อสังหาชลบุรีฮอต! ศุภาลัยผุด2โครงการใหม่รองรับดีมานด์โซนอีอีซี

ศุภาลัยเดินหน้าขยายฐานลูกค้าอสังหาฯชลบุรี เปิดตัว 2 โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ มูลค่ารวมกว่า 2,200 ล้าน บนทำเลศักยภาพติดมอเตอร์เวย์ รับดีมานด์โซนอีอีซี
กว่า 12 ปี ที่ “ศุภาลัย” ปักธงใน จังหวัดชลบุรี หนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของโครงการอีอีซี ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองไกลถึงการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ และการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลง
ราชัย ปิยวาจานุสรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัว 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 2,254 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพเชื่อมต่อ มอเตอร์เวย์สาย 7 เพียง 5 นาที โดยมั่นใจว่าโครงการทั้ง2จะสามารถตอบรับความต้องการของตลาดที่อยู่อาศัยได้อย่างเต็มศักยภาพ ทั้งในมุมการอยู่อาศัยจริง และเพื่อการลงทุนในอนาคต
“ความต้องการที่อยู่อาศัยในชลบุรียังแข็งแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลที่เชื่อมต่อมอเตอร์เวย์ ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ไม่เพียงแค่สะดวกในการอยู่อาศัย แต่ยังสร้างโอกาสในการลงทุนระยะยาว”
โครงการแรก ‘ศุภาลัย เลควิลล์’ บ้านเดี่ยวเหนือระดับ พร้อมนวัตกรรมสีเขียว มูลค่าโครงการ 1,817 ล้านบาท กับบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 380 แปลง ออกแบบภายใต้แนวคิด Tropical Modern Series ขนาดพื้นที่ใช้สอย 162–261 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.19–7 ล้านบาท ไฮไลต์สำคัญคือการติดตั้ง Solar Roof และ Home Automation ทุกหลัง ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิด Energy Saving House ที่สอดรับกับการใช้ชีวิตยุคใหม่
นอกจากนี้โครงการยังโดดเด่นด้วยวิวทะเลสาบขนาดใหญ่และพื้นที่สีเขียวรอบโครงการ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เติมเต็มไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง
“ไม่ใช่แค่บ้านที่สวยงาม แต่เราสร้างระบบนิเวศแห่งการอยู่อาศัยที่ประหยัดพลังงาน มีความยั่งยืน และรองรับเทคโนโลยีอนาคต”
โครงการที่สอง ‘บลิซ ศุขประยูร’ ราคาคุ้ม จับตลาดครอบครัวเริ่มต้น โครงการมูลค่า 437 ล้านบาท เป็นบ้านแฝดและทาวน์โฮม พื้นที่ใช้สอย 126–154 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.55–4 ล้านบาท ออกแบบด้วยฟังก์ชันที่ยืดหยุ่น รองรับการเติบโตของครอบครัวได้สูงสุด ถึง 4 ห้องนอน เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มองหาบ้านหลังแรกบนทำเลที่สามารถเชื่อมต่อโอกาสในชีวิตได้รอบด้าน
“คนรุ่นใหม่วันนี้ไม่ได้มองแค่ราคาที่จับต้องได้ แต่ต้องได้พื้นที่ที่ใช้สอยคุ้มค่า และขยายได้ในอนาคต บลิซจึงตอบโจทย์อย่างลงตัว”
ทำเลทองแห่งการเชื่อมต่อ… ที่ยังเติบโตได้อีกไกล
ทั้ง 2 โครงการตั้งอยู่ใน ตำบลสำนักบก อ.เมือง จ.ชลบุรี จุดยุทธศาสตร์ที่สามารถเข้าถึง ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ได้ภายใน 5 นาที ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯ พัทยา มาบตาพุด สนามบินอู่ตะเภา และท่าเรือในเขตอีอีซี ศักยภาพของทำเลนี้ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยัง เหมาะสำหรับการลงทุนปล่อยเช่า ด้วยความต้องการจากกลุ่มแรงงาน–คนทำงานในนิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
“นี่คือทำเลอนาคตที่ไม่หยุดนิ่ง มูลค่าทรัพย์สินยังมีโอกาสเติบโต และเป็นจุดเชื่อมโยงชีวิต–เศรษฐกิจอย่างแท้จริง”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
คอนโดเชียงใหม่พลิกโฉม ดีมานด์จีนหด’เมียนมา อเมริกา ยุโรป ‘มาแทน

- ความต้องการซื้อคอนโดในเชียงใหม่จากลูกค้าชาวจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้จะยังเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด แต่สัดส่วนได้หดตัวลง
- กลุ่มผู้ซื้อจากเมียนมาและสหรัฐอเมริกากลายเป็นผู้ซื้อรายสำคัญกลุ่มใหม่ โดยมียอดซื้อเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนขึ้นมาเป็นอันดับสอง
- นักลงทุนหน้าใหม่จากยุโรป โดยเฉพาะอิตาลีและเนเธอร์แลนด์ เข้ามาในตลาดอย่างโดดเด่นด้วยอัตราการซื้อที่เพิ่มขึ้นสูงสุด
ในอดีตอันไม่ไกลนัก หากเอ่ยถึง “คอนโดเชียงใหม่” ภาพที่ฉายขึ้นในหัวของนักลงทุนและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คงหนีไม่พ้นกลุ่มผู้ซื้อชาวจีนที่เข้ามากวาดซื้อยูนิตอย่างต่อเนื่อง จนแทบกลายเป็น “เสาหลัก” ของดีมานด์ต่างชาติในพื้นที่นี้
ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ยืนยันแนวโน้มนี้อย่างชัดเจน โดยระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมา ชาวจีนครองส่วนแบ่งสูงสุดของผู้ซื้อคอนโดในเชียงใหม่ถึง 57.6% ซึ่งมากกว่าครึ่งของตลาดต่างชาติทั้งหมด
แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ครึ่งปีแรกของ 2568 ทิศทางของตลาดกลับเริ่มเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด แม้ชาวจีนยังคงยืนหนึ่งในเชิงจำนวน แต่ยอดซื้อกลับลดลงถึง 33.5% เหลือสัดส่วน 53.8% สะท้อนสัญญาณที่น่าจับตามองว่า “เสาหลักเดิม” อาจเริ่มสั่นคลอน ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ซื้อจากชาติอื่น ๆ กลับเดินหน้าเข้ามาแทนที่ด้วยจังหวะที่เร่งตัวแรงอย่างน่าประหลาดใจ
เมียนมา กลับมาเป็นผู้เล่นหลักอีกครั้ง ด้วยยอดซื้อที่พุ่งขึ้น 42.9% ทะยานขึ้นมาอยู่อันดับ 2 เทียบเท่าสหรัฐอเมริกา ที่แม้จะเคยอยู่ในกลุ่มท็อปอยู่แล้ว แต่ก็เร่งตัวได้ดีด้วยการเติบโต 23.8%
ความน่าตื่นเต้นอยู่ที่ “หน้าใหม่” จากยุโรปที่เพิ่งเข้ามาในเวทีนี้อย่างเต็มตัว ชาวอิตาลี มีอัตราการซื้อเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 200% และ ชาวเนเธอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 50% จนสามารถขึ้นมาติด 10 อันดับแรกของผู้ซื้อได้สำเร็จ
ในมุมกลับ กลุ่มชาติเดิมบางรายกลับต้องเผชิญแรงกดดันและถอยหลังอย่างชัดเจน เช่น ออสเตรเลีย ที่ยอดซื้อหดตัวถึง 68.8% และ อิสราเอล ที่ลดลง 60% ส่วน เกาหลีใต้ ที่เคยเป็นขาประจำในอันดับ 7 ของปีที่แล้ว ก็หลุดจาก 10 อันดับแรกไปอย่างน่าใจหาย
ภาพเหล่านี้สะท้อนความจริงที่ว่า ตลาดอสังหาฯ ไม่เคยหยุดนิ่ง และผู้เล่นใหม่พร้อมจะเข้ามาแย่งพื้นที่เสมอ
“ดีมานด์ต่างชาติในเชียงใหม่วันนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป แต่เป็นการแข่งขันของหลายกลุ่มที่มองเห็นโอกาสในเมืองนี้”
ในระยะยาว สิ่งที่ผู้ประกอบการควรจับตา ไม่ใช่เพียงแค่จำนวนยอดซื้อเท่านั้น แต่คือ โครงสร้างของดีมานด์ใหม่ ที่อาจมีความต้องการ ไลฟ์สไตล์ และกำลังซื้อแตกต่างไปจากเดิมเชียงใหม่ในวันนี้ อาจไม่ใช่ตลาดของชาวจีนอย่างเบ็ดเสร็จอีกต่อไป แต่มันกำลังกลายเป็นเวทีที่เปิดกว้างสำหรับนักลงทุนทั่วโลก
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้22ก.ย.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” ที่ระดับ 31.87 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทมีแนวโน้มจะอ่อนค้่่าลงจากแรงขายฝั่งนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย ขณะที่บอนด์ยีลด์ไทยที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง และฝั่งผู้ส่งออก รอทยอยขายเงินดอลลาร์ ฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดรอลุ้นรายงานยอดการส่งออกและนำเข้าเดือนสิงหาคม
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 22ก.ย.2568ที่ระดับ 31.87 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 31.84 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์สัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน แถวโซนแนวต้าน 31.85 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 31.80-31.92 บาทต่อดอลลาร์)
แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ทว่า การรีบาวด์ปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) สู่โซน 3,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาด หลังเงินบาทได้อ่อนค่าเข้าใกล้โซนแนวต้าน ก็มีส่วนช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท ทำให้เงินบาทยังคงไม่สามารถอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้อย่างชัดเจน
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น หลัง Dot Plot ล่าสุด สะท้อนว่า เฟดอาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้
สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอลุ้นรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก พร้อมรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดย S&P Global (Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนกันยายน
พร้อมรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนสิงหาคม และรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) โดยข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว รวมถึง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดได้
ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างคงมองว่า เฟดยังมีโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีกราว 2 ครั้ง ในปีนี้ และลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง ในปี 2026 จบรอบการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะต่างจากคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ล่าสุดของเฟด ที่สะท้อนว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยอีกราว 2 ครั้ง ในปีนี้ และอีก 1 ครั้ง ในปี 2026 และ 2027
▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ เดือนกันยายน จากทั้งฝั่งยูโรโซนและอังกฤษ พร้อมทั้งรอติดตาม รายงานอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ที่สำรวจโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB)
และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า ECB อาจจบรอบการลดดอกเบี้ยแล้ว (โอกาสลดดอกเบี้ย 25bps ในปีนี้ อยู่ที่เพียง 15%)
▪ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจเศรษฐกิจญี่ปุ่น ผ่านรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ เดือนกันยายน และรอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนกันยายน ของกรุงโตเกียว
ส่วนในฝั่งจีน ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม การประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกหนี้ชั้นดี (Loan Prime Rate) ประเภท 1 ปี และ 5 ปี จากทางธนาคารกลางจีน (PBOC) ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า LPR 1 ปี และ 5 ปี จะยังคงอยู่ที่ระดับ 3.00% และ 3.50% จนกว่าทาง PBOC จะเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งอาจต้องเห็นสัญญาณการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจอย่างชัดเจน
▪ ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports & Imports) ในเดือนสิงหาคม ซึ่งอาจสะท้อนการเติบโตของยอดการส่งออกที่ชะลอลงจากเดือนก่อนๆ โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า ยอดการส่งออกเดือนสิงหาคม อาจขยายตัวราว +7%y/y ชะลอลงจากที่โตกว่า +11% ในเดือนก่อน
สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยอ่อนค่าแบบค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ในกรณีที่เงินดอลลาร์ทยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะผู้เล่นต่างชาติ ต่างก็รอทยอยปรับสถานะถือครองและเริ่มมีมุมมองเชิงลบต่อเงินบาทมากขึ้น
ดังจะเห็นได้จากบรรดาบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ต่างชาติที่ต่างมองว่า เงินบาทมีความเสี่ยงอ่อนค่าลงและมีความน่าสนใจที่จะเริ่มทยอยเพิ่มสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง)
นอกจากนี้ แรงขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นไทย จากฝั่งนักลงทุนต่างชาติก็อาจยังคงดำเนินต่อไปได้ เพิ่มแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท ขณะที่แรงขายบอนด์ไทย จากนักลงทุนต่างชาติ อาจชะลอลงบ้าง ยกเว้นบอนด์ยีลด์ไทยจะปรับตัวลงต่อเนื่องพอสมควร เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไรสถานะลงทุนในบอนด์ไทย
อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจยังไม่สามารถอ่อนค่าลงต่อเนื่องไปได้ง่ายนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาด อย่าง ฝั่งผู้ส่งออก ต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน ในช่วง 31.85 บาทต่อดอลลาร์
(แนวต้านถัดไป 32.00 บาทต่อดอลลาร์ และ 32.30 บาทต่อดอลลาร์) เราจะมั่นใจมากขึ้นว่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ตามกลยุทธ์ Trend-Following) ในทางกลับกัน หากเงินบาทได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า เราประเมินว่า การแข็งค่าของเงินบาทก็อาจถูกจำกัดแถวโซนแนวรับ 31.50-31.60 บาทต่อดอลลาร์ ได้
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์สามารถแข็งค่าขึ้นต่อได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทยอยออกมาสดใส ดีกว่าคาดต่อเนื่อง ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลง ทว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 31.50-32.10 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.75-31.95 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 31.84-31.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.50 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวันทำการก่อนหน้าที่ 31.85 บาทต่อดอลลาร์ฯทั้งนี้ เงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวเป็นกรอบ (หลังจากที่แข็งค่าขึ้นมากในช่วงก่อนหน้านี้) เพื่อรอปัจจัยใหม่ ๆ มากระตุ้น เพราะแม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้
แต่เงินดอลลาร์ฯ ยังคงมีแรงหนุนต่อเนื่องหลังเฟดส่งสัญญาณไม่เร่งปรับลดดอกเบี้ย ประกอบกับเงินบาทอาจได้รับแรงกดดันด้านอ่อนค่าเพิ่มเติมในระหว่างวันจากสัญญาณขายสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติ
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 31.70-31.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ราคาทองคำในตลาดโลก และสถานการณ์ค่าเงินหยวน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
โค่นแชมป์โลก! เปิดเงินรางวัล “บาส-เฟม” ซิวแชมป์ แบดมินตัน ไชน่า มาสเตอร์ส 2025

ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่มืออันดับ 4 ของโลกชาวไทย ที่คว้าแชมป์แบดมินตัน ไชน่า มาสเตอร์ส 2025 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา
โดยในรอบชิงชนะเลิศ คู่ผสมของไทย เป็นฝ่ายเอาชนะ เฉิน ตังเจี๋ย กับ เตียว อี้เว่ย คู่มืออันดับ 3 ของโลกจากมาเลเซีย และดีกรีแชมป์โลกปี 2025 ไปได้ 2-0 เกม (21-8 และ 21-17)
ภายหลังจบทัวร์นาเมนต์ ฝ่ายจัดการแข่งขันได้เปิดเงินรางวัลสำหรับแชมป์คู่ผสมของไทย ซึ่งจะได้รับเงินรางวัลสูงถึง 92,500 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,960,000 บาท) เลยทีเดียว
สำหรับความสำเร็จในครั้งนี้ของ “บาส” เดชาพล กับ “เฟม” ศุภิสรา ถือเป็นการคว้าแชมป์ร่วมกันเป็นรายการที่ 6 ของทั้งคู่นับตั้งแต่จับคู่กัน รวมทั้งยังถือเป็นแชมป์รายการที่ 4 ในปีนี้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สธ.เตือน ไข้หวัดใหญ่ – ไวรัส RSV ระบาด ห่วงหน้าฝนคนป่วยเพิ่มขึ้น

- กระทรวงสาธารณสุขเตือนการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่และไวรัส RSV ที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน
- กลุ่มเด็กเป็นกลุ่มเสี่ยงหลักที่พบอัตราการป่วยสูงสุด โดยไข้หวัดใหญ่พบมากในเด็กอายุ 5-9 ปี ส่วน RSV พบมากในเด็กอายุ 0-4 ปี
- กรมควบคุมโรคแนะประชาชนป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และหากบุตรหลานมีอาการป่วยควรให้หยุดเรียนและรีบไปพบแพทย์
วันนี้ (21 กันยายน 2568) นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรคดิจิทัล (DDS) กองระบาดวิทยา พบว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (7–13 กันยายน 2568) มีการระบาดของโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ซึ่งมีแนวโน้มพบผู้ป่วยมากขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อน
โดยมีรายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น 30,055 ราย และผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) เพิ่มขึ้น 3,454 ราย สถานการณ์โรคตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–20 กันยายน 2568 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สะสม 555,074 ราย เสียชีวิต 59 ราย
กลุ่มอายุที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มอายุ 5–9 ปี (2,874.80) รองลงมาเป็น 0–4 ปี (2,395.00) และ 10–14 ปี (1,959.10) ตามลำดับ
ส่วนโรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) พบผู้ป่วยสะสม 16,145 ราย เสียชีวิต 2 ราย กลุ่มอายุที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด คือ 0–4 ปี (467.10) รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 5–9 ปี (48.90) และ 10–14 ปี (4.20) ตามลำดับ
นายแพทย์ภาณุมาศ กล่าวว่า ทั้งสองโรคนี้เป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจที่มักพบการระบาดในช่วงฤดูฝน หากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสมอาจเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย และเกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อนได้ง่าย โดยเฉพาะในโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก และสถานที่ชุมชน
กลุ่มเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังซึ่งอาจนำไปสู่การเจ็บป่วยรุนแรง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว แม้ว่าทั้งสองโรคจะมีอาการใกล้เคียงกัน แต่สามารถสังเกตอาการได้ ดังนี้
ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ มักมีไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ ร่วมกับอาการไอแห้ง และเจ็บคอ
ส่วนผู้ป่วย RSV มักเริ่มจากมีไข้ ไอ น้ำมูกไหล แต่ที่น่ากังวลคืออาการทางระบบหายใจ เช่น หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงหวีด (wheezing) โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ทำให้กินนมได้น้อย ซึมลง หรือมีอาการซี่โครงบุ๋มขณะหายใจ หากพบอาการรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ด้าน นายแพทย์ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวแนะนำเพิ่มเติมว่า กรมควบคุมโรค เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด ได้แก่
1.สวมหน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอจาม หรืออยู่ในสถานที่แออัดหรือที่ที่มีกลุ่มคนจำนวนมาก
2.หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่เป็นประจำ
3.หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย
4 หากบุตรหลานมีอาการไข้ ไอ หายใจลำบาก หรือซึม ควรหยุดเรียน และรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สกมช. กางสถิติ เตือนเว็บรัฐเสี่ยง จี้อัพเกรดตามมาตรฐานใหม่ด่วน

- สกมช. เผยสถิติหน่วยงานภาครัฐเป็นเป้าหมายการโจมตีทางไซเบอร์สูงสุด จึงประกาศ “มาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์” ฉบับใหม่ บังคับให้หน่วยงานรัฐต้องปฏิบัติตาม
- เตือนภัยคุกคามในอนาคตจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม ที่สามารถถอดรหัสข้อมูลที่ใช้ในปัจจุบันได้ โดยเฉพาะการโจมตีแบบ “Harvest Now, Decrypt Later” (เก็บข้อมูลก่อน ถอดรหัสทีหลัง)
- เปิดแผน “ควอนตัม 2035” เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศ โดยตั้งเป้าให้เปลี่ยนผ่านสู่ระบบการเข้ารหัสที่ทนทานต่อควอนตัม (PQC) อย่างสมบูรณ์ภายในปี พ.ศ. 2578
สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้สรุปภาพรวมสถานการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ของไทยและแผนการรับมือที่สำคัญ ในงานสัมมนา “Building the Digital Future” เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 68 โดยชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่หน่วยงานภาครัฐต้องเร่งยกระดับความปลอดภัยตามมาตรฐานใหม่ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา พร้อมทั้งเปิดเผยแผนระยะยาวในการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยคุกคามแห่งอนาคตจาก “คอมพิวเตอร์ควอนตัม” ที่มีความสามารถในการถอดรหัสลับที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
พลอากาศตรี เฉลิมชัย วงษ์เกตุ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สกมช. กล่าวว่าจากสถิติพบว่าสถิติการโจมตีทางไซเบอร์ในประเทศไทยรวมกว่า 3,172 เหตุการณ์ ซึ่งเมื่อพิจารณาตามประเภทหน่วยงาน จะเห็นว่า
- หน่วยงานภาครัฐถูกโจมตีสูงที่สุดถึง 32%
- ภาคการศึกษา ตามมาที่ 23%
โดยรูปแบบการโจมตีที่พบบ่อยคือ เว็บไซต์ปลอม (Fake Website) และ ข้อมูลประจำตัวรั่วไหล (Credential Leak)
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว สกมช. จึงได้ประกาศ “มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์ พ.ศ. ๒๕๖๘” ใน ราชกิจจานุเบกษา ซึ่งมีผลบังคับใช้กับหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงหน่วยงานที่ดูแลโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ
พลอากาศตรี เฉลิมชัย ได้ย้ำชัดเจนว่า หน่วยงานใดที่เป็นหน่วยงานตามไซเบอร์ คุณไม่มีข้อยกเว้น ต้องปฏิบัติตาม โดยประเมินตนเองปีละ 1 ครั้ง ขณะที่ในภาคเอกชนเป็นเพียงคำแนะนำ หรือส่งเสริมให้ดำเนินการเท่านั้น เนื่องจากเป็นเรื่องของความเสี่ยงที่แต่ละองค์กรต้องบริหารจัดการเอง
นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ การยืนยันตัวตนหลายชั้น (Multi-Factor Authentication – MFA) โดย พลอากาศตรี เฉลิมชัย ได้เปรียบเทียบว่า MFA เปรียบเสมือนยาสามัญที่ควรต้องมีไว้ติดตัว เพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันพื้นฐาน และการประเมินความเสี่ยงของเว็บไซต์จะใช้หลักการ “High Water Mark” ซึ่งหมายความว่าหากเว็บไซต์มีความเสี่ยงระดับ “สูง” ในด้านใดด้านหนึ่งจาก 4 ด้าน (การเงิน/ทรัพย์สิน, การปฏิบัติการ, ประชาชน, และความมั่นคงของชาติ) การประเมินความเสี่ยงโดยรวมจะถือว่าอยู่ในระดับสูงทั้งหมด
ความท้าทายแห่งอนาคต: ภัย ‘Harvest Now, Decrypt Later’ จากควอนตัม
ในส่วนของการรับมือกับภัยคุกคามแห่งอนาคต ดร.สุจิตรา พงศ์พิศุทธิ์โสภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล สกมช. ได้อธิบายถึงศักยภาพของ คอมพิวเตอร์ควอนตัม ที่สามารถแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์บางประเภทที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปไม่สามารถทำได้ โดยชี้ถึงความเสี่ยงที่น่ากังวลที่สุดคือ “Harvest Now, Decrypt Later (HNDL)” ซึ่งหมายถึงการที่ผู้ไม่ประสงค์ดีจะเก็บข้อมูลที่เข้ารหัสลับไว้ก่อน แล้วรอเวลาให้คอมพิวเตอร์ควอนตัมเกิดขึ้นเพื่อนำมาถอดรหัสในภายหลัง
ผลกระทบต่อระบบเข้ารหัสจะแตกต่างกันไป
รหัสลับแบบกุญแจอสมมาตร (Asymmetric/Public-Key Cryptography): เช่น RSA, DH, ECC มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะถูกโจมตีด้วย Shor’s Algorithm ซึ่งส่งผลกระทบต่อการแลกเปลี่ยนกุญแจและการลงลายมือชื่อ รายงานของ Gutsan ในปี 2021 ระบุว่าการเข้ารหัสที่มีคีย์ 2048 คีย์ อาจถูกถอดรหัสได้ภายใน 177 วัน
รหัสลับแบบกุญแจสมมาตร (Symmetric Cryptography): เช่น AES มีความเสี่ยงน้อยกว่าจากการโจมตีด้วย Grover’s Algorithm โดยสามารถเพิ่มความยาวกุญแจเพื่อรับมือได้ แต่จะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง

แผนการเปลี่ยนผ่านของ สกมช. สู่ยุคควอนตัมและสถานการณ์โลก
สกมช. ได้กำหนดแผนปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศไว้ชัดเจนตามแนวทางที่เผยแพร่ในปี 2566 โดยมีแนวทางสำคัญ 7 ข้อ ได้แก่
- การจัดทำแผน (Road Map)
- การสร้างความตระหนักรู้
- การกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ
- การสำรวจสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัส (Cryptographic Inventory)
- การประเมินความเหมาะสมในการเลือกเทคโนโลยี
- การทดลอง/ทดสอบ
- การติดตามความต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังมีโครงการนำร่องที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน DE เพื่อสำรวจสินทรัพย์ของ 7 หน่วยงานนำร่อง โดยมีแผนจะเข้าเยี่ยมเพื่อประเมินความต้องการและจัดทำแผนการเปลี่ยนผ่าน (Migration Plan) ในช่วงปลายปี 2567 และจะนำบทเรียนที่ได้ไปถ่ายทอดให้แก่ 93 หน่วยงาน อื่น ๆ โดยมี 7 หน่วยงานแรกเป็นพี่เลี้ยง
สกมช. ได้กำหนดเป้าหมายที่สำคัญสำหรับประเทศไทยไว้ดังนี้
- ปัจจุบัน (ปี 2568): มีการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ PQC และมีการตั้งคณะทำงาน
- ปี 2030 (2573): โครงการใหม่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสำคัญต้องเริ่มใช้การเข้ารหัสแบบ PQC (Post-Quantum Cryptography) หรือ Hybrid (ใช้ร่วมกับระบบเดิม)
- ปี 2035 (2578): ประเทศไทยควรเปลี่ยนผ่านสู่ระบบ PQC อย่างสมบูรณ์
แผนการดังกล่าวสอดคล้องกับไทม์ไลน์ของหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรที่ตั้งเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านสำเร็จในปี 2035 เช่นกัน รวมถึงการดำเนินงานที่โดดเด่นของประเทศอื่น ๆ เช่น จีนที่เน้นการพัฒนาเครือข่ายดาวเทียมเพื่อการสื่อสารควอนตัม และเกาหลีใต้ที่จัดตั้งเครือข่าย QKD ระยะทางกว่า 800 กิโลเมตร
นอกจากนี้ สกมช. ยังมีแผนที่จะพัฒนา แพลตฟอร์ม Self-assessmentเพื่อให้หน่วยงานอื่น ๆ สามารถประเมินความพร้อมของตนเองได้ โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงการจัดการฝึกอบรมขนาดใหญ่ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานที่พัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมทั่วโลก เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เทียบกันชัด ๆ ระหว่าง สระ ภาษาอังกฤษ กับสระภาษาไทย 18 สระ อ่านง่ายไม่สะดุด

การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าหากอ่านได้อย่างถูกต้องแล้ว จะทำให้ต่างชาติหรือคู่สนทนาของเราเข้าใจความหมายได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในคำที่ออกเสียงคล้าย ๆ กัน วันนี้เราจะเทียบกันให้เห็นชัด ๆ ระหว่าง สระ ภาษาอังกฤษ และสระภาษาไทย 18 สระ ว่าอ่านหรือเขียนอย่างไร โดยแบ่งเป็นสระเสียงสั้น สระเสียงยาว สระประสม และการยกตัวอย่างของแต่ละประเภท ที่รวบรวมไว้ให้เข้าใจง่าย ลองมาดูกันเลยค่ะ
สระเสียงสั้น
- a เทียบได้กับ สระแอะ ยกตัวอย่างเช่น mat อ่านว่า แมท ที่แปลว่าเสื่อ, cat อ่านว่า แคท ที่แปลว่าแมว นอกจากนี้ a ยังออกเสียงว่า อะ อา เอ แอ ออ เช่น park อ่านว่า พาร์ค แปลว่า สวนสาธารณะ fast อ่านว่า แฟส แปลว่า เร็ว
- e เทียบได้กับ สระเอะ เช่น pet อ่านว่า เพท แปลว่า สัตว์เลี้ยง bet อ่านว่า เบท แปลว่า การพนัน รวมทั้ง สามารถออกเสียง อิ อี เอ เช่น belt อ่านว่า เบลท์ แปลว่า เข็มขัด
- i เทียบได้กับ สระอิ เช่น hit อ่านว่า ฮิท แปลว่า ตี pit อ่านว่า พิท แปลว่า หลุม หรือสามารถออกเสียงว่า อี ไอ เช่น hi อ่านว่า ไฮ แปลว่า สวัสดี nice อ่านว่า ไนซ์ แปลว่า ดี
- o เทียบได้กับ สระเอาะ เช่น pot อ่านว่า pot แปลว่า หม้อ lot อ่านว่า ลอท แปลว่า การจับฉลาก หรือออกเสียงได้ว่า โอ ออ อะ อู เช่น box อ่านว่า บอกซ์ แปลว่า กล่อง hope อ่านว่า โฮพ แปลว่า หวัง
- u เทียบได้กับ สระอะ เช่น cut อ่านว่า คัท ซึ่งแปลว่า ตัด but อ่านว่า บัท แปลว่า แต่ หรือจะอ่านว่า อิว อุ อู อิ ยู เช่น lunch อ่านว่า ลันช์ แปลว่า อาหารกลางวัน tube อ่านว่า ทูวบ์ แปลว่า หลอด
- y ที่ออกเสียงว่าอาย, อี เช่น type อ่านว่า ทายพ์ แปลว่า รูปแบบหรือประเภท เป็นต้น
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ สระ ภาษาอังกฤษ เสียงสั้น
เช่น
- What are you going to have for lunch? แปลว่า คุณจะทานอะไรเป็นอาหารกลางวัน
อาจจะตอบว่า
- I will have a hotpot for lunch. แปลว่า ฉันจะทานฮอทพอตสำหรับมื้อกลางวัน
หรือจะเป็น
- you cannot bring your pet in national parks. แปลว่า คุณไม่สามารถพาสัตว์เลี้ยงไปที่อุทยานแห่งชาติได้
- I hope you’re having a great week. แปลว่า ฉันหวังว่าสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ดีสำหรับคุณ
- His son is wearing a seat belt. แปลว่า ลูกชายของเขาคาดเข็มขัดนิรภัย
- She believes he is a nice guy. แปลว่า เธอเชื่อว่าเขาเป็นคนดี
- He hits me in the eye when he is angry. แปลว่า เขาตีเข้าที่ดวงตาฉันเมื่อเขาโกรธ เป็นต้น
สระเสียงยาว
- a / ar เทียบได้กับ สระอา เช่น far อ่านว่า ฟาร์ แปลว่า ไกล bath อ่านว่า บาธ แปลว่า อาบน้ำ sugar อ่านว่า ชูการ์ แปลว่า น้ำตาล
- e-e- / ea / ee เทียบได้กับ สระอี เช่น delete อ่านว่า ดิลีท แปลว่า ลบ meat อ่านว่า มีท แปลว่า เนื้อสัตว์ meet อ่านว่า มีท แปลว่า พบ
- a / oor/ or / aw / oar เทียบได้กับ สระออ เช่น call อ่านว่า คอล แปลว่า การสนทนาทางโทรศัพท์ door อ่านว่า ดอร์ แปลว่า ประตู for อ่านว่า ฟอ แปลว่า สำหรับ law อ่านว่า ลอ แปลว่ากฎหมาย board อ่านว่าบอร์ด แปลว่า กระดาน actor อ่านว่า แอคเทอร์ แปลว่า ผู้กระทำ
- ir /ur / ear เทียบได้กับ สระเออ เช่น first อ่านว่า เฟิร์ส แปลว่า อันดับแรก burn อ่านว่า เบิร์น แปลว่า เผาไหม้ learn อ่านว่า เลิร์น แปลว่า เรียนรู้ sir อ่านว่า เซอร์ แปลว่า คำสุภาพสำหรับเรียกผู้ชาย
- o / ew / oo / u-e- / ui เทียบได้กับ สระอู ออกเสียงได้ว่า อิว โอ อู เช่น do อ่านว่า ดู แปลว่า ทำ chew อ่านว่า ชู แปลว่า เคี้ยว fruit อ่านว่า ฟรูท แปลว่า ผลไม้ dew อ่านว่า ดิว แปลว่า น้ำค้าง
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ สระ ภาษาอังกฤษ เสียงยาว
ได้แก่
- I would like to permanently delete my Facebook Account แปลว่า ฉันต้องการลบบัญชี Facebook ของฉันอย่างถาวร
ตัวอย่างต่อไปคือ
- First of all, I would like to make a phone call. แปลว่า อันดับแรก ฉันต้องการที่จะโทรศัพท์
- Could you please knock on the door before you come in? แปลว่า กรุณาเคาะประตูก่อนเข้ามาได้ไหมคะ
- You can find a variety of fruits on the buffet table, sir. แปลว่า บนโต๊ะบุฟเฟ่ต์มีผลไม้หลากหลายชนิดให้เลือกทานนะคะ คุณท่าน
- Learning by doing is a methodology for learning through experience. แปลว่า การเรียนรู้ด้วยการทำเป็นวิธีการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ เป็นต้น
สระประสม
สระประสมก็เป็นสระอีกแบบที่ใช้กันบ่อย ๆ ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่มีสระที่อยู่ระหว่างตัวอักษร คือการรวมกันของสองสระเพื่อสร้างเสียงใหม่ที่มีความหมายในคำนั้น ๆ ซึ่งสามารถใช้เพิ่มความหมายหรือแสดงความต่างของคำได้ การใช้สระประสมในภาษาอังกฤษ ช่วยให้คำศัพท์เป็นที่น่าสนใจและมีความชัดเจนมากขึ้น ได้แก่
- a-e / ay / ai เทียบได้กับ สระเอย์ (เอะ+อิ) เช่น cake อ่านว่า เค้ก แปลว่า ขนมเค้ก day อ่านว่า เด แปลว่า วัน gain อ่านว่า เกน แปลว่า ได้รับ
- ear / eer / ere เทียบได้กับ สระเอีย หรือ อิ ผสมกับ อะ เช่น dear อ่านว่า เดียร์ แปลว่า ที่รัก beer อ่านว่า เบียร์ แปลว่า เครื่องดื่มเบียร์ ส่วน air / ere / are เทียบได้กับ สระแอ หรือ เอะ ผสมกับ อะ หรือออกเสียงว่า เอีย เช่น hair อ่านว่า แฮร์ แปลว่า ผม where อ่านว่า แวร์ แปลว่า ที่ไหน rare อ่านว่า แร แปลว่า ซึ่งหายาก dear อ่านว่า เดียร์ แปลว่า ที่รัก
- oy / oi เทียบได้กับ สระออย หรือ เอาะผสมกับ อิ เช่น boy อ่านว่า บอย แปลว่า เด็กผู้ชาย join อ่านว่า จอย แปลว่า เข้าร่วม enjoy อ่านว่า เอนจอย แปลว่า สนุกสนาน
- o / o-e- / oa เทียบได้กับ สระโอ หรือ เออะ ผสม อุ เช่น boat อ่านว่า โบท แปลว่า เรือ go อ่านว่า โก แปลว่า ไป road อ่านว่า โรด แปลว่า ถนน
- i / i-e- / y เทียบได้กับ สระไอ หรือ อะ ผสม อิ เช่น bright อ่านว่า ไบรท์ แปลว่า สว่าง fine อ่านว่า ฟายน์ แปลว่า ดี by อ่านว่า บาย แปลว่า โดย fly อ่านว่า ฟลาย แปลว่า บิน
- ou / ow เทียบได้กับ สระเอา หรือ อาว ซึ่งเป็น อะ ผสม อุ เช่น mouse อ่านว่า เมาส์ แปลว่า หนู how อ่านว่า ฮาว แปลว่า อย่างไร our / ure เทียบได้กับ สระอัว หรือ อุ ผสม อะ เช่น pure อ่านว่า เพียว เออะ แปลว่า บริสุทธิ์ tour อ่านว่า ทัวร์ แปลว่า การท่องเที่ยว
- a-e / ay / ai สามารถอ่านออกเสียงได้ว่าเอ, ไอ เช่น lake อ่านว่า เลค แปลว่า ทะเลสาบ, brain อ่านว่า เบรน แปลว่า สมอง Thai อ่านว่า ไท แปลว่า ชาวไทย
ตัวอย่างประโยคที่ใช้สระประสม
เช่น การใช้กับคำถาม
- How was the weather yesterday? แปลว่า เมื่อวานอากาศเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งอาจจะตอบว่า It was humid and hot. แปลว่า เมื่อวานอากาศชื้นและร้อนมาก
นอกจากนี้ ยังมีการใช้ในประโยคที่จะทำให้ประโยคมีความหมายที่ชัดเจนและน่าสนใจมากขึ้น เช่น
- He is a well-known actor. แปลว่า เขาเป็นนักแสดงชายที่มีชื่อเสียง
- She is a bad-hearted person. แปลว่า เธอเป็นคนที่มีจิตใจไม่ดี
ซึ่งเป็นการขยายความหมายเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคลให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการใช้เพื่อสร้างคำให้เกิดคำศัพท์ใหม่ ในความหมายที่ต่างกันไป เช่น peace แปลว่า ความสงบเรียบร้อย แต่เมื่อเติม ful ที่แปลว่า เต็มไปด้วย รวมกันเป็น peaceful จะแปลว่า สงบสุข หรือจะเป็นคำว่า care ซึ่งแปลว่า ดูแล แต่เมื่อเติม ful ที่แปลว่า เต็มไปด้วย รวมเป็น careful จะแปลว่า ระมัดระวัง
นอกจากนี้ สามารถใช้สระประสมในการเขียนและการพูดเพื่อให้เกิดความหลากหลาย และสร้างความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เช่น
- We cannot believe how fast the motorcycle is. แปลว่า พวกเราแทบไม่เชื่อว่า รถมอเตอร์ไซต์จะขับเร็วขนาดนี้
- The resort offers a kid-friendly activities. แปลว่า รีสอร์ทนี้มีกิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็ก
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
3 อาหารช่วยให้ผู้หญิงมีหน้าอกสวย ป้องกันมะเร็งเต้านมได้ หากรับประทานเป็นประจำ

แม้ว่าอาหารหลายชนิดจะคุ้นเคยกับชาวเวียดนาม แต่ผู้หญิงหลายคนอาจไม่ทราบว่าอาหารเหล่านั้นคือ “อาวุธ” ที่ช่วยต่อสู้กับมะเร็งเต้านมได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งทุกคนควรนำมาใช้
หน้าอกที่เต่งตึงและอวบอิ่มคือสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ปรารถนา เพราะไม่เพียงช่วยเสริมความงาม แต่ยังสะท้อนถึงสุขภาพของต่อมไร้ท่ออีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่วัยก่อนหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้หน้าอกของผู้หญิงหย่อนคล้อยและหดตัว รวมถึงยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น ซีสต์ ภาวะต่อมน้ำนมโต และแม้แต่มะเร็งเต้านม
ดังนั้น การดูแลหน้าอกในช่วงวัยนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความงามภายนอก แต่ยังเป็นการปกป้องสุขภาพในระยะยาว อาหารบางชนิดที่อุดมด้วยโปรเจสเตอโรนและสารต้านอนุมูลอิสระสามารถเป็น “ตัวช่วย” สำคัญสำหรับผู้หญิง ช่วยทั้งปรับปรุงรูปร่างและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “3 อาหาร” ที่คุ้นเคยเหล่านี้
3 อาหารที่ผู้หญิงควรรับประทานเพื่อป้องกันมะเร็งเต้านม
อาหารทั้งสามชนิดนี้คือ มะเดื่อ ไข่นกกระทา และ ผักโขม
1. มะเดื่อ

มะเดื่อถือเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะแหล่งโปรเจสเตอโรนตามธรรมชาติที่ช่วยควบคุมสมดุลของฮอร์โมน ลดอาการปวดและตึงเต้านม รวมถึงช่วยรักษาความกระชับของหน้าอก
ในสตรีวัยก่อนหมดประจำเดือน ความไม่สมดุลของฮอร์โมนมักทำให้เซลล์ต่อมน้ำนมขยายตัวและเกิดเนื้องอกขนาดเล็กหรือซีสต์ได้ง่าย แต่การศึกษาพบว่ามะเดื่อสามารถลดความเสี่ยงของภาวะเต้านมโตเกินขนาดและยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนี้ ยางสีเขียวของมะเดื่อยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งหลายชนิด รวมถึงมะเร็งเต้านม
นอกจากนี้ มะเดื่อยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดความชรา สำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป การรับประทานมะเดื่อเป็นประจำไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องหน้าอก แต่ยังช่วยชะลอวัย ปรับปรุงระบบย่อยอาหาร และควบคุมน้ำหนักอีกด้วย
2. ไข่นกกระทา
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าไข่นกกระทามีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าไข่ชนิดอื่น อาหารขนาดเล็กนี้มีโปรเจสเตอโรนและโคลีนสูง ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างยิ่งในการปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง
ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ (สหรัฐอเมริกา) ยืนยันว่าโคลีนในไข่นกกระทาช่วยสนับสนุนการตกไข่และบำรุงรังไข่ ซึ่งเป็นอวัยวะหลักที่ผลิตโปรเจสเตอโรน สำหรับผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนที่รังไข่เริ่มเสื่อมลง การรับประทานไข่นกกระทาเป็นประจำจึงช่วยสนับสนุนการผลิตฮอร์โมนบางส่วน ทำให้ลดอาการต่างๆ เช่น ร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ และเจ็บเต้านม
นอกจากนี้ ไข่นกกระทายังอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน A, B, ธาตุเหล็ก และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งไม่เพียงช่วยบำรุงหน้าอกให้เต่งตึง แต่ยังเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อช่วยป้องกันการเกิดเนื้องอกอีกด้วย
3. ผักโขม
ผักโขม มีชื่อเสียงด้านวิตามินและแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงสารอาหารที่ช่วยเพิ่มการผลิตโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสตรีวัยก่อนหมดประจำเดือนที่ฮอร์โมนเริ่มลดลง ทำให้หน้าอกหดตัวและเนื้อเยื่อต่อมสูญเสียความยืดหยุ่นได้ง่าย
นอกจากนี้ ผักโขมยังมีลูทีน แคโรทีนอยด์ และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ จึงช่วยป้องกันการพัฒนาของเซลล์มะเร็ง การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการรับประทานผักโขมเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม
ในตำรายาแผนโบราณ ผักโขมถือเป็นอาหารที่มีฤทธิ์ “ระบายทรวงอก ระบายเลือดคั่ง” ช่วยปรับปรุงภาวะเต้านมขยายใหญ่ สำหรับผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือน การเพิ่มผักโขมในอาหารจึงไม่เพียงช่วยให้หน้าอกกระชับและดูอ่อนเยาว์ แต่ยังช่วยป้องกันความผิดปกติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบต่อมไร้ท่ออีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 22/09/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 55,450.00 | 55,550.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,584.00 | 54,333.44 | 56,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 3,225.60 | 48,900.10 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,867.20 | 43,466.75 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,612.80 | 24,450.05 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,254.40 | 19,016.70 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,713.99 | 56,304.09 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 22/09/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.95 | 32.95 | 33.45 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.58 | 32.58 | 33.08 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.74 | 30.74 | 31.24 | 30.74 | 30.74 | – | 30.74 | 30.74 | 30.74 | 30.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 28.69 | 28.69 | – | – | – | – | – | – | – | 28.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 41.14 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 41.14 |
เบนซิน 95 | 41.24 | – | – | – | 49.81 | – | 41.74 | 41.39 | – | 41.24 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 49.84 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 18.55 | 18.55 | – | – | – | – | – | – | – | 18.55 |