เซ็นทรัล กางโมเดล 5ปี ผุดบ้าน-คอนโด 27 จังหวัด
เซ็นทรัลพัฒนา รุกแผนธุรกิจที่อยู่อาศัย กางโมเดล 5 ปี ขยายเพิ่มกว่า 50โครงการ ทั้งโครงการบ้าน และ คอนโดมิเนียม ครอบคลุม 27 จังหวัดทั่วประเทศ ชูจุดแข็งโครงการติดศูนย์การค้า-มิกซ์ยูสชั้นนำ มูลค่าร่วม 1.2 แสนล้านบาท
22 กรกฎาคม 2565 – ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย หลังจาก กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา ประกาศแผนรุกธุรกิจโครงการที่อยู่อาศัยแบบบุกหนัก กว่า 70 โครงการ ใน 27 จังหวัดทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากนี้ โดยมีจุดแข็ง ในแง่โครงการบ้าน-คอนโดมิเนียม ที่จะอยู่แนบชิดติดศูนย์การค้า และ มิกซ์ยูสชั้นนำในจังหวัดต่างๆ
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ปีนี้เซ็นทรัลพัฒนาได้เน้นย้ำการเป็น Retail-Led Mixed-Use Developer ของเราด้วยแผนลงทุนต่อเนื่อง120,000 ล้านบาท ใน 5 ปี
เซ็นทรัลรุกหนักธุรกิจโครงการที่อยู่อาศัย เพิ่ม 50 โครงการ
สำหรับอีกหนึ่งธุรกิจหลักคือ Residential โครงการที่อยู่อาศัย เป็นส่วนหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเซ็นทรัลพัฒนา โดยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลอด 4 ปีที่ผ่านมา สร้างรายได้รวมกว่า 10,000 ล้านบาท และภายในปี 2569 ธุรกิจ Residential จะขยายเพิ่มกว่า 50 โครงการ และเติบโตอย่างยั่งยืนไม่น้อยกว่า 20% ต่อปี ทำให้ในอนาคต เราจะมีโครงการที่อยู่อาศัยครอบคลุม 27 จังหวัด มากกว่า 70โครงการ และมีลูกบ้านเซ็นทรัลกว่า 20,000ครอบครัว”
” ในฐานะที่เซ็นทรัลพัฒนามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 40 ปี เราต้องการสร้างมาตรฐานโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพทั่วประเทศ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุด เป็น ‘The Ecosystem of Quality Living’ ทั่วประเทศ ด้วยMarket Insight ที่เรามีทำให้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในโลเคชั่นต่างๆ เป็นอย่างดี ”
เมื่อพิจารณาจุดแข็งและความได้เปรียบ ก็คือ การที่เซ็นทรัลฯสามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้คนได้หลากหลายและครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง ตามแนวทางการพัฒนาศูนย์การค้าที่เป็นของเซ็นทรัลพัฒนา หรือของเซ็นทรัลกรุ๊ป หรือโลเคชั่นอื่นๆ ที่มีศักยภาพ
โดยผู้บริหารเซ็นทรัลฯ ระบุว่า แนวทางดังกล่าว จะ สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆ คือการตอบโจทย์ Affluent Urbanistsทั้งกลุ่ม ‘ซื้ออยู่เอง’ ด้วยความมั่นใจในแบรนด์, คุณภาพ และโลเคชั่นของบ้านเซ็นทรัล, กลุ่ม‘ซื้อพักผ่อน’ ที่มองหาบ้านอีกหลังเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ Shop-cation และ Weekend House และกลุ่ม ‘ซื้อลงทุน’ มองหา asset ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเสมอ ด้วย yield ที่น่าดึงดูด 4%-5%”
3 กลยุทธ์ ‘บ้านเซ็นทรัล’
ร.อ. กรี เดชชัย President, Residential Business บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา เผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า“การทำธุรกิจ Residential ของเราสอดคล้องกับทิศทางการทำธุรกิจของเซ็นทรัลพัฒนาที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน สังคม และชุมชน ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญกับ ‘คุณภาพ’ ในทุกส่วนทั้งการพัฒนาโครงการบ้าน, คุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยทั้งนี้ ‘บ้านเซ็นทรัล’ โดยเซ็นทรัลพัฒนามีจุดแข็งที่โดดเด่นในการเชื่อมต่อ Retail & Residential Integration ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
- Best in Town: แบรนด์แข็งแกร่ง เจาะทำเล New CBD & Downtown,
- Beyond Quality:คุณภาพ-ไลฟ์สไตล์-ความปลอดภัยที่เหนือความคาดหมาย
- Strong Synergy: ผนึกกำลังในเครือเซ็นทรัล เติมเต็ม Lifestyle Journey ต่อเนื่อง ดังนี้
- Best in Town: แบรนด์แข็งแกร่ง เจาะทำเล New CBD & Downtown พร้อมความสะดวกสบายของการมีที่อยู่อาศัยติดกับศูนย์การค้าหรืออยู่ในโครงการมิกซ์ยูสของเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งสามารถตอบโจทย์เชื่อมโยงการใช้ชีวิตประจำวันของลูกบ้าน ทั้งการช้อปปิ้งในศูนย์การค้า, ทานอาหารในโรงแรม และทำงานในอาคารออฟฟิศชั้นนำ อีกทั้งโครงการของเรายังเป็น Valuable Asset ที่มีมูลค่าน่าลงทุน
- Beyond Quality: คุณภาพ-ไลฟ์สไตล์-ความปลอดภัยที่เหนือความคาดหมายด้วย Customer-Centric Design Thinking เป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ ‘ให้มากกว่า’ ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
- • Space: ด้วยการให้ความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า, ให้พื้นที่สีเขียวที่มากกว่า สูงสุดถึง 35% ของพื้นที่ขายซึ่งมากกว่าโครงการทั่วไป เน้นความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ และให้พื้นที่ใช้งานที่มากกว่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ เช่น Flexible Space, Senior Room, Universal Design
- Smart Security & Well-Being: ความปลอดภัยที่มาพร้อมสมาร์ทเทคโนโลยี และเราให้ในระดับมาตรฐานที่มากกว่า อาทิ ระบบ Double Gate, VMS (Visitor Management System) ที่ให้มากับโครงการตั้งแต่แบรนด์ระดับเริ่มต้น และโครงการระดับบนอย่าง ‘NIYHAM’ ที่มี Security ถึง 6 ระดับ, Smart Application ที่รวบรวมทั้งระบบ Privilege, Security, Home Automation และระบบ Active Air-Flowดูแลคุณภาพอากาศ ลดอุณหภูมิให้เหมาะแก่การอยู่อาศัย เป็นต้น
- Services & Facilities: นิติบุคคลบริหารงานโดยเซ็นทรัลพัฒนา สร้างความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งให้พื้นที่ส่วนกลางมากกว่า และ Facilities ที่ครบครัน อาทิ Rooftop pool ทุกโครงการคอนโดมิเนียม เป็นระบบเกลือ ขนาด 25 เมตร (Semi-Olympic), Fitness อุปกรณ์ได้มาตรฐานระดับเดียวกับในโรงแรม, บริการ Shuttle bus ไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล, ให้พื้นที่จอดรถที่มากกว่ามาตรฐานทั่วไป และ outdoor lifestyles ใหม่ๆ อย่างเช่น Playground, Library & Senior garden ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และรองรับกิจกรรมผู้สูงวัย, Pet-Friendly, Laundry café รอระหว่างซักผ้า, Garden gym พื้นที่ออกกำลังกายในสวน เป็นต้น
- Sustainability: ผลักดันเป้าหมาย NET ZERO ในปี 2050 จึงได้นำร่องนำวัสดุ และเทคโนโลยี เข้ามาใช้ในการออกแบบ อาทิ คัดเลือก
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“เจเอเอส แอสเซ็ท” รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพรับสังคมสูงวัย
“เจเอเอส แอสเซ็ท” รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพรับสังคมสูงวัย และแนวโน้มการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ให้ความสำคัญด้านการดูแลทั้งส่วนร่างกาย จิตใจ สังคม
นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เจเอเอส แอสเซ็ท ได้ดำเนินโครงการซีเนร่า ซีเนียร์ เวลเนส คู้บอน ซึ่งเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพ เพื่อตอบโจทย์การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
และเทรนด์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ให้ความสำคัญด้านการดูแลทั้งส่วนร่างกาย จิตใจ สังคม จนถึงการปรับความคิด ความเชื่ออันนำไปสู่การมีความสุขกับตัวเองได้ และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเป็นสุข
นอกจากนี้ยังมีบุคลากรสหวิชาชีพผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ส่งเสริมและฟื้นฟูร่างกายแก่ผู้สูงอายุ ได้แก่ นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด และจำนวนผู้ดูแลผู้สูงวัยที่เป็นไปตามกฎหมายควบคุมกิจการดูแลผู้สูงอายุกระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและการให้บริการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
โครงการดังกล่าวประกอบไปด้วย 3 อาคาร บนพื้นที่ 7 ไร่ โดยออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียว บึงน้ำ อยู่ในโครงการกว่า 50% ของพื้นที่ อาคารแรกเป็นที่พักอาศัยจำนวน 49 ห้อง เน้นผู้สูงวัยที่ยังแข็งแรง ช่วยเหลือตัวเองได้ โดยมีผู้ดูแล (Care Giver) ตลอด 24 ชั่วโมง โดยในโครงการมีพยาบาล และแพทย์ประจำอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง
อาคารที่สองเป็นอาคารที่รองรับผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงจำนวน 78 เตียง โดยความร่วมมือกับบริษัทวิมุต เวลเนส จำกัด เน้นการดูแลผู้สูงอายุแบบ Daycare,มีห้องพักฟื้นฟูหลังผ่าตัด
หรือผู้ที่ต้องการฟื้นฟูหลังการเจ็บป่วยด้วยโรคสมอง หัวใจ และอื่นๆที่ต้องการการดูแลใกล้ชิดด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย รวมทั้งมีห้องพักดูแลระยะยาวแบบ Nursing Home ด้วย
อาคารสุดท้ายตั้งอยู่ระหว่างสองอาคาร ประกอบไปด้วยแพทย์ทางเลือกและแพทย์เฉพาะทาง เช่น J VASU Pain Management Clinic ทั้งด้านศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ และเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ให้บริการรักษาความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ เส้นประสาท กระดูกและข้อที่เน้นวิธีการรักษาแบบหลีกเลี่ยงการผ่าตัด
หรือการผ่าตัดเวลาเฉพาะที่เหมาะสม ซึ่งมีห้องผ่าตัดขนาดเล็กอยู่ภายในอาคาร นอกจากนี้ยังมีคลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัย รวมไปถึงศูนย์ออกกำลังกาย (Fitness Center)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ทองคำร่วงใกล้แตะระดับต่ำ ก่อนเด้งสู่ 1,700 ดอลลาร์
Investing.com – ในที่สุด ทองคำก็เห็นการเคลื่อนไหวที่เกินปกติที่บางคนคาดไว้ในสัปดาห์ “Fed-vacuum” แม้ว่าราคาจะดิ่งลง แทนที่จะเป็นการพุ่งขึ้น
เหลือเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์ก่อนการตัดสินใจของธนาคารกลางในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสำหรับเดือน สิงหาคม ในตลาดโคเม็กซ์ของนิวยอร์กร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในวันที่ 31 มกราคมที่ 1,678.60 ดอลลาร์ สิ้นสุดวันที่ 1713.20 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13.2 ดอลลาร์ หรือ 0.8%
ราคาสปอตของทองคำแท่ง ซึ่งเทรดเดอร์กล่าวว่าเป็นตัวสะท้อนที่ดีกว่าในช่วงเวลาที่ราคาทองคำและความต้องการได้แตกต่างกันเล็กน้อย และเมื่อเทียบกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดโคเม็กซ์ก็แตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนที่ 1,680.96 ดอลลาร์เช่นกัน
นับตั้งแต่จุดต่ำสุดในรอบ 11 เดือนของสัปดาห์ที่แล้วที่ 1,695 ดอลลาร์ เป็นที่แน่นอนว่านักลงทุนทองคำฝั่งขาขึ้นไม่สามารถดึงตลาดให้สูงขึ้นได้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ของเฟดจะงดเว้นจากการแสดงความคิดเห็นในสัปดาห์นี้ตามธรรมเนียมปฏิบัติเป็นเวลา 10 วันก่อนที่จะมีการกล่าวแถลงก่อน การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ในวันที่ 27 กรกฎาคม
ไม่มีตัวขับเคลื่อนที่ชัดเจนสำหรับการพุ่งขึ้นของราคาของทองคำในวันพฤหัสบดี ค่าเงินดอลลาร์ซึ่งมักจะกำหนดทิศทางของทองคำโดยเคลื่อนไหวในทางตรงกันข้ามก็ร่วงลงเช่นกันเนื่องจากธนาคารกลางยุโรปก็ตัดสินใจที่จะ เพิ่มอัตราดอกเบี้ย โดยมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมอัตราดอกเบี้ยมากกว่าการป้องกันการเกิดภาวะถดถอย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเทียบค่าเงินดอลลาร์กับกลุ่มสกุลเงินหลักอีก 6 สกุลอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 107 ในวันพฤหัสบดี หลังจากทะลุแนวต้านขึ้นเหนือ 109 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2002 ของ {{frl ||ธนาคารกลางสหรัฐฯ}}
แต่บางคนมองว่าการกลับมาที่ 1,700 ดอลลาร์เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความยืดหยุ่นของทองคำ
เครก เออร์แลมนักวิเคราะห์จาก OANDA แพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์กล่าวว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่ราคาทองคำผันผวนอีกครั้งและมีช่วงหนึ่งที่ทองคำดูเหมือนจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง” “ การเคลื่อนไหวที่แข็งกร้าวของ ECB อาจอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว แต่การขึ้นราคาทองคำนั้นสูงกว่าค่าเงินดอลลาร์อย่างมาก ดูเหมือนว่าเราจะเห็นการผกผันของการเคลื่อนไหวของราคาเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ไม่แน่ว่าทองคำกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก th.investing.com
ตอบนักข่าวแบบนี้! “กัปตันคิม” วิเคราะห์ความตกต่ำ “สาวเกาหลี” ในเนชั่นส์ลีก 2022
ถือเป็นมุมมองที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับ คิม ยอน-คยอง นักวอลเลย์บอลสาวอดีตกัปตันทีมชาติเกาหลีใต้ ที่มองผลงานของ “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ในการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ลีก 2022 ที่ผ่านมา
โดยในงานแถลงข่าวการย้ายกลับมาเล่นในบ้านเกิดอีกครั้งกับ อินชอน ฮึงกุ๊ก ไลฟ์ อินชัวรันส์ พิงค์ สไปเดอร์ส ของ นักตบลูกยางสาววัย 34 ปี บรรดานักข่าวได้ถามถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจย้ายกลับมาเล่นในบ้านเกิด
อย่างไรก็ตามมีนักข่าวรายหนึ่งได้ถามถึงสาเหตุที่ ทีมวอลเลย์บอลหญิงเกาหลีใต้ ตกต่ำจนน่าใจหายหลังไม่สามารถเก็บชัยได้เลยแม้แต่เกมเดียวในการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ลีก 2022 ที่ผ่านมา ด้วยการจบอันดับสุดท้ายของตารางแบบไร้แต้ม
ซึ่ง คิม ยอน-คยอง ได้เงียบไปสักพัก ก่อนตอบนักข่าวว่าให้ดูการพัฒนาของ วอลเลย์บอลไทย เป็นตัวอย่าง “ขอให้ดูทีมชาติไทยเป็นตัวอย่าง ผู้เล่นตัวจริงของพวกเขาล้วนออกไปเล่นในต่างประเทศ หรือไม่ก็เคยมีประสบการณ์ในการเล่นต่างแดน พวกเขาได้เรียนรู้ และมีประสบการณ์จากการเล่นในลีกเหล่านั้น พวกเขาจึงกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งเมื่อมารวมตัวกัน”
“ฉันหวังว่าผู้เล่นเกาหลีของเราจะก้าวออกไปเล่นในต่างประเทศ เรียนรู้การเล่นมากมายในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งฉันยังคิดว่าเราจะดีขึ้นในอนาคต ดังนั้นฉันหวังว่าทุกคนจะให้กำลังใจกัน” นักตบลูกยางแดนโสม กล่าว
สำหรับ ทีมวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ ลีก 2022 แถมยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์ ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรก ทำให้ขยับรั้งอันดับ 14 ของโลก ด้วยการมี 204 คะแนน
ขณะที่ ทีมชาติเกาหลีใต้ หล่นลงไปอยู่อันดับ 19 ของโลก ด้วยการมี 162 คะแนน ส่วนในระดับทวีป “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ก็สามารถแซง เกาหลีใต้ ขึ้นมาอยู่ที่ 3 ของเอเชียได้สำเร็จ โดยเป็นรองเพียงแค่ จีน และ ญี่ปุ่น เท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
กินวิตามินทุกวัน อันตรายหรือไม่
กินวิตามินอาหารเสริมบ่อยแค่ไหนถึงอันตราย แล้วต้องกินอย่างไรถึงจะปลอดภัยต่อร่างกายจริงๆ
ปัจจุบันวิตามิน หรือ Suppliments เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเลือกรับประทานอาหารเสริมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งปัจจุบันก็มีตัวเลือกผลิตออกมามากมายหลากหลายยี่ห้อให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรในท้องตลาด ทั้งนี้หลายๆ ท่านก็อาจจะสงสัยว่าการเลือกรับประทานหรือบริโภควิตามินอาหารเสริมเป็นประจำทุกวันจะก่อให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงใดๆ หรือไม่
บทความนี้มีข้อมูลดีๆ มาฝากว่าการกินวิตามินทุกวันอันตรายไหม ซึ่งจริงๆ แล้วขึ้นชื่อว่า “อาหารเสริม” ก็แปลตรงตัวคืออาหารที่เข้ามาเสริมหรือช่วยเติมเต็มสิ่งที่ร่างกายอาจจะขาดหายไปบ้างในชีวิตประจำวัน ซึ่งทั้งนี้หากในชีวิตประจำวันของคนเราได้รับสารอาหารจากรับประทานที่มากเพียงพอก็อาจจะไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมอีก แต่จะมีข้อมูลเพิ่มเติมอะไรที่เราควรทราบบ้าง ตามมาหาคำตอบกันต่อได้จากบทความนี้เลย
วิตามินจากการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน เพียงพอต่อร่างกายจริงๆ หรือไม่
สำหรับผู้บริโภคบางท่านที่อาจจะลังเลหรือสงสัยว่าเลือกกินวิตามินทุกวันอันตรายไหม จากที่เกริ่นไปบ้างแล้วในข้างต้น วิตามินหรือสารอาหารในบางส่วนนั้นได้รับจากการเลือกรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น ผักและผลไม้ ปริมาณที่มากเพียงพอแก่ร่างกายต่อวันคืออยู่ที่ขนาดทั้งหมด 5 ส่วน โดย 1 ส่วนจะมีขนาดประมาณ 1 กำปั้นมือ ซึ่งถ้าใน 1 วันการเลือกรับประทานอาหารในชีวิตประจำวันของคนเรามีผักและผลไม้ไม่ถึง 5 ส่วน หรือ 5 กำปั้นมือนั่นหมายความว่าร่างกายอาจได้รับวิตามินหรือเกลือแร่ไม่เพียงพอ ในกรณีนี้อาจจำเป็นต้องพึ่งอาหารเสริมเพิ่มเติม
คนที่มีโรคประจำตัว กินวิตามินทุกวัน อันตรายหรือไม่
อีกหนึ่งกรณีสำคัญที่ควรทราบสำหรับผู้บริโภคที่อาจจะยังคงมีข้อสงสัย ในกรณีของคนที่มีโรคประจำตัว การกินวิตามินทุกวันอันตรายไหม หรือจะส่งผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า คำตอบก็คือสำหรับผู้ที่มีประวัติการผ่าตัดลำไส้ มีประวัติลำไส้ดูดซึมที่บกพร่อง ตลอดไปจนถึงโรคประจำตัวอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าในชีวิตประจำวันร่างกายอาจดูดซึมวิตามินหรือเกลือแร่เข้าไปเพื่อใช้งานได้ไม่เพียงพอ ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารเสริมเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซับปริมาณสารอาหารให้เพียงพอแก่การใช้งานจึงเป็นสิ่งจำเป็น
กินวิตามินอย่างไร ถึงจะปลอดภัยต่อร่างกาย
อีกหนึ่งคำถามสำคัญของการเลือกกินวิตามินทุกวันอันตรายไหมนั่นก็คือในเรื่องของปริมาณอาหารเสริมที่รับประทานในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามในส่วนนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรเลือกรับประทานแต่พอดี ไม่มากเกินไปแต่ก็ไม่ควรน้อยจนเกินไป เน้นรับประทานให้ครบถ้วนในส่วนที่ร่างกายขาดไป ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเติมเต็มจะดีที่สุด
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าที่เรากินไปมากหรือน้อยเกินไป
จริงๆ แล้ว วิตามินทุกชนิด เราสามารถมีได้อย่างเพียงพอจากการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่และหลากหลายสับเปลี่ยนชนิดของอาหารไปเรื่อยๆ แต่ในบางรายแพทย์อาจพิจารณาให้กินวิตามินเสริมในบางกรณี เช่น
- คนที่ทานมังสวิรัติและทานเจอย่างเคร่งครัดจะขาดวิตามิน B และ B12 จึงแนะนำให้รับประทานวิตามินเสริม
- ผู้ที่ต้องกินยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษาโรคใดโรคหนึ่งบ่อยๆ แพทย์อาจสั่งวิตามินเคให้รับประทานเพิ่ม
- ผู้ที่ไม่รับประทานทั้งผักและผลไม้
- คนไข้มีโรคหลอดเลือดสมอง และต้องได้รับอาหารผ่านทางสาย
รวมถึงวิตามินที่คนไทยขาดบ่อยๆ คือ วิตามินดี ที่สามารถเพิ่มให้กับร่างกายได้ง่ายๆ ด้วยการให้ร่างกายออกไปสัมผัสกับแสงแดดยามเช้าตรู่อ่อนๆ 10-15 นาที
หากไม่ได้อยู่กลุ่มเสี่ยงขาดวิตามิน อาจไม่จำเป็นต้องกินวิตามินเสริม แต่หากอยากกินวิตามินเสริมเพื่อคุณสมบัติอื่นๆ เช่น เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค หรือเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับผิวพรรณ ควรกินตามขนาดที่ระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์ และไม่ควรติดต่อกันนานจนเกินไป ระยะเวลาโดยทั่วไปอยู่ที่การกินติดต่อกันทุกวันไม่เกิน 3 เดือน หากได้รับคุณประโยชน์จากการกินวิตามินนั้นๆ แล้ว สามารถปรับลดหรือหยุดกินได้
ทั้งนี้ เรื่องของการกินวิตามินให้ปลอดภัยต่อร่างกาย ในสภาพร่างกายที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน ก่อนซื้อวิตามินกินเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อกิน
จากข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมทั้งหมดที่กล่าวไปในข้างต้นเป็นการคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกกินวิตามินทุกวันอันตรายไหม อย่างไรก็ตามแนะนำให้เลือกรับประทานแต่พอดี การรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามินในปริมาณเยอะๆ ในชีวิตประจำวันไม่ได้หมายความว่าจะดีแก่ร่างกายเสมอไป ปริมาณของวิตามินที่เยอะมากเกินไปอาจไปก่อให้เกิดสารตกค้างในร่างกายก็เป็นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ชมภาพ AirPods ทีมีช่องเสียบชาร์จแบบ USB-C แทน Lightning แบบเดิม
ถ้าคุณเป็นแฟนคลับของ Apple แล้วคงต้องบอกว่าชอบความนิยมในเรื่องของช่องเสียบอุปกรณ์ที่เป็นสายพกพาเช่น iPhone และ AirPods ที่เป็น Lightning Port เพราะก่อนหน้านีงที่มีการเปิดเผย iPhone ที่เป็นช่องเสียบ USB-C กันไปแล้ว
ล่าสุด Ken Pillonel นักศึกษาวิศวกรรมและหุ่นยนต์ได้ทดลองทำ AirPods โดยมีช่องเสียบแบบ USB-C โดยอาศัยเครื่องพิมพ์ 3D Printing ออกมา โดยในคลิปวิดีโอที่จะได้เห็นนี้เรียกได้วเหมือนกับ AirPods รุ่นแรกและรุ่น 2 ที่วางจำหน่ายแต่ช่องเสียบเป็นแบบ USB-C
โดยช่องเสียบดังกล่าวนั้นได้มาจากช่องเสียบของ Samsung Galaxy A51 นั่นเอง แต่จะทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่ต้นแบบและการทดลองเท่านั้นยังไม่สามารถยืนยันว่า กล่องเคส AirPods นี้จะชาร์จไฟได้จริงหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางด้านข่าววงในของ Apple จาก Ming-Chi Kuo เปิดเผยว่า เราอาจจะได้เห็น AirPods และ iPhone ชาร์จไฟด้วย USB-C ได้ในปี 2024 นี้แต่ทั้งหมดจะจริงหรือไม่โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
มะม่วงหาว มะนาวโห่ มีสรรพคุณทางยามากถึง 50 ประการ
ถ้าจะพูดถึงผลไม้ในบ้านเราที่ให้สรรพคุณทางยาก็มีอยู่หลากหลายชนิด แต่มีอยู่ชนิดหนึ่งที่ชื่อเรียกนั้นสะดุดหูซะเหลือเกินว่า “มะม่วงหาว มะนาวโห่” หลายคนที่เคยได้ยินชื่อนี้ก็ยังสงสัย สรุปแล้วมันเป็นมะม่วง หรือเป็นมะนาว แล้วทำไมต้องทั้งหาวและร้องโห่ แต่ในความเป็นจริงแล้วผลไม้ชนิดนี้ไม่ได้เป็นทั้งมะม่วงและมะนาวอย่างที่จินตนาการกัน ซึ่งที่มาของชื่อนั้นก็ถูกตั้งโดยนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร โดยบอกเพิ่มอีกว่าที่ตั้งชื่อนี้ก็เพื่อให้คล้องกับชื่อผลไม้ในวรรณคดี เรื่อง นางสิบสอง ตอน พระรถเมรี ที่ความตอนหนึ่งของเรื่องได้พูดถึงผลไม้สดที่มีรสชาติเปรี้ยวจัด ขนาดว่าทำให้คนที่ง่วงนอนอยู่รู้สึกกระชุ่มกระชวยและตื่นตัวขึ้นมาในทันควัน
มะม่วงหาว มะนาวโห่ นับว่าเป็นผลไม้ยอดนิยมที่ถูกจับตามองในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า “มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่” ซึ่งถ้าเรียกสั้นๆ ก็น่าจะเข้าปากมากกว่า ผลไม้ชนิดนี้ได้รับความสนใจจากผู้ที่รักสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะในวงการแพทย์ก็ได้วิจัยออกมาพบว่ามีสรรพคุณทางยามากถึง 50 ประการ ครั้นจะนำไปใช้รักษาโรค หรือรับประทานควบคู่กับยาแผนปัจจุบันก็จะได้ผลที่ดียิ่งขึ้น
คุณสมบัติที่สำคัญของ “มะม่วงหาว มะนาวโห่”
ก็เห็นจะเป็นเรื่องของการ ป้องกันมะเร็ง เพราะภายในผลไม้ชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงโลหิต ชะลอการแก่ก่อนวัย ป้องกันโรคหัวใจ ขยายหลอดเลือด รักษาปอด รวมไปถึงอาการถุงลมโป่งพองก็ช่วยบรรเทาให้ดีขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกใจว่าทำไมผลไม้ที่มีชื่อแปลกหูถึงได้รับความนิยม ขนาดว่าต้องควานหาซื้อมารับประทาน ตลอดจนหามาปลูกไว้เป็นไม้ประดับภายในบริเวณบ้านอีกด้วย
จากผู้ที่นิยมสมุนไพรให้ความรู้กับเราเพิ่มเติมมาว่า “มะม่วงหาว มะนาวโห่” นั้นสามารถใช้ประโยชน์ได้จากทุกส่วนของลำต้น อีกทั้ง ก็ยังมีส่วนน้อยที่จะรู้ว่าจริงๆ แล้ว มะม่วงหาว มะนาวโห่ นั้นเป็นคนละต้น หรือเป็นพืชคนละชนิด คนละสายพันธุ์กัน โดย ‘มะม่วงหาว’ ก็คือ มะม่วงหิมพานต์ ส่วน ‘มะนาวโห่’ ก็คือ หนามแดง ซึ่งพืชทั้งสองชนิดนี้ก็มีสรรพคุณเพียบและช่วยบำรุงร่างกายได้ดีไม่แพ้กันเลยทีเดียว เพื่อให้ความกระจ่างเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น เราก็มีข้อมูลจาก องค์กรสวนพฤกษาศาสตร์ มาอธิบายขยายความแตกต่างของพืชทั้ง 2 ชนิดนี้…
มะม่วงหาว
“มะม่วงหาว” หรือชื่อเรียกจริงๆ คือ “มะม่วงหิมพานต์” เป็นไม้ต้นขนาดกลางที่สามารถสูงได้ถึง 10 เมตร มีใบเป็นสีเขียวเข้ม ออกดอกเป็นช่อหลวมๆ สีแดงอมม่วง หรือสีครีม มีกลิ่นหอมออกเอียนๆ โดยที่แต่ละดอกจะมี 5 กลีบ เมื่อดอกแก่ ฐานรองดอกก็จะขยายใหญ่ขึ้นมีลักษณะคล้ายกับชมพู่ยาวประมาณ 6 – 7 เมตร มีสีเหลืองอมชมพู หากว่าแก่จัดก็จะมีกลิ่นหอม มีเมล็ด 1 เมล็ดติดอยู่ที่ส่วนปลายเป็นสีน้ำตาลอมเทา มีเปลือกแข็งหุ้ม เรียกว่า ‘เม็ดมะม่วงหิมพานต์’
สรรพคุณทางยา ของ มะม่วงหาว
- ผล : ช่วยฆ่าเชื้อ แก้โรคลักปิดลักเปิด พอกดับพิษ อีกทั้งยังช่วยขับปัสสาวะ
- เมล็ด : ช่วยแก้อาการเนื้อหนังชาในโรคเรื้อน แก้ตาปลา แก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน แก้เนื้องอก บำรุงกระดูก บำรุงไขข้อ บำรุงเส้นเอ็น บำรุงผิวหนัง ไปจนกระทั่งถึงช่วยในการบำรุงกำลัง
- เปลือก : ช่วยในเรื่องการขับน้ำเหลืองเสีย แก้บิด แก้กามโรค แก้อาการท้องเสีย แก้ปวดฟัน ฟอกดับพิษ อีกทั้งยังสามารถนำเมล็ดไปทำเป็นยาอมเพื่อรักษาแผลในปากได้อีกด้วย
- ยอดอ่อน : ใช้รักษาโรคริดสีดวงทวาร
- ยาง : ใช้แก้อาการเลือดออกตามไรฟัน ช่วยทำลายตาปลา โดยให้ยางเข้าไปเป็นตัวช่วยกัดทำลายเนื้อด้านในที่เป็นปุ่มโต รักษาแผลเนื้องอก รักษาหูด รักษากลาก โรคเท้าช้าง
- น้ำมัน : ใช้ฆ่าเชื้อ เป็นยาชา ใช้รักษาโรคเรื้อน กัดหูด แก้ตาปลา แก้บาดแผลที่เน่าเปื่อย
50 สรรพคุณทางยา ของ มะม่วงหาว
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในเรื่องชะลอวัยและลดริ้วรอย (ผล)
- ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง (แก่น)
- แก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า (เนื้อไม้)
- เพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้กับร่างกาย (ผล)
- ช่วยให้เจริญอาหาร (ราก)
- มีส่วนช่วยในการลดความอ้วน (ผล)
- ช่วยขยายหลอดเลือดและป้องกันการเกิดโรคหัวใจ (ผล)
- มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง (ผล)
- มีส่วนในการรักษาโรคเบาหวาน เนื่องจากมีธาตุเหล็ก (ผล)
- มีส่วนช่วยในการรักษาโรคโลหิตจาง (ผล)
- ช่วยรักษาโรคปอด (ผล)
- ช่วยรักษาโรคถุงลมโป่งพองที่เกิดจากการสูบบุหรี่ (ผล)
- ช่วยรักษาโรคไต (ผล)
- บรรเทาอาการโรคตับ อาทิ โรคตับแข็ง (ผล)
- ช่วยรักษาโรคเกาต์ (ผล)
- ช่วยรักษาและบรรเทาอาการโรคไทรอยด์ (ผล)
- ช่วยป้องกันโรคไหลตาย (ผล)
- ในประเทศบังคลาเทศนิยมใช้ใบในการรักษาโรคลมชัก (ใบ)
- มีส่วนช่วยบรรเทาอาการโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ชาตามมือตามเท้า (ผล)
- ช่วยบำรุงกำลัง (เนื้อไม้)
- ช่วยบำรุงธาตุ (ราก , แก่น , เนื้อไม้)
- ช่วยบำรุงไขมันในร่างกาย (แก่น , เนื้อไม้)
- รักษาไข้ รวมถึงไข้มาลาเลีย (ราก , ใบ)
- ช่วยดับพิษร้อน (ราก)
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ (ผล)
- ช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ (ผล)
- ช่วยขับเสมหะ (ผล)
- มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน (ผล)
- บรรเทาอาการเจ็บคอ เจ็บในปาก (ใบ)
- แก้อาการปวดหู (ใบ)
- ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด หรือโรคเลือดออกตามไรฟัน ทั้งยังช่วยสมานแผลที่เกิดในช่องปาก (ผล)
- ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร (ราก)
- แก้อาการท้องเสีย (ใบ)
- ช่วยรักษาโรคบิด (ใบ)
- ช่วยขับปัสสาวะ (ผล)
- ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร (ยอดอ่อน)
- ช่วยขับพยาธิ (ราก)
- ช่วยรักษาโรคเท้าช้าง (น้ำยาง)
- ช่วยฆ่าเชื้อ (ผล)
- ช่วยในการสมานแผล (ผล , ยาง)
- ใช้รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง (เปลือกต้น)
- ช่วยแก้อาการคัน (ราก)
- ในประเทศอินเดียนิยมใช้รากเพื่อรักษาแผลที่เกิดจากเบาหวาน (ราก)
- แก้กลากเกลื้อน (เมล็ด , น้ำยาง)
- แก้อาการเนื้อหนังชาในโรคเรื้อน (เมล็ด)
- ช่วยรักษาแผลเนื้องอก (น้ำยาง)
- ช่วยรักษาหูด (น้ำยาง)
- ช่วยทำลายตาปลาและช่วยกัดทำลายเนื้อด้านในที่เป็นปุ่มโต (น้ำยาง)
- ใช้พอกดับผิษ (ผล)
- ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อตามข้อ (ผล)
มะนาวโห่
“มะนาวโห่” หรือชื่อเรียกจริงๆ คือ “หนามแดง“ เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย หรืออาจเรียกว่าเป็นไม้ต้นขนาดเล็กก็ได้ มีความสูงเพียง 5 เมตร มียางสีขาว ออกใบเดี่ยว ออกดอกเป็นช่อยาว มีกลีบดอกสีขาว หรือสีชมพู ออกผลเป็นรูปไข่สีแดงชมพู หรือดำ
สรรพคุณทางยา ของ มะนาวโห่
- ผล : ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน
- ใบ : ช่วยแก้อาการเจ็บคอ เจ็บในปาก แก้ท้องเสีย อาการปวดแก้วหู หรือแม้แต่แก้ไข้ก็ทำได้
- แก่น : ช่วยบำรุงธาตุ บำรุงไขมันในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง
- เนื้อไม้ : ช่วยบำรุงธาตุ แก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงกำลัง ทั้งยังช่วยบำรุงไขมันในร่างกายได้อีกด้วย
- ราก : ใช้แก้อาการคัน บำรุงธาตุ ช่วยขับพยาธิ ทำให้เจริญอาหาร ดับพิษร้อน ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร ใช้แก้ไข้ได้อีกด้วย
หากมองย้อนกลับไป การที่ “มะม่วงหาว มะนาวโห่” กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยเฉพาะบรรดาคนที่รักสุขภาพ น่าจะหมายถึงผลของ “มะนาวโห่“ หรือผลของ “หนามแดง” เสียมากกว่า เพราะมีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในทุกพื้นที่ จากการสอบถามพบว่ามะนาวโห่เป็นพืชที่ดูแลง่าย ใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน อีกทั้งในแต่ละระยะของการออกผลก็จะให้สีที่แตกต่างกัน บางบ้านก็ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับด้วย ส่วนการนำผลมารับประทานก็จะต้องเป็นผลที่มีสีดำ จะให้รสชาติอมเปรี้ยว อมหวาน กินแล้วสดชื่น กระชุ่มกระชวย แถมยังมีประโยชน์มากมายอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 22/07/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,800.00 | 29,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,930.00 | 29,258.80 | 30,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,737.00 | 26,332.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,544.00 | 23,407.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 869.00 | 13,174.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 676.00 | 10,248.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,000.00 | 30,320.00 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 22/07/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.14 | 37.14 | 37.14 | 37.14 | 37.14 | – | 37.14 | 37.14 | 37.14 | 37.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.34 | 33.34 | – | – | – | – | – | – | – | 33.34 |
เบนซิน 95 | 45.66 | – | – | – | 46.11 | – | 46.16 | 46.16 | – | 45.66 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 46.36 | 48.86 | 49.76 | 49.76 | 49.76 | – | – | – | – | 46.36 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |