NocNoc+DBD ปั้นอีคอมเมิร์ซสินค้าบ้าน
“NocNoc” แพลตฟอร์มออนไลน์เฟอร์นิเจอร์และสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ผนึกกำลัง “DBD-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ดึงผู้ประกอบการ SMEs กลุ่ม Home and Living ทั่วไทยค้าขายผ่าน e-Commerce บนทุกแพลตฟอร์มของ NocNoc เพิ่มยอดขาย-ปรับภาพลักษณ์เป็นผู้ค้าออนไลน์มืออาชีพเรื่องบ้าน เตรียมปูพรมโรดโชว์หัวเมืองหลัก “ชลบุรี-ภูเก็ต-โคราช-เชียงใหม่”
นางชลลักษณ์ มหาสุวีระชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบ็ตเตอร์บี มาร์เก็ตเพลส จำกัด หรือ NocNoc เปิดเผยว่า ปี 2566 บริษัทเดินหน้าขยายพันธมิตรธุรกิจอย่างเต็มกำลัง ล่าสุดร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ (DBD) สร้างโอกาสในการพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่มธุรกิจให้มีความพร้อมในการแข่งขันบนโลกธุรกิจออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ผ่านแพลตฟอร์ม NocNoc ที่สามารถเปิดร้านค้าได้ฟรี ไม่มีค่าแรกเข้า ครอบคลุมบริการงานช่าง ช่วยให้ปิดการขายได้สะดวก และง่ายกว่าเดิม
พร้อมกับการทำการตลาดแบบ social commerce ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายสำหรับสินค้าโฮมแอนด์ลิฟวิ่งโดยเฉพาะ ตลอดจนให้ผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่มธุรกิจได้เข้าถึงสินค้าแต่งบ้านที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ครบ จบในที่เดียวผ่านแคมเปญ NocNoc for Business
“ปัจจุบันผู้ประกอบการร้านค้า เราแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นผู้ค้าในแพลตฟอร์ม NocNoc อยู่แล้วกว่า 3,000 ร้านค้า 2.กลุ่มผู้ประกอบการในอนาคตที่ต้องการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า Home and Living 3.กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs อาทิ ร้านอาหาร คาเฟ่ ที่พักโรงแรม ฟิตเนส ธุรกิจเสริมความงาม”
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือ DBD กล่าวว่า DBD มีพันธกิจสำคัญในการพัฒนาผู้ประกอบการทุกระดับให้เข้มแข็งแข่งขันได้ พร้อมทั้งส่งเสริมธุรกิจการค้าและบริการให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยธุรกิจด้าน e-Commerce เป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายสำคัญลำดับต้นที่ต้องการส่งเสริมพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าทางธุรกิจจากการค้าออนไลน์และการตลาดดิจิทัล โดยมุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้สามารถปรับตัวและก้าวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล
ทั้งนี้ การบูรณาการสร้างความร่วมมือกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของ DBD รวมทั้งสร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้ครอบคลุมในทุกมิติ โดยการจับมือกับแพลตฟอร์ม NocNoc จะช่วยต่อยอดการพัฒนาและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ให้เป็นไปอย่างบูรณาการและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ NocNoc และ DBD จะร่วมจัดแคมเปญส่งเสริมการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ความร่วมมือระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ โครงการเพิ่มโอกาสการค้าด้วย e-Commerce โครงการนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ (Smart Trader Online) โครงการสร้างชุมชนออนไลน์สร้างรายได้ธุรกิจ (Digital Village by DBD) และโครงการสร้างโอกาสทางการตลาดพัฒนาธุรกิจฐานรากด้วย e-Commerce
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
Ananda Urban Caravan “รบแล้วต้องชนะ” ชู 8 นโยบายกระตุ้นลูกค้า
Ride The Wave ธีมการทำธุรกิจปี 2566 ของ ค่ายอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เพราะบริษัทมองว่าเป็นช่วงน้ำขึ้นของวงการอสังหาริมทรัพย์หลังยุคโควิด
หลังจากกบดานในสถานการณ์โควิด 3 ปีเต็ม ใช้กลยุทธ์ทำตัวเป็นยักษ์หลับเพราะไม่ยอมลงไปเล่นสงครามราคาระบายสต๊อกสินค้าสร้างเสร็จพร้อมโอน กลายเป็นอานิสงส์ให้ปีนี้ อนันดาฯมีความแข็งแกร่งมากที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน เพราะมีสินค้าพร้อมอยู่ หรือ RTM-Ready to Move รวมกันถึง 45,000 ล้านบาท
“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “ชานนท์ เรืองกฤตยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ทิศทางดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงใกล้จบไตรมาส 1/66 และยังมีอีก 9 เดือนที่เหลือของปี ท่ามกลางปัจจัยท้าทายรอบด้าน แต่บริษัทก็ยังมั่นใจว่าปี 2566 นี้ “ถึงเวลาของอนันดาฯแล้ว”
ระบายสต๊อกบนต้นทุนเก่า
“สถานการณ์โควิดเราเลือกไม่เทสต๊อก ลดแลกแจกแถม หลายบริษัทเลือกที่จะเทสต๊อกเพื่อระดมเงินสดเพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น แต่อนันดาฯก็ไม่ได้เทกระจาดเพราะสต๊อกของเรามีค่า ทำเลติดรถไฟฟ้า แต่ละโครงการไม่สามารถหาที่ดินแปลงเดิม ๆ ได้ ปีนี้ต้องบาลานซ์มาร์จิ้นกลับเข้ามา ตอนนี้เราต้องพยายามไดรฟ์แคชโฟลว์ ไดรฟ์มาร์จิ้น ช่วงโควิดเราก็ไดรฟ์ด้วยแคชโฟลว์ แต่เราค่อย ๆ ปล่อย ไม่ใช่หั่นแหลก เพราะเราไม่อยากทำลายราคาเก่าของลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว อันนั้นเป็นอะไรที่วอรี่มาก ๆ ว่าชื่อเสียงของเรา ต้องพยายามมองระยะยาว”
ในภาพใหญ่ “ชานนท์” พูดถึงวิสัยทัศน์ 2 ปี (2566-2567) กลยุทธ์หลักคือการหมุนรอบให้สต๊อกสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 45,000 ล้านบาท ดังกล่าวรีเทิร์นกลับมาเป็นเงินสด ซึ่งจะทำให้กลับมาแข็งแรง จากนั้นจะเป็นเกมการบุกรอบใหม่
จุดเน้นอยู่ที่ปี 2566 เป็นจังหวะเวลาที่เป็นช่วงน้ำขึ้นอย่างชัดเจน คราวนี้อนันดาฯเลือกที่จะตั้งการ์ดสูง ดีมานด์ที่อัดอั้นการซื้อในยุคโควิดทะลักไหลกลับเข้ามา เกมการระบายสต๊อกปีนี้จึงต้องทำอย่างเข้มข้น ภายใต้แคมเปญหลัก “Ananda Urban Caravan” ตั้งเป้าปูพรมกิจกรรมการตลาดตลอดทั้งปี
ไฮไลต์น่าจะอยู่ที่ปีนี้ อนันดาฯมีความพร้อมมากในการแข่งขันราคา โดยคอนเฟิร์มแล้วว่า สินค้า RTM ของบริษัทไม่ได้บวกราคาปัจจุบันแต่อย่างใด ปีนี้ตั้งใจระบายสต๊อกพร้อมอยู่ด้วยราคาต้นทุนเก่า
“สินค้า RTM ราคาไม่เพิ่ม เป็นราคาถอยหลังก่อนโควิด ตอนนี้ถือว่าตลาดคอนโดฯยังไม่แข็งแรงที่จะไปขึ้นราคา เราขายเป็นต้นทุนเก่า ถ้าหมดลอตนี้ไป หาของราคานี้ก็ไม่คิดว่าจะมี ที่ดินก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น ที่ดินแนวรถไฟฟ้าก็แพงขึ้น หาโลเกชั่นดี ๆ ก็เริ่มจะหายากขึ้นและแพงขึ้นอีก”
8 นโยบายกระตุ้นเร่งด่วน
ภายใต้แคมเปญหลัก Ananda Urban Caravan ทีมอนันดาฯมีการศึกษาวิจัย pain point ผู้บริโภคอสังหาฯพบว่า บรรยากาศรีสตาร์ตหลังยุคโควิด วิถีชีวิตปกติเริ่มกลับมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ปัญหาของคนเมืองเกิดขึ้นตามมาเป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะการที่ต้องทนทุกข์กับปัญหารถติด ใช้เวลาเดินทางจากบ้านไปถึงที่ทำงานอย่างยาวนาน อนันดาฯจึงจัดทำข้อเสนอที่ดีที่สุดเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมือง ทำยังไงให้คนที่อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น ในราคาและเงื่อนไขที่จับต้องได้ สามารถเข้าอยู่ได้ทันที หมดกังวลทุกเรื่องค่าใช้จ่าย
คลอดออกมาเป็น “8 นโยบายอนันดา 2566” พร้อมย้าย พร้อมอยู่ทันที ประกอบด้วย 1.นโยบายจองน้อย เริ่ม 999 บาท 2.นโยบายกู้เต็ม 100% 3.นโยบายกู้ไม่ผ่าน ยินดีคืนเงิน 4.นโยบายฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน 3 รายการ (ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี-ฟรีค่าโอน 1%-ฟรีค่ากองทุนส่วนกลาง) 5.นโยบายห้องดีไซน์ใหม่ แต่งครบ ได้อย่างที่เห็น หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่เลย
6.นโยบายอัตราดอกเบี้ยพิเศษ คงที่ 3 ปีแรก 2.7% 7.นโยบายเลือกผ่อนเบา ล้านละ 2,500 บาท/เดือน หรือไม่ต้องผ่อน 2 ปี และ 8.นโยบายให้คุณอุ่นใจและมั่นใจ ภายใต้มาตรฐาน ANANDA SURE
สำหรับเรื่องใหม่ในการจัดกิจกรรมการตลาดกระตุ้นการตัดสินใจซื้อผ่านช่องทางออนไลน์/ออฟไลน์ พบว่า ช่องทางออฟไลน์ มีแคมเปญ Urban Caravan ที่เราออกไปหาผู้บริโภค มีการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ควบคู่กับช่องทางออนไลน์ของอนันดาฯ คือ “Ananda iStore” เพื่อให้ลูกค้าสามารถจับจองเป็นเจ้าของทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องออกจากบ้าน สำหรับลูกค้าที่มีความต้องการซื้อสามารถเยี่ยมชมรวมถึงสามารถจองซื้อได้ทันที
ตกแต่งคอนโดฯสไตล์โรงแรม
ถอดรหัสลงลึกรายละเอียดจะพบว่า นโยบายที่ 5 “ห้องดีไซน์ใหม่ แต่งครบ ได้อย่างที่เห็น หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่เลย” มาจากวิสัยทัศน์อนันดาฯ เป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เป็นแบรนด์ครองใจคนเมือง Gen C (Gen Convenient) อยู่แล้ว เกมธุรกิจที่ตั้งเป้าเทกระจาดระบายสต๊อกในปีนี้ จึงต้องมี DNA ของอนันดาฯฝังอยู่ในแคมเปญการตลาดด้วย
วิธีการคือ ตกแต่งพร้อมอยู่ ที่ไม่ใช่แค่คอนเซ็ปต์ของการเป็นฟูลลี่เฟอร์นิช แต่เป็นคอนโดฯฟูลลี่เฟอร์นิช+อินทีเรียร์ดีไซน์ เพราะอนันดาฯวันนี้มีประสบการณลงทุนสร้างและตกแต่งเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์แบรนด์อินเตอร์ฯ “ซอมเมอร์เซ็ต-แอสคอทท์” ที่ปัจจุบันลงทุนและทยอยเปิดบริการ 5 แห่งด้วยกัน
ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคยุคหลังโควิดได้อย่างเป๊ะเว่อร์ เพราะหลังจากผ่านสถานการณ์โควิด ลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ณ นาทีนี้ เมื่อเห็นของที่ใช่ ก็อยากใช้ชีวิตได้ทันที นอกจากนี้ อินทีเรียร์ดีไซน์ วัสดุอุปกรณ์ที่ตกแต่งเหมือนห้องตัวอย่าง ลูกค้าเห็นสินค้าแบรนด์เนมอยู่ในห้องอย่างไร เมื่อจองแล้วทำธุรกรรมการเงินเสร็จเรียบร้อย สามารถรับมอบห้องเข้าอยู่อาศัยได้ทันทีภายใน 7 วันเท่านั้น
สำหรับอินทีเรียร์ดีไซน์ก็มีให้เลือกถึง 6 แบบ ดังนี้
1.ตกแต่งในคอนเซ็ปต์ Live Unique Live Better “Chill Camper” ห้องสำหรับสายชิล ชอบอยู่ในห้องพักผ่อนเพื่อ recharge พลัง เน้นความเรียบ เท่
2.“Lively Creator” ห้องสำหรับสายทำ content มีมุมถ่ายรูปขายของได้ พร้อม function ที่ทำให้เจ้าของห้อง live สดได้ไม่มีสะดุด
3.ตกแต่งในคอนเซ็ปต์ Branded Signature Collection ห้องที่เพิ่มลูกเล่นด้วยสีสันที่ดูทันสมัย สะดุดตา พร้อมตกแต่งด้วย rare item ชิ้นเดียวที่มีในประเทศ ให้ vibe ที่มีความพรีเมี่ยมและตอบสนอง lifestyle night life ที่โดดเด่นที่สุดบนทำเลพระราม 9
4.ห้องที่เป็นตัวแทนของความคลาสสิกและความหรูหรา และยังคงกลิ่นอายบรรยากาศของความสงบ โดดเด่นแบบมีระดับ ยิ่งนานวันยิ่งเพิ่มคุณค่า และห้องที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ เล่นกับโทนสีสว่าง พร้อมด้วยกระจกโค้งบานใหญ่ พร้อมระเบียงหน้ากว้างให้ความรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตที่ sky villa สามารถเทกวิวได้มุมกว้าง ช่วยทำให้เกิดความรู้สึกที่สะอาด ปลอดภัย มีความเรียบง่ายและสบายตา
5.ตกแต่งในคอนเซ็ปต์ Urban Minimal Collection ด้วยแนวคิดการออกแบบผสมผสานความทันสมัย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ฟังก์ชั่นการใช้งานที่เรียบง่าย สร้างสรรค์ และมีดีไซน์ที่ตอบโจทย์การชีวิตในแบบคนเมือง และ 6.ห้องที่ออกแบบด้วยแนวคิดที่ทันสมัยสะท้อนสไตล์คนเมือง เติมเต็มทุกสีสัน ก้าวทันทุกเทรนด์ สร้างสรรค์อย่างมีดีไซน์ ยืดหยุ่นตามการใช้งาน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่กว้างได้อย่างลงตัว
“แคมเปญของเรา ห้องเสร็จพร้อมเสิร์ฟ หมายความว่า ตู้เย็น ไมโครเวฟ จานชาม ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม ผ้าม่าน ฯลฯ พร้อมเสิร์ฟจริง ๆ เราซื้อราคาต้นทุน แล้วไม่ได้แอดมาร์จิ้นในสิ่งที่ให้เพิ่ม ขายในต้นทุนในสิ่งที่เราทำงาน ลูกค้าได้เบเนฟิตชัดเจน” คำกล่าวของ CEO อนันดาฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 21มี.ค.ที่ระดับ 34.02 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น ทดสอบโซนแนวรับ 33.90-34.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ จับตาทิศทางฟันด์โฟลว์ หลังตลาดการเงินเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้21มีนาคม2566 ที่ระดับ 34.02 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.10 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า แม้ว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงต่อเนื่องในช่วงคืนที่ผ่านมา
หลังตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น แต่ทว่า เงินบาทกลับไม่ได้แข็งค่าขึ้นมาก
ส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ ทำให้ผู้เล่นบางส่วนอาจทยอยเข้ามาซื้อทองคำในช่วงย่อตัวลงได้ (แถวโซน 1,970 ดอลลารต่อออนซ์ อาจเป็นโซนแนวรับแรกที่ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อ)
ส่วนในวันนี้ เรามองว่า บรรยากาศในตลาดการเงินที่เริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงและมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เริ่มคาดหวังว่า เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเพียง +0.25% ในรอบการประชุมที่จะถึงในวันพฤหัสฯ นี้ ก่อนที่จะคงดอกเบี้ยและ
อาจทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในช่วงครึ่งหลังของปี อาจช่วยหนุนให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น ทดสอบโซนแนวรับ 33.90-34.00 บาทต่อดอลลาร์ได้
อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทอาจไม่ได้แข็งค่าไปมากนัก หากราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และอาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว (โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำ ส่วนใหญ่จะกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง)
ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ว่าจะสามารถทยอยกลับมาซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยได้หรือไม่ โดยเฉพาะหุ้นไทย หลังตลาดการเงินเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้แรงขายสุทธิหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มชะลอลง หรือ กลับมาเป็นฝั่งซื้อสุทธิได้บ้าง
ในช่วงนี้ เรามองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก)
ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.90-34.15 บาท/ดอลลาร์
บรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ เริ่มกลับมาสู่ภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น +0.89% หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายความวิตกต่อเสถียรภาพของระบบธนาคารสหรัฐฯ และธนาคารยุโรป ส่งผลให้ หุ้นกลุ่มธนาคารต่างปรับตัวขึ้น (Morgan Stanley +1.7%, JPM +1.1%)
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (Exxon Mobil +2.6%, Chevron +1.5%) ที่ได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ของราคาน้ำมันดิบ (WTI รีบาวด์ขึ้นสู่ระดับ 67.7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล)
ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ก็ปรับตัวขึ้นกว่า +0.98% หลังผู้เล่นในตลาดคลายความวิตกกังวลต่อปัญหาธนาคาร Credit Suisse ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารต่างปรับตัวขึ้น (Intesa Sanpaolo +3.7%, Santander +2.3%)
นอกจากนี้ การรีบาวด์ของราคาน้ำมันดิบ ยังได้ช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานเช่นเดียวกับในฝั่งสหรัฐฯ (BP +1.5%, TotalEnergies +1.4%) และตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Dior +2.0%, Hermes +1.7%) จากความหวังการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจจีน
ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รีบาวด์ขึ้น กลับสู่ระดับ 3.48% จากที่ปรับตัวลดลงใกล้ระดับ 3.30% อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังเป็นไปอย่างจำกัด
เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่ยังคงคาดหวังว่า เฟดจะจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ และเฟดจะเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งเรามองว่า มุมมองดังกล่าว อาจเปลี่ยนไปได้
หากผลการประชุมเฟดวันพฤหัสฯ นี้ ชี้ว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังไม่จบ เนื่องจากเฟดต้องการที่จะคุมปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูงให้สำเร็จเป็นหลัก ทำให้ยังมีความเสี่ยงที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวอาจปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังผู้เล่นในตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังคงคาดหวังว่า เฟดจะไม่เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องไปมาก (หยุดที่ระดับ 5.00%) มุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดได้ทำให้ ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 103.3 จุด
ทั้งนี้ เรามองว่าเงินดอลลาร์อาจแกว่งตัว sideways จนกว่าตลาดจะรับรู้ผลการประชุมเฟดในวันพฤหัสฯ นี้ และมีโอกาสที่เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากเฟดส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างลดการถือครองทองคำ ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านโซน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปได้ไกลนัก ก่อนเผชิญแรงขายทำกำไรและย่อตัวลง สู่ระดับ 1,983 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) ในเดือนมีนาคม โดยตลาดคาดว่า ความกังวลต่อปัญหาระบบธนาคารในช่วงที่ผ่านมา และ
แนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวลงจากการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจส่งผลให้บรรดานักลงทุนสถาบันรวมถึงบรรดานักวิเคราะห์ ต่างปรับลดมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจเยอรมนีลงบ้าง ทำให้ดัชนี ZEW เดือนมีนาคม อาจลดลงสู่ระดับ 17.1 จุด จาก 28.1 จุด ในเดือนก่อนหน้า (ดัชนีมากกว่า 0 หมายถึง มุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมและแนวโน้มเศรษฐกิจ)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กกท. จับมือ จ.แพร่ จัดชิงชัย “แพร่ไตรกีฬา Phrae Triathlon 2023” กระตุ้นท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจเมืองกีฬา
การกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดแพร่ เดินหน้าจัดชิงชัยไตรกีฬารายการใหญ่ “แพร่ไตรกีฬา Phrae Triathlon 2023” ติดต่อเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “เสน่ห์เมืองแพร่ งามแต๊ วิถีล้านนา” หวังกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมระเบิดความมันส์ 19 มี.ค.นี้
นางสาวนิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เป็นประธานงานแถลงข่าวการจัดกิจกรรมการแข่งขันไตรกีฬา Phrae Triathlon (จังหวัดแพร่) 2023 ภายใต้แนวคิด “เสน่ห์เมืองแพร่ งามแต๊ วิถีล้านนา” ขึ้นเป็นที่ 4 ติดต่อกัน หลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากปีที่ผ่านมา ณ วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง จังหวัดแพร่ โดยจังหวัดแพร่ ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดแพร่ ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกาย และกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวในตัวจังหวัด กำหนดแข่งขันวันที่ 19 มี.ค.นี้ รับจำกัดเพียง 400 คน ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
นางสาวนิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งของชาวจังหวัดแพร่ ที่ได้รับความไว้วางใจจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมการแข่งขันแพร่ไตรกีฬา Phrae Triathlon 2023 ภายใต้แนวคิด “เสน่ห์เมืองแพร่ งามแต๊ วิถีล้านนา” ซึ่งเป็นรายการแข่งขันที่จัดติดต่อกันมาเป็นปีที่ 4 แล้ว เสมือนเป็นรายการแข่งขันกีฬาประจำปีของจังหวัดแพร่ ที่นักไตรกีฬาจากทั่วประเทศต่างรอคอย ด้วยความพร้อมและความโดดเด่นของจังหวัดที่มีภูมิทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประเพณีดั้งเดิมที่เรียบง่ายงดงามของชาวล้านนามายาวนาน และมีเส้นทางที่สามารถจัดกิจกรรมกีฬากลางแจ้งแนวผจญภัย ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้หลายชนิดกีฬา สามารถรองรับกิจกรรมการแข่งขันไตรกีฬา ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ทางจังหวัดยังได้เตรียมอำนวยความสะดวกแก่ นักกีฬา และนักท่องเที่ยว โดยเตรียมแผนปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันพี่น้องชาวแพร่ในฐานะเจ้าบ้านก็ให้ความร่วมมือและมีส่วนร่วมในการต้อนรับนักกีฬาและนักท่องเที่ยว ด้วยอัธยาศัยไมตรีที่งดงามแบบประเพณีล้านนา สอดรับกับแนวคิดของการแข่งขันในปีนี้ว่า “เสน่ห์เมืองแพร่ งามแต๊ วิถีล้านนา” ซึ่งคาดว่าจะยังคงสร้างความประทับใจให้จากนักกีฬา และนักท่องเที่ยวทุกคนได้อย่างแน่นอน
ด้านนางสาว สุมินตรา จินดาขัด ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดแพร่ เผยว่าในปีนี้ต้องยอมรับว่ามีกระแสตอบรับที่ดีเช่นปีก่อนๆ เพราะทันทีที่เปิดรับสมัคร มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วมแข่งขันเต็มจำนวน 400 คน ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง โดยแบ่งประเภทการแข่งขันทั้งชาย และหญิง ออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะมาตรฐานโอลิมปิค สำหรับนักไตรกีฬาที่เคยลงแข่งขันเป็นประจำ และระยะสปริ้นท์(ระยะสั้น) สำหรับนักไตรกีฬามือใหม่ ซึ่งจะเริ่มต้นการแข่งขันด้วยการว่ายน้ำที่อ่างเก็บน้ำแม่สาย และจบลงด้วยการการวิ่งเข้าเส้นชัยที่ วัดพระธาตุช่อแฮพระอารามหลวง ทั้งนี้ตลอดเส้นทางจะมี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หน่วยพยาบาล และกู้ชีพฉุกเฉิน ตามแผนการรักษาความปลอดภัยนักกีฬาในเส้นทางการแข่งขันอย่างสูงสุดตามมาตรฐาน ISO มีจุดบริการน้ำดื่มระหว่างทาง และอาหารไว้บริการนักกีฬาหลังจากเข้าเส้นชัยอย่างเพียงพอ ซึ่งทุกระยะใช้การติดตามตัว และระบบจับเวลานักกีฬาแบบChip Timing หลังจบการแข่งขันนักกีฬาที่เข้าเส้นชัยทุกคนจะได้รับเหรียญ และเสื้อ Finisher เป็นที่ระลึก ที่สำคัญการแข่งขันในครั้งนี้การกีฬาแห่งประเทศไทย ยังคงจัดให้ฟรี ไม่เก็บค่าสมัครแต่อย่างใด ทั้งนี้การกีฬาแห่งประเทศไทยมั่นใจว่ากิจกรรมการแข่งขันในครั้งนี้ จะทำให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของไตรนักกีฬาในทุกระดับ และยังสามารถที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ด้วยกิจกรรมกีฬา และสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องของจังหวัดแพร่ ได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ขณะที่ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดแพร่ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จของการจัดแข่งขันแพร่ไตรกีฬา Phrae Triathlon 3 ปีที่ผ่านมาทำให้เห็นถึงความตื่นตัว เกิดกระแสความนิยมของชาวจังหวัดแพร่ในกีฬาชนิดนี้อย่างต่อเนื่อง สังเกตุจากมีจำนวนผู้ฝึกซ้อม และออกกำลังกายโดยการ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่งเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็รู้สึกชื่นใจกับความตื่นตัวของนักกีฬาจากทั่วประเทศ เพราะทันทีที่เปิดรับสมัครก็มีนักกีฬาให้ความสนใจสมัครเข้าแข่งขันเต็มจำนวนในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มั่นใจว่ากิจกรรมการแข่งขันแพร่ไตรกีฬา 2023 หรือในครั้งที่ 4 นี้ จะกลับมาสร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าแข่งขันได้อีกครั้ง และคาดว่าจะส่งผลให้นักกีฬาระดับเยาวชนของจังหวัดให้หันมาสนใจ และพัฒนาความสามารถในกีฬาประเภทนี้เพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคตได้อย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ตรวจเลือด หามะเร็งได้จริงหรือ?
ผศ.พญ.ศันสนีย์ เสนะวงษ์
ภาควิชาวิทยาภูมิคุ้มกัน
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ในทุกวันนี้ เรามักจะได้ยินกันว่าการตรวจสุขภาพประจำปีของโปรแกรมต่างๆ จะมีการตรวจเลือดหามะเร็งกันเป็นประจำ และนอกจากนี้ บางครั้ง เวลาที่มีความผิดปกติ เช่น เลือดออก หรือมีก้อน และสงสัยว่าจะเป็นมะเร็งหรือไม่ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะถามแพทย์ที่ดูแลว่าตรวจเลือดดูว่าเป็นมะเร็งได้หรือไม่ เพราะดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่น่าจะสะดวก หรือ เจ็บตัวน้อยที่สุด … ในความเป็นจริงแล้ว เราสามารถตรวจเลือดหามะเร็งได้หรือไม่?
ตรวจเลือดหามะเร็ง เขาตรวจหาอะไรกัน
การตรวจเลือดชนิดต่างๆ เพื่อหามะเร็ง เช่น ตรวจ CEA, PSA, CA 15-3, Alpha-fetoprotein (AFP) ฯลฯ ที่เราได้ยินจากโปรแกรมการตรวจเลือดต่างๆนั้น เป็นการตรวจหา Tumor marker (สารบ่งชี้มะเร็ง)
Tumor markers (สารบ่งชี้มะเร็ง) คืออะไร
ในภาวะที่เซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติ เกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นมะเร็ง กลไกควบคุมการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเซลล์จะเสียไป ทำให้เซลล์นั้นๆแบ่งตัวเพิ่มขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ และเกิดการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรมภายในเซลล์ เป็นผลให้มีการสร้างสารแอนติเจน หรือสาร macromolecule อื่นๆ เช่น ฮอร์โมน หรือ เอ็นซัมย์ ที่ไม่เหมือนเซลล์ปกติ แอนติเจนเหล่านี้นอกจากจะพบอยู่ภายในเซลล์และบนผิวของเซลล์แล้ว เซลล์มะเร็งยังสามารถปลดปล่อยสารดังกล่าวออกสู่กระแสเลือด หรือสารคัดหลั่ง (biological fluid) อื่นๆ ได้อีกด้วย ซึ่งสารต่างๆ ที่เกิดจากเซลล์มะเร็งเหล่านี้ รวมเรียกว่าเป็น tumor marker หรือ สารบ่งชี้มะเร็ง สารเหล่านี้สามารถตรวจหาได้จากเลือด หรือ สารคัดหลั่ง เช่น น้ำในช่องท้อง (ascetic fluid) น้ำในช่องปอด (pleural fluid)ของผู้ป่วยรายนั้นๆ ด้วยการใช้วิธีการทางห้องปฏิบัติการที่มีความไวสูงพอ
โดยทั่วไป แอนติเจนหรือสารที่สร้างโดยเซลล์มะเร็งนี้ อาจแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. Tumor-specific antigen (TSA): แอนติเจนเฉพาะกับมะเร็ง พบเฉพาะในเซลล์มะเร็งเท่านั้น ไม่พบในเซลล์ปกติ แต่มักเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการตอบสนองและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้ตรวจหาทางห้องปฏิบัติการได้ยากมาก
2. Tumor-associated antigen (TAA): แอนติเจนที่เกี่ยวกับมะเร็ง อาจพบได้ทั้งในเซลล์มะเร็ง และเซลล์ปกติในบางระยะของพัฒนาการ ซึ่งในคนทั่วไป ก็อาจพบได้ เนื่องจากสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor marker) ที่มีการตรวจในทางคลินิกในปัจจุบัน เป็นสารในกลุ่ม tumor-associated antigen ทั้งสิ้น ดังนั้นประเด็นสำคัญที่ต้องทราบ คือ Tumor marker ไม่มีความจำเพาะต่อมะเร็ง
ประเด็นควรรู้เกี่ยวกับสารบ่งชี้มะเร็ง (tumor marker)
อาจตรวจพบระดับ tumor marker ในปริมาณต่ำๆ ได้ในคนปกติ และ/หรือ ผู้ป่วยที่มีการอักเสบ และ/หรือ มีพยาธิสภาพอื่นๆ ที่ไม่ใช่มะเร็ง (benign disease) ของอวัยวะที่เป็นแหล่งสร้าง tumor marker นั้นๆ
การตรวจพบระดับ tumor marker สูงกว่าปกติเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ป่วยรายนั้นเป็นมะเร็งอย่างแน่นอน แต่จำเป็นต้องพิจารณาร่วมไปกับผลการตรวจทางคลินิกและผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ การตรวจซ้ำเป็นระยะ (follow up) เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อศึกษาดูว่าระดับของ tumor marker ดังกล่าวมีแนวโน้มเป็นเช่นไร ถ้าตรวจซ้ำแล้วพบว่าระดับ tumor marker สูงขึ้นเป็นลำดับ จะเป็นเครื่องชี้แนะให้สงสัยโรคมะเร็งมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าตรวจซ้ำแล้วระดับลดลง น่าจะบ่งชี้ว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นโรคมะเร็ง
ระดับ tumor marker ที่ตรวจวัดด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน และ/หรือ ใช้วิธีการเดียวกันแต่ใช้ชุดน้ำยาตรวจ (diagnostic test kit) ต่างกัน อาจให้ค่าที่มีความแตกต่างกันได้ ดังนั้น การติดตามผลการทดสอบ (follow up) ควรพิจารณาจากผลการตรวจของห้องปฏิบัติการเดียวกันทุกครั้ง
ประโยชน์ของสารบ่งชี้มะเร็ง (tumor marker) ในทางคลินิก
1. ช่วยวินิจฉัยโรคมะเร็ง โดยต้องพิจารณาร่วมไปกับประวัติ, การตรวจร่างกาย, การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการตรวจทางการแพทย์อื่นๆ เช่น X-ray, ultrasoundเป็นต้น
การตรวจพบระดับ tumor maker สูงกว่าปกติเพียงอย่างเดียว ยังไม่สามารถให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งได้ แต่หากตรวจติดตามระดับของ tumor marker เป็นระยะๆ ต่อไป และพบว่าระดับ tumor marker มีค่าสูงขึ้นเป็นลำดับ แสดงว่าน่าสงสัยว่าจะเป็นโรคมะเร็ง
แต่ถึงแม้ตรวจ tumor marker แล้วพบว่าระดับอยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็ไม่ได้ยืนยันแน่นอนว่าบุคคลผู้นั้นไม่ได้เป็นมะเร็ง เนื่องจากระดับ tumor marker มักจะสัมพันธ์กับขนาดหรือระยะของโรคมะเร็ง ดังนั้นผู้ป่วยมะเร็งระยะเริ่มแรก จึงยังอาจพบระดับ tumor marker ปกติได้
2. ช่วยตรวจกรอง (screening) โรคมะเร็งบางชนิดในคนที่มีความเสี่ยงสูง ในปัจจุบันมี tumor marker เพียง 2 ชนิดเท่านั้น ที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถใช้ตรวจกรองโรคมะเร็งในคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิดสูงได้ ได้แก่ Alpha-fetoprotein (AFP) ในคนที่เป็นตับอักเสบเรื้อรัง (chronic hepatitis), hepatitis B carrier, ตับแข็ง (cirrhosis) เพื่อตรวจกรองภาวะมะเร็งตับ และ Prostate specific antigen (PSA) ในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในรายที่มีปัญหาปัสสาวะลำบาก เพื่อตรวจกรองภาวะมะเร็งต่อมลูกหมาก
3. ใช้ติดตามผลการรักษาและการกลับเป็นซ้ำของโรคมะเร็ง เป็นประโยชน์ที่นิยมใช้มากที่สุดของ tumor marker ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยผู้ป่วยมะเร็งที่ตรวจพบว่ามีระดับtumor marker สูงตั้งแต่เมื่อแรกวินิจฉัย หลังจากได้รับการรักษาแล้ว ระดับ tumor marker ที่เคยสูงอยู่เดิม ควรค่อยๆ ลดลงมาจนถึงระดับปกติ แต่ถ้าระดับ tumor marker ที่เคยลดลงหลังการรักษา กลับมีค่าสูงขึ้นเป็นลำดับอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง แสดงว่าน่าจะมีการกลับเป็นใหม่ของโรคมะเร็ง โดยการเปลี่ยนแปลงของระดับ tumor marker ที่ขึ้นสูงภายหลังการรักษา มักตรวจพบได้ก่อนที่จะตรวจพบอาการแสดงทางคลินิก เฉลี่ยประมาณ 2-6 เดือน
4. พยากรณ์โรค เนื่องจากระดับ tumor marker จะแปรผันตามระยะของโรคมะเร็ง ดังนั้นถ้าตรวจพบระดับ tumor marker สูงมาก แสดงว่ามะเร็งน่าจะมีขนาดใหญ่ หรือมีการแพร่กระจายแล้ว
5. อาจนำไปใช้ช่วยในการเลือกวิธีการรักษาโรคมะเร็ง เช่น การตรวจหา estrogen receptor และ progesterone receptor ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม เพื่อเลือกที่จะให้การรักษาด้วยยาต้านฮอร์โมน เป็นต้น
สารบ่งชี้มะเร็ง (tumor marker) ที่ตรวจกันบ่อยๆ ได้แก่
Alpha-fetoprotein (AFP)
Carcinoembryonic antigen (CEA)
Prostate specific antigen (PSA)
CA 125
CA 19-9
CA 15-3
Beta-human chorionic gonadotropin (beta-HCG)
Neuron-specific enolase (NSE)
สรุป
การตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็ง หรือ tumor marker จากเลือด เป็นการตรวจหาสารที่ผลิตจากเซลล์มะเร็ง ซึ่งอาจมีความแม่นยำไม่สูงมากนัก แต่สามารถช่วยแพทย์ได้ในการตรวจหามะเร็งบางกรณี หากพบมีการเปลี่ยนแปลงระดับต่อเนื่องในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง หรืออาจใช้ช่วยติดตามการรักษา หรือบอกการพยากรณ์โรคได้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดของ tumor marker ชนิดต่างๆ ได้จากบทความ สารบ่งชี้มะเร็ง (tumor marker) ที่ควรรู้จัก
ขอบคุณเนื้อหาจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาพประกอบจาก istockphoto
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทาสหมา-แมว ต้องลอง ‘อุปกรณ์ช่วยแปลภาษาสัตว์เลี้ยง’
จะดีแค่ไหน ถ้าสุนัขหรือแมวของคุณ สามารถสื่อสารเพื่อแจ้งให้คุณทราบถึงอารมณ์ต่าง ๆ ทั้งโกรธ เหงา หรือเจ็บปวด ซึ่งตอนนี้ความคิดดังกล่าวเป็นจริงแล้ว ด้วยนวัตกรรมเครื่องมือสื่อสารชิ้นใหม่ที่ช่วยให้พวกสัตว์เหล่านี้สามารถสื่อสารและแสดงความรู้สึกได้ดีมากยิ่งขึ้น
มอร์แกน ครูก ซึ่งมีอาชีพเป็นผู้ฝึกสุนัข สามารถสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงของเธอ เหมือน ๆ กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงคนอื่น ๆ ซึ่งปกติแล้วรู้ว่า หมาหรือแมวของตนต้องการอะไร ด้วยการอ่านอากัปกิริยาที่แสดงออกทางร่างกายของพวกมัน
แต่ ครูก เผยว่า ทุกวันนี้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเธอและสัตว์เลี้ยงนั้นยกระดับขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะอุปกรณ์ที่ชื่อว่า “FluentPet” ซึ่งมีลักษณะเป็นชุดปุ่ม พร้อมเสียงของคำที่มการบันทึกไว้ล่วงหน้า ให้สัตว์เลี้ยงกดเลือกเพื่อแสดงออกถึงความรู้สึกของตัวเอง
ครูก ยอมรับว่า ในตอนแรก เธอรู้สึกสงสัยไม่แน่ใจในความสามารถของอุปกรณ์ชิ้นดังกล่าว ก่อนจะรู้สึกทึ่งไปกับนวัตกรรมนี้
เธออธิบายว่า ระดับความชัดเจนของการสื่อสารที่สัตว์เลี้ยงสามารถบอกผ่านปุ่มต่างๆ นั้น ถือว่ายังไม่มีสิ่งใดมาเทียบเคียงได้ และตัวเธอเองก็ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วย แม้ว่าจะมีอาชีพทำงานคลุกคลีกับสัตว์มาเป็นเวลา 16 ปีแล้วก็ตาม ซึ่งถ้าไม่มีอุปกรณ์ชิ้นนี้ ตัวของเธอเองก็ไม่มีทางที่จะรับทราบได้เลย
ในการใช้งาน FluentPet นั้น ผู้ใช้งานสามารถบันทึกคำพูดต่าง ๆ ด้วยเสียงของตัวเองได้ และครูก ก็ทำเช่นนั้น พร้อมบอกด้วยว่า อุปกรณ์นี้มีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับแจสเปอร์ แมวของเธอที่ตาบอด
ครูก เล่าว่า การที่แมวของเธอที่มองไม่เห็น มีทางเลือกเป็นมีปุ่มและเสียง ทำให้ชีวิตของมันดีขึ้นมาก ในแบบที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ครูก สะท้อนภาพความคิดของ ลีโอ โทรทิเอ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ FluentPet ที่บอกกับ วีโอเอ ว่า ตัวของเขาคิดว่า คนจำนวนมากนั้นต้องการจะสื่อสารเชื่อมต่อกับสัตว์ที่ตนเลี้ยงได้
โทรทิเอ กล่าวว่า ปุ่มต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นสำหรับอุปกรณ์นี้คือ สิ่งที่ทำให้ความคิดดังกล่าวเป็นจริง และทำให้ผู้คนสามารถรายงานเกี่ยวกับพฤติกรรมและการมีปฏิสัมพันธ์กับสุนัขหรือแมวของพวกเขา ซึ่งในฐานะที่ตนเองมีพื้นฐานการวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ตัวของเขารู้สึกทึ่งอย่างมาก
นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาแอป FluentPet ที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของตนเอง และติดตามสิ่งที่พวกมันได้เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ด้วย
มอร์แกน ครูก ได้ลองใช้แอปดังกล่าวด้วย และบอกว่า ได้บันทึกข้อมูลของแจสเปอร์ แมวของเธอ เป็นเวลาเกือบ 2 ปี และทำให้เห็นว่า ปุ่มไหนที่แมวตัวนี้ ชอบกดบ่อยครั้งมากที่สุด
เฟดเดอริค รอสซาโน อาจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การรับรู้ จากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตซานดิเอโก คือ อีกคนหนึ่งที่กำลังทำการศึกษาครั้งใหญ่เกี่ยวกับการใช้ปุ่มที่บันทึกเสียงได้เพื่อการสื่อสารระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง
รอสซาโน อธิบายว่า “เช่นเดียวกับเครื่องมือทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ใช่ทุกคนต้องใช้หรือเรียนรู้วิธีใช้งาน แต่สำหรับคนบางกลุ่ม และสัตว์บางตัว อุปกรณ์นี้อาจจะเป็นประโยชน์ได้”
ไม่ว่าจะอย่างไร สิ่งที่เราอาจกล่าวได้ในเวลานี้คือ ความก้าวหน้าของระบบดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนว่า การสื่อสารของคนและสัตว์เลี้ยงในอนาคตนั้นมีแนวโน้มไปในทิศทางที่สดใส
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ศัพท์สับสน: Live, Life, Living
กลับมาอีกครั้งกับคอลัมน์คำศัพท์สับสนนะครับ วันนี้ DailyEnglish มีคำศัพท์ภาษาอังกฤษมาฝาก คือคำว่า live life และ living นั่นเอง
ทั้งสามคำนี้คล้ายกันมากครับ แต่มีความหมายและการใช้งานต่างกันจนทำให้บางคนสับสนกันบ่อยๆ เรามาดูกันเลยครับว่าจะใช้งานสามคำนี้ได้ยังไงบ้าง
live (verb) – ลิฟ
ถ้าใช้เป็น verb จะแปลว่า อยู่อาศัย ใช้คู่กับสถานที่ที่เราอยู่ เช่น
I was born in Bangkok, but right now I live in Chiang Mai
ผมเกิดที่กรุงเทพฯ แต่ตอนนี้ผมอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่
แต่มีหลายครั้งใช่ไหมครับที่เราเห็นคำว่า live บนหน้าจอทีวีตอนแข่งกีฬาหรือช่วงประกาศข่าว เพราะคำว่า live ไม่ได้มีแค่ความหมายเดียวน่ะสิ
live (adjective) – ลายฟ์
อ่านคนละแบบ มีความหมายคือ การมีชีวิตอยู่/ เป็นๆ/ มีชีวิตชีวา ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กับสัตว์เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันมีชีวิตอยู่ มาดูตัวอย่างประโยคกัน
Korea has a special dish called Sannakji, which is a live octopus.
ประเทศเกาหลีมีอาหารชนิดหนึ่งเรียกว่า Sannakji ซึ่งเป็นปลาหมึกตัวเป็นๆ
live (adjective) – ลายฟ์
แปลว่า การถ่ายทอดสด หรือ การแสดงสด หรืออะไรก็ตามที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น ซึ่งอาจใช้ในการแสดงคอนเสิร์ต หรือแข่งฟุตบอลสดๆ เช่น
Tonight at 10 p.m. channel 7 will broadcast a live football match.
คืนนี้ตอน 4 ทุ่ม ช่อง 7 จะถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล
I’m going to Lady Gaga’s live performance in Bangkok.
ฉันจะไปดูคอนเสิร์ตสดของเลดี้กาก้าที่กรุงเทพฯ
ต่อไปเรามาดูคำว่า life กันครับ
life (noun) – ไลฟ์ โดยทั่วไปแล้วแปลว่า ชีวิต หรือ สิ่งมีชีวิต
My life is dedicated to the happiness of my family.
ชีวิตผมอุทิศให้กับความสุขของครอบครัว
There are no signs of life in this desert.
ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตในทะเลทรายแห่งนี้
สุดท้ายคือคำว่า living
living (noun, adjective) – ลิฟ-ฟิ่ง
ถ้าเป็น noun ส่วนมากจะใช้กับประโยค make a living ซึ่งแปลว่า หากิน หรือ สร้างรายได้
ถ้าใช้เป็น adjective จะแสดงถึงสถานภาพของคน สัตว์ สิ่งของว่ายังมีชีวิตอยู่ มาดูตัวอย่างประโยคกันครับ
Living แบบ noun
I make a living by writing articles for the newspaper.
ผมสร้างรายได้โดยการเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์
Living แบบ adjective
Thongchai McInthai is a living legend in Thai entertainment circle.
ธงไชย แมคอินไตย์เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตของวงการบันเทิงไทย
เพิ่มเติม – alive (adjective) – แปลว่า มีชีวิตอยู่ คล้ายๆกับ live ที่อ่านว่า ลายฟ์ แต่ไม่นำมาเติมหน้า noun นะครับ เช่น
He’s very lucky to be alive after the car crash.
เขาโชคดีมากที่ยังมีชีวิตอยู่หลังเจอกับอุบัติเหตุรถชน
เวลาพูดมักจะไม่ค่อยเห็นปัญหาชัดเท่าไหร่ เพราะการออกเสียงจะคล้ายๆกัน แต่ถ้าตอนอ่านหรือเขียนนี่สิ บางครั้งเรามักจะตีความหมายคำว่า live หรือ living ผิดไปเพราะมันใช้งานได้หลายแบบ ต้องดูบริบทประกอบด้วยครับ
สุดท้ายนี้แอดมินมีประโยคภาษาอังกฤษจาก Nick Carter มาฝากครับ
Live life to the fullest, for the future is scarce.
ใช้ชีวิตให้เต็มที่ เพราะอนาคตคือความไม่แน่นอน
ติดตามตอนต่อไปของคอลัมน์คำศัพท์สับสน ที่จะนำคำศัพท์ภาษาอังกฤษมาเปรียบเทียบ เพื่อที่ทุกคนจะสามารถนำไปใช้งานได้ถูกต้องทาง DailyEnglish นะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
SCG HOME Experience เชิญนิสิต นักศึกษา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ชั้นปี 3-4 จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ร่วมส่งผลงานประกวดออกแบบบ้าน ในงาน “SCG HOME Experience Young Designer Award 2023”
SCG HOME Experience ร้าน Flagship Store ของ SCG HOME ที่เน้นสินค้านวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัย ขอเชิญนิสิต นักศึกษา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ชั้นปี 3-4 จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ร่วมส่งผลงานประกวดออกแบบบ้าน ในงาน “SCG HOME Experience Young Designer Award 2023” ระหว่างวันที่ 16 มีนาคม – 27 พฤษภาคม 2566 เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้โชว์ศักยภาพผ่านผลงานการออกแบบบ้าน แบบดี่ยว หรือกลุ่มละไม่เกิน 3 คน ภายใต้โจทย์และเงื่อนไขที่กำหนด เพื่อชิงเงินรางวัลเงินสด 50,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร นอกจากนี้ผลงานที่เข้ารอบยังถูกคัดเลือกพัฒนาเป็นแบบบ้านมาตรฐาน เพื่อใช้ก่อสร้างจริง สำหรับลูกค้าที่สนใจอีกด้วย
รอบที่ 1 : คัดเลือกผลงานรอบแรก
- เปิดรับส่งผลงาน 16 มีนาคม 2566
- ปิดรับส่งผลงาน 10 เมษายน 2566
- Popular Vote ทาง FB SCG Home Experience ประกาศผล 10 ทีมสุดท้าย 25 เมษายน 2566
- 10 ทีมสุดท้ายรับฟัง comment แบบจากคณะกรรมการ และเตรียมงานเพื่อนำเสนอในรอบถัดไป
รอบที่ 2 : คัดเลือกผลงานรอบสอง
- นําเสนอผลงานออกแบบต่อคณะกรรมการ พร้อมประกาศผลวันที่ 27 พฤษภาคม 2566
ส่งผลงานได้ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม – 10 เมษายน 2566 โดยส่งไฟล์ผลงานผ่านทาง email : juthatis@scg.com เท่านั้น โดยระบุ ชื่อ นามสกุล ชั้นปี ชื่อสถาบันการศึกษา เบอร์โทร และอีเมลล์
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3EkT3U8 หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 090-945- 4747
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21/03/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,950.00 | 32,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,070.00 | 31,381.20 | 32,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,863.00 | 28,243.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,656.00 | 25,104.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 932.00 | 14,129.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 725.00 | 10,991.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,145.00 | 32,518.20 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/03/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.45 | 35.45 | 36.54 | 35.45 | 35.45 | 35.45 | 35.45 | 35.45 | 35.45 | 35.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.18 | 35.18 | 36.24 | 35.18 | 35.18 | 35.18 | 35.18 | 35.18 | 35.18 | 35.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.14 | 33.14 | 33.94 | 33.14 | 33.14 | – | 33.14 | 33.14 | 33.14 | 33.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.59 | 33.59 | – | – | – | – | – | – | – | 33.59 |
เบนซิน 95 | 43.26 | – | – | – | 43.31 | – | 43.76 | 43.41 | – | 43.26 |
ดีเซล B7 | 33.94 | 33.94 | 34.24 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล | 33.94 | 33.94 | 34.24 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล B20 | 33.94 | 33.94 | 34.24 | – | 33.94 | – | 33.94 | – | – | 33.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.06 | 43.16 | 45.14 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 43.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |