติดต่อมาแพร่ระบาดสู่คนได้เมื่อไหร่ โดยจากประวัติการระบาดในอดีตที่ผ่านมาพบว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A นั้น ได้มีการระบาดใหญ่มาแล้ว 5 ครั้ง โดยครั้งล่าสุด เมื่อปี ค.ศ. 2009 เป็นที่รู้จักกันดีคือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1 2009 ซึ่งสายพันธุ์นี้ยังคงมีการระบาดมาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ โดยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A สามารถกลายพันธุ์ได้ทีละเล็กทีละน้อย จึงทำให้สามารถหลบหลีกภูมิต้านทานที่มีอยู่ได้ เป็นที่มาของการทำให้ติดเชื้อซ้ำ ส่วนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B เป็นสายพันธุ์ที่มีอยู่ในคนเท่านั้น และยังไม่พบการระบาดใหญ่ โดยมี 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Victoria และสายพันธุ์ Yamagata
อาการของไข้หวัดใหญ่
ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะมีอาการจับไข้เฉียบพลัน วัดไข้ได้ตั้งแต่ 37.8 จนสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย ไอแห้ง ๆ และอาจพบอาการร่วมอื่น ๆ เพิ่ม เช่น อาการอ่อนเพลีย คัดจมูก เจ็บคอ ปวดศีรษะ ในผู้ป่วยเด็กบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ซึ่งอาการดังกล่าวไม่ค่อยพบในผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่ โดยอาการและความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ยกอย่างเช่น ในผู้ป่วยสูงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี หรือ ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ อาจจะตามมาด้วยอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไม่มีแรง รู้สึกโคลงเคลง โดยมีอาการทางระบบทางเดินหายใจเล็กน้อย ไม่มีไข้ แต่จะมีอาการเซื่องซึมลงได้
กลุ่มเสี่ยงสูงที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดใหญ่
- เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี
- ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี
- สตรีตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน ดัชนีมวลกายมากกว่า 30 kg/m2
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคหืด โรคถุงลมอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคไต โรคตับ โรคเบาหวาน
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น กินยากดภูมิต้านทาน เคมีบำบัด รังสีบำบัด หรือโรคที่ทำให้ระบบภูมิต้านทานต่ำ เช่น โรคมะเร็ง และ โรคติดเชื้อเอชไอวี
การวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่
หากสงสัยว่าผู้ป่วยน่าจะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและตรวจ swab เข้าทางจมูก หรือโพรงจมูกด้านหลัง เพื่อยืนยันการวินิจฉัย หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการรักษา โดยทั่วไปถ้าเป็นผู้ป่วยที่สุขภาพแข็งแรงดี แพทย์จะให้รักษาตามอาการ ประคับประคองรอเวลาให้ร่างกายกำจัดเชื้อไวรัสให้หมด ซึ่งปกติจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน สำหรับในผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น การดูแลจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนโดยเฉพาะภาวะปอดอักเสบ แพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะ หากมีความจำเป็นในกรณีที่เข้าสู่วันที่ 2-3 แล้วอาการไม่ดีขึ้น ไข้ ไอหอบ ที่จะบ่งบอกถึงอาการแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน ในบุคคลที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจำเป็นต้องให้ยาต้านไวรัส เพื่อลดจำนวนของไวรัสในการที่จะเข้าไปทำลายเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจภายใน 48 ชั่วโมงแรก
สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ไม่แตกต่างไปจากการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ที่เราทราบกันเป็นอย่างดี คือผู้ป่วยควรพักอยู่ที่บ้าน รักษาระยะห่างทางสังคม ใส่หน้ากากอนามัย เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น หมั่นล้างมือ ใช้แอลกอฮอล์เจล เวลาไอ หรือจาม ต้องปิดปากและจมูกเสมอ
การป้องกันไข้หวัดใหญ่
- ในช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่จะต้องดูแลสุขอนามัย และทำร่างกายให้แข็งแรง หมั่นล้างมือก่อนสัมผัสใบหน้า รับประทานอาหารที่สะอาด หรือที่เรียกว่า กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ โดยล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ในกรณีที่ไม่มีน้ำ เพราะแอลกอฮอล์สามารถทำลายเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้
- ไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน การให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นต้องให้ทุกปี ปีละ 1 ครั้ง สำหรับประเทศไทยควรให้วัคซีนก่อนเข้าสู่ฤดูฝน ประมาณช่วงปลายเดือนเมษายน จนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี โดยสายพันธุ์ของไวรัสที่อยู่ในวัคซีนจะใช้สายพันธุ์ของวัคซีนซีกโลกใต้เป็นหลัก
เนื่องจากในสังคมปัจจุบันเราคงหลีกเลี่ยงโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคโควิด-19 แทบไม่ได้ เพราะทั้งคู่เป็นโรคที่อยู่ใกล้ตัวท่านผู้อ่านทุกคนมาก ดังนั้น การป้องกันความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด นอกจากเรื่องการใส่หน้ากากอนามัย และการรักษาระยะห่างทางสังคมแล้ว อย่าลืมรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปีกันด้วย เพราะการรับวัคซีนจะช่วยบรรเทาอาการป่วยได้มาก หากท่านมีการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ หรือในบางรายที่ติดเชื้อไม่มากอาจจะไม่มีอาการเลยก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากติดเชื้อไวรัสของทั้งสองโรคพร้อมๆ กัน เพราะนั่นอาจจะเป็นหายนะทางด้านสุขภาพได้ ฉะนั้น ป้องกันไว้ดีกว่าแก้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วิธีตอบคำถาม ที่ตอบไม่ได้ !! ประโยคภาษาอังกฤษที่เอาไว้ตอบฝรั่ง เวลาตอบคำถามไม่ได้ (แบบสุภาพ)
หลังจากมีหลายท่านติดต่อเข้ามาทาง Engnow ว่าอยากได้ประโยคภาษาอังกฤษที่เอาไว้ตอบกลับ เวลาตอบคำถามไม่ได้ ในประเด็นต่างๆ ซึ่งหลังจากเราได้ทำการค้นหาวิธีการตอบแบบสุภาพมาแล้ว เราจึงได้ 10 ประโยคที่น่าสนใจพร้อมคำอ่าน และคำแปล มาให้ทุกท่านได้ทราบกันครับ
หลายๆ คนเวลาเจอคำถามที่ตอบไม่ได้ ก็มักจะยิงกลับไปแบบห้วนๆ ว่า “ฉันไม่รู้” หรือ “I don’t know”! ไม่ใช่ว่ามันไม่สุภาพ แต่ผมมองว่ามันห้วนไปหน่อย ผู้ที่ตั้งคำถาม อาจจะรู้สึกไม่ประทับใจเราได้ จึงเป็นที่มาของบทความนี้ครับ มาอ่านกันเลย
1.I’ll find out and let you know.
อ่านว่า ไอล-ไฟนด-เอาท-แอ็นด-เล็ท-ยู-โน
แปลว่า ฉันจะไปหาคำตอบ และบอกให้คุณรู้อีกทีนะ
เนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับประโยคนี้ ความแตกต่าง ระหว่าง let กับ let’s
2.I’ll get back to you on that one.
อ่านว่า ไอล-เก็ท-แบ็ค-ทู-ยู-ออน-แฑ็ท-วัน
แปลว่า ฉันจะกลับมาตอบคำถามนั้นของคุณอีกที
เนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับประโยคนี้ การใช้ GET ใช้กับอะไรได้บ้าง มาดูกันเลย !
3.I haven’t looked at that yet.
อ่านว่า ไอ-แฮฟ’เวินทฺ-ลุค-แอท-แฑ็ท-เย็ท
แปลว่า ฉันยังไม่ได้ดูตรงประเด็นนั้นเลยค่ะ
4.I’m not 100% sure on that.
อ่านว่า ไอม-น็อท-วัน-ฮัน-ดเร็ด-เพอ-เซ็นท-ฌุร-ออน-แฑ็ท
แปลว่า ฉันไม่มั่นใจ 100% เกี่ยวกับเรื่องนั้นค่ะ
เนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับประโยคนี้ การใช้ Be bound to แทน Sure
5.That’s not my area of expertise, I’ll ask …..
อ่านว่า แฑ็ท-ส-น็อท-ไม-แอ-เรียะ-อ็อฝ-เอคซ-เพอะทีส, – ไอล-อาซค
แปลว่า นั่นมันไม่ได้อยู่ในความเชี่ยวชาญของฉันค่ะ แล้วฉันจะถาม….. ให้นะคะ
เนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับประโยคนี้ ความแตกต่างของ No, Not, Non และ None
6.I don’t have that information here right now.
อ่านว่า ไอ-ดอน-เทอะ-แฮฟ-แฑ็ท-อินเฟาะเม-ฌัน-เฮีย-ไรท-นาว
แปลว่า ตอนนี้ฉันยังไม่มีข้อมูลค่ะ
7.What do you think?
อ่านว่า ฮว็อท-ดู-ยุ-ธิงค
แปลว่า คุณคิดว่าไงคะ?
เนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับประโยคนี้ 8 ประโยคที่ใช้แทนคำว่า “I Think….” ได้
8.What do you suggest?
อ่านว่า ฮว็อท-ดู-ยุ-ซะเจซท
แปลว่า คุณจะเสนอเเนะอะไรไหมคะ?
9.I haven’t got a clue
อ่านว่า ไอ-แฮฟ’เวินทฺ-ก็อท-อะ-คลู
แปลว่า ฉันไม่มีความคิดเห็นเรื่องนี้ค่ะ
10.I have no idea
อ่านว่า ไอ-แฮฟ-โน-
แปลว่า ฉันไม่มีความคิดเห็นอะไรเลยค่ะ
เนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับประโยคนี้ eBook ฟรี !! 7 ประโยคภาษาอังกฤษ รู้ไว้ Say “NO” !!!
ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ ถ้าได้ฝึกฝน และได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ท่านใดอยากได้บทความแบบไหน สมัครสมาชิก Engnow แล้วทักมาได้เลยนะครับ
ก่อนจากกัน แอดมินเจอคลิปวิดิโอ ที่ดีมากๆ เป็นภาษาไทยนะครับ ไม่ได้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษเท่าไหร่
เอาไว้ตอบคำถามเวลาตอบไม่ได้ ลองเอาไปใช้กันนะครับ Embed คลิปของวิทยากร คุณจีนา จีนาฟู
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
AIS ขานรับโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Economy
AIS ขานรับโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Economy ชูเทคโนโลยีบล็อกเชนสร้างต้นแบบ บริหารจัดการสิ่งแวดล้อม พร้อมนำศักยภาพโครงข่ายอัจฉริยะ ขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน
19 พฤษภาคม 2565 นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวในระหว่างการเข้าร่วมงาน “Better Thailand Open Dialogue ถามมา-ตอบไป เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม” ว่า ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล เรามีเป้าหมายที่เป็นหัวใจหลักของการทำงานที่จะมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีจากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อสนับสนุนประเทศในทุกทาง โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันแนวคิดของ BCG (Bio, Circular, Green) Economy : เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ถูกนำมาประยุกต์ใช้
เพื่อส่งเสริมให้เกิด โมเดลเศรษฐกิจที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปยกระดับความสามารถในการแข่งขัน หรือ บริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลสามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้อย่างดี
ดังนั้น ในงานนี้เอไอเอสจึงตอกย้ำแนวคิด “AIS The Sustainable Future” ในการเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน มุ่งสร้างคุณค่าอย่างสอดรับกับ BCG Economy โดยเฉพาะนวัตกรรมในมิติด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาและเป็นสื่อกลางในการสร้างความร่วมมือให้กับทุกภาคส่วน
มีเป้าหมายสำคัญ คือ ทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านเทคโนโลยีหลัก อาทิ 5G , IoT , Blockchain และ Cloud มาขยายผลเพื่อสร้างนวัตกรรมต้นแบบ ต่างๆ อาทิ
- E-Waste Blockchain โครงการต้นแบบที่นำความโดดเด่นของ Blockchain ที่มีความปลอดภัยสูงมาปรับใช้ โดยจะเริ่มนำมาใช้กับโครงการคนไทยไร้ E-Waste ซึ่งจะสามารถตรวจสอบได้ว่า ใครบ้างเป็นคนทิ้ง จุดรับฝากที่นำไปทิ้ง รวมถึงการนำไปคำนวณปริมาณคาร์บอนเครดิต
- E-Waste Show จากความร่วมมือระหว่าง AIS และ WMS ในการนำ E-Waste สู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล และขยายผลสู่การจัดทำเหรียญรางวัลประวัติศาสตร์เหรียญแรกของไทยที่ทำมาจากขยะอิเล็กทรอนิกส์
- ECOSPACE นวัตกรรมอุปกรณ์ตรวจจับไฟป่า ผ่านเซนเซอร์วัดฝุ่น PM , อุณหภูมิ , ความชื้น และก๊าซCarbon monoxide (CO) ผ่านสัญญาณดาวเทียมที่ร่วมมือกับ University of Tokyo ผสมผสานกับ 5G/4G ของ AIS ผ่าน IoT ซึ่งสามารถคว้ารางวัล จากการแข่งขันประกวดนวัตกรรมทีม Startup จากรายการ S-Booster 2020 ที่จัดโดย Cabinet Office ของประเทศญี่ปุ่น
การขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อสร้างนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน ถือเป็นอีกก้าวเดินที่สำคัญสู่การเป็น Cognitive Telco หรือองค์กรอัจฉริยะที่พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมที่จะนำพาประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีเสถียรภาพ นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
10 ประโยชน์ “เห็ดเข็มทอง” ลดน้ำหนัก-เบาหวาน
“เห็ดเข็มทอง ทำอะไรก็อร่อย” เราเป็นคนหนึ่งที่เชื่ออย่างนั้นค่ะ เพราะไม่ว่าจะต้ม ผัด แกง ทอด ยำ นึ่ง ใส่ลงไปในเมนูไหนก็อร่อยไปหมด แล้วที่สำคัญ เห็ดเข็มทอง ไม่ได้อร่อยแต่เพียงอย่างเดียว เพราะยังมีประโยชน์อีกมากมาย ที่อ่านแล้วคุณต้องอยากพุ่งตัวออกไปซื้อมาทำอาหารทานทันที จะมีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ
10 ประโยชน์ “เห็ดเข็มทอง”
1. ช่วยดักจับไขมันส่วนเกินในเลือด จึงช่วยลดน้ำหนักได้ และยังป้องกันโรคอ้วนได้อีกด้วย
2. ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
3. บำรุงผิวพรรณให้มีน้ำมีนวลขึ้น
4. ช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย
5. รักษาโรคตับ กระเพาะอาหาร และลำไส้เรื้อรัง
6. มีสารเฟรมมูลิน (Flammulin) ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
7. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกาย
8. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ จึงเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
9. บำรุงสมอง เสริมสร้างความจำให้ดีขึ้น
10. กระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญในร่ายกาย ช่วยให้ร่างกายดูดซับสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าเห็ดเข็มทองจะทำอาหารได้อร่อยทุกเมนู แต่อย่าลืมว่าเห็ดเข็มทอง ต้องล้างให้สะอาด ตัดรากออก และต้องทำให้สุกก่อนทานนะคะ อย่าเผลอทานดิบล่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20/05/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,950.00 | 30,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,940.00 | 29,410.40 | 30,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,746.00 | 26,469.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,552.00 | 23,528.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 873.00 | 13,234.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 679.00 | 10,293.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,010.00 | 30,471.60 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/05/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 42.95 | 42.95 | 43.35 | 42.95 | 43.35 | 42.95 | 42.95 | 42.95 | 42.95 | 42.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 42.68 | 42.68 | 43.08 | 42.68 | 43.08 | 42.68 | 42.68 | 42.68 | 42.68 | 42.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 41.84 | 41.84 | 42.24 | 41.84 | 42.24 | – | 41.84 | 41.84 | 41.84 | 41.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.84 | 35.84 | – | – | – | – | – | – | – | 35.84 |
เบนซิน 95 | 50.36 | – | – | – | 51.21 | – | 50.86 | 50.86 | – | 50.36 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | – | 31.94 | – | 31.94 | 31.94 | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 40.36 | 40.36 | 44.39 | 43.26 | 44.39 | – | – | – | – | 40.36 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |