คอนโดฯติดห้าง ปลุกทำเลฮอต พระราม9 เจาะ ‘นิว ดิสทริค อาร์ 9’ เขย่าตลาดการลงทุนไทย-เทศ
คอนโดฯติดห้าง ปลุกทำเลฮอต พระราม9 เจาะ ‘นิว ดิสทริค อาร์ 9’ เขย่าตลาดการลงทุนไทย-เทศ
คงจะต้องยอมรับว่า ตลาดคอนโดมิเนียมไทย เดินทางเข้าสู่ ‘วัฎจักร’ การฟื้นตัวอย่างชัดเจนแล้ว ในปี 2565 นี้ หลังจากมีสัญญาณฟื้นตัวดีให้เห็นตั้งแต่ช่วงท้ายของปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน ผู้ซื้อ และ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลับมาเชื่อมั่นตลาด ผ่านแผนการเปิดตัวโครงการอย่างมหาศาล ประเมินปีนี้ กทม.มีโครงการเปิดตัวใหม่ไม่น้อยกว่า 30,000 ยูนิต โดยเฉพาะเซกเม้นท์ระดับราคากลาง เพราะตัวเร่งสำคัญ อย่างปัญหาการจราจรติดขัด และชีวิตที่ผูกพันธ์กับไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทำให้ที่อยู่อาศัย ‘คอนโดมิเนียม’ ยังเป็นตัวเลือกหลักของคนเมือง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม เทรนด์ที่น่าจับตามองในตลาดคอนโดฯ ยุคหลัง มีนัยยะเปลี่ยนไปอยู่เช่นกัน โดย ‘ฐานเศรษฐกิจ’ ได้รวบรวมมุมมองของที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังหลายบริษัท สรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้
1. เป็นโครงการที่สามารถตอบสนองความต้องการแท้จริงของคนในประเทศ และสร้างโอกาสการลงทุนในระยะยาวได้
2. ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เช่น โครงการใกล้มหาวิทยาลัย ใกล้ห้างสรรพสินค้า หรือ โครงการที่มีเครือโรงแรมมาบริหาร (Brand Residence) เป็นต้น
3. โครงการที่มีราคาขายเหมาะสมสอดคล้องกับสถานะการเงินของผู้ซื้อในยุคโควิด (Budget Condo)โดยผู้ซื้อ ยังคงต้องการข้อเสนอที่ดีที่สุด เนื่องจากมีความรู้ความเข้าใจกลไกตลาดมากขึ้น
4. คุณภาพของโครงการ พื้นที่ทั้งในห้องพัก และ พื้นที่ส่วนกลาง ต้องตอบสนองกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตยุคใหม่
5. ศักยภาพของทำเลที่ตั้ง ที่ใกล้กับระบบขนส่งมวลชน เชื่อมต่อและเดินทางสะดวก อีกทั้งต้องเป็นทำเลที่สามารถสร้างมูลค่าได้สูงในอนาคตอีกด้วย
6. แบรนด์โครงการ โดยผู้ซื้อจะยิ่งให้ความสำคัญกับชื่อผู้พัฒนา และแบรนด์ของโปรดักส์ เพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต และคลายความกังวลปัญหาโครงการหยุดก่อสร้าง จากฐานะการเงินของผู้พัฒนานอกตลาด
บมจ.โนเบิล เปิดเกมรุก ตอบสนอง 6 ปัจจัย ผุดคอนโดฯกลางเมือง ใกล้ห้าง
สำหรับผู้พัฒนาคอนโดฯรายใหญ่ ที่ผู้เขียน อยากจะกล่าวถึงในบทความนี้ หลังเห็นความเคลื่อนไหวและเกมรุกของสำคัญที่สอดคล้องกับ 6 ปัจจัยข้างต้น อย่างน่าจับตามอง คือ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม ซึ่งมีเป้าหมายขึ้น TOP 5 และได้สร้างกระแสเปรี้ยงปร้าง ตั้งแต่ครั้งประกาศแผนธุรกิจปี 2565 เปิดถึง 18 โครงการ มูลค่ารวม 47,700 ล้านบาท วางกลยุทธ์เน้นกระจายทำเล สร้างความหลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทุกมิติของผู้อยู่อาศัยรอบกรุงเทพฯ
ย้อนมุมมอง เน็กซัส พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เคยระบุว่าหนึ่งในตลาดคอนโดฯที่จะเติบโต จากปี 2565 เป็นต้นไป ก็คือ คอนโดมิเนียมกลางเมือง ซึ่งเกิดจากความต้องการบ้านหลังแรก และหลังที่ 2 ที่ใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียน หรือ ใกล้ห้างสรรพสินค้า โดยผู้ซื้อยุคใหม่ จะมองถึง ความสะดวกสบายในการเดินทาง และซื้อเพื่อหวังตอบสนองการใช้ชีวิตของตัวเอง ทั้งในปัจจุบัน และบั่นปลายชีวิต พร้อมมองว่าคอนโดฯหรืออสังหาฯ เป็น 1 ในรูปแบบของการลงทุน ที่จะสร้างรายได้ในระยะยาวได้
สอดคล้อง แผนพัฒนา คอนโดฯใกล้ห้างของ บมจ.โนเบิล พบช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา “NOBLE” ได้เปิดตัว 3 คอนโดติดห้าง ประกอบด้วย โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9, โครงการนิว เมกา พลัส บางนา และโครงการนิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น นอกจากนี้ ยังมีโครงการนิว อีโว อารีย์ และโครงการนิว โนเบิล คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สะท้อนจากยอดขาย 2 เดือนแรก (ม.ค. – ก.พ.) สำหรับ 5 โครงการรวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท
ทำเลพระราม9 เดสซิเนชั่นลูกค้าไทย – ต่างชาติ
ทั้งนี้ เมื่อเจาะทำเล ซึ่งมีโดดเด่นที่สุุด ผู้เขียน กลับให้ความสนใจในตัวโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) มูลค่าโครงการประมาณ 6,200 ล้านบาท มากที่สุด เพราะอยู่ใจกลางพระราม 9 และเป็นการกลับมาปลุกทำเลฮอตฮิต ที่ตรงกับนิยามคอนโดฯติดห้างอย่างแท้จริง โดยโครงการอยู่ใกล้เซ็นทรัลพระราม 9 ใกล้ MRT เพียง 180 ม. และใกล้จุดเชื่อมต่อสถานี Interchange BTS อโศก รวมถึง Airport Rail Link มักกะสัน
ซึ่งหากย้อนไปในอดีต บมจ.โนเบิล เคยประสบความสำเร็จ กับการขายโปรเจ็กต์คอนโดมิเนียม 100% SOLD OUT “โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา” (noble REVOLVE RATCHADA) และ “โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2” ซึ่งตั้งอยู่ ใกล้สถานี MRT ศูนย์วัฒนธรรม จัดอยู่ในทำเล รัชดา- พระราม 9 เช่นกัน โดยเป็นตึกสูง 38 ชั้น และ 42 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก รูปลักษณ์ หรูหรา Timeless นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ที่มีความลงตัวทั้งทำเลที่ตั้ง และแนวคิดการออกแบบแฝงไลฟ์สไตล์ครบครัน โดยเมื่อครั้งเปิดตัวพรีเซล ปี 2556 มีราคาขายเริ่มต้นที่ 2.99 ล้านบาท (เฉลี่ย142,400 บาท ต่อ ตร.ม.) พบปัจจุบัน มูลค่าสูงขึ้นมาก มีการตั้งราคาขายเปลี่ยนมือ อยู่ที่เริ่มมากกว่า 3.6 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพของทำเลและโปรดักส์ได้อย่างดี
โดยปีนี้ บมจ.โนเบิล นับเป็นผู้เล่นสำคัญของตลาดคอนโดฯย่านพระราม 9 ที่น่าสนใจที่สุด กับการกล้าได้กล้าเสีย พลิกที่ดินผืนสวย ซึ่งได้มาจากการร่วมทุนกับแลนด์ลอร์ดใหญ่กลุ่มบีทีเอส ที่สำคัญน่าจะเป็นที่ดินแปลงสุดท้าย ที่ถัดจาก Community Mall มีขนาดผืนใหญ่ ติดถนน ติดห้างใหญ่ ใจกลางเมือง และติดรถไฟฟ้าในระยะก้าวถึง ในโซน สุขุมวิท-พระราม 9 ซึ่งจากกายภาพ สามารถตอบโจทย์ครบทุกปัจจัยที่กล่าวมาเริ่มแรก ท่ามกลางคาดการณ์ปีนี้ ทำเลพระราม 9 เดือด จากมูลค่าโครงการเปิดใหม่ร่วมกว่า 20,000 ล้านบาท
สอดคล้องข้อมูลของบริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ที่ระบุว่า ทำเลนี้จะกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง โดยแม้ 2 ปีที่ผ่านมา จะเงียบเหงาไปบ้าง จากสถานการณ์โควิด19 แต่พบพื้นที่รอบสี่แยกพระราม 9 – รัชดาภิเษก ยังมีความเคลื่อนไหวของราคาที่ดินขายสูงกว่า 1.2 ล้านบาท ต่อตารางวา นอกจากนี้ทำเลย่านนี้ ยังแวดล้อมด้วยโครงการอาคารสำนักงานเกรด A ขนาดใหญ่ รวมถึงพื้นที่ค้าปลีกชั้นนำและสถานทูต ซึ่งส่งผลให้ ทำเลนี้ยังเป็นจุดหมายปลายของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนจีนที่สนใจซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองไทยเป็นทำเลต้นๆ หลายโครงการที่เปิดขายมีอัตราส่วนของโควต้ากำลังซื้อต่างชาติเต็ม 49%
พร้อมคาดการณ์ว่า หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 และสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากจีนสามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างปกติ ทำเลย่านพระราม 9- รัชดาภิเษกจะเป็นทำเลที่กลับมาคึกคักอย่างแน่นอน เพียงแค่ในช่วงนี้ผู้พัฒนาจำเป็นต้องพึ่งพากำลังซื้อในประเทศไปก่อน
” แม้ว่า ณ ปัจจุบันอัตราการขายคอนโดมิเนียมเฉลี่ยในทำเลนี้อาจจะค่อนข้างสูง คือประมาณ74 % ซึ่งพบว่าหลายโครงการเป็นโครงการที่เปิดขายมาแล้วเกือบ 5 ปี ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ยังมีหน่วยเหลือขายในตลาดและหลายโครงการเป็นโครงการขนาดใหญ่ โดยพบว่า ณ สิ้นปี 2564 ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในทำเลนี้อยู่ที่ประมาณ 155,000 บาทต่อตารางเมตรปรับเพิ่มจากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมากว่า 70% หรือเฉลี่ยประมาณปีละ 7% และพบว่าบางโครงการบนทำเลย่านนี้มีราคาขายเฉลี่ยทั้งโครงการกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตร ” นายภัทรชัย ทวีวงศ์ คอลลิเออร์ส ฯ กล่าว
รถไฟสายสีส้ม – ผังเมือง – บิ๊กโปรเจ็กต์กระทุ้ง พระราม9 ทำเลแห่งอนาคต
ทำเลพระราม 9 รัศมีครอบคลุมบริเวณหัวมุมถนนพระราม 9 ที่ตัดกับถนนรัชดาภิเษก และถนนอโศก-ดินแดง หรือบริเวณ MRT พระราม 9 ซึ่งรวมจุดเริ่มต้น ไปสิ้นสุดที่แยกต่างระดับศรีนครินทร์ ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร นาทีนี้ ทุกคนต่างยอมรับตรงกันว่า ว่านี่คือ ทำเลไข่แดง และเป็นย่านธุรกิจใหม่ (NEW CBD) แห่งอนาคตของกรุงเทพฯ ซึ่งมีปัจจัยแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยอย่างคับคลั่ง ไม่ต่างจากทำเลทอง ‘สุขุมวิท’ ได้แก่
• เป็นย่านช้อปปิ้งสุดเทรนด์ เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้ามากมาย เช่น เซ็นทรัลพระราม 9 ,ฟอร์จูน ทาวเวอร์ ,เอสพลานาด และ เดอะ สตรีท รัชดา เป็นต้น
• เป็นย่านธุรกิจใหม่ รายล้อมด้วยอาคารสำนักงานชั้นนำมากมาย เช่น G Tower ,สำนักงาน Unilever House ,The Ninth Tower ,True Tower ,AIA และ SET (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
• เป็นย่านศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร-คาเฟ่สุดฮิป ตลาดนัด และสถานบันเทิง เช่น ตลาดนัดเปิดใหม่ Jodd Fair หลังเซ็นทรัล , Pressed Cafe คาเฟ่สไตล์มินิมอล , NOXX Cafe ร้านกาแฟนั่งทำงาน นั่งชิล แนวอินสไปเรชั่น ,ร้าน Drip & Drop Coffee Supply ร้านกาแฟส่งตรงจากเมืองเกียวโต ในตึก G Tower เป็นต้น
• ย่านที่เต็มไปด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ โรงพยาบาล และสถานศึกษา เช่น รพ.พระราม 9 ,โรงพยาบาลปิยะเวท ,ศูนย์การแพทย์พระราม 9 เป็นต้น
จุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้ย่านนี้เป็นสุดยอดทำเลแห่งอนาคต ยังจะมาจากเส้นทางการเดินทางที่จะสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งนอกจากเดิม พระราม 9 จะใกล้ทางด่วน และ MRT สถานี พระราม 9 แล้ว ในอนาคต ย่านนี้ นับเป็นหนึ่งฮับของการพัฒนาเมืองที่จะมีบทบาทอย่างมากในทุกๆด้าน เช่น การอยู่อาศัย ,แหล่งงาน และ การแพทย์ จากการเกิดขึ้นของโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง
เพราะแม้ว่ารถไฟฟ้าสายนี้ จะไม่ได้พาดผ่านแยกพระราม 9 โดยตรง แต่บางส่วนพาดผ่านถนนพระราม 9 บริเวณไม่ใกล้กัน ตรงสถานีวัดพระราม 9 และสถานี รฟม. โดยจะเปิดให้บริการช่วงปี 2566 ซึ่งสายสีส้มตะวันออก เป็นเส้นทางที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นเส้นทางเข้าสู่พื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ที่ใช้ร่วมกับสายเฉลิมรัชมงคล และยังเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อการคมนาคมจากแหล่งที่พักอาศัยขนาดใหญ่ย่านบางกะปิเข้ากับสายเฉลิมรัชมงคล ที่กำหนดให้เป็นเส้นทางรถไฟฟ้าวงแหวนรอบกรุงเทพฯ อีกด้วย
ขณะเดียวกัน ในบริเวณนี้ยังมีพื้นที่เปล่าอีกหลายแปลงที่สามารถนำมาพัฒนาในรูปแบบต่างๆได้ โดยเฉพาะ ที่ดินว่างเปล่าผืนขนาดใหญ่ 73 ไร่ หลังห้างเซ็นทรัลพระราม 9 ซึ่งเดิมที เป็นที่ตั้งของแผนลงทุน อภิมหาโปรเจคขนาดใหญ่ The Super Tower อาคารสูง 615 เมตร 125 ชั้น มูลค่าถึง 1.8 หมื่นล้านบาท โดยคาดกันว่า เมื่อแล้วเสร็จ จะเป็นอาคารที่สูงที่สุดในไทยและอาเซียน ผ่านแผนการพัฒนาโดยบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) (G LAND) ในช่วงปี 2561
อย่างไรก็ตาม ภายหลัง เมื่อ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) เข้าซื้อกิจการของ G LAND ทำให้แผนการลงทุนดังกล่าวหยุดชะงักไป โดยก่อนหน้ามีแผนว่า เซ็นทรัลจะปรับเปลี่ยนรูปแบบ เป็นโครงการมิกซ์ยูสในรูปแบบอื่นแทน แต่ระหว่างยังไม่มีความชัดเจนออกมา ปัจจุบันที่ดินบางส่วนจึงถูกแปลงโฉมเป็นแปลงผัก และตลาดนัดกลางคืน ทั้งนี้ หากพิจารณาจากขนาดของที่ดิน ศักยภาพของทำเล และชื่อของผู้พัฒนานั้น คาดความน่าสนใจของโปรเจ็กต์ Central District และมูลค่าโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับที่ดินผืนนี้ น่าจะมหาศาลไม่น้อย
เช่นเดียวกับแรงกระเพื่อม บนถนนเชื่อมต่อติดกัน จากการปิดดีลครั้งใหญ่ บริษัท เอไอเอ ประเทศไทย ทุบสถิติซื้อที่ดิน 8 ไร่ ติดถนนรัชดาภิเษกและรถไฟฟ้าสถานีศูนย์วัฒนธรรม วงเงิน 3,500 ล้านบาท จาก “สาธิต วิทยากร” ผู้ถือหุ้นใหญ่โรงพยาบาลพริ้นซ์และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ทำให้ “ถนนรัชดาภิเษก – พระราม9”ร้อนแรงยกแผง
ขณะเดียวกัน พบในผังเมืองรวม กทม.ที่ปรับปรุงใหม่ ตามรายละเอียดจะเพิ่มพื้นที่พาณิชยกรรมแยกพระราม 9 และอัพเกรดบริเวณสถานีศูนย์วัฒนธรรม ให้เป็นพื้นที่สีน้ำตาล นั่นหมายถึง การพัฒนาที่ดินจะทำได้มากขึ้น สนับสนุนศักยภาพของทำเลศูนย์กลางธุรกิจโดยรอบ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาที่ดินย่านพระราม9 เร่งตัวขึ้นสูงในอนาคต
ไม่ไกลจากแยกพระราม 9 มากนัก อนาคตยังมีโปรเจ็กต์ อย่าง ‘มักกะสันคอมเพล็กซ์ บนพื้นที่ 140 ไร่ บริเวณสถานีรถไฟมักกะสัน ในมือเอกชน มูลค่านับแสนล้าน ให้จับตามองถึงรูปแบบที่จะเกิดขึ้น ตามข่าวเดิม ระบุ พื้นที่ดังกล่าว จะถูกแปลงโฉมเป็นมิกซ์ยูสที่สำคัญ ที่จะมีทั้งโรงแรม อาคารสำนักงาน ค้าปลีก เซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ มีความทันสมัยมากที่สุด เพื่อรองรับไฮสปีดเทรน คาดจะทำให้รอยต่อพระราม 9 เป็นทำเลหนึ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดในอนาคต
จับตาโครงการ Nue District R9
เมื่อวันนี้และอนาคต ฮับเมืองใหม่ อยู่ไม่ไกลเกินคาด สำหรับ ‘ทำเลพระราม 9’ การปักหมุดลงเสาเข็มโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับโอกาสในอนาคต จึงเป็นแนวทางของ บมจ.โนเบิล โดยหลังจากเปิดพรีเซลขายโครงการ Nue District R9 บนที่ดิน 6 ไร่ พบกระแสตอบรับดีเกินคาด ซึ่งเมื่อถอด Key Success ของโครงการนี้ นอกจากที่ตั้งของโครงการ ใกล้เซ็นทรัลพระราม 9 และ MRT พระราม 9 ระยะ 180 เมตร แบบไม่ต้องข้ามถนนแล้ว พบยังมีความโดดเด่นอีกหลายด้าน ผ่านแนวคิดการพัฒนาโครงการ ที่เหมาะทั้งการซื้ออยู่อาศัยและการลงทุนอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะการเล่นกับคำว่า “City Living” ปรับโฉมแปลนห้อง ขนาดไม่ใหญ่ แต่ได้เฟอร์นิเจอร์ครบ พ่วงไลฟ์สไตล์ติดห้าง เรียกว่า คงทำการบ้านมาอย่างหนัก เพื่อปรับโปรดักส์ให้เข้ากับดีมานด์ที่มีปัจจุบัน ผ่านแบรนด์ ‘Nue’ เน้นเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ด้วยราคาต่อยูนิตเริ่มต้นตั้งแต่ 1-2 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นช่วงราคาที่จับต้องได้และตอบรับกับกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี โดยโครงการนี้มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 134,000 บาท/ตารางเมตร หรือ เริ่มต้น 2.9 ล้าน จะเห็นได้ว่า มีราคาถูกกว่าคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ ที่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 155,000 บาทต่อตารางเมตร
สำหรับคอนโดใหม่ ใจกลางพระราม 9 Nue District R9 ยังมีจุดเด่นในเรื่องของออกแบบ ซึ่งผู้พัฒนาเน้น ดีไซน์โมเดิร์น ภายในทุกห้องมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ ถือว่าน่าจะเป็นโครงการเดียวในย่านนี้ ที่ใช้รูปแบบการขายดังกล่าว และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อยุคนี้ ส่วนรูปแบบอาคาร แบ่งการพัฒนาเป็น 2 ตึก สูง 33 และ 41 ชั้น ไฮไลท์จุดต่างสำคัญต่อโครงการโดยรอบทั้งเก่าและใหม่ อยู่ที่ส่วนกลาง ทั้ง 2 อาคาร รวมบนพื้นที่ 8 ไร่ จำนวน 8 โซน 50 ฟังก์ชั่น โดยมีจุดเชื่อม 2ตึก แบบ Open floor ขนาดใหญ่ ขณะแปลนห้องอาศัย มีลักษณะหน้ากว้าง Floor to Celling สูงถึง 2.6 เมตร ปรับจากปกติที่ห้องส่วนใหญ่มักเป็นแนวลึก ขนาดห้องพักตั้งแต่ 1 Bedroom M : 26 ตารางเมตร ถึง 2 Bedroom 2 Bath : 46 ตารางเมตร ที่จอดรถ 41% ไม่รวมจอดซ้อนคัน + EV Charger station and Handicap Parking กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2568 เป็นไทม์ไลน์ที่คาดว่า เศรษฐกิจภาพรวม และสถานการณ์โควิด19 ทั้งไทยและต่างประเทศจะคลี่คลายลงแล้ว ทำให้ผู้ซื้อที่เวลาเตรียมตัว และสร้างเครดิตทางการเงินได้ทัน
โดยแบรนด์ NUE เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นศูนย์กลางในย่านเมืองใหม่ หรือ New Urban Epicenter ตามแนวรถไฟฟ้าเส้นหลักและส่วนต่อขยายทั่วกรุงเทพฯ นับเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
ด้านความได้เปรียบจากตลาดต่างชาติ โนเบิล ระบุว่าบริษัท มี Market Share ตลาดต่างชาติ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ถึง 56% ซึ่งถือว่าเป็น Developer เบอร์ 1 ของไทย และยังมีพาร์ทเนอร์หลักเป็นกลุ่ม Fulcrum Holding ซึ่งมีฐานลูกค้าในหลากหลายประเทศ ทั้งจีน ฮ่องกง สิงค์โปร์ ทำให้นาทีนี้ บมจ.โนเบิล มีแต้มต่อด้านเครือข่ายการขาย ที่อาจเรียกได้ว่ามากและตรงที่สุดในกลุ่มดีเวลลอปเปอร์ไทย โดยจะเป็นโอกาสดี ทันทีที่สถานการณ์โควิด19 ทั่วโลกคลี่คลาย และกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติสามารถเดินทางกลับเข้ามาในประเทศได้
จังหวะการลงทุนอสังหาฯ โอกาสก่อนเปิดประเทศ
การปรับตัวลงของราคาคอนโดฯ โครงการขายใหม่ ที่เน้นผูกพันธ์กับกำลังซื้อคนไทยยุคโควิด ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง นอกจากเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของของโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 โดยคาดว่าน่าจะได้การตอบรับสูง เมื่อโครงการเริ่มก่อสร้างเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ในฐานลูกค้านักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ยังถูกวางกลยุทธ์ไว้ ตั้งแต่การ เปิดช่องของราคา ให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ง่าย มีส่วนต่างของ Value ในอนาคต เช่น ห้อง 1 BED ขนาด 26 ตรม. ซึ่งได้เปรียบในเรื่อง Layout ถูกปรับจากห้อง Studio ทั่วไป เป็นห้อง 1 Bed หน้ากว้างแบ่งสัดส่วน แยกห้องนอน นั่งเล่นได้อย่างชัดเจน ซึ่งรูปแบบนี้ เป็นที่ต้องการของผู้เช่าคอนโดฯมากที่สุด ขณะที่นักลงทุน ลงเงินน้อยด้วยราคาเปิดพรีเซลถูก ผ่อน 6,000 บาท/เดือน แต่ได้ return สูง หรือ ห้องขนาด 1 BED PLUS 34 ตรม. ซึ่งเปิดเป็นไฮไลท์ของแต่ละชั้น มีเพียงชั้นละไม่กี่ห้อง แปลนห้องถูกออกเป็นแบบหน้ากว้างเช่นกัน แต่สามารถปรับฟังก์ชั่นเป็น 2 ห้องนอนได้ เหมาะสำหรับการพักอาศัย 1-2 คน จะซื้ออยู่เอง หรือ ปล่อยเช่าได้ง่ายสุด ได้ตั้งแต่ลูกค้ากลุ่มเพื่อน หรือ คู่รัก ครอบครัวขนาดเล็ก เป็น Type ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นในย่านนี้ แต่เป็นที่ต้องการสูง
ขณะในมุมผู้ซื้อ มองว่านี่คือจังหวะการลงทุนที่ดีที่สุด หลังจากในช่วงหลายปีที่่ผ่านมา แทบไม่มีโครงการเปิดใหม่ในย่านนี้ ซัพพลายเดิมถูกดูดซับไป แต่ดีมานด์เช่า – ซื้อเริ่มฟื้นตัว โดยโครงการนี้ นับเป็นโครงการเดียวที่เพิ่งเริ่มก่อสร้างในราคาเอื้อมถึง ก่อนโครงการแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า ขณะอีกหนึ่งตัวเร่ง ที่นักลงทุนกำลังประเมิน คือ การแปรผันของราคาต้นทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และเงินเฟ้อ จากปัจจัยความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากทั้ง 2 ประเทศ มีความสำคัญกับภาคอสังหาฯไม่น้อย เนื่องจากเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ จึงมีความเป็นไปได้ ว่าโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ราคาจะถูกปรับสูงขึ้นตามต้นทุน ที่น่าสนใจ นอกจากผู้ซื้อจะใช้เพื่ออยู่อาศัยเองแล้วยังสามารถนำไปปล่อยเช่าสร้างรายได้ในระยะยาว ก่อนประกาศขายในช่วงที่สามารถทำกำไรในตลาดได้
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งตลาดสำคัญในย่านฮอตฮิตอย่างพระราม 9 ยังมาจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยแม้ปัจจุบันอยู่ในช่วงการระบาดของโควิด19 พบบางโครงการแล้วเสร็จในละแวกนี้ ถูกจองซื้อยกล็อต สะท้อนภาพลูกค้าชาวต่างชาติยังคงให้ความสนใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยอยู่มาก
ล่าสุดศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สรุปภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของผู้ซื้อชาวต่างชาติ ปี 2564 พบ สัญญาณการฟื้นตัวดี ผ่านจุดต่ำสุด มาอยู่ในมูลค่ารวม 2.29 หมื่นล้านบาท (ทั้งประเทศ) ขณะลูกค้าชาวจีน ยังเป็น TOP 1 ที่้ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯไทยมากที่สุด สัดส่วนราว 60% จากหน่วยทั้งหมด ซึ่งห้วยขวาง – พระราม 9 เป็นทำเลอันดับต้นๆที่ได้ความนิยมไม่เปลี่ยนแปลง
ตามข้อมูล ชาวจีนและชาวต่างชาติ ซื้อและโอนฯ ในคอนโดฯ ที่มีราคาขายเฉลี่ย 1.1 แสนบาทต่อตารางเมตร นิยมทั้งห้องขนาดเล็ก และใหญ่ โดยในช่วงโควิด19 อาศัยผ่านตัวกลางในการโอนเงินข้ามประเทศเข้ามา จากข้อจํากัดด้านการเดินทางที่บางประเทศยังประกาศล็อกการเข้า-ออก ประเทศ
อย่างไรก็ตาม อีกจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดอสังหาฯ ไทย ยังมาจากนโยบาย หวังปูทาง ใช้ภาคอสังหาฯและการท่องเที่ยว เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุด ‘สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์’ รัฐมนตรีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ระบุ เดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นผู้ซื้อชาวต่างชาติ ให้เข้ามาอยู่อาศัยในไทยระยะยาว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดึง 4 กลุ่มศักยภาพสูงเข้ามานำร่อง ผ่าน การเพิ่มประสิทธิภาพวีซ่าแบบเข้าออกหลายครั้งในระยะเวลานานขึ้น สําหรับผู้ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่าสูงในประเทศไทย แต่เดิมที มีการกล่าวถึง การเพิ่มโควต้าถือครองคอนโดฯของต่างชาติให้มากกว่า 49% หรือ เปิดช่องให้ต่างชาติซื้อบ้านแนวราบได้ อีกด้วย
มองว่า นี่อาจถือเป็นอีกโอกาสใหญ่ของตลาดอสังหาฯไทย และคอนโดฯไทยในทำเลยอดนิยมตลาดกาลของชาวต่างชาติ อย่างพระราม 9 นับจากนี้ เมื่อ ประเทศไทย ถูกยกย่อง เป็น Thailand world best second home ระดับโลก …
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
LPN เจาะทำเล ‘แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด’ ผุดคอนโดฯใหม่ 1.2 พันล.
LPN เปิดตัวโครงการใหม่ 1,200 ล้าน ผุด “ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น” ตึกสูง 26 ชั้น ราคาเริ่ม 2 ล้านบาท
20 เมษายน 2566 – นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยว่า ในปีนี้ LPN ได้เริ่มเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่บนถนนแจ้งวัฒนะ ในชื่อ “ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น” โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,200 ล้านบาท เป็นโครงการแบบ High-Rise สูง 26 ชั้น มีจำนวนห้องชุมรวม 536 ยูนิต ที่ออกแบบสไตล์ Modern Luxury ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยห้องพักอาศัย 3 แบบ แบบสตูดิโอ ขนาด 23.50-24 ตร.ม. แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28-28.50 ตร.ม. และแบบ 1 ห้องนอน พลัส ขนาด 34-35 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้นที่ 2 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือน มิ.ย.นี้ และคาดว่าแล้วเสร็จในเดือน ก.พ.2567
“ โครงการ “ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น” ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพใกล้ห้างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ และสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 เพียง 300 เมตร ซึ่งจากข้อมูลของ LPN พบว่า คอนโดมิเนียมบนทำเลแจ้งวัฒนะที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี 2560-2565 เหลืออยู่ประมาณ 2,375 ยูนิตเท่านั้น จึงเป็นโอกาสดีของ LPN ที่จะเสนอคอนโดมิเนียมใหม่ให้กับลูกค้าได้เลือกเป็นที่อยู่อาศัยที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระตามแนวคิด Live More, Worry Free – เลือกใช้ชีวิตได้มากขึ้น มีความสุขมากขึ้้น” นายโอภาส กล่าว
ทั้งนี้ LPN ได้วางกระบวนการพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “น่าอยู่” (LIVABLE) โดยตั้งเป้าการพัฒนาให้แบรนด์ “เพลส” คือ คอนโดมิเนียมที่น่าอยู่ ผ่านการคิด ออกแบบและพัฒนาโครงการ ให้น่าอยู่ในทุกมิติ สามารถปรับพื้นที่การอยู่อาศัย การทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัวให้น่าอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของการใช้ชีวิตยุคใหม่ เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ ภายใต้จุดยืน 3 องค์ประกอบดังนี้
- LIVABLE DESIGN การออกแบบที่น่าอยู่ ในการนำเสนอการออกแบบห้องที่เน้นฟังก์ชันที่ปรับเปลี่ยนได้ เพิ่มความเป็นสัดส่วนแต่คงความเป็นส่วนตัว ตอบรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าได้มากขึ้น
- LIVABLE PLACE การออกแบบส่วนกลางที่ตอบทุกมิติการใช้ชีวิต ทั้งไลฟ์สไตล์และการทำงาน ที่ลงตัวกับการพักผ่อนและมุมแอคทีฟไปพร้อมๆ กัน
- LIVABLE LIFE พร้อมส่งมอบชีวิตน่าอยู่ บนทำเลที่น่าอยู่ พร้อมบริการครบครัน เพื่อที่คุณลูกค้าจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกด้าน
สำหรับโครงการ “ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น” นั้น เป็นคอนโดมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อมอบอิสระในการใช้ชีวิตและตอบโจทย์ทุกความต้องการของชีวิตน่าอยู่คนเมือง ด้วยการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยมีความเป็นสัดส่วน เพิ่มความยืดหยุ่น แต่คงความเป็นส่วนตัว เช่น การออกแบบครัวปิด สำหรับคนรักการทำอาหาร ห้องนอนที่มีประตูกั้นให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน พร้อมส่วนกลางหลากหลายครบครัน ทั้งห้องโถงขนาดใหญ่สไตล์ Minimal Luxury เรียบหรู Co-living Space พื้นที่ทำงานของคนยุคนิวนอร์มอลที่สามารถพักผ่อนได้ในที่เดียว และยังมีสระว่ายน้ำ และ Jacuzzi, Fitness, Sky lounge สวนดาดฟ้า และสวนผักทานได้ Edible Garden ครบครันในการดูแลตัวเองให้สุขภาพดี สามารถเติมเต็มชีวิตๆ ให้ตัวเองได้ทุกวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทอ่อนค่า เปิดตลาด 33.82 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทเปิดตลาด 33.82 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าตามทิศทางตลาดโลก หลังดอลลาร์แข็งค่าตลาดรอปัจจัยใหม่
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.82 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.77 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก โดยช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ตลาดดูทิศทางของอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ราคาน้ำมัน และราคาทองคำ
“บาทอ่อนค่าตามทิศทางตลาดโลกหลังดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งยังไม่มีปัจจัยใหม่ เมื่อวานบาทอ่อนค่าไปแตะ 33.89 ก่อนแข็งค่าลงมาช่วงปิดตลาด” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.75 – 33.95 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
มีลุ้น!!! “หมู ปากน้ำ” ฟอร์มเฉียบ ขึ้นนำ ลูก้า เบรเซล 6-3 เฟรม ศึกสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก
ศึกสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลกครั้งที่ 46 ณ ครูซิเบิล เธียเตอร์ ประเทศอังกฤษ นพพล แสงคำ หรือ “หมู ปากน้ำ” มือ 43 ของโลก ประเดิมการแข่งขันวันแรกในเซชั่นแรกได้อย่างวงยหรู ด้วยการเอาชนะ ลูก้า เบรเซล มือ 11 ของโลกจากเบลเยียมไป 6-2 เฟรม ก่อนจะกลับมาแข่งขันต่อเซสชั่นที่ 2 ค่ำคืนนี้
รอบแรกแข่งกันระบบ 19 เฟรม แบ่งเป็นสองวัน สองเซสซั่น ซึ่งรอบนี้ นพพล แสงคำ หรือ “หมู ปากน้ำ” ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ชาวไทยต้องผิดหวัง เมื่อโชว์เทพออกนำ ลูก้า เบรเซล ที่มือวางอันดับโลกดีกว่าไป 2-0 เฟรม
ก่อนถูกไล่มา 1-2 เฟรม อย่างไรก็ดี “หมู ปากน้ำ” ก็มาโชว์กดเซนจูรี่เบรคไปถึง 2 ครั้งในเฟรมที่ขึ้นนำ 4-1 และ 6-1 ทำเอาผู้ชมในสนามต้องปรบมือให้ ก่อนชนะในเซชั่นแรกไป 6-3 เฟรม
ทั้งนี้ เกมยังไม่จบ ทั้งคู่ต้องลงสนามต่อในเซสชั่นที่สองเพื่อหาผู้ชนะที่ได้ 10 เฟรมก่อนในค่ำวันนี้เวลา 19.00 น.ตามเวลาประเทศไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
จริงหรือไม่ “กาแฟ” อันตรายต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ-ความดันสูง-กระเพาะอาหาร-เบาหวาน
คาเฟอีนในกาแฟ จะส่งผลอันตรายต่อหัวใจ ความดันโลหิต กระเพาะอาหาร และเบาหวานของผู้ป่วยที่มีโลกเหล่านี้เป็นโรคประจำตัวอยู่แล้วหรือไม่
กาแฟ vs โรคหัวใจ
นพ.เบญจ์ องควานิช อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลตำรวจ ระบุว่า คาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟสามารถรบกวนการทำงานของโรคหัวใจได้จริง แต่จากงานวิจัยหลายชิ้นทั่วโลกพบว่า การกินกาแฟไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคหัวใจแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจขาดเลือด หัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว รวมไปถึงไม่ได้เป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคเหล่านี้อีกด้วย
อย่างไร แม้ว่าผู้ป่วยโรคหัวใจจะยังสามารถดื่มกาแฟได้ แต่ควรควบคุมปริมาณในการดื่มที่เหมาะสม
กาแฟ vs ความดันโลหิตสูง
การดื่มกาแฟ ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นได้จริง เพราะการดื่มกาแฟอาจเข้าไปเพิ่มการหลั่งฮอร์โมน Catecholamines, Adrenaline, Epinephrine ในร่างกายที่ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงขึ้นได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละคนเป็นทุนเดิมด้วย บางคนดื่มกาแฟแล้วระดับฮอร์โมนอาจไม่สูงขึ้น หรือบางคนอาจสูงขึ้นได้
ดังนั้นอาจจะไม่ได้ห้ามผู้ป่วยความดันโลหิตสูงดื่มกาแฟ แต่ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป ไม่ดื่มก่อนไปออกแรง ใช้งานร่างกายหนักๆ เช่น ไปออกกำลังกาย ไปทำงานบ้านหนักๆ
กาแฟ vs กระเพาะอาหาร
กาแฟ มีฤทธิ์ที่อาจจะเข้าไปกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้จริง แต่มีงานวิจัยหนึ่งที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารว่า ในบรรดาโรคที่เกิดขึ้นที่กระเพาะอาหาร และในระบบทางเดินอาหาร เช่น กระเพาะอาหารอักเสบ แผลในกระเพาะอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร ปวดท้องจากโรคกระเพาะอาหาร และโรคกรดไหลย้อน คาเฟอีนในกาแฟไม่ได้เป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงหรือความรุนแรงให้กับโรคเหล่านี้เลย
ดังนั้น แพทย์ลงความเห็นว่า ผู้ป่วยกลุ่มกระเพาะอาหารและระบบทางเดินอาหารต่างๆ สามารถดื่ม
ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการของกระเพาะอาหารค่อนข้างเด่นชัด เช่น เพิ่งมีอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือเป็นแผลในกระเพาะอาหาร แพทย์อาจพิจารณาให้งดการดื่มกาแฟไปก่อนได้
กาแฟ vs เบาหวาน
กาแฟ สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างน้ำตาลเพิ่ม เพราะมันไปสร้างการหลั่งฮอร์โมนกระตุ้น สำหรับผู้ป่วยที่ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายได้ดีมาโดยตลอด ก็พอจะดื่มกาแฟเป็นครั้งคราวได้ แต่แนะนำให้ดื่มเป็นครั้งคราว ไม่ดื่มบ่อยจนเกินไป และไม่ผสมน้ำตาล และครีมเยอะจนเกินไป
กาแฟ vs ขาดวิตามินบี 1
หากถึงขั้นที่ร่างกายอยู่ในภาวะขาดวิตามินบี 1 แล้ว ก็ควรหยุดดื่มกาแฟไปก่อน เพราะกาแฟอาจเข้าไปลดการดูดซึมของวิตามินบี 1 ได้ ร่างกายก็จะดูดซึมวิตามินบี 1 ได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้วิตามินบี 1 ที่เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ถูกขับออกทางปัสสาวะมากขึ้น วิตามินบีในเลือดก็จะลดลง
ดื่มกาแฟอย่างไร ไม่ให้ทำลายสุขภาพ
- อย่าดื่มมากเกินไป ไม่ดื่มกาแฟมากกว่าวันละ 300 มิลลิกรัม หรือราวๆ 3 แก้ว
- อย่าใส่ครีมเทียม หรือน้ำตาลมากเกินไป เพราะทำให้กาแฟเหล่านั้นมีคาร์โบไฮเดรต ไขมัน ทำให้ปริมาณคอเลสเตอรอลเพิ่มสูงขึ้น ไตรกลีเซอไรด์ก็สูงขึ้น
ใครอยากลดการดื่มกาแฟ ควรค่อยๆ ลดลงทีละเล็กละน้อย การหักดิบหรือหยุดไปเฉยๆ อาจส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงจากการหยุดคาเฟอีนกะทันหันได้ เช่น อาการปวดศีรษะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Just ที่ไม่ได้แปลว่า เพิ่งจะ
คำว่า Just มันแปลว่าอะไรกันแน่คะเพื่อนๆ แค่, เพิ่งจะ, เมื่อกี้, เมื่อครู่, พอดี…. เป็นทุกอย่าง เพราะอะไร? ก็เพราะว่า ชั้นคือประธานบริษัท ยังไงล่ะ
.
.
เคร
.
กลับมาค่ะ555555 ต้องบอกว่า Just ที่เราเห็นว่ามันมีหลายความหมายเป็นเพราะว่า Just สามารถเป็นได้ทั้ง Adverb และ Adjective นั่นเองค่ะ การใช้ก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบริบท ซึ่งจริงๆก็ดูเหมือนจะเยอะมากๆเลยใช่มั้ยคะ แต่วันนี้แอดจะมาช่วยตอบคำถาม เอาที่เราทุกคนเจอกันบ่อยๆ รวบรวมไว้ในนี้นะคะ จะได้เอาไปใช้กันคูลๆ
“แค่”
- I just want you to know how much I love you.
ฉันแค่อยากบอกเธอว่า ฉันรักเธอมากแค่ไหน - Just like that
แค่นั้นเองแหละ
“เพิ่งจะ”
- Soojin has just brought me a new laptop. So, I don’t have to spend much money.
ซูจินเพิ่งจะซื้อคอมให้ฉันใหม่เอง ดังนั้นฉันเลยไม่ต้องใช้จ่ายเงินมากนักน - We’ve just arrived.
พวกเราเพิ่งจะมาถึงเอง
“ถูกต้อง, เหมาะสม, ตรง, ยุติธรรม”
- Thank you, it’s just what I’ve always wanted.
ขอบคุณนะ มันถูกต้องเลย มันใช่สิ่งที่ฉันต้องการมาตลอด - He’s a just person.
เขาเป็นคนยุติธรรม
“เกือบจะ”
- It’s just possible that we might be going away from this town.
มันเกือบจะเป็นไปได้แล้ว ว่าพวกเราอาจจะออกจากเมืองนี้
“เร็วๆนี้”
- The doctor will be with you in just a moment.
คุณหมอจะมาหาคุณเร็วๆนี้ค่ะ
“ตรงเวลา, ตรงเป้ะ”
- The class will begin just at 9 a.m. Don’t be late.
คลาวจะเริ่มตอน 9 โมงตรง อย่าสายล่ะ
และ Just now เมื่อใช้รวมกันจะได้ความว่า เมื่อสักครู่นี้, เมื่อกี้นี้
- It happened just now.
มันเกิดขึ้นเมื่อกี้นี้เลย - He walked by just now.
เขาเดินไปเมื่อกี้นี้อ่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
AIS Business ปักหมุดมุ่ง Cognitive Telco เชื่อม 5G ลูกค้าองค์กร
AIS Business กางแผนวิสัยทัศน์ 2022 ปักหมุดเป้าหมาย Cognitive Telco เชื่อมต่อโครงข่ายอัจฉริยะ5G ต่อยอด Digital Business Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด เผย 5 กลยุทธ์ พาองค์กรก้าวสู่โลกดิจิทัล เดินหน้าติดสปีดเครื่องยนต์ภาคเศรษฐกิจไทย
ในปีที่ผ่านมา AIS Business ได้เข้าไปสร้างการเปลี่ยนแปลงในตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กร ภาคธุรกิจ และ SMEs ในหลายมิติ ด้วยความมุ่งมั่นในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยี หรือ Digital infrastructure เสริมขีดความสามารถด้านการแข่งขัน เพิ่มศักยภาพการทำงานในด้านต่างๆ เพื่อการทรานสฟอร์มภาคธุรกิจเข้าสู่ Digital Process แบบ 100% ด้วยบริการและโซลูชันด้านต่างๆ ผ่านความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั้งในประเทศและระดับโลกอย่างมากมาย
สำหรับปีนี้จะเป็นอีกก้าวสำคัญของ AIS Business ที่จะยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของโครงข่ายด้วย Intelligent Network เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Telco ที่จะมาช่วยต่อยอดเป้าหมายการทำงานในฐานะผู้นำตลาดที่มุ่งส่งเสริมและผลักดันดิจิทัลเทคโนโลยีสู่กลุ่มลูกค้าองค์กรของ AIS Business ด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงหน้าตาขององค์กรธุรกิจให้มีศักยภาพพร้อมรับมือทุกโอกาส ความท้าทาย และการแข่งขัน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยให้มีแรงขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเติบโตได้ในปีนี้
นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS อธิบายว่า “นอกเหนือจากการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับการใช้งานที่เหนือกว่าแล้ว วันนี้ AIS ยังคงเดินหน้านำศักยภาพโครงข่ายเข้าเชื่อมต่อการทำงานกับภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ให้สามารถทรานสฟอร์มองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการทำงาน การบริหารต้นทุน และสร้างการเติบโตด้วยเครื่องมือด้านดิจิทัลที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้ท่ามกลางสถานการณ์และความท้าทายรอบด้าน ทำให้ในปีที่ผ่านมาภาพรวมของรายได้กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรเติบโตขึ้นกว่า 16%
สำหรับปีนี้การทำงานของ AIS Business ก็ยังคงเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิมเพราะมีเป้าหมายใหม่ที่เราต้องการขยับตัวเองขึ้นไปสร้างมาตรฐานใหม่ของตลาดด้วยการเป็น องค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Telco ผ่านการวางโครงสร้างพื้นฐานและดึงศักยภาพของพาร์ทเนอร์ภายใต้ Digital Business Ecosystem ที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ให้สามารถออกมาสร้างบริการและโซลูชันที่ตอบโจทย์การทำงานของทุกองค์กร และต้องการทรานสฟอร์มตัวเองตั้งแต่ภาคธุรกิจ SMEs ไปจนถึงระดับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมต่างๆ”
นายธนพงษ์กล่าวต่อไปอีกว่า ด้วยศักยภาพของ AIS เรามองตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นหนึ่งใน Digital Business Ecosystemที่วันนี้เราทำงานในฐานะผู้ส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รวมถึงสร้างขีดความสามารถใหม่ๆ เพื่อให้ภาคธุรกิจมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ผ่านแนวทางการทำงานบน 5 กลยุทธ์สำคัญได้แก่
· เชื่อมต่อ 5G Ecosystem เพื่อการทำงานของภาคธุรกิจอย่างรอบด้านโดยดึงศักยภาพของโครงข่าย 5G ที่ AIS ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้รองสำหรับภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และกลุ่มผู้ประกอบการ ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพในเรื่องต่างๆ ภายใต้ Ecosystem เดียวกัน อาทิ AR/VR, Robotic, AI และ IoT ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ ทั้งภาครัฐและเอกชน
· ยกระดับการทำงานของโครงข่ายด้วย Intelligent Network การเป็นผู้ให้บริการด้านการเชื่อมต่อที่ครบวงจรทั้งเครือข่ายใยแก้วนำแสงและเครือข่ายไร้สายสำหรับลูกค้าองค์กร ด้วยการมี Gateway ที่สามารถเชื่อมต่อทั้งแบนด์วิธในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทีมงานที่เชี่ยวชาญ ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการเพื่อส่งมอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าตามรูปแบบและพฤติกรรมของการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
· มุ่งเสริมความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและแพลตฟอร์ม ด้วยการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ AIS สามารถขยายผลการให้บริการลูกค้าองค์กรในฐานะผู้ให้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มด้าน CCII ที่ครอบคลุม เทคโนโลยีที่ครบครัน ทั้ง โซลูชันคลาวด์ (Cloud) บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) บริการ IoT (Internet of Things) และบริการด้านไอซีทีโซลูชัน (ICT Solution)
· เสริมอาวุธด้านการตลาด และเพิ่มโอกาสการเติบโตด้วย Business Big Data การนำประสบการณ์ด้านงานดูแลลูกค้าทั่วไป มาเสริมกับการใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสทางการแข่งขัน รวมถึงอาวุธใหม่ๆ สำหรับการสื่อสารทางการตลาดที่จะสร้างยอดขายและการเติบโตได้มากยิ่งขึ้น
· ส่งมอบบริการด้วยทีมงานมืออาชีพ การมี ซีเอส ล็อกซอินโฟ หรือ CSL เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ทำให้วันนี้ AIS Business เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวในตลาดที่มีความพร้อมสูงสุด มีบุคลากรในสายงาน ICT ที่เชี่ยวชาญและรอบด้าน ทำให้การส่งมอบบริการเพื่อตอบโจทย์องค์กรธุรกิจมีความต่อเนื่อง แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ประเมิน ติดตั้ง บริหารโครงการ และบริการหลังการขายอย่างมืออาชีพ
“ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีของประเทศให้มีความแข็งแกร่งด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้วันนี้ AIS สามารถนำศักยภาพของโครงข่ายอัจฉริยะ 5G และ ICT มาเชื่อมต่อการทำงานกับลูกค้าองค์กร ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ ไปจนถึงกลุ่ม SMEs ให้มีความพร้อมในการทำ Digital Transformation เพื่อยกระดับการทำงานให้มีความพร้อมต่อความท้าทายใหม่ๆ ในบริบทโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
โดยในปีนี้เราจะยกระดับตัวเองจากผู้ให้บริการดิจิทัลสู่การเป็น Cognitive Telco หรือองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ ซึ่งจะทำให้ภารกิจในการนำเทคโนโลยีเข้าช่วยการทรานสฟอร์มให้ภาคธุรกิจมีเครื่องมือและขีดความสามารถจะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันเป็นไปตามเป้าหมาย รวมถึงวิสัยทัศน์ใหม่ของเราในครั้งนี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศมีเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทายในอนาคต” นายธนพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เช็กด่วน! 6 ปัจจัยเสี่ยงโครงสร้างอาคารท่ามกลางพายุฤดูร้อน
โครงสร้างอาคารทั้งหลายของคุณกำลังอยู่ในอันตรายจากฝนตกหนักและพายุพัดถล่มอยู่หรือเปล่า? นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทยมีคำตอบ
หลังเหตุการณ์พายุฝนพัดถล่มจนหลังคาและกำแพงของอาคารในสนามบินดอนเมืองเสีบหายไปบางส่วนเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้ถอดบทเรียนมาเป็น 6 ปัจจัยเสี่ยง เพื่อป้องกันการเสียหายจากความรุนแรงของพายุฤดูร้อนที่มีอยู่ในช่วงเวลานี้ ได้แก่
- ช่วงเวลาที่มักเกิดพายุฤดูร้อนคือช่วงเดือนเมษายน หรือช่วงก่อนเริ่มฤดูฝน ความแปรปรวนในกระแสลมทำให้พายุนี้มีความรุนแรงมาก จนอาจสร้างแรงกระทำต่อโครงสร้างได้มากกว่าแรงลมทั่วไป 2 ถึง 3 เท่า
- พายุฝนฟ้าคะนองเกิดจากการมีอากาศร้อนอบอ้าวหรือความกดอากาศต่ำติดต่อกันหลายวันจนมีมวลอากาศเย็นหรือความกดอากาศสูงพัดมาปะทะ ทำให้อากาศแปรปรวนรุนแรง
- โครงสร้างที่มีพื้นผิวหรือพื้นที่ปะทะแรงลมมากสามารถเกิดความเสียหายได้แม้ในช่วงเวลาสั้น ๆ จากความรุนแรงของพายุฤดูร้อน
- โครงสร้างที่ยึดกับฐานรากไม่แข็งแรง หรือ ป้ายโฆษณาและหลังคา มักอ่อนไหวต่อพายุฤดูร้อน
- มาตรฐานค่าแรงลมที่คำนึงถึงพายุฤดูร้อนเพิ่งเริ่มในปี 2550 ค่าแรงลมที่ใช้ออกแบบก่อนหน้านั้นอาจไม่ได้ออกแบบเพื่อรองรับพายุฤดูร้อน แม้เป็นการออกแบบตามกฎหมายควบคุมอาคารที่คำนึงเฉพาะแรงลมทั่วไป
- น้ำหนักน้ำก็เป็นสาเหตุที่ทำให้โครงสร้างหลังคาวิบัติได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่หลังคากว้าง ควรจัดการการระบายน้ำฝนที่มากับพายุฤดูร้อนไม่ให้เกิดการท่วมขัง
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21/04/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,200.00 | 31,300.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,021.00 | 30,638.36 | 31,800.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,818.90 | 27,574.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,616.80 | 24,510.69 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 909.00 | 13,780.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 707.00 | 10,718.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,094.00 | 31,745.04 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/04/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 39.05 | 39.05 | 39.55 | 39.45 | 39.45 | 39.05 | 39.05 | 39.05 | 39.45 | 39.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.78 | 38.78 | 39.28 | 39.18 | 39.18 | 38.78 | 38.78 | 38.78 | 39.18 | 38.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.94 | 37.94 | 38.44 | 38.34 | 38.34 | – | 37.94 | 37.94 | 38.34 | 37.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 31.24 | 31.24 | – | – | – | – | – | – | – | 31.24 |
เบนซิน 95 | 46.46 | – | – | – | 47.31 | – | 46.96 | 46.96 | – | 46.46 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.96 | 35.96 | 36.39 | 36.36 | 36.39 | – | – | – | – | 35.96 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |