สาระน่ารู้ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566

เอพีเปิดตัวลักชัวรีคอนโดRHYTHMในรอบ4 ปีย่านเจริญนครตรงข้าม ICONSIAM

เอพี สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เปิดตัวลักชัวรีคอนโดแบรนด์ RHYTHM ในรอบ 4 ปีมูลค่า5,000 ล้านย่านเจริญนครตรงข้าม ICONSIAM เคาะราคาเริ่มต้น 9.5 – 30 ล้านต่อยูนิต

นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้คำมั่นสัญญาการส่งมอบ “ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้” เดินหน้าตามแผนตอกย้ำเบอร์หนึ่งผู้นำคอนโดเพื่อคนเมือง ผ่านนวัตกรรมดีไซน์สินค้าและบริการ ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตที่เพียบพร้อมไปด้วยความสมบูรณ์แบบ ซึ่งวันนี้   เอพี ไทยแลนด์ พร้อมเปิดตัวแฟล็กชิปคอนโดฯ ใหม่ล่าสุด ที่สุดความภาคภูมิใจแห่งปี กับ “RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค” ลักชัวรีคอนโดมิเนียม บนที่ดินผืนงามเพียงหนึ่งเดียวใจกลาง The Center of River CBD ตรงข้ามไอคอนสยาม และใกล้ BTS เจริญนคร เพียง 100 เมตร 

โครงการดังกกล่าวเป็นโปรเจกต์ร่วมทุนโครงการที่ 23 ระหว่างบริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท จำนวน 577 ยูนิตเท่านั้น พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างครั้งแรกในวันที่ 25 – 26 พ.ย.นี้ ด้วยห้องชุด SIMPLEX 1 – Bedroom 35 ตารางเมตร ราคาเริ่ม 5.6 ล้านบาท ห้องชุด SIMPLEX 2 – Bedroom 95 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 16 ล้านบาท และห้องชุด VERTIPLEX เพดานสูง 4.45 เมตร ราคาเริ่มต้น 9.5 -30ล้านบาท
 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาความสำเร็จของคอนโดมิเนียมแบรนด์ RHYTHM ถือเป็นบทพิสูจน์ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้าระดับบน ทั้งความแข็งแกร่งและโดดเด่นกับจุดยืนของแบรนด์ คือ ความพิถีพิถันเพื่อชีวิตสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในสิ้นปีนี้ 2566 กับการเปิดตัว RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค ที่เป็นไฮไลต์โปรเจกต์สำคัญ นอกจากเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในรอบ 4 ปีของแบรนด์ RHYTHM เองแล้ว 

โครงการนี้ยังเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีการร่วมทุนระหว่าง เอพี ไทยแลนด์ – มิตซูบิชิ เอสเตท ที่ทั้งสองบริษัทฯ ตั้งใจเป็นอย่างมากที่จะมุ่งมั่นสร้างสรรค์และพัฒนาให้โครงการนี้เป็น Super Condominium แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศ ตอกย้ำทุกดีเทลรายละเอียด รวบรวมความเป็นที่สุดสะท้อนนิยาม RHYTHM is in the details ที่เชื่อมโยงทั้งเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบเหนือระดับ ต้อนรับ  ดีมานด์ตลาดลักชัวรีคอนโด รองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ 

RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค ลักชัวรีคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ ที่ดีที่สุดหนึ่งเดียวใจกลางในย่านเจริญนคร กับคอนเซ็ปต์ BLUECHIP DESIGN RESIDENCE พร้อมนำเสนอที่สุดของการออกแบบการใช้ชีวิต พิถีพิถันทุกดีเทลรายละเอียด ผ่าน 3 ความเป็นที่สุด

•    SUPER RADIUS ที่สุดของทำเลติดถนนเจริญนคร บนที่ดินหายากใจกลาง 
The Center of River CBD ตรงข้าม ICONSIAM ใกล้ BTS เจริญนคร เพียง 100 เมตร และรายล้อมด้วยการเติบโตท่ามกลางย่านธุรกิจสำคัญ พร้อมมูลค่าที่เพิ่มขึ้นทุกปี   
•    SUPER DESIGN ที่สุดของดีไซน์แรงบันดาลใจจาก Japanese – Italian Craftsmanship ความสมดุลระหว่างความงดงามที่สัมผัสได้ และสุนทรียะการใช้ชีวิตเหนือระดับ การเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์พิเศษ และวัสดุคุณภาพ 
พร้อมส่วนกลางรองรับไลฟ์สไตล์ประสบการณ์สุดพิเศษ รวมกว่า 3.3 ไร่
•    SUPER ARCHITECTURE ที่สุดของแลนด์มาร์กแห่งใหม่สะกดทุกสายตา ดีไซน์บรรยากาศความหรูหราท่ามกลางธรรมชาติ ให้กลมกลืนกับสถาปัตยกรรม พร้อม Sky Facilities ความสง่างามเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเพียงหนึ่งเดียว เปิดรับมุมมองวิวเมืองกรุงเทพฯ สุดตระการตา เพียง 577 ยูนิต พร้อมเปิด Sales Gallery ชมห้องตัวอย่างดีไซน์ใหม่ในรูปแบบ Hospitality Design วันที่ 25 – 26 พ.ย.นี้  

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ดีมานด์ อัลตร้าลักชัวรี่ยังแรง !ไรมอน แลนด์ ปิดการขายดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์

ไรมอน แลนด์ ประกาศความสำเร็จ ปิดการขาย คอนโดอัลตร้าลักชัวรี่ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ มูลค่า 5.2 พันล้าน จ่อปิดโครงการเทตต์ สาทร ทเวลฟ์หลังเหลือขายเพียง 9 ยูนิต สะท้อนดีมานด์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ยังเติบโต

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RML เผยว่า RML พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่และอัลตร้า       ลักชัวรี่มาอย่างยาวนานกว่า 36 ปี ดังนั้นเราจึงเข้าใจความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้เป็นอย่างดี ทำให้ทุกโครงการที่ผ่านมาของเราขายหมด และโควต้าผู้ซื้อชาวต่างชาติก็ยังอยู่ในอัตราที่สูงมาโดยตลอด ล่าสุดเราประสบความสำเร็จอีกครั้งปิดการขายคอนโด อัลตร้าลักชัวรี่ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ 

โดยโครงการได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ จีน, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, อังกฤษ และตุรกี ที่มองหาบ้านหลังที่สองและต้องการลงทุน เพราะโครงการมี rental yield จากการปล่อยเช่าที่ดี   ทั้งนี้โครงการตอบโจทย์ความต้องการทุกมิติ ทั้งในด้านของทำเลใจกลางสุขุมวิทรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิเช่น ดิ เอ็มดิสทริค, โรงเรียนนานาชาติ, โรงพยาบาลชั้นนำ, โรงแรมระดับ 5 ดาว

อีกทั้งดีไซน์โดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในจากบริษัทที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมชั้นนำระดับโลก SCDA และโครงการมีความเป็นส่วนตัวสูง มีเพียง 8 ยูนิตต่อชั้น พร้อมห้องพิเศษที่มีลิฟต์ส่วนตัว (Private Lift) และบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟเหนือระดับทั้งบริการคอนเซียร์จ 24 ชั่วโมง รวมทั้งบริการรถยนต์ลีมูซีนส่วนกลางด้วยรถยนต์ Mercedes Benz S-Class ไว้อำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีห้อง Guest Suites บริการที่ไม่มีโครงการไหนมีมาก่อน จึงทำให้โครงการได้รับการตอบรับดีมากตั้งแต่เปิดขายพรีเซลล์”

ทั้งนี้ จากการที่ RML สามารถปิดการขายโครงการดังกล่าวได้ สะท้อนให้เห็นว่าดีมานด์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ยังเติบโตและมีดีมานด์สูงอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ปัจจุบันลูกค้าโอน กรรมสิทธ์ไปแล้วประมาณ 4,600 ล้านบาท หรือประมาณ 95% ของจำนวนยูนิตพร้อมโอน  คาดว่าลูกค้าจะโอนกรรมสิทธิ์เต็ม 100% ภายในปี 2566 นี้ 

ขณะที่ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ คอนโดลักชัวรี่พร้อมเข้าอยู่ ใจกลางสาทร ก็ใกล้ปิดการขายแล้วเช่นกัน ยอดขายไปแล้วถึง 97% เหลือขายเพียงแค่ 9 ยูนิตเท่านั้น โดยห้องเหลือขายมี 2 รูปแบบ ขนาด 1-2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 68 – 118 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นเพียง 17.9 ล้านบาท โดยยูนิต 2 ห้องนอนปัจจุบันที่เหลืออยู่แต่ละห้องมี layout ที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งผู้ซื้อจะได้แบบห้องที่มีแบบเดียวในโลก ถือว่าเป็นไอคอนิคไลฟ์แท้จริง พร้อมมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตสุดไอคอนิค ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตั้งแต่บริเวณล็อบบี้ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้า 6 ชั้นครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,000 ตร.ม.

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (21พ.ย.)”อ่อนค่า”ที่ระดับ 35.18 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (21 พ.ย.) ที่ระดับ 35.18 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.13 บาทต่อดอลลาร์ คาดมีโอกาสแกว่งตัว sideway มองกรอบเงินบาทวันนี้ที่ระดับ 35.00-35.30 บาท/ดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทย ระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้น อาจชะลอลงได้บ้าง และเงินบาทก็มีโอกาสแกว่งตัว sideway ไปก่อน จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ในช่วงปลายสัปดาห์ 

อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง ทั้ง BOE และ ECB รวมถึงรายงานการประชุมเฟดล่าสุด อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้บ้าง 

นอกจากนี้ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในตลาด หลังผู้เล่นในตลาดรับรู้ผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งอาจกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมได้ โดยหากผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด กดดันให้ หุ้น Nvidia รวมถึง หุ้นเทคฯ ใหญ่อื่นๆ อาจปรับตัวลงหนัก ก็อาจทำให้บรรยากาศในตลาดการเงินกลับมาปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งจะหนุนให้เงินดอลลาร์สามารถรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้บ้าง

สำหรับโซนแนวรับ-แนวต้านนั้น ยังคงประเมินว่า โซนแนวรับหลักของเงินบาทยังคงเป็นโซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ในขณะที่แนวต้านสำคัญ อาจอยู่ในช่วง 35.30 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ 

“ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง”

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.00-35.30 บาท/ดอลลาร์ 

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 35.07-35.29 บาทต่อดอลลาร์) ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมัน หลังราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวสูงขึ้นจากโซนแนวรับ

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจาก เงินดอลลาร์ โดยรวมยังคงแกว่งตัว sideway เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ ที่จะส่งผลต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ขณะเดียวกัน บรรยากาศในตลาดการเงินก็กลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk-On) ทำให้เงินดอลลาร์ยังไม่เป็นที่ต้องการของผู้เล่นในตลาดมากนัก

บรรดาหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ (The Magnificent Seven) ต่างปรับตัวขึ้นได้ดี นำโดย Nvidia +2.3%, Microsoft +2.1% ท่ามกลางความหวังว่า รายงานผลประกอบการของ Nvidia อาจออกมาสดใส ส่วนหุ้น Microsoft ก็ได้รับอานิสงส์จากข่าวการเข้ามาร่วมงานทีม AI ของ Sam Altman อดีต CEO ของ OpenAI  ซึ่งการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ ได้หนุนให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +1.13% ส่วน ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.74%   

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย +0.10% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงาน Total Energies +1.9%, Shell +1.3% หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น 

ในฝั่งตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน (เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดยังคงรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ) ทำให้โดยรวม บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัว sideway ใกล้ระดับ 4.45%

อนึ่ง เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจมีจังหวะผันผวนปรับตัวขึ้นได้บ้าง จนกว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับมุมมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นและลึกขึ้นกว่าคาด ถึงจะเห็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องที่ชัดเจนได้ ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อได้ 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงบ้าง หลังบรรยากาศในตลาดการเงินกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น

ขณะเดียวกัน การกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) สู่ระดับล่าสุดแถว 148.4 เยนต่อดอลลาร์ ก็มีส่วนกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงนับตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์นี้ ทำโดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยย่อตัวลงใกล้ระดับ 103.4 จุด (กรอบ 103.3-103.7 จุด) 

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะยังคงเชื่อว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ทว่า บรรยากาศในตลาดการเงินที่เปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็มีส่วนทำให้ ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำ กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) มีจังหวะย่อตัวลงสู่โซนแนวรับแถว 1,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นใกล้โซน 1,980 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง หลังเงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหว sideway ส่วนบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็มีจังหวะย่อตัวลงบ้าง 

สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจอาจมีไม่มาก ทำให้ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจต่อถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้งธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธาน ECB ในช่วง 23.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย หลังล่าสุด ผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดหวังว่า ECB อาจลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1% ในปีหน้า และอาจเริ่มการลดดอกเบี้ยได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้า 

และนอกเหนือจากถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบริษัทเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ อย่าง Nvidia (รับรู้ในช่วงหลังตลาดปิดทำการ) รวมถึง รายงานการประชุมเฟดล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) ที่จะรับรู้ในช่วงเช้าตรู่ราว 2.00 น. ของวันพุธนี้  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ศิริภากรณ์-อัครวุฒิ-เอกสิทธิ์-นรรัศมิ์” แรงไม่หยุด คว้าแชมป์ “โตโยต้ากาซูฯ” สนาม 4

จัดเต็มความมันส์พร้อมแสงสีสุดตื่นตาสำหรับ “TOYOTA Gazoo Racing Motorsport 2023 : MAKE EVER BETTER CAR From Circuit to the Road” สนามที่ 4 ในรูปแบบไนท์เฟสติวัล โดยมี นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดเชียงใหม่ และตัวแทนผู้แทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าจังหวัดเชียงใหม่ร่วมเปิดงานในระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2566 ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี โดยมี มิย่า ทองเจือ และปังปอนด์-อัครวุฒิ มังคลสุต พร้อมเหล่านักแข่งและเซเลบริตี้คนดังร่วมงาน

สู้กันดุเดือดจนมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายในสนามที่ 4 ของการแข่งขันโตโยต้าวันเมคเรซยอดนิยม โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต 2023 ครั้งนี้ยกขบวนนักแข่งขึ้นเหนือค้นหานักแข่งฝีมือดีและพิสูจน์สมรรถนะของรถยนต์โตโยต้าให้ประจักษ์ใน 4 รุ่นการแข่งขัน ในสนามรูปแบบสตรีทเซอร์กิต เริ่มจากรุ่น ยาริส เอทีฟ เลดี้ วันเมคเรซ ที่มีนักแข่งสาว “มิย่า ทองเจือ” สังกัดโตโยต้า เรซซิ่ง สตาร์ทีม และนักแข่งสาวสวยร่วมประชันฝีมือ

จบการแข่งขันผลปรากฏว่า อันดับ 1 คือ ศิริภากรณ์ แยบยนต์ จากทีม TMC-Drive68 by wootbangbon3, อันดับ 2 คือ อลิสา ขุนแขวง จากทีม BBMP MOTORSPORT, อันดับ 3 คือ ปัณฑ์นลิน ทวยเดช จากทีม Kaizo-R Motorsports Team Nexzter by Ruk Service, อันดับ 4 คือ สาวิตรี กวางแก้ว จากทีม Compact Brakes Superclub Racing Team และอันดับ 5 คือ ณัฏฐวลัญช์ แสนสุข จากทีม KUROKI RACING

ต่อกันในรุ่น ยาริส วันเมคเรซ รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ ลงแข่งพร้อมกันคับคั่ง มี “ปังปอนด์ อัครวุฒิ” นักแข่งโตโยต้า เรซซิ่ง สตาร์ทีมลงสนาม และ ซิดนีย์-ศริทธนา มิตรอารี ที่ใช้รถ TOYOTA Yaris One Make Race Carbon Neutral Fuel รถแข่งเพียงคันเดียวที่นำร่องการใช้เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนเข้ามาใช้ในกีฬามอเตอร์สปอร์ต แข่งกันสุดเดือดหลังออกสตาร์ทได้ไม่นานก็เป็นการขับเคี่ยวของนักแข่งหัวขบวนระหว่าง ปังปอนด์ อัครวุฒิ และโรเตอร์ ทองเจือ สู้กันสุดเดือดไล่จี้บี้กันทุกโค้งจบการแข่งขันไปแบบสุดมันส์ อันดับ 1 คือ ปังปอนด์ อัครวุฒิ จาก TOYOTA Racing Star Team ฉลองแชมป์แรกของตัวเองได้สำเร็จ, อันดับ 2 คือ โรเตอร์ ทองเจือ จากทีม PTT LUBRICANTS Team Jib Online, อันดับ 3 คือ ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์ จากทีม Compact Brakes Superclub Racing Team, อันดับ 4 คือ ศริทธนา มิตรอารี จากทีม Toyota Gazoo Racing Academy และอันดับ 5 คือ ธนากร เลี่ยวไพรัตน์ จากทีม HC by Sittipol

ลุ้นต่อในรุ่น ไฮลักซ์ รีโว่ วันเมคเรซ ศึกของกระบะพันธุ์แกร่ง พลังแรง หนักแน่นและดุดัน จบการแข่งขันผลปรากฏว่าอันดับ 1 คือ เอกสิทธิ์ นามแสงผา, อันดับ 2 คือ อรุณพงศ์ ศรีฤทธิ์ จากทีม Nexzter HGR Racing Team by Vanguard Garage และอันดับ 3 คือ เมฆรัชคีฏาก์ กะลันตานนท์ จากทีม Kaizo-R Motorsports Team Nexzter by Ruk Service

ปิดท้ายด้วยรุ่น โคโรลล่า อัลติส จีอาร์ สปอร์ต วันเมคเรซ ที่รวมนักขับรุ่นใหญ่เจนสนาม ใส่กันไม่ยั้งจบการแข่งขันผลปรากฏว่า อันดับ 1 คือ นรรัศมิ์ อภิวาท จากทีม Compact Brakes Superclub Racing Team, อันดับ 2 คือ ทยาพล คงสุวรรณ, อันดับ 3 คือ เคนทาโร่ ชิบะ จากทีม ORC Racing, อันดับ 4 คือ ศักดิ์ชัย เยี่ยมวัฒนา จากทีม Nexzter Gulf oil Thailand  และอันดับ 5 คือ อะกิ จิตรานุวัฒน์ จากทีม YK Motorsport

โดยหลังจบการแข่งขันสนามที่ 4 นักแข่งที่มีคะแนนสะสมสูงสุดอันดับ 1 และ 2 ของทั้ง 4 รุ่นการแข่งขัน ประกอบด้วยรุ่น ยาริส เอทีฟ เลดี้ วันเมคเรซ, ยาริส วันเมคเรซ, ไฮลักซ์ รีโว่ วันเมคเรซ และ โคโรลล่า อัลติส จีอาร์ สปอร์ต วันเมคเรซ จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมกับ TOYOTA Gazoo Racing Team Thailand แข่งขันในรายการเอ็นดูรานซ์ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน “IDEMITSU SUPER ENDURANCE SOUTHEAST ASIA TROPHY 2023” ในเรซที่ 3 ของการแข่งรถยนต์ทางเรียบรูปแบบมาราธอนยาวนาน 600 นาที ในวันที่ 22-23 ธันวาคม ที่สนามช้างฯ บุรีรัมย์

นอกจากการแข่งขันวันเมคเรซสุดเดือด ยังมีกิจกรรมความบันเทิงแบบจัดเต็มในรูปแบบไนท์เฟสติวัลให้แฟนๆได้ร่วมสนุกทั้งร่วมชิดใกล้กระทบไหล่ศิลปิน ชมโชว์พิเศษของนักแสดงคนดังที่ร่วมงาน นำโดย  มิย่า ทองเจือ, ปังปอนด์ อัครวุฒิ, เซย่า ทองเจือ, วอร์ วนรัตน์, คริส พีรวัส, แจ็คแฟนฉัน และ พลอยชมพู  ตื่นตากับโชว์รถ Super Car ของทีมใหญ่ดีกรีแชมป์โลก TOYOTA Gazoo Racing team Thailand ลุ้นติดขอบสนามกับดริฟต์สุดมันส์จากนักดริฟต์มือโปร ตามติดเทคโนโลยีรถยนต์โตโยต้ากับการพัฒนาบนเส้นทางของความเป็นกลางทางคาร์บอน

สำหรับกิจกรรม “TOYOTA Gazoo Racing Motorsport 2023” สนามที่ 5 จะไปปิดท้ายฤดูกาลเพื่อค้นหา CHAMP OF THE YEAR ที่คว้าถ้วยแชมป์ประจำปีในสนามตัดสิน และลุ้นกันว่าใครจะคว้าแชมป์ประจำปีในรุ่นโคโรลล่า อัลติส จีอาร์ สปอร์ต วันเมคเรซ เพื่อรับสิทธิ์เข้าสังกัดเป็นนักแข่ง TOYOTA Gazoo Racing Team Thailand ประจำปี 2024 ในระหว่างวันที่ 21-22 ธันวาคม 2566 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ มาร่วมเชียร์ติดตามการแข่งขันและกิจกรรมที่ Facebook : Toyota Gazoo Racing Motorsport Thailand, Instagram: TGRthailand, TikTok: TGR.Thailand

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เราจำเป็นต้อง “อาบน้ำ” ทุกวันหรือไม่?

ด้วยสภาพอากาศร้อนๆ ในบ้านเรา ทำให้เราต้องอาบน้ำกันทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในขณะที่ในต่างประเทศที่อากาศหนาวเย็น ผู้คนอาจไม่ได้อาบน้ำทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ ที่น่าสนใจคือจากการรวบรวมสถิติในหลายประเทศพบว่า ประชากรในสหรัฐอเมริกากว่า 2 ใน 3 อาบน้ำทุกวัน รวมถึงชาวออสเตรเลียกว่า 80% ที่อาบน้ำทุกวันเช่นกัน แต่ชาวจีนกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศเฉลี่ยแล้วอาบน้ำเพียง 2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น


เราจำเป็นต้องอาบน้ำทุกวันหรือไม่?

เรามาดูสาเหตุที่ทำให้เราอยากอาบน้ำกันก่อน

  • กลิ่นตัว กลิ่นเหงื่อ
  • อากาศร้อน อยากรู้สึกสะอาดสดชื่น
  • อยากรู้สึกสดชื่นหลังตื่นนอน
  • เป็นหนึ่งในกิจกรรมตอนเช้าที่ต้องทำ
  • อาบน้ำหลังทำกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น ออกกำลังกาย

แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเราไม่มีเหงื่อ ไม่ได้เป็นคนกลิ่นตัวแรง ไม่ได้ออกกำลังกาย และไม่ได้อยากได้รับความรู้สึกสดชื่นอะไรแต่อย่างใด เช่น เราอาจจะไม่ได้ทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก อยู่บ้านเปิดแอร์นอนทั้งวัน หรืออยู่ในภูมิอากาศที่หนาวเย็นตลอดเวลา เราไม่อาบน้ำทุกวันได้หรือไม่?

จริงๆ แล้วไม่มีผลงานวิจัยอะไรที่จะยืนยันได้ว่า การไม่ได้อาบน้ำทุกวันส่งผลเสียอะไรต่อร่างกายมากน้อยแค่ไหน แต่การอาบน้ำ “บ่อยเกินไป” อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ดังนี้

  • ผิวอาจแห้งเกินไปจนทำให้รู้สึกคัน ระคายเคือง
  • ผิวที่แห้งแตกอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เชื้อโรค แบคทีเรียเข้ามาทำร้ายผิว ทำให้ผิวติดเชื้อ เป็นโรคผิวหนัง หรือทำให้เกิดอาการแพ้ได้
  • การใช้สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อาจทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีต่อผิวหนังบางส่วนออกไปด้วย
  • ผิวหนังของเรายังมีความจำเป็นที่จะต้องมีจุลินทรีย์ดี ที่ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรคบางอย่างได้ การอาบน้ำบ่อยเกินไปจงอาจทำให้ร่างกายลดทอนการสร้างภูมิคุ้มกันโรคบางอย่างไปด้วยเช่นกัน


อาบน้ำบ่อยแค่ไหน ถึงจะเหมาะสม?

การอาบน้ำทุกวันถือว่าบ่อยเกินไปหรือไม่? คำตอบไม่เฉพาะตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าผิวหนังของคุณมีความสกปรกมากน้อยแค่ไหน ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น หากอยู่ในประเทศไทย เหงื่อออกตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกนอกบ้าน คุณก็ควรอาบน้ำทุกวัน แต่หากคุณไม่ได้ทำกิจกรรมที่เหงื่อออก และอยู่ประเทศที่มีอากาศหนาว คุณอาจไม่จำเป็นต้องอาบน้ำทุกวัน อาบเฉพาะช่วงที่รู้สึกว่าร่างกายต้องการความสดชื่น มีกลิ่นตัว หรือเหตุผลอื่นๆ

แต่โดยทั่วไปแล้ว การอาบน้ำทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง ยังไม่ถือว่าเป็นการอาบน้ำที่บ่อยเกินไป แต่หากอาบน้ำมากกว่า 3-4 ครั้งต่อวัน อาจถือได้ว่าเป็นการอาบน้ำที่บ่อยครั้งมากเกินไป แต่ถึงกระนั้นการอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นจัด ก็สามารถทำลายผิวหนังให้แห้งกร้านได้เหมือนกัน แม้ว่าจะอาบน้ำเพียงครั้งเดียวต่อวันก็ตาม

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า แม้ว่าจะไม่ได้มีการแนะนำอย่างเป็นทางการว่าควรอาบน้ำบ่อยแค่ไหน แต่เราสามารถหลีกเลี่ยงการทำลายผิวหนังระหว่างอาบน้ำได้ด้วยวิธีดังนี้

  1. อาบน้ำด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง น้ำไม่ร้อน หรืออุ่นจัดจนเกินไปเป็นเวลานาน
  2. ใช้เวลาในการถูตัว 3-4 นาที โดยเน้นไปที่จุดที่ต้องการกำจัดกลิ่น หรือจุดที่มีความสกปรกที่สุด เช่น รักแร้ ซอกคอ แผ่นหลัง เท้า ข้อพับต่างๆ เป็นต้น
  3. ไม่ใช้ที่ขัดตัวที่มีความหยาบกระด้างมากเกินไป
  4. ไม่ใช่สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบ่อยจนเกินไป

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


8 วลีภาษาอังกฤษที่ใช้สื่ออารมณ์ความรู้สึก

1. Scared Stiff

มีความหมายถึง อาการกลัว ที่รู้สึกกลัวมากๆ , กลัวจนตัวแข็ง

ตัวอย่างประโยค

I’m scared stiff of flying especially during landing.
ฉันกลัวการนั่งเครื่องบินมากๆ โดยเฉพาะช่วงที่เครื่องบินกำลังจะลงจอด

2. Tongue-tied

มีความหมายถึง อาการเขินหรืออายจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา เปรียบเหมือนลิ้นถูกผูกไว้ ทำให้พูดไม่ได้นั่นเอง

ตัวอย่างประโยค

Barbara was tongue-tied in the presence of her parent.
บาร์บาร่ารู้สึกอายจนพูดไม่ออก เมื่อครอบครัวของเธอปรากฏตัวขึ้น

3. Fish out of water

มีความหมายถึง ความรู้สึกอึดอัด ไม่สะดวกสบาย รู้สึกไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม เปรียบเสมือนปลาที่ไม่ได้อยู่ในน้ำ ย่อมรู้สึกไม่สบายตัวและรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ที่เหมาะสม

ตัวอย่างประโยค

As a non-golfer. I felt like a fish out of the water at the clubhouse.
ด้วยความที่ไม่ใช่นักกอล์ฟ ฉันจึงรู้สึกแปลกแยกและอึดอัดเมื่อต้องอยู่ในคลับเฮาส์นี้

4. Go bananas

มีความหมายถึง ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ สะเทือนใจ อันส่งผลให้เกิดอาการบ้าคลั่ง

ตัวอย่างประโยค

If you leave school, your parent will go bananas.
ถ้าเธอลาออกจากโรงเรียน ครอบครัวเธอต้องคลั่งมากแน่ๆ

5. Head over heels in love

มีความหมายถึง ความรู้สึกลุ่มหลงในความรัก หลงใหลในความรักจนหัวปักหัวปำ

ตัวอย่างประโยค

He’s head over heels in love with her!
เขาตกหลุมรักเธออย่างหัวปักหัวปำ!

6. Keep a stiff upper lip

มีความหมายถึง การเก็บอารมณ์ เก็บซ่อนความรู้สึก ไม่แสดงออกมา

ตัวอย่างประโยค

When she heard the bad news, she kept a stiff upper lip.
เธอเก็บอารมณ์เมื่อได้ยินข่าวร้าย

7. Proud as a peacock

มีความหมายถึง ความภูมิใจอย่างยิ่ง ซึ่งในวลี Proud as a peacock เป็นการนำความภาคภูมิใจไปเปรียบกับ นกยูง ที่เป็นสัญลักษณ์ของความมีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ

ตัวอย่างประโยค

When his son won first prize, Bill was as proud as a peacock.
บิลรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อลูกชายของเขาได้รับรางวัลที่หนึ่ง

8. Over the moon

มีความหมายถึง ความยินดี ความปิติเป็นอย่างยิ่ง , ความรู้สึกดีอกดีใจ

ตัวอย่างประโยค

We were all over the moon when we heard the good news.
เราทั้งหมดดีใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับข่าวดี

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


Microsoft ประกาศรับ Sam Altman อดีต CEO ของ OpenAI เข้าทำงานพร้อมทีมงานจำนวนหนึ่ง

หลังจากที่มีการลาออกของ Sam Altman CEO ของ Open AI รวมด้วยกับอดีตบอร์ตอย่าง Grag Brockman และพนักงานจำนวนหนึ่งเข้าร่วมงานกับ Microsoft และเปิดแผนกใหม่เพื่อนเน้งานวิจัยเกี่ยวกับ AI ที่มีความครบของเครื่องมือด้านทรัพยากร

โดยแถลงดังกล่าวนั้น CEO ของ Microsoft ได้ออกมาบอกว่าการลงทุนครั้งนี้ก็มีความสำคัญเกี่ยวกับ OpenAI เพื่อยังคงความร่วมมือกันต่อไปพร้อมกับแผนงานการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และยังมีการรวมมือกับทาง Emmett Shear ซึ่งเป็น CEO คนใหม่ของ Open AI ที่รับช่วงต่อแทน ซึ่งเหตุผลคือที่มีการดึงตัวครั้งนี้เพราะบอร์ดมองเห็นว่า Sam ยังไม่ประสบความสำเร็จด้านการเป็น CEO ของ OpenAI นั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


รวมผักกินดิบแล้วได้ประโยชน์มากกว่ากินสุก

ผักเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างไรก็ตาม ผักบางชนิดอาจสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการบางส่วนเมื่อปรุงสุก ดังนั้นจึงควรรับประทานแบบดิบเพื่อประโยชน์สูงสุด

1.บรอกโคลี ผักวิตามินซีสูงที่มีประโยชน์มากอีกชนิดหนึ่ง นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเช่นสารซัลโฟราเฟนที่ช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็ง ดังนั้นหากเรานำบรอกโคลีไปผ่านความร้อนนานๆ จะทำให้เสียคุณค่าทางอาหารนี้ไปได้ จึงแนะนำให้ทานบรอกโคลีแบบสดๆ หรือผ่านความร้อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

2.ซุกกินี มีลักษณะคล้ายแตงกวาญี่ปุ่น อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระทั้งวิตามินเอ วิตามินซี แมงกานีส แมกนีเซียม ฯลฯ ถ้านำซุกกินีไปผ่านความร้อนจะทำให้คุณค่าเหล่านี้หายไป ดังนั้นจึงแนะนำให้ทานซุกกินีแบบสด ซึ่งสามารถนำไปทำยำ หรือทานเล่นก็ได้

3.พริกหวานหรือพริกหยวก พริกทั้งสองชนิดนี้ที่เรามักพบในอาหารจานหลักและชามสลัด มีประโยชน์มากมาย พริกหวานสีแดงเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซีสูงมาก สูงกว่าผลไม้รสเปรี้ยวบางชนิดเสียอีก การกินพริกหวานแบบสดช่วยให้ได้สารอาหารและวิตามินครบครัน เมนูง่ายๆ ที่ทำทานได้คือสลัดผักเพิ่มพริกหวานสีแดง เขียว เหลือง หรือจะเอามาดิปกับมายองเนสหรือครีมรสเปรี้ยวก็อร่อย

4.หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่อุดมไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์มากมาย แต่หากปรุงสุกมากเกินไปคุณค่าจะลดลง ฉะนั้นการกินดิบจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า วิธีกินหอมหัวใหญ่แบบสดๆ ให้อร่อยคือหั่นเป็นชิ้นบางๆ แล้วใส่ในจานสลัด หรือจะใส่ในยำหรือไก่ทอดซอสครีมหัวหอมก็ได้

5.บีทรูท เป็นผักที่มีสีชมพูเข้ม เนื้อกรอบ อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและโฟเลตสูง จึงช่วยบำรุงเลือดได้เป็นอย่างดี การปรุงบีทรูทด้วยความร้อนจัดจะทำให้สารสำคัญสลายตัวไป 25% ดังนั้นจึงควรกินบีทรูทสดๆ เมนูที่น่าสนใจจากบีทรูท ได้แก่ สลัดผัก/ผลไม้ใส่บีทรูทหั่นเต๋าหรือขูดฝอย ช่วยให้ได้เนื้อสัมผัสกรุบๆ หรือจะใส่ในน้ำปั่นผลไม้หรือสมูทตี้ก็ได้

6.กระเทียม พืชพันธุ์ที่คนไทยคุ้นเคยกับรสชาติเผ็ดร้อนและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนั้นกระเทียมยังมีประโยชน์หลายด้านทั้งลดความดันโลหิต กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ หากนำกระเทียมไปผ่านความร้อนจะทำให้เสียคุณค่าอาหารเหล่านี้ไปได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ม่อนหมอกตะวัน อันซีนแห่งจังหวัดตาก ดอกไม้เบ่งบานตัดกับทะเลหมอก

นักท่องเที่ยว เดินทาง ชมทะเลหมอกม่อนหมอกตะวัน ดอยป่าหวาย จองทั้งที่พักและลานกางเต็นท์ เพื่อมาชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าชมทะเลหมอกสัมผัสอากาศเย็นสบายยามเช้าเป็นจำนวนมากในช่วงนี้

ที่ “ม่อนหมอกตะวัน” บ้านป่าหวายหมู่ที่ 7 ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ มีนักท่องเที่ยวในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดไปกางเต็นท์พักแรมกัน เพื่อตื่นขึ้นมาสัมผัสอากาศหนาวเย็น และชมทะเลหมอกที่สวยงามในช่วงเช้าม่อนหมอกตะวัน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถชมทะเลหมอกได้อย่างฟินเว่อร์ อลังการมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูปลายฝน ต้นหนาว แบบนี้ จะมีทะเลหมอกโผล่มาให้เห็นแทบทุกเช้า จึงทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นสวรรค์ย่อม ๆ ของนักท่องเที่ยวไปเลยทีเดียว 

ใครที่ยังไม่เคยเห็นห้ามพลาดต้องมาชมสวรรค์บนดินที่เราสามารถสัมผัสได้ ไม่ไกลจากถนนใหญ่ ถนนคอนกรีตรถเก่งสามารถขึ้นมาให้ สะดวก ปลอดภัยลงจากรถสามารถชมทะเลหมอกได้เลย

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/HiEgFgNmsAvvZdo97

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21/11/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,950.0033,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,134.0032,351.4433,550.00
ทองรูปพรรณ 90%1,920.6029,116.30n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,707.2025,881.15n/a
ทองรูปพรรณ 50%960.0014,553.60n/a
ทองรูปพรรณ 40%747.0011,324.52n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,211.0033,518.76n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/11/2566


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.4536.4536.9536.4536.4536.4536.4536.4536.4536.45
แก๊สโซฮอล์ 9134.6834.6835.1834.6834.6834.6834.6834.6834.6834.68
แก๊สโซฮอล์ E2034.3434.3434.8434.3434.3434.3434.3434.3434.34
แก๊สโซฮอล์ E8534.4934.4934.49
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.2447.7448.2447.7444.24
เบนซิน 9544.3445.5144.8444.4944.34
ดีเซล B729.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6444.9443.6442.9441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า