‘โรงแรมนารายณ์’ โฉมใหม่ ปลุกสีลม ท้าชนแลนด์มาร์ก ‘วอลล์สตรีท’ ไทย
การประกาศ ปิดตำนานโรงแรม นารายณ์ สีลม โรงแรมขนาดใหญ่ 500 ห้อง เลื่องชื่อ ลุยแปลงโฉมเป็นโรงแรมระดับลักชัวรีสมัยใหม่ ปลุก “วอลล์สตรีท” ไทยแลนด์ ท้าชนแลนด์มาร์กบิ๊กอสังหาฯ ทั้งดุสิตเซ็นทรัลพาร์ค , สีลมเอจ ขณะ CBRE เผย รีโนเวทช่วงเวลาเหมาะ คาดในอนาคต ทำเลเนื้อหอม ดันราคาห้อง
ข้อจำกัดไร้ ‘ที่ดินเปล่า’ บนถนนสีลม ย่านเศรษฐกิจการค้าเก่าแก่สำคัญของ กทม. อีกทั้งยังนับเป็น ‘ทำเลไข่แดง’ ของระบบขนส่งมวลชน จุดเปลี่ยนถ่าย การเดินทางรถไฟฟ้า BTS และ MRT ทำให้วันนี้ ถนนสีลม ซึ่งไม่ต่างจาก “วอลล์สตรีท” ของประเทศไทย เกิดความเคลื่อนไหวด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างน่าจับตามอง ไม่ต่างจากรอยต่อ ถนนพระราม 4 ที่อนาคต กำลังคราคร่ำไปด้วยโปรเจกต์ขนาดใหญ่มากมาย
3บิ๊กโปรเจกต์รอผงาด
ถนนสีลม ที่มีศักยภาพสูงมาก ในนาม ถนนสายธุรกิจ กลับมาคึกคัก ตั้งแต่การลงหลักปักฐานสร้างตำนานบทใหม่ของ โรงแรมดุสิต หัวมุมถนนสีลม-พระราม4 สู่ บิ๊กโปรเจ็กต์ โครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” มูลค่ากว่า 4.6 หมื่นล้านบาท โดยผู้พัฒนา กลุ่ม ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กับ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา ในนาม วิมารสุริยา หวังปั้นเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ และยังคงความเป็นดุสิตธานี ตำนานที่ยังมีลมหายใจระดับสากล เตรียมเปิดบริการ ปี 2567
ขณะในช่วงสถานการณ์โควิด19 อสังหาฯ กลุ่ม เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ในนาม บมจ. เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) เข้าปิดดีล อาคารโรบินสันเก่า พื้นที่ 2 ไร่ 2 งาน 71 ตร.ว. หัวมุมฝั่งตรงกันข้าม ด้วยสัญญาเช่าซื้อ จาก “สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์” ลงทุน 1.8 พันล้านบาท ลุยแปลงโฉมเป็น โครงการ สีลมเอจ มิกซ์ยูสที่น่าจับตามอง มีทั้งอาคารสำนักงาน และ พื้นที่ค้าปลีก รับกำลังซื้อมหาศาล 5-7 แสนคนต่อวัน เตรียมเปิดให้บริการ ก.ย.2565 นี้
และที่ฮือฮาล่าสุด กับการประกาศปิดตำนานโรงแรม นารายณ์ สีลม โรงแรมขนาดใหญ่500 ห้อง เลื่องชื่อ ในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ Wedding Destination ความโอ่อ่าของห้องจัดเลี้ยง ก่อนยุคโรงแรมดุสิตธานี เปิดดำเนินการมานานนับ 52 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 โดยกลุ่มบริษัท นารายณ์ โฮเต็ล ซึ่งถือหุ้นใหญ่ โดยกิจการกระดาษ ‘ฮั่วกี่เปเปอร์’ ของตระกูล นิธิวาสิน ขณะทายาทรุ่นที่ 3 เผย เตรียมอำลาตึกสูงตระหง่าน ซึ่งมีทั้งห้องบอลรูมขนาดใหญ่ และ ห้องอาหารระเบียงทอง ไปสู่การทุบ เปลี่ยนโฉม โรงแรมนารายณ์ ปรับเป็นโรงแรมระดับลักชัวรีสมัยใหม่ และ พื้นที่ส่วนรวม รองรับทราฟฟิคที่คึกคักของสีลมตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงคืน
ทั้งนี้ โรงแรมนารายณ์ ปรับปรุงใหม่จะมีทีมผู้บริหารคนรุ่นใหม่ เข้ามาดำเนินการทั้งหมด ตั้งเป้าเป็น “An Oasis” และปลุกปั้นท้าชน แลนด์มาร์กดัง ของ กทม.อีกครั้ง โดยคาดจะใช้เวลาก่อสร้างราว 4 ปี และจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการธุรกิจโรงแรมไทย โดยจะคงความเป็น One of The Best of Bangkok อีกครั้ง
รุ่น3 นารายณ์ แย้มแผนพัฒนา
นายนที นิธิวาสิน กรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์ โฮเต็ล จำกัด เผยเบื้องต้น ความท้าทายในยุคโควิด ประกอบกับเมื่อเจาะงบการเงินของโรงแรม พบ มีผลขาดทุนเกิดขึ้น ตั้งแต่ปี 2561 จน ปี 2564 ตัวเลขอยู่ที่ 452 ล้านบาท กลายเป็นจุดเปลี่ยนธุรกิจ ที่จำเป็นต้องปรับตัวครั้งใหม่ ซึ่ง 18 ก.พ. นี้ นอกจากจะมีการจัดงาน อำลาภายใน ในหมู่พนักงานเก่าของโรงแรมนารายณ์ โดยจะเป็นการบันทึกความทรงจำร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย และ ใช้โอกาสขอบคุณ แขกผู้ที่เคยเข้ามาใช้บริการตลอด 52 ปี พร้อมกับทำพิธีย้ายศาลองค์พระนารายณ์ ชั้นด้านฟ้าของโรงแรม ไปยังสถานที่ใหม่ เดิมที โรงแรมจะจัดให้สื่อมวลชนเข้าเก็บภาพบรรยากาศภายนอก และ เปิดเผยถึงรายละเอียดของแผนการพัฒนาโรงแรมใหม่ด้วย
แต่ล่าสุด ฝ่ายสื่อสารองค์กรของโรงแรม แจ้งว่า ขณะนี้รายละเอียดของแผนการพัฒนายังไม่สิ้นสุดเรียบร้อย โดยเฉพาะ รูปแบบที่เบื้องต้น จะเป็นการทุบเพื่อสร้างใหม่ทั้งหมด พบบางส่วนอาจจะยังคงไว้ และสัญลักษณ์สำคัญ อย่าง ทับหลังนารายณ์ จะยังคงปรากฎในโรงแรมใหม่ด้วย ระบุ ทีมผู้บริหาร และผู้ถือหุ้น จะให้ข้อมูลได้อีกครั้งหลังจากนี้
อย่างไรก็ตาม ตามแผนที่ปรากฎออกมาเบื้องต้น นายนที กล่าวว่า จะใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมดราว 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2565 แบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. เพิ่มพื้นที่เปิดสำหรับบุคคลภายนอก ประกอบไปด้วย ร้านอาหาร ,พื้นที่พักผ่อน รูปแบบปล่อยเช่า สำหรับพ่อค้าแม่ค้าในละแวกดังกล่าว ขณะเดียวกัน ไฮไลท์ คือ การอัญเชิญ องค์พระนารายณ์ ที่อยู่คู่โรงแรมมาตั้งแต่เริ่มต้น ลงมาไว้ให้คนทั่วไปได้สักการะ หวังให้เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กใหม่ในย่านสีลม 2. โซนห้องพักหรูระดับลักชัวรี ซึ่งคาด จุดเด่นเรื่อง ห้องอาหาร ,ห้องจัดเลี้ยง ,ห้องบอลรูม ขนาดใหญ่ ยังจะเป็นสิ่งที่นารายณ์จะพลิกโฉมต่อยอดเพิ่มเติมด้วย ภายใต้แนวคิดของผู้บริหารรุ่นใหม่ด้วย
สีลมศักยภาพสูง CBRE ดัน ราคาห้องพัก
ขณะ นายอรรถกวี ชูแสง หัวหน้าแผนกธุรกิจโรงแรม ซีบีอาร์อี ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เผย ‘ฐานเศรษกิจ’ ว่า ความต้องการ ในการปรับปรุง โครงการใหม่ๆ ของภาคอสังหาฯนั้น เกิดขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี และกระแสเงินสดของเจ้าของ ส่วนกรณีโรงแรมนารายณ์ ไม่ได้สะท้อนภาพสภาวะตลาดโรงแรมโดยตรง แต่อย่างไรก็ตาม ตามทฤษฎีแล้ว ช่วงเวลานี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ดี ในการที่จะปรับปรุงอาคาร เนื่องจากเป็นช่วงที่รายได้ของธุรกิจลดลง และเจ้าของส่วนใหญ่ เริ่มมีความรู้ ความเข้าใจต่อสถานการณ์ ฉะนั้น หากมีเงินสดสำรอง ก็สามารถดำเนินการดังกล่าว เพื่อวางแผนรับโอกาสสำหรับอนาคต
โดยที่ผ่านมา ทำเลสีลม ของกทม. เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง เป็นย่านการค้าและมีสำนักงานร่ายล้อมคึกคัก ซีบีอาร์อี คาดว่าความต้องการในพื้นที่นี้จะเติบโตอีก เนื่องจากคุณภาพของโครงการใหม่ๆ ที่เริ่มมีการพัฒนาขึ้น และอาคารเก่าจะถูกปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาใหม่เมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งจะกระตุ้นตลาดและเพิ่มราคาห้องพักของโรงแรมได้
” ภายหลังการเกิดโควิด-19 ธุรกิจโรงแรม จะยึดมั่นในมาตรฐาน เกี่ยวกับความสะอาดอย่างเข้มงวด สำหรับการออกแบบ จะเพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการเว้นระยะห่างทางสังคมและการประชุมออนไลน์มากขึ้น เป็นสิ่งที่เราจะได้เห็นในโครงการโรงแรมใหม่ๆ นับจากนี้ ”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
42 รางวัลระดับโลก การันตีคุณภาพ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ยอดขายพุ่ง 1.72 หมื่นล้าน
“เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับการยอมรับบนเวทีระดับโลกและภูมิใจด้วยที่ทรัพยากรมหาศาลที่ทุ่มเทลงไปเพื่อคุณภาพของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านและคนทั่วไปมองเห็นคุณค่าและเห็นด้วยว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
นับเป็นอภิมหาโปรเจ็กต์ด้านอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่เดินหน้าทำสถิติสูงสุดในทุกๆด้านไว้อย่างน่าสนใจ สำหรับ โครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ (The Forestias) โดยผู้พัฒนาชั้นนำ อย่าง บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC ซึ่งวันนี้ ขึ้นแท่น เป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หนึ่งเดียวของภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุด ,สมบูรณ์แบบที่สุด และมีมูลค่าสูงที่สุดในประเทศ
ขณะปี 2564 ภายใต้สถานการณ์โควิด -19 อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และยอดขายภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยไทยชะลอตัวลง แต่โครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ กลับสามารถทยอยเปิดขายโครงการที่พักอาศัยย่อยต่างๆ ได้ตามกำหนดอย่างมีสีสัน ด้วยมูลค่าโครงการสูง เป็นสัดส่วนมากถึง 16% ของมูลค่าโครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดขายใหม่ทั้งปี 2564
ความน่าตื่นเต้นยังมาพร้อมกับการกวาดหลากหลายรางวัลระดับโลก และยอดขายรวม ที่ล่าสุด พุ่งกว่า 17,200 ล้านบาท สะท้อนภาพ ด้านคุณภาพและนวัตกรรมสุดเจ๋ง ที่จะเข้ามาเขย่าวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยในทุกมิติ นับหลังจากนี้
MQDC ปลื้มกวาด 42 รางวัลระดับโลก
เดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส ภายใต้แนวคิด ‘ที่อยู่อาศัย’ แห่งโลกอนาคต ซึ่งฉีกกฎ ตั้งแต่ ดีไซน์การออกแบบ , การผสมผสานของพื้นที่ เน้นมิติด้านสิ่งแวดล้อม – ชุมชน และ การอยู่ร่วมกันของคนยุคใหม่ หลากหลายเจเนอเรชั่นแบบไร้รอยต่อ บนพื้นที่ 398 ไร่ ถนนบางนาตราด กม.7 ซึ่งประกอบไปด้วยที่อยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 5 ล้านบาท ไปจนถึงกว่า 250 ล้านบาท โดยมีกำหนดสร้างเสร็จภายในปี พ.ศ. 2567 นั้น กลายเป็นความภาคภูมิใจอย่างมาก ของคีย์แมนคนสำคัญ ‘ กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ‘ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ หลังสามารถเป็นบันไดสร้างชื่อให้ MQDC และ ผู้พัฒนาอสังหาฯไทย ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับบนเวทีระดับโลกอย่างโดดเด่น
นายกิตติพันธุ์ ระบุ ปัจจุบัน โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลระดับโลกกว่า 42 รางวัล ได้แก่ 3 รางวัลจากงาน International Design Awards ครั้งที่ 15 โดยได้รับการยอมรับ ด้านนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรมของโครงการ ประกอบด้วยรางวัล Gold Award ด้าน Urban Design, รางวัล Silver Award ด้าน Sustainable Living and Green Design และรางวัลชมเชยสำหรับ ฟอเรสต์ พาวิลเลียน โดยเป็นการรวบรวมผลงานจากกว่า 80 ประเทศ ซึ่งเดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการหนึ่งเดียวจากประเทศไทยที่ได้รับรางวัลในปีนี้
ในบรรดาเวทีและสถาบันต่างๆ ที่มอบรางวัลให้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ จำนวนหนึ่งในนั้นคือ Outstanding Property Award London, International Property Awards, International Federation of Landscape Architects, Muse Design Awards, Dot Property Award, Eldercare Innovation Awards และ Asian Property Awards
ถอดรหัสความสำเร็จ ยืนหนึ่งด้านการออกแบบ
นอกจากรางวัลการออกแบบโดยรวมของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่ได้รับการยกย่องแล้ว องค์ประกอบที่หลากหลายอื่นๆ ยังได้รับรางวัลในด้านการออกแบบและด้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน อาทิ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ’, คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ’, คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘วิสซ์ดอม’, ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘ดิ แอสเพน ทรี’, ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘ซิกส์เซนส์’ และ Family Center และหนึ่งในองค์ประกอบในโครงการ ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดคือ ฟอเรสต์ พาวิลเลียน ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของโครงการ ได้รับการออกแบบโดย Foster+Partners และ DT Design และได้ประกาศเปิดตัวและเปิดให้เข้าชมไปล่าสุด เมื่อไม่นานมานี้
” เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับการยอมรับยกย่องบนเวทีระดับโลก และโดยเฉพาะ การตอบรับและการสนับสนุนที่ดีจากเจ้าของบ้านรายใหม่ๆ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติจากทั่วโลก หลังเห็นว่าโครงการของเรา ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น ตลอดจนความยั่งยืนในเรื่องของการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุต่างๆ ภายใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ “
โครงการเมืองตอบรับเทรนด์อนาคต
เดอะ ฟอเรสเทียส์ นอกจากมีจุดเด่นตั้งอยู่บนพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกที่กำลังเติบโตอย่างสูง ถูกสอดรับกับองค์ประกอบภายใน ซึ่งแวดล้อมด้วยพื้นที่ธรรมชาติขนาดใหญ่, ที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ต่างๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ตลอดจนพื้นที่เชิงพาณิชย์ และพื้นที่ส่วนกลางจำนวนมากแล้ว นายกิตติพันธุ์ ระบุ สิ่งที่ทำให้โครงการประสบความเสร็จ จน ณ สิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้สูงทะลุ 17,200 ล้านบาทนั้น ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า เราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องในการทุ่มเททุกอย่างและลงทุนอย่างหนักเพื่อคุณภาพ (Quality) ความยั่งยืน (Sustainability) และการทำให้โครงการอยู่ได้เป็นอย่างดีในทุกสถานการณ์ (Resilience) โดยคาดหวังว่า เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะแสดงให้เห็นว่า ผู้ซื้อบ้านรายใหม่ๆ มีความต้องการที่อยู่อาศัยยุคใหม่อย่างแท้จริงอย่างไร
” เดอะ ฟอเรสเทียส์ ถูกมองว่าเป็น โครงการเมืองที่ทุกอย่างทุกมิติได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวจากหลากหลายเจเนอเรชั่นได้มาอยู่ใกล้ชิดกันอย่างลงตัว เราตั้งใจให้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการโชว์เคส ที่ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นจริงได้ในแง่ของการออกแบบและการก่อสร้างเท่านั้น แต่โครงการขายไปแล้วกว่า 40% ของจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมด นั่นเครื่องสะท้อนว่าผู้ซื้อยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสิ่งใด”
ทางเดินยกระดับความยาวกว่า 1.6 กิโลเมตร ซึ่งรวมทางเดินที่เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ และทางเดินที่ทอดตัวอยู่เหนือผืนป่า บริเวณใจกลางโครงการ ไม่รับรวม พื้นที่เชิงพาณิชย์ และ ไลฟ์สไตล์ พื้นที่ Town Center สำหรับกิจกรรมชุมชนและกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ โรงละคร อีเว้นต์ฮอลล์ ตลาด และการจัดวางผัง โครงการที่อยู่อาศัยตั้งแต่คอนโดมิเนียมแบบ Low-rise ไปจนถึง วิลล่าระดับซูเปอร์ลักชัวลี่ขนาดใหญ่ ซึ่งถูกตอบรับด้วยรางวัลระดับโลกและยอดขายที่สวนทางภาวะตลาด กำลังกลายเป็นโครงการต้นแบบ และ การพัฒนาเมืองที่น่าจับตามองที่สุด เมื่อวิสัยทัศน์ผู้พัฒนาอยู่เหนือมิติโลกปัจจุบันและการใช้ชีวิตแบบสมดุลในยุคใหม่
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงิน ติดตามจีดีพีไทย และรายงานการประชุมเฟด
เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-32.70 ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือ จีดีพีไทยในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะประกาศในวันจันทร์นี้
คอลัมน์ มันนี่วีก (Money…week) กฤติกา บุญสร้าง, มนัสวิน ฐิติสมบูรณ์ สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย
สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยประเมินว่า เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-32.70 ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือ จีดีพีไทยในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะประกาศในวันจันทร์นี้ โดยตลาดคาดการณ์จีดีพีไตรมาสที่ 4 พลิกกลับมาขยายตัว 0.70%YoY จากที่หดตัว 0.30%YoY ในไตรมาสก่อนหน้า ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดรุนแรง ทั้งนี้ คาดการณ์จีดีพีไทยในปี 2021 อยู่ที่ 1.2%YoY นอกจากนี้ ในวันพุธจะมีการประกาศตัวเลขการนำเข้าและส่งออกของไทยที่ตลาดคาดว่าแนวโน้มการชะลอตัว ในขณะที่ดุลการค้ามีแนวโน้มขาดดุลหนึ่งพันล้านบาทในเดือนมกราคม
ด้านต่างประเทศ สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยูเครนยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ในสัปดาห์นี้ แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ และเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียจะมีการเจรจากันอีกครั้งในยุโรป ท่ามกลางราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น กดดันให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ สหรัฐฯ จะมีการประกาศดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลในเดือนมกราคมที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สร้างแรงกดดันต่อเฟดให้ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุลเร็วขึ้น
ภาพรวมตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงวันที่ 14-18 กุมภาพันธ์ 2022 ค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่กรกฎาคม 2021 ท่ามกลางเงินทุนไหลเข้าทั้งตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น ด้วยความหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก ประกอบกับในปีที่แล้วเงินบาทอ่อนค่าที่สุดในกลุ่มสกุลเงินประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ ผู้ว่า ธปท. เผยเงินเฟ้อไทยมีแนวโน้มสูงกว่าที่เคยประเมินไว้ แต่ยังคงเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ ในขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ด้านรัฐบาลไทยประกาศลดภาษีสรรพาสามิตน้ำมันดีเซลลง 3 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน จากเดิมที่เก็บ 5.99 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยชะลอราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงผ่อนคลายแรงกดดันเงินเฟ้อ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวในฝั่งแข็งค่า ท่ามกลางความตึงเครียดยูเครน หลังมีรายงานว่ายูเครนยิงปืนและระเบิดไปที่ลูฮานสค์ แม้ยูเครนปฏิเสธข่าวดังกล่าว ด้านไบเดนย้ำว่ารัสเซียมีแผนจะบุกยูเครนในเร็วๆ นี้ และยังไม่เห็นการถอนทหารของรัสเซีย ในขณะที่รัสเซียขับไล่รองเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ออกจากมอสโก และยืนยันว่ารัสเซียถอนทหารแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามการเจรจารอบใหม่ของสหรัฐฯ และรัสเซียในสัปดาห์นี้
ด้านนโยบายการเงินสหรัฐฯ รายงานการประชุมเฟดในเดือนมกราคมระบุว่าเฟดพร้อมเร่งนโยบายการเงินตึงตัว หากเงินเฟ้อไม่ชะลอลง พร้อมระบุว่าเงินเฟ้อกระจายตัวไปในวงกว้าง ในขณะที่เศรษฐกิจเข้าใกล้การจ้างงานเต็มที่แล้ว ดังนั้น เฟดจึงประเมินว่าหากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง การขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นเป็นสิ่งที่เหมาะสม ในขณะที่การลดขนาดงบดุละจเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 3 ด้านสมาชิกเฟดยังคงมีมุมมองหลากหลาย โดย เจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดเซนต์หลุยส์ ระบุว่าเฟดจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยไปเหนือ 2% เพื่อชะลอเงินเฟ้อ ในขณะที่ลอเรตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดคลีฟแลนด์ สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วขึ้น หากในช่วงครึ่งหลังของปีเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม นีล คาสคารี่ ประธานเฟดมินนิอาโพลิส ระบุว่าดอกเบี้ยไม่มีแนวโน้มกลับไปที่ 2% ในปีนี้ เพราะการขึ้นดอกเบี้ยที่รวดเร็วเกินไปจะกระทบต่อเศรษฐกิจ ในขณะที่แมรี่ ดาลี่ ประธานเฟดซานฟรานซิสโก ระบุว่าการขึ้นดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจในระยะถัดไป
ด้านไอเอ็มเอฟสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของยุโรป และคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะชะลอลง โดยไอเอ็มเอฟระบุว่าเงินเฟ้อที่ 5.1% ของยุโรปจะชะลอลงเข้าใกล้เป้าหมายที่ 2% หลังการแพร่ระบาดผ่อนคลายมากขึ้น เนื่องจากค่าจ้างของยุโรปเพิ่มขึ้นปานกลาง ในขณะที่สมาชิกอีซีบียังคงแสดงความเห็นที่แตกต่าง โดย ฟิลิป เลน ระบุว่าอีซีบีไม่ควรรีบร้อนดำเนินการ โดยคาดว่าเงินเฟ้อจะเข้าใกล้จุดสูงสุดและชะลอลง ด้าน ด้านฟรองซัว วิลเลอรอยระบุว่ามาตรการคิวอีปกติของอีซีบีอาจสิ้นสุดลงในไตรมาสที่ 3 นี้ และมาร์ติน คาซัค กล่าวว่าอีซีบีมีแนวโน้มต้องขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
ด้านเอเชีย จีดีพีญี่ปุ่นไตรมาสที่ 4 ขยายตัว 5.4% annualized QoQ ต่ำกว่าคาดการณ์ แต่ฟื้นตัวจากที่หดตัวในไตรมาสก่อนหน้าในช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนัก ในขณะที่เงินเฟ้อในเดือนมกราคมยังอยู่ในฝั่งขยายตัวแต่ต่ำกว่าคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นเตรียมผ่อนคลายมาตรการให้คนต่างชาติเข้าประเทศได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป แต่ยังคงยกเว้นนักท่องเที่ยว สำหรับธนาคารกลางจีนคงดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปีที่ 2.85% ตามคาด และจะปล่อยเงินกู้ 3 แสนล้านหยวนสู่ตลาด ในขณะที่อี้ กัง ประธานธนาคารกลางจีนยืนยังนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยเงินเฟ้อจีนในเดือนมกราคมชะลอลงเช่นเดียวกับดัชนีราคาผู้ผลิตที่ขยายตัวชะลอต่ำกว่าคาด
เงินบาทปิดตลาดที่ 32.17 ในวันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2022 ณ เวลา 17.00 น.
ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของประเทศสหรัฐฯ อายุ 10ปี ปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยประเด็นหลักที่มีผลกระทบกับตลาดคือประเด็นของความตรึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งยังคงมีความเสี่ยงที่อาจจะมีการปะทะกันอันจะนำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงที่มากกว่านี้ได้ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาเป็นโหมดปิดรับความเสี่ยง และเห็นเม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและพันธบัตรรัฐบาล ขณะที่รายงานการประชุมเฟดที่ออกมาในช่วงกลางสัปดาห์ก็ส่งสัญญาณ Hawkish น้อยกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์เอาไว้ โดยมีการพูดคุยถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลดงบดุลอาจเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 3 ส่งผลให้พันธบัตรรัฐบาลของประเทศสหรัฐฯ อายุ 10ปีปรับตัวลดลงต่ำกว่า 2% มาอยู่แถวบริเวณ 1.97% ส่วนทางฝั่งตลาดฟิวเจอร์ได้ price in โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยตลอดทั้งปี 2022 อยู่ที่ 6 ครั้ง เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 6.5 ครั้ง ขณะที่โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 50 bps ในการประชุมเดือนมีนาคมอยู่ที่ 33% ลดลงจาก 67% ในสัปดาห์ก่อนหน้า
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยมีการเคลื่อนไหวเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดโลก คืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงเล็กน้อยตลอดอายุของพันธบัตร ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดตราสารหนี้อย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 จาก 7สัปดาห์นับจากต้นปี 2022 โดยกระแสเงินทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยมูลค่าสุทธิประมาณ 7,326 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น 446 ล้านบาท ซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 8,945 ล้านบาทและมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 1,173 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 1, 2, 3, 5, 7 และ 10ปี อยู่ที่ 0.51% 0.71% 0.97% 1.41% 1.81% และ 2.19% ตามลำดับ
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
จุฬาฯ ล้มแชมป์เก่า ม.กรุงเทพ ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เทนนิส 100PLUS U-Team League 2021
นักหวดลูกสักหลาดจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถอนแค้น “แชมป์เก่า” ในปีที่แล้วอย่างมหาวิทยาลัยกรุงเทพได้อย่างสนุกสุดมันส์ 4-3 คู่ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึกเทนนิสประเภททีมระหว่างมหาวิทยาลัย ครั้งที่ 15 “ 100 พลัสยูทีมลีก 2021 ” รอบแชมเปี้ยนชิพ ที่สนามเทนนิสทรูอารีน่า หัวหิน วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ นำทีมโดย “มะนาว” ธมจันทร์ มอมขุนทด ดีกรีนักกีฬาทีมชาติไทย ก็เอาชนะ “แพร” นรมน เตชะรุ่งโรจน์ ไปได้ 6-0 และ 6-2 ในประเภทหญิงเดี่ยว ส่วนประเภทชายเดี่ยวเป็น อนพัช ทิมางกูร จาก ม.กรุงเทพ ก็เอาชนะ คงทรัพย์ คงคา 7-6(2) และ 5-7 (10-3) ทำให้ ม.กรุงเทพออกนำไปก่อน 2-0 คู่
แต่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ถอดใจง่าย ๆ ก่อนแซงเอาชนะ 4 คู่รวด ประเภทชายเดี่ยว 2 พีรภัทร เด็ดทองหลาง ชนะ สิรวิชญ์ สุดเนตร 6-3 และ 6-4, หญิงคู่ ณัฎฐณิชา กินรี กับ ภัท วสุรัตน์ ชนะ ร่มธรรม ยืนยาว กับ วรรณสิริ วัฒนกสิวิชช์ 6-1 และ 6-0, ชายคู่ 1 เตชสิทธิ์ แก้วปาน กับ วัชรภูมิ เพ็ชรประดิษฐ์ ชนะ ชนาธร กางทอง กับ ศุภศิษฎ์ อภิธนวิทย์ 6-7(4), 6-4 และ 10-7 และประเภทชายคู่ 2 วชิรพล พรหมาลิขิต กับ อารัทธ์ อนุศักดิ์เสถียร ชนะ ไมเคิล เอ็ดเวอร์ด มัธยมจัทร์ กับ รัฐนันท์ จงวิลาสลักษณ์ 6-1 และ 6-0
ก่อนที่ ม.กรุงเทพจะมาแก้ตัวในคู่สุดท้าย ในประเภทคู่ผสม เป็นธมจันทร์ มอมขุนทด จับคู่ อนพัช ทิมางกูร เอาชนะ วรวลัญช์ ดำชะอม กับ คงทรัพย์ คงคา 6-2 ทั้งสองเซท จบเกม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเอาชนะไปได้ 4-3 คู่ ผ่านเข้าชิงชนะเลิศพบกับ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่เอาชนะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ 5-2 คู่ โดยรอบชิงชนะเลิศจะแข่งขันวันพรุ่งนี้ (วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565) เริ่มเวลา 08.30 น.
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
7 สัญญาณอันตราย “นอนกรน” เสี่ยงภาวะ “หยุดหายใจขณะนอนหลับ” โดยไม่รู้ตัว
เตือนนอนกรนเสียงดังเป็นประจำ ง่วงนอนมากผิดปกติ ในเวลากลางวัน อย่าละเลย อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับโดยไม่รู้ตัว
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น คืออะไร
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (obstructive sleep apnea, OSA) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีการยุบตัวของทางเดินหายใจส่วนต้น ทำให้ขณะหลับร่างกายจะเกิดภาวะขาดออกซิเจนเป็นช่วงๆ การนอนหลับขาดตอน ส่งผลต่อการทำงานของสมองทำให้เกิดอาการง่วงนอนมากผิดปกติในเวลากลางวัน เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุขณะขับรถ และเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วนลงพุง เป็นต้น
ภาวะนี้สามารถพบได้ในคนทุกวัยโดยผู้ใหญ่พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง วัยทองและคนอ้วน และอาจพบในเด็กที่มีต่อมทอนซิลและอดีนอยด์โต มีปัญหาโครงสร้างใบหน้า หรือเด็กที่อ้วน
สัญญาณอันตราย ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น
นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สัญญาณเตือนที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น คือ
- นอนกรนเสียงดังเป็นประจำ
- ญาติสังเกต พบหยุดหายใจ หายใจเฮือกเหมือนสำลักน้ำลาย
- บางครั้งตื่นมารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
- ไม่สดชื่นหลังตื่นนอน ปวดศีรษะตอนเช้า
- ง่วงนอนมากผิดปกติในเวลากลางวัน
- ไม่มีสมาธิในการทำงาน ขี้ลืม หงุดหงิดง่าย
- วิตกจริตหรือซึมเศร้า
วิธีรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น
สำหรับการรักษาภาวะดังกล่าวขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค โดยแบ่งเป็น
- การรักษาด้วยเครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (continuous positive airway pressure, CPAP) เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง ถือเป็นมาตรฐาน
- การใส่ทันตอุปกรณ์ โดยทันตแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้เหมาะสมในแต่ละรายซึ่งจะได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีระดับความรุนแรงของโรคเล็กน้อยถึง ปานกลาง
- การผ่าตัด ในผู้ป่วยที่มีโครงสร้างทางเดินหายใจส่วนต้นผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
วิธีดูแลสุขภาพหลังอยู่ในภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น
การปฏิบัติตัวพื้นฐานในผู้ป่วยที่เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น ควรปฏิบัติตนดังนี้
- คุมอาหารและลดน้ำหนักในรายที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการนอนหงาย พยายามนอนตะแคงหรือศีรษะสูง
- ไม่ควรรับประทานยานอนหลับและดื่มแอลกอฮอล์ เพราะยาจะกดการหายใจ ทำให้ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นเป็นมากขึ้น
- ไม่ควรขับรถขณะง่วงนอน เพราะอาจหลับในและทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ทั้งนี้ หากพบว่ามีสัญญาณเตือนว่าคุณอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ เพื่อเข้ารับการตรวจ การนอนหลับวินิจฉัยและหาแนวทางการรักษาต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วิธีตอบรับคำขอโทษ โดยไม่ต้องพูดว่า “It’s OK”
ถ้าหากมีใครเค้ามาขอโทษคุณและคุณตอบไปว่า “It’s OK” ที่แปลว่าไม่เป็นไร นั่นอาจจะทำให้คนขอโทษรู้สึกไม่ดีได้นะคะ วันนี้เราจึงอยากจะเสนอประโยคอื่นๆ ที่เอาไว้ใช้ในการตอบรับคำขอโทษค่ะ ไปดูกัน
1. That’s all right
= ไม่เป็นไร
2. Never mind
= ไม่เป็นไร
3. Don’t apologize
= ไม่ต้องขอโทษนะ
4. It’s doesn’t matter
= ไม่มีปัญหาเลย
5. Don’t worry about it
= อย่ากังวลเลย
6. That’s OK
= สบายมาก ไม่เป็นไร
7. I quite understand
= ฉันเข้าใจ
8. No harm done
= ไม่มีอะไรร้ายแรง
9. No worries
= อย่ากังวล
10. Apology accepted
= โอเค ฉันรับคำขอโทษ
11. That’s quite all right
= โอเคนะ ไม่เป็นไร
12. Don’t mention it
= ช่างมันเถอะนะ
13. It’s not important
= ไม่เป็นไร ไม่สำคัญหรอก
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
GISTDA สุดล้ำ ร่วม นาซ่า ใช้เทคโนโลยีอวกาศ วิจัย “ผลึกเหลวในอวกาศ” ระยะที่ 2
นาซ่า จับมือ ม. เกษตร ดึง GISTDA ใช้เทคโนโลยีอวกาศ ร่วมงานวิจัย “ผลึกเหลวในอวกาศ” ระยะที่ 2 ม.เกษตร รับผิดชอบ Scientific Part ส่วน GISTDA รับผิดชอบสร้างและทดสอบ Set อุปกรณ์ โดยการกำกับดูแลจาก NASA
ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือGISTDA กล่าวว่า ในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ นาซ่า เพื่อศึกษา “ผลึกเหลวในอวกาศ” หรือ Liquid Crystal กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ อว.
โดย GISTDA ได้ร่วมสนับสนุนงานวิจัยฯ อย่างเต็มที่ พร้อมนำองค์ความรู้ บุคลากร และเทคโนโลยีด้านอวกาศมาร่วมส่งเสริมการศึกษาวิจัยผลึกเหลวฯ เพื่อการพัฒนางานวิจัยอย่างยั่งยืน
สำหรับการดำเนินงานนั้น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะเป็นผู้รับผิดชอบ Scientific Part ของการทดลองนี้ ในขณะที่ GISTDA จะรับผิดชอบในการสร้างและทดสอบ Set อุปกรณ์ โดยมีทีม Engineer จาก NASA เป็นผู้กำกับดูแลร่วมกับทีมวิศวกรไทยในการสร้างอุปกรณ์ทั้งหมด
การทดลองนี้จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจะได้สร้างอุปกรณ์ขนาดใหญ่เพื่อให้นักบินอวกาศเป็นผู้ทดสอบและทดลองในอวกาศ โดยการสร้างอุปกรณ์นี้ต้องสอดคล้องกับ Safety Criteria ของการทดลองที่มีมนุษย์เป็นผู้ควบคุมในอวกาศ และจะเป็นพื้นฐานสำคัญให้ทีมงานด้านอวกาศไทยสามารถนำไปพัฒนาและต่อยอดเพื่อสร้างจรวดส่งไปในอวกาศได้เอง
งานวิจัยนี้เกิดขึ้นจาก 2 ความร่วมมือด้วยกันคือ 1. เกิดจากทีมนักวิจัยหลัก นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐพร ฉัตรแถมจากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิชาติ พัฒนโภครัตนา จากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม นายธีรทัศน์ ชมโชค นักศึกษาปริญญาโท Dr. Padetha Tin NASA Senior Scientist จากนาซ่า และดร.ณัฐวัฒน์ หงส์กาญจนกุล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเทคโนโลยีกิจการอวกาศจาก GISTDA ที่ได้ร่วมศึกษาผลึกเหลวในอวกาศ หรือ ลิควิดคริสตัล เพื่อพัฒนางานวิจัยในภาคอุตสาหกรรม และ 2. คือได้รับการตอบรับจากทางนาซ่าให้งานวิจัยดังกล่าวเข้าร่วมในโครงการโอเอซีส 2 ซึ่งเป็นโครงการที่เกี่ยวกับการศึกษาจุดพร่องในผลึกเหลวชนิดสเมกติกในอวกาศ
งานวิจัย Liquid Crystal ของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐพร ฉัตรแถม จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ชิ้นนี้ ถือเป็นงานวิจัยเพื่ออนาคตที่มีความสำคัญต่อโลกเป็นอย่างมาก และเป็นงานวิจัยขั้นสูงที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก
ที่ผ่านมาในการดำเนินงานในระยะที่ 1 GISTDA ได้ร่วมทำการวิจัยและสนับสนุนงานด้านวิศวกรรมและเครื่องมือสำคัญสำหรับการทดลองต่างๆ และยังได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาบุคลากรของโครงการให้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเข้ามาฝึกและร่วมทำงานอยู่ที่ GISTDA ศรีราชา ซึ่งถือว่างานระยะที่ 1 สำเร็จไปได้ด้วยดี พอมาถึงระยะที่ 2 ที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป GISTDA จะร่วมดำเนินการและสนับสนุนงานวิจัยโดยใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านอวกาศที่เราพัฒนาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นห้องปฏิบัติการที่จะใช้เพื่อการทดสอบด้านบรรยากาศ สิ่งแวดล้อม อุณหภูมิ ความสั่นสะเทือนในสภาวะอากาศเสมือนจริง รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ ภายในศูนย์ทดสอบและประกอบดาวเทียมแห่งชาติ สำหรับการทดลองงานวิจัยนี้ ซึ่งถือเป็นการวิจัยด้านอวกาศขั้นสูงที่จะต้องสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บทบาทของ GISTDA ในฐานะหน่วยงานด้านอวกาศของประเทศ เรายังคงขับเคลื่อนการดำเนินงานในทุกมิติและพัฒนางานวิจัยอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยมี Road map ด้านการวิจัยระบบโลกและอวกาศ ที่ชื่อว่า ESS หรือEarth Space System ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของเสาหลักการทดลองวิจัยอวกาศระบบโลก ดังนั้น จุดเริ่มต้นของการดำเนินงานในครั้งนี้จึงเป็นการจุดประกายที่สำคัญของการวิจัยอวกาศในไทย อีกทั้ง ปัจจุบันได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการสำคัญต่างๆมากมาย อาทิ โครงการ Artemis ซึ่งเป็นโครงการด้านอวกาศที่อยู่ภายใต้การดูแลของนาซ่าที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะพานักบินอวกาศไปเหยียบดวงจันทร์อีกครั้งในปี 2024 หรือ โครงการด้านการออกแบบหุ่นยนต์เพื่อใช้ในภารกิจต่างๆ และโครงการด้านอื่นๆอีกหลายโครงการ ทั้งนี้ ทุกๆงานวิจัยอวกาศที่ดำเนินการจะนำไปสู่อุตสาหกรรมอวกาศของประเทศและธุรกิจอวกาศต่อไปในอนาคต ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายหลักของกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
9 ผลไม้ลดความดันโลหิต กินเพิ่มความฟิต คุมความดันโลหิตไม่ให้พุ่ง
ลดความดันแบบไม่ใช้ยาด้วยผลไม้ช่วยลดความดันโลหิตสูง พร้อมด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพอีกไม่น้อย
โรคความดันโลหิตสูง ภัยเงียบที่มักไม่ค่อยแสดงอาการทางกาย ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงเลยต้องรับประทานยาลดความดันอยู่ตลอด แต่หากใครอยากลดความดันแบบไม่ใช้ยา อาหารการกินก็ช่วยลดความดันให้เราได้เช่นกันนะคะ และวันนี้กระปุกดอทคอมก็มีผลไม้ลดความดัน มาแนะนำ คนเป็นความดันสูง อยากลดความดันโลหิตด้วยตัวเอง ลองเลย
1. กล้วย
ผลไม้ช่วยลดความดันโลหิตได้ ต้องจัดอยู่ในกลุ่มผลไม้ที่อุดมไปด้วยธาตุโพแทสเซียม หรือผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงนั่นเอง และกล้วยก็เป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงเป็นอันดับต้น ๆ เลยล่ะค่ะ โดยพบว่านอกจากล้วยจะอุดมไปด้วยโพแทสเซียมแล้ว กล้วยยังเป็นผลไม้ที่มีโซเดียมต่ำ ดังนั้น กล้วยจึงช่วยบำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือดที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
2. มะม่วง
มะม่วงเป็นผลไม้ที่สามารถลดระดับความดันโลหิตได้ เพราะในมะม่วงมีสารอาหารที่สำคัญต่อระบบการไหลเวียนของเลือดอย่างโพแทสเซียม โดยมะม่วง 100 กรัม มีโพแทสเซียมประมาณ 186 มิลลิกรัม เลยล่ะค่ะ ที่สำคัญมะม่วงยังเป็นผลไม้เนื้อสีเหลืองที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Hypertension Research เผยว่า การรับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน มีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตได้อีกด้วย
3. แอปริคอต
ผลไม้เนื้อสีเหลืองอย่างแอปริคอตอาจหากินเป็นผลสดได้ยากในบ้านเรา แต่ถึงอย่างนั้นในซูเปอร์มาร์เกตก็ยังมีแอปริคอตอบแห้งให้เลือกซื้อมารับประทานอย่างไม่ยากลำบากนัก และหากคุณชอบรสชาติของผลไม้ชนิดนี้ ก็จะยิ่งดีต่อระดับความดันโลหิตมาก ๆ เพราะแอปริคอตเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เบต้าเคโรทีน และสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างไฟเบอร์ เป็นต้น ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นสารอาหารที่ดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตให้สมดุลได้ ยังไงถ้ามีโอกาสก็ลองกินแอปริคอตลดความดันกันบ้างก็ดีนะคะ
4. ส้ม
นอกจากรสชาติเปรี้ยวอมหวานของส้มแล้ว ส้มยังเป็นผลไม้ไฟเบอร์สูง วิตามินซีก็มีมาก ส้มจึงเป็นผลไม้ลดความดันอีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะหากินง่าย มีแทบจะทุกฤดูกาล ที่สำคัญส้มยังเป็นผลไม้รสอร่อยที่ดัดแปลงไปเป็นอาหารอย่างอื่นได้หลากหลายชนิดด้วยนะคะ
5. อะโวคาโด
อะโวคาโดอุดมไปด้วยกรดโอเลอิก ซึ่งเป็นกรดที่ช่วยในการควบคุมความดันโลหิตได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ในอะโวคาโดยังมีโพแทสเซียม โฟเลต วิตามินซี และไฟเบอร์ สารอาหารที่ดีต่อหัวใจและระบบหมุนเวียนเลือด ที่สำคัญคือ มีกรดไขมันชนิดดีที่จะช่วยลดระดับไขมันชนิดเลวหรือคอเลสเตอรอลในเลือดได้ จึงช่วยอำนวยความสะดวกให้การไหลเวียนโลหิตเป็นไปอย่างสะดวก ร่างกายก็จะควบคุมระดับความดันโลหิตได้ดีขึ้นนั่นเอง
6. แตงโม
ผลการศึกษาจาก American Journal of Hypertension พบว่า สารสกัดจากแตงโมมีส่วนช่วยลดระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วน รวมไปถึงผู้ป่วยสูงอายุที่มีภาวะความดันโลหิตสูงในระดับ 1 ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ แตงโมก็เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีนอยู่สูง รวมไปถึงยังเป็นผลไม้ที่มีปริมาณโพแทสเซียมและวิตามินซีในระดับที่ส่งผลต่อความดันโลหิตของเราได้ด้วย
7. แคนตาลูป
แคนตาลูปเป็นผลไม้เนื้อสีส้มอ่อน ๆ มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีนอยู่พอสมควร และแคนตาลูปยังเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีค่อนข้างสูงมาก เพียงแคนตาลูป 1/4 ของผล ก็ทำให้เราได้รับวิตามินซีในปริมาณเท่าความต้องการของร่างกายในแต่ละวันเลยนะคะ จัดเป็นผลไม้ช่วยลดความดันโลหิตที่น่าสนใจไม่เบา และแน่นอนว่าแคนตาลูปก็เป็นผลไม้ไฟเบอร์สูง และมีแคลอรีต่ำอีกต่างหาก จึงเหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักด้วยนะ
8. กีวี
กีวีเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการแบบเน้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี โพแทสเซียม ทองแดง และไฟเบอร์ ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการควบคุมความดันโลหิตของร่างกาย รวมไปถึงใครที่มีอาการท้องผูกหรืออาการลำไส้แปรปรวน อยากให้ลองกินกีวีอย่างน้อยวันละ 2 ผล เป็นประจำ ก็จะช่วยลดอาการท้องผูกได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยเชียวล่ะ
9. ลูกเกด
ลูกเกดเป็นผลไม้ที่มีปริมาณโพแทสเซียมสูงเช่นกัน โดยข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตร ประเทศสหรัฐอเมริกา (United States Department of Agriculture) เผยว่า ลูกเกดอบแห้งครึ่งถ้วยตวง มีโพแทสเซียมสูงถึง 456 มิลลิกรัม จัดเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตได้อีกชนิดหนึ่ง อ้อ ! แต่ก็ควรเลือกกินลูกเกดที่มีน้ำตาลน้อย หรืออย่ากินลูกเกดมากเกินไปนะคะ เพราะลูกเกดอบแห้งเป็นผลไม้แปรรูปที่มีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างมาก รับประทานมากเกินไปอาจทำให้น้ำหนักขึ้น อ้วนขึ้น พาลให้เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังอื่น ๆ ตามมาได้
และนอกจากผลไม้ลดความดันแล้ว เรายังมีทั้งอาหารลดความดันและสมุนไพรลดความดันโลหิตมาฝากด้วยนะ
อย่างไรก็ตาม อาหารที่มีโพแทสเซียมสูงเหล่านี้ไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องไต เช่น โรคไตวายเรื้อรัง นะคะ เพราะผู้ป่วยโรคไตมักจะมีความบกพร่องในการขจัดโพแทสเซียมออกจากร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะโซเดียมมากเกินไป (hyperkalemia) ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและระบบหัวใจได้ ดังนั้น หากผู้ป่วยโรคไตมีภาวะความดันโลหิตสูงร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก kapook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21/02/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,750.00 | 28,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,862.00 | 28,227.92 | 29,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,675.80 | 25,405.13 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,489.60 | 22,582.34 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 838.00 | 12,704.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 652.00 | 9,884.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,930.00 | 29,258.80 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/02/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.64 | 34.64 | 34.64 | 34.64 | 34.64 | – | 34.64 | 34.64 | 34.64 | 34.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 27.94 | 27.94 | – | – | – | – | – | – | – | 27.94 |
เบนซิน 95 | 43.16 | – | – | – | 43.61 | – | 43.66 | 43.66 | – | 43.16 |
ดีเซล B7 | 27.94 | 27.94 | 28.94 | 28.34 | 28.44 | 27.94 | 28.34 | 28.24 | 28.34 | 27.94 |
ดีเซล | 27.94 | 27.94 | 28.94 | 28.34 | 28.44 | 27.94 | 28.34 | 28.24 | 28.34 | 27.94 |
ดีเซล B20 | 27.94 | 27.94 | 28.94 | – | 28.44 | – | 28.34 | 28.24 | – | 27.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 33.96 | 33.96 | 35.39 | 34.86 | 35.19 | – | – | – | – | 33.96 |
แก๊ส NGV | – | – | – | – | – | – | – | – | – | – |