สาระน่ารู้ประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566

พฤกษาผนึกวิมุต ซินเนอร์จี โกรทผุดบริการเฮลท์แอนด์เวลเนสนำร่องเดอะแพลนท์

พฤกษาผนึกวิมุต ซินเนอร์จี โกรท ผุดบริการสุขภาพในโครงการ“เดอะแพลนท์” บางนา กม.5 – ศรีนครินทร์นำร่องเพื่อรองรับเทรนด์’เฮลท์แอนด์เวลเนส’มาแรง ลูกบ้านสามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์เฉพาะทางผ่านแอป

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวว่า  โครงการ  เดอะแพลนท์ บางนา กม.5 – ศรีนครินทร์ เป็นผลงานล่าสุดที่สะท้อนเจตนารมณ์ของพฤกษาที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ “อยู่ดี มีสุข” โดยพฤกษาได้ร่วมมือกับ 2 ธุรกิจในเครือ คือ โรงพยาบาลวิมุต และซินเนอร์จี โกรท ธุรกิจดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซที่รองรับการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคน Gen X – Gen Y ซึ่งเป็นวัยทำงานที่มีภาระและหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว 


โดยการนำ 2 ธุรกิจเข้ามาสนับสนุนจะมีส่วนช่วยในการเพิ่มความสะดวกสบาย แบ่งเบาภาระและลดความกังวลใจทั้งในด้านการอยู่อาศัยและด้านสุขภาพ และสอดรับกับเมกะเทรนด์ 3 ด้าน คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต (Lifestyle Disruption) ความยั่งยืน (Sustainable) และ สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health & Wellness) ซึ่งทุกรายละเอียดในบ้านและภายในโครงการได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างตั้งใจ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีความเป็นอยู่ที่ดี และมีสุขภาพที่ดี ทั้งในวันนี้และในอนาคต
 

นายธีระ ทองวิไล กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้อยู่อาศัยในโครงการ เดอะแพลนท์ บางนา กม.5 – ศรีนครินทร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการใช้บริการจากกลุ่มวิมุต ได้แก่  โรงพยาบาลวิมุตที่มีศูนย์การรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางอย่างครบครัน  วิมุต เวลเนส บางนา-วงแหวน  ซึ่งเป็นศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ ตั้งอยู่ใน โครงการพฤกษา อเวนิว บางนา-วงแหวน และ ซีเนร่า วิมุต เฮลท์ เซอร์วิส ศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ ในย่านคู้บอน 

 “สามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์เฉพาะทางผ่านแอปพลิเคชัน ViMUT โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กและผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดเรื่องการเดินทางไปโรงพยาบาล” 

สำหรับความร่วมมือกับซินเนอร์จี โกรท ได้มีการนำแอปพลิเคชัน MyHaus มาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัย เช่น การควบคุมการเข้าถึงอุปกรณ์ภายในบ้านผ่านมือถือ การสั่งเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านมือถือ การตรวจเช็กประวัติการเข้าออก การแจ้งเตือนความปลอดภัย นอกจากนี้ โครงการยังให้ความสำคัญกับการออกแบบเพื่อความยั่งยืน เช่น ออกแบบบ้านแบบ Passive Design เพื่อช่วยระบายอากาศ ปูฉนวนหลังคาป้องกันความร้อน มีการใช้โซล่าเซลล์ และใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น 

เดอะแพลนท์ บางนา กม.5 – ศรีนครินทร์ ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด ชีวิตใหม่ ในแบบที่คุณเลือกเอง ด้วยบ้านแฝด 2 ชั้น สไตล์ Modern Barn house ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความอบอุ่น ร่มรื่น และสีสันของธรรมชาติแบบวัฒนธรรมตะวันตก โดยนำความเป็นยุ้งฉางที่มีเอกลักษณ์ และหลังคาทรงจั่วสูง มาผสมผสานกับเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมตะวันออกแบบโมเดิร์นในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันที่สะท้อนตัวตนผ่านการออกแบบบ้านได้อย่างอิสระ พร้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ เพื่อรองรับกิจกรรมของผู้อยู่อาศัยทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเด็กเล็ก วัยรุ่น วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ

นายธีระ กล่าวเพิ่มเติมว่า จุดเด่นอีกประการหนึ่งของ เดอะแพลนท์ บางนา กม.5 – ศรีนครินทร์  คือ ทำเล โดยตั้งอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ อย่างเมกะ บางนา  เซ็นทรัล บางนา JAS URBAN รวมทั้งสถานศึกษา และโรงพยาบาล

อีกทั้งยังสะดวกทุกการเดินทางด้วยการเชื่อมต่อถึง 4 ถนนหลัก ได้แก่ ถนนบางนา-ตราด ถนนศรีนครินทร์ ถนนเทพารักษ์ ถนนกิ่งแก้ว และใช้ชีวิตง่ายกว่าเดิมด้วยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และทางพิเศษต่าง ๆ เดอะแพลนท์ บางนา กม.5 – ศรีนครินทร์ มอบความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนบ้านเพียง 78 ยูนิต เปิดพรีเซลในวันที่ 25 – 26 พฤศจิกายน 2566 ในราคาเริ่มต้นที่ 4.99 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่น ฟรี gift voucher ทองคำมูลค่าสูงสุด 400,000 บาท ฟรี ทุกค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์ และรับสิทธิ์ลุ้นรับรถ Tesla  

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ขุมทรัพย์2หมื่นล้าน!เนอร์สซิ่งโฮมอสังหาฯลุยน่านน้ำใหม่รับ‘สังคมสูงวัย

ธุรกิจอสังหาฯอยู่ในภาวะชะลอตัว สังเกตจากผลประกอบการ 9 เดือนที่ผ่านมาสวนทาง“เนอร์สซิ่งโฮม” ที่มีอัตราเติบโต15-30% ต่อปีคาดมูลค่าแตะ 2หมื่นล้านใน5ปีข้างหน้าเป็นขุมทรัพย์ หรือน่านน้ำใหม่ที่ค่ายอสังหาฯจับตามองเพราะดีมานด์พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องรับสังคมสูงวัย

ทั้งนี้ ผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุทั่วประเทศ ปี 2566 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งดำเนินการจัดเก็บข้อมูลจากสถานประกอบการที่จดทะเบียนการประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุ หรือ ผู้มีภาวะพึ่งพิงกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 687 แห่ง ใน 55 จังหวัด ในไตรมาส 2 ปี 2566

ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุ 12.9 ล้านคน คิดเป็น 19.52% ของประชากรทั้งประเทศ  มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 31.4% ในปี 2583 โดยผู้สูงอายุที่อาศัยตามลำพังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 1.3% ในปี 2533 เป็น 7.2% ในปี 2563 ขณะที่ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่กับสามี/ภรรยาเท่านั้นเพิ่มขึ้น 6.0% ในปี2563 รวมถึงขนาดครอบครัวเฉลี่ยมีขนาด “ลดลง” จาก 4.4 คน เป็น 2.4 คน ในปี 2563
 

ในส่วนของที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุในรูปแบบสถาบัน ได้แก่ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จำนวน 12 แห่ง ที่สังกัดกรมกิจการผู้สูงอายุ มีจำนวนผู้พักอาศัยรวม 1,227 คน และสถานสงเคราะห์คนชรา 15 แห่ง ที่สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีผู้พักอาศัย 948 คน  ในส่วนของศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคม ผู้สูงอายุขอนแก่น ศูนย์บริการทางสังคมผู้สูงอายุดินแดง กรุงเทพมหานคร และศูนย์บริการทางสังคมผู้สูงอายุ ศรีสุคต องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เป็นบริการในรูปแบบการดูแลผู้สูงอายุระหว่างวัน

สำหรับรูปแบบธุรกิจอสังหาฯ ที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุ  แบ่งได้เป็น 6 รูปแบบ ได้แก่ 1.การปรับปรุงที่อยู่อาศัยเดิม (Home Remodeling) 2.ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (DAY CARE) 3.ที่อยู่อาศัยในชุมชนผู้สูงอายุ (Retirement Community) 4.สถานบริบาลผู้สูงอายุ (Nursing Home) ดูแลผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องในหลายระดับ ตั้งแต่การดูแลกลุ่มพึ่งพิง พอจะดูแลตัวเองได้บ้างในบางเรื่อง ไปจนถึงระดับการดูแล 24 ชั่วโมง 5.สถานดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะโรคสมองเสื่อม และ 6.สถานดูแลผู้สูงอายุ ในช่วงสุดท้ายของชีวิต

  “ส่วนใหญ่สถานบริบาลผู้สูงอายุ อาจจะดูแลทั้งผู้สูงอายุที่มีภาวะโรคสมองเสื่อมรวมไปถึงดูแล ผู้สูงอายุ ในช่วงสุดท้ายของชีวิต รวมอยู่ในโครงการเดียวกัน”

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่ากิจการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง ปัจจุบันมี 3,000 แห่ง แต่มีสถานประกอบการได้รับอนุญาตสถานประกอบการจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเพียง 739 แห่ง คิดเป็น 24.6% เท่านั้น!

การสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ทั่วประเทศในปี2566 โครงการที่อยู่ระหว่างการขาย / เช่า ของ เนอร์สซิ่งโฮมในการเก็บข้อมูลจึงมีทั้งหมด 687 แห่ง ที่เปิดให้บริการมีจำนวนหน่วยที่เปิดให้บริการ ทั้งหมด 15,865 เตียงคิดเป็น 96.95% จากโครงการทั้งหมด มีผู้เข้าพักแล้ว 12,033 เตียง คิดเป็น 75.85% ของจำนวนเตียงที่เปิดให้บริการทั้งหมด ด้านอุปสงค์ หรือจำนวนประชากรผู้สูงอายุของประเทศไทย ในปี 2566 ผู้สูงอายุไทยมีสัดส่วนถึง 19.52% ของประชากรในประเทศ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ด้านราคาค่าเช่าต่อเดือนของโครงการสำหรับผู้สูงอายุ ช่วงราคาเช่าที่โครงการกำหนดไว้ที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ช่วงราคา 20,001-30,000 บาท มีจำนวน 151 แห่ง 3,654 เตียง 37.26% รองลงมาคือ ราคา 10,001-20,000 บาท จำนวนโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ทั่วประเทศในปี 2566 มีโครงการที่อยู่อาศัยและโรงพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ 36 โครงการ รวมทั้งหมด 10,879 ยูนิต แบ่งเป็นหน่วยงานราชการ 10 โครงการ รวม 5,649 ยูนิต องค์กรไม่แสวงหากำไร/มูลนิธิ 2 โครงการ รวม 515 ยูนิต และหน่วยงานภาคเอกชน 24 โครงการ 4,715 ยูนิต

จากการคาดการณ์ความต้องการในอนาคต พบว่า เป้าหมายการปรับปรุงที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุของกรมกิจการ ผู้สูงอายุ จำนวน 447,618 หลัง ปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 23,206 หลัง  ปี 2566 อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุง 10,000 หลัง ดังนั้นยังคงสามารถปรับปรุงได้ 414,412 หลัง ในปี 2567-2579

ส่วนสถานบริบาลผู้สูงอายุ หรือ เนอร์สซิ่งโฮม คาดการณ์ว่าในปี 2567-2571 ธุรกิจสถานบริบาลผู้สูงอายุ จะมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 30.5% ต่อปี ด้วยขนาดธุรกิจ 9,500 ล้านบาท ในปี 2571 และช่วงปี 2572-2576 คาดเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี มีมูลค่าธุรกิจ 19,200 ล้านบาท ในปี 2576

ทั้งนี้ ที่อยู่อาศัยในชุมชนผู้สูงอายุมีแนวโน้มจะเกิดการพัฒนาเป็นรูปแบบใหม่ในลักษณะแฟรนไชส์ ที่ร่วมกับผู้ที่มีโครงการในมือทั้งห้องชุด โรงแรม รีสอร์ท บ้าน โดยปรับพื้นที่เป็น “เนอร์สซิ่งโฮม” หรือการนำห้องชุดเหลือขายปรับเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุแทน หรือการออกแบบเพื่อรองรับมัลติเจนเนอเรชั่นสามารถอยู่ร่วมกันได้ทุกวัย

แทนที่จะพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพื่อขาย เปลี่ยนมาพัฒนาโครงการเนอร์สซิ่งโฮม ถือเป็นน่านน้ำใหม่ที่คู่แข่งน้อยราย! อัตราการเติบโตสูง ที่สำคัญกลุ่มผู้เข้ามาใช้บริการมีกำลังซื้อ มีความสามารถในการจ่าย (ability to pay) ถือเป็นธุรกิจที่น่าสนใจเข้ามาลงทุน

ก่อนหน้านี้ ค่าย “พฤกษา” ได้ขยายธุรกิจสุขภาพ เพื่อสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เริ่มจากเปิดโรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน และมีแผนขยายบริการเฮลท์แคร์ที่หลากหลายในโครงการพฤกษา อาทิ วิมุต เวลเนส บางนา-วงแหวน, Senera วิมุต เวลเนส คู้บอน เนอร์สซิ่ง โฮม เช่นเดียวกับ “เสนา ดีเวลลอปเม้นท์” ให้ความสนใจที่พัฒนาสถานดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะฟื้นตัว (Nursing Home) ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นเพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต เพราะตลาดขนาดใหญ่ และยังไม่มีเจ้าตลาดชัดเจน! จึงเป็นโอกาสธุรกิจที่สำคัญ

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 23พ.ย. “อ่อนค่า”ที่ระดับ 35.25 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทมีโมเมนตัมฝั่งอ่อนค่ากลับมามากขึ้น ตามการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงการปรับตัวลงของราคาทองคำที่หนุนให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 23พ.ย. 2566 ที่ระดับ  35.25 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  35.20 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน   พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังคงแกว่งตัว sideway แต่ทว่า โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าก็เริ่มกลับมามีกำลังมากขึ้น ตามการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงการปรับตัวลงของราคาทองคำที่หนุนให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว

ขณะเดียวกัน การปรับตัวลงต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบในช่วงที่ผ่านมา ก็อาจเป็นปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าได้ จากโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันในจังหวะย่อตัวของผู้เล่นในตลาด อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทอาจยังคงจำกัดอยู่ในโซน 35.30 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม

ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า หากรายงานดัชนี PMI สหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ออกมาดีกว่าคาด ก็อาจทำให้เงินดอลลาร์ พร้อมบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อ กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านแรก ไปทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้

อนึ่ง ในวันนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของฝั่งยุโรป เพราะหากรายงานดัชนี PMI ของทั้งอังกฤษและยูโรโซน ออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจยิ่งกดดันให้ทั้งเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และเงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลง ซึ่งจะช่วยให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ไม่ยาก

ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว

การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.10-35.35 บาท/ดอลลาร์

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนอ่อนค่าลงเล็กน้อย (แกว่งตัวในช่วง 35.15-35.31 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงแรก ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ

อย่างไรก็ดี รายงานข้อมูลยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯ (Jobless Claims) ที่ออกมาดีกว่าคาด ได้หนุนให้ เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

ซึ่งส่งผลให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลง และกดดันให้ เงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 35.30 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนที่เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ตามการย่อตัวลงบ้างของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด อย่าง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยมหาวิทยามิชิแกน แม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะยังคงสะท้อนแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

แต่ก็เป็นภาพที่ยังไม่น่ากังวล ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวแบบ Soft Landing และเฟดก็อาจจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว ซึ่งมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดได้ช่วยหนุนให้ดัชนี S&P500 สามารถรีบาวด์ขึ้น +0.41%  

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.30% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth อาทิ ASML +1.2%, SAP +1.2% ท่ามกลางความหวังว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปก็ถูกกดดันโดยแรงขายบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงาน BP -2.2%, Shell -2.2% หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง

ในฝั่งตลาดบอนด์ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้ง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ที่ออกมาดีกว่าคาด รวมถึง คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้นที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.5%

สวนทางกับที่ตลาดประเมิน ได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องทดสอบโซน 4.44% อีกครั้ง ก่อนที่จะย่อตัวลงบ้างและแกว่งตัวใกล้ระดับ 4.40% ตามแรงซื้อของผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่รอจังหวะในช่วงบอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้น

โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าว ก็สอดคล้องกับการประเมินของเรา ที่มองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่อาจผันผวนสูงขึ้นได้บ้าง โดยเฉพาะในจังหวะที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อออกมาดีกว่าคาด ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดสามารถทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นได้

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้น หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังเชื่อมั่นในภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ Soft Landing และเฟดอาจจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว

อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกจำกัดโดยแรงขายของผู้เล่นในตลาด หลังบรรยากาศในตลาดการเงินกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 103.9 จุด (กรอบ 103.6-104.2 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศในตลาดการเงินที่พลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวลดลงหลุดโซน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังคงสามารถแกว่งตัวใกล้ระดับ 1,990 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ หลังในช่วงท้ายตลาด เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ย่อตัวลงบ้าง

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจฝั่งยุโรป และแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB รวมถึง ECB โดยผู้เล่นในตลาดจะจับตา รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนพฤศจิกายน ของฝั่งยูโรโซนและอังกฤษ

โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างประเมินว่า เศรษฐกิจยูโรโซนและอังกฤษจะยังคงส่งสัญญาณชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ อาจยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 จุด

สะท้อนถึงภาวะการหดตัวต่อเนื่องของทั้งภาคการผลิตและภาคการบริการ ซึ่ง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของทั้งอังกฤษและยูโรโซน ออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจกดดันให้เงินปอนด์ (GBP) รวมถึง เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลงได้ หลังจากที่ทั้งสองสกุลเงินได้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลการประชุม ECB ล่าสุด เพื่อประกอบการประเมินทิศทางนโยบายการเงินของ ECB ซึ่งปัจจุบัน ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า ECB ได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว และอาจลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1% ในปีหน้า (เริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 2)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.25-35.27 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.05 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวันทำการก่อนหน้าที่ 35.21 บาทต่อดอลลาร์ฯ  ทั้งนี้ เงินบาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ

หลังจากที่ตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังมีสัญญาณดี ซึ่งอาจทำให้ยังคงเห็นท่าทีของเฟดโน้มไปในด้านพร้อมคุมเข้มดอกเบี้ยเพิ่มเติมหากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังไม่กลับเข้าเป้าหมายของเฟด โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ลดลง 24,000 ราย ไปอยู่ที่ระดับ 209,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ (Reuters Poll คาดที่ระดับ 226,000 ราย)

นอกจากนี้ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะ 1 ปีข้างหน้าจากมุมมองของผู้บริโภคสหรัฐฯ ก็ขยับขึ้นไปที่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ 4.5% ในเดือนพ.ย. (จากระดับ 4.2% ในเดือนต.ค. และ 3.2% ในเดือนก.ย.)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.15-35.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย รวมถึงตัวเลข PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นสำหรับเดือนพ.ย. ของอังกฤษและยูโรโซน 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“บาส-ปอป้อ” ประเดิมสวย ทุบคู่เยอรมนี-ลิ่วแบด ไชน่า

“บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ – “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่ผสมมืออันดับ 5 ของโลก เปิดฉากสวยไล่ทุบคู่เยอรมนีlสองเกมรวด ผ่านเข้ารอบสองการแข่งขันแบดมินตันระดับเวิลด์ทัวร์ซูเปอร์ 750 รายการ “ไชน่า มาสเตอร์ส” เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ประเทศจีน

รอบแรก ประเภทคู่ผสม “บาส-ปอป้อ” พบกับ มาร์ค แลมส์ฟุสส์-อิซาเบล โลฮาว มืออันดับ 31 โลกจากเยอรมนี ซึ่งสถิติที่พบกันมา 9 ครั้ง บาส-ปอป้อเป็นฝ่ายชนะ 8 แพ้ 1 ครั้ง

ปรากฏว่า ในเกมนี้ บาสกับปอป้อยังเล่นด้วยฟอร์มที่เหนือชั้นกว่า เป็นฝ่ายเอาชนะไปสองเกมรวด 21-17, 21-13 ใช้เวลา 33 นาที ผ่านเข้ารอบสอง(16 คู่) ไปพบกับ ลี ชุน ไห่ เรจินัลด์-อึ้ง เซ เหยา มืออันดับ 23 โลกจากฮ่องกงต่อไป

ส่วนผลคู่อื่นๆ ของนักแบดฯไทย
ชายเดี่ยว “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มืออันดับ 6 โลก ชนะ คิดัมบี ศรีกันธ์ มืออันดับ 24 โลกจากอินเดีย 2-1 เกม 21-15, 14-21, 21-13 เข้ารอบสองไปพบกับ เคนตะ นิชิโมโตะ มืออันดับ 13 โลกจากญี่ปุ่น ส่วน “กัน” กันตภณ หวังเจริญ มืออันดับ 34 โลก แพ้ ลู กวาง ซู มืออันดับ 16 โลกจากจีน 0-2 เกม 20-22, 16-21

หญิงเดี่ยว “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ มืออันดับ 18 โลก แพ้ เกรกอเรีย มาริสก้า ตุนจุง มืออันดับ 7 โลกจากอินโดนีเซีย 0-2 เกม 16-21, 10-21

หญิงคู่ “อันนา-มูนา” นันทน์กาญจน์-เบญญาภา เอี่ยมสอาด มืออันดับ 13 โลก ชนะ วิเวียน โฮ-ลิม ชิว เซียน มืออันดับ 30 โลกจากมาเลเซีย 2-0 เกม 21-16, 21-12

ชายคู่ “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ-“สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน มืออันดับ 32 โลก แพ้ เหลียง เหว่ย เค็ง-หวัง ชาง มืออันดับ 1 โลกจากจีน 0-2 เกม 16-21, 16-21

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


กาแฟ (บางคน) ยิ่งดื่มก็ยิ่งง่วง เป็นเพราะอะไร?

คนส่วนใหญ่รู้ดีว่าการดื่ม “กาแฟ” ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น และบรรเทาอาการง่วงเหงาหาวนอนได้ (แม้จะไม่ใช่คนที่ดื่มกาแฟก็ตาม) ทำให้หลายต่อหลายคนเสพติดการดื่มกาแฟเพื่อให้ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียและง่วงนอน แต่บางคนก็เถียงหัวชนฝาเลยทีเดียว ว่าการดื่มกาแฟไม่เห็นจะช่วยอะไรได้ ดื่มเข้าไปก็ง่วงอยู่ดี บางคนแก้ด้วยการดื่มกาแฟที่เข้มขึ้น เพื่อหวังว่าคาเฟอีนที่เข้มข้นจะช่วยดึงหนังตาที่หย่อนขึ้นมาได้ สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม ดื่มไปยังไม่ทันถึงครึ่งแก้ว ก็หลับหัวทิ่มคาแก้วกาแฟไปแล้ว

อาการที่ดื่มกาแฟแล้วง่วงนอนนั้นเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ แต่ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ทั้งที่การดื่มกาแฟที่มีสารคาเฟอีนควรจะช่วยให้เราตาค้าง ตาสว่างขึ้นสิ เรื่องนี้มีคำอธิบาย

คาเฟอีนที่เรารู้จัก

หากพูดถึงคาเฟอีน (ไม่ใช่เฮโรอีน) ร้อยทั้งร้อยจะต้องนึกถึงกาแฟก่อนเป็นอย่างแรก ตามมาด้วยเครื่องดื่มประเภทชา น้ำอัดลม และเครื่องดื่มชูกำลัง คาเฟอีนที่เรารู้จัก มีคุณสมบัติออกฤทธิ์ต้านสารที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนในสมอง ซึ่งก็คือสารแอดิโนซีน (adenosine) เป็นเหตุให้คนที่ดื่มกาแฟ หรือรับคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายจึงไม่ง่วง และรู้สึกตื่นตัว

สารแอดิโนซีน เป็นสารสื่อประสาทชนิดหนึ่ง ที่สะสมขึ้นภายในเซลล์ประสาท เพราะปกติแล้ว สารแอดิโนซีนจะเกิดจากการใช้พลังงานของร่างกายอยู่แล้ว ยิ่งใช้พลังงานมากร่างกายก็อ่อนเพลีย ทำให้มีสารนี้สะสมในสมอง ก็จะทำให้เราง่วง ยิ่งมีระดับของแอดิโนซีนในระบบประสาทตื่นตัวในก้านสมองมากเท่าไร ก็จะมีความเกี่ยวข้องกับระดับความง่วงนอนที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น การรับคาเฟอีนเข้าสู่ระบบประสาทจึงออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของแอดิโนซีนภายในสมอง กระตุ้นให้สมองและร่างกายตื่นตัว

การดื่มกาแฟ จะไปต้านการทำงานของแอดิโนซีนในสมองได้ ก็ต่อเมื่อแอดิโนซีนยังไม่จับกับตัวรับในสมอง (ยังไม่จับก็ยังไม่ง่วง) เพราะฉะนั้น ถ้าจะดื่มกาแฟเพื่อให้ตื่นตัว ควรจะดื่มก่อนที่จะง่วง แต่หากง่วงแล้วค่อยดื่ม คุณสมบัติของคาเฟอีนอาจจะไม่ได้ช่วยให้ตื่นตัวมากนัก ต้องรอให้สมองจัดการกับสารแอดิโนซีนชุดนี้ไปก่อน (หรือไปนอน) เราถึงจะรู้สึกสดชื่นขึ้น

การที่ร่างกายได้รับคาเฟอีน จะเพิ่มการทำงานของสารสื่อประสาทโดปามีน (dopamine) ซึ่งทำให้สมองเกิดการตื่นตัว นอกจากนี้พบว่าอาจจะมีการเพิ่มปริมาณของซีโรโทนิน (serotonin) ซึ่งมีผลต่ออารมณ์ด้วย ซึ่งจะทำให้รู้สึกพึงพอใจและมีความสุข

ดื่มกาแฟแล้วยิ่งง่วงนอน

โดยปกติแล้ว กาแฟจะมีฤทธิ์กระตุ้นการตื่นตัวได้อยู่ประมาณ 15-30 นาที อีกไม่นานต่อจากนั้น คาเฟอีนก็จะถูกเผาผลาญไป จากนั้นร่างกายจะค่อยๆ กลับไปง่วงหรือเพลียเหมือนเดิม นั่นทำให้เราจะต้องหากาแฟดื่มเข้าไปใหม่เพื่อปลุกภาวะการง่วงให้ตื่นตัว

แต่ใครที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ ร่างกายก็จะปรับตัวให้เคยชินกับปริมาณคาเฟอีนที่ได้รับ เมื่อชินร่างกายก็ปล่อยปล่อยสารแอดิโนซีนออกมาเพิ่ม (พยายามจะเอาชนะกัน) เมื่อดื่มกาแฟในปริมาณเท่าเดิมจึงไม่หายง่วง แถมระยะเวลาที่ตื่นตัวก็สั้นลงเรื่อยๆ พอถึงจุดหนึ่ง ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะดื้อคาเฟอีน กลายเป็นว่ารับคาเฟอีนเข้าไปเพื่อให้หายง่วงกลับไม่ได้ผล กินแล้วก็ง่วงอยู่ดี

หรืออีกนัย คาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์ขัดขวางตัวรับสารแอดิโนซีนในสมอง เพื่อไม่ให้มันจับกัน แต่คาเฟอีนไม่ได้มีฤทธิ์หยุดการผลิตสารแอดิโนซีน แล้วก็ไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมาขัดขวางตัวรับแอดิโนซีนเพิ่มขึ้นด้วย หมายความว่าเมื่อฤทธิ์คาเฟอีนหมดลง สมองก็สะสมสารแอดิโนซีนที่ต้องการจับตัวกับตัวรับ จนนำไปสู่ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย

นี่เป็นการอธิบายง่ายๆ ว่ายิ่งเราติดกาแฟมากเท่าไร การดื่มไปนานๆ เราจะรู้สึกว่ากาแฟปริมาณเท่าเดิมไม่อาจทำให้เราตื่นตัวได้เหมือนเดิมได้ ฤทธิ์ของคาเฟอีนในกาแฟแก้วต่อๆ ไปจะลดลง กลายเป็นภาวะทนต่อคาเฟอีน และทำให้เราต้องการคาเฟอีนมากขึ้นอีก ยิ่งวันไหนที่นอนน้อย อาการเพลียยิ่งหนักเข้า วันนั้นทั้งวันจะรู้สึกง่วง มึน อึน งง ทั้งที่ก็ดื่มกาแฟไปแล้ว

นอกเหนือจากนั้น ยังมีปัจจัยอีกบางประการที่ส่งผลให้ร่างกายเราไม่ตอบสนองต่อคาเฟอีนได้ดีเท่าที่ควร เช่น

  • คาเฟอีนมีฤทธิ์ตอบสนองต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด บางคนดื่มกาแฟแล้วใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียจากภาวะหัวใจที่เต้นเร็ว จนรู้สึกเหมือนง่วงนอน ทั้งที่จริงๆ แล้วเราแค่เหนื่อล้าจนอยากพัก
  • การติดหนี้การนอน จากการที่เราพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึก นอนน้อย นอนไม่เป็นเวลา หลับไม่สนิท หรือนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวันติดต่อกันเป็นเวลานาน สารแอดิโนซีนที่มักเชิญชวนให้หลับจึงเลื่อนเวลามาเร็วขึ้น และมีความแรงมากขึ้น ก็เป็นสาเหตุให้เกิดอาการง่วงนอนหลังดื่มกาแฟ
  • กาแฟมีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อนๆ การดื่มกาแฟจะทำให้เราปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ จึงทำให้ร่างกายขาดน้ำไปรักษาความดันโลหิตและการไหลเวียนของเลือด การขาดน้ำอาจทำให้หัวใจเต้นเร็วและความดันโลหิตต่ำลง จนนำไปสู่ความรู้สึกเหนื่อยล้า เฉื่อยชา
  • คาเฟอีนทำให้หลอดเลือดหดตัว ทำให้หลอดเลือดบางส่วนแคบลง ไปสามารถรบกวนการไหลเวียนของเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย การเสียน้ำยังทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นได้ด้วย
  • น้ำตาลในกาแฟ บางคนไม่ได้เสพติดคาเฟอีน แต่อาจเสพติดความหวานจากกาแฟ โดยเฉพาะคนที่เพิ่มน้ำเชื่อมหรือวิปครีม หรือว่าใส่นู่นนี่นั่นทุกครั้งเวลาดื่มกาแฟเย็น โดยปกติร่างกายจะใช้พลังงานจากน้ำตาลได้เร็วกว่าคาเฟอีน หลังจากที่ร่างกายใช้น้ำตาลหมด เราก็จะรู้สึกเหมือนพลังงานต่ำลง (น้ำตาลตก) จึงหมดแรง แล้วง่วงนอน
  • การดื่มกาแฟในช่วงสายของวันหรือหลังเที่ยงวัน ในบางคนอาจทำให้คุณภาพการนอนช่วงกลางคืนแย่ลง มีอาการนอนไม่หลับ นอนไม่พอ เพราะคาเฟอีนไปทำให้สมองตื่น ทั้งที่ร่างกายอยากหลับเต็มแก่ ทำให้ช่วงเข้านอนจริงๆ เราควรจะหลับลึก บางคนจึงกินกาแฟแล้วนอนหลับได้ปกติ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ตื่นมาก็เลยเพลียอยู่ดี
  • ไม่ใช่ทุกคนที่จะตอบสนองต่อคาเฟอีนเหมือนกัน บางคนง่วงตั้งแต่กาแฟยังไม่หมดแก้ว บางคนง่วงหลังจากดื่มไปเพียงแก้วเดียว ในขณะที่อีกหลายคนก็สามารถดื่มได้หลายแก้วต่อวัน และไม่ได้รู้สึกว่าไม่มีผลเสียใดๆ ต่อสุขภาพ

วิธีแก้อาการง่วงหลังดื่มกาแฟ

ทำได้ด้วยการลดการพึ่งกาแฟด้วยเหตุผลให้หายง่วงนอน จะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ โดยค่อยๆ ลดปริมาณการดื่มกาแฟลง จากวันละ 2 แก้วเหลือวันละแก้ว ดื่มทุกวันมาเป็นดื่มวันเว้นวัน หรือถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องดื่ม ดื่มกาแฟตอนท้องว่าง ร่างกายจะดูดซึมคาเฟอีนได้ดีสุด หายง่วงที่สุด เราจึงมักจะดื่มกาแฟกันแทนอาหารมื้อเช้า และถ้าง่วง ก็ต้องแก้ด้วยการนอน แค่พักผ่อนให้เพียงพอก็ลดการพึ่งพากาแฟลงได้

ปริมาณคาเฟอีนที่ปลอดภัยต่อร่างกายในแต่ละวัน อยู่ที่ประมาณ 400 mg แต่ปริมาณคาเฟอีนที่แนะนำต่อวันไม่ควรเกิน 200 mg หรือกาแฟประมาณ 2 แก้ว เพราะจริงๆ แล้วการดื่มกาแฟ 3-5 แก้วต่อวันจะช่วยป้องกันโรคได้หลายโรค และช่วยระบบการทำงานของร่างกายบางอย่าง แต่ถ้าดื่มมากเกินไปย่อมมีผลข้างเคียงได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


5 ประโยคใน Cover Letter ที่จะทำให้คุณอดได้งาน!

1. “I think I’d be a great fit…”

สิ่งที่คุณเขียนมันก็คือสิ่งที่คุณคิดแน่นอนอยู่แล้วล่ะ! ไม่ใช่แค่ “I think” นะคะ ทั้ง “I feel” หรือ “I believe” ก็ฟังดูไม่ดีทั้งนั้น มันจะทำให้ประโยคดูเวิ่นเว้อ ซ้ำซ้อน และทำให้คุณดูเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองอีกด้วย

วิธีแก้
เอาคำที่เป็นวลีแสดงความคิดเห็นออกไปค่ะ ในบางครั้ง คุณก็ไม่ต้องแก้อะไรมากมายด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะเขียนว่า “I’m confident my communication skills would make me a strong Project Manager” ก็ให้เขียนแค่ว่า “My communication skills would make me a strong Project Manager” เห็นไหมคะ ความหมายเหมือนเดิม แต่สั้นกว่า ง่ายกว่า และ ฟังดูน่าเชื่อถือกว่าด้วย

2. “Good”

คุณสามารถบอกว่าคุณนั้นเก่งในด้านไหน เช่น “I’m a good writer” หรือ “I’m good at working with other people” แต่มันมีคำ adjective อีกเยอะแยะเลยที่ฟังแล้วมันดูมีพลังมากกว่าแค่ “good”

วิธีแก้
ลองเปลี่ยนคำว่า “good” เป็นคำเหล่านี้ดูค่ะ

  • Skilled
  • Talented
  • Experienced
  • Accomplished
  • Expert
  • Able
  • Successful
  • Apt
  • Seasoned
  • Thorough
  • Capable
  • Competent
  • Efficient

แต่ว่า ต้องดูให้ดีนะคะว่าคำที่คุณเลือกใช้มันตรงกับสิ่งที่คุณเป็นจริงๆ หรือเปล่า เช่น ถ้าคุณมีประสบการณ์ในด้านการเขียนมาประมาณ 2 ปี คุณก็น่าจะเรียกตัวเองว่า “skilled” “capable” หรือ “enthusiastic” writer มากกว่าที่จะเป็น “expert” หรือ “experience” writer นะคะ

3. “This job would help me because…”

ถ้าจะพูดกันตรงๆ นะคะ คุณ เพื่อนของคุณ และครอบครัวของคุณ อาจจะแคร์ว่า งานๆ นี้จะช่วยคุณได้อย่างไร แต่ HR เขาไม่แคร์ค่ะ เขาสนใจแต่ว่า จะหาคนที่ดีที่สุด เหมาะที่สุดสำหรับตำแหน่งงานนี้ได้อย่างไร ดังนั้น ถ้าคุณกำลังพร่ำพรรณาว่างานตำแหน่งนี้จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษาะในด้านการเป็นผู้นำ หรือเรียนรู้เกี่ยวกับสายงานที่คุณต้องการได้อย่างไรล่ะก็ กดปุ่ม delete ให้ไวเลยค่ะ

วิธีแก้
เราเข้าใจแหละว่าคุณก็ควรจะต้องอธิบายว่าทำไมคุณถึงสมัครงานตำแหน่งนี้กับบริษัทนี้ ดังนั้น แทนที่จะบอกว่างานนี้จะช่วยคุณได้อย่างไร ก็ให้บอกว่า คุณจะใช้ความสามารถของคุณช่วยบริษัทได้อย่างไรดีกว่า และสมการก็คือ “ความสามารถของคุณ + ความต้องการของบริษัท = ผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ”

ยกตัวอย่างเช่น คุณเป็นโปรแกรมเมอร์ คุณก็อาจจะบอกว่า “My four years of experience with open-source JavaScript, HTML5, and CSS3, combined with my passion for building responsive web applications, would allow me to create elegant maintainable, and functional front-end code – and ultimately make Panther’s products even more user-friendly than they already are.” แปลง่ายๆ ก็คือ ความสามารถของผมในการเขียนโค้ดนี้ๆ บวกกับความปรารถนาของผมในการทำสิ่งนี้ๆ จะทำให้ผมสามารถเขียนโค้ดนี้ๆ ได้ และมันจะทำให้สินค้าของคุณนั้นเป็นมิตรกับผู้บริโภคได้ยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา

4. “As you can see on my resume…”

ประโยคนี้เป็นประโยคที่ใช้กันทั่วไป แต่ไม่ได้มีความหมายเพิ่มเติมอะไรเลยค่ะ ถ้า HR เขาต้องเห็นสิ่งนี้ใน resume ของคุณอยู่แล้ว การป่าวประกาศว่าเดี๋ยวคุณจะได้เห็นสิ่งนี้ๆ นะมันก็ฟังดูไม่จำเป็นสักเท่าไหร่

วิธีแก้
เอามันออกไปค่ะ! เอามันออกไปเดี๋ยวนี้! ไม่ต้องแก้อะไรเพิ่มเติมทั้งนั้น!

แทนที่จะบอกว่า “As you can see on my resume, I’ve been working in marketing and PR for the last five years,” ก็ให้เขียนไปตรงๆ เลยว่า “I’ve been working in marketing and PR for the last five years.”

ซึ่งความตรงและมั่นใจของคุณอาจจะเป็นคะแนนพิเศษให้ก็ได้นะ

5. “I’m the best candidate because…”

ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่การทะนงว่าตัวเองนั้นเก่งที่สุด ดีที่สุด หรือเรียกง่ายๆ ว่ามั่นเกินไป มักจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นผู้สมัครที่ดีมากๆ แต่คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าคุณน่ะ “ดีที่สุด” หรือเปล่า ลองนึกถึงการอ่าน cover letter ของคน 6 คนที่ทุกคนต่างก็บอกว่าตัวเองดีที่สุดดูสิคะ มันน่ารำคาญใช่ไหมล่ะ

ดังนั้น เพื่อไม่สร้างความรำคาญให้ HR มากเกินไป งดใช้คำว่า “best” เถอะนะคะ แล้วก็คำจำพวก “ideal” หรือ “perfect” ด้วย

วิธีแก้
ถ้าอยากจะเลือกคำที่อยู่ระหว่าง “good” กับ “best” ลองดูคำพวกนี้ค่ะ

  • Excellent
  • Great
  • Terrific
  • Strong
  • Outstanding
  • Unique

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


Kaspersky คาดการณ์ภาพรวมภัย APT ปี 2024 คุกคามล้ำหน้าไปอีกก้าว

ผู้เชี่ยวชาญจากทีมวิจัยและวิเคราะห์ระดับโลกของแคสเปอร์กี้ (Kaspersky Global Research and Analysis Team หรือ GReAT) เผยรายงาน Kaspersky Security Bulletin ซึ่งคาดการณ์ภาพรวมสถานการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในปี 2024 โดยเน้นที่วิวัฒนาการของภัยคุกคามขั้นสูง หรือ APT (Advanced Persistent Threats)

นักวิจัยจากแคสเปอร์สกี้คาดการณ์ว่า APT จะโจมตีช่องโหว่ใหม่ ๆ ผ่านอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ จากนั้นเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านั้นให้เป็นเครือข่ายบ็อตเน็ตของตน รองรับแนวทางการโจมตีแบบซัพพลายเชน และอาศัย AI เพื่อใช้ทำสเปียร์ฟิชชิง (spear-phishing) ที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาการเหล่านี้จะเพิ่มความรุนแรงให้กับการโจมตี และการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ที่มีแรงจูงใจจากประเด็นทางการเมืองมากยิ่งขึ้น

การปลอมแปลงตัวตนโดยใช้ศักยภาพของ AI การโจมตีบนอุปกรณ์มือถือและบ็อตเน็ตรูปแบบใหม่

เครื่องมือ AI ที่ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ดในปัจจุบันจะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตข้อความสเปียร์ฟิชชิง ที่สามารถเลียนแบบปลอมเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ ผู้โจมตีอาจคิดค้นวิธีการอัตโนมัติโดยการรวบรวมข้อมูลออนไลน์และป้อนให้กับ LLM เพื่อสร้างจดหมายที่มีสำนวนการเขียนของบุคคลที่เหยื่อกำลังติดต่อด้วย

Operation Triangulation” คือ ปัจจัยที่มาจุดประกายการค้นพบช่องโหว่ใหม่บนอุปกรณ์มือถือ และมีแนวโน้มที่จะหนุนการค้นคว้าเพื่อการโจมตีอุปกรณ์มือถือและอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ โดยใช้ APT มากขึ้น เราจะได้เห็นอาชญากรไซเบอร์ขยายพื้นที่ล่าของตน และเล็งเป้าไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเหยื่อผ่านช่องโหว่และมองหาจังหวะฉวยโอกาส ‘อย่างเงียบกริบ’ มากขึ้น รวมถึงใช้การโจมตีแบบ zero-click ผ่านการส่งข้อความ หรือการโจมตีแบบ one-click โดย SMS และแอปพลิเคชันส่งข้อความสนทนา รวมไปถึงการก่อกวนการจราจรของข้อมูลบนเครือข่าย การดำเนินการป้องกันอุปกรณ์ทั้งขององค์กรและของตนเองจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่บนซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันสามัญประจำบ้านที่ใช้กันแพร่หลาย ก็เป็นอีกจุดที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างดี การค้นพบช่องโหว่ที่มีความรุนแรง และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสูงนั้น หลายต่อหลายครั้งก็มีระยะเวลาและข้อมูลอันจำกัดในการค้นคว้า ทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องที่ล่าช้าตามมาทีหลังความเสียหาย จนกลายเป็นการเปิดช่องทางให้บ็อตเน็ตใหม่ ๆ จำนวนมหาศาล หลบหนีการตรวจจับ และแอบเข้าซุ่มโจมตีในแบบระบุเป้าหมายสามารถเล็ดลอดเข้ามาในระบบได้

การเพิ่มขึ้นของการก่อการร้ายไซเบอร์ที่มีภาครัฐหนุนหลัง และกลายเป็นการโจมตีแนวทางใหม่

จำนวนการโจมตีทางไซเบอร์ที่ภาครัฐหนุนหลังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า ท่ามกลางความตึงเครียดจากปัญหาภูมิศาสตร์การเมือง การโจมตีมักเป็นการจารกรรมข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ การทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที การจารกรรมระยะยาว และการก่อการร้ายทางไซเบอร์

อีกหนึ่งแนวโน้มที่ต้องระมัดระวังคือการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อหวังผลทางการเมือง หรือ hacktivism ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของข้อขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งความตึงเครียดในประเด็นดังกล่าวได้บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่การโจมตีทางไซเบอร์เพื่อหวังผลทางการเมืองนี้จะมีจำนวนสูงขึ้น ทั้งเพื่อกระจายข่าวเท็จและสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการสอบสวนที่ไม่จำเป็น เป็นการตัดกำลังของทีมงานนักวิเคราะห์ SOC และนักวิจัยด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

การคาดการณ์สถานการณ์อื่น ๆ ในปี 2024

บริการโจมตีซัพพลายเชนแบบสั่งได้ การเข้าถึงข้อมูลการสั่งซื้อล็อตใหญ่ของผู้ประกอบการ

การโจมตีซัพพลายเชนที่เล็งเป้าไปยังธุรกิจขนาดเล็กเพื่อใช้เป็นทางผ่านเข้าสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า เช่น กรณีการจารกรรมข้อมูล Okta ในปี 2022 – 2023 ได้เน้นให้เห็นถึงระดับความรุนแรงของภัยคุกคามประเภทนี้ โดยแรงจูงใจในการโจมตีนั้นสามารถขยายจากเรื่องเงินไปจนถึงการก่อวินาศกรรม ปี 2024 เราอาจได้เห็นการพัฒนารูปแบบใหม่ในดาร์กเว็บที่เข้าถึงตลาดที่เชื่อมโยงกับการโจมตีซัพพลายเชน และก่อให้เกิดการโจมตีครั้งใหญ่ที่มีความรุนแรงและมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม

กลุ่มแฮกเกอร์รับจ้างให้บริการผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด

บริการแฮกเกอร์รับจ้างกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยแฮกเกอร์เหล่านี้จะให้บริการด้านการจารกรรมข้อมูลหลากหลายระดับ ตั้งแต่การตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลไปจนถึงการล้วงข้อมูลคู่แข่งทางธุรกิจ โดยแนวโน้มธุรกิจดังกล่าวคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตขึ้นในปีหน้า

Kernel rootkits กลับมาฮอตฮิตอีกครั้ง

แม้จะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยอย่าง Kernel Model Code Signing, PatchGuard, HVCI (Hypervisor-Protected Code Integrity) แต่การคุ้มกันที่ทำงานในระดับ kernel code ก็ยังถูกกลุ่ม APT และกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เจาะผ่านเข้ามาได้ การโจมตีที่ kernel ของ Windows ด้วยวิธีการเจาะแบบ WHCP กับตลาดใต้ดินที่ทำธุรกิจด้านใบรับรอง EV และการลงทะเบียนโค้ดที่ถูกขโมยนั้นก็มีอัตราการเติบโตอยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นเดียวกัน โดยผู้ก่อภัยคุกคามเหล่านี้ก็กำลังยกระดับแนวทาง BYOVD (Bring Your Own Vulnerable Driver) ให้เป็นยุทธวิธีการจารกรรมของตน

ระบบ Manage File Transfer (MFT) จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีขั้นสูง

ระบบ Manage File Transfer (MFT) ต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่กำลังพัฒนา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ในปี 2023 กรณีข้อมูลรั่วไหลของ MOVEit และ GoAnywhere เทรนด์นี้พัฒนาต่อยอดโดยอาชญากรไซเบอร์ที่หมายตาผลกำไรทางการเงินและก่อกวนการดำเนินงาน โดยติดตั้ง MFT ที่ซับซ้อนบนเน็ตเวิร์กที่กว้างขึ้น เพื่อซุ่มรวบรวมข้อมูลจุดอ่อนของระบบรักษาความปลอดภัย ทำให้องค์กรธุรกิจต้องนำมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มข้นเข้ามาใช้ ได้แก่ การป้องกันข้อมูลสูญหาย (Data Loss Prevention) การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) รวมถึงการส่งเสริมความตระหนักเรื่องการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อให้ระบบ MFT มีความมั่นคงเข้มข้นในการรับมือกับภัยคุกคามที่วิวัฒนาการตัวเองต่อเนื่องเช่นกัน

นายอิกอร์ คุซเน็ตซอฟ ผู้อำนวยการทีมวิจัยและวิเคราะห์ระดับโลก แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “ในปี 2023 กระแสการใช้งานเครื่องมือ AI ก็ไม่รอดพ้นสายตาของอาชญากรไซเบอร์ระดับสูง ที่ต้องการสร้างแคมเปญการโจมตีที่มีความซับซ้อนสูง เราคาดการณ์ว่าแนวโน้มที่กำลังจะมาถึงจะเป็นมากกว่าการนำ AI เข้ามาใช้ เช่น รูปแบบการโจมตีซัพพลายเชนแบบใหม่ การเกิดของแฮกเกอร์รับจ้างบริการ การหาช่องโหว่ใหม่บนอุปกรณ์ส่วนตัวของผู้ใช้งานทั่วไป และอื่น ๆ เป้าหมายของแคสเปอร์สกี้คือการให้บริการด้านการปกป้องด้วยฐานข้อมูลภัยคุกคามอัจฉริยะ (threat intelligence) ที่เราพัฒนาให้มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และสามารถเสริมศักยภาพในการรับมือการโจมตีทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

การคาดการณ์สถานการณ์ APT ได้รับการพัฒนาขึ้นจากฐานข้อมูลภัยคุกคาม (threat intelligence) ของแคสเปอร์สกี้ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


แห่เช็กอิน ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่ นกแก้วพาฝูงบินจิกกินเมล็ดทานตะวัน

เที่ยวทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่ 2566 ช่วงฤดูหนาวส่งท้ายปลายปี สภาพอากาศในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ค่อนข้างหนาวเย็น เหมาะแก่การเดินทางมาท่องเที่ยวรับลมหนาวชมบรรยากาศสวยงามตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะใน อ.ปากช่อง จะมีสถานที่ท่องเที่ยวอิงธรรมชาติอยู่หลายจุด เช่นที่ “ไร่มณีศร ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่”  บ้านคลองเสือ  ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง

ช่วงส่งท้ายปีจะเปิดพื้นที่ ทุ่งทานตะวัน กว้างกว่า 500 ไร่ ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเช็คอิน โดยจะเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมถึงสิ้นเดือนมกราคมของทุกปีและในช่วงเดือนพฤศจิกายนกับเดือนธันวาคม จะแบ่งพื้นที่ 200 ไร่ ที่ปลูกทานตะวัน จัดมุมถ่ายรูปและบูธต่างๆ ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คจุดเช็คอินท่ามกลางธรรมชาติ มีแบ็คกราวด์เป็นภูเขางดงามลงตัวให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทานตะวันได้ในช่วงที่ออกดอกบานสะพรั่ง

ซึ่งเมื่อเห็นจะต้องร้องว้าวในความสวยงามอลังการของ ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่ ที่สวยที่สุดในภาคอีสาน โดยช่วงไฮซีซั่นนี้จะเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น. – 18.00 น.

แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นช่วงที่ ฝูงนกแก้ว และนกแขกเต้าที่อยู่อาศัยในป่าบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก็อาศัยโอกาสยกขบวนพาฝูงบินมาจิกกินเมล็ดพันธุ์ทานตะวันกันอย่างสนุกสนาน จึงเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบส่องดูนก สามารถแวะเวียนมาชมได้ แต่ต้องเป็นช่วงเช้าๆ ก่อน 07.00 น.  ที่ฝูงนกจะบินลงมาจิกกินเมล็ดพันธุ์เท่านั้น เพราะถ้าเป็นช่วงสายๆ นักท่องเที่ยวจะเริ่มเดินทางเข้ามาเที่ยวชมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฝูงนกจะตื่นกลัว พากันบินหนีกลับเข้าป่าเขาใหญ่ 

ซึ่งนกจะบินมากินเมล็ดทานตะวันทุกปี ในช่วงที่ดอกทานตะวันแก่ แต่ทั้งนี้ทางไร่มณีศร ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่ ได้วางมาตรการดูแลป้องกันอย่างเข็มงวดไม่ให้ฝูงนกไปก่อความรำคาญรบกวนการเที่ยวชมธรรมชาติของนักท่องเที่ยว

ค่าเข้าชม ไร่มณีศร ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่

  • ผู้ใหญ่ ราคา 40 บาท/คน
  • ชาวต่างชาติ ราคา 80 บาท/คน
  • เด็ก ราคา 20 บาท/คน (เด็กเล็กเข้าฟรี)

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/djEWTqP5Qer2cfTb8

เวลาเข้าชม : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. 

ที่อยู่ : ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

โทร : 098 301 9051

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/11/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a33,150.0033,250.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,147.0032,548.5233,750.00
ทองรูปพรรณ 90%1,932.3029,293.67n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,717.6026,038.82n/a
ทองรูปพรรณ 50%966.0014,644.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%751.0011,385.16n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,225.0033,731.00n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/11/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.0536.0536.5536.0536.0536.0536.0536.0536.0536.05
แก๊สโซฮอล์ 9134.2834.2834.7834.2834.2834.2834.2834.2834.2834.28
แก๊สโซฮอล์ E2033.9433.9434.4433.9433.9433.9433.9433.9433.94
แก๊สโซฮอล์ E8534.0934.0934.09
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม43.8447.7448.2447.7443.84
เบนซิน 9543.9445.1144.4444.0943.94
ดีเซล B729.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6444.9443.6442.9441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า