อสังหาฯยึดทำเลไพร์ม‘เอกมัย-สีลม’ ปั้นโปรเจกต์ใหม่เจาะต่างชาติ
แม้สถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังจากปัจจัยลบรอบด้าน ดีเวลลอปเปอร์ต้องระมัดระวังในการลงทุน แต่ในวิกฤติยังมีโอกาส! ให้แทรกตลาดอยู่ไม่น้อย ทำผลให้อสังหาฯเร่งยึดทำเลไพร์ม‘เอกมัย-สีลม’ ปั้นโปรเจกต์ใหม่เจาะต่างชาติ
วุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด หรือ UHG ผู้บริหารอาคารสำนักงานแบรนด์ “ฮิลล์” และโรงแรม “เดอะ ควอเตอร์” กล่าวว่า ล่าสุดได้สิทธิการเช่าระยะยาว 30 ปี บนที่ดินกว่า 1 ไร่ ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์เก่า “ลาลิวานซ์ คอร์ท” (Lalivan Court) ทำเลเอกมัย (ซอยเอกมัย 12-14) ซึ่งเจ้าของที่ดินถือมานาน 50 ปี
โดยใช้งบกว่า 600 ล้านบาท พัฒนาเป็นโรงแรม “เดอะ ควอเตอร์ เอกมัย” จำนวน 200 ห้อง ค่าห้องพักเฉลี่ย 2,500 บาทต่อคืน เจาะลูกค้าคนไทยและต่างชาติ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี จีน และยุโรป คาดเปิดบริการปี 2569
การพัฒนาโรงแรม “เดอะ ควอเตอร์ เอกมัย” สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ไม่ต้องขอการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment) หรือ EIA เนื่องจากเป็นพื้นที่หน้ากว้าง สามารถสร้าง 2 อาคาร จึงไม่เข้าเงื่อนไขต้องขอ EIA แต่ต้องขออนุญาต 2 ครั้ง ซึ่งทุกอย่างดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย! แนวทางดังกล่าวช่วยลดปัญหาระยะเวลาการขอ EIA ซึ่งมีผลต่อต้นทุนและแผนธุรกิจ
“ดีลนี้ได้เจรจากับเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นนายแบงก์เก่า 3 ครั้ง ก็ปิดดีลได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นว่าเราดำเนินการได้จริง ในอนาคตโรงแรมนี้จะเป็นสินทรัพย์ของเขาที่มีมูลค่าสูงขึ้น สามารถหารายได้ต่อได้ทันที”
จากประสบการณ์การพัฒนาโรงแรม “เดอะ ควอเตอร์” ทำให้เจ้าของที่ดินมั่นใจ โดยความได้เปรียบของธุรกิจโรงแรมย่านเอกมัย “คู่แข่งน้อยราย (Oligopoly Market) ส่วนใหญ่เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ปล่อยเช่ารายวัน และคอนโดโฮเทล นอกจากนี้ จุดเด่นของกรุงเทพฯ คือ กลุ่มนักท่องเที่ยว ไม่จำเป็นที่โครงการต้องติดรถไฟฟ้าเสมอไป แต่ต้องปักหมุดในพื้นที่ “ไพร์มโลเกชั่น” มีรถรับส่งเพื่ออำนวยความสะดวก
“เดอะ ควอเตอร์ เอกมัย” คาดก่อสร้างเดือน ม.ค.2568 จะแล้วเสร็จภายในกลางปี 2569 คืนทุนภายใน 10 ปี นานกว่าปกติ เพราะทำเลไม่ติดรถไฟฟ้า การดึงคนเข้ามาใช้บริการอาจต้องใช้เวลา นอกจากนี้ ค่าเช่าที่ดินสูง!
แม้กระนั้น “เอกมัย” ยังถือเป็น “ทำเลทอง” ไม่แพ้ย่านทองหล่อ เพราะเป็นซอยคู่ขนาน มีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่างๆ ทั้งคอนโดมิเนียม โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ร้านอาหารระดับโลก MICHELIN STARS หลายร้าน ทำให้เอกมัยเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพฯ ที่ได้รับความนิยมจากชาวไทยและต่างชาติ
ช่วงต้นปี UHG ยังได้ลงนามสัญญาเช่า 30 ปี สำหรับโรงแรมกานต์มณี บนถนนประดิพัทธ์ ซึ่งจะปรับปรุงเป็นโรงแรม เดอะ ควอเตอร์ สะพานควาย มี 208 ห้องพัก เปิดให้บริการเดือน ธ.ค.
ไอร่ากรุ๊ปผุดโรงแรม Upper Upscale ย่านสีลม
เจนวิทย์ รุ่งกิจวรเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้กลุ่มบริษัทไอร่า กล่าวว่า ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ ได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินบนทำเลสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ย่านสีลม (ติดอาคารสีลมคอมเพล็กซ์ และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสศาลาแดง) โดยเตรียมพัฒนาโรงแรมระดับ Upper Upscale ในลักษณะ Green building จำนวน 29 ชั้น 303 ห้อง มูลค่าโครงการกว่า 2,300 ล้านบาท เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักธุรกิจ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเลือกแบรนด์โรงแรมบริหาร
“นับเป็นโรงแรมบนซูเปอร์ ไพร์ม โลเกชัน ใจกลางสีลม แลนด์มาร์กของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ เป็นถนนแห่งการจัดบิ๊กอีเวนต์ เป็นย่านธุรกิจที่ขยายตัวต่อเนื่องจากการเติบโตด้านเศรษฐกิจ เป็นศูนย์กลางแหล่งธุรกิจ พาณิชยกรรม เดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งทางราง (บีทีเอส-ศาลาแดง, เอ็มอาร์ที-สีลม) และการคมนาคมรูปแบบอื่นๆ เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวและหาที่พักด้วยตัวเอง”
เอสซี ชูเอกมัยย่านอาร์ตเจาะต่างชาติ
กรุงเทพฯ ในฐานะ “Global Destination” หนึ่งในมหานครที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลก ด้วยค่าครองชีพ และราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เหมาะสม ให้ผลตอบแทนมั่นคง เศรษฐกิจเติบโต มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลมุ่งดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติส่งผลให้ดีมานด์แรงต่อเนื่อง
พิชชากร มีศักดิ์ หัวหน้าสายงาน Global Network บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติให้ความเชื่อมั่นเอสซี ด้วยที่อยู่อาศัยคุณภาพ ลงทุนได้ผลกำไรจริง และจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้น สามารถทำการตลาดในต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มช่องทางในการขายผ่านเครือข่ายเอเจนต์ทั่วโลกที่มีความแข็งแรง ภายใต้พันธมิตร “All Well Corp” ซึ่งเป็น A-list Agent ของเอสซี ที่มียอดขายสูง
“Global Launch เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำหรับการเปิดตัว Reference Ekkamai โดยมี All Well Corp รับผิดชอบ 4 ตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และกัมพูชา ในฐานะ Exclusive Partner หรือ Master Agent”
โครงการ Reference Ekkamai ปากซอยเอกมัย 1 ภายในซอยสุขุมวิท63 (ซอยเอกมัย) ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลสุขุมวิทที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจมากที่สุด มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต่างชาติมองว่าสำคัญ อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ
“เอกมัยเป็นย่านที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ด้วยบรรยากาศเรโทรผสมผสานความคลาสสิกและทันสมัย อาคารที่อยู่อาศัยผ่านการออกแบบสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ เต็มไปด้วย hidden gems ที่ให้ค้นหาได้ทุกวันตามซอย เช่น คาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ ร้านเสื้อผ้าวินเทจที่หายาก ได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งใน Art District ระดับโลก เช่นเดียวกับ Daikanyama ในโตเกียว Beijing’s798 Art District ที่ปักกิ่ง Montmartre, Shoreditch ในปารีสและลอนดอน”
แบรนด์ Reference ของเอสซี ออกแบบให้มีส่วนผสมของบริบทจากทำเลที่ตั้ง ชุมชน การใช้ชีวิตในย่านนั้นๆ พร้อมฟังก์ชันการใช้งาน จากเสน่ห์ของทำเลเอกมัย “Design District” เป็นจุดเริ่มต้นของเเรงบันดาลใจในการดีไซน์ Reference Ekkamai ด้วยเเนวคิด The Design of Simplicity คอนเซปต์ “Quiet elegance” สง่างาม ผสมความเรียบง่าย นับเป็นโอกาสลงทุนที่แข็งแกร่ง และทำกำไรจากกลุ่มต่างชาติที่พำนักอาศัยในไทย (Expats) และ ชาวญี่ปุ่น ที่สนใจที่ย่านนี้เป็นพิเศษ โดยข้อมูลสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (REIC) ปี 2567 พบว่าอัตราการดูดซับในย่านเอกมัย สูงถึง 70% ราคาที่ดินเติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ลมเปลี่ยนทิศ!ต่างชาติรุกลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ‘เมืองไทย’ดาวรุ่งพุ่งแรง
ปณต สิริวัฒนภักดี ซีอีโอเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ชี้’เมืองไทย’กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง หลังกลุ่มทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้นเปรียบเสมือนเป็นฤดูใบไม้ผลิที่เข้ามาเยือนอาเซียน
ในการประชุมซีอีโอระดับโลก Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ได้เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ (20 พ.ย.) โดยภายในงานได้รวบรวมผู้นำทางธุรกิจที่ทรงอิทธิพลจากทั่วโลกไว้กว่า 400 คน
เซกชั่น Thailand Now—And Next ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า แม้ว่าปัจจุบันตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศจะคงที่แต่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามามีคุณภาพเป็นส่วนหนึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อไปได้ ขณะเดียวกันในภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่มีการเข้ามาลงทุนจากกลุ่มทุนต่างชาติมากขึ้นถึงเวลาที่ผู้ประกอบการจะต้องปรับกระบวนทัศน์ใหม่เพื่อรองรับโอกาสและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
” 10 ที่ผ่านมาบริษัทจึงได้พัฒนาโครงการ วัน แบงค็อกบนถนนพระราม 4 เพื่อรองรับกับการขยายตัวเศรษฐกิจ คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและจีดีพีประเทศไทย”
แนะปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง
นายปณต กล่าวต่อว่า ปัจจุบันทุนจากต่างประเทศเริ่มไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เปรียบเสมือนเป็นฤดูใบไม้ผลิที่เข้ามาเยือนอาเซียน ถือเป็นโอกาสที่ดี ยิ่งในยุคอาเซียนกำลังมาแรงประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่ง ดังนั้นในฐานะผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อรองรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตที่มองไม่เห็นไว้ล่วงหน้า เพราะความไม่แน่นอนคือความแน่นอน ยิ่งในยุคนี้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็ว
จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการวัน แบงค็อก ที่มีการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์และจุดควบคุมอัจฉริยะมากกว่า 250,000 ตัว รวมถึงกล้องวงจรปิดกว่า 5,000 จุด ที่สามารถตรวจสอบและบันทึกข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อประสิทธิภาพของระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่เข้ามาอยู่อาศัยและใช้บริการ
” ทุกอย่างในโครงการมาจากข้อมูล การเรียนรู้จากโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้อยู่ในกระดาษ ฉะนั้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้จึงมีความสำคัญมากขึ้น “
ประเทศไทยถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์สำคัญในอาเซียนที่มีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านหนึ่งในนั้นคือ ความแข็งแรงของภาคการท่องเที่ยว ที่มีผลต่อการเติบโตของจีดีพีประเทศ และอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมามีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ถือเป็นจุดศูนย์กลางที่ลงตัวเพราะสามารถรองรับดีมานด์จากจีนและสหรัฐอเมริกาได้ ดังนั้นการพัฒนาโครงการอสังหาฯที่สามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจะช่วย”ลดช่องว่าง”ของความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจได้
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้21พ.ย. “แข็งค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 34.64 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ Sideways เหตุตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ฝั่งผู้ส่งออกต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ ในช่วงแนวต้าน 34.70-34.80 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้21พ.ย.2567 ที่ระดับ 34.64 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”
จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.70 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai Global Market ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ Sideways เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม
ซึ่งอาจมีจุดสำคัญอยู่ที่ช่วงวันศุกร์ ซึ่งจะมีการรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ของญี่ปุ่น (ส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ ได้)
รวมถึงรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (S&P Manufacturing and Services PMIs) เดือนพฤศจิกายน ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของบรรดาธนาคารกลางหลักได้เช่นกัน
ทั้งนี้ เราประเมินว่า เงินบาทเผชิญความเสี่ยงสองด้าน (ทั้งอ่อนค่าและแข็งค่า) พอๆ กัน โดยแรงหนุนฝั่งแข็งค่านั้น อาจมาจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ตราบใดที่ผู้เล่นในตลาดยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือ
ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง (ซึ่งดูสงบลงจากช่วงก่อนหน้าพอสมควร)
ทว่า ความกังวลต่อความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ดังกล่าว ก็มีโอกาสหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่กดดันเงินบาทได้เช่นกัน และแม้ว่าเงินดอลลาร์อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways หรืออาจยังไม่ได้แข็งค่าขึ้นชัดเจนท่ามกลางแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD แต่เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้ จากแรงขายสินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติ ที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง
โดยในวันก่อนหน้า นักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิหุ้นและบอนด์ไทย กว่า -4.6 พันล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นพอสมควรจากช่วงต้นสัปดาห์ นอกจากนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดอย่างฝั่งผู้นำเข้าก็อาจรอจังหวะทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์แถวโซนแนวรับช่วง 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้เงินบาทก็อาจยังไม่สามารถแข็งค่าทะลุโซนแนวรับดังกล่าวได้ง่ายนัก
ขณะเดียวกัน ฝั่งผู้ส่งออกต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ ในช่วงแนวต้าน 34.70-34.80 บาทต่อดอลลาร์ (โซนถัดไป 35.00 บาทต่อดอลลาร์) ทำให้โดยรวมเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ระหว่างโซนดังกล่าวไปก่อน จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.75 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง (กรอบการเคลื่อนไหว 34.59-34.76 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าโดยรวมเงินดอลลาร์จะทยอยแข็งค่าขึ้น ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คงเชื่อว่า เฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ยและ
มีโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ได้ระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน ทว่าเงินบาทก็ยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์สูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ราว +30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่โซน 2,640-2,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์
หลังผู้เล่นในตลาดยังคงต้องการถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทวีความร้อนแรงในช่วงนี้ (เรามองว่า ควรจับตาพัฒนาการของสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงิน
โดยเฉพาะในส่วนของราคาทองคำและเงินบาทได้) นอกจากนี้ ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงนี้ ยังได้หนุนให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ชะลอการอ่อนค่าลงบ้าง หลังในช่วงระหว่างวัน เงินเยนญี่ปุ่นได้ทยอยอ่อนค่าลงใกล้โซน 156 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ซึ่งภาพดังกล่าว กอปรกับแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD ก็มีส่วนช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในช่วงคืนที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน
บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง เพื่อรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคฯ ใหญ่ อย่าง Nvidia -0.8% อีกทั้งบรรยากาศในตลาดการเงินก็ยังคงถูกกดดันจากความกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน
ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นบ้างของหุ้นกลุ่ม Healthcare
โดยเฉพาะ UnitedHealth +4.1% จากข่าว ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่งตั้ง Dr. Mehmet Oz (Dr. Oz) ให้ดูแลเกี่ยวกับศูนย์บริการทางการแพทย์ของรัฐบาล (Center for Medicare & Medicaid Services) ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.002% แทบไม่เปลี่ยนแปลง
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ยังคงปรับตัวลง -0.022% ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน
รวมถึงผลกระทบจากนโยบายการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มยานยนต์ของยุโรป อาทิ Porsche -4.5% ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อาทิ Rio Tinto +0.6%
ในส่วนของตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 4.40% แม้ว่าจะมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้นบ้าง ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คงเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด
ทว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ถูกจำกัดโดย ทั้งแรงซื้อ Buy on Dip รวมถึงความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน
ทั้งนี้ เราคงแนะนำให้ผู้เล่นในตลาดใช้จังหวะที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อสะสมบอนด์ระยะยาว (เน้น Buy on Dip)
เนื่องจาก Risk-Reward ของการถือครองบอนด์ระยะยาวยังมีความน่าสนใจ เมื่อประเมินจากผลตอบแทนรวม (Total Return)
โดยเฉพาะในกรณีที่ บอนด์ยีลด์ระยะยาวอาจปรับตัวขึ้นหรือลง +/-50bps ซึ่งน้อยกว่าการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เพื่อถึงจุด Break-Even
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
ทว่า เงินดอลลาร์ก็ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ ตามแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD
อีกทั้ง ความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงนี้ ก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 106.6 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 106.5-106.9 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ ความกังวลต่อสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทวีความร้อนแรงขึ้น รวมถึงจังหวะการย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2025) สามารถทยอยปรับตัวขึ้นสู่โซน 2,670-2,680 ดอลลาร์
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด โดยเฉพาะสำหรับการประชุม FOMC เดือนธันวาคมนี้
นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลักอื่นๆ นอกจากเฟด ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ BOE และ ECB พร้อมทั้งติดตาม สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงร้อนแรงอยู่ในช่วงนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วิว กุลวุฒิ พบ Wang Tzu Wei’ ถ่ายทอดสดแบดมินตัน ไชน่า มาสเตอร์ส 2024 ดูไทยวันนี้
ดูไทยวันนี้ ถ่ายทอดสดแบดมินตัน ไชน่า มาสเตอร์ส 2024 “ทีมชาติไทย พบ ไต้หวัน” เชียร์นักกีฬาไทย “วิว กุลวุฒิ พบ Wang Tzu Wei” ดูแบดมินตันสด การแข่งขันแบดมินตัน LI-NING China Masters 2024 ประเภทชายเดี่ยว ดูผลแบดมินตันสด ตารางแบดมินตันวันนี้
ดูสด ดูแบดมินตันสด “กรุงเทพธุรกิจ” ตามติดความเคลื่อนไหวศึกแบดมินตัน หลี่-หนิง ไชน่า มาสเตอร์ส เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ที่สนามเซินเจิ้น อารีน่า สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดแข่งขันขึ้นระหว่างวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2567 – วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2567
ดูไทยวันนี้ “ทีมชาติไทย พบ ไต้หวัน” เชียร์นักกีฬาไทย “วิว กุลวุฒิ พบ Wang Tzu Wei” ดูแบดมินตันสด การแข่งขันแบดมินตัน หลี่-หนิง ไชน่า มาสเตอร์ส 2024 (LI-NING China Masters 2024) ประเภทชายเดี่ยว รอบ 16 คน ดูผลแบดมินตันสด ลุ้นไทยเข้ารอบ อัปเดตตารางแบดมินตันวันนี้
เชียร์ไทยวันนี้ 21 พฤศจิกายน 2567 ถ่ายทอดสดแบดมินตัน ไชน่า มาสเตอร์ส 2024 เวลา 09.40 น. แฟนนักตบลูกขนไก่ไทย ห้ามพลาด!
ตารางแบดมินตันวันนี้ 21 พฤศจิกายน 2567 ตารางการแข่งขันแบดมินตันไชน่า มาสเตอร์ส 2024 รอบ 16 คน ของนักกีฬาไทย
- Court 3 : เวลา 09.00 น. ประเภทคู่ผสม “ปอป้อ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย – เอ็ม สุภัค จอมเกาะ พบ YANG Yan Zhe – HUANG Dong Ping จากจีน”
- Court 2 : เวลา 9.40 น. ประเภทชายเดี่ยว “วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ พบ Wang Tzu Wei จากไต้หวัน”
- Court 3 : เวลา 13.10 น. ประเภมหญิงเดี่ยว “หมิว พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ พบ Lin Hsiang-Ti จากไต้หวัน”
- Court 3 : เวลา 15.00 น. ประเภทหญิงเดี่ยว “เม ศุภนิดา เกตุทอง VS Malvika Bansod จากอินเดีย”
ช่องทางดูแบดมินตันสด ถ่ายทอดสด แบดมินตันหลี่-หนิง ไชน่า มาสเตอร์ส 2024
ดูสดกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย ศึก LI-NING China Masters 2024 เชียร์ทัพนักกีฬาไทย “วิว กุลวุฒิ พบ Wang Tzu Wei” ถ่ายทอดสดวันนี้ทาง
- SPO TV1
- TRUESPORT 7
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
3 โรคกับ 3 ท่านอนไม่แนะนำ เพราะอันตรายถึงชีวิต
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ – ประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน – ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น แต่ยังส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกายของคุณด้วย จากมุมมองทางด้านความรู้ความเข้าใจ การนอนไม่เพียงพออาจส่งผลต่อการทำงานของสมองของคุณ ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหากคุณป่วย หรือมีปัญหาด้านสุขภาพบางอย่างก็มีบางท่านอนที่ไม่เหมาะกับคุณ
3 โรคกับ 3 ท่านอนไม่แนะนำ
ไม่ควรนอนคว่ำ
มีท่านอนบางท่าที่ควรหลีกเลี่ยงหากทำได้ หากคุณมีอาการปวดคอ การนอนคว่ำไม่ใช่คำแนะนำที่ดี เนื่องจากเมื่อนอนคว่ำ คุณจำเป็นต้องหันศีรษะไปด้านใดด้านหนึ่งเพื่อหายใจ การอยู่ในท่าคอหักเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอาการปวดและเกร็งที่คอ
ไม่ควรนอนหงาย
หากคุณมีอาการนอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ คุณอาจต้องการหลีกเลี่ยงการนอนหงาย การนอนหงายอาจทำให้หลอดลมอ่อนคล้อยไปด้านหลังของลำคอ ทำให้เกิดอาการนอนกรนหรือขาดออกซิเจนขณะหลับ ซึ่งส่งผลให้การนอนหลับไม่เต็มอิ่มและไม่ดีต่อสุขภาพ
ไม่ควรนอนตะแคง
หากคุณเป็นโรคต้อหิน การนอนตะแคงอาจเพิ่มความดันในลูกตา การศึกษาพบว่าดวงตาที่อยู่ด้านล่าง (ดวงตาซ้ายสำหรับคนนอนตะแคงซ้าย) มีความดันลูกตาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดวงตาบน หากคุณเป็นโรคต้อหินข้างเดียว คุณควรนอนตะแคงโดยให้ดวงตาที่เป็นโรคอยู่ด้านบน
การนอนตะแคงอาจเป็นเรื่องยาก ดังนั้นคุณอาจต้องลองใช้หมอนหนุนหรือหมอนยาวเพื่อช่วยให้คุณอยู่ในท่านอนตะแคง การค้นหาหมอนและอุปกรณ์ช่วยนอนที่ดีที่สุดอาจต้องใช้เวลาลองผิดลองถูก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ประโยค ขอความช่วยเหลือ ภาษาอังกฤษ
ประโยคขอความช่วยเหลือ ภาษาอังกฤษ
เราทุกคนจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือ มีวลีมากมายช่วยให้เราพูดได้อย่างเหมาะสม
การพูดขอความช่วยเหลือ (Asking for help)
การขอความช่วยเหลือภาษาอังกฤษ ที่เราพูดออกไปนั้น หลายคนคงสงสัยคำพูดที่ใช้สุภาพเพียงพอหรือไม่ อันที่จริงเเล้วการพูดให้สุภาพนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมากไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม โดยเฉพาะการพูดกับคนที่เราไม่รู้จัก เพื่อให้คนฟังรู้สึกดีและให้ความร่วมมือกับเรา
วันนี้ เอ็ด ดู เฟิร์สท์ จึงนำ ประโยคขอความช่วยเหลือ ภาษาอังกฤษ เพื่อการ “พูดขอความช่วยเหลือ อย่างสุภาพ” มาให้นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันค่ะ
การขอความช่วยเหลือภาษาอังกฤษ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ Can, Could และ Would กันก่อน
Can – ขอความช่วยเหลือ เพื่อนหรือคนสนิท
- Can you help me?
(แคน ยู เฮลพฺ มี)
คุณสามารถช่วยฉันได้ไหม - Can you do me a favor please?
(แคน ยู ดู มี อะ ฟะ’เวอะ พลีซ)
คุณสามารถช่วยอะไรฉันสักนิดได้ไหม
Could – ขอความช่วยเหลือ อย่างสุภาพ
- Could you help me?
(คูด ยู เฮลพฺ มี)
คุณพอจะช่วยฉันได้ไหม - Could you please help me out with…..?
(คูด ยู พลีซ เฮลพฺ มี เอาทฺ วิธ)
คุณพอจะช่วยฉันเกี่ยวกับ..ได้ไหม
Would – ขอความช่วยเหลืออย่างสุภาพ เป็นทางการ
- Would you help me?
(วูด ยู เฮลพฺ มี)
คุณยินดีที่จะช่วยฉันไหม - Would you mind helping me?
(วูด ยู ไมน์ดฺ เฮล’พิง มี)
คุณพอจะช่วยฉันได้ไหม (ความหมายแบบเกรงใจมาก ๆ) - Would you please explain to me ……?
(วูด ยู พลีซ เอคซฺ’เพลน ทู มี)
คุณช่วยอธิบาย…ให้ฉันฟังหน่อยนะ
ประโยคขอความช่วยเหลือภาษาอังกฤษ ง่ายๆ
สามารถใช้รูปแบบประโยคนี้ได้ กรณีที่เราขอความช่วยเหลือในเรื่องที่ไม่มากจนเกินไปนัก
- Can you give me a hand for a minute?
(แคน ยู กิฟว มี อะ แฮนดฺ ฟอร์ อะ มิน’นิท)
คุณสามารถช่วยฉันสักพักได้ไหม - Could you lend me a hand?
(คูด ยู เลนดฺ มี อะ แฮนดฺ)
คุณพอให้ฉันยืมตัวหน่อยได้ไหม
ตัวอย่าง ประโยคขอความช่วยเหลือภาษาอังกฤษ ที่ควรรู้
- Is there any chance you have time to …?
คุณพอมีเวลาที่จะ….ได้ไหม - Please help me with ….. .
โปรดช่วยฉันในเรื่อง - Is it possible for you to …….. ?
คุณพอที่จะทำ…ได้ไหม - I was wondering if you could please show me how to ….. .
ฉันไม่แน่ใจว่าคุณพอที่จะทำให้ฉันดูในวิธี…ได้ไหม - Do you have any free time on ….?
คุณมีเวลาว่างที่จะ..ได้ไหม - Do you know anything about ….?
คุณรู้อะไรเกี่ยวกับ .. หรือเปล่า - I was having a problem with ……. Do you think you can help me?
ฉันกำลังมีปัญหาในเรื่อง… คุณคิดว่าคุณจะสามารถช่วยฉันได้ไหม
ตัวอย่าง ประโยคที่เราเข้าหาไปผู้อื่น และขอให้ช่วยเหลือ
- If you don’t mind, I could really use your assistance with …. ?
หากคุณไม่ว่าอะไร ฉันพอจะให้คุณช่วยในเรื่อง…ได้ไหม - If you don’t mind, I really need your help with …. .
หากคุณไม่ว่าอะไร ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณในเรื่อง….จริง ๆ - I know (that) you’re good at ….. , and I really could use some help.
ฉันรู้ว่าคุณเก่งในเรื่อง …. และฉันพอที่จะขอความช่วยเหลือได้ - I heard (that) you’re really good at …. . Is there any chance you could help me?
ฉันได้ยินมาว่าคุณนั้นเก่งในเรื่อง…จริง ๆ คุณพอจะช่วยฉันบ้างได้ไหม - Is there any chance that you could give me a hand with ….?
พอเป็นไปได้ไหมที่คุณจะช่วยฉันในเรื่อง…ได้ - I heard that you have a lot of experience with ….. , and I could really use your help.
ฉันได้ยินมาว่าคุณมีประสบการณ์อย่างมากในเรื่อง … ฉันน่าจะพอขอความช่วยเหลือจากคุณได้บ้าง
ประโยคเสนอความช่วยเหลือภาษาอังกฤษ
เมื่อเจอคนตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก แต่เราอยากแสดงความมีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือ ภาษาอังกฤษ พูดได้หลายแบบ ดังนี้
- Let me help you. ให้ฉันช่วยคุณนะ
- Do you want any help? คุณต้องการความช่วยเหลือไหม?
- Do you need a hand? คุณต้องการให้ช่วยไหม
- What can I do for you? มีอะไรให้ช่วยบ้างหรือเปล่า
- Is there anything I can do for you? มีอะไรที่ฉันสามารถช่วยคุณได้บ้างไหม
- If you want me to help, please let me know. ถ้าคุณอยากให้ช่วย บอกได้เลยนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
‘ไอทีอัตโนมัติ’ ตัวเปลี่ยนเกม ความสำเร็จดิจิทัลองค์กร
ระบบไอทีที่ทำงานโดยอัตโนมัติ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนความสำเร็จให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และอาจเป็นตัวเปลี่ยนแกมให้กับองค์กรใดก็ตามที่มองหาการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดำเนินงานด้านไอที…
สุพรรณี อำนาจมงคล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เร้ดแฮท เปิดมุมมองว่า ระบบไอทีอัตโนมัติ คือ การใช้ซอฟต์แวร์จัดการกับงานธุรการที่ต้องทำซ้ำๆ กัน ด้วยวิธีการแบบแมนนวล เสมือนการตั้งค่าการทำกิจวัตรประจำวันอย่างชาญฉลาดมากมายไว้ช่วยองค์กรจัดการงานต่าง ๆ ช่วยให้สภาพแวดล้อมไอทีขององค์กรทำงานอย่างราบรื่น และสเกลได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องการ
สำหรับ ข้อดีของระบบไอทีอัตโนมัติ คือ การนำระบบอัตโนมัติมาใช้กับกระบวนการด้านไอทีในองค์กรมีคุณประโยชน์หลายประการ ที่ไม่เพียงเกี่ยวกับการทำให้งานต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
แต่ยังเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความยืดหยุ่น สร้างสรรค์ และปลอดภัย การมีแนวคิดและวิธีคิดในการใช้ไอทีอัตโนมัติ จะช่วยให้ระบบไอทีขององค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เพิ่มประสิทธิภาพ ‘งานด้านไอที’
โดยประโยชน์ที่ชัดเจนมีอยู่ 5 ประการ ดังนี้ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านไอที เพื่อสร้างพื้นที่ให้กับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ : ระบบอัตโนมัติสามารถรับหน้าที่ทำงานด้านไอทีที่ซับซ้อนจำนวนมากได้ เป็นการลดความจำเป็นที่ต้องใช้คนที่มีทักษะเฉพาะทาง และขจัดปัญหาคอขวดต่างๆ ที่สร้างความยุ่งยากลงได้ ระบบต่างๆ จึงสามารถทำงานอย่างเชื่อถือได้มากขึ้น และกระบวนการทำงานต่าง ๆ จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ระบบอัตโนมัติช่วยให้ทีมไอทีมีอิสระจากงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ จำนวนมากในแต่ละวัน และนำเวลาที่มีไปใช้เชิงความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น รวมถึงทำโปรเจกต์ที่น่าตื่นเต้นใหม่ๆ ได้ นับเป็นการช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
เพิ่มความแม่นยำและลดข้อผิดพลาด : กระบวนการอัตโนมัติต่างๆ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์น้อยลงมาก และงานจะเสร็จสิ้นลงด้วยมาตรฐานความแม่นยำที่สูงกว่ากระบวนการที่ต้องอาศัยมนุษย์ องค์กรจึงคาดหวังได้ว่างานต่าง ๆ จะสำเร็จโดยมีความผิดพลาดที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงน้อยลง
วางตลาดสินค้า/บริการได้เร็วขึ้น : ระบบอัตโนมัติสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทีม และทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ ในการพัฒนาและการปรับใช้รวดเร็วและยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยให้องค์กรส่งผลิตภัณฑ์และบริการสู่ตลาดได้เร็วขึ้น และมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ระบบอัตโนมัติ ช่วยให้องค์กรสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพร้อมให้นำมาใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและการวางแผนเชิงกลยุทธ์
ตัวช่วยรับมือการเปลี่ยนแปลง
เสริมมาตรฐานด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างรัดกุม : ระบบอัตโนมัติสามารถเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านไอทีให้กับองค์กร ด้วยการทำให้องค์กรสามารถดำเนินนโยบายด้านความปลอดภัยได้อย่างสอดคล้องกันและปฏิบัติตามมาตรการด้านกฎระเบียบได้อย่างไม่ยุ่งยาก
เพิ่มประสิทธิภาพการกู้คืนระบบและคงความต่อเนื่องทางธุรกิจ : การกู้คืนระบบเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำแผนกู้คืนระบบไอทีและข้อมูลขององค์กรอย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น คอมพิวเตอร์หลักขององค์กรล่มหรือข้อมูลทั้งหมดสูญหาย
ส่วนความต่อเนื่องทางธุรกิจหมายถึง การที่องค์กรสามารถดำเนินงานสำคัญต่อได้อย่างราบรื่นไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น งานที่เกี่ยวกับสำรองและกู้คืนระบบที่เป็นอัตโนมัติ จะช่วยให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นและเชื่อถือได้มากขึ้นอย่างมาก
การทำให้งานด้านไอทีเป็นอัตโนมัติ ไม่เพียงเกี่ยวกับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานของกลยุทธ์ขององค์กร
บริษัทหลายแห่งในปัจจุบัน ไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม ต่างต้องการความยืดหยุ่นและความยั่งยืน ระบบอัตโนมัติสามารถช่วยองค์กรสร้างนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านต่างๆ มากขึ้น ทั้งยังส่งเสริมมาตรการด้านความปลอดภัยในภาพรวมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังช่วยให้องค์กรตอบสนองได้ดีขึ้น การนำระบบไอทีอัตโนมัติมาใช้ในเชิงรุก เป็นหนทางหนึ่งที่สามารถเพิ่มความคล่องตัว และสร้างความพร้อมรับความท้าทายในอนาคตให้กับบริษัทด้านเทคโนโลยี
กลยุทธ์การทำงานด้านไอทีอัตโนมัติ สามารถช่วยองค์กรปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ทั้งยังช่วยให้ประหยัดเวลา เพิ่มคุณภาพ เพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน และลดค่าใช้จ่ายในองค์กร ไม่ว่าสภาพแวดล้อมการทำงานขององค์กรจะซับซ้อนเพียงใด หรือองค์กรกำลังอยู่ ณ จุดไหนบนเส้นทางการปรับระบบไอทีให้ทันสมัยก็ตาม
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ใครบ้างไม่ควรกิน “ฝรั่ง” แม้มีประโยชน์ แต่กระทบสุขภาพกับคนเหล่านี้
ฝรั่ง เป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ชื่นใจ และอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ทำให้เป็นที่นิยมของคนทุกเพศทุกวัย แต่ถึงแม้ฝรั่งจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ก็มีบางกลุ่มคนที่ควรระวังในการบริโภคฝรั่ง นั่นเป็นเพราะในฝรั่งก็มีสารบางชนิดที่อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน และต่อไปนี้คือคนที่ไม่ควรกินฝรั่ง
1.ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร หากคุณรู้สึกคลื่นไส้หรือปวดท้องหลังจากรับประทานฝรั่ง คุณควรหลีกเลี่ยงการรับประทานฝรั่ง
2.โรคผิวหนังอักเสบ ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบควรหลีกเลี่ยงการใช้สารสกัดจากใบฝรั่ง เนื่องจากอาจทำให้อาการผิวหนังอักเสบรุนแรงขึ้น สารเคมีบางชนิดในสารสกัดใบฝรั่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ การทาสารสกัดใบฝรั่งโดยตรงบนผิวหนังอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ในบางคน
3.ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่ใช้ยารักษาโรคเบาหวาน ควรระมัดระวังในการใช้สารสกัดจากใบฝรั่ง เพราะทั้งฝรั่งและสารสกัดจากใบฝรั่งมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้น ผู้ที่ใช้สารสกัดจากใบฝรั่งควรมั่นตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
4.ก่อนการผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยงการใช้ฝรั่งเป็นยาหรืออาหารเสริมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เนื่องจากฝรั่งสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21/11/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 43,450.00 | 43,550.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,815.00 | 42,675.40 | 44,050.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,533.50 | 38,407.86 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,252.00 | 34,140.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,267.00 | 19,207.72 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 985.00 | 14,932.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,917.00 | 44,221.72 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/11/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.95 | 35.95 | 36.55 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.58 | 35.58 | 36.18 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.84 | 33.84 | 34.44 | 33.84 | 33.84 | – | 33.84 | 33.84 | 33.84 | 33.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.59 | 33.59 | – | – | – | – | – | – | – | 33.59 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.54 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 44.54 |
เบนซิน 95 | 44.24 | – | – | – | 49.81 | – | 44.74 | 44.39 | – | 44.24 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |