เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย กางแผน ESG เดินหน้าธุรกิจยั่งยืน
การเดินหน้าธุรกิจอย่างยั่งยืนเป็นแนวทางที่องค์กรปัจจุบันไม่สามารถมองข้ามได้ ด้วยมีหลายปัจจัยเป็นแรงผลักดันสำคัญ เช่น ลูกค้าที่เลือกซื้อสินค้าจากบริษัทที่มีนโยบายดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่กระทบต่อการดำเนินชีวิต เป็นต้น โดยแนวทางที่หลาย ๆ องค์กรชั้นนำยึดเป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจก็คือ ESG (Environment, Social และ Governance)
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country CEO) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางองค์กรที่นำ ESG มาเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจว่า การทำธุรกิจต้องมองไกลถึงเรื่องความยั่งยืน การรับผิดชอบต่อสังคมและโลก ซึ่งธุรกิจที่จะเดินหน้าได้อย่างยั่งยืนต้องเป็นธุรกิจที่ทำกำไร หลังจากนั้นต้องคิดว่าจะช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างไร เพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงไปพร้อมกับการดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม แบบระยะยาว ไม่ใช่แค่เพียงจัดเป็นกิจกรรมที่เป็นครั้งคราวและจบไป
“การดำเนินงานตามแนวทาง ESG ของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย สอดคล้องกับ Brand Purpose ของบริษัท คือ Inspiring experiences, creating places for good ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจและประสบการณ์ที่ดีให้ผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมพัฒนาโปรดักส์และโปรเจ็คในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างยั่งยืน ใน 3 กลุ่มธุรกิจของเรา ไม่ว่าจะเป็นอสังหาฯ เพื่อที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม”
สำหรับกรอบการทำงานด้าน ESG ประกอบด้วย
1. สิ่งแวดล้อม (Environment) ทั้งเรื่องการจัดการของเสีย และสนับสนุนให้เกิดการใช้ Green Energy รวมถึงสร้างอาคารที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว หรือ LEED โดยตั้งเป้าลดปริมาณการกล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
2. สังคม (Social) มองครอบคลุมทั้งด้านการจัดดูแลสังคมภายในและภายนอกองค์กร พร้อมทั้งส่งเสริมความหลากหลายและการอยู่ร่วมกัน
และ 3. ธรรมาภิบาล (Governance) ให้ความสำคัญกับมาตรฐานการประกอบธุรกิจอย่างมีจริยธรรม และระบบตรวจสอบที่ชัดเจน เพื่อปิดช่องโหว่ที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงกับธุรกิจ
“กรอบการดำเนินงานด้าน ESG ในส่วนของสิ่งแวดล้อมและธรรมาภิบาลเป็นเหมือน Agenda ระดับโลกที่ทุกบริษัทต้องทำอยู่แล้ว ซึ่งเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ได้ดำเนินการสองเรื่องนี้ในกระบวนการทำงานเช่นกัน กระนั้น เรามองว่าด้วยบริบทของประเทศไทยที่ต้องทำเพิ่มเติมในเรื่องสวัสดิการ ส่งเสริมความหลากหลาย สร้างความเท่าเทียม และการอยู่ร่วมกัน ดังนั้น เราจึงโฟกัสเรื่องสังคมเป็นพิเศษ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ด้าน ได้แก่ การดูแลคนในสังคม และการดูแลพนักงานขององค์กร”
ธนพล หัวเรือใหญ่ของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เผยแนวคิดการดูแลคนในสังคมว่าให้ความสำคัญด้านการพัฒนาการศึกษา ซึ่งโครงการที่ทำมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 คือ “Classroom Makeover” ที่โรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยาฯ ด้วยการจัดทำห้องเรียนสำหรับเด็กผู้พิการทางสายตาตามหลักสูตร Pre-braille โดยนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากทุกส่วนของห้องทั้งพื้น ผนัง และแสงไฟ ซึ่งเป็นองค์ประกอบใช้เรียนรู้ 4 วิชาพื้นฐานในการดำเนินชีวิต ได้แก่ วิชาสัมผัส วิชาเสียง วิชาลมหายใจ และวิชาลำแสง ซึ่งครูและนักเรียนได้ใช้ประโยชน์จากห้องเรียนนี้อย่างเต็มที่ อีกทั้งได้กลายเป็นต้นแบบให้กับโรงเรียนเด็กพิเศษที่เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงได้รับความสนใจจากหน่วยงานด้านการศึกษาจากประเทศออสเตรเลียที่ขอใช้ห้องเรียนนี้เป็นแบบอย่าง
ขณะเดียวกัน ยังได้ขยายขอบเขตการช่วยเหลือผู้พิการทางสายตาให้กว้างมากขึ้นด้วยการมอบเงินให้แก่มูลนิธิช่วยคน ตาบอดแห่งประเทศไทยฯ จำนวน 9.5 ล้านบาท ในโครงการประมูลกล้องถ่ายภาพชุดพิเศษ Leica รุ่น M 10-P Limited Edition เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 (เพื่อ 22 องค์กรการกุศล) ด้วยเชื่อมั่นว่าเงินสนับสนุนนี้จะเป็นการส่งเสริมให้ผู้พิการทางสายตาได้รับโอกาสที่ดีในด้านการศึกษา รวมถึงการสร้างอาชีพ อันเป็นการส่งเสริมสังคมให้ยั่งยืนในระยะยาว
การสนับสนุนด้านการศึกษาไม่ได้อยู่ในรูปแบบการสนับสนุนด้านการเงินหรือหลักสูตรเพียงอย่างเดียว โดยเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ได้สร้างพื้นที่การเรียนรู้ใกล้สถานศึกษาภายใต้ชื่อของ สามย่านโค-ออป (Samyan CO-OP) เพื่อเปิดโอกาสให้ นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไป ได้มีโอกาสเข้าถึงพื้นที่การเรียนรู้-การทำกิจกรรมเพื่อการศึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา มีสมาชิกกว่า 1 แสนคนได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่แห่งนี้
นอกจากนี้ ล่าสุดได้ร่วมกับมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ (Saturday School Foundation) ช่วยสานฝันเส้นทางอาชีพให้นักเรียน-นักศึกษา ในโครงการ “Saturday School Student Support (SSSS) Season 5.5 Career Exploration” ผ่านการบอกเล่าประสบการณ์จากผู้คร่ำหวอดในวงการจากหลากหลายอาชีพ โดยบริษัทได้ประเมินผลตอบแทนทางสังคม (SROI) พบว่าอยู่ที่ 3.5 เท่า หรือหมายความว่า ทุก ๆ 1 บาทที่บริษัทลงทุนไปจากการสร้างพื้นที่ให้สามารถใช้งานได้ฟรีนั้นสามารถสร้างผลกระทบทางสังคมได้ 3.5 เท่า
การดูแลสังคมนอกเหนือจากด้านการศึกษา บริษัทยังได้เดินหน้าโครงการ “ร่วมใจให้โลหิต ฝ่าโควิดไปด้วยกัน” เพื่อระดมเลือดให้สภากาชาดไทยมีปริมาณโลหิตสำรองที่เพียงพอต่อความต้องการ โดยได้ใช้พื้นที่ของศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งยังได้เชิญชวนชุมชนโดยรอบ พาร์ทเนอร์ และผู้มีส่วนได้เสีย ให้เข้าร่วมกิจกรรม โดยจากการจัดต่อเนื่องทุกไตรมาสมาเป็นครั้งที่ 10 นี้ สามารถระดมเลือดได้มากถึง 3 ล้านซีซี
นอกจากนั้น การปลูกฝังจิตสำนึกด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการ “Trash to Give ทิ้ง เพื่อ ให้” ก็ยังเป็นอีกโครงการที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง และจัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรณรงค์การรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการคัดแยกขยะ และทิ้งขยะให้ถูกประเภทตั้งแต่ต้นทาง โดยสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้เช่าและชุมชนในการขับเคลื่อนกิจกรรมนี้ หลังกิจกรรมเสร็จสิ้น บริษัทได้มอบเงินจากการนำขยะที่ผ่านการคัดแยกของโครงการนี้ให้กับมูลนิธิโลกสีเขียว เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ การดูแลผู้คนไม่ได้หมายถึงแต่สังคมนอกบริษัทแต่เพียงเท่านั้น แต่หมายรวมถึงบุคลากรภายในองค์กร อันเป็นฟันเฟืองและกำลังขับเคลื่อนให้บริษัทเติบโตต่อไป ซึ่งในการดูแลพนักงาน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ให้ความสำคัญทั้ง “กาย” และ “ใจ” ของพนักงานไปพร้อมๆ กัน
ด้านของกาย คือ เรื่องสุขภาพที่ดี นอกจากมีสถานที่และสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน ยังได้จัดกิจกรรม Run for Friends โดยทุก 1 กิโลเมตรที่พนักงานวิ่ง บริษัทบริจาคเงิน 10 บาทเข้ากองทุนช่วยเหลือพนักงาน เพราะเห็นว่าโรคบางอย่างไม่ได้รับการคุ้มครองจากประกัน หรือบางครั้งครอบครัวพนักงานป่วย เงินของกองทุนก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ เหมือนเป็นเพื่อนช่วยเพื่อน รวมถึงทำให้สุขภาพของพนักงานดีขึ้น โดยเงินกองทุนนี้ จะต้องใช้ให้หมดในแต่ละปี เพื่อเป็นการผลักดันให้พนักงาน เกิดการออกกำลังกายต่อเนื่อง และยังทำให้เกิดการสื่อสาร สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในเพื่อนร่วมงานด้วย
นอกจากนั้น บริษัทยังมองถึงเรื่องสุขภาพใจ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ได้จัด White Camp ชวนพนักงานไปที่ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เฉลิมพระเกียรติ ศูนย์ 2 จ.ปทุมธานี เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสได้ทบทวนและสำรวจตัวเอง โดยบริษัทมีนโยบายการลาเพื่อปฏิบัติธรรมเพิ่มเติมจากวันลาทั่วไป รวมถึงมีพระอาจารย์มาสอนธรรมะทั้งออนไลน์และออนไซต์ พร้อมทั้งการจัดเวิร์กชอป Positive Thinking และจัดกิจกรรมโยคะ ทั้งหมดนี้เพื่อให้พนักงานมีสมดุลในการใช้ชีวิต
ในด้านการพัฒนาทักษะความรู้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย มีการจัดอบรม อัพเดทความรู้ใหม่ๆ และทักษะที่จำเป็นให้กับพนักงาน เช่น กฎหมาย PDPA, ความรู้ด้านการลงทุน และภาษี เป็นต้น
ขณะที่ด้านสวัสดิการ บริษัทได้ปรับสวัสดิการให้รองรับความต้องการของพนักงานอย่างเท่าเทียม โดยปรับสวัสดิการใหม่ที่ทุกคนสามารถเลือกวันลาที่เหมาะสมกับตัวเองได้ เช่น ลาเพื่อวันสำคัญในชีวิต ลาเพื่อดูแลครอบครัว ลาเพื่อทำหมัน และเพิ่มสิทธิลาเพื่อผ่าตัดแปลงเพศ พร้อมทั้งปรับรูปแบบการรักษาพยาบาลให้ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
นายธนพล กล่าวอีกว่า ด้วยความที่เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เป็นองค์กรขนาดใหญ่ จึงต้องทำให้เป็นตัวอย่าง และชักชวนคนอื่นให้มาร่วมกันทำ โดยบริษัทมีฝ่ายธรรมาภิบาลและวางแผนองค์กร ฝ่ายบริหารความเสี่ยง และฝ่ายความยั่งยืน ในการสนับสนุนดูแลองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน และเพื่อเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้าน ESG อย่างชัดเจน
“แผนงานต่อจากนี้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าเน้นหนักงานด้านสังคมต่อเนื่อง และจะสร้างความชัดเจนให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจะนำ SROI มาปรับใช้ในการประเมินผลตอบแทนทางสังคมกับโครงการเพื่อสังคมอื่น ๆ เพื่อสร้างการเติบโตด้านความยั่งยืนที่มีคุณค่าและมีประสิทธิภาพต่อไป”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
10 จังหวัด ‘อสังหาฯ’ ฮอต ถูกค้นหามากที่สุดในรอบปี 2565
ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เปิด 10 จังหวัดอสังหาฯยอดฮิต ปี 2565 พบ “กรุงเทพฯ” ครองใจคนซื้อบ้านเบอร์ 1 ขณะจังหวัดปริมณฑลมาแรงแซงเมืองท่องเที่ยว ส่วนคอนโดฯ ยังได้รับความนิยมสูงสุดในการค้นหาประจำปี
23 ธ.ค.2565 – ปี 2565 เป็นปีแห่งความหวังของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย แต่กลายเป็นว่าต้องเผชิญมรสุมความท้าทายทั้งจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ผนวกกับภาวะเงินเฟ้อที่ผลักดันให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยไทย ยังมีความเคลื่อนไหว และปรากฎการณ์เปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในแง่ต่างๆ ขณะ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ได้เผยถึงข้อมูลสำรวจสำคัญในรอบปี 2565 ซึ่งพบว่า สำหรับสุดยอดทำเลทองครองใจค้นหาบ้านประจำปี 2565 นั้น มี 10 อันดับ ดังนี้
10 อันดับ จังหวัด อสังหาฯยอดนิยมแห่งปี
- อันดับ 1 กรุงเทพฯ
- อันดับ 2 นนทบุรี
- อันดับ 3 สมุทรปราการ
- อันดับ 4 ปทุมธานี
- อันดับ 5 ชลบุรี
- อันดับ 6 เชียงใหม่
- อันดับ 7 ประจวบคีรีขันธ์
- อันดับ 8 ภูเก็ต
- อันดับ 9 พัทยา
- อันดับ 10 นครปฐม
ทั้งนี้ จาก 4 อันดับแรก จะเห็นได้ว่า อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลทั้งสิ้น ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภค ระบบคมนาคมขนส่ง และโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ครอบคลุม และเชื่อมต่อการเดินทางทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยไม่ได้กระจุกตัวแค่ในเมืองหลวงอีกต่อไป ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ในพื้นที่นอกเมืองหลวงกลายเป็นทำเลที่น่าจับตามองและเติบโตตามไปด้วย
คอนโดฯ ครองใจชาวกรุง
โดย “คอนโดฯ” กลายเป็นประเภทอสังหาฯ ที่มีการค้นหามากที่สุดทั่วประเทศในรอบปีที่ผ่านมา ด้วยสัดส่วน 42% ตามมาด้วยบ้านเดี่ยวในสัดส่วนที่ไล่เลี่ยกัน (40%) และทาวน์เฮ้าส์ (18%) สะท้อนให้เห็นว่าเทรนด์ที่อยู่อาศัยแนวดิ่งยังคงเป็นที่ต้องการและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ แม้จะไม่มีการเติบโตอย่างหวือหวา แต่การแข่งขันเปิดตัวโครงการคอนโดฯ ของผู้ประกอบการอสังหาฯ ออกไปยังตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ถือเป็นการขยายโอกาสไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ยังคงมีดีมานด์อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 34.85 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบที่กว้างได้ หลังจากพลิกกลับมาอ่อนค่าลง จากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 34.85 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.69 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบที่กว้างได้ หลังจากพลิกกลับมาอ่อนค่าลง จากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์
และถูกกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลง โดยเรามองว่า เงินบาทอาจผันผวนในฝั่งอ่อนค่าต่อได้บ้าง
หากบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ซึ่งอาจเห็นแรงขายทำกำไรหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้นได้
อย่างไรก็ดี เราคงประเมินว่า แม้เงินบาทจะอ่อนค่าลง แต่ก็อาจจะไม่ทะลุโซนแนวต้านแถว 35.00-35.20 บาทต่อดอลลาร์ไปได้ง่ายนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาด อย่างบรรดาผู้ส่งออก ต่างก็รอจังหวะการอ่อนค่าของเงินบาทในการทยอยขายเงินดอลลาร์
ส่วนผู้เล่นต่างชาติที่ยังคงมีมุมมองเชื่อว่า เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นต่อได้ ก็รอจังหวะในการเพิ่มสถานะ Short USDTHB อยู่บ้าง
ทั้งนี้ เราคงมองว่า หากบอนด์ยีลด์ระยะยาวมีการปรับตัวสูงขึ้น ก็อาจเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยเข้าซื้อ เพื่อเพิ่มสถานะถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ไว้รับมือภาพเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้นในปีหน้า
ขณะที่ downside risk ของการถือครองบอนด์ระยะยาวก็อาจมีอยู่จำกัด ยกเว้นกรณีที่เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยไปมากกว่าระดับ 5.50% หรือ 6.00% ได้
ส่วนในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 104.4 จุด หนุนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่าเฟดอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องไปได้มากกว่าคาด
อย่างไรก็ดี แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินจะพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยง แต่ก็มีสาเหตุหลักจากความกังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งได้หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น พร้อมกับกดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ปรับตัวลดลงสู่โซนแนวรับแถว 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่าผู้เล่นในตลาดบางส่วน อาจรอจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในการทยอยเข้าซื้อ ทำให้มีโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งมีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้เช่นกัน
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ โดยตลาดมองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่อง รวมถึงราคาสินค้าพลังงานที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา อาจส่งผลให้ในเดือนพฤศจิกายน ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (PCE) ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อที่เฟดจับตาอย่างใกล้ชิด อาจเพิ่มขึ้น +5.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมผลของราคาอาหารและพลังงาน ก็อาจเพิ่มขึ้นเพียง +4.6%y/y นับว่าเป็นการชะลอลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีชี้วัดภาวะเงินเฟ้อที่เฟดจับตามองใกล้ชิด และหากดัชนี PCE และ Core PCE ชะลอลงตามคาดและยังคงชะลอลงในอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง
สะท้อนว่า คาดการณ์ของเฟดล่าสุดอาจมองแนวโน้มเงินเฟ้อสูงเกินไปบ้างกรณีที่ ดัชนี PCE และ Core PCE ชะลอลงตามคาด หรือ ชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจหนุนให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยไปไกลเกินกว่าระดับ 5.00% ซึ่งอาจช่วยให้บรรยากาศในตลาดการเงินพลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.80-34.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ (9.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.67 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทอ่อนค่ากลับมา หลังจากที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งทำให้มีความกังวลว่า เฟดจะคงส่งสัญญาณนโยบายการเงินแบบคุมเข้มต่อไป
ทั้งนี้ แม้ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะเพิ่มขึ้นมาที่ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็เป็นระดับที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด ขณะที่ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 (final) ขยายตัว 3.2% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขที่ประกาศในรอบ 1 และ 2
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.70-35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ทั้งนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ทิศทางฟันด์โฟลว์ การเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน อัตราเงินเฟ้อที่คำนวณจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ต๋อง” กอดคอ “นุ้ก” เข้ารอบ32 ศึกสนุกเกอร์อาชีพฯ
“ต๋อง ศิษย์ฉ่อย”กอดคอ “นุ้ก คอนหวัน”ทะยานเข้ารอบ 32 คนสุดท้าย ศึกสนุกเกอร์อาชีพ ดิวิชั่น 1 รายการที่ 2 รอบคัดเลือก
ในการแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพ เก็บสะสมคะแนน ดิวิชั่น 1 รายการที่ 2 รอบคัดเลือก ประจำปี 2565 ที่ สโมสร ทีบีซี.สนุกเกอร์ เซ็นเตอร์ ในซอยรามคำแหง 89/1 หัวหมาก และ สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก กำหนดแข่งขันระหว่างวันที่ 18 – 24 ธันวาคม 2565 เพื่อเฟ้นหานักสนุกเกอร์ฝีมือดี ผ่านเข้าสู่รอบ 16 คนสุดท้าย ระหว่างวันที่ 13-18 กุมภาพันธ์ 2566 ที่จังหวัดตรัง
โดยผู้ที่สามารถทำเซ็นจูรี่เบรก 115 แต้ม ตั้งแต่รอบคัดเลือก จนถึงรอบชิงชนะเลิศ จะได้รับรางวัลเงินสด 10,000 บาท แต่กำหนดไม่เกิน 10 ครั้ง ขณะเดียวกัน ผู้ที่สามารถทำแม็กซิมั่มเบรก (147 แต้ม) ตั้งแต่รอบคัดเลือก จนถึงรอบชิงชนะเลิศ จะได้รับโต๊ะสนุกเกอร์ 1 ตัว จาก “ตี๋ PTS” หรือ (โอภาส สุวรรณราช) โดยมีข้อแม้ว่า ต้องมีเทปบันทึกการแข่งขันทุกครั้งด้วย
ไฮไลท์คู่ที่น่าสนใจในรอบ 64 คน ที่ ทีบีซี.สนุกเกอร์ เซนเตอร์ ซอยรามคำแหง 89/1 แข่งขันระบบ 4 ใน 7 เฟรม “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” วัฒนา ภู่โอบอ้อม นักสนุกเกอร์ทีมชาติชุดซีเกมส์ พบกับ อรรคพงษ์ ผาหยาด (ต๋อง มัตซูชิ) นักสนุกเกอร์ฝีมือดีอีกคนหนึ่ง โดย 2 เฟรมแรก “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” เครื่องร้อนช้าจึงเป็นฝ่ายไล่ตาม 0-2 เฟรม แต่หลังจากนั้นเริ่มจับทางได้ ประกอบกับแทงดีขึ้นทำให้กลับมาชนะ 2 เฟรมติดต่อกันทำให้เสมอ 2-2 เฟรม
โดยในเฟรมที่ 5 และ เฟรมที่ 6 “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” ต้องอาศัยประสบการณ์ล้วน ๆ เนื่องจากแต้มตกเป็นรอง จึงต้องวางสนุ้ก จนสามารถพลิกสถานการณ์เบียดเอาชนะ “อรรคพงษ์ ผาหยาด” ได้ 4-2 เฟรม ด้วยสกอร์ ( 13-73, 50-61, 67-28,72-30, 59-54 และ 65-49 ) ส่งผลให้ วัฒนา ภู่โอบอ้อม (ต๋อง ศิษย์ฉ่อย) ผ่านเข้าสู่รอบ 32 คนสุดท้ายได้เป็นรายแรก
อีกคู่ ปรมินทร์ ด่านจิรกุล (นุ้ก คอนหวัน) พบกับ ปรีชา บุญม่วง (บู๋ โฟว์คิงส์ ) ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นนักสอยคิวทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์เช่นเดียวกัน โดย ปรมินทร์ เป็นนักกีฬาสนุกเกอร์ ส่วน “ปรีชา” เป็นนักกีฬาพูล การโคจรมาพบกันในครั้งนี้ ทำให้ทั้งคู่ต้องออกคิวกันอย่างระมัดระวัง เฟรมแรก “บู๋ โฟว์คิงส์” ออกนำไปก่อน แต่หลังจากนั้น เป็น “นุ้ก คอนหวัน” ที่ออกมาฉายแบบม้วนเดียวจบ สุดท้ายทำให้ ปรมินทร์ ด่านจิรกุล (นุ้ก คอนหวัน) ชนะ ปรีชา บุญม่วง (บู๋ โฟว์คิงส์) 4-1 เฟรม ( 40-58, 74-37, 64-11, 67-10 และ 54-23 ) ผ่านเข้าสู่รอบ 32 คน
ส่วนผลคู่อื่น รอบ 128 คน ชินภัทร์ คำสัตย์ (เปา จันท์) ชนะ ธงชัย ปุณยวีร์ (เป้า ลาดหญ้า) 4-0 เฟรม / โอภาส สุวรรณราช (ตี๋ พีทีเอส) ชนะ สายชล ฟักเขียว 4-0 เฟรม / ปริญญา เย็นทรวง ชนะ ชัชพงศ์ นาสา 4-0 เฟรม / พุธกานต์ ขิมสุข ชนะ พรชัย อรุณรัศมี 4-0 เฟรม / ชัชวาล รุตแพร ชนะ กอปรเกียรติ ตันติสุวรรณนา 4-1 เฟรม / กฤษณัส เลิศสัตยาทร (นุ้ก สงขลา) ชนะ ธานินทร์ พุทธมนต์ธร 4-0 เฟรม , ณัฐวรรธน์ ผ่องศรีสุข ชนะ ธวัช ลิ้มวัฒนะ 4-2 เฟรม , ประมวล จันทร์ทัด ชนะ ทศพร จิวะเกียรติ 4-2 เฟรม
สำหรับในวันพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) เป็นการแข่งขันในรอบ 64 คนสุดท้าย ที่ ทีบีซี. สนุกเกอร์ เซ็นเตอร์ ในซอยรามคำแหง 89/1 เริ่มคู่แรกเวลา 10.00 น. ผู้สนใจเข้าชมได้ฟรี
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 สัญญาณอันตราย “ภูมิคุ้มกันเป็นพิษ”
โรค “ภูมิคุ้มกันเป็นพิษ” ไม่ใช่โรคใหม่แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นโรคเดิมที่มีมานานแล้ว และมีหลายคนบนโลกที่เป็น หากเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องก็จะสามารถควบคุมอาการได้ ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เพียงแต่หากปล่อยให้มีอาการต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจส่งผลให้อาการกำเริบไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย และมีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเสียชีวิตได้เช่นกัน
โรค “ภูมิคุ้มกันเป็นพิษ” คืออะไร?
โรคภูมิคุ้มกันเป็นพิษ เป็นเพียงชื่อหนึ่งของ โรคภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง หรือโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง โรคภูมิต้านตนเอง และโรคภูมิแพ้ตัวเอง คนไทยบางส่วนเรียกว่า “โรคพุ่มพวง” เพราะศิลปินลูกทุ่งในตำนานอย่าง พุ่มพวง ดวงจันทร์ เสียชีวิตด้วยโรคนี้ ส่วนภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า โรคออโตอิมมูน (Autoimmune) หรืออาจเรียกโดยทั่วไปว่า โรคลูปัส (Lupus)
โรคออโตอิมมูน เป็นกลุ่มโรคที่อธิบายถึงการทำงานที่ผิดปกติของเม็ดเลือดขาว ซึ่งโดยปกติจะทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันร่างกายของเราจากเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ แต่เมื่อมันทำงานผิดปกติ เม็ดเลือดขาวผู้แสนดีจึงหันมาทำร้ายร่างกายของเองเสียเอง ทำร้ายเนื้อเยื่อในร่างกายจนเกิดอาการอักเสบอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดอวัยวะนั้นๆ ก็ใช้งานไม่ได้
ประเภทของโรคภูมิคุ้มกันเป็นพิษ
โรคภูมิคุ้มกันเป็นพิษ หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง มีด้วยกันหลายชนิด ได้แก่
- SLE (Systemic Lupus Erythematosus) : เกิดจากมีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้มีการสร้างภูมิต่อต้านหลายชนิดต่อเซลล์และส่วนประกอบต่าง ๆ ของเซลล์ของตนเอง มีผลทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ทั่วตัว
- Neonatal Lupus : โรคแพ้ภูมิในทารกแรกเกิด
- Drug-induced Lupus : โรคแพ้ภูมิจากยา เกิดจากการใช้ยาบางกลุ่ม และจะหายเมื่อหยุดใช้ยานั้น
- Discoid Lupus Erythematosus : โรคที่มีผื่นแดงขึ้นที่ใบหน้าและสร้างรอยแผลเป็นหลังผื่นหาย
- Subacute Cutaneous Lupus Erythematosus : โรคผื่นกึ่งเฉียบพลัน โดยผิวหนังบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดจะเป็นผื่น
สาเหตุของโรคภูมิคุ้มกันเป็นพิษ
สาเหตุหลักของโรคภูมิคุ้มกันเป็นพิษมาจากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำงานผิดปกติเสียเอง โดยอาจได้รับแรงกระตุ้นจากสิ่งต่างๆ เช่น
- กรรมพันธุ์
- ความเครียด พักผ่อนน้อย
- แสงแดด
- รับฮอร์โมนเพศหญิง
- สูบบุหรี่
10 สัญญาณอันตราย โรคภูมิคุ้มกันเป็นพิษ
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียผิดปกติ
- มีผื่นขึ้นตามตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ผิวไวต่อแสงแดด
- ผมร่วง
- มีแผลที่ริมฝีปากและข้างในปาก
- มีไข้ขึ้นสูง โดยอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์
- ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ
- ปวดปลายนิ้วมือเท้าเวลาถูกความเย็น
- มือสั่น ใจสั่น เหงื่อแตก
- น้ำหนักลดลงอย่างไร้สาเหตุ
วิธีป้องกันโรคภูมิคุ้มกันเป็นพิษ
การรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เป็นวิธีที่จะช่วยกดอาการของโรคภูมิคุ้มกันเป็นพิษได้ ดังนั้นจึงควรยึดตามเคล็ดลับ 3 ข้อ คือ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
เท่านี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคได้ รวมถึงควบคุมอาการของโรคให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำอวยพรปีใหม่ ความหมายดี ภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล
เผลอแป๊บเดียวเวลาก็ผ่านมาถึงเดือนสุดท้ายของปี ให้ได้เตรียมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันอีกแล้ว ช่วงใกล้เทศกาลสำคัญแบบนี้ มีคำอวยพรปีใหม่ความหมายดี ๆ ไว้พูดอวยพร เขียนลงการ์ด หรือไว้โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย เพื่อส่งต่อความรัก ความห่วงใย ให้กับคนพิเศษกันรึยัง ใครที่กำลังมองหาไอเดียอยู่ วอลล์สตรีท อิงลิช ได้รวบรวมคำอวยพรปีใหม่เป็นภาษาอังกฤษมาฝาก อ่านแล้วชอบใจประโยคไหน เตรียมเอาไปใช้ในวันปีใหม่ที่จะถึงนี้ได้เลย!
- Happy New Year’s now and always!
สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุขในตอนนี้และตลอดไป - Happy New Year, the best time for a new beginning is now.
สวัสดีปีใหม่ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่มาถึงแล้ว - Have a sparkling New Year! Wishing you good times, good health, good cheer.
สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีช่วงเวลาที่ดี มีสุขภาพที่ดี และกำลังใจที่ดี - Cheers to another year! I wish you happiness in the year to come.
ยินดีกับอีกปีที่มาถึง ขอให้มีแต่ความสุขในปีใหม่นี้ - Life is short – dream big and make the most of 2022!
ชีวิตมันสั้น ฝันให้ยิ่งใหญ่ และทำมันเต็มที่ในปี 2022! - I wish you a smashing New Year filled with laughter.
ขอให้เป็นปีใหม่ที่ดีและมีแต่เสียงหัวเราะ - I wish you happiness, good health and well-being from the bottom of my heart!
ขอให้มีแต่ความสุข มีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี จากก้นบึ้งของใจ - May all your dreams come true and all your hopes be fulfilled! Happy New Year!
ขอให้ความฝันทั้งหมดของคุณกลายเป็นจริง และสมหวังในทุกเรื่อง สวัสดีปีใหม่! - May this new year be filled with wonder and delight. Happy 2022!
ขอให้ปีใหม่นี้เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์และความสุขสดใส สุขสันต์ปี 2022! - May the new year bring you peace, joy and happiness.
ขอให้ปีใหม่นี้พบเจอแต่ความสงบสุข ความสนุกสนาน และความสุข - May your new year be as special and cool as you are!
ขอให้ปีใหม่ของคุณมีแต่ความพิเศษและเจ๋งเหมือนที่คุณเป็น! - May your new year be decorated with sweet memories, wonderful days and memorable nights.
ขอให้ปีใหม่ของคุณประดับประดาไปด้วยความทรงจำแสนหวาน วันที่มหัศจรรย์ และค่ำคืนที่น่าจดจำ - New adventures are around the corner. Let you dreams take flight in this new year!
การผจญภัยครั้งใหม่มารออยู่แล้ว ติดปีกพาความฝันไปสู่ความสำเร็จในปีใหม่นี้กัน! - A basket full of smile, joy and warm wishes sent to you from thousand miles away for you my dear Friend! Have a sparkling New Year!
ขอส่งตะกร้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข และคำอวยพรที่แสนอบอุ่นให้กับคุณ จากเพื่อนที่อยู่ห่างไกล สวัสดีปีใหม่! - A new year is like a blank book. The pen is in your hands. It is your chance to write a beautiful story for yourself. Happy 2022!
ปีใหม่เหมือนสมุดเปล่าที่มาพร้อมปากกาในมือคุณ และนี่เป็นโอกาสที่จะได้สร้างเรื่องราวที่ดีให้กับตัวเอง สุขสันต์ปี 2022!
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
ถึงเวลาต้องปรับตัว เรียนรู้ที่จะอยู่กับ AI ให้ได้
บนโลกที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ และมีบทบาทที่ออกจะล้ำเส้นในการเป็นผู้ช่วยของมนุษย์ มุ่งสู่การเป็นภัยคุกคามมากกว่า อย่างเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) ที่นับวันยิ่งมีส่วนร่วมขับเคลื่อนโลกได้มากขึ้น จนเราเริ่มคาดเดาไม่ได้แล้วว่าอนาคตต่อจากนี้มันจะพัฒนาไปในทิศทางไหนอีก แต่ที่แน่ ๆ ชีวิตของคนเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะบทบาทของ AI ต่อตลาดแรงงานทั่วโลก มีตำแหน่งงานจำนวนไม่น้อยถูกแทนที่โดย AI เรียบร้อยแล้ว
ที่ผ่านมา เราไม่สามารถปฏิเสธ AI ได้อย่างเต็มปาก เพราะส่วนหนึ่งมันก็อำนวยความสะดวกสบายให้กับเราได้มากจริง ๆ บางอย่างที่ AI ทำได้ มนุษย์ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ และดูเหมือนว่าเราจะถูกใจประโยชน์ของ AI ข้อนี้ดี เราเลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสังคมที่มี AI เป็นส่วนหนึ่งในสักทาง ทว่าเรื่องของการออกแบบและใช้เทคโนโลยี AI ในอนาคตจะต้องให้ความสำคัฐกับแง่มุมทางจริยธรรมมากขึ้น จะใช้ AI อย่างไรเพื่อไม่ให้มันสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวโลก ในฐานะมนุษย์ธรรมดาตัวเล็ก ๆ คงต่อต้านที่จะไม่ให้ AI ถูกนำมาใช้งานในตลาดแรงงานไม่ได้ ในท้ายที่สุด AI ก็จะถูกนำมาใช้งานในด้านต่าง ๆ อยู่ดี
AI ค่อย ๆ รุกคืบชีวิตของมนุษย์
หลาย ๆ คนคงน่าจะรับรู้ได้เองแล้วว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่ AI ทำได้แทบจะทุกอย่างที่มนุษย์ทำได้ ตั้งแต่แค่หาข้อมูลมาตอบคำถามดินฟ้าอากาศ การเขียนโค้ดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เขียนบทความ สร้างสรรค์บทกวี สร้างผลงานศิลปะ เป็นศิลปิน เป็นอินฟลูเอนเซอร์ สั่งให้ทำอะไรก็ทำได้อย่างอัตโนมัติ บ้างก็เริ่มเรียนรู้ความผิดพลาดในการทำงานของตัวเองได้แล้วด้วย ความสามารถของ AI เข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากกว่าที่เคยทำได้ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่มนุษย์อยู่ดี AI ไม่อาจมีความเป็นมนุษย์เหนือกว่าตัวมนุษย์ได้อยู่แล้ว
ศักยภาพของ AI ที่ทำได้แทบจะทุกอย่าง ความสามารถของมันจึงกลายเป็นที่ฮือฮามากเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงว่าสมควรแค่ไหนในการนำ AI มาใช้งานด้านนี้ทั้งที่มันไม่ใช่มนุษย์ แถมยังละเมิดลิดรอนสิทธิบางอย่างของมนุษย์ด้วย เช่น ประเด็นที่ศิลปินต่างชาติออกมาแบนผลงานศิลปะที่สร้างขึ้นจาก AI ประเด็นงานเขียนหลายอย่างที่ AI สร้างขึ้นได้ หรือแม้กระทั่งศิลปินที่เป็น AI เสมือนจริง ทำให้เห็นว่ามนุษย์จำนวนไม่น้อยกำลังค่อย ๆ ถูก AI กลืนกินอย่างช้า ๆ ในด้านอาชีพการงาน
ไม่นานมานี้ เรามีอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง ที่กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน นักพัฒนาหลายชาติ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แอฟริกาใต้ รวมถึงไทย ต่างก็สร้างอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริงของตัวเองขึ้นมาและเริ่มมีการใช้งานจริงในวงการ ของไทยมี Ai Ailynn เป็น AI Influencers คนแรก
หรือการที่กลุ่มศิลปินต่างชาติออกมาประกาศแบนงานศิลปะจาก AI ในเว็บไซต์ Artstation ด้วยการโพสต์ภาพ “NO TO AI GENERATED IMAGES (ไม่เอาภาพที่สร้างโดย AI)” เพื่อต่อต้านภาพศิลปะจาก AI เนื่องจากงานศิลปะที่สร้างสรรค์โดย AI หลายชิ้นลดทอนคุณค่าของงานศิลปะมนุษย์ และบั่นทอนทั้งเวลาและทักษะในการทำงานของมนุษย์ อย่างไรก็ดี AI กับวงการศิลปะก็เคยมีเรื่องอื้อฉาว จากประเด็นที่ศิลปินชื่อว่า Jason Allen ใช้ภาพที่วาดขึ้นโดย AI ส่งเข้าประกวดจนชนะรางวัลที่ 1 มาก่อน (ผลงานที่มีชื่อภาพว่า Theatre d’Opera Spatial)
แต่ดราม่าในครั้งนี้จะแตกต่างออกไป เพราะงานศิลปะจาก AI ในเว็บไซต์ Artstation ไม่ได้สร้างขึ้นจากการป้อนคำสั่งวาดผ่านคีย์เวิร์ด แบบที่ Ai Midjourney ทำ แต่เป็นการขโมยผลงานศิลปะของศิลปินทั่วโลกแบบที่ไม่ระบุแหล่งที่มา นำมาวิเคราะห์ ดัดแปลงนิด ๆ หน่อย ๆ จนได้ผลงานใหม่ออกมา แล้วถือครองสิทธิในภาพนั้น ๆ ทั้งที่ภาพศิลปะจาก AI นี้ไม่ใช่ภาพต้นฉบับ และไม่ใช่ผลงานที่ใครเป็นเจ้าของและเผยแพร่ได้ เนื่องจากภาพของ AI ถูกสร้างขึ้นโดยการนำผลงานมนุษย์ที่มีอยู่มาปรับเป็นภาพใหม่อีกที
ล่าสุดวงการไอดอลมีสะเทือน เมื่อ T-Town Digital Studio ได้เปิดตัว “VAVA (วาวา)” ศิลปินที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI เสมือนมนุษย์จริงคนแรกของไทย (The 1st T-POP Realistic Virtual Artist) มีทักษะการร้องเพลงและการเต้นอันโดดเด่น แถมยังน่ารักสดใส มีความเป็นธรรมชาติ มีภาพลักษณ์และนิสัยคล้ายมนุษย์มากที่สุดเท่าที่เคยมีในประเทศไทย เหมือนจริงถึงขนาดที่ไม่ค่อยจะมีใครเชื่อว่าเป็น AI แต่ถ้าเข้าไปติดตามในโซเชียลมีเดียที่เป็นทางการของ VAVA จะพบข้อมูลว่าเป็น “Realistic Virtual Artist” จริง ๆ
หรือประเด็นที่ AI สามารถเขียนบทความได้จาก ChatGPT แชตบอตที่สามารถค้นหาคำตอบและตอบคำถามได้แทบทุกอย่าง นอกจากนี้มันยังเขียนบทความ เนื้อเพลง เขียนโค้ด ทำสคริปต์ เขียนสูตรทำอาหาร ได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที อีกทั้งยังพูดคุยและแสดงอารมณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับการเขียนบทความ ซึ่งปกติเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งความคิด ความสร้างสรรค์ รวมถึงความซับซ้อนทางด้านจิตใจมนุษย์ แต่ ChatGPT กลับสร้างบทความหนึ่งชิ้นได้ภายในเวลา 5-6 นาที แค่กำหนดหัวข้อให้มันเท่านั้น ต่างจากมนุษย์ที่กว่าจะเค้นความคิดออกมาได้
พัฒนาสิ่งที่ AI ไม่มีและทำแทนไม่ได้
ต่อให้ AI เป็นเทคโนโลยีสุดฉลาดและน่าทึ่งแค่ไหน แต่มันก็มีบางอย่างที่ไม่ว่าอย่างไรมนุษย์ก็ได้เปรียบกว่า นั่นก็คือ AI ไม่มีจิตวิญญาณ อย่างที่เราเห็นกัน AI ทำงานที่ยากและซับซ้อนได้ แต่มันก็ทำตามคำสั่งจากโปรแกรมที่ถูกตั้งค่าไว้ ผลงานที่ออกมาเลยแข็ง ๆ ทื่อ ๆ แบบที่ไม่สามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณหรือความรู้สึกร่วมใด ๆ ออกมา ตรงนี้นี่เองที่ AI ไม่มีและยังไม่สามารถทำแทนมนุษย์ได้ และไม่คุ้มค่าที่จะพัฒนาขึ้นมา
ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ทำมันมีความซับซ้อนทางจิตใจมากกว่าแค่ความเป็นเหตุเป็นผลแบบที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทำ มนุษย์มีตรรกะ แต่มนุษย์ก็มีความรู้สึก มีอารมณ์ ดังนั้น ผลผลิตทุกสิ่งอย่างที่ออกมาจากมนุษย์จึงมักจะมีจิตวิญญาณถ่ายทอดออกมาด้วยเสมอ
มีงานศึกษาของ Carl Benedikt Frey และ Michael A. Osborne ซึ่งเป็นนักวิจัยจาก Oxford University ผลการศึกษาระบุว่าต่อให้เทคโนโลยีจะฉลาดล้ำโลกแค่ไหน แต่ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ทำให้ยังมีงานที่ต้องอาศัยทักษะอยู่ 3 ประเภทที่ยังไม่สามารถพัฒนาให้ AI มาทำงานแทนคนได้ในเวลาอันใกล้ ได้แก่ งานที่ใช้ความละเอียดประสาทสัมผัสและการมองเห็น (Hand) งานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ (Head) และงานที่ใช้ความฉลาดทางสังคม (Heart) เราจึงควรมุ่งเน้นพัฒนาในส่วนที่ AI ไม่มีและยังทำแทนเราไม่ได้ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เรามีประสบการณ์และประสาทสัมผัสที่จะช่วยให้เราหยั่งรู้ในสิ่งต่าง ๆ ที่เหนือกว่า AI ได้
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ มนุษย์จะยังคงได้เปรียบตรงที่สามารถสั่งสมความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและพัฒนาตนเองได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด โดยเฉพาะในส่วนงานที่ไม่คุ้มค่าที่จะพัฒนา AI ให้มาแทนที่คน ในยุคที่เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเพื่อนร่วมงานเป็นเทคโนโลยี เราก็ควรจะทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ในขณะเดียวกันก็กอบโกยประโยชน์จาก AI ให้ได้มากที่สุด พยายามทุ่นแรงตัวเองลง เอาส่วนนี้ให้เทคโนโลยีทำ แล้วหันไปอัปเกรดตัวเองกับงานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะด้านในขั้นที่สูงขึ้น รวมถึงการตัดสินใจที่ซับซ้อน
ฉลาดที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
เรามาถึงจุดที่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปที่มีอยู่ครึ่งค่อนโลกไม่มีโอกาสจะเอาชนะ AI ได้อีกต่อไปแล้ว ด้วยความที่ AI มันล้ำหน้ามนุษย์ทั่ว ๆ ไปไปเยอะมาก ฟังดูอาจสิ้นหวัง แต่เราก็ไม่สามารถมองดู AI เฉิดฉายอยู่เฉย ๆ จนตัวเราเดือดร้อนได้เหมือนกัน จะหวั่นวิตกก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน สุดท้ายแล้วโลกก็มี AI อยู่ดี ดังนั้น วิธีพื้นฐานที่สุด คือเราควรจะอยู่ร่วมกับ AI ให้ได้มากกว่า และเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับ AI ฉลาดที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสุดล้ำ ส่วนไหนที่ AI สามารถทำงานได้ดีกว่า ก็อาศัยข้อได้เปรียบตรงนั้นมาช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น
เพราะเราสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นตัวช่วยและเป็นส่วนเสริมในสิ่งที่เราขาด เช่น AI ในยุคนี้ช่วยเราหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น ช่วยลดเวลาในการทำงาน ช่วยอำนวยความสะดวกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาลงมือเอง เป็นต้น ในขณะเดียวกัน AI เองก็ยังต้องมีมนุษย์หรือคนคอยดูแลความเสถียรอยู่เหมือนกัน ข้อเท็จจริงก็คือ ถึง AI จะฉลาด แต่ AI ก็เกิดขึ้นมาจากสติปัญญาของคนอยู่ดี มนุษย์ต้องควบคุมไม่ให้ AI ก่อความเสียหาย และปล่อยให้ AI คอยช่วยงานมนุษย์ตามหน้าที่ที่มันถนัด มนุษย์จะได้มีเวลาไปพัฒนาตัวเองหรือทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและการทำงานมากขึ้น
บางทีเราอาจต้องปรับมุมมองใหม่ จากการที่มองเทคโนโลยีเป็นศัตรูหรือมองว่ามันน่ากลัว ลองมองว่าจะให้มันเป็นมิตรต่อเราอย่างไรดี เราจะใช้ประโยชน์จากความสามารถของมันได้อย่างไรบ้าง ท่าทีในการปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยีจะช่วยกำหนดชีวิตในสายงานของเราได้ มองอย่างเป็นกลาง น่าจะเป็นหนทางที่ช่วยให้เรามีโอกาสรอดได้มากที่สุดแล้วในช่วงเวลาแบบนี้
พร้อมที่จะปรับตัว
มันคงมีประโยชน์น้อยมาก ๆ หากจะต่อต้านไม่ให้มีการใช้งานเทคโนโลยี AI ด้วยความกังวลเรื่องที่ AI จะเป็นภัยคุกคามของมนุษย์มากกว่าผู้ช่วย ในขณะเดียวกับที่พวกนักพัฒนาทั้งหลายผลิตนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าการใช้ AI มันควรจะถูกควบคุมอย่างมีแบบแผน แต่ต้องไม่ใช่การต่อต้านเพราะกลัวตัวเองจะเดือดร้อนเนื่องจากถูก AI แย่งงาน
ดังนั้น ใครที่ยังโลกสวยอยู่ว่าสายงานของตนเองจะไม่โดน AI แย่งงาน หรืองานที่ตัวเองทำอยู่ไม่มีใครทำหน้าที่ตรงนี้แทนฉันได้ คงต้องกลับมาหาความรู้เรื่อง AI กันใหม่ ว่าทุกวันนี้มันล้ำสมัยจนก้าวข้ามอะไรไปบ้างแล้ว AI ที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ มันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด
ในยุคที่ตลาดแรงงานกำลังถูกเทคโนโลยีเข้ามาปั่นป่วน มีหลายสายงานที่เริ่มถูกเทคโนโลยีเข้ามาทดแทน เพราะฉะนั้น AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัว นับวัน AI ยิ่งมีศักยภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ และเรื่องของ AI ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะรู้กันอยู่แค่ในกลุ่มคนที่มีการศึกษาสูง ๆ อีกต่อไปแล้วด้วย อย่าลืมว่าคนกลุ่มแรก ๆ ที่มีโอกาสจะถูก AI แย่งงาน คือกลุ่มแรงงานฝ่ายผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต่างหาก ไม่ใช่ระดับผู้บริหาร หากคนกลุ่มนี้ไม่รู้แนวโน้มของ AI ในอนาคตอันใกล้ ก็จะจวนตัวเวลาที่ต้องเตรียมแผนสำรอง หรือถ้าหากประเมินตนเองรอบด้านแล้วรู้ดีว่ายังไงก็สู้ AI ไม่ได้ ก็อาจจะมองหาลู่ทางใหม่ไม่ทันการด้วย จึงควรต้องรู้จักและมีแผนเผื่อไว้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด
เรื่องของ “ทักษะ” คือหนทางรอด
เป้าหมายของ AI คือการทำงานเลียนแบบมนุษย์ แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์เหนือกว่า AI คือทักษะต่าง ๆ ที่มนุษย์มี เพราะสมองและศักยภาพของมนุษย์ไม่มีขีดจำกัดเหมือนกับเทคโนโลยีที่ถูกเขียนขึ้น ดังนั้น เพื่อให้อยู่รอดในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทต่อโลกการทำงานมากขนาดที่ทำเอาหลายคนรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เมื่อได้เห็นสิ่งที่ AI ทำได้ มนุษย์จึงต้องหันไปจริงกับการพัฒนาและเพิ่มทักษะต่าง ๆ ให้ตนเอง
ทักษะการทำงานที่มนุษย์ควรพัฒนาเพื่อให้ตนเองยังเป็นผู้รอดในสงครามที่คู่ต่อสู้มีทั้งมนุษย์ด้วยกันและเทคโนโลยีอย่าง AI หลัก ๆ คือ ทักษะด้านการสื่อสารหรือการประสานงานกับผู้อื่น ทั้งกับคนในองค์กรและนอกองค์กร การสื่อสารที่ชัดเจน ตรงประเด็น รัดกุม และมีคุณภาพ คือสิ่งที่มนุษย์สามารถจัดสรรได้ดีกว่าหุ่นยนต์
ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ แม้ว่าปัจจุบัน AI จะสามารถทำงานด้านการสร้างสรรค์ได้ แต่เทคโนโลยีก็ถูกตั้งโปรแกรมไว้ให้ได้ผลลัพธ์แบบเดิม ๆ ที่ไม่ได้ฉีกไปจากกันเท่าไรนัก ในขณะที่มนุษย์สามารถออกนอกกรอบได้มากกว่าและคิดไปได้เรื่อย ๆ อย่างไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ และจินตนาการ
ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์และการวางแผน มนุษย์ไม่ได้มีสมองไว้เพื่อสั่งงานให้ร่างกายทำงานเท่านั้น แต่มนุษย์ยังมีสมองไว้เพื่อคิดวิเคราะห์และวางแผนด้วย มนุษย์จะใช้ข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ และจินตนาการที่ตนเองมีอย่างไม่จำกัด เพราะสามารถหามาเติมได้เรื่อย ๆ เป็นวัตถุดิบ คิดบิด คิดแตกต่าง คิดนอกกรอบ ต่างจากเทคโนโลยีที่จะทำงานตามโปรแกรมที่ตั้งค่าไว้มากกว่า ดังนั้น มนุษย์จึงสามารถตัดสินใจแก้ปัญหาที่ยากและมีความซับซ้อนได้ดีกว่า AI เพราะจิตใจและความคิดของมนุษย์นั้นยังมีความลึกลับและซับซ้อนเกินกว่า AI จะหยั่งถึงได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เจาะลึก Thematic Pavilion แห่งงานสถาปนิก พื้นที่จัดแสดงเทียบระดับโลกที่นักออกแบบทุกคนควรรู้จัก
คล้าย ๆ กับ World Expo หรือ World Pavilion เรามองตัวประเทศเปลี่ยนเป็นซัพพลายเออร์หรือแบรนด์ต่าง ๆ แทน โดยที่สถาปนิกรุ่นใหม่ได้เข้าไปออกแบบพาวิลเลียนต่าง ๆ ในแบรนด์นั้น ๆ
มนัสพงษ์ สงวนวุฒิโรจนา จาก Hypothesis ในฐานะ Curator แห่ง Thematic Pavilion ในงานสถาปนิก’65
สถาปนิกกับอาคารจัดแสดงชั่วคราวหรือพาวิลเลียน (Pavilion) เป็นของคู่กัน ผู้ที่ติดตามงานจัดแสดงระดับโลกย่อมคุ้นเคยกับชื่อของ Serpentine Pavilion ที่สถาปนิกจากทั่วโลกไปฝากฝีมือไว้ในกรุงลอนดอน, World Expo ที่แต่ละประเทศนำเสนอตนเองในงาน Expo เมืองดูไบที่สถาปนิกล้วนรู้จักกันดี หรือจะเป็น MPAVILION ที่เมืองเมลเบิร์น ทั้งหมดนี้ย่อมแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดแสดงแบบพาวิลเลียนสำหรับสถาปนิก
นอกจากจะเป็นไฮไลท์ใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้หลาย ๆ คนมาแล้วในงานสถาปนิก’65 ที่ผ่านมา Thematic Pavilion ยังเป็นปรากฏการณ์ที่จะพางานสถาปนิกไทยไปเทียบเท่างานออกแบบหรืองานจัดแสดงสินค้าระดับโลก ด้วยแนวคิดเฉพาะตัวที่แตกต่าง คือการเน้นความสำคัญไปที่มิติทางวัสดุก่อสร้าง
Thematic Pavilion คืออะไร
ในฐานะไฮไลท์ของงานสถาปนิก Thematic Pavilion คือพื้นที่จัดแสดงงานออกแบบร่วมกันของแบรนด์ซัพพลายเออร์วัสดุก่อสร้างและสถาปนิก จึงเป็นการผสานความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมเข้ากับการตีความนวัตกรรมเหล่านั้นตามสไตล์ต่าง ๆ ออกมาเป็นแนวคิดและงานออกแบบด้วย
Thematic Pavilion จึงเป็นทั้งการจัดแสดงที่โชว์ศักยภาพของวัสดุผ่านการใช้งานในรูปแบบที่ใหม่ แปลก แตกต่างไปจากการใช้งานเดิม ๆ ทั่วไป และเป็นทั้งการจัดแสดงที่สร้างประสบการณ์ผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ ที่รวมกันสร้างบรรยากาศในพื้นที่ขนาดใหญ่
ผู้เข้าชมและผู้จัดแสดงจะได้อะไรจาก Thematic Pavilion?
สำหรับผู้ที่เป็นสถาปนิก-นักออกแบบ นี่เป็นโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักคุณสมบัติของวัสดุในบริบทที่ถูกใช้งานอย่างสร้างสรรค์ ขับเน้นศักยภาพออกมาอย่างน่าสนใจ ดังนั้นสำหรับผู้จัดแสดงสินค้า Thematic Pavilion จึงมีประโยชน์ต่อการนำเสนอสินค้าว่าสามารถใช้เป็นอะไรได้บ้าง และเป็นได้ถึงที่สุดขนาดไหน ดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าชมงานได้แบบแตกต่างจากการจัดแสดงธรรมดา
นอกจากนี้ สำหรับผู้เข้าชมงานทุกท่าน หลังได้สัมผัสประสบการณ์เชิงสถาปัตยกรรมและสัมผัสคุณสมบัติที่ถูกขับเน้นออกมาผ่านแนวคิดที่น่าสนใจแล้ว ยังสามารถร่วมโหวตผลงาน Thematic Pavilion ที่ชื่นชอบ เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะและคว้ารางวัล Thematic Pavilion of the Year ไปครอบครองอีกด้วย
ตัวอย่าง Thematic Pavilion ที่น่าสนใจ ในงานสถาปนิก’65
VG X PHTAA Living design
บ้านทรงไทยที่ไม่ได้สร้างจากไม้ รางน้ำฝน iR-uPVC ถูกนำไปใช้เป็นหลังคา ในขณะที่หลังคา iR-uPVC เป็นวัสดุสร้างผนังที่เปิดปิดได้ สมกับแนวคิดการ ‘re-appropriate’ เพื่อโชว์ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ของวัสดุ
EDL x Sher Maker
พาผู้เข้าชมงานหลุดเข้าไปในพื้นที่ปิดล้อมเชิงประสบการณ์ กับบรรยากาศสลัวจากเพียงแสงที่ลอดผ่านลามิเนตที่ถูกใช้งานเป็นฝ้าเพดาน
WDC x ACa Architects
เจ้าของรางวัล Thematic Pavilion of the Year 2022 โชว์นวัตกรรมเช่นกระเบื้องที่เปลี่ยนสัมผัสจากนุ่มนวลเป็นผิวหยาบเมื่อโดนน้ำใน Conceptual Space ที่จำลอง Space มาจากห้องต่าง ๆ ของที่พักอาศัย
TOA X ARiA Design Architects
เล่าเรื่องราวของแบรนด์ TOA ตั้งแต่การผลิตสีจนถึงการเปิดตัววัสดุใหม่ ๆ อย่างยิปซัม รวมทั้งสื่อถึงแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วย
เริ่มออกตัวแล้ว! Thematic Pavilion แห่งสถาปนิก’66
หลังกระแสตอบรับอย่างดีในงานสถาปนิก’65 ล่าสุดมีข่าวดีแล้วทันที กับการตอบรับเข้าร่วมจัดแสดงในงานสถาปนิก’66 ทั้งในพื้นที่จัดแสดงปกติและพื้นที่ Thematic Pavilion เช่นแบรนด์ไม้สัก Woodden ที่จับมือกับ PAVA architects ผู้ “ปฏิบัติการข้ามศาสตร์ทางสถาปัตยกรรม” ไปเรียบร้อย พร้อมสร้างสรรค์ร่วมกัน, VG และ TOA ที่กลับมากับพื้นที่ร่วมโดยมี Hypothesis เป็นผู้ออกแบบ และอีกหนึ่งคู่กับ EMPOWER STEEL ที่เปิดตัวครั้งแรกกับ Thematic Pavilion งานสถาปนิก จับตาดูกันไว้ให้ดี เพราะมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจตามมาอีกมากแน่นอน ตั้งแต่กระบวนการออกแบบจนถึงการจัดแสดง รวมทั้งการจับคู่ของแบรนด์อื่น ๆ กับสถาปนิกที่ได้รับการคัดเลือกมา
ทำความรู้จักสถาปนิกทั้งหมดที่จะร่วมสร้างสรรค์ Thematic Pavilion ในงานสถาปนิก’66 ได้แล้วที่ https://architectexpo.com/2023/19866/
สำหรับผู้สนใจจองพื้นที่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://architectexpo.com/2022/en/about-the-expo/#space-reservation หรือ โทร. 02-717-2477 อีเมล info@TTFintl.com
เริ่มออกตัวแล้ว! Thematic Pavilion แห่งสถาปนิก’66
หลังกระแสตอบรับอย่างดีในงานสถาปนิก’65 ล่าสุดมีข่าวดีแล้วทันที กับการตอบรับเข้าร่วมจัดแสดงในงานสถาปนิก’66 ทั้งในพื้นที่จัดแสดงปกติและพื้นที่ Thematic Pavilion เช่นแบรนด์ไม้สัก Woodden ที่จับมือกับ PAVA architects ผู้ “ปฏิบัติการข้ามศาสตร์ทางสถาปัตยกรรม” ไปเรียบร้อย พร้อมสร้างสรรค์ร่วมกัน, VG และ TOA ที่กลับมากับพื้นที่ร่วมโดยมี Hypothesis เป็นผู้ออกแบบ และอีกหนึ่งคู่กับ EMPOWER STEEL ที่เปิดตัวครั้งแรกกับ Thematic Pavilion งานสถาปนิก จับตาดูกันไว้ให้ดี เพราะมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจตามมาอีกมากแน่นอน ตั้งแต่กระบวนการออกแบบจนถึงการจัดแสดง รวมทั้งการจับคู่ของแบรนด์อื่น ๆ กับสถาปนิกที่ได้รับการคัดเลือกมา
ทำความรู้จักสถาปนิกทั้งหมดที่จะร่วมสร้างสรรค์ Thematic Pavilion ในงานสถาปนิก’66 ได้แล้วที่ https://architectexpo.com/2023/19866/
สำหรับผู้สนใจจองพื้นที่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://architectexpo.com/2022/en/about-the-expo/#space-reservation หรือ โทร. 02-717-2477 อีเมล info@TTFintl.com
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/12/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,550.00 | 29,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,914.00 | 29,016.24 | 30,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,722.60 | 26,114.62 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,531.20 | 23,212.99 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 861.00 | 13,052.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 670.00 | 10,157.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,983.00 | 30,062.28 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/12/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.45 | 34.45 | 35.05 | 34.45 | 35.05 | 34.45 | 34.45 | 34.45 | 34.45 | 34.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.18 | 34.18 | 34.78 | 34.18 | 34.78 | 34.18 | 34.18 | 34.18 | 34.18 | 34.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.54 | 32.54 | 33.14 | 32.54 | 33.14 | – | 32.54 | 32.54 | 32.54 | 32.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.69 | 32.69 | – | – | – | – | – | – | – | 32.69 |
เบนซิน 95 | 41.86 | – | – | – | 42.91 | – | 42.36 | 42.31 | – | 41.86 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 35.54 | – | 34.94 | 34.94 | 32.54 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.26 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |